SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  11
การสอนภาษาอังกฤษ โดย นางมลธิวา  อุทัยพัฒน์ โรงเรียนวัดศรีอุทุมพร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1
เทคนิคการสอนภาษาด้วย TPR – Total Physical Response  หมายถึง หมายถึง การสอนภาษาโดยการใช้ท่าทาง  โดยให้ผู้เรียนฟังคำสั่งจากครูแล้วผู้เรียนทำตาม เป็นการประสานการฟังกับการใช้การเคลื่อนไหวของร่างกาย เป็นการตอบรับให้ทำตามโดยผู้เรียนไม่ต้องพูด  วิธีสอนภาษาโดยการใช้ท่าทางใช้สำหรับการเริ่มต้นเรียนภาษาที่ 2  
ประเภทของ TPR 1. TPR-B (Total Physical Response-Body)เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่มีคำศัพท์ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย (body movement) เช่น นั่งลง (sit down) ยืนขึ้น (stand up) เลี้ยวซ้าย (turn left) เลี้ยวขวา (turn right) เดินหน้า (go straight) ถอยหลัง (back) กระโดด (jump) ปรบมือ (clap your hand) หยุด (stop) กลับหลังหัน (turn around)  ชูมือขึ้น (raise your hand) เอามือลง (put down your hand) โบกมือ(wave your hand)  เป็นต้น   กิจกรรมหรือเกมที่ใช้อาจใช้เกม Simon Says  เช่น  Simon Says touch your Norse  ถ้า   ไม่ได้พูดคำว่า Simon Says ไม่ต้องทำตาม
ข้อควรคำนึง         ๑. กริยา/ท่าทาง ทุกอย่างที่แสดงต้องสมจริง (must be real) ไม่ใช่การสมมุติ และต้อง ถูกต้อง         ๒. เวลาครูสาธิต ต้องพูดคำสั่งจบก่อนแล้วจึงทำท่าทาง (เพื่อตั้งใจฟังก่อน และป้องกันนักศึกษาทำตามครูโดยที่ไม่เข้าใจ)         ๓. พูดและทำท่าทางเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาดู อย่างน้อย 3 ครั้ง         ๔. ทุกหนึ่งรอบของการทำท่าทาง ควรจะให้จบกระบวนการ         ๕. ทุกๆการสอน ต้องทบทวนบทเรียน/คำศัพท์ในอาทิตย์ที่แล้ว หรืออาทิตย์ที่ผ่านๆมาโดยครูอาจทำพร้อมนักศึกษา หรือ ครูสั่งแล้วให้    นักศึกษาทำพร้อมกันโดยทบทวนก่อนสอนคำชุดใหม่         ๖. พูดคำที่ต้องการสอนเท่านั้น สิ่งที่ไม่ต้องการให้นักศึกษารับรู้ก็ไม่    จำเป็นต้องพูด         ๗. จัดสถานที่ให้เหมาะสมกับคำกริยา/คำสั่งที่ต้องการสอน
2. TPR-O (Total Physical Response-Objects)   เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่มีคำศัพท์ที่เป็นสิ่งของ (objects) เช่น สมุด (book) ปากกา (pen) ดินสอ (pencil) ยางลบ (eraser) ไม้บรรทัด (ruler) แผนที่ (map)โต๊ะ (table) เก้าอี้ (chair) ประตู (door) นาฬิกา (clock) ไฟฉาย (flash light) ดอกไม้ (flower) ใบไม้ (leaf) ก้อนหิน (rock) จาน (plate) ชาม (bowl) แก้วน้ำ (glass) ช้อน (spoon) ส้อม (fork) หวี (comb) กระจก (mirror) เป็นต้น อย่าไปติดการสอนในชั้นเรียนอาจพาผู้เรียนออกนอกห้องเรียน เพื่อเรียนรู้วัตถุสิ่งของต่าง ๆ หรืออาจใช้เกม bring me  (a pen, a red pencil)
3.TPR-P(Total Physical Response-Picture)เป็นการสอนเกี่ยวกับการออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ การเลือก ภาพที่ใช้ในการเรียนการสอนควรใช้ให้เหมาะสมกับนักศึกษา โดยยกตัวอย่างคำถามจากภาพ เมื่อครูถามแล้วให้ผู้เรียนไปชี้ภาพให้ดู ไม่มีการพูดภาพที่ครูกำหนดควรเป็นภาพตัดแปะจะได้เคลื่อนย้าย คน สัตว์ สิ่งของ ไปไว้ตามตำแหน่งต่างๆของภาพได้ เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียน เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ มีเป้าหมายให้ผู้เรียนรู้จักกลุ่มคำเกี่ยวกับภาพต่างๆ มี  ๓ประเภท คือ ๑. ภาพโปสเตอร์ แผ่นพับ รูปภาพที่มีอยู่แล้ว ๒. ภาพตัดแปะจากผ้า หรือ กระดาษ๓. ภาพวาดลายเส้นหรือภาพสีที่ผลิตโดยครูหรือผู้เรียน หรือภูมิปัญญา ท้องถิ่น หลักการ         ๑.รูปภาพที่ใช้ต้องมีสิ่งของ/กิจกรรมต่างๆ/ผู้คนที่จะสอนผู้เรียนได้         ๒.ครูจะสอนให้ผู้เรียนมาชี้ จับ แตะ สิ่งต่างๆในภาพตามที่ครูต้องการสอน         ๓.การใช้ TPR-P อาจสอนอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้านักศึกษามีความก้าวหน้าอาจใช้สอนมากกว่านี้         ๔.ภาพหนึ่งอาจสอนได้หลายๆครั้ง โดยอาจสอนเสริมเมื่อผู้เรียนรู้คำศัพท์มามากแล้ว          ๕.อาจใช้ TPR-B ประกอบการสอน TPR-P เช่น สอนเรื่อง ข้างหน้าข้างหลัง ข้างๆ สอนคำเหล่านี้ก่อน จึงสอนคำจากรูปภาพ          ๖. ภาพควรเป็นภาพที่เหมาะสมกับบุคคลและสอดคล้องกับสภาพของนักศึกษา
4. TPR-S (Total Physical Response-Story telling)เป็นการสอนภาษาโดยการเล่าเรื่อง  โดยครูเล่าเรื่องคล้ายกับชีวิตประจำวันของนักเรียน หรือเล่านิทาน ๒-๓ ครั้ง  แล้วให้ผู้เรียนมาแสดงละครจากเรื่องที่ครูเล่า หรือบางครั้งอาจเปลี่ยนเป็นอาจารย์อ่านให้ฟัง ๑-๓ ครั้ง ให้นักศึกษาเขียนขึ้นมาใหม่เหมือนครูเล่าหรือไม่ แสดงว่าผู้เรียนฟังแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ให้เริ่มจากง่าย ๆ ก่อนเป็นการสอนเกี่ยวกับการออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ การเลือก ภาพที่ใช้ในการเรียนการสอนควรใช้ให้เหมาะสมกับนักศึกษา โดยยกตัวอย่างคำถามจากภาพ เมื่อครูถามแล้วให้ผู้เรียนไปชี้ภาพให้ดู ไม่มีการพูดภาพที่ครูกำหนดควรเป็นภาพตัดแปะจะได้เคลื่อนย้าย คน สัตว์ สิ่งของ ไปไว้ตามตำแหน่งต่างๆของภาพได้ เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียน  รู้จักภาพเหล่านั้นจริงๆ ไม่ใช่การท่องจำภาพเท่านั้นเป็นการสอนที่ใช้เรื่องเล่าการสอนภาษาโดยการใช้รูปภาพ TPR-Pการสอนภาษาด้วยการเล่าเรื่อง ควรใช้เมื่อผู้เรียนมีความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ โดยครูเลเรื่องราวที่คล้ายคลึงกับชีวิตประจำวันของผู้เรียน หรือ นิทานเรื่องง่ายๆ ครูเล่าเรื่องให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นให้ผู้เรียนออกมาแสดงเรื่อง(ตามที่ครูเล่า)โดยไม่ต้องพูด ต่อมาให้ผู้เรียนเล่าเรื่องเอง แล้วให้ผู้เรียนคนอื่นมาแสดงละครตามเรื่องที่ผู้เรียนเล่าให้ฟัง
แนวการสอน TPR         ๑.แนวทางการสอน TPR อาจสอนเป็นช่วงๆ วันละประมาณ ๒๐ นาที         ๒. TPR-B TPR-O TPR-S อาจสอนสลับกันได้         ๓. สามารถนำเพลง เกม มาใช้สอนประกอบด้วย เช่น เพลงเกี่ยวกับร่างกายของเรา         ๔.การนำ TPR ไปใช้สอนกับวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ สุขศึกษา และศิลปะ เป็นต้น         ๕. การสอน TPR เป็นการสอนคำศัพท์ใหม่ๆ ครั้งแรกควรสอน  ประมาณ ๕-๑๐ คำก่อน โดยครูทำให้ดูเป็นต้นแบบ มีการสาธิตทำตามครู แล้วให้ผู้เรียนทำเองตามคำสั่งครู เมื่อเริ่มต้นกำหนดคำที่ต้องใช้ ควรตรวจสอบว่านักศึกษาเข้าใจคำที่ครูพูดหรือไม่
ข้อควรคำนึงกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน         ๑. การออกแบบกระบวนการเรียนด้านภาษา จะต้องตระหนักให้ผู้เรียน เกิดความเชื่อมั่นในการเรียนรู้แบบต่างๆ เช่น การเรียนด้วยภาพ/สิ่งของ การเรียนด้วยการพูดสนทนา บรรยาย พรรณนา อธิบาย อภิปราย และวิพากษ์วิจารณ์สิ่งต่างๆได้         ๒. การถามคำถามปลายเปิด เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการพรรณนา อธิบาย วิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆได้         ๓.สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเรียนภาษาที่สองก็คือ ผู้เรียนต้องไม่รู้สึกกลัวหรืออาย การเรียนภาษาที่สอง จะต้องเริ่มจากสิ่งที่นักศึกษารู้  และขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้เรียน และเรื่องที่เรียนรู้จะต้องสนุกสนาน         ๔.  การสอน TPR ใช้สอนระยะแรกที่ผู้เรียนไม่รู้จักวงคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ อาจใช้สอนประมาณ  ๑-๒ เดือนแรกที่เข้าเรียนเท่านั้น
แนะนำกิจกรรมจัดค่ายภาษาอังกฤษแบบวันเดียว  (One Day Camp)ควรเริ่มระยะเวลาอบรมตั้งแต่ ๘.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น.         ๑. เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะใช้  ป้ายชื่อ(ให้เขียนชื่อเล่น)  กระดาษโปสเตอร์สี กราดปรู๊ฟ สีเมจิกมีดคัตเตอร์ กรรไกร กลอง ฉิ่ง ไมล์ลอย เครื่องเสียง เพลงภาษาอังกฤษให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย         ๒. จำนวนผู้เข้าค่าย  ๕๐ คน  ควรมีวิทยากรผู้ช่วย ๕ คน (๑๐คนต่อวิทยากร ๑ คน)  ให้นักศึกษาเข้าค่ายแต่งกายตามสบาย          ๓. กฎกติกาในการเข้าค่าย คือ  ต้องสนุก  ห้ามอาย  การให้นักศึกษาทุกคนมีส่วนร่วม และห้ามให้ทุกคนออกนอกค่ายเด็ดขาด
กิจกรรมและเพลงเกมช่วงเช้า เช่น Simon says  , Clapping Game                  ๔.๑  ควรมีกิจกรรมสำหรับละลายพฤติกรรมเพื่อเปิดใจ (Ice breaking)                   ๔.๒ การแนะนำตนเอง (Self Introduction) แนะนำคำทักทายอย่างหลากหลาย                  ๔.๓ การแบ่งกลุ่ม   การตั้งชื่อทีม  คำขวัญของทีม เพลงพร้อมท่าทางประกอบเพลง ให้เวลา ๑ ถึง ๑ ชั่วโมงครึ่ง                   ๔.๔  ฐานเรียนรู้   เช่น  ทิศทาง (Direction)  วันเวลา (time and date)  ส่วนประกอบของร่างกาย (part of the body)         ๕. เพลงเกมและฐานวิชาการภาคบ่าย                  ๕.๑  ฐานการฝึกฟัง                  ๕.๒ ฐานการฝึกพูด                  ๕.๓  ฐานการฝึกอ่าน                  ๕.๔  ฐานการฝึกเขียนแต่ละฐานควรใช้เพลงเกมเพลงง่าย ๆ ทุกฐานควรใช้เวลาไม่มากประมาณ ๒๐-๓๐ นาที  ควรให้ครูผู้สอนเป็นผู้เปลี่ยนฐานและเปลี่ยนตรงตามเวลา และควรใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด  ถ้าใช้ภาษาไทยต้องจ่ายเงินค่าขนม เป็นต้น

Contenu connexe

Tendances

สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษJane Suttida
 
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษรู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษJane Suttida
 
Tense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมดTense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมดpitukpong
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3Tharinee Japhimai
 
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่อง
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่องโครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่อง
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่องNinew Koonvong
 
Present simple tense
Present simple tensePresent simple tense
Present simple tenseNokena Na
 

Tendances (20)

สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
 
Tense
TenseTense
Tense
 
9.tense
9.tense9.tense
9.tense
 
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษรู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
 
Adverbs
AdverbsAdverbs
Adverbs
 
Present simple tense
Present simple tensePresent simple tense
Present simple tense
 
Tense12
Tense12Tense12
Tense12
 
Tense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมดTense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมด
 
PPP Lesson Plan
PPP Lesson PlanPPP Lesson Plan
PPP Lesson Plan
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
 
Verbs1
Verbs1Verbs1
Verbs1
 
Present continuous tense
Present continuous tensePresent continuous tense
Present continuous tense
 
ภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน1
ภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน1ภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน1
ภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน1
 
Week7สังเกตการสอน
Week7สังเกตการสอนWeek7สังเกตการสอน
Week7สังเกตการสอน
 
B slim
B slim B slim
B slim
 
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่อง
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่องโครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่อง
โครงงานเรื่อง 12 Tense จำง่ายแบบไม่ต้องท่อง
 
Present simple tense
Present simple tensePresent simple tense
Present simple tense
 
PPP Model
PPP ModelPPP Model
PPP Model
 
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทยใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
 

การสอนภาษาอังกฤษ

  • 1. การสอนภาษาอังกฤษ โดย นางมลธิวา อุทัยพัฒน์ โรงเรียนวัดศรีอุทุมพร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1
  • 2. เทคนิคการสอนภาษาด้วย TPR – Total Physical Response หมายถึง หมายถึง การสอนภาษาโดยการใช้ท่าทาง โดยให้ผู้เรียนฟังคำสั่งจากครูแล้วผู้เรียนทำตาม เป็นการประสานการฟังกับการใช้การเคลื่อนไหวของร่างกาย เป็นการตอบรับให้ทำตามโดยผู้เรียนไม่ต้องพูด วิธีสอนภาษาโดยการใช้ท่าทางใช้สำหรับการเริ่มต้นเรียนภาษาที่ 2  
  • 3. ประเภทของ TPR 1. TPR-B (Total Physical Response-Body)เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่มีคำศัพท์ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย (body movement) เช่น นั่งลง (sit down) ยืนขึ้น (stand up) เลี้ยวซ้าย (turn left) เลี้ยวขวา (turn right) เดินหน้า (go straight) ถอยหลัง (back) กระโดด (jump) ปรบมือ (clap your hand) หยุด (stop) กลับหลังหัน (turn around)  ชูมือขึ้น (raise your hand) เอามือลง (put down your hand) โบกมือ(wave your hand)  เป็นต้น   กิจกรรมหรือเกมที่ใช้อาจใช้เกม Simon Says  เช่น  Simon Says touch your Norse  ถ้า   ไม่ได้พูดคำว่า Simon Says ไม่ต้องทำตาม
  • 4. ข้อควรคำนึง         ๑. กริยา/ท่าทาง ทุกอย่างที่แสดงต้องสมจริง (must be real) ไม่ใช่การสมมุติ และต้อง ถูกต้อง         ๒. เวลาครูสาธิต ต้องพูดคำสั่งจบก่อนแล้วจึงทำท่าทาง (เพื่อตั้งใจฟังก่อน และป้องกันนักศึกษาทำตามครูโดยที่ไม่เข้าใจ)         ๓. พูดและทำท่าทางเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาดู อย่างน้อย 3 ครั้ง         ๔. ทุกหนึ่งรอบของการทำท่าทาง ควรจะให้จบกระบวนการ         ๕. ทุกๆการสอน ต้องทบทวนบทเรียน/คำศัพท์ในอาทิตย์ที่แล้ว หรืออาทิตย์ที่ผ่านๆมาโดยครูอาจทำพร้อมนักศึกษา หรือ ครูสั่งแล้วให้    นักศึกษาทำพร้อมกันโดยทบทวนก่อนสอนคำชุดใหม่         ๖. พูดคำที่ต้องการสอนเท่านั้น สิ่งที่ไม่ต้องการให้นักศึกษารับรู้ก็ไม่    จำเป็นต้องพูด         ๗. จัดสถานที่ให้เหมาะสมกับคำกริยา/คำสั่งที่ต้องการสอน
  • 5. 2. TPR-O (Total Physical Response-Objects)   เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่มีคำศัพท์ที่เป็นสิ่งของ (objects) เช่น สมุด (book) ปากกา (pen) ดินสอ (pencil) ยางลบ (eraser) ไม้บรรทัด (ruler) แผนที่ (map)โต๊ะ (table) เก้าอี้ (chair) ประตู (door) นาฬิกา (clock) ไฟฉาย (flash light) ดอกไม้ (flower) ใบไม้ (leaf) ก้อนหิน (rock) จาน (plate) ชาม (bowl) แก้วน้ำ (glass) ช้อน (spoon) ส้อม (fork) หวี (comb) กระจก (mirror) เป็นต้น อย่าไปติดการสอนในชั้นเรียนอาจพาผู้เรียนออกนอกห้องเรียน เพื่อเรียนรู้วัตถุสิ่งของต่าง ๆ หรืออาจใช้เกม bring me  (a pen, a red pencil)
  • 6. 3.TPR-P(Total Physical Response-Picture)เป็นการสอนเกี่ยวกับการออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ การเลือก ภาพที่ใช้ในการเรียนการสอนควรใช้ให้เหมาะสมกับนักศึกษา โดยยกตัวอย่างคำถามจากภาพ เมื่อครูถามแล้วให้ผู้เรียนไปชี้ภาพให้ดู ไม่มีการพูดภาพที่ครูกำหนดควรเป็นภาพตัดแปะจะได้เคลื่อนย้าย คน สัตว์ สิ่งของ ไปไว้ตามตำแหน่งต่างๆของภาพได้ เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียน เป็นการสอนโดยใช้คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ มีเป้าหมายให้ผู้เรียนรู้จักกลุ่มคำเกี่ยวกับภาพต่างๆ มี  ๓ประเภท คือ ๑. ภาพโปสเตอร์ แผ่นพับ รูปภาพที่มีอยู่แล้ว ๒. ภาพตัดแปะจากผ้า หรือ กระดาษ๓. ภาพวาดลายเส้นหรือภาพสีที่ผลิตโดยครูหรือผู้เรียน หรือภูมิปัญญา ท้องถิ่น หลักการ         ๑.รูปภาพที่ใช้ต้องมีสิ่งของ/กิจกรรมต่างๆ/ผู้คนที่จะสอนผู้เรียนได้         ๒.ครูจะสอนให้ผู้เรียนมาชี้ จับ แตะ สิ่งต่างๆในภาพตามที่ครูต้องการสอน         ๓.การใช้ TPR-P อาจสอนอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้านักศึกษามีความก้าวหน้าอาจใช้สอนมากกว่านี้         ๔.ภาพหนึ่งอาจสอนได้หลายๆครั้ง โดยอาจสอนเสริมเมื่อผู้เรียนรู้คำศัพท์มามากแล้ว          ๕.อาจใช้ TPR-B ประกอบการสอน TPR-P เช่น สอนเรื่อง ข้างหน้าข้างหลัง ข้างๆ สอนคำเหล่านี้ก่อน จึงสอนคำจากรูปภาพ          ๖. ภาพควรเป็นภาพที่เหมาะสมกับบุคคลและสอดคล้องกับสภาพของนักศึกษา
  • 7. 4. TPR-S (Total Physical Response-Story telling)เป็นการสอนภาษาโดยการเล่าเรื่อง  โดยครูเล่าเรื่องคล้ายกับชีวิตประจำวันของนักเรียน หรือเล่านิทาน ๒-๓ ครั้ง  แล้วให้ผู้เรียนมาแสดงละครจากเรื่องที่ครูเล่า หรือบางครั้งอาจเปลี่ยนเป็นอาจารย์อ่านให้ฟัง ๑-๓ ครั้ง ให้นักศึกษาเขียนขึ้นมาใหม่เหมือนครูเล่าหรือไม่ แสดงว่าผู้เรียนฟังแล้วเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ให้เริ่มจากง่าย ๆ ก่อนเป็นการสอนเกี่ยวกับการออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ การเลือก ภาพที่ใช้ในการเรียนการสอนควรใช้ให้เหมาะสมกับนักศึกษา โดยยกตัวอย่างคำถามจากภาพ เมื่อครูถามแล้วให้ผู้เรียนไปชี้ภาพให้ดู ไม่มีการพูดภาพที่ครูกำหนดควรเป็นภาพตัดแปะจะได้เคลื่อนย้าย คน สัตว์ สิ่งของ ไปไว้ตามตำแหน่งต่างๆของภาพได้ เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียน  รู้จักภาพเหล่านั้นจริงๆ ไม่ใช่การท่องจำภาพเท่านั้นเป็นการสอนที่ใช้เรื่องเล่าการสอนภาษาโดยการใช้รูปภาพ TPR-Pการสอนภาษาด้วยการเล่าเรื่อง ควรใช้เมื่อผู้เรียนมีความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ โดยครูเลเรื่องราวที่คล้ายคลึงกับชีวิตประจำวันของผู้เรียน หรือ นิทานเรื่องง่ายๆ ครูเล่าเรื่องให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นให้ผู้เรียนออกมาแสดงเรื่อง(ตามที่ครูเล่า)โดยไม่ต้องพูด ต่อมาให้ผู้เรียนเล่าเรื่องเอง แล้วให้ผู้เรียนคนอื่นมาแสดงละครตามเรื่องที่ผู้เรียนเล่าให้ฟัง
  • 8. แนวการสอน TPR         ๑.แนวทางการสอน TPR อาจสอนเป็นช่วงๆ วันละประมาณ ๒๐ นาที         ๒. TPR-B TPR-O TPR-S อาจสอนสลับกันได้         ๓. สามารถนำเพลง เกม มาใช้สอนประกอบด้วย เช่น เพลงเกี่ยวกับร่างกายของเรา         ๔.การนำ TPR ไปใช้สอนกับวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ สุขศึกษา และศิลปะ เป็นต้น         ๕. การสอน TPR เป็นการสอนคำศัพท์ใหม่ๆ ครั้งแรกควรสอน  ประมาณ ๕-๑๐ คำก่อน โดยครูทำให้ดูเป็นต้นแบบ มีการสาธิตทำตามครู แล้วให้ผู้เรียนทำเองตามคำสั่งครู เมื่อเริ่มต้นกำหนดคำที่ต้องใช้ ควรตรวจสอบว่านักศึกษาเข้าใจคำที่ครูพูดหรือไม่
  • 9. ข้อควรคำนึงกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน         ๑. การออกแบบกระบวนการเรียนด้านภาษา จะต้องตระหนักให้ผู้เรียน เกิดความเชื่อมั่นในการเรียนรู้แบบต่างๆ เช่น การเรียนด้วยภาพ/สิ่งของ การเรียนด้วยการพูดสนทนา บรรยาย พรรณนา อธิบาย อภิปราย และวิพากษ์วิจารณ์สิ่งต่างๆได้         ๒. การถามคำถามปลายเปิด เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการพรรณนา อธิบาย วิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆได้         ๓.สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเรียนภาษาที่สองก็คือ ผู้เรียนต้องไม่รู้สึกกลัวหรืออาย การเรียนภาษาที่สอง จะต้องเริ่มจากสิ่งที่นักศึกษารู้  และขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้เรียน และเรื่องที่เรียนรู้จะต้องสนุกสนาน         ๔.  การสอน TPR ใช้สอนระยะแรกที่ผู้เรียนไม่รู้จักวงคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ อาจใช้สอนประมาณ  ๑-๒ เดือนแรกที่เข้าเรียนเท่านั้น
  • 10. แนะนำกิจกรรมจัดค่ายภาษาอังกฤษแบบวันเดียว  (One Day Camp)ควรเริ่มระยะเวลาอบรมตั้งแต่ ๘.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น.         ๑. เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะใช้  ป้ายชื่อ(ให้เขียนชื่อเล่น)  กระดาษโปสเตอร์สี กราดปรู๊ฟ สีเมจิกมีดคัตเตอร์ กรรไกร กลอง ฉิ่ง ไมล์ลอย เครื่องเสียง เพลงภาษาอังกฤษให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย         ๒. จำนวนผู้เข้าค่าย  ๕๐ คน  ควรมีวิทยากรผู้ช่วย ๕ คน (๑๐คนต่อวิทยากร ๑ คน)  ให้นักศึกษาเข้าค่ายแต่งกายตามสบาย          ๓. กฎกติกาในการเข้าค่าย คือ  ต้องสนุก  ห้ามอาย  การให้นักศึกษาทุกคนมีส่วนร่วม และห้ามให้ทุกคนออกนอกค่ายเด็ดขาด
  • 11. กิจกรรมและเพลงเกมช่วงเช้า เช่น Simon says  , Clapping Game                  ๔.๑  ควรมีกิจกรรมสำหรับละลายพฤติกรรมเพื่อเปิดใจ (Ice breaking)                   ๔.๒ การแนะนำตนเอง (Self Introduction) แนะนำคำทักทายอย่างหลากหลาย                  ๔.๓ การแบ่งกลุ่ม   การตั้งชื่อทีม  คำขวัญของทีม เพลงพร้อมท่าทางประกอบเพลง ให้เวลา ๑ ถึง ๑ ชั่วโมงครึ่ง                   ๔.๔  ฐานเรียนรู้   เช่น  ทิศทาง (Direction)  วันเวลา (time and date)  ส่วนประกอบของร่างกาย (part of the body)         ๕. เพลงเกมและฐานวิชาการภาคบ่าย                  ๕.๑  ฐานการฝึกฟัง                  ๕.๒ ฐานการฝึกพูด                  ๕.๓  ฐานการฝึกอ่าน                  ๕.๔  ฐานการฝึกเขียนแต่ละฐานควรใช้เพลงเกมเพลงง่าย ๆ ทุกฐานควรใช้เวลาไม่มากประมาณ ๒๐-๓๐ นาที  ควรให้ครูผู้สอนเป็นผู้เปลี่ยนฐานและเปลี่ยนตรงตามเวลา และควรใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด  ถ้าใช้ภาษาไทยต้องจ่ายเงินค่าขนม เป็นต้น