Contenu connexe Similaire à พัฒนาการคิดให้เลิศล้ำ ด้วยนวัตกรรมการศึกษา ตอนที่ ๑ (Critical Thinking) (20) Plus de Panita Wannapiroon Kmutnb (20) พัฒนาการคิดให้เลิศล้ำ ด้วยนวัตกรรมการศึกษา ตอนที่ ๑ (Critical Thinking)3. 21st Century Student Outcomes &
Support Systems
The Partnership for 21st Century Skills
http://www.p21.org
5. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
กระบวนการที่บุคคลไวต่อปัญหา ข้อบกพร่อง ช่องว่างในด้านความรู้
สิ่งที่ขาดหายไป หรือสิ่งที่ไม่ประสานกันและไวต่อการแยกแยะสิ่งต่างๆ
ไวต่อการค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหา ไวต่อการเดาหรือการตั้งสมมติฐาน
เกี่ยวกับข้อบกพร่อง ทดสอบและทดสอบอีกครั้งเกี่ยวกับสมมติฐาน
จนในที่สุดสามารถนําเอาผลที่ได้ไปแสดงให้ปรากฏแก่ผู้อื่นได้
"เป็ นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา / สิ่งที่บกพร่องขาดหายไป
แล้วรวบรวมความคิดตั้งเป็ นสมมติฐานขึ้น ต่อจากนั้นก็ทําการรวบรวม
ข้อมูลต่างๆ เพื่อทดสอบสมมติฐานนั้น"
http://๒๐๒.๒๙.๕๓.๒๐/๒๕๑๓๓๐๒/soc๐๖/topic๑๒/linkfile/print๕.htm
E. Paul Torrance
(1962)
7. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
ความสามารถคิดแปลกใหม่แตกต่างจากความคิดธรรมดา
หรือความคิดง่าย ๆ ความคิดริเริ่มอาจจะเกิดจากการนํา
ความรู้เดิมมาคิดดัดแปลงและประยุกต์ให้เกิดเป็ นสิ่งใหม่ขึ้น
ความสามารถในการมองเห็นรายละเอียดในสิ่งที่คนอื่น
มองไม่เห็น การเชื่อมโยงสัมพันธ์สิ่งต่าง ๆ อย่างมี
ความหมาย การตกแต่ง เพื่อให้คิดริเริ่มสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ความคิด
ละเอียดลออ
(Elaboration)
ความคิดริเริ่ม
(Originality)
ความสามารถคิดหาคําตอบที่เด่นชัด/ตรงประเด็นมาก
ที่สุด นับปริมาณความคิดที่ไม่ซํ้ากันในเรื่องเดียวกัน
ความคิด
คล่องแคล่ว
(Fluency)
ความสามารถในการปรับสภาพความคิดในสถานการณ์
ต่าง ๆ ได้ เน้นในเรื่องของปริมาณที่เป็ นประเภทใหญ่ ๆ
ของความคิดแบบคล่องแคล่งให้มากขึ้นด้วยการจัดเป็ น
หมวดหมู่และมีหลักเกณฑ์ยิ่งขึ้น
ความคิดยืดหยุ่น
(Flexibility)
Guilford (1950)
9. กระบวนการเกิดความคิดสร้างสรรค์
(E. Paul Torrance, 1962)
การค้นหา
ข้อเท็จจริง
(Fact Finding)
การค้นพบ
ปัญหา
(Problem –
Finding)
การค้นพบ
ความคิด
(Ideal –
Finding)
การค้นพบ
คําตอบ
(Solution –
Finding)
การยอมรับ
จากการค้นพบ
(Acceptance –
Finding)
ความรู้สึกกังวล สับสนวุ่นวาย แต่ยังไม่สามารถหาปัญหาได้ว่าเกิดจากอะไร
คิดจนเข้าใจจะสามารถบอกได้ว่าปัญหาคืออะไร
คิดและตั้งสมมติฐาน รวบรวมข้อมูลทดสอบความคิด
ทดสอบสมมติฐาน
ยอมรับคําตอบที่ค้นพบ นําไปสู่หนทางที่จะทําให้เกิดแนวความคิดใหม่
การท้าทายในทิศทางใหม่ (New Challenge)
11. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
๑. มีความสามารถในการตัดสินใจ
๒. มีความเป็ นอิสระในด้านการคิด
๓. มีอารมณ์อ่อนไหวและเป็ นคนอ่อนโยน
๔. มีความกล้าที่จะคิดในสิ่งที่แปลงใหม่
๕. มีแนวคิดค่อนข้างซับซ้อน
๖. มีความคิดเห็นรุนแรง
๗. มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง
๘. มีความพยายามที่จะทํางานยากๆ หรืองานที่ต้องแก้ปัญหา
๙. มีความจําแม่นยํา
๑๐. มีความรู้สึกไวต่อสิ่งสวยงาม
๑๑. มีความซื่อสัตย์และรักความเป็ นธรรม
๑๒. มีความเป็ นอิสระในการตัดสินใจ
๑๓. มีความตั้งใจจริง
Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI) , Thematic Apperception (TAT),
แบบวัดบุคลิกภาพของรอร์ชาจ (Rorschach)
12. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
๑๔. มีความสามารถในการหยั่งรู้
๑๕. มักจะกล้าหาญและชอบการผจญภัย
๑๖. มักจะใช้เวลาให้เป็ นประโยชน์
๑๗. มักจะคาดคะเนหรือเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า
๑๘. มักจะช่วยเหลือและให้ความรู้แก่ผู้อื่น
๑๙. มักจะต่อต้านในสิ่งที่ไม่เห็นด้วย
๒๐. มักจะทําผิดข้อบังคับและกฎเกณฑ์
๒๑. มักจะวิเคราะห์วิจารณ์สิ่งที่พบเห็น
๒๒. มักจะทํางานผิดพลาด
๒๓. มักจะทําในสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ
๒๔. มักจะรักสันโดษ
๒๕. มักจะเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นมากกว่าประโยชน์ของตนเอง
๒๖. มักให้ความสนใจกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว
Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI) , Thematic Apperceprtion (TAT),
แบบวัดบุคลิกภาพของรอร์ชาจ (Rorschach)
13. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
๒๗. มักจะอยากรู้อยากเห็น
๒๘. มักจะยอมรับในสิ่งที่ไม่เป็ นระเบียบ
๒๙. มักจะไม่ทําตามหรือเลียนแบบผู้อื่น
๓๐. มักจะหมกมุ่นในปัญหา
๓๑. มักจะดื้อดึงและหัวแข็ง
๓๒. มักจะช่างซักถาม
๓๓. มักจะไม่สนใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
๓๔. มักจะไม่ยอมรับความคิดของผู้อื่นโดยง่าย
๓๕. มักจะกล้าแสดงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับผู้อื่น
๓๖. มักจะรักและเต็มใจเสี่ยง
๓๗. มักจะไม่เบื่อที่จะทํากิจกรรม
๓๘. มักจะไม่ชอบทําตัวเด่น
๓๙. มักจะมีความสามารถในการหยั่งรู้
Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI) , Thematic Apperceprtion (TAT),
แบบวัดบุคลิกภาพของรอร์ชาจ (Rorschach)
14. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
๔๐. มักจะพอใจในผลงานที่ท้าทาย
๔๑. มักจะไม่เคยเป็ นศัตรูของใคร
๔๒. มักจะต่อต้านกฎระเบียบต่างๆ ที่ไม่ถูกต้อง
๔๓. มักจะวางเป้ าหมายให้กับชีวิตตนเอง
๔๔. มักจะต่อต้านการกระทําที่รุนแรงต่างๆ
๔๕. มักจะจริงใจกับทุกๆ คน
๔๖. มักจะเลี้ยงตนเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น
Minnesota Multiphasic Personality Inventory (MMPI) , Thematic Apperceprtion (TAT),
แบบวัดบุคลิกภาพของรอร์ชาจ (Rorschach)
16. แบบทดสอบความคล่องแคล่ว
ของ Guilford and Christensen
แบบทดสอบวัด Divergent Thinking
นักเรียนระดับมัธยมศึกษาและผู้ใหญ่
วัดตัวประกอบในแต่ละเซลล์ตามโครงสร้างสมรรถภาพทางสมอง 3 มิติ คือ
เนื้อหาที่คิด (Content)
วิธีการคิด (Operation)
ผลิตผลแห่งความคิด (Product)
แบบทดสอบย่อย 4 ชุด 11 ฉบับ
ด้านภาษาเขียน 7 ฉบับ
ด้านรูปภาพ 3 ฉบับ
โจทย์ปัญหา 1 ฉบับ
(Guilford, 1967)
17. แบบทดสอบความคล่องแคล่ว
ของ Guilford and Christensen (Guilford, 1967)
Divergent Thinking
ความคล่องแคล่วในการใช้คํา (Word Fluency, DSU)
ความคล่องแคล่วทางความคิด (Ideational Fluency, DMU)
ความคล่องแคล่วด้านเชื่อมโยง (Associational Fluent, DMR)
ความคล่องแคล่วในการแสดงออก (Expressional Fluency, DSS)
การใช้ประโยชน์อย่างอื่น (Alternate Uses, DMC)
การสรุปผล (Consequence, DMU, DMC)
ประเภทของงานอาชีพ (Possible Jobs, DMI)
การวาดรูป (Making Objects, DFS)
การสเกตซ์รูป (Sketches, DFU)
การแก้ปัญหา (Match Problem, DFT)
การตกแต่ง (Decorations, DFI)
18. Torrance Tests of Creative Thinking:
TTCT
อนุบาลถึงระดับอุดมศึกษา
เน้นความเร็วในการทําแบบทดสอบ กิจกรรมละ ๕ - ๑๐ นาที
Verbal
Torrance Test of Creative Thinking Verbal Form
Figural
Torrance Test of Creative Thinking Figural Form A
Torrance Test of Creative Thinking Figural Form B
(Torrance, 1966)
19. Torrance Tests of Creative Thinking
(Torrance, 1966)
แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์โดยอาศัยภาษา (Thinking Creatively With Words)
Torrance Test of Creative Thinking Verbal Form
การตั้งคําถาม (Asking)
การเดาสาเหตุ (Guessing Causes)
การเดาผลที่เกิดมา (Guessing Consequences)
การปรับปรุงผลผลิตให้ดีขึ้น (Product Improvements)
การใช้ประโยชน์ของสิ่งของ (Unusual Uses)
การตั้งคําถามแปลก ๆ (Unusual Questions)
การสมมติอย่างมีเหตุผล (Just Suppose)
20. Torrance Tests of Creative Thinking
(Torrance, 1966)
แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์โดยอาศัยรูปภาพ (Thinking Creatively With Pictures)
Torrance Test of Creative Thinking Figural Form A
ให้นักเรียนต่อเติมภาพจากรูปวงรีที่กําหนด
ให้เป็ นภาพที่แปลกใหม่ พร้อมกับตั้งชื่อภาพ
การวาดภาพ
(Picture Construction)
ให้นักเรียนต่อเติมภาพเส้นในลักษณะต่าง ๆ ที่กําหนดให้
๑๐ ภาพ ให้ได้ภาพที่น่าสนใจมาให้มากที่สุด
พร้อมกับตั้งชื่อภาพ
การต่อเติมภาพ
ให้สมบูรณ์
(Picture Completion)
ให้นักเรียนต่อเติมภาพจากเส้นขนาน ๓๐ คู่
ให้ได้ภาพที่แปลกมาให้มากที่สุด
พร้อมกับตั้งชื่อภาพ
การใช้เส้นคู่ขนาน
(Parallel Lines)
21. Torrance Tests of Creative Thinking
(Torrance, 1966)
แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์โดยอาศัยรูปภาพ (Thinking Creatively With Pictures)
Torrance Test of Creative Thinking Figural Form B
ให้นักเรียนต่อเติมภาพจากรูปคล้ายไส้กรอกสีส้ม
พร้อมกับตั้งชื่อภาพ
การวาดภาพ
(Picture Construction)
ให้นักเรียนต่อเติม ภาพเส้นในลักษณะต่าง ๆ ที่กําหนดให้
๑๐ ภาพ ให้ได้ภาพที่น่าสนใจมาให้มากที่สุด
พร้อมกับตั้งชื่อภาพ
การต่อเติมภาพ
ให้สมบูรณ์
(Picture Completion)
ให้นักเรียนต่อเติมภาพจากรูปวงกลม ๓๐ รูป
การใช้วงกลม
(Circles)
24. ประเด็นวิจัยความคิดสร้างสรรค์
ผลการจัดประสบการณ์โดยใช้แนวคิดหมวกคิด ๖ ใบของเดอ โบโน
ที่มีต่อความคิดสร้างสรรค์ของเด็กอนุบาล
ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์โดยใช้เทคนิค ๔ MAT
ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์และความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
ผลของการเรียนแบบร่วมมือบนเว็บที่มีต่อการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย แนวการเรียนโปรแกรมศิลปศึกษา *
ผลของการเรียนแบบใช้ปัญหาเป็ นหลักต่อความสามารถในการแก้ปัญหา
และความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
26. ความคิดอย่างมีวิจารณญาณ
เป็ นความคิดประกอบด้วย ทัศนคติ ความรู้ และทักษะ
ทัศนคติต่อการแสวงหาความรู้ การยอมรับการแสวงหาหลักฐาน
มาสนับสนุนสิ่งที่อ้างว่าเป็ นจริง แล้วใช้ความรู้ด้านการอนุมาน
การสรุปใจความสําคัญและการสรุปเป็ นกรณีทั่วไป โดยตัดสินจาก
หลักฐานอย่างสมเหตุสมผล สอดคล้องกับหลักตรรกวิทยา
ตลอดจนทักษะในการใช้ทัศนคติและความรู้ดังกล่าว มาประเมินและ
ตัดสินความถูกต้องของข้อความ
Watson
(1964)
Ennis (1985)
ความคิดอย่างมีเหตุผล คิดแบบตรึกตรอง ก่อนที่จะเชื่อก่อนลงมือปฏิบัติ
Norris (1989)
การคิดที่เป็ นเหตุเป็ นผล มีการสะท้อนความคิดที่มุ่งสู่การตัดสินใจ
ที่จะทํา/เชื่อ
28. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
Watson and Glaser (1964)
ความสามารถในการเห็นปัญหา
ความต้องการสืบเสาะค้นหาข้อมูล
หลักฐานเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริง
ทัศนคติ
การหาแหล่งข้อมูลอ้างอิง
การใช้ข้อมูลอ้างอิงอย่างมีเหตุผลความรู้
การประยุกต์ใช้ความรู้
การประยุกต์ใช้ทัศนคติทักษะ
29. ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
Ennis (1985 )
ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
กําหนด ระบุประเด็นปัญหา คําถาม
คิดวิเคราะห์ข้อโต้แย้ง
ถามด้วยคําถามที่ท้าทาย ตอบคาถามได้อย่างชัดเจน
พิจารณาความเชื่อถือของแหล่งข้อมูล
สังเกตและตัดสินผลข้อมูลที่ได้จากการสังเกตด้วยตนเอง
นิรนัยและตัดสินผลการนิรนัย
อุปนัยและตัดสินผลการอุปนัย
ตัดสินคุณค่า
บอกความหมายและตัดสินความหมายของคํา
ระบุข้อสันนิษฐาน
ตัดสินใจเพื่อนําไปปฏิบัติ
การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
32. Process for Critical Thinking
The Foundation for Critical Thinking
http://www.criticalthinking.org
34. Watson-Glaser Critical Thinking Appraisal
(Watson and Glaser, 1937 - 1980)
Watson-Glaser Critical Thinking Appraisal Form A , B
๘๐ ข้อ เวลา ๕๐ นาที
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ถึงผู้ใหญ่
ความเที่ยงแบบคงที่ โดยวิธีสอบซํ้า (๓ เดือน) = 0.73
35. Watson-Glaser Critical Thinking Appraisal
จําแนกระดับความน่าจะเป็ นของข้อสรุปที่คาดคะเนจาก
สถานการณ์ : จริง / น่าจะเป็ นจริง / ข้อมูลที่ให้ไม่
เพียงพอ / น่าจะเป็ นเท็จ / เป็ นเท็จ (False)
การสรุปอ้างอิง
(Inference)
จําแนกแยกแยะข้อมูล อาศัยแนวคิดที่ได้ทําความตกลง
เบื้องต้นในแง่มุมต่าง ๆ
การระบุข้อตกลง
เบื้องต้น
(Recognition of Assumptions)
การหาข้อสรุปอย่างสมเหตุสมผลจากข้ออ้างโดยใช้
หลักตรรกศาสตร์
การสรุปเหตุผล
เชิงนิรนัย
(Deduction)
วัดความสามารถในการให้น้าหนักข้อมูล หลักฐาน
เพื่อตัดสินความเป็ นไปได้ของข้อสรุป
การตีความ
(Interpretation)
การประเมิน การอ้างเหตุผล ว่าสิ่งใดเป็ นความสมเหตุสมผล
การประเมินข้อโต้แย้ง
(evaluation of arguments)
(Watson and Glaser, 1937 - 1980)
36. Cornell Critical Thinking Test
(Ennis and Millman, 1985)
Cornell Critical Thinking Test, Level X
ป.๔ – ม.ต้น
แบบปรนัย ๓ ตัวเลือก ข้อสอบ ๗๑ ข้อ ๕๐ นาที
ค่าความเที่ยง ๐.๖๗ – ๐.๗๙
การพิจารณาความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล และการสังเกต
(Credibility of Sources and Observation)
การนิรนัย (Deduction)
การอุปนัย (Induction)
การระบุข้อตกลงเบื้องต้น (Assumption Identification)
37. Cornell Critical Thinking Test
(Ennis and Millman, 1985)
Cornell Critical Thinking Test, Level Z
ม.ปลาย ป.ตรี บัณฑิตศึกษา ผู้ใหญ่
แบบปรนัย ๓ ตัวเลือก ข้อสอบ ๗๒ ข้อ ๕๐ นาที
ค่าความเที่ยง ๐.๕๐ – ๐.๗๗
การพิจารณาความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล (Credibility of Sources)
การพยากรณ์และการวางแผนการทดลอง (Prediction and Experimental
Planning)
การสรุปโดยการทดสอบสมมติฐานและการทํานาย (Fallacies)
การนิรนัย (Deduction)
การอุปนัย (Induction)
การให้คําจํากัดความ (Definition)
การระบุข้อตกลงเบื้องต้น (Assumption Identification)
43. กรอบแนวคิดการวิจัย
การจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน
(Thorne, ๒๐๐๓; Jordan,๒๐๐๔; Alvarez,๒๐๐๕;
Bonk,๒๐๐๖)
กําหนดจุดมุ่งหมาย
จัดกิจกรรมการเรียนการสอน
กําหนดทักษะความรู้พื้นฐาน
กําหนดจุดมุ่งหมายของการเรียน
จัดการเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอน
ประยุกต์ยุทธวิธีในการจัดการเรียนการสอน
กําหนดยุทธวิธีการประเมินผล
การเรียนโดยใช้เครื่องมือทางปัญญา
(Ausubel,๑๙๖๘; Clark,๑๙๙๑; Buzan,๑๙๙๘; Novak &
Gowin,๒๐๐๐)
เตรียมการก่อนการเรียนการสอน
ศึกษาเนื้อหา
สร้างแผนผังทางปัญญาโดยใช้เครื่องมือทางปัญญา
วัดและประเมินผล
ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
(Norris and Ennis,๑๙๘๙)
สรุปแบบนิรนัย
ให้ความหมาย
พิจารณาความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล
และการสังเกต
สรุปแบบอุปนัย
สรุปโดยการทดสอบสมมติฐานและการทํานาย
นิยามและระบุข้อสันนิษฐาน
กิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนา
ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
(Woods,๑๙๙๔; Kreger,๑๙๙๘; Schmidt & Moust,๒๐๐๐
)
เสนอสถานการณ์ปัญหา
ผู้เรียนคิดวิเคราะห์สถานการณ์
ส่งเสริมให้ผู้เรียนตรวจสอบ ค้นหาเหตุผล
ผู้เรียนตีความ สรุปความและประเมินสถานภาพ
ผู้เรียนตัดสินใจเลือกคําตอบ
ผู้เรียนตรวจคําตอบ
การประเมินผลขั้นสุดท้ายเพื่อให้ได้ข้อสรุป
ที่เป็ นเหตุเป็ นผล
รูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญา
เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
44. รูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือ
ทางปัญญา : องค์ประกอบหลัก
BLCT Model
หลักการ
เพื่อพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
๖ ด้าน
การสรุปแบบนิรนัย
การให้ความหมาย
การพิจารณาความน่าเชื่อถือของ
แหล่งข้อมูลและการสังเกต
การสรุปแบบอุปนัย
การสรุปโดยการทดสอบสมมติฐาน
และการทํานาย
การนิยามและระบุข้อสันนิษฐาน
ประเมินการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
๖ ด้าน
การสรุปแบบนิรนัย
การให้ความหมาย
การพิจารณาความน่าเชื่อถือของ
แหล่งข้อมูลและการสังเกต
การสรุปแบบอุปนัย
การสรุปโดยการทดสอบสมมติฐาน
และการทํานาย
การนิยามและระบุข้อสันนิษฐาน
ขั้นการเตรียมการ
ก่อนการเรียนการสอน
ขั้นการจัดกระบวนการเรียน
การสอน
การเรียนการสอนแบบผสมผสาน
กระบวนการเรียนการสอน
โดยใช้เครื่องมือทางปัญญา
กิจกรรมการเรียนการสอน
เพื่อพัฒนาความคิดอย่างมี
วิจารณญาณ
วิธีปฏิสัมพันธ์บนเว็บ
บทบาทผู้เรียน
บทบาทผู้สอน
ปัจจัยที่สนับสนุนการเรียนบนเว็บ
วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล
50. กระบวนการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือ
ทางปัญญา : ขั้นการจัดกระบวนการเรียนการสอน
ขั้นที่ ๑ การระดมสมอง
(Brainstorming Phase)
กําหนดประเด็นปัญหา
ประเด็นปัญหา
สร้างสมมติฐานและจัดลําดับสมมติฐาน
สมมติฐาน
กําหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
ทําความเข้าใจประเด็นปัญหา
Live e-Learning, e-Brainstorming
LMS: small group chat room, Web board
Live e-Learning, e-Brainstorming
LMS: small group chat room, Web board
Online question assignment ๑
Live e-Learning, e-Brainstorming
LMS: small group chat room, Web board
Online question assignment ๒
Live e-Learning, e-Brainstorming
LMS: small group chat room, Web board
Online question assignment ๓
51. กระบวนการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือ
ทางปัญญา : ขั้นการจัดกระบวนการเรียนการสอน
ขั้นที่ ๓ การแสดงความเชื่อมโยง
(Linking Phase)
ขั้นที่ ๒ การจัดโครงสร้างและรูปแบบ
(Organizing Phase)
Live e-Learning, e-Brainstorming
LMS: small group chat room, Web board
Online question assignment ๔
ค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูล
Live e-Learning, e-Brainstorming
LMS: small group chat room, Web board
Online question assignment ๕
สังเคราะห์ข้อมูล ตรวจสอบสมมติฐาน
ตรวจสอบสมมติฐาน
52. กระบวนการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือ
ทางปัญญา : ขั้นการจัดกระบวนการเรียนการสอน
Live e-Learning, e-Brainstorming
LMS: small group chat room, Web board
Online question assignment ๖
F๒F Classroom: Classroom discussion,
Oral presentation
Online Learning: Live e-Learning,
e-Brainstorming
LMS: Small group chat room, Web board
สรุปหลักการ แนวคิดที่ได้จากการแก้ปัญหา
นําเสนอแนวทางในการแก้ปัญหา
และประยุกต์ใช้สถานการณ์อื่น ๆ
สรุปหลักการ แนวคิด
ขั้นที่ ๔ การสรุปทบวน
(Finalizing the concept map)
ขั้นที่ ๕ การนําไปใช้ประโยชน์
(Utilization Phase)