13. 13
รูป 6 กรำฟแสดงมูลค่ำของ RFID
ที่ถูกนำมำใช้โนโครงกำรต่ำงๆของประเทศสหรัฐอเมริกำโดยแบ่งออกเป็น สำมส่วน คือ Hardware
Software และ Services จำก IDC
***IDTechEX ได้ทานายว่าตลาด RFID จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 5 พันล้านดอลลาร์ ในปี
2008 มูลค่า Tag จะเติบโตจาก 1.7 พันล้านดอลลาร์ใน ปี 2007 เป็น 2.36 พันล้านดอลลาร์
ในปี2008ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้ RFID ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตในอุตสาหกรรมการผลิตอัตโนมัติ
โลจิสติกส์ และ การควบคุมการซื้อขายทางอิเลกทรอนิกส์ ซึ่งต้องการความสามารถของ RFID เช่น
ความแม่นยาในการตรวจสอบติดตามในห่วงโซ่การผลิต และ
ความคงทนในการใช้ในอุณหภูมิสูงและต่า ระยะการอ่านที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น
รูป 7 กรำฟทำนำยมูลค่ำ RFID จำกปี 2008 ถึง 2018 by ID Tech EX
14. 14
*In-Stat is the leading provider of actionable research, market analysis and forecasts of
advanced communications services, infrastructure, end-user devices and
semiconductors
**IDC Research of information technology companies and markets.
***IDTechEX Research and Analysis of Printed Electronic RFID and their applications
ควำมสำคัญของ RFID
เทคโนโลยี RFID (Radio FrequencyIdentification) หรือระบบการระบุด้วยคลื่นวิทยุ
เป็นเทคโนโลยีที่สามารถนามาประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
ความสะดวกรวดเร็ว และความมั่นคงปลอดภัยในกระบวนการต่างๆ รายงานฉบับสมบูรณ์
โครงการศึกษา แนวทางการพัฒนา RFID สาหรับภาคอุตสาหกรรมและบริการ
แสดงว่ามูลค่าตลาดทั่วโลกของ RFID มีอัตราที่สูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2543
ตลาดอุตสาหกรรม RFID ในโลกมีมูลค่า 663 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ.
2545มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 964.5 ล้านเหรียญ
และคาดว่าจะมีการขยายตัวของตลาดอย่างต่อเนื่องถึงปีละประมาณร้อยละ 25 โดยในปี พ.ศ.
2549 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาด RFID ในประเทศไทย
พบว่ามีการนา RFID ไปประยุกต์ใช้งานด้านการผลิตในอุตสาหกรรมมากที่สุด รองลงมาคือ
การประยุกต์ใช้กับห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ การควบคุมการเข้า-ออก การปศุสัตว์
และการเงินตามลาดับ โดยในปี พ.ศ. 2548 มูลค่าตลาดของ RFID ในประเทศไทย
(ทั้งส่วนที่ผลิตเองในประเทศและนาเข้า) มีมูลค่าประมาณ 856.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ
1.07 ของตลาด RFID ทั่วโลก และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1,827.3 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2550
ในปีพ.ศ. 2549 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งขาติได้เห็นถึงความสาคัญของ
การพัฒนาอุตสาหกรรม RFID ของประเทศไทย จึงได้จัดทาโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม RFID
ขึ้นโดยมีเป้ าหมายในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี RFID ในวงกว้าง
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ความได้เปรียบทางการค้าและการยกระดับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมกุ้ง
การบริหารจัดการฟาร์ม (ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ) และโลจิสติกส์
เมื่อพิจารณาสภาพการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มของสภาพการณ์ในอนาคตอันใกล้
15. 15
ด้านความเร่งด่วน ความสาคัญ ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
ประกอบกับความเข้มแข็งของพันธมิตรแล้ว
พบว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านการตรวจสอบย้อนกลับและโลจิสติกส์
ยังคงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสาคัญในอันดับแรก
Tag
โดยทั่วๆ ไปสามารถแบ่ง Tag ออกตามแหล่งพลังงานได้เป็น 3 ประเภทตามคือ
1. Active Tag จะมีแบตเตอรี่อยู่ภายในซึ่งใช้เป็นแห่งจ่ายไฟขนาดเล็ก
เพื่อป้ อนพลังงานไฟฟ้ าให้Tagทางานปกติ
โดยTagชนิดนี้ฟังก์ชั่นการทางานทั่วไปทั้งอ่านและเขียนข้อมูลลงในTagได้
และการที่ต้องใช้แบตเตอรี่จึงทาให้Tagชนิดนี้มีอายุการใช้งานจากัดตามอายุของแบตเตอรี่
ซึ่งจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3-7 ปี
เมื่อแบตเตอรี่หมดก็ต้องนาTagไปทิ้งไม่สามารถนากับมาใช้ใหม่ได้ เรื่องจากจะมีการผนึก
ที่ตัวTagทาให้ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
อย่างไรก็ตามถ้าสามารถออกแบบวงจรของTagให้กินกระแสไฟน้อยๆก็อาจจะมีอายุการทางานนับ
สิบปี Tagชนิดนี้จะมีหน่วยความจาภายในขนาดใหญ่ได้ถึง 1 MB
มีกาลังส่งสูงและระยะการรับส่งข้อมูลไกลสูงสุดถึง 6 m ซึ่งไกลกว่าชนิดPassive
นอกจากนี้ยังทางานในบริเวณที่มีสัญญาณรบกวนได้ดี ข้อเสียของTagชนิดนี้ได้แก่
ราคาต่อหน่วยแพง มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีระยะเวลาในการทางานจากัด
2. Semi passive Tag ป้ ายชนิดนี้จะต้องอาศัยแหล่งจ่ายไฟจากแบตเตอรี่ภายนอก
ทาให้สามารถส่งข้อมูลได้ระยะไกลกว่าป้ ายแบบ passive
ป้ ายเองไม่สามารถเป็นผู้เริ่มต้นส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่จะรอรับสัญญาณกระตุ้นให้ทางานจากตัว
reader ซึ่งต่างจาก active tag ที่ต้องทาการส่งสัญญาณวิทยุตลอดเวลา ทาให้ semi-passive tag
ประหยัดพลังงานมากกว่า ซึ่งถ้าไม่มีการส่งสัญญาณมาจากตัว reader ตัว semi-passive tag
จะอยู่ในสภาวะ sleep
16. 16
3. Passive Tag จะไม่มีแบตเตอรี่อยู่ภายในหรือไม่จาเป็นต้องรับแหล่งจ่ายไฟใดๆ เพราะจะทางาน
โดยอาศัยหลังงานไฟฟ้ าที่เกิดจากการเหนี่ยวนาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าจากตัวอ่านข้อมูล
(มีวงจรกาเนิดไฟฟ้ าขนาดเล็กอยู่ในตัว) หรือที่เรียกว่าอุปกรณ์ Transceiver
จึงทาให้Tagชนิดนี้มีน้าหนักเบาและเล็กกว่าTagชนิดActive ราคาถูกกว่า
และมีอายุการใช้งานไม่จากัด
แต่ข้อเสียคือมีระยะการรับส่งข้อมูลใกล้ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ไกลสูงสุดเพียง 1.5 m
มีหน่วยความจาเล็ก (32 –128 bit) และตัวเครื่องอ่านข้อมูลต้องมีความไวและกาลังที่สูง
นอกจากนี้มักจะมีปัญหา เมื่อนาไปใช้งานที่มีสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้ าสูง
แต่ด้วยราคาที่ถูกและอายุการใช้งานนานกว่า ทาให้Tagชนิดนี้ได้รับความนิยมมากกว่า
ไอซีของTagชนิดPassiveที่มีการผลิตออกมาจะมีทั้งขนาดและรูปร่างที่เป็นได้ตั้งแต่แท่งหรือแผ่นข
นาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ ไปจนถึงมีขนาดใหญ่จนสะดุดตา
ซึ่งต่างก็มีความเหมาะสมกับชนิดการใช้งานที่แตกต่างกัน
รูป 8 แสดง RFID Tag ในรูปแบบต่ำงๆ
Reader
RFID Reader คืออุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เขียน หรืออ่านข้อมูลใน Tag
ด้วยสัญญานคลื่นความถี่วิทยุภายในเครื่องจะประกอบด้วยเสาอากาศที่ทาจากขดลวดทองแดงเพื่
อใช้รับส่งสัญญาณ
ภารับและภาคส่งของสัญญาณวิทยุและวงจรควบคุมการอ่านเขียนรูปแบบโดยทั่วไปของเครื่องอ่า
17. 17
นจะพบได้ในลักษณะที่เป็นสถานีอ่านเป็นแบบมือถือและแบบที่เป็นประตูใช้สาหรับคนหรือยานพา
หนะผ่าน เครื่องอ่านจะประกอบด้วยส่วนประกอบหลักดังนี้
ภาครับและภาคส่งสัญญาณวิทยุ
ภาคสร้างสัญญาณพาหะ
ขดลวดที่ทาหน้าที่เป็นสายอากาศ
วงจรปรับสัญญาณ
หน่วยประมูลผลข้อมูล
ภาคติดต่อกับคอมพิวเตอร์
Middleware
เป็นอุปกรณ์สื่อกลางระหว่างเครื่องอ่านกับระบบฐานข้อมูลในที่นี้รวมทั้ง Hardware และ
Software ที่ทาหน้าที่ดังกล่าว โดยทั่วไปสามารถใช้ คอมพิวเตอร์เป็น Middleware ได้
มาตรฐาน
องค์กรมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ RFID สามารถแบ่งออกไดได้เป็นกลุ่มๆดังนี้
Internationalstandardsorganization
ISO – International Organization for Standardization
ITU – InternationalTelecommunication Union
IEC – International Electro technical Commission
Regional standards
CEN – European Committee for Normalization and Standardization
National Standards
ANSI – American National Standards Institute
BSI – British Standards Institution
18. 18
Industry
EPCglobal – Electronic Product Code
GS1 – European specific of EPC plus UCC/EAN
AIAG – Automotive IndustryAction Group
แต่ละกลุ่มข้างบนจะมีกลุ่มย่อยๆภายในเพื่อกาหนดมาตรฐานและกฎเกณฑ์ ที่เกี่ยวกับ RFID
ในแต่ละเรื่องแยกออกไปอีกทีหนึ่ง มาตรฐานที่เกี่ยวกับทางเทคนิคก็มักจะมีการพูดถึงเรื่องต่างๆคือ
ความต้องการอุปกรณ์
ส่วนติดต่อกับคอมพิวเตอร์หลัก
ส่วนติดต่อกับอากาศ
ข้อความข้อมูล โครงสร้าง และ เนื้อหาสาระ
อัตราการอ่าน ขั้นตอนการทดสอบ คุณภาพการพิมพ์,การผ่อนปรนของข้อกาหนด
การใช้งานทั่วๆไป การทาฉลาก หีบห่อบรรจุ นับจานวน อื่นๆ
โดยทั่วไปแล้วมาตรฐานที่คุ้นเคยกันดีและครอบคลุมเนื้อหาต่างๆข้างต้นครบถ้วนก็จะเป็นมาตรฐา
น ของ ISO 18000 ทั้งนี้มาตรฐานทาง RFID นั้นเพิ่งจะเริ่มมามีขึ้นหลากหลายเมื่อปี 2006 นี้เอง
โดยมาตรฐานที่บทบาทอย่างมากก็คือ ISO 18000 กับ EPC Gen 2
มาตรฐาน ISO 18000 นั้นพูดถึง RFID Air Interface ใน5 ย่านความถี่ด้วยกันคือ
<135 kHz. – 18000 - 2
13.56 MHz –18000 - 3
433 MHz – Active – 18000 -7
860 ~ 960 MHz – 18000 - 6
2.45 GHz. – 18000 - 4
ทั้งนี้ISO 18000 – 1 จะพูดถึงค่าค่าทั่วๆไปสาหรับ RFIDทุกย่านความถี่ ส่วน ISO 18000 - 2
จะพูดถึง Type A ย่าน 125 kHz แบบ Full Duplex และ Type B ย่าน 134.2 kHz. แบบ Half
Duplex ในขณะที่ ISO 18000 - 3 จะพูดถึงความถี่ย่าน 13.56 MHz
และรายละเอียดในการทางานสอง mode
ซึ่งใช้งานร่วมกันไม่ได้และต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ทางปัญญาให้กับเจ้าของ
เทคโนโลยีในการใช้งานทั้งสอง mode ในส่วนของ ISO 18000 - 4
19. 19
จะกาหนดมาตรฐานสาหรับย่านความถี่ 2.45 GHz. และการทางานในสอง mode เช่นกันคือ แบบ
passive ที่อยู่ในลักษณะ reader talks first กับในแบบ active ที่ tag talksfirst โดย passive
mode จะมีระยะทางานต่ากว่า 1 เมตร ในขณะที่ active mode มีระยะการทางานมากกว่าแบบ
passive ถึงกว่า 100 เท่า มาถึง ISO 18000 - 6 ซึ่งเป็นการกาหนดมาตรฐานในย่าน 860 - 960
MHz โดยในแต่ละประเทศก็จะมีการใช้ความถี่ที่แตกต่างกันไป โดย ISO 18000 - 6 A กับ B
จะครอบคลุมถึง applications แบบต่างๆหลากหลาย และ ISO 18000 - 6 C
จะครอบคลุมถึงมาตรฐาน UHF Gen 2 Global สุดท้ายคือ ISO 18000 - 7 จะเป็นการพูดถึงย่าน
433 MHz ในแบบ active ซึ่งปัจจุบันมีการใช้อยู่ใน DoD (Department of Defense) ของอเมริกา
สาหรับ ติดตามตู้คอนเทรนเนอร์ RFID ในย่านนี้มีระยะการทางานหลายร้อยฟุต
แต่มีราคาค่อนข้างแพง ทาให้มีการใช้กันค่อนข้างน้อย
สุดท้ายคงต้องพูดถึง EPCglobal และ GS1 โดย EPC นั้นหมายถึง Electronic Product Code
ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่มีการผลิตขึ้นในโลกสามารถจะมี unique EPC code ได้ ถ้าผู้ผลิตเป็นมีรหัส
EPC ที่ GS1 ออกให้ ทั้งนี้ความตั้งใจของ EPCglobal
ก็คือต้องการจะให้สินค้าทุกชิ้นทั่วโลกสามารถถูกตรวจสอบหรือ track ใน supply chain
ได้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด โดยมี EPC Gen 2 เป็นมาตรฐานอันล่าสุดที่จะทาให้ tag ทุกอันที่
comply ตามมาตรฐาน EPC Gen 2 นี้สามารถอ่านได้ในทุกประเทศโดยใช้มาตรฐาน ISO 18000
- 6 และเนื่องจากในอเมริกาใช้ความถี่ย่าน 915 MHz ในขณะที่ยุโรปใช้ย่าน 868 MHz เจ้าตัว Tag
EPC Gen 2 นี้จะต้องสามารถถูกอ่านได้ทั้งโดย Reader ย่าน 868 MHz และ ย่าน 915 MHz ด้วย
มาตรฐาน EPC Gen 2 นั้นจะกาหนดให้มีอย่างน้อย 96 bits ซึ่งเป็นรหัส EPC ส่วนที่เกินไปจาก
96 bits ก็จะเป็นข้อมูลเช่น password, kill code และส่วนอื่นๆ (อาจจะสงสัยว่า kill code
ทาอะไรใช่ไหมครับ kill code ก็คือรหัสที่เมื่อใช้แล้วจะทาให้ tag
อันนั้นตายไปเลยคือไม่สามารถอ่านได้อีกตลอดไป)
ISO 14443
เป็นมาตรฐานที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยกลุ่มคณะกรรมการ 8 ใน 17 คนของ ISO's/IEC's Joint
Technical Committee 1 สาหรับเครื่องอ่าน RFID
ที่ใช้กับไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ทางานบนความถี่13.56MHz
รวมถึงแบบที่มีไมโครคอนโทรลเลอร์ของตัวเองและหน่วยความจาต่างๆ
และสายอากาศเหนี่ยวนาแม่เหล็ก
20. 20
ISO/IEC 14443 ประกอบไปด้วยสี่ส่วนแบ่งออกเป็น ชนิด A กับ ชนิด B
ความแตกต่างของทั้งสองชนิดอยู่ที่กรรมวิธีแปลงสัญญาณ การเข้ารหัส (ส่วนที่ 2) และ
ระเบียบการขั้นตอนต่างๆ (ส่วนที่ 3) ทั้ง
จะมีระเบียบการส่งสัญญาณที่เหมือนกันซึ่งจะถูกกาหนดด้วยบล็อกแลกเปลี่ยนข้อมูลและกลไกอื่
นๆทที่สัมพันธ์กันดังนี้
1. ส่วนการเปลี่ยนแปลงข้อมูล
2. ขยายระยะเวลาการรอ
3. การกระตุ้นหลายครั้ง
ย่ำนควำมถี่ที่ใช้ในระบบ RFID
ในปัจจุบันคลื่นพาหะที่ใช้งานกับ RFID จะอยู่ในย่านความถี่ ISM (Idustrial –scientific-
medical) โดยแบ่งได้เป็น4ช่วงหลักๆได้แก่
ย่านความถี่ต่า (Lowfrequency ) ต่ากว่า 150 kHz
ย่านความถี่สูง (High Frequency )13.56 MHz
ย่านความถี่สูงยิ่ง (Ultra High Frequency ) 433/868/915 MHz
ย่านความถี่ไมโครเวฟ (Microwave) 2.4/5.8 GHz
21. 21
รูป 9 กรำฟแสดงกำรใช้งำนย่ำนควำมถี่ต่ำงๆ
ความถี่ที่นิยมใช้มากที่สุดในปี 2007 คือ HF 13.56 MHz
เพราะว่าได้มีโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่ามากถึง 25ล้านดอลลาร์สหรัฐสาหรับหนังสือ และ
16ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เป่ยจิงสาธารณรัฐประชาชนจีน และ หกล้านดอลลาร์สหรัฐ
สาหรับบัตรประชาชนของประเทศจีน
RFID ด้านความถี่สูง มาตรฐาน ISO 14443 มีการใช้มูลค่าประมาณ10เท่าของ RFID
อื่นๆ และในมาตรฐาน ISO 15693 ซึ่งมีการใช้งานใหม่ๆหลายอย่างเช่น พาสปอร์ต โทรศัพท์
ห้องสมุด หรือ ความปลอดภัยในการเข้าสู่ระบบ ทาให้มีการใช้ มาตรฐานความถี่ 13.56
MHzมากและกว้างขวางขึ้น ในปี2007 การพัฒนาปรับปรุง แต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก
แต่การพัฒนานี้เป็นสิ่งยืนยันการขยายตัวของการใช้ RFID ในย่านความถี่สูง ในอนาคต
22. 22
รูป 10 กรำฟเปรียบเทียบปริมำณกำรใช้ RFID ในย่ำนควำมถี่ต่ำงๆ
ต่ำงๆ (ปริมำณกำรใช้งำนถูกนำมำจำกฐำนข้อมูลของ IDTEchEx)
จุดเด่นของ RFID
เมื่อเทียบกับระบบ Auto-ID อย่างอื่น เช่นระบบบาร์โค้ดจะพบว่า RFID
มีจุดเด่นมากกว่าหลายข้อ คือ มีความหนาแน่นของข้อมูลที่บันทึกต่อพื้นที่เครื่องอ่าน
ขนาดเล็กกว่า Tagมีความคงทนกว่า ระยะการอ่านมากกว่า มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า
มีการปลอมแปลงได้ยาก ความเร็วในการอ่านมาก ไม่จาเป็นต้องมองหา Tag
และสามารถอ่านTag ได้หลายTag ต่อการอ่านครั้งเดียว
ElectronicProductCode
EPC หรือ Electronic Product Code คือ การใช้งานเลขรหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ร่วมกับเทคโนโลยี RFID (Radio Frequency Identification)
ซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง
และสามารถนาไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ทั้งในเชิงพาณิชย์ การบริการ
24. 24
ความสะดวก-รวดเร็วในการบ่งชี้สินค้า ,ความสามารถในการอ่านข้อมูลครั้งละมากๆ ,
มีระยะทางและรัศมีในการบ่งชี้สินค้าที่ไกลกว่าการสแกนบาร์โค้ดแบบเดิม และการบันทึกข้อมูล
EPC ใน RFID Tag
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบ่งชี้ข้อมูลของสินค้าและการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตได้ดียิ่งขึ้น
ได้ดียิ่งขึ้น
RFID Applications
ควบคุมการเข้าออก อาคาร สานักงาน ห้อง ประตู คุก ตู้เก็บเอกสาร ตู้คอนเทนเนอร์ต่างๆ
สัตว์ หรือ การจัดการปศุสัตว์ ฟาร์ม
สวนสนุก
การจ่ายเงินโดยปราศจากเงินสด
การจัดการระบบเอกสาร
ควบคุมการเข้าออกและการจัดการกิจกรรมต่างๆ
การบริหารจัดการและการพิสูจน์หลักฐาน
ด้านสุขภาพ
o ติดตามคนไข้
o ติดตามอุปกรณ์
o ติดตามงานบริการ
o ติดตามและตรวจสอบยา
o ควบคุมติดตามสารประกอบ
o การทาความสะอาดชุดฟอร์ม
โรงพยาบาล
o การเข้าออก
o กิจกรรม
o การจ่ายเงินโดยปราศจากเงินสด
บริการเช่าเสื้อผ้า
การบริหารจัดการวัสดุราคาแพง(เพชร พลอย)
กิจกรรมซักรีดและอุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร
ห้องสมุดและคลังเก็บวีดีโอ
การผลิต
25. 25
o วัตถุดิบ
o ติดตามงานระหว่างการทางาน
o ประกันคุณภาพ
o สินค้าสาเร็จ
o ความปลอดภัย
ด้านเภสัชกรรม
o รับรองมาตรฐานและยืนยันผลิตภัณฑ์
o การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์
o ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
o เอกสารรับรองผลิตภัณฑ์
o ควบคุมชุดการผลิต
ความปลอดภัย
o คอมพิวเตอร์แบบพกพา
o PDA’s
o ใช้ติดตามของมีค่าที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย
การบริการทางอุตสาหกรรม
o การให้บริการนอกสถานที่สาหรับสินค้าอุปโภคบริโภค
o การให้บริการนอกสถานที่สาหรับ ผู้ห้บริการทางด้านไฟฟ้ า
และทางด้านเครื่องมือกลไก
o การบารุงรักษายานพาหนะ
o การบารุงรักษาอุปกรณ์
ห่วงโซ่การผลิต
o การรับสินค้าและส่งสินค้า
o การควบคุมตรวจสอบสินค้าคงคลัง
o ดูแลโกดังสินค้า
o ร้านขายปลีก
o ดูแลสินค้าราคาแพง
การบริหารจัดการยานพาหนะ
26. 26
o รถไฟและตู้ขนส่งสินค้า
o บัตรผ่านทางสาหรับขนส่ง
o เครื่องเก็บเงิน
o การระบุเจาะจงยานพาหนะ
o การระบุยานพาหนะแปลกปลอม
o ความปลอดภัย
จากโครงการต่างๆพบว่าในปี2007มีการใช้งานRFID ในส่วนของการเงิน
และความปลอดภัยมากที่สุดเป็นปริมาณ 19 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นส่วนสาคัญในอนาคต
ปริมาณที่มากดังกล่าวนี้มีผลมาจากโครงงานหนังสือเดินทางที่ถูกใช้ในอย่างน้อย 50
ประเทศในขณะนี้บัตร RFID ที่ถูกใช้ทางการเงิน ก็มีจานวนเพิ่มขึ้นเป็นปริมาณมากด้วย การนาตั๋ว
RFID มาใช้ การนา RFID มาใช้ในการควบคุมการเข้าออก และการใช้ RFID ในโทรศัพท์
รวมไปถึงอื่นๆอีกหลายอย่างก็มีส่วนช่วยเพิ่มจานวนการใช้ RFID ในส่วนนี้
รูป 13 กรำฟแสดงปริมำณกำรใช้งำน RFID ในรูปแบบต่ำงๆ
(ปริมำณกำรใช้งำนถูกนำมำจำกฐำนข้อมูลของ IDTEchEx)
30. 30
การบันทึกด้านคุณภาพควรจะมีลักษณะง่ายๆ คือ เข้าใจได้และ ชัดเจน
พร้อมสาหรับการระบุเจาะจงและนามาใช้ มีการเก็บไว้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม และถูกเก็บไว้ในที่
เหมาะสมปลอดภัย
กำรวำงแผนผัง
ในการวางแผนผังของศูนย์นวัตกรรมเซลล์เนื้อเยื่อและอวัยวะสังเคราะห์นั้น
ในขั้นตอนได้มีการศึกษาวิธีการวางจากการวางแผนผังโรงงานแบบต่างๆ
พบว่าการผลิตโครงร่างเซลล์ซึ่งมีขั้นตอนซับซ้อนจึงเหมาะสมที่จะวางแผนผังตามลาดับขั้นการผลิ
ตมากที่สุดแต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทาได้เนื่องจากข้อจากัดด้านอุปกรณ์เครื่องมือและ
ข้อจากัดด้านสถานที่สภาพแวดล้อมในขั้นตอนต่างๆเช่นในบางขั้นตอนต้องการความสะอาดมาก
ในบางขั้นตอนต้องการทาในที่มืด และในบางขั้นตอนต้องการทาในที่แห้ง จึงต้องวางแผนผัง
ตามรูปการใช้งานที่เหมาะสมแทน
อุปกรณ์ RFID ที่นำมำใช้ในงำนวิจัย
ACR 120 contactless Smart Card Reader
รูป 16 รูปแสดงชุดทดสอบและพัฒนำสำหรับระบบ RFID
ชุดทดสอบที่จะนามาใช้ในการออกแบบระบบ RFID
สาหรับการผลิตโครงร่างเซลล์ทางานที่ ความถี่ 13.56MHz (High Frequency) ISO14443 A and
B ทางานได้ที่ระยะ 5cm สามารถต่อได้ทั้งผ่านUSB หรือ RS232 มีความยืดหยุ่นในการออกแบบ
ระบบ ต่างๆ
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
Implementation of success scorecard / Real Experience 2005
Apiwat Thongprasert IE Technology CO LTD.
31. 31
ในงานวิจัยนี้ได้ศึกษาถึงขั้นตอนการนา RFID
ไปโดยการศึกษาจากกรณีตัวอย่างในประเทศไทยและได้แนะนาวิธีการนา RFID
ไปใช้โดยสรุปไว้คร่าวๆ 5 ขั้นตอน
1.ระบุปัญหา (Define problem)
ในขั้นนี้จะต้องทาการกาหนดขอบเขตและปัญหาให้ชัดเจน
ระบุลักษณะของธุรกิจศึกษาหลักการของธุรกิจและกระบวนการผลิตความเห็นชอบของผู้บริหาร
ทรัพยากรและงบประมาณ
2.เทคโนโลยีและการเลือกคู่ค้า (Technology and partner selection)
ทาความเข้าใจกับเทคโนโลยี RFID
และทางเลือกอื่นๆประเมินลักษณะของธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการใช้
RFIDเลือกหุ้นส่วนทางด้านเทคโนโลยีที่มีประสบการณ์ในการใช้ RFID
สร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นส่วนด้วยการร่วมมือกันทางานเป็นกลุ่ม (Cross functional
team)
3.เริ่มโครงการทดสอบ เรียนรู้การนา RFID มาใช้ในขั้นแรก ๖Pilot project: learning the first
step to implement RFID)
พัฒนาการใช้ RFID ในระดับเริ่มต้น
ทดลองและทดสอบการทางานและแนวคิดในเบื้องต้น
กาหนดเป้ าหมายและการวัดผลที่ชัดเจนของโครงการทดสอบและเกณฑ์การวัดความสาเร็จของระ
บบ ผลักดันให้ผู้ที่มีผลประโยชน์ในการนา RFID มาใช้ เกี่ยวข้องกับโครงการทดสอบและ
ทาให้แน่ใจว่า ทุกๆคนได้รับข้อมูลอย่างทั่วถึง
4.ประเมินผล ปรับแต่ง และ ติดตั้งในปริมาณที่มากขึ้น (Evaluate Result, re adjust and roll out)
ในขั้นนี้การติดตามและสังเกตกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงของธุรกิจเป็นสิ่งสาคัญ
การวัดและประเมินผล KPI และ ROI รวมทั้งการวิเคราะห์GAP
เป็นสิ่งที่จาเป็นในการตัดสินใจสาหรับขั้นตอนต่อไป
และควรให้ผู้เกี่ยวข้องทุกๆคนมีส่วนร่วมในขั้นตอนนี้ด้วย
32. 32
5.ปรับปรุงและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ RFID อย่างต่อเนื่อง (Continuous improvement using
RFID Technology)
หลังจากการนา RFID มาใช้ได้ประสบผลสาเร็จในส่วนหนึ่ง
เพิ่มแผนการพัฒนานาไปใช้ในส่วนอื่นๆของบริษัทจะทาให้ความสาเร็จของการใช้ RFID
ความร่วมมือกับส่วนหุ้นส่วนอื่นๆเพื่อขยายการนา RFID ไปใช้มีความจาเป็น
ควรพัฒนาอย่างต่อเนื่องขั้นตอนทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยหลักการ “continuous improvement
cycle”
รูป 17 แสดงลำดับขั้นกำรใช้งำนระบบ RFID ที่ดี
Barrier to RFID Adoption in Supply Chain 2007
N. Huber K Michael L McCathie
ได้กล่าวถึงอุปสรรคต่างๆในการนา RFID มาใช้ โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ ผู้เกี่ยวข้องต่างๆเช่น
ผู้ขาย RFID ระบบค้าปลีกที่ได้เริ่มนา RFID มาใช้
Cost
33. 33
ราคาของ RFIDนั้นในปัจจุบันยังคงค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเทคโนโลยี Auto – ID
ยอดนิยมอย่างบาร์โค้ด การนามาใช้นั้นจึงต้อมีการคานึงถึงการใช้งานอย่างคุ้มค่า และ ROI
อย่างรอบคอบ ถึงแม้ในบางกรณี RFID จะแพงกว่าแต่การนามาใช้ก่อนนั้น
มีประโยชน์มากกว่าในอนาคต
Lack of awareness
การขาดความตระหนักถึง เทคโนโลยีดังกล่าว และความลังเลจากภาพลักษณ์การนา
RFID ใช้จากลูกค้า ขาดความเข้าใจในศักยภาพของ RFID อย่างถ่องแท้
Immature of Technology
เนื่องจากความเป็นเทคโนโลยีใหม่ของ RFID จึงต้องการพัฒนาที่มากกว่า
เพื่อที่ทาให้เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับอย่างเช่นบาร์โค้ดเพราะ
การวัดผลจากการทางานที่ดีขึ้นเนื่องมากจากเทคโนโลยี RFID ยังทาได้ค่อนข้างยาก
เมื่อเทียบกับระบบบาร์โค้ด
The Future of Radio Frequency Identification 2007
Dennis Vieland and Aaron Wong
ได้ศึกษาเกี่ยวกับ RFID ด้วยวิธี Delphi คือการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน RFID
เพื่อที่จะหว่าหัวข้อใดที่เกี่ยวข้องกับ RFID สาคัญที่
และยังไม่สามารถแก้ได้สมบูรณ์โดยเน้นจุดมุ่งหมายที่ห่วงโซ่การผลิตและการค้าปลีก จากวิธีการ
Delphi ได้ลาดับความสาคัญในหัวข้อต่างๆดังนี้
ตำรำง2 แสดง ลำดับควำมสำคัญของหัวข้อที่เกี่ยวกับRFIDด้วยวิธี Delphi
Issue Mean Rank A B C D
Standardization 1.75 2 2 2 1
System Costs 2.25 1 1 3 4
Integration 2.75 2 5 1 3
Business ProcessReengineering 3 4 2 4 2
Lackof RFID Skilled Professionals 5.25 6 4 6 5
34. 34
Privacy 5.75 5 6 5 7
Data Warehousing 6.75 7 7 7 6
ตำรำง3 แสดงควำมเป็นไปได้ของวีแก้ปัญหำ RFID หัวข้อต่ำงๆภำยในสองปีข้ำงหน้ำ
Issue Mean Rank A B C D
Standardization 1.5 1 1 3 1
System Costs 2.5 2 2 1 5
Integration 2.75 2 2 4 3
Business ProcessReengineering 4.25 4 5 2 6
Lackof RFID Skilled Professionals 4.25 6 2 5 4
Privacy 5 7 5 6 2
Data Warehousing 6.25 4 7 7 7
ได้ผลสรุปว่ามาตรฐานเป็นสิ่งที่สาคัญที่สุดเนื่องจากการใช้ RFID
จาเป็นที่จะต้องมีมาตรฐานที่แน่นอนเพื่อทีการนามาใช้จะได้เป็นไปได้อย่างราบรื่นในทุกๆฝ่ายจึงต้
องเป็นปัญหาแรกที่ ปัญหาเรื่องราคาเป็นปัญหารองลงมา
เนื่องจากธุรกิจและองค์กรต่างๆต้องการผลตอบแทน ของการลงทุน ซึ่ง RFID
จะต้องทาให้ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรอย่างคุ้มค่า
ปัญหาด้านความปลอดภัยกลับไม่สาคัญนัก เพราะ การใช้ RFID
ยังไม่แพร่หลายมากนักในระดับสิ่งของแต่ละชิ้น แต่ใช้ในการติดตามชุดการผลิต กล่อง
ใส่ผลิตภัณฑ์ เสียมากกว่า
RFID ยังเป็นส่วยหนึ่งที่สาคัญสาหรับธุรกิจในอนาคต ความสาเร็จในการนา RFID มาใช้
ยังคงเป็นคาถามสาคัญ
ซึ่งจะได้รับคาตอบจากการตอบปัญหาที่สาคัญต่างๆดังกล่าวข้างต้นนั่นเอง
Determining technology trend and forecasts of RFID by a historical reviewand
bibliometric analysis from 1991 to 2005 (2007) และ RFID and the innovation cycle
ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ RFID โดย เฉพาะ ภายหลังปี 2000 และ การนา
RFID ,ใช้ ในวิธีการต่างๆที่หลากลายมากขึ้นเรื่อยๆ
35. 35
RFID in China opportunity and Challenges ได้พูดถึงการขยายตัวของ RFID
ในประเทศจีน ราคา RFID ที่มีแนวโน้มถูกลง รวมทั้งปัญหาการใช้ RFID
ในประเทศทางจีนซึ่งมีวัฒนธรรมแตกต่างจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาเช่นลักษณะการค้าที่แข่งขัน
กันและไม่ต้องการร่วมมือกันด้านข้อมูล
รวมถึงค่าครองชีพที่ต่ากว่าทาให้มีความคุ้มค่าน้อยกว่าในการลงทุน RFID
The Bain 2005 management tool survey และ Bain’s global management tools
and trend survey ได้แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ RFID
เป็นเครื่องมือหนึ่งในการจัดการซึ่งยังมีปริมาณค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับเครื่องมืออย่างอื่น
แต่กลับมีได้รับความพึงพอใจกับเทคโนโลยีนี้
ทั้งนี้ได้มีบทความวิจัยเกี่ยวกับ RFID มากมาย แม้ในประเทศไทยจะมีการนา RFID
มาใช้ในหลายๆด้านแต่พบว่าตัวอย่างการนา RFID ไปใช้และการศึกษา RFID ในประเทศไทยนั้น
มีค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบประเทศอื่นๆ
36. 36
รำยกำรอ้ำงอิง
1. Arthur POX. Smart Card and RFID technologyupdate. Philips Semiconductors. 7
September 2005.
2. IDTechEx. RFID Market projection 2008 to 2018. [ออนไลน์]
http://www.rfidjournal.com/. เข้าถึงเมื่อ 2 ธ.ค. 2551.
3. ถนอม บรรณประเสริฐ และคณะ. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
โครงการวิจัยการพัฒนาผิวหนังสังเคราะห์ต้นแบบชนิดใหม่ Pore Skin® - Artificial Dermis.
สภาวิจัยแห่งชาติ. 2551.
4. หลักเกณฑ์ที่ดีการผลิตยา 2003 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
การกาหนดรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิตจาแผนปัจจุบันตามกฎหมา
ยว่าด้วยยา พ.ศ.2546
5. Peter Schmalleger 2007 RFID implementation in pharmaceuticalsupply chain NXP
Semiconductors Euro ID 2007
6. UPM RAFLATAC The pharma guide to RFID
7. Richard Rees 2004 ISO Supply chain RFID standards RFID and Telecommunication
Services
8. Michael J.Liard2003 The Global Markets and Applications for Radio Frequency
Identification and ContactlessSmartcard Systems 4th
Edition Vol.2 : RFID
Transponder ICs
9. ร.ศ.ดร.ประสิทธิ์ทีฆพุฒิ อ.ไพโรจน์ ไววานิชกิจ 2006 เทคโนโลยี RFID
10. Manobar Potdar et al. 2006 Application of RFID in PharmaceuticalIndustry IEEE
11. ChakritImanan 2007 EPC: Electronic product code
12. Apiwat ThongprasertImplementation of Success ScorecardReal Experience
13. John Deavin 2007 The quality Systems approach to Good manufacturingPractice in
the Medical Device Industry Comparison of ISO 9001:2000 AND ISO13485:2003
gmp reviewvol 6 no.2