Contenu connexe
Similaire à การจัดบริการอาชีวอนามัยในโรงพยาบาล (20)
Plus de โรงพยาบาลสารภี (11)
การจัดบริการอาชีวอนามัยในโรงพยาบาล
- 6. 1. การบรรจุ ความเสี่ยง คือ คุณลักษณะบุคคลไม่เหมาะสมกับงาน มี
โรคประจาตัว มาบรรจุด้วยเส้นสาย
2. เริ่มทางาน ความเสี่ยงคือ การไม่ได้รับรู้รายละเอียดของอันตรายใน
งานและการป้ องกันที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่ปฐมนิเทศ
3. ขณะทางาน ความเสี่ยงคือ การไม่ใช้อุปกรณ์ป้ องกัน การทางาน
ซ้าซาก การสัมผัสสารเคมีและ สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม การทางาน
หนักเกินไป บ้าOT ขาดการส่งเสริมสุขภาพ การใช้สารเสพติด
ระบบสวัสดิการไม่เพียงพอ ความเครียดในงาน กฎระเบียบที่
เคร่งครัดเกินไป
- 10. 1. กินมาก กินหวาน กินเค็ม
2. ขาดการออกกาลังกาย
3. นอนน้อย
4. ลงพุง น้าหนักเกิน
5. โรคเรื้อรังกิน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง
หลอดเลือดสมองหัวใจ มะเร็ง
6. เพศ วัย สังขาร
- 13. 1. หนู ขี้ น้อยใจ ขาดความอีด ไม่มีความอดทน เสี่ยงต่อการใช้ยา
ระงับประสาท
2. หมี อนุรักษ์นิยม เครียดในการเปลี่ยนแปลง ทะเลากับกลุ่มอินทรี
3. อินทรี ไม่เครียด ไม่สนใจดูแลสุขภาพตนเอง เน้นแนวคิด
4. กระทิง บู้ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในงาน
5. พุทธ มองโลกเชิงบวก มีสติ แต่อาจไม่ฟิ ตทางกาย
6. โมหะ ประมาท ไม่รอบคอบ เกิดความผิดพลาดในงานบ่อย
- 14. 1. ภาระหนี้ สิน
2. ครอบครัวไม่อบอุ่น หย่าร้าง
3. ติดอบายมุข
การพักผ่อน การเกิดอุบัติเหตุ
เครียด
- 20. 1. Office syndrome : myalgia / LBP / โรคสายตาคอมพิวเตอร์
2. Tuberculosis / Aids / HBV infection / Influenza etc.
3. Carcinoma : radiation , chemical [ formalin ,
ethylene oxide ]
4. Hearing loss
5. Contact dermatitis
6. Stress / depression
7. Accident
8. Etc.
- 23. 1. ลดการได้รับอันตรายจากการทางาน โดยการจัดการ
ความเสี่ยงและ near miss
2. สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย และสวยงาม
3. พัฒนามาตรฐานวิธีการทางานที่บุคลากรต้อง
เกี่ยวข้องกับปัจจัยที่ไม่ปลอดภัยในงาน
4. สร้างเสริมทักษะและความรู้ทางอาชีวอนามัยแก่
บุคลากรอย่างต่อเนื่อง
5. ส่งเสริมกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพและป้ องกันโรคใน
บุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการเจ็บป่ วย
6. มีการตรวจร่างกายประจาปีตามความเสี่ยงและ
จัดบริการดูแลสุขภาพตามความเหมาะสม
- 35. ๑. การสารวจสภาพการทางานเพื่อรวบรวมข้อมูลสิ่งคุกคามต่าง ๆ
ทั้งหมดในแต่ละขั้นตอนของการทางาน
๒. พิจารณาว่าแต่ละสิ่งคุกคามนั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่าง
รุนแรงมากน้อยแค่ไหน ทั้งผลกระทบระยะสั้นและผลกระทบ
ระยะยาว
๓. พิจารณาโอกาสที่สิ่งคุกคามนั้นๆ จะก่อให้เกิดอันตรายหรือโรค
จากการทางานในกลุ่มผู้ทางานหรือไม่อย่างไร โดยพิจารณาจาก
ระดับและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของการรับสัมผัสในแต่ละสิ่งคุกคาม
๔. จัดลาดับความเสี่ยงของแต่ละสิ่งคุกคามว่าสิ่งคุกคามใดใน
ขั้นตอนกระบวนการทางานใดมีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อ
สุขภาพของผู้ทางานหรือพนักงานสูง สิ่งคุกคามใดมีความเสี่ยง
ปานกลาง หรือมีความเสี่ยงน้อย
- 41. ๔. จัดเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์และทีมงานก่อนการตรวจ เมื่อ
ทราบรายการของการตรวจสุขภาพแล้ว จะต้องจัดเตรียม
เครื่องมือและอุปกรณ์ในการตรวจต่าง ๆ เช่น การเตรียม
แบบสอบถามที่จะใช้ในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งควรจะออกแบบ
มาเป็นอย่างดี มีจานวนเพียงพอสาหรับบุคลากรที่จะเข้ารับ
การตรวจทุกคน การตรวจสภาพเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการ
ตรวจทางอาชีวเวชศาสตร์ เช่น เครื่องตรวจสายตา
เครื่องตรวจการได้ยิน เป็นต้น
- 48. ควรมีการรวบรวมประวัติของบุคลากรทั้งหมดได้แก่
๑. ส่วนข้อมูลทั่วไป วันเดือนปีเกิด เพศ เชื้ อชาติ
๒. ประวัติสุขภาพ : สุขภาพทั่วไป ประวัติการเจ็บป่ วย การให้
ภูมิคุ้มกัน การป่ วยทางจิต การรักษาในโรงพยาบาล การรับการผ่าตัด
การแพ้ยา วิถีชีวิตทั้งในเรื่องการกินอยู่หลับนอน การออกกาลังกาย
การดื่มกาแฟ ดื่มสุรา การใช้ยา การสูบบุหรี่
๓. ประวัติครอบครัว : สถานะสุข ภาพ สาเหตุการตายของคนใน
ครอบครัว ปัญหาสุขภาพของแต่ละคน
๔. ประวัติทางจิตสังคม :ข้อมูลที่ควรทราบได้แก่ วิธีการพักผ่อน
หย่อนใจ การใช้เวลาว่างและความเครียด และการแก้ไขปัญหาเมื่อ
รู้สึกเครียด
๕. ประวัติการทางาน :หน้าที่งานในปัจจุบัน ทามานานเท่าไร งานที่ทาอยู่
เกี่ยวข้องกับสารเคมี หรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้อง เป็นลักษณะ
- 50. ๑. การตรวจ nasal swab C/S เมื่อมีการระบาด MRSA
ของหน่วยงานที่เสี่ยง
๒. การตรวจ rectal swab C/S บุคลากรที่ทาหน้าที่เกี่ยวกับ
อาหาร เช่นโภชนาการ คาเฟทีเรีย
๓. การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ โภชนาการ คาเฟทีเรีย
บุคลากรที่ทาหน้าที่เกี่ยวข้องกับอาหาร
๔. การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และให้วัคซีน บุคลากรที่
ทางานสัมผัสเลือด สารคัดหลั่งต่างๆ
- 51. แนวทางการออกแบบตรวจสุขภาพตามความเสี่ยง
แผนก ตัวอยางสิงคุกคาม การตรวจกอน ้างาน การตรวจปร จาป
อุบัติ หตุ/
ฉุก ฉิน
1. ชื้อ รค
2. รังส
3. การทางาน ปนก
4. สารคม
- ุงมือ
5. ปัจจัย ้าน
จิตวิทยา/สังคม
- ซักปร วัติภูมิคุ้มกัน
แล วัคซน
- CBC
- ซักปร วัติ รค
ปร จาตัว
- ซักปร วัติภูมิแพ้
ชนแพ้สารทา ทกซ์
- การท สอบทาง
จิตวิทยา
- ตรวจ มือมอาการ
ผิ ปกติ หรือสงสัยวา
สัมผัส ชื้อ รค
- CBC
- ซักปร วัติ รค
ภูมิแพ้ผิวหนัง
- การท สอบทาง
จิตวิทยา
- 52. ภชนาการ - ความร้อน
- กาย าสตร์
- อุบัติ หตุลืนหกล้ม
สิงทจา ปนต้องตรวจ
- ตรวจหา ชื้อ วรัส
อัก สบ
- ตรวจผิวหนังหนังท
มือ
- CXR
- Stool Exam For
Parasite
- ตรวจสมรร ภาพการ
มอง หน
- ตรวจสมรร ภาพ
ปอ
- ตรวจผิวหนังหนังท
มือ
- CXR
- Stool Exam For
Parasite
- ตรวจสมรร ภาพ
การมอง หน
- ตรวจสมรร ภาพ
ปอ
- 53. ยานพาหน -สายตา
- สยง ัง
-การนัง ับร นาน
-ความสันส ทือน
-ตรวจสมรร ภาพการ
มองหน
-ตรวจสมรร ภาพการ
้ยิน
-ซักปร วัติ รค
ปร จาตัวชน รค
ลมชัก
-
สิ่งที่ควรตรวจเพิ่ม
-ตรวจหาสารสพติ
- ตรวจสมรร ภาพ
การมองหน
- ตรวจสมรร ภาพ
การ ้ยิน
-ตรวจหาสารสพติ
- 54. การตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงจากการทางาน เป็นการตรวจเพื่อเฝ้ า
ระวังป้ องกันโรค ไม่ใช่การรักษา เป็นการตรวจเพิ่มเติมจากการตรวจ
ร่างกายทั่วไปทุกระบบ
๑. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (CBC / Urine exam / C.X.R
FBS, BUN, Creatinine, L.F.T
๒. ถ้าอายุเกิน 35 ปี เพิ่มการตรวจ Cholesterol,
Triglyceride LDL/HDL Uric acid
๓. เฉพาะสตรีเพิ่มการตรวจ pap smear และมะเร็งเต้านม ปีละ 1
ครั้ง หลังมีบุตรคนแรก
๔. อายุมากกว่า 40 ปี ตรวจความดันลูกตา และ ตรวจ EKG
- 55. ๑. การตรวจพิเศษทางสุขภาพตามความเสี่ยง ถ้าผลการตรวจสุขภาพปกติ
และผลการตรวจสิ่งแวดล้อมจากการ ทางานไม่เกินค่ามาตรฐาน ควรเว้น
ระยะเวลาการตรวจให้ห่างขึ้ น
๒. การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน ถ้าพบผลผิดปกติให้ส่งตรวจซ้าโดยแพทย์
อีกครั้ง และตรวจเฝ้ าระวัง ทุก 1 ปี
๓. การตรวจสมรรถภาพการมองเห็น ถ้าพบผลผิดปกติให้ตรวจซ้าทุก 1 ปี
และให้ดาเนินการแก้ไข
๔. การตรวจสมรรถภาพปอด ถ้าพบผลผิดปกติให้ส่งตรวจ X-ray ปอดซ้าอีก
ครั้งและตรวจเฝ้ าระวังทุก 1 ปี ขึ้ นอยู่กับความเสี่ยงอะไร
๕. การตรวจหาสารเคมีในเลือด
๖. - การตรวจสารตะกั่ว ถ้าเกิน 40 µg/100 ml ให้ตรวจซ้าทุก 6 เดือน
ถ้าไม่เกินค่ามาตรฐานให้ตรวจเฝ้ าระวังทุก 1 ปี
- 57. ๑. การตรวจคั กรองท กยว ้องกับปร วัติการสูบบุหร ืมสุรา แล /หรือการ
ใช้สาร สพติ ทุก1 ป
๒. การตรวจคั กรองท กยว ้องกับปร วัติ พ สัมพันธ์ความ สยง ทุก1-3 ป
๓. การตรวจคั กรองท กยว ้องกับความ สยงตอการติ ชื้อวัณ รค ทุก 1 ป
๔. การตรวจคั กรองท กยว ้องกับปัจจัย สยงแล อาการ อง รคม รง ทุก
1-3 ป
๕. การตรวจคั กรองท กยว ้องกับปัจจัย สยงตอ รค บาหวาน ทุก 1-3 ป
๖. การตรวจคั กรองท กยว ้องกับปัจจัย สยงตอภาว หลอ ลือ แ ง ทุก 1-
3 ป
๗. การตรวจคั กรองท กยว ้องกับปัจจัย สยงตอภาว ความผิ ปกติ อง ต
ทุก 1-3 ป
- 60. BMI การแปลผล
< 20 underweight
20-24.9 normal ปกติ
25.0-29.9 obesity 1a รคอ้วน1
30.0-34.99 obesity 1b รคอ้วน1
35.0-39.99 obesity 2 รคอ้วน2
>= 40 obesity 3 รคอ้วน3
- 62. • คนไม่เสี่ยง จะตรวจอะไรบ้าง
- ผู้ทมอายุมากกวา 35 ป ควรตรวจระดับ Total cholesterolในเลือด
(TC) อย่างเดียว
แต ้าสูงกวาหรือ ทากับ 240 mg/dl จึงตรวจ TC, triglyceride แล
HDL-C ้า มันอยูใน กณฑ์ปกติควรตรวจอยางน้อยทุก 5 ป
- ผู้ชาย > 45 ป แล ผู้หญิง > 55 ป
ควรตรวจ TC, TG และ HDL-C
- 63. • คนที่เสี่ยงคือใคร ควรตรวจอะไร
-ความ ัน ลหิตสูง รค บาหวาน สูบบุหร รคอ้วนปร วัติครอบครัว ปน รคหัวใจ า ลือ อัมพาต
อัมพฤกษ์หรือร ับ มันใน ลือ สูง แล ผู้อา ัยอยูใน มือง
-ผู้ทมภาว หลอ ลือ แ งแ ง ้แก
รคหัวใจ า ลือ อัมพาต อัมพฤกษ์
• ควรตรวจ TC, TG และ HDL-C
- 64. กลุ่มเสี่ยง
• ภาว อ้วน
• มปร วัติ บาหวานในครอบครัวสายตรง
• คลอ บุตรน้าหนักมากกวา 4000 กรัมหรือ
้รับการวินิจฉัยวา ปน บาหวาน ณ ตั้งครรภ์
• ความ ัน ลหิตสูง >= 140/90 mmHg
• HDL-C =< 35 mg/dl หรือร ับ TG >= 250 mg/dl
แนะนาให้ตรวจคัดกรองทุก 3 ปี
- 72. ความสาคัญของอุปกรณ์ป้ องกันส่วนบุคคล
ไอ ระเหย ก๊าซ ฝุ่น ฟูม และอนุภาคของสารเคมี ทาให้
บุคลากรที่เข้าไปทางานเสี่ยงต่ออันตราย
บุคลากรที่ทางานในพื้นที่จึงต้องสวมใส่อุปกรณ์ทุก
ครั้งที่เข้าไปใกล้พื้นที่นั้น
จุดมุ่งหมายเพื่อกัน หรือแยกคนจากอันตรายทางเคมี
อันตรายทางกายภาพ และอันตรายทางชีวภาพ และเป็น
การป้ องกันผู้สวมใส่จากการบาดเจ็บ หรือการได้รับ
อันตราย
- 74. ชนิด
1. แว่นตานิรภัย (Safety spectacles) มีรูปร่างเหมือนแว่น
สายตาทั่วไป มีความแข็งแรง ทนแรงกระแทก แรงเจาะของวัตถุที่พุ่งเข้า
สู่ใบหน้าได้ ใช้สาหรับป้ องกันอันตรายที่มีทิศทางมาจากทั้งด้านหน้า
และด้านข้าง
- 75. 2. ครอบตานิรภัย (Safety Goggles) เป็นอุปกรณ์ครอบปิด
ดวงตาทั้งสองข้าง สามารถป้ องกันอันตรายทั้งจากของแข็งและของ
ของเหลวที่พุ่งหรือกระเด็นเข้าใส่ดวงตาได้รอบด้าน เนื่องจากกรอบของ
ครอบตานิรภัยมีลักษณะอ่อนนุ่ม แนบสนิทกับรอบดวงตาได้ดี
- 76. 3. กระบังหน้า (Face shields) เป็นแผ่นวัสดุโค้งครอบใบหน้า
ใช้สาหรับป้ องกันอันตรายต่อใบหน้า ดวงตา และลาคอจากการกระทบ
ของของแข็งของเหลว และการกระเด็นของของเหลวรวมทั้งโลหะ
หลอมเหลวด้วย แต่ประสิทธิภาพในการป้ องกันแรงกระแทกของกระบัง
หน้าน้อยกว่าแว่นตาและครอบตานิรภัย จึงควรใช้กระบังหน้าร่วมกับ
แว่นตาหรือครอบตานิรภัยเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
กระบังหน้าสาหรับงานเชื่อมโลหะ (Welding shields) มัก
ทาจากวัสดุที่แสงผ่านไม่ได้ และเจาะช่องมองไว้เพื่อประกอบเข้ากับ
เลนส์กรองแสง กระบังหน้าชนิดนี้มีทั้งแบบครอบศีรษะและแบบถือด้วย
มือ
- 78. อุปกรณ์ปกป้ องระบบทางเดินหายใจแบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามกลไก
การป้ องกันคือ
1. ชนิดกรองอากาศ หรือหน้ากากกรองอากาศ มีส่วนสาคัญคือตัว
กรอง ทาหน้าที่ดักจับสารอันตรายในอากาศ อากาศที่ผ่านจากตัว
กรองจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หน้ากากกรองอากาศยังแบ่งได้
อีกเป็น หน้ากากกรองอนุภาค (ฝุ่น ละออง ฟูมโลหะ) หน้ากากกรอง
ก๊าซและไอระเหย และหน้ากากกรองอนุภาค กรองก๊าซและไอระเหย
รวมกัน
- 80. N = NON OIL PROOVE ใช้กรองเชื้อโรค
P = PROOVE FOR OILใช้กรองสารเคมีที่มีน้ามัน
95 = ประสิทธิภาพกรองได้ 95%
99= ประสิทธิภาพกรองได้ 99%
- 89. กิจกรรมกลุ่มย่อย คือ กลุ่มของบุคลากรระดับปฏิบัติการที่มารวมตัวกัน เพื่อ
แก้ไขปัญหาที่ต้องดูแลรับผิดชอบร่วมกัน
เน้นการมีส่วนร่วมและการทางานเป็ นทีม สามารถประยุกต์กิจกรรมกลุ่ม SGA เข้า
กับงานประจาหรือกิจกรรมเรื่องต่างๆ ที่เราดาเนินการอยู่แล้ว ทาให้บุคลากร
ติดต่อสื่อสารกันมากขึ้ น สร้างความคิดริเริ่มและกล้าแสดงออกในการแก้ปัญหางานให้
ดีขึ้ นและทาให้บุคลากรมีความรู้สึกว่า “นี่คือปัญหาของเรา” เราต้องช่วยแก้ไข