Contenu connexe
Similaire à ระบบฐานข้อมูล (20)
ระบบฐานข้อมูล
- 1. ระบบฐานข้อ มูล
ระบบฐานข้อ มูล คือ ระบบจัดเก็บข้อมูลด้วย
คอมพิวเตอร์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบำารุงรักษา
ข้อสนเทศ (Maintain information) และสามารถนำา
ข้อสนเทศเหล่านั้นมาใช้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
- 2. ระบบฐานข้อ มูล ประกอบส่ว น
ประกอบหลัก 4 ส่ว นได้แ ก่
1. ข้อ มูล (Data) ข้อมูลในฐานข้อมูลจะต้องมีคุณสมบัติ
2 ประการ คือ
เบ็ด เสร็จ (Integrate) ฐานข้อมูลเป็นแหล่งรวบรวม
ข้อมูลจากแฟ้มต่าง ๆ ไว้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อลดข้อมูล
ซ้ำ้าซ้้อนระหว่างแฟ้ม
ใช้ร ่ว มกัน ได้ (Share) ข้อมูลแต่ละชิ้นในฐานข้อมูล
สามารถนำามาแบ่งใช้กันได้ระหว่างผู้ใช้ต่าง ๆ ในระบบ
- 3. 2. ฮาร์ด แวร์ (Hardware) ประกอบด้วย อุปกรณ์บันทึก
ข้อมูลเช่น จานแม่เหล็ก , I/O device , Device controller ,
I/O channels , หน่วยประมวลผล และหน่วยความจำาหลัก
- 4. 3. ซ้อฟต์แ วร์ (Sorftware) ตัวกลางเชื่อมระหว่างฐาน
ข้อมูลและผู้ใช้คือ DBMS เป็นซ้อฟต์แวร์ที่สำาคัญที่สุด
ของระบบฐานข้อมูล นอกจากนี้ยังมี Utility , Application
Develoment tool , Desisn aids , Report writers , ect.
- 5. 4. ผู้ใ ช้ (Users) มี 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
Application Programmer เขียนโปรแกรมประยุกต์
End Users ผู้ใช้ที่อยู่กบ Online terminal เข้าถึงข้อมูลโดย
ั
ผ่านโปรแกรมประยุกต์ หรือผ่านภาษาเรียกค้น (Query
Language)
Data Addministrator & Database Administrator
DA ผู้บ ริห ารอาวุโ ส เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเก็บข้อมูลใด
ในฐานข้อมูลก่อน และกำาหนดนโยบายการรักษาความ
ปลอดภัยของข้อมูล
DBA ผู้เ ชีย วชาญระดับ มือ อาชีพ เป็นผู้สร้างฐาน
่
ข้อมูลและนำามาใช้งานจริง โดยควบคุมทางด้านเทคนิค
ที่จำาเป็นในการดำาเนินนโยบายที่กำาหนดโดย DA
- 6. การจัด การฐานข้อ มูล
การจัดการฐานข้อมูล(Database Management) คือ การบริหาร
แหล่งข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ศูนย์กลาง เพือตอบสนองต่อ
่
การใช้ของโปรแกรมประยุกต์อย่างมีประสิทธิภาพและลดการ
ซ้ำ้าซ้้อนของข้อมูล รวมทั้งความขัดแย้งของข้อมูลที่เกิดขึ้น
ภายในองค์การ ในอดีตการเก็บข้อมูลมักจะเป็นอิสระต่อกัน
ไม่มีการเชื่อมโยงของข้อมูลเกิดการ สิ้นเปลืองพื้นที่ในการ
เก็บข้อมูล เช่น องค์การหนึ่งจะมีแฟ้มบุคคล (Personnel) แฟ้ม
เงินเดือน (Payroll) และแฟ้ม สวัสดิการ (Benefits) อยู่แยกจาก
กัน เวลาผู้บริหารต้องการข้อมูลของพนักงานท่านใดจำาเป็น
จะต้องเรียกดูแฟ้มข้อมูลทั้ง 3 แฟ้ม ซ้ึ่งเป็นการไม่สะดวก จง
ทำาให้เกิดแนวความคิดในการรวมแฟ้มข้อมูลทั้ง 3 เข้าด้วยกัน
แล้วเก็บไว้ที่ ศูนย์กลางในลักษณะฐานข้อมูล (Database) จึง
ทำาให้เกิดระบบการจัดการฐานข้อมูล (Database Management
system (DBMS) ซ้ึ่งจะต้องอาศัยโปรแกรมเฉพาะในการสร้าง
และบำารุงรักษา (Create and Maintenance) ฐาน ข้อมูลและ
สามารถที่จะให้ผู้ใช้ประยุกต์ใช้กับธุรกิจส่วนตัวได้โดยการ
ดึงข้อมูล (Retrieve) ขึ้นมาแล้วใช้โปรแกรมสำาเร็จรูปอื่นสร้าง
งานขึ้นมาโดยใช้ข้อมูลทีมีอยู่ในฐานข้อมูล แสดงการรวม
- 8. ระบบการจัดการฐานข้อมูล จะมีสวน
่
ประกอบที่สำาคัญ 3 ส่วนได้แก่
1. ภาษาคำา นิย ามของข้อ มูล [Data Definition
Language (DDL)] ในส่วนนี้จะกล่าวถึงส่วนประกอบของ
ระบบการจัดการฐาน ข้อมูลว่าข้อมูลแต่ละส่วนประกอบ
ด้วยอะไรบ้าง (Data element) ในฐานข้อมูลซ้ึ่งเป็นภาษา
ทางการที่นักเขียนโปรแกรมใช้ในการ สร้างเนื้อหา
ข้อมูลและโครงสร้างข้อมูลก่อนที่ข้อมูลดังกล่าวจะถูก
แปลงเป็นแบบฟอร์มที่สต้องการของโปรแกรมประยุกต์
หรือในส่วนของ DDL จะประกอบด้วยคำาสั่งที่ใช้ในการ
กำาหนดโครงสร้างข้อมูลว่ามีคอลัมน์อะไร แต่ละคอลัมน์
เก็บข้อมูลประเภทใด รวมถึงการเพิ่มคอลัมน์ การกำาหนด
ดัชนี เป็นต้น
- 9. 2. ภาษาการจัด การฐานข้อ มูล (Data Manipulation
Language (DML) เป็นภาษาเฉพาะที่ใช้ในการจัดการ
ระบบฐานข้อมูล ซึ่งอาจจะเป็นการเชือมโปรแกรมภาษา
่
ในยุคที่สามและยุคที่สี่เข้าด้วยกันเพื่อจัดการข้อมูลใน
ฐานข้อมูล ภาษานี้มักจะประกอบด้วยคำา สิ่งที่อนุญาตให้
ผู้ใช้สามารถสร้างโปรแกรมพิเศษขึ้นมา รวมถึงข้อมูล
ต่างๆ ในปัจจุบันที่นิยมใช้ ได้แก่ ภาษา SQL(Structure
Query Language) แต่ถ้าหากเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาด
ใหญ่ DBMS มักจะสร้างด้วยภาษาโคบอล (COBOL
language) ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN) และภาษาอื่นใน
ยุคที่สาม
- 10. 3. พจนานุก รมข้อ มูล (Data Dictionary) เป็นเครื่อง
มือสำาหรับการเก็บและการจัดข้อมูลสำาหรับการบำารุง
รักษาในฐานข้อมูล โดยพจนานุกรมจะมีการกำาหนดชือ ่
ของสิ่งต่างๆ (Entity) และระบุไว้ในโปรแกรมฐานข้อมูล
เช่น ชื่อของฟิลด์ ชือของโปรแกรมที่ใช้รายละเอียดของ
่
ข้อมูล ผู้มีสิทธิใช้และผู้ที่รับผิดชอบ แสดงส่วนประกอบ
์
ของระบบการจัดการฐานข้อมูล
- 12. แสดงส่วนประกอบของระบบจัดการ
ฐานข้อมูล
โปรแกรมประยุกต์ (Application Programs)
ระบบการจัดการฐานข้อมูล Database Management System(DBMS)
กายภาพของฐานข้อมูล
(Physical database)
รูปที่ 5.8 แสดงส่วนประกอบของระบบฐานข้อมูล
แสดงส่วนประกอบของระบบจัดการฐานข้อมูล (Elements of a database management systems) ข้อดีและข้อ
เสียของระบบการจัดการฐานข้อมูล
ระบบการจัดการฐานข้อมูลจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียในการที่องค์การจะนำาระบบนี้มาใช้กับหน่วยงาของตน
โดยเฉพาะหน่วยงานที่เคยใช้คอมพิวเตอร์แล้วแต่ได้จัดแฟ้มแบบดั้งเดิม (Convention File) การที่จะแปลง
ระบบเดิมให้เป็นระบบใหม่จะทำาได้ยากและไม่สมบูรณ์ ไม่คุ้มกับการลงทุน ทั้งนี้เนื่องจากค่าใช้จ่าในการ
พัฒนาฐานข้อมูลจะต้องประกอบด้วย
1. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรโดยเฉพาะผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล (Database Administrator(DBA) และคณะ
2. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสร้างฐานข้อมูลโดยแปลงข้อมูลเก่ให้เป็นฐานข้อมูลและจะต้องมีการแก้ไข
โปรแกรมเก่า
3. การเพิ่มอุปกรณ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำาให้มีหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ใหญ่ขึ้น มีการเข้าถึง (Access)
ข้อมูลที่รวดเร็ว อาจต้องมีการเพิ่มโพรเซสเซอร์
4. ค่าใช้จ่ายทางด้านโปรแกรมประยุกต์
นอกจากนั้น ยัง อาจจะเกิด อุป สรรคในการพัฒ นาระบบข้อ มูล
1 ความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลเข้าย่อมมีผลกระทบกับหน่วยงานอื่นทีนำาข้อมูลนั้นไปใช้เนื่องจาก
ไม่มี ข้อมูลอื่นที่มาเทียบกับข้อมูลในฐานข้อมูลชุดนั้น
2. สร้างแฟ้มข้อมูลร่วมเพื่อตอบสนองกับองค์การ ทุกแผนกกระทำาได้ยากเนื่องจากแต่ละแผนกอาจจะ
ต้องการได้ข้อมูลในความละเอียดที่ไม่เท่ากัน ผู้จัดการระดับล่างต้องการใช้ข้อมูลเพื่อการทำางานวันต่อ
วัน แต่ผู้บริหารระดับสูงต้องการใช้ข้อมูลเพื่อการวางแผน ดังนั้นการออกแบบฐานข้อมูลจึงทำาได้ยากมาก
3. ในเรื่องของความปลอดภัยทั้งนี้เนื่องจากทุกแผนกมีการใช้ข้อมูลร่วมกันจึงต้องมีการสร้างระบบ
ป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล จะต้องมีการกำาหนดรหัสผ่าน (Password) และการ
จัดลำาดับความสำาคัญของงาน (Priority) รวมถึงการกำาหนดสิทธ์ในการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่ง
เป็นการยุ่งยากสำาหรับการใช้ฐาน ข้อมูลร่วมกัน ไม่เหมือนกับระบบเดิม ทุกแผนกมีสิทธิใช้ เครื่องของ
์
ตนเองได้เต็มที่ มีอิสระในการตัดสินใจ
- 13. ส่ว นข้อ ดีใ นการจัด การฐานข้อ มูล
1 ลดความยุ่งยากของข้อมูลภายในองค์การโดยรวม
ข้อมูลไว้ที่จุดหนึ่งและผู้ควบคุมดูแลการใช้ข้อมูล การ
เข้าถึงข้อมูล การนำาข้อมูลไปใช้ประโยชน์และดูแลความ
ปลอดภัย
2. ลดการซ้ำ้าซ้้อนของข้อมูล (Redundancy) ในกรณีที่
ข้อมูลอยู่เป็นเอกเทศ
3. ลดความสับสน (Confusion) ของข้อมูลภายในองค์การ
4. ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโปรแกรมและการบำารุงรักษา
ภายหลังจากระบบสมบูรณ์แล้วจะลดลงเมื่อเทียบกับแบบ
เก่า
5. มีความยืดหยุ่นในการขยายฐานข้อมูล การปรับปรุง
แก้ไขทำาได้งายกว่า
่
6. การเข้าถึงข้อมูลและความสะดวกในการใช้
สารสนเทศมีเพิ่มขึ้น