Contenu connexe
Similaire à พ่อแม่แบบอย่าง
Similaire à พ่อแม่แบบอย่าง (20)
พ่อแม่แบบอย่าง
- 2. ค�าน�า
“ความส�าเร็จของลูก คือ ความสุขของพ่อแม่” ในฐานะที่ท่านเป็นผู้
ปกครอง ผมเชื่อว่าสิ่งส�าคัญที่สุดในชีวิตของท่าน คือ “ลูก” และสิ่งที่จะท�าให้
ท่านมีความสุขที่สุด คือ การที่ท่านเห็นลูกเติบโตเป็นคนดีเห็นความส�าเร็จของ
ลูก ซึ่งการที่ท่านจะเห็นสิ่งเหล่านี้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยเพียงแต่เริ่มต้นที่ตัว
ท่าน ด้วยการ “ท�างานให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อ แม่ได้
ชื่อว่าเป็นครูคนแรกของลูกที่คอยสอนชี้แนะ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก “เป็นครู เป็น
ที่พึ่ง ของลูกตลอดชีวิต” ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ความห่วงใย เอื้ออาทรแก่
ลูก ให้อภัยเมื่อลูกท�าผิดพลาด ลูกจึงเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อ แม่ตลอดเวลา
ดังนั้นการที่พ่อ แม่บางท่าน คิดว่า การศึกษาเป็นเรื่องของครูกับโรงเรียน
เท่านั้น จึงยกหน้าที่ในการดูแลบุตรหลานให้กับโรงเรียนทั้งหมด และคิดว่า
ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดู อบรม ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด บ้านและโรงเรียน
จะต้องให้ความร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่าย เปรียบเสมือนปรบมือ 2 ข้าง (พ่อ แม่ และ
ครู) จึงจะดัง
หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมข้อคิดต่างๆ จัดท�าขึ้นโดยมุ่งหวังเพื่อแนะน�าผู้
ปกครอง พ่อ แม่ในการอบรมเลี้ยงดู เอาใจใส่ในฐานะผู้ปกครอง เพื่อให้ลูก เป็น
คนดี เรียนจบ และปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โรงเรียนจึงโครงการ
นนทรีร่วมสร้างครอบครัวอบอุ่น อันจะก่อให้เกิดความสุข ความเจริญแก่บุตร
หลาน และสังคมไทยโดยรวมตลอดไปอย่างยั่งยืน
(นายเชิดศักดิ์ ศุภโสภณ)
ผู้อ�านวยการโรงเรียนนนทรีวิทยา
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๓
2
- 4. สาส์นผู้อ�านวยการ
เรียน ผู้ปกครองนักเรียนทุกท่าน
ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ปกครอง ผมเชื่อว่าสิ่งที่ส�าคัญที่สุดในชีวิตของท่านคือ “ลูก”
และสิ่งที่จะท�าให้ท่านมีความสุขที่สุดในชีวิต คือการที่ท่านได้เห็นลูกเติบโตเป็นคนดี เห็น
ความส�าเร็จของลูก และเห็นลูกขอองท่านมีความสุขซึ่งการที่ท่าน ได้สร้างสิ่งเหล่านั้น
ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงเริ่มต้นที่ตัวท่าน ด้วยการช่วยสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งผมเชื่อ
ว่าทุกท่านได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่นอยู่แล้ว หากแต่ ในสังคมปัจจุบันดูจะมีปัญหา
มากมายที่จะส่งผลกระทบต่อลูกของเรา ผมในฐานะผู้อ�านวยการโรงเรียน ซึ่งมีความรัก
และความห่วงใยในบุตรหลานของท่านและ คิดอยู่เสมอว่าเขาเหล่านั้น คือ ลูกหลานของ
ผมที่ผมต้องดูแลเอาใจใส่ให้เขา มีความสุขความส�าเร็จ ในชีวิตเช่นเดียวกัน โรงเรียน
นนทรีวิทยาจึงขอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของท่านในการช่วยกันสร้างครอบครัวของ
เราให้อบอุ่น ด้วยการ ให้ความรักความอบอุ่น ด้วยการให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูก
ของเราด้วยกิจกรรมดังต่อไปนี้
1. ไม่ดื่มสุรา ไม่เสพสิ่งเสพติดและไม่เล่นการพนันทุกชนิด
2. ประกอบอาชีพโดยสุจริต โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
3. เมือมีปญหาเกิดขึน ให้ใช้เหตุผลในการแก้ปญหา หลีกเลียงการใช้ความ รุนแรง
่ ั ้ ั ่
4. มีเวลาท�ากิจกรรมร่วมกับลูก เช่น รับประทานข้าวร่วมกันเดือนละอย่างน้อย
12 ครั้ง หรือ 3 มื้อ / สัปดาห์
5. ท�าบ้านให้สะอาด ร่มรื่น น่าอยู่
6. เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก เช่น ไม่ทะเลาะกันมีความซื่อสัตย์ สุภาพ เมตตาต่อกัน
มีเหตุผล ยิ้มแย้มแจ่มใส
7. ทุกคนในครอบครัวมีความรับผิดชอบในบทบาทหน้าทีของตน และท�างานอย่างมี
่
ประสิทธิภาพ
8. สมาชิกในครอบครัวมีเวลาท�ากิจกรรมนอกบ้านร่วมกัน อย่างน้อยเดือนละ 1 ครัง ้
เช่น ไปเที่ยวพักผ่อน ไปเยี่ยมญาติ ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน
4
- 5. 9. พ่อ แม่ ลูก มีความสนิทสนมใกล้ชิดกัน เป็นครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมที่จะพูด
รับฟังความคิดเห้นของกันและกันอยู่เสมอ
10. สมาชิกในครอบครัวไปร่วมพิธีทางศาสนาร่วมกันอย่างน้อย เดือนละ 1 ครั้ง
11. สมาชิกในครอบครัวได้มีโอกาสได้มีโอกาสอยู่ร่วมกับปู่ย่าตายาย โดยการน�า
บุตรหลานไปเยี่ยมเยียน หรือรับมาอยู่ในครอบครัวด้วย เพื่อสร้างความสนิทสนมใกล้ชิด
กันและรู้จักกตัญญูรู้คุณบุพการี
12. ควรมีกจกรรมนันทนาการในครอบครัวร่วมกัน เช่น ร้องเพลง เล่านิทาน เล่นเกมส์
ิ
ดูภาพยนต์
ผมเชื่อว่าหลายครอบครัวได้มีกิจกรรมนี้อยู่แล้ว และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้
ปกครองทุกท่านคงจะได้น�ากิจกรรมเหล่านี้ไปปรับใช้ในครอบครัวต่อไป เพื่อสร้างความ
รัก ความอบอุ่น และความสุขให้แก่ลูกหลานของเราซึ่งย่อมหมายถึง ความสุขของท่าน
เช่นเดียวกัน
เมื่อท่าน และลูกหลานมีความสุข ผมและครูโรงเรียนนนทรีวิทยาทุกคน ที่เปรียบ
เสมือนบุคคลในครอบครัวเดียวกันกับท่าน และมุ่งหวังจะเห็นความสุข ความส�าเร็จของ
ศิษย์ ซึ่งเปรียบเสมือน “ลูก” เช่นเดียวกับท่าน ก็มีความสุข และความภาคภูมิใจ มีก�าลัง
ใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลเอาใจใส่ให้วิชาความรู้แก่ศิษย์ต่อไป
ในโอกาสนี้ผมจึงขอเชิญชวน และขอขอบคุณท่านผู้ปกครองทุกท่าน ในการที่จะ
ช่วยสร้างครอบครัวของเราให้อบอุ่นเพื่อ “ลูก” อันเป็นที่รักยิ่งของเรา
(นายเชิดศักดิ์ ศุภโสภณ)
ผู้อ�านวยการโรงเรียนนนทรีวิทยา
5
- 6. การเลี้ยงดูบุตรในยุคโลกาภิวัฒน์
ปัญหาของเด็กในปัจจุบัน
แพทย์หญิงวินัดดา ปิยะศิลป์
พบปัญหาหลากหลายรูปแบบ จะยกขึ้นมาเฉพาะปัญหาที่เกิด
จากการเลี้ยงดูที่เบี่ยงเบนเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น
รักสบาย ขี้เกียจ ขาดความกระตือรือร้น เฉื่อยชา
ฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเปลืองไม่เห็นคุณค่าของเงินและของที่ได้มา
ดื้อ เอาแต่ใจตัวเอง เห็นแก่ตัว ไม่ค�านึงถึง ความรู้สึกของผู้อื่น
ก้าวร้าว รุนแรง ทั้งกิริยา วาจา การกระท�า รวมทั้งวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ
ขาดระเบียบ วินย ไม่มมารยาท ขาดความควบคุมตนเอง หรือควบคุมตนเองได้นอย
ั ี ้
ใจร้อนตามใจ ตนเองมาก แต่ไปบังคับเรียกร้องจากคนอื่น
คิดแก้ปัญหาต่างๆ ไม่เป็นระบบหรือท�าได้บางส่วนขาดการวางแผน ไม่รอบคอบ
ขาดทักษะ ขาดประสบการณ์ ขาดไหวพริบ
มีข้อขัดแย้งสูง ไม่มั่นใจในตนเอง
ว้าเหว่ เหงา เบื่อหน่ายง่าย ขาดจุดมุ่งหมาย ฯลฯ
จากปัญหาข้างต้นเป็นเหตุให้พ่อแม่ยุคปัจจุบันจ�าเป็นต้อง
กลับมาพิจารณาวิถีชีวิต และวิธีการเลี้ยงดูเพื่อปรับเปลี่ยน
ลดปัญหาต่างๆ ในเด็กให้น้อยที่สุด...
6
- 7. ปัญหาของพ่อแม่ในยุคปัจจุบัน
1.มีความเร่งรัดและมีการแข่งขันสูง : ในปัจจุบันเป็นยุคการแข่งขัน การลงทุน
เป็นยุคของการท�าธุรกิจทีตองการ ความรวดเร็ว พ่อแม่สวนใหญ่จะหมดเวลาและพลังงาน
่้ ่
ในกิจการงานต่างๆ การเลียงลูกในยุคนีจงกลายเป็นสิงหนึงต้องท�าให้รวดเร็วในเวลาจ�ากัด
้ ้ึ ่ ่
ทังในด้านชีวตความเป็นอยู ่ การเรียน การท�างาน แม้แต่การกีฬา หรือด้านตรี ซึงจะยัดเยียด
้ ิ ่
ให้เด็กท�าให้ได้ในเวลาที่จ�ากัดขณะเดียวกันมักจะคาดหวังไว้สูง โดยลืมว่าพื้นฐานการ
เรียนรูในเด็กทีดควรมาจากบรรยากาศทีสนุกสนาน ใช้ เวลาในการซึมชับ ให้โอกาสลองผิด
้ ่ ี ่
ลองถูก ให้ก�าลังใจกันเป็นระยะๆ ค่อยเป็นค่อยไปมีแบบอย่างและมีแรงจูงใจที่ดีทั้งหมด
จะส่งผลการท�าให้เด็กเฉือยชา ขาดความกระตือรือร้น ในทางตรงข้าม เด็กจะมีการแข่งขัน
่
ชิงดีชิงเด่นสูงความเห็นแก่ตัวได้เพิ่มขึ้น ไม่สนความรู้สึกของคนอื่นเป็นต้น
2.ต้องการความรวดเร็ว : ในเวลาที่เร่งรีบ พ่อแม่ ส่วนใหญ่มักจะใช้เหตุผลนี้ใน
การเข้ามาช่วยเหลือเด็ก โดยหวังว่าจะให้การท�ากิจกรรมต่างๆ ของเด็ก ประสบความส�าเร็จ
ในเวลา ที่ก�าหนด เช่น การกิน การแต่งตัว การรับประทานอาหาร การเก็บของเล่น ฯลฯ
แต่ลืมคิดไป ว่าการที่พ่อแม่เข้ามาช่วยเด็ก รวมทั้งขัดขวางพัฒนาการในการเรียนรู้ ฝึกฝน
ทักษะ ทีสาคัญทีสดก็คอ มาตัดโอกาสทีจะให้เด็กหัดคิดไตร่ตรอง แก้ปญหาจากเหตุการณ์
่� ุ่ ื ่ ั
ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวทั้งหมด จะมีผลท�าให้ เด็กช่วยตัวเอง ไม่สมวัย ติดอยู่กับการพึ่งพา
ผู้อื่น ขาดทักษะการใช้มือคิดเองไม่เป็น ขาดการวางแผนล่วงหน้าและที่ส�าคัญก็คือเด็ก
เคยชินกับการที่ไม่ต้องพึ่งตัวเอง รักสบาย ขี้เกียจขาดความกระตือรือร้นเฉื่อยชาได้
3. มีความระเริงไปกับสิ่งอารมณ์ต่างๆ : เช่น แสง สี เสียง ดนตรี กีฬา วัตถุที่
เร้าอารมณ์ ความรู้สึกสิ่งของต่างๆ เช่น หลงใหลในวัตถุเครื่องใช้ การแต่งตัวของเล่น
เครื่องเล่นเกม เป็นต้น ซึ่งทั้งหมด จะเป็นแบบอย่างท�าให้เด็กเลียนแบบ และติดอยู่กับสิง ่
ต่างๆ เหล่านีได้งายในชีวตของเด็กจะต้องใช้ชวตในการเล่าเรียนแสวงหาประสบการณ์แต่ก็
้ ่ ิ ีิ
ต้องแบ่งเวลา ในการผ่อนคลายอารมณ์โดยผ่านการเล่นเป็นระยะจึงจะท�าให้เด็กรับสภาพ
การเรียนรู้ในสถาบันการศึกษาได้ยาวนานหน้าที่ของพ่อแม่ นอกจากส่งเสริมสนับสนุน
7
- 8. การเรียนรู้ของเด็กตามวัยทั้งจากห้องเรียนและจากชีวิตประจ�าวันแล้ว ยังต้องสอนให้เด็ก
หัดแบ่งเวลาในการผ่อนคลายหรือสามารถหาความรื่นรมย์ จากสิ่งต่างๆ รอบตัว แต่ถ้า
เป็นการผ่อนคลายมากเกินไป จะท�าให้เด็ก ติดกับ การเล่นสนุก หรือติดของเล่นจนท�าให้
การเรียนรู้ ด้านอื่นตกไปเช่นกัน ในทางตรงข้ามถ้าฝึกฝนจริงจังเกินไปแม้ในการเล่นก็จะ
ท�าให้บรรยากาศใน การผ่อนคลายเสียไปเท่ากับไม่เพิ่มความเครียดให้มากขึ้น
4. บรรยากาศรุนแรง : นอกจากสิงแวดล้อมต่าง ๆทีเ่ ร่งรีบแข่งขันแล้วความเครียด
่
จากการท�างาน การเดินทาง ซึ่งถูกเร้าด้วยภาระหน้าที่จะเป็นการเสริมท�าให้ผู้คนปัจจุบัน
นิยม ที่จะแสดงออกถึงความก้าวร้าวทั้งจากการกระท�าและ ทางวาจาได้ง่ายโดยเฉพาะ
ในเด็กซึงนอกจากจะเห็นแบบอย่างลักษณะดังกล่าวจากพ่อแม่และ ผูคนรอบข้างแล้ว ยังมี
่ ้
ความก้าวร้าวที่ซ่อนอยู่ในระบบสื่อสารมวลชน เช่น ทางโทรทัศน์ละคร เกม วีดีโอ ฯลฯ ซึ่ง
ส่วนใหญ่จะออกมาในรูปของบรรยากาศก้าวร้าวทังนัน ทังหมดจะหล่อหลอมท�าให้เคยชิน
้ ้ ้
กับสิ่งเหล่านี้ และกลายกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพ
5. ไม่มจดมุงหมายในการเลียงดู : พ่อแม่ปจจุบนส่วนใหญ่ ยังไม่มจดมุงหมาย
ี ุ ่ ้ ั ั ีุ ่
ในการเลี้ยงดูเด็กในแต่ละช่วงอายุ และไม่ทราบวิธีการที่จะใช้ในการฝึกเด็ก จึงท�าให้ผลที่
ได้มาแตกต่างไปจากสิ่งที่พ่อแม่ต้องการในขณะที่เรามีคู่มือในการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
แต่เราไม่เคยเรียนรู้หรือมีคู่มือในการเลี้ยงดูเด็กที่เหมาะสม ส�าหรับพ่อแม่ยุคใหม่เช่นกัน
ต่างคนต่าง ก็ท�าตามสิ่งที่ตนเองเคยได้รับหรือเคยเห็นมา โดยไม่ทราบว่าสิ่งนั้น ถูกหรือ
ผิดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมส�าหรับเด็กแต่ละคนหรือไม่
ในขณะที่สังคมภายนอกเปราะบางอยู่ในระบบธุรกิจ แก่งแย่งชิงดี
หลงใหลไปกับวัตถุ สิ่งล่อใจต่าง เป็นระบบตัวใครตัวมัน แข่งขัน ถือดี
จริยธรรมเสื่อมโทรม ฯลฯ เด็กยุคใหม่ที่จะอยู่ในสังคมที่มีลักษณะ
ที่กล่าวมาข้างต้นได้จึงจ�าเป็นต้องมี “ภูมิคุ้มกัน”
หรือมี “ความต้านทาน” ต่อสิ่งต่างๆ ให้ได้...
8
- 9. คุณ สมบัติของเด็ก
ที่จะประสบกับความส�าเร็จในชีวิตและมีความสุขนั้นจึงจ�าเป็นต้องมีลักษณะดัง
ต่อไปนี้ เช่น
1. พื้นอารมณ์สดใส ร่าเริง มองโลกในแง่ดี รักตนเอง และผู้อื่น
2. มีอารมณ์ขัน สามารถเอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนของชีวิตได้
3. มีทางผ่อนคลาย มีงานอดิเรก หรือ มีกิจกรรมหลากหลายสามารถแสดงออกและ
ไม่เก็บกด
4. เข้ากับคนง่าย เข้ากับกลุ่มเพื่อนได้หลากหลาย
5. เข้าใจจุดแข็ง และจุดอ่อนของตัวเอง และรูจกพัฒนาตนเองรูวาตนเองมีคณค่า
้ั ้่ ุ
6. เรียนรูสวนดีและส่วนไม่ดของคน รูจกและแยกแยะสิงถูก-ผิด ชัว-ดี รับฟังความคิด
้่ ี ้ั ่ ่
เห็นของผู้อื่น
7. ช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ตามวัย
8. แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ในทางสร้างสรรค์ ยืดหยุ่น ปรับตัวได้ดี
9. จิตใจเข้มแข็ง มั่นคง และมีความอดทนต่อแรงกดดัน
10. เป็นของตัวเอง (มิใช่เอาแต่ใจตนเอง) มั่นใจในตนเอง
11. มีความพยายาม มีจุดมุ่งหมายและมีค่านิยมที่ถูกต้อง
12. รู้จักวางแผนล่วงหน้า
13. รับผิดชอบต่อตนเอง หน้าที่และผู้อื่น อยากช่วยเหลือสังคม
14. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ฯลฯ
ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูที่เหมาะสม
ข้อ 1-5 จะท�าให้เด็กมีความสุข
ข้อ 6-14 เป็นพื้นฐานที่ท�าให้เด็กประสบกับความส�าเร็จในชีวิต
9
- 10. หลักเกณฑ์ใ นการอบรม
1. ให้ความรัก ความอบอุ่นอย่างเหมาะสม
2. ท�าให้ครอบครัวมีความสุข บรรยากาศสดชื่น ร่าเริง
3. ท�าความเข้าใจธรรมชาติของเด็กแต่ละวัย
4. เลี้ยงลูกด้วยตนเอง
5. ช่วยเด็กพัฒนาความสามารถตามวัย (ตรงกับพัฒนาการในแต่ละขั้นตอน)
6. ช่วยให้เด็กมีความสุขที่ดีต่อตนเอง และผู้อื่น
7. ส่งเสริมให้เด็กมีความส�าคัญของตนเองไม่น้อยกว่าคนอื่น
8. ส่งเสริมให้เด็กได้คิดแบบมีหลักการ และเหตุผลให้โอกาสลองท�าและช่วยชี้แนะ
เมื่อเด็กตัดสินใจผิดพลาดเพื่อฝึกให้เด็กหัดแก้ปัญหาที่ตามมา
9. ส่งเสริมให้เด็กสามารถรู้สึกสนุกสนาน ผ่อนคลายในขณะที่เรียนรู้สิ่งต่างๆ
10. สม�่าเสมอ นุ่มนวล เข้าใจความรู้สึก แต่มีขอบเขตชัดเจน ยืดหยุ่นได้เล็กน้อย
10
- 11. การอบรม เลี้ยงดูเด็ก
ผูทเี่ คยเลียงดูเด็กคงทราบดีวา ปัญหาเกียวกับพฤติกรรมของเด็กเกิดขึน ได้เสมอ ๆ
้ ้ ่ ่ ้
และผู้ใหญ่จ�าเป็นต้องมีวิธีการในการแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม มีแรงเสริมเพื่อเพิ่ม
พฤติกรรมที่เหมาะสมให้ความสนใจเมื่อเด็กสามารถควบคุมตัวเองได้
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือพฤติกรรมที่เราไม่ต้องการ เช่น พฤติกรรมก้าวร้าว
รุนแรง ไม่ยอมท�าตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เป็นต้น วิธีการตอบสนองต่อพฤติกรรมดัง
กล่าว คือ
1. การใช้เหตุผล
: ควรท�าอย่างตรงไปตรงมาใช้ค�าพูดที่ง่ายแต่สั้นไม่ยืดยาว
2. การใช้ท่าที่หนักแน่น และจริงจัง
: บางครั้งต้องใช้ท่าทางหรือลงมือท�าร่วมกับเด็ก
3. การใช้สิ่งอื่นมาทดแทน
: เช่น ขณะที่ห้ามท�าสิ่งหนึ่งควรมีทางอื่นอีก 2 – 3 อย่างให้เด็กมีโอกาสเลือก
4. ให้โอกาส
: แสดงความคิดเห็น และความรู้สึกออกมาทางค�าพูดหรือท่าทางได้
5. การให้รางวัล
: เมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมโดยที่รางวัลนั้นอาจเป็นการกอด ยิ้ม จับ
ไหล่ ฯลฯ ไม่จ�าเป็นที่รางวัลหรือสิ่งของเสมอไป
6. การเลิกให้ความสนใจ เพราะธรรมชาติของเด็กทุกคน ต้องการความ
สนใจจากผู้อื่นถ้าเด็กท�าพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
: เลิกให้ความสนใจ เมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นควรให้ความสนใจต่อเด็กทันที
7. เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็ก
11
- 12. 8. การลงโทษ
: ควรระวังในความรุนแรง เพราะอาจไปท�าร้ายร่างกายเด็กได้ และไม่ควร
ลงโทษโดยใช้อารมณ์ เนื่องจากจะท�าให้การลงโทษรุนแรงเกินกว่าเหตุ ควรใช่วิธีการอื่น
ในการแก้ปัญหาพฤติกรรมของเด็กก่อน และเวลาใช้ควรแสดงให้เด็กเห็นว่าเราต้องการที่
จะหยุดพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น และพร้อมที่จะหยุดการลงโทษ เมื่อเด็กสามารถ
ควบคุมตัวเองได้ การลงโทษมีหลายวิธี เช่น การดุว่า การแยกตัว เด็กออกไปอยู่ตาม
ล�าพัง การปรับ การตี เป็นต้น
วิธการข้างต้นที่กล่าวมาอาจเลือกใช้เป็นกรณีๆ ไป
ี
พยายามหลีกเลี่ยงการลงโทษให้มากที่สุด เพราะสามารถท�าให้
เด็กเกิดความรู้สึกต่อต้านได้
12
- 14. ธรรมชาติของวัยรุ่น
การคบเพื่อนต่างเพศมิใช่เรื่องแปลกประหลาดในสังคม
มีความเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายจิตใจ อารมณ์ สังคม และฮอร์โมนทางเพศ
รักความเป็นอิสระ
อยากลอง อยากรู้
ค้นหาเอกลักษณ์ของตนเอง
ชอบแสดงออก
14
- 17. ท่านพูดประโยคต่อไปนี้
บ่อยแค่ไหน ?
“พ่อ แม่ รักลูกนะ”
“ไม่เป็นไร...เริ่มใหม่ได้”
“เชื่อว่าลูกท�าได้แน่ๆ”
“พ่อ แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ”
“มีเรื่องอะไรทีท�าให้ลูกไม่สบายใจหรือ”
“ดืมาก...ที่ลูกท�าถูกแล้ว”
“ดีใจมากที่ลูกมีน�้าใจ”
“ลูกลองคิดดูซิว่าเรื่องนี้ควรท�าอย่างไร”
“ลูกน่ารักมากที่จัดของเข้าที่เดิมได้เรียบร้อย”
“ขอบใจที่ลูกช่วยแม่ประหยัด”
ใช้ค�าว่า “สวัสดี” “ขอบคุณ” “ขอโทษ” ให้ลูกติดเป็นนิสัย
17
- 18. บอกเล่า “สิ่งดีๆ”
ที่ “ควรท�า”
ฝึกให้ลูกเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น
รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ใช้ค�าพูด และแสดงท่าทางได้เหมาะสมกับโอกาส เวลา และสถานที่
มองตนเองและผู้อื่นในแง่ดี
มีความเอื้ออาทร
รู้จักรับผิดชอบ
รู้จักอดทน อดกลั้น
ให้ตัวอย่างของการต่อสู้ชีวิตจนประสบความส�าเร็จ
18
- 21. ท�าไมต้อง
ดูแล
ช่วยเหลือ?
นักเรียน
ปัจจุบันมีปัญหาการใช้ความรุนแรงทางกายภาพที่ชัดเจนมากระทบต่อเด็ก
และเยาวชนหลายประการ เช่น
ความรุนแรงในครอบครัว โดยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักจะเป็นสตรีและเด็กที่ถูกท�าร้าย
และถูกคุกคามทางเพศ
ความรุนแรงในชุมชน ซึงคุกคามความสงบและความมันคงของชุมชน ส่วนใหญ่เป็น
่ ่
เรืองการลักทรัพย์ การระบาดของยาเสพติด การใช้อาวุธ และการต่อสูกนเองของแก๊งค์วยรุน
่ ้ั ั ่
ความรุนแรงจากอาชญากรรมในสังคม ที่ส�าคัญ คือ การค้ายาเสพติด การค้าคน
การพนัน การค้าอาวุธ และการหลอกลวงทางสื่อเทคโนโลยีต่างๆ
หากบุตรหลานถูกปล่อยปละละเลย อาจท�าให้ได้รับผลจากความ
รุนแรงเหล่านี้ได้ ดังนันผู้ปกครองต้องดูแลเอาใจใส่บุตรหลานของตน
้
ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
1564 ที่ระบุว่า “บิดามารดาจ�าต้องอุปการะเลี้ยงดู และให้การศึกษาตาม
สมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์....” รวมทั้งสอดคล้องกับพ.ร.บ.
การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 22 ที่ก�าหนดว่า “...ส่งเสริมให้ผู้
เรียนพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ”
21
- 22. พ่อแม่ ต้นแบบ
มองโลกในแง่ดี
รู้จักแก้ปัญหา
ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
อารมณ์มั่นคง
รักเข้าใจ และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น
คิดดี พูดดี ท�าดี
ไม่เครียด
กล้าคิด กล้าท�า กล้าตัดสินใจ
มีความคิดเห็นในทางบวก ชอบ
และมองคนอื่นในแง่บวก
22
- 23. ร่าเริงแจ่มใส อารมณ์ดี
มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
แสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผย
ไม่ปิดบังความลับต่อพ่อแม่
สบายใจ
อบอุ่นใจ
ไว้วางใจ
อยากใกล้ชิดและมีความสุข
ยิ้มแย้มแจ่มใส
23
- 24. วัยรุ่นยุคนี้
เป็นอย่างไร
ปัจจุบันสภาพสังคมมีวัฒนธรรมแบบบริ โ ภคนิ ย ม เด็ ก วั ย รุ ่ น จึ ง
มี ค ่ า นิ ย มอยากรวยเร็ว ส่วนใหญ่ผู้ปกครองเลี้ยงลูกแบบหลงลูกมากกว่า
รักลูก ไม่ฝึกให้ลูกท�างาน จึงท�าให้เด็กสมัยนี้ไม่ชอบท�างานและไม่มีเป้า
หมายในชีวิต
เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ต้องการท�างานเบาที่ สุ ด เพื่ อ ไปสู ่ ค วามสุ ข
จึงมีคานิยมฟุงเฟ้อ หาเงินด้วยการเล่นการพนันขายตัว หรือขายยาเสพติด
่ ้
เพื่อให้ได้เงินใช้เร็วๆ โดยไม่ลงแรงมาก
ดังนัน ผูปกครองจึงต้องอบรมดูแลสอน
้ ้
เด็กให้รจกตังเป้าหมายในชีวิตที่
ู้ ั ้
เหมาะสม มีความมุ่งมั่นในการท�างาน
เพื่อไปสู่เป้าหมาย มีความสามารถ
สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ มีศรัทธา
มั่นคงในคุณความดี มีเหตุผลฉลาด
แจ่มใส เกิดความรับผิดชอบต่อตนเอง
และสังคม
24
- 25. การอบรมเลี้ยงดู วัยรุ่น
เด็กคนใดมีความสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย
จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญาครบ
ทุกด้านก็อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ไม่สร้างปัญหาให้ครอบครัวและสังคม
ผู้ปกครองจ�าเป็นต้องรู้จักวิธีอบรม
เลี้ยงดูวัยรุ่นอย่างถูกวิธี
ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านร่างกาย
ให้ก�าลังใจและความรัก ดูแลให้อาหาร
ให้ความอบอุ่นและปลอดภัย ดูแลให้ที่อยู่
รับฟังความคิดเห็นและสมเหตุผล ดูแลให้เครื่องนุ่งห่ม
ให้เวลา ให้ค�าปรึกษา ดูแลสุขภาพ
ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
ด้านสติปัญญา
ให้โอกาสได้รับการศึกษา
ส่งเสริมให้มีความสามารถ
เฉพาะทาง
ส่งเสริมให้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน
ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
ด้านสังคม
ให้โอกาสร่วมกิจกรรม
ให้โอกาสตัดสินใจและแก้ปัญหา
ฝึกทักษะการเข้าสังคม
มีความเป็นประชาธิปไตย
ให้มีค่านิยมที่เหมาะสม
25
- 26. ลูกคิดอะไร
เมื่อได้รับสื่อ
ครอบครัวควรมีเวลาดูโทรทัศน์ร่วมกับเด็ก เลือกรายการ
ที่ดี มีความรู้ มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็ก
แต่ถ้าจ�าเป็นต้องดูรายการที่เลือกไม่ได้ ผู้ปกครองต้อง
ฝึกให้เด็กพิจารณาแยกแยะสาระของรายการโทรทัศน์ร่วมกับ
ตน เพื่อรู้เท่าทันสังคมในด้านต่างๆ
การปฏิบัติเช่นนี้เป็นวิธีการหนึ่งในการสร้างความอบอุ่น
ในครอบครัว ผู้ปกครองต้องรับฟังว่า “ลูกพูดอะไร” “ลูกคิด
อะไรอยู่” ร่วมกันพิจารณาว่าสิ่งที่ลูกคิดจะเกิดผลอะไร
นอกจากสือโทรทัศน์แล้วยังมีสอประเภทอืนๆ อีก เช่น สือ
่ ื่ ่ ่
สิ่งพิมพ์ต่างๆ วีดีทัศน์ อินเตอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งผู้ปกครองควรให้
ความเอาใจใส่เช่นกัน
26
- 27. เมื่อลูก
พลาดพลั้งไป
ผู้ปกครองควร :
รับฟังเหตุผล ไม่ลงโทษรุนแรง ชี้แจงให้เห็นผลที่เกิดขึ้น
ร่วมกับเด็กคิดหาทางเลือกในการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
ให้เด็กระบายความโกรธ ความก้าวร้าว ความไม่พอใจ
ด้วยวิธการทีเ่ หมาะสม เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี และมีงาน
ี
อดิเรกตามความสนใจ
จัดกิจกรรมให้เด็กมีส่วนร่วมในการพูดคุย แสดงออก และ
มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อการปรับตัวที่ดี
ชื่นชมยินดีหรือให้รางวัลเมื่อเด็กมีพฤติกรรมดีขึ้น
จากการเปิดใจของนักเรียน ในผลการวิจยพบว่า พฤติกรรมที่
ั
พ่อแม่กระท�าแล้วเด็กเกิดความรู้สึกดีๆ อย่างมาก คือ การโอบไหล่
กอดจูบ การให้ค�าปรึกษา และการพาไปเที่ยว รองลงมาคือ การซื้อ
ของขวัญให้ ถามสาระทุกข์สุขดิบเสมอ แสดงความดีใจเมื่อเด็ก
ประสบความส�าเร็จ อบรมสั่งสอนเด็กด้วยความเมตตา และการให้
ความรักความอบอุ่นในครอบครัว
27
- 28. พ่อแม่ท� า ได้
พฤติกรรมของพ่อแม่มักถ่ายทอดไปยังลูก ก่อให้เกิดอุปนิสัยเฉพาะตัว
ของลูก พ่อแม่จึงควร
ร่วมวางแผนอนาคตของลูก
ไต่ถามเรื่องที่โรงเรียน
เข้าร่วมประชุมผู้ปกครอง
ร่วมกิจกรรมของโรงเรียนการอบรมลูก
ไม่ควรเข้มงวดหรือหย่อนยานจนเกินไป
ใส่ใจวิธีสอน ปรึกษาหารือกับอาจารย์ เมื่อรู้สึกมีปัญหา
ให้ความส�าคัญกับระบบการศึกษา และคุณภาพของอาจารย์ ปลูกฝังอุปนิสัย
ให้เป็นคนดี มีคุณธรรมประจ�าใจ ตั้งแต่วัยเด็ก ช่วยส่งเสริมให้ลูกให้หลานให้
สามารถท�างาน จนประสบความส�าเร็จ
28
- 30. สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่รอด
สาระว่าด้วย
กฎหมายคุ้มครอง
สิทธิเด็ก
ลูก : แม่ขา หนูมีเรื่องจะปรึกษา
แม่ : ได้ซิลูก มีอะไรหรือ
ลูก : คือ พิมเพื่อนหนู เขาท้องค่ะ...แล้วแฟนเขาบังคับให้พิมท�าแท้งด้วย...เขาก็มา
ถามหนูว่าจะท�าอย่างไรดี
แม่ : ไม่ได้หรอกลูก มันบาปนะ...อันตรายต่อชีวิตพิมมาก แล้วนอกจากนั้นยังผิด
กฎหมายอีกด้วย
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 : “หญิงใดท�าตนเองแท้งลูก
ต้องระวางโทษจ�าคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท”
30
- 31. สิทธิที่จะไม่ถูกละเมิดทางเพศ
การข่มขืนกระท�าช�าเรา
หากกระท�ากับเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี, 15 ปี และเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส
โทษสูงสุด จ�าคุก 20 ปี ปรับตั้งแต่ 30,000 – 40,000 บาท หรือจ�าคุกตลอดชีวิต
และหากถึงแก่ความตาย โทษประหารชีวิตหรือจ�าคุกตลอดชีวิต
โทรมเด็กหญิง กระท�าโดยมีอาวุธ โทษสูงสุดประหารชีวิต หรือจ�าคุกตลอดชีวิต
และถ้าเด็กตายโทษประหารชีวิต
การท�าอนาจาร
กระท�ากับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ยินยอมหรือไม่ก็ตาม โทษจ�า/ปรับ
ขู่เข็ญ ใช้ก�าลัง ไม่สามารถขัดขืน โทษจ�าคุกไม่เกิน 15 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000
บาท หรือทั้งจ�า/ปรับ
กระท�าช�าเรา
เด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี/15 ปี เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส โทษสูงสุดจ�าคุก
ตลอดชีวิต และหากถึงแก่การตายโทษสูงสุดประหารชีวิต
การเป็นธุระจัดหาหญิงไปเพื่อการส�าเร็จความใคร่ของผู้อื่น เด็กหญิงอายุไม่เกิน
15 ปี โทษสูงสุดจ�าคุก 15 ปี และปรับกระท�าโดยใช้อุบายหลอกลวง ข่มขืนใจ จ�าคุก 20 ปี
หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
31
- 32. พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรหมั่นสังเกตอาการผิด
ปกติของบุตรหลานในการด�าเนินชีวิตประจ�าวัน ซึ่ง
อาจจะเป็นลางบอกเหตุร้าย หรือภัยที่จะกล�้ากลาย
มาสู่เด็กๆ ถ้าผู้ปกครองรู้เท่าทันอาจหาวิธีป้องกัน
ก่อนเหตุร้ายจะเกิดขึ้น
แต่งต่อล่อแหลม
อาการบอกเหตุ กินอาหารมาก/น้อยผิดปกติ
เก็บตัว เศร้าซึม ไม่เว้นวัน
กลับบ้านผิดเวลา
เล่นอินเตอร์เน็ตหามรุ่มหามค�่า
ทุ่มเทเวลาแต่งตัวสวยงามเกินสมควร
สนิทสนมกับเพื่อนบ้านบางคนเป็นพิเศษ
ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินสมควร
มีพฤติกรรมหลงท�าตามเพื่อน
หมกมุ่นกับการพูดคุยทางโทรศัพท์
กันก่อนเกิดเหตุ
ร่วมกันกับลูกวางแผนการใช้เวลาแต่ละวัน
ร่วมกันวิเคราะห์วิจารณ์ และเลือกใช้สื่อ/เทคโนโลยี
ใช้เวลาว่างท�ากิจกรรมในครอบครัวร่วมกัน
รับฟังปัญหาให้ค�าปรึกษาแบบมิตรที่ดี
วางแผนค่าใช้จ่ายครอบครัวร่วมกัน
32
- 33. สาระว่าด้วย
กฎหมายคุ้มครอง
สิทธิเด็ก
สิทธิในการได้รับการเลี้ยงดู
และได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ป๊อก : แม่ครับ โรงเรียนมัธยมศึกษาข้างบ้านเราเขาเปิดรับนักเรียนแล้ว ให้ผมไปสมัคร
ชั้นม.1 นะครับ
แม่ : ไม่ต้องเรียนแล้วแกน่ะ ออกมาช่วยแม่ท�างานที่โรงงาน หรือไปช่วยพ่อเขาตัด
อ้อยเถอะ
ป้า : ไม่ได้นะ...! ไม่ให้ลูกชายเรียนต่อไม่ได้ เพราะป๊อกยังอยู่ในวัยต้องเรียนระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐานภาคบังคับ 9 ปี
แม่ : อ้าว...! แล้วใครจะช่วยฉัน
ป้า : ก็ต้องช่วยกันหาวิธีการแก้ปัญหานี้แหละ แต่ถ้าไม่ให้ลูกเรียนผิดกฎหมาย และ
ต้องถูกปรับด้วยนะ
ป๊อก : ถ้างั้นแม่ให้ผมเรียน กศ.น. นอกเวลาท�างานนะครับ และผมก็ช่วยกันท�างานที่
บ้านเราได้
พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 มาตรา 6 และ
มาตรา 13 : ให้ผู้ปกครองส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา ผู้ปกครองที่ไม่
ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
33
- 34. สาระว่าด้วย
กฎหมายคุ้มครอง สิทธิที่จะไม่ถูกละเมิดทางเพศ
สิทธิเด็ก
ลุงสิงห์ : เดี๋ยวนี้...มีข่าวเด็กถูกข่มขืนบ่อยเหลือเกิน
ลุงช่วง : นั่นนะซิ...สังคมเราแย่ไปกันใหญ่แล้ว
ลุงสิงห์ : แล้วพวกเราจะช่วยกันอย่างไรดีล่ะ
ลุงช่วง : เราต้องช่วยกันตักเตือนลูกหลานของเราให้แต่งตัวมิดชิด อย่าประเจิดประเจ้อ
ยั่วยุนักซิ
ลุงสิงห์ : การไปในที่เปลี่ยวๆ ลับหู ลับตาคนตามล�าพังก็เหมือนกัน ต้องบอกให้ระวัง
ตัวตลอดเวลา ด้วยนะ
ลุงช่วง : ใช่...เราอย่าปล่อยลูกหลานให้ไปคนเดียวในที่เปลี่ยว หรือในเวลาค�่ามืด ถ้า
จ�าเป็นก็ต้องให้มีใครไปเป็นเพื่อนด้วยก็แล้วกัน
ลุงสิงห์ : อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ ผู้ปกครองควรมีความรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กที่
จะไม่ถูกละเมิดทางเพศบ้างนะ
34
- 35. พ่อแม่ท� า ได้
พาลูกไปนอกบ้าน หรือไปเยี่ยมเพื่อนฝูงเป็นครั้งคราว
ทิ้งงานทุกอย่างเพื่อลูกได้ ความสุขของลูกคือสิ่งส�าคัญที่สุด
ให้ความสนใจการแสดงออกทางอารมณ์และความคิดของลูก
หากเกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์รีบป้องกัน แก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ
ครอบครัวที่พ่อแม่ขัดแย้งกัน ถ้าทุบตีกันให้เด็กเห็น เด็กจะมีความกลัว
ไม่ลงโทษโดยการดุด่า ทุบตี ควรอธิบายให้เด็กรู้ว่าไม่ควรกระท�าโดยบอกเหตุผล
35
- 36. ส่งเสริมลูกหลาน
ตามความสามารถ
การให้ ค วามรู ้ แ ละประสบการณ์ แ ก่ ลู ก หลานของเรามี
ความส�าคัญที่สุด ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมให้เขาสามารถพัฒนา
ตนเองได้ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ โดยต้องตระหนักว่า
มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า มีปัญญาความสามารถหลายด้าน
แต่อาจมากน้อยต่างกันในแต่ละด้าน ได้แก่
36
- 37. ความสามารถด้านปัญญา การพัฒนาส่งเสริม
ด้านภาษา ฝึกการเขียนบทกวี ค�าประพันธ์ จดบันทึก ผสม
ผสานค�า และการออกเสียงทั้งภาษาไทยและ
ต่างประเทศ
ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ ฝึกการนับเลข ฝึกคิดเลขในใจ ฝึกใช้และคิด
สูตรมาทดแทนการนับ ฝึกคิดเป็นเหตุเป็นผล
ฝึกการคิดแก้ปัญหาและการคิดวิเคราะห์
ด้านมิติ ฝึกการจินตนาการ คิดสิ่งใหม่ๆ การวาดภาพ
ตามความคิด การประดิษฐ์รูปทรงต่างๆ การ
วาดภาพและระบายสี
ด้านมนุษย์สัมพันธ์ ฝึกให้ท�ากิจกรรมเป็นกลุ่ม ยอมรับฟังความคิด
เห็นของผู้อื่น ฝึกการรับรู้ แลกเปลี่ยนความคิด
เห็นกับผู้อื่น
ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ฝึกการออกก�าลังกาย บริหารร่างกาย การ
เคลื่อนไหวร่างกายที่ถูกต้อง ฝึกเล่นกีฬาที่ถนัด
ด้านดนตรี ฝึกการร้องเพลง ฟังเพลง เคาะจังหวะตาม
เพลง เลียนแบบการพูดจากวิทยุ โทรทัศน์
ด้านการเข้าใจตนเอง ฝึกสมาธิ ส�ารวจอารมณ์ตนเอง ฝึกสังเกต
พฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์
ด้านธรรมชาติ ฝึกการร่วมกิจกรรมรณรงค์อนุรักษ์ธรรมชาติ
การปลูกและดูแลต้นไม้ การเลียงสัตว์ และดูแล
้
สัตว์เลี้ยง
37
- 38. พ่อแม่ต้นแบบ
ในการดูแลช่วยหลือนักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครองและชุมชนเป็นได้ทั้งแหล่งเรียนรู้
และบุคคลตัวอย่างได้
การส่งเสริมให้ลูกหลานมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม ดังนี้
พฤติกรรมพ่อ แม่
ผู้ปกครอง ชุมชน
พฤติกรรมของลูกหลาน ความรู้สึกของลูกหลาน
38
- 39. อันตราย – ภัยพาล
ระวัง! มือมีดดักจี้มือถือนักศึกษา
อินเตอร์เน็ตเป็นผู้ร้ายที่ไม่มีตัวตน
เด็กมัธยมเร่ขายบริการทางเพศ
ผลวิจัยพบข้อสังเกตวัยรุ่นเคยเสียสาว
ผีพนันบอลเข้าสิงนักเรียนยิงตัวตายหนีหนี้
ขโมยเงินเพื่อนเอาไปซื้อของฟุ่มเฟือย
ยิงครูตายแค้นประจานหน้าห้อง
วัยรุ่น
วัยรุ่น เป็นวัยที่ก�าลังก้าวพ้นจากความเป็นเด็ก
เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เป็นเด็กก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง อายุ
ประมาณ 13 – 18 ปี มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทาง
ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและฮอร์โมนทางเพศ รูป
ร่างและสรีระก็แปลกไป จิตใจก็ว้าวุ่น คิดแปลกๆ การ
เปลี่ยนแปลงทางกายเป็นเรื่องปกติ แต่ทางด้านจิตใจ
ของวัยรุ่น ถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจก็ท�าให้เกิดปัญหาต่างๆ
เช่น การก้าวร้าว เกิดอารมณ์ความรู้สึก หรือระบาย
อารมณ์กับผู้อื่น
39
- 40. พ่อแม่
ต้นแบบ
รู้จักเลือกภาษาในการอบรมสั่งสอนอย่างเหมาะสม
มีสัมพันธภาพที่ดีกับพ่อแม่ รู้สึกพอใจ
รู้จักการให้เกียรติผู้อื่น สบายใจ
รู้จักกาลเทศะ
แก้ไขปัญหาด้วยการประนีประนอม
รู้จักใช้เหตุผล สบายใจ
มองโลกในแง่ดี เชื่อมั่นในตัวพ่อแม่
รู้จักผ่อนหนักเป็นเบา รู้สึกปลอดภัย
ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา
40
- 41. เป็นผู้มีการวางแผนในการด�ารงชีวิตที่ดี
เป็นผู้มีการวางแผนในการด�ารงชีวิตที่ดี ชื่นชม ภาคภูมิใจ
เป็นคนไม่ประมาท รักและอยากท�าตามพ่อแม่
รู้จักตัดสินใจและแก้ สบายใจ และรู้จักวางแผนการท�างาน
ปัญหาอย่างมีระบบ
มีความพยายาม
อดทนมีเป้าในในการเรียน
และการด�าเนินชีวิต
เชื่อมั่นภูมิใจในตนเอง
สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้
รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่เครียด
มีเหตุมีผล ไม่กลัว
รู้อารมณ์และแสดง สบายใจ และรู้สึกปลอดภัย
ออกได้อย่างเหมาะสม
มีความมั่นคงทางอารมณ์
มีความอดทน อดกลั้น
41
- 42. พ่อแม่
ต้นแบบ มีอารมณ์ขัน
มองโลกในแง่ดี ร่าเริง แจ่มใส
มีความสุข ไม่เครียด
มีความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพ สนุกสนาน
เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไป อารมณ์ดี
มีความรู้สึกอบอุ่น
ให้ความรักความห่วงใยเอื้ออาทร
รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีความสุข
มีสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้อื่น อารมณ์ดี
เชื่อมั่นและภาคภูมิใจในตนเอง สบายใจ
มองโลกในแง่ดี รู้สึกอบอุ่น
รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักพ่อแม่
มีความกตัญญูกตเวที และคนอื่น
42
- 43. เป็นที่ปรึกษาที่อบอุ่นปลอดภัย
มีความมั่นคงทางอารมณ์ รักพ่อแม่
มีความสามารถในการแก้ปัญหาและปรับตัว ปลอดภัยและไว้วางใจ
รู้จักการช่วยเหลือผู้อื่น อบอุ่นใจ
รู้จักไว้วางใจผู้อื่น มั่นใจ
มองโลกในแง่ดี
มีเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น
มีจิตใจอ่อนโยน ยอมรับผู้อื่น ชื่นชม
มีความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ภาคภูมิใจ
และภาคภูมิใจในตนเอง มีความสุข
สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น เข้าใจ
มีความเสียสละและรู้จักแบ่งปัน มั่นใจผู้อื่น
เอื้ออาทร
ประทับใจ
43
- 44. พ่อแม่
ต้นแบบ
ท�ากิจกรรมในครอบครัวร่วมกัน
มีความพึงพอใจในชีวิตและครอบครัว มีความสุข
มีความส�านึกดี อบอุ่น
ปรองดองในครอบครัว มีความรักใครผูกพันในครอบครัว
มีความรักและช่วยเหลือกัน
มีความสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
44
- 45. ตัวอย่างกิจกรรมส�าหรับครอบครัว
ครอบครัว 4ก
กิจกรรมครอบครัว 4 ก นี้ ท�าได้ไม่ยาก จัดกิจกรรม ดังนี้
ก 1 คือ กิน อย่างน้อยวันละ 1 มื้อ พ่อ แม่ ลูกควรได้มีโอกาส
กินข้าวร่วมกัน การที่แม่ตักข้าวให้ลูก หรือลูกเตรียมน�้าดื่มให้พ่อแม่
พ่อช่วยจัด จาน ช้อนส้อมเป็นความผูกพันที่ดียิ่ง เรื่องราวที่ลูกอยาก
จะเล่าให้พ่อแม่ฟัง การชื่นชม หรือการปลอบประโลม สามารถท�าใน
เวลานี้ได้ อาการเหงาหงอย เศร้าซึม หรือการรับประทานอาหารน้อย
ลงของลูกย่อมเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรสังเกตได้ในวงข้าว
ก 2 คือ กอด ก่อนลูกรักไปโรงเรียน หรือกลับจากโรงเรียน
ถึงบ้าน หากพ่อแม่คอยส่งและคอยรับด้วยรอยยิ้มและค�าพูด ไต่ถาม
ด้วยความห่วงใย ทีสาคัญทีสด คือ การโอบกอด การลูบหลัง ลูบศีรษะ
่� ุ่
จะเป็นยาขนานเอกที่ดึงหัวใจของลูกรักไว้ทุกครั้งที่จะท�าสิ่งไม่ถูกไม่
ควร ก็จะนึกถึงสัมผัสอันอ่อนโยนของพ่อแม่ก่อน
ก 3 คือ กล่อม ไม่จ�าเป็นต้องถึงขั้นร้องเพลงกล่อมเหมือน
ทารก แต่จะเป็นค�าพูดดีๆ ไพเราะ อ่อนหวน ค�าพูดที่ท�าให้ลูกอบอุ่น มี
ความสุขและสบายใจ
ก 4 คือ เกลา การที่ถูกท�าผิดหรือกระท�าอะไรไม่ถูกต้อง พ่อ
แม่สามารถที่จะค่อยๆ บอกและสอนไปทีละนิดทีละหน่อย บางเรื่อง
อาจท�าเป็นตัวอย่างให้เห็น ให้รู้สึกภูมิใจ ลูกชายอยากท�าดีเหมือนพ่อ
ลูกสาวก็อยากท�าดีเหมือนอย่างที่แม่ท�า
45
- 46. ตัวอย่างกิจกรรมส�าหรับครอบครัว
กิจกรรม
ค ร อ บ ค รั ว
สัมพันธ์
เป็นกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างพ่อ แม่
ลูก และบุคคลอื่นๆ ในครอบครัว เพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีๆ ต่อกัน
เป็นการท�ากิจกรรมเพือแสดงความเอืออาทรซึงกันและกัน เป็นกิจกรรม
่ ้ ่
ที่สร้างคุณลักษณะความรับผิดชอบร่วมกัน
มีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกและร่วมกันท�า เช่น
ออกก�าลังกายร่วมกัน
ปลูกต้นไม้
ทัศนศึกษา
ท�ากิจกรรมสาธารณะ
ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา
ฯลฯ
46
- 47. ตัวอย่างกิจกรรมส�าหรับครอบครัว
พ่อแม่ปลูก
ลูก รักษา
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ต้องการให้ลูกมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางอาชีพต่างๆ เพื่อ
เด็กจะได้มีความขยัน อดทน รักการท�างาน และเห็นคุณค่าในตนเอง
ขั้นตอนการท�ากิจกรรมมีดังนี้
พ่อ แม่ปลูกต้นไม้
ลูกช่วยรดน�้าต้นไม้ ใส่ปุ๋ย ดูแลรักษา
พ่อ แม่ ลูกไปศึกษาแหล่งเรียนรู ้ ตัวอย่างความส�าเร็จ งานนิทรรศการ การประกวด
ต้นไม้ เพื่อเป็นความรู้มาดูแลต้นไม้ของตนเอง
มอบหมายให้ลูกดูแลต้นไม้
47
- 50. ปัญหาของลูกนั้นมีหลากหลาย
ทั้งที่เป็นปัญหาทาง ร่างกาย
ปัญหาทางจิตใจ อารมณ์ สังคม
ปัญหาการเรียน การท�างาน
ตลอดจนปัญหาชีวิตที่มีเหตุปัจจัยซับซ้อน
พ่อแม่จึงควรช่วยให้ลูก.......
แข็งแกร่งและมีภูมิต้านทานเพียงพอ
ที่จะใช้สติปัญญาแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
โดยการฝึกหัดอบรมลูก
ให้เรียนรู้การแก้ปัญหาตั้งแต่เยาว์
ลูกรักของเราไม่ใช่หุ่น หรือตุ๊กตา
ลูกไม่ใช่ดินเหนียวที่พ่อแม่ถือสิทธิ์ปั้นแต่งเอาตามชอบใจ
ลูกรักเป็นมนุษย์มีชีวิตจิตใจ มีความสามารถความถนัดความสนใจของเขาเอง
ดัวยเหตุนี้
พ่อแม่ต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูก
ไมว่าลูกจะยังอ่อนเยาว์ หรือเติบโต
เป็นเด็กวัยรุ่นหรือหนุ่มสาว
ลูกเรียนรู้โดยเลียนแบบพฤติกรรมที่พ่อแม่พูด พ่อแม่ท�า พ่อแม่ปฏิบัติต่อผู้อื่น ลูก
เรียนรู้จากค�าแนะน�า ตักเตือน เสริมแรงทีละน้อย ค่อยอบรม ลูกจึงได้รับค�าชมเมื่อคิดดี
ท�าดี แต่เมื่อลูกท�าผิดพลาด พ่อแม่ลูกวิธีท�าโทษที่ละเว้นความรุนแรง มุ่งแสดงเหตุผล
และจัดสถานการณ์ให้ลูกมีก�าลังใจแก้ไขความผิดพลาดนั้นๆ
50
- 52. ในการสร้างการเรียนรู้แก่ลูกหลาน
เปิดโอกาสให้ลูกได้สัมผัสและสัมพันธ์กับ
หลายสิ่งที่แวดล้อม
สังเกตความเคลื่อนไหว
ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและความงดงามของธรรมชาติ
พ่อแม่ไม่ควรก�าหนดเคี่ยวเข็ญให้ลูกเป็น
ในสิ่งที่เขาไม่เป็น และเป็นไม่ได้
พ่อแม่ส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก
ตามที่ลูกเป็น
และตามที่ลูกสามารถเป็นได้
สุมน อมรวิวัฒน์
52
- 54. พูดให้คิด
“บิดามารดา...
ผู้ตามใจลูกเกินไป
จนลูกเสียคน
ย่อมเสี่ยงที่จะเป็นศัตรูของลูก
มากกว่าที่จะเป็น
บุพการีของลูก”
ศรีวิทย์ ทองเพ็ง
54