Webskt1
- 1. ดอก คือ กิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดยการสร้าง สปอร์ ดังนั้น ส่วนประกอบต่างๆ ของดอกก็คือใบที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าที่ไป ด อ ก แ ล ะ ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ข อ ง ด อ ก โดย ชุมพล คุณวาสี และ สหัช จันทนาอรพินท์ หน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ประเทศไทย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลิขสิทธิ์ของภาพและเนื้อหาทั้งหมดเป็นของภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อนุญาตให้นำไปใช้ในการเรียน การสอนในห้องเรียนได้แต่ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำ หรือลอกเลียนแบบด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง หรือนำภาพและเนื้อหาไปดัดแปลงเพื่อใช้ทำสื่อ การสอน สิ่งตีพิมพ์ หรือสิ่งอื่นใดต่อไปอีก โดยไม่ได้รับอนุญาต
- 2. โดยทั่วไปดอกประกอบด้วยส่วนต่างๆ 4 ชั้นติดอยู่ อยู่บนฐานดอก (receptacle) ซึ่งคือส่วนของข้อและปล้องที่อัดตัวกันแน่น เกือบอยู่ในระดับเดียวกันที่ปลายของก้านดอก (peduncle) ทำหน้าที่ รองรับส่วนประกอบต่างๆ ของดอก โดยเรียงลำดับจากชั้นที่อยู่ด้านนอกเข้าสู่ด้านใน ได้แก่ชั้น (1) วงกลีบเลี้ยง (calyx) (2) วงกลีบดอก (corolla) (3) วงเกสรเพศผู้ (androecium) และ (4) วงเกสรเพศเมีย (gynoecium) calyx corolla androecium gynoecium
- 3. วงกลีบเลี้ยง ประกอบขึ้นจากกลีบเลี้ยง (sepal) ซึ่งอาจแยกจากกันเป็นอิสระ หรือเชื่อมติดกันที่บริเวณโคน และส่วนปลายแยกออกจากกัน เรียกส่วนที่เชื่อมติดกันว่า หลอดกลีบเลี้ยง (calyx tube) และเรียกส่วนปลายที่แยกจากกันว่า แฉกกลีบเลี้ยง (calyx lobe) วงกลีบดอก ประกอบขึ้นจากกลีบดอก (petal) ซึ่งอาจแยกจากกันเป็นอิสระ หรือเชื่อมติดกันที่บริเวณโคน และส่วนปลายแยกออกจากกัน เรียกส่วนที่เชื่อมติดกันว่า หลอดกลีบดอก (corolla tube) และเรียกส่วนปลายที่แยกจากกันว่า แฉกกลีบดอก (corolla lobe) sepal petal calyx tube calyx lobe corolla lobe corolla tube
- 4. คำว่า “วงกลีบรวม” (perianth) มีความหมายหลายอย่าง ใช้ได้ในหลายกรณี เช่น ใช้เป็นคำรวมที่เรียกทั้งกลีบเลี้ยง และกลีบดอก นั่นคือในกรณีนี้ perianth จะหมายถึงวงกลีบทั้งหมดของพืชซึ่งสามารถแยกได้เป็นวงกลีบเลี้ยงและวงกลีบดอก แต่ในดอกไม้บางชนิดที่ลักษณะของวงกลีบไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจนว่าจะเป็นวงกลีบเลี้ยง หรือวงกลีบดอก เช่น บัวจีน พลับพลึง ซึ่งแต่ละชนิดมีวงกลีบ 2 ชั้น ๆ ละ 3 กลีบ แต่กลีบในแต่ละชั้นมีลักษณะ รูปร่าง สีสัน ที่เหมือนกัน ในลักษณะเช่นนี้ก็สามารถใช้คำว่า perianth แทนกลีบทั้ง 6 กลีบ และเรียกแต่ละกลีบว่า กลีบรวม (tepal) หรือในดอกไม้อีกหลายๆ ชนิด เช่น บัวหลวง จำปี จำปา ที่มีจำนวนกลีบมากและมีลักษณะที่ไม่แตก ต่างกันอย่างเด่นชัด หรือมีความคล้ายคลึงกันมาก ก็สามารถใช้คำว่า perianth ได้และเรียกแต่ละกลีบนั้นว่าเป็นกลีบรวมได้เช่นเดียวกัน
- 5. วงเกสรเพศผู้ ประกอบขึ้นจากเกสรเพศผู้ (stamen) ซึ่งอาจมีจำนวนตั้งแต่ 1 อันถึงจำนวนมาก ประกอบด้วยส่วนที่เรียกว่า อับเรณู (anther) และก้านชูอับเรณู (filament) เกสร เพศผู้อาจติดอยู่บนฐานดอก (receptacle) หรือติดอยู่เหนือวงกลีบ (epipetalpous) อาจ แยกกันอยู่เป็นอิสระ หรือส่วนของก้านชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็นกลุ่ม หรือมีส่วนอับเรณูเชื่อมติดกัน anther filament anther filament anther ก้านชูอับเรณูส่วนที่เชื่อมติดกัน ก้านชูอับเรณูส่วนที่เชื่อมติดกัน
- 6. วงเกสรเพศเมีย ประกอบขึ้นจากเกสรเพศเมีย (pistil) ซึ่งอาจมีจำนวนตั้งแต่ 1 อันถึงจำนวนมาก เกสรเพศเมียแต่ละอันเกิดขึ้นมาจากใบพิเศษที่เรียกว่า คาร์เพล (carpel) เกสรเพศเมียหนึ่งอันอาจจะมาจาก 1 คาร์เพล หรือหลายคาร์เพลเชื่อมติดกันก็ได้ แล้วมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะในไปเป็นส่วนต่างๆ ของเกสรเพศเมีย ได้แก่ รังไข่ (ovary) ก้านยอดเกสรเพศเมีย (style) และยอดเกสรเพศเมีย (stigma) ภายในรังไข่อาจมีช่องในรังไข่ 1 ช่องหรือหลายช่อง ขึ้นอยู่กับจำนวนและลักษณะการเชื่อมติดกันของคาร์เพล ในช่องรังไข่จะพบออวุล (ovule) ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเมล็ด (seed) ส่วนรังไข่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นผล (fruit) หลัง การปฏิสนธิ (fertilization) carpel carpel ovule ovary
- 7. ดอกไม้ที่มีชั้นต่างๆ ครบทั้ง 4 ชั้น เรียก “ดอกครบส่วน” (complete flower) แต่บางชนิดอาจมีชั้นต่างๆ ไม่ครบทั้ง 4 ส่วน เรียกดอกเหล่านี้ว่า “ดอกไม่ครบส่วน” (incom-plete flower) ในดอกไม่ครบส่วน หากชั้นที่หายไปชั้นใดชั้นหนึ่งนั้นคือชั้นของเกสรเพศผู้ หรือเกสรเพศเมีย จะเรียกดอกเหล่านั้นว่า “ดอกไม่สมบูรณ์เพศ” (imperfect flower) และดอกใดก็ตามถ้ามีชั้นเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียครบอยู่ในดอกเดียวกัน ( ไม่ว่าชั้นอื่นๆ จะมีครบหรือไม่ ) จะเรียกว่า ดอกสมบูรณ์เพศ (perfect flower) ดอกเฟื่องฟ้าเป็นดอกสมบูรณ์เพศ แต่เป็นดอกไม่ครบส่วน คือ ขาดชั้นวงกลีบดอก ดอกส้านเป็นดอกสมบูรณ์เพศ และเป็นดอกครบส่วน ดอกย่อยโป๊ยเซียนถือเป็นดอก ไม่สมบูรณ์เพศ คือ แยกเป็นดอกเพศผู้ และดอกเพศเมียและดอกแต่ละเพศ เป็นดอกไม่ครบส่วน ดอกปัตตาเวียถึงแม้มีกลีบเลี้ยง และกลีบดอก แต่ถือเป็นดอกไม่ ครบส่วน เนื่องจากเป็นดอกแยก เพศ มีทั้งดอกเพศผู้ และดอกเพศ เมีย ดังนั้นจึงเป็นดอกไม่สมบูรณ์ เพศด้วยเช่นกัน
- 8. นอกจากชั้นต่างๆ ทั้ง 4 ชั้นแล้ว ยังอาจพบ “ใบประดับ” (bract) ในดอกได้อีกด้วย โดยทั่วๆ ไป ใบประดับจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าวงกลีบเลี้ยง คืออยู่ที่โคนหรือปลายก้านดอก ในกรณีที่เป็นช่อดอก ใบประดับที่รองรับช่อดอกจะใช้คำว่า bract แต่ถ้าเป็นใบประดับที่รองรับดอกย่อยในช่อจะเรียกว่า ใบประดับย่อย (bracteole) ดอกไม้บางชนิดอาจมีชั้นพิเศษเกิดขึ้นมา เรียก ชั้นกะบังรอบ หรือมงกุฎ (corona) เป็นชั้นพิเศษที่มักอยู่ระหว่างวงกลีบดอก และวงเกสรเพศผู้ ชั้นกะบังรอบอาจเจริญหรือพัฒนามาจากส่วนของเกสรเพศ หรือวงกลีบดอกก็ได้ bracteole ( ใบประดับย่อย ) bract ( ใบประดับ ) corolla ( วงกลีบดอก ) corona ( กะบังรอบ )
- 9. epicalyx ( ริ้วประดับ ) calyx ( วงกลีบเลี้ยง ) corolla ( วงกลีบดอก ) ชบา ( Hibiscus rosa-sinensis L.) ดอกชบาเป็นดอกช่อที่ลดรูปเหลือเพียงดอกย่อยที่ปลายหนึ่งดอก เป็นดอกสมบูรณ์ กลีบเลี้ยงสีเขียว 5 กลีบ เชื่อมติด กันคล้ายรูปหลอด ปลายแยกเป็น 4-5 แฉก โคนหลอดกลีบเลี้ยงมีริ้วประดับ กลีบดอกสีแดง ขาว หรือชมพู 5 กลีบ เชื่อมติดกันเล็กน้อยที่โคน และเชื่อมติดกับโคนหลอดเกสรเพศผู้ เกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็น หลอด และหุ้มล้อมรอบรังไข่ และก้านยอดเกสรเพศเมีย ก้านยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน แต่ส่วนปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก ยอดเกสรเพศเมีย 5 อัน กลมหรือรี มีขน รังไข่เหนือวงกลีบ ลิขสิทธิ์ของหน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ประเทศไทย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย peduncle ( ก้านช่อดอก ) pedicel ( ก้านดอกย่อย ) แนวรอยต่อระหว่างก้านช่อดอกและก้านดอกย่อย
- 10. style ( ก้านยอดเกสรเพศเมีย ) ovary ( รังไข่ ) ส่วนปลายก้านยอดเกสรเพศเมีย ส่วนปลายก้านยอดเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมีย stamen ( เกสรเพศผู้ ) หลอดเกสรเพศผู้ ก้านชูอับเรณู ส่วนที่ไม่ เชื่อมติดกัน stigma ( ยอดเกสรเพศเมีย ) ลิขสิทธิ์ของหน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ประเทศไทย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อับเรณู
- 11. bract ( ใบประดับ ) floret ( ดอกย่อย ) เฟื่องฟ้า ( Bougainvillea sp.) เฟื่องฟ้าออกดอกเป็นช่อ ในหนึ่งช่อมักมี 3 ดอกย่อย มีใบประดับรองรับช่อดอก 3 ใบ ก้านดอกย่อยของแต่ละดอก เชื่อมติดบริเวณตรงกลางของใบประดับ ไม่มีกลีบดอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ส่วนปลายผายออก คล้ายเป็นแฉกของวงกลีบ มีแถบกลางกลีบ เกสรเพศผู้จำนวน 5-10 อัน สั้นยาวไม่เท่ากัน เกสรเพศเมีย 1 อัน ก้าน ยอดเกสรเพศเมียติดที่ด้านข้างของรังไข่ รังไข่เหนือวงกลีบ ลิขสิทธิ์ของหน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ประเทศไทย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- 12. inflorescence & floret ( ช่อดอกและดอกย่อย ) calyx ( วงกลีบเลี้ยง ) ovary ( รังไข่ ) style ( ก้านยอดเกสรเพศเมีย ) filament ( ก้านชูอับเรณู ) anther ( อับเรณู ) ลิขสิทธิ์ของหน่วยปฏิบัติการวิจัยพรรณไม้ประเทศไทย ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย