Contenu connexe
Similaire à พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
Similaire à พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (20)
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
- 2. พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ านภาลัย
จัดทาโดย
นางสาว กิตยา เชิงหอม เลขที่ 6
ิ
นางสาว จิตราพร อาษาจิตร เลขที่ 7
นางสาว นภลดา กล้ าหาญ เลขที่ 20
นางสาว สุ พรรณี งามเกลียง เลขที่ 22
้
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/1
เสนอ
คุณครู สฤษดิ์ศักดิ์ ชิ้นเขมจารี
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์
ร้ อยเอ็ด
- 3. คานา
รายงานเรื่ องนี้เป็ นส่วนหนึ่งของวิชาประวัติศาสตร์ พระราช ประวัติ พระราชกรณียกิจ ความสัมพันธ์
กับต่างประเทศ การได้รับยกย่องจางองค์การ UNESCO ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเพื่อ
ประโยชน์สูงสุดในการศึกษาเกี่ยวกับประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กลุ่มของข้าพเจ้าจึงได้
จัดทารายงานเล่มนี้ข้ ึนและกลุ่มของข้าพเจ้าหวังเป็ นอย่างยิงว่ารายงานเล่มนี้จะมี ประโยชน์แก่ผอ่าน และผูที่
่ ู้ ้
ศึกษา ถ้ารายงานเล่มนี้มีขอผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ดวย
้ ้
คณะผู้จดทา
ั
- 4. สารบัญ
เรื่อง หน้ า
พระราชประวัติ 1-2
พระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 3-8
ความสัมพันธ์กบต่างประเทศ
ั 9
มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 10-11
บทสรุป 11
บรรณานุกรม 11
- 5. 1
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ านภาลัย
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็ นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ า
จุฬาโลกมหาราช และสมเด็จพระอมริ นทราบรมราชินี ทรงมีพระนามเดิมว่า ฉิม พระราชสมภพเมื่อวันที่ 24
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2311 ณ ตาบลอัมพวา เมืองสมุทรสาคร ในขณะนั้นพระราชบิดายังทรงดารงพระยศเป็ น
หลวงยกกระบัตร เมืองราชบุรี ต่อมาพระราชบิดาได้เข้ามารับราชการสนองพระเดชพระคุณในสมเด็จพระ
เจ้าตากสิน แห่งกรุ งธนบุรี จึงได้ยายครอบครัวเข้ามาอยู่ ณ บริ เวณด้านใต้ของวัดระฆังโฆษิตาราม บ้านเดิมที่
้
อัมพวาจึงว่างลง เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้วนั้น ทรงพระ
กรุ ณาโปรดเกล้าฯ อุทิศที่ดินบริ เวณบ้านเดิมนั้น สร้างเป็ นวัด ชื่อ วัดอัมพวันเจดิยาร
ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ด้วยสานึกในพระมหากรุ ณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวันเจติยาราม พระคุณเจ้าพระราชสมุทรเมธี ได้อุทิศที่ดินบริ เวณวัดจานวน 10 ไร่
ให้กบมูลนิธิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ให้ดาเนินการก่อสร้างอุทยานพระบรมราชานุสรณ์
ั
รัชกาลที่ 2 ขึ้น เพื่อเป็ นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยมีพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็ นองค์
ประธานมูลนิธิฯ เมื่อพระราชบิดาย้ายเข้ามารับราชการ ทรงได้เข้ารับการศึกษาจากวัดระฆังโฆษิตาราม โดย
ฝากตัวเป็ นศิษย์กบพระวันรัต (ทองอยู) เมื่อครั้งพระชนมายุได้ 8 พรรษา ได้โดยเสด็จพระราชบิดา ไป
ั ่
ราชการสงครามด้วย เมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา พระราชบิดาได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็ นพระมหากษัตริ ย ์
พระนาว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลก” จึงได้รับการสถาปนาพระยศขึ้นเป็ น สมเด็จพระเจ้า
ลูกเธอ เจ้าฟ้ ากรมหลวงอิสรสุนทร เมื่อประชนมายุครบ 22 พรรษา ทรงผนวช ณ วัดพระศรี รัตนศาสดาราม
- 6. 2
ในพระบรมมหาราชวัง และเสด็จไปจาพรรษาที่วดสมอราย (วัดราชาธิวาส) ทรงจาพรรษาอยูนาน 3 เดือน (1
ั ่
พรรษา) จึงทรงลาผนวช
ต่อมาทรงได้รับการสถาปนาเลื่อนยศขึ้นเป็ น กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เมื่อปี พ.ศ. 2349
หลังจากนั้นอีกเพียง 2 ปี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราช เสด็จสวรรคต กรมพระราชวัง
บวรสถานมงคลซึ่งในขณะนั้นมีพระชนมายุได้ 42 พรรษา จึงได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็ น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวรัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จกร ทรงมีพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระบรม
่ ั ั
ราชาธิราช รามาธิบดีศรี สุนทรบรมมหาจักรพรรดิ ราชาธิบดินทร์ ธรณิณทราธิราช วัฒนากาศวราชวงศ์
สมุทยโรมนต์ สากลจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ธาดาธิบดีศรี สุวิบูลย์คุณอกนิฐฤทธิราเมศวรหันต์
ั
บรมธรามิกราชาธิเบศร์ โลกเชษฐวิสุทธิรัตนมกุฎ ประเทศคตามหาพุทยางกูรบรมบพิตร” หรื อ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อวันที่ 7 กันยาน พ.ศ. 2352
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระอัครมเหสีพระนามว่า “สมเด็จพระศรี สุริเยนท
รา บรมราชินี” ทรงพระนามเดิมว่า บุญรอด พระธิดาในพระเจ้าพี่นางเธอสมเด็จเจ้าฟ้ ากรมพระศรี สุดารักษ์
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระราชโอรสและพระธิดารวม 73 พระองค์ โดยประสูติใน
พระมเหสี 3 พระองค์ ได้แก่
1. เจ้าฟ้ าชายราชกุมาร สิ้นพระชนม์ในวันประสูติ
2. สมเด็จเจ้าฟ้ าชายมงกุฎ ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็ น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูหว
่ ั
รัชกาลที่4
3. สมเด็จเจ้าฟ้ าชายจุฑามณี ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็ น พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้า
เจ้าอยูหว พระมหาอุปราชาใน รัชกาลที่ 4 และได้ประสูติในเจ้าจอมมารดาเรี ยม พระสนมเอก 3 พระองค์
่ ั
ได้แก่
- พระองค์เจ้าชายทับ ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็ น พระบาทสมเด็จพระนังเกล้าเจ้าอยูหว รัชกาล
่ ่ ั
ที่ 3
- พระองค์เจ้าชายป้ อม สิ้นพระชนม์ต้งแต่ทรงพระเยาว์
ั
- พระองค์เจ้าชายหนูดา สิ้นพระชนม์ต้งแต่ทรงพระเยาว์
ั
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเสด็จครองราชสมบัติอยูจน พ.ศ. 2367 รวมครองอยู่
่
ในสิริราชสมบัตินาน 15 ปี ก็ทรงพระประชวรด้วยพิษไข้ มิได้รู้สึกพระองค์จึงไม่ได้ทรงพระราชทานราช
สมบัติให้แก่ผใด ทรงพระประชวรด้วยพิษไข้อยู่ 3 วัน ก็เสด็จสวรรคต
ู้
- 7. 3
พระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ านภาลัย
การทานุบารุงประเทศ
ด้วยในระยะแรกของการก่อตั้งกรุ งรัตนโกสินทร์ พม่ายังคงรุ กรานประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองและป้ อมปราการต่าง ๆ ขึ้น เพื่อให้
เป็ นเมืองหน้าด่านคอยป้ องกันข้าศึกที่จะยกเข้ามาทางทะเล ที่เมืองสมุทรปราการ และที่เมืองปากลัดโดยทรง
มีพระราชบัญชาให้กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ เป็ นแม่กองสร้าง เมืองนครเขื่อนขันธ์ข้ ึนที่ปากลัด
(ปัจจุบน คือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ) พร้อมป้ อมปี ศาจผีสิง ป้ อมราหู และป้ อมศัตรู พินาศ แล้ว
ั
โปรดเกล้าฯ ให้อพยพครอบครัวชาวมอญจากปทุมธานีมาอยูที่นครเขื่อนขันธ์ นอกจากนี้ยงทรงให้กรมหมืน
่ ั ่
มหาเจษฏาบดินทร์เป็ นแม่กองจัดสร้าง ป้ อมผีเสื้อสมุทร ป้ อมประโคนชัย ป้ อมนารายณ์ปราศึก ป้ อมปราการ
ป้ อมกายสิทธิ์ ขึ้นที่เมืองสมุทรปราการ และโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพย์ไปคุม
งานก่อสร้างป้ อมเพชรหึงส์เพิ่มเติม ที่เมืองนครเขื่อนขันธ์ การสร้างเมืองหน้าด่านและป้ อมปราการต่าง ๆ
ขึ้นมามากมาย ด้วยการที่จะป้ องกันมิให้ขาศึกเข้ามาถึงพระนครได้โดยง่าย ถือว่าทรงมีสายพระเนตรที่ยาว
้
ไกล
ด้ านการปองกันประเทศ
้
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พม่าได้ยกทัพเข้ามาตีไทยหลายครั้งเริ่ ม
ตั้งแต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จเสวยราชย์ได้เพียง 2 เดือน ในขณะนั้นกาตริ ยพม่า
์
พระเจ้าปดุงได้แต่งตั้งแม่ทพพม่า 2 นาย คือ แม่ทพเรื ออะเติ้งหงุ่นยกทัพเรื อเข้ามาตีประเทศไทยทางหัวเมือง
ั ั
ชายทะเลทางด้านตะวันตก และสามารถตีได้เมืองตะกัวทุ่งและตะกัวป่ า และได้ลอมเมืองถลางไว้ก่อนที่
่ ่ ้
กองทัพไทยจะยกลงไปช่วย แต่เมื่อกองทัพไทยได้ยกลงไปช่วยก็สามารถพม่าแตกพ่ายไป ส่วนทางด้านทัพ
บก พระเจ้าปดุงได้แต่งตั้งแม่ทพสุเรี ยงสาระยอ ยกกาลังมาทางบก เพื่อเข้าตีหวเมืองทางด้านทิศใต้ของไทย
ั ั
และสามารถตีได้เมืองมะลิวน ระนองและกระบี่ พระบาทสมเด้จพระพุทะเลิศหล้านภาลัยได้ส่งกองทัพและ
ั
เกิดปะทะกับกองทัพที่ยกลงไปช่วย ทหารพม่าสูกาลังฝ่ ายไทยไม่ได้ก็แตกถอยหนีกลับไป
้
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2363 พระเจ้าปดุงกษัตริ ยได้เสด็จสวรรคต พระเจ้าจักกายแมงได้สืบราชสมบัติต่อ
์
จากพระเจ้าปดุง ก็คิดจะยกทัพมาตีไทยอีกโดยสมคบกับพระยาไทรบุรี ซึ่งเปลี่ยนใจไปเข้ากับฝ่ ายพม่า แต่
เมี่อทราบว่าฝ่ ายไทยจัดกาลังทัพไปเตรี ยมรับศึกอย่างแข็งขันตามช่องทางที่พม่ายกเข้ามาพม่าเกิดกลัวว่าจะ
รบแพ้ไทย จึงยุติไม่ยกทัพเข้ามา พอดีกบพม่าติดการสงครามกับอังกฤษจึงหมดโอกาสที่จะมาตีไทยอีก
ั
- 8. 4
ด้ านการปกครอง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงบริ หารบ้านเมือง โดยการให้เจ้านายรับหน้าที่ในการ
บริ หารงานราชการในกรมกองต่าง ๆ เท่ากับเป็ นการให้เสนาบดีได้มการปรึ กษาข้อราชการก่อนที่จะนาความ
ี
ขึ้นกราบบังคมทูล ทั้งยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้ผอนผันการเข้ารับราชการของพลเมืองชาย เหลือเพียงปี ละ 3
่
เดือน (เข้ารับราชการ 1 เดือน แล้วไปพักประกอบอาชีพส่วนตัวอีก 3 เดือน สลับกันไป) นอกจากนี้ยงทรง
ั
รวบรวมพลเมืองให้เป็ นปึ กแผ่นมีหน่วยราชการสังกัดแน่นอก โดยพระราชทานโอกาสให้ประชาชน
สามารถเลือกหน่วยราชการที่สงกัดได้ พระองค์ยงได้ทรงทานุบารุ งส่งเสริ มข้าราชการที่มความรู้
ั ั ี
ความสามารถได้มีโอกาสปฏิบติหน้าที่ราชการที่ตนถนัด ในรัชกาลนี้จึงปรากฎพระนามและนามข้าราชการ
ั
ที่มีชื่อเสียงหลายท่าน เช่น สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ เจ้าฟ้ ากรมหลวงพิทกษ์มนตรี กกรมหมืน
ั ่
เจษฎาบดินทร์ เจ้าพระยาศรี ธรรมาโศกราช (น้อย ณ นคร) ขุนสุนทรโวหาร (ภู่) เป็ นต้น
และด้วยทรงมีพระราชประสงค์ให้พลเรื อนของพระองค์เป็ นคนดี มีคุณภาพ จึงได้ทรงออก
พระราชบัญญัติ เรื่ อง ห้างเลี้ยงไก่ นก ปลากัด ไว้ชนและกัดเพื่อการพนัน กับออกพระราชกาหนดห้าสูบฝิ่ น
ขายฝิ่ น ซื้อฝิ่ น พร้อมทรงกาหนดบทลงโทษผูฝ่าฝื น ทาให้ประเทศไทยไม่เกิดสงครามฝิ่ นแบบต่างชาติ
้
ในช่วงที่ทรงขึ้นครองราชสมบัติใหม่ ๆ นั้น สมเด็จเจ้าฟ้ าชายสุพนธุวงศ์ กรมขุนกษัตรานุชิต ราชโอรสใน
ั
พระเจ้าตากสินมหาราชกับพวก ซึ่งได้แก่ เจ้าพระยาพนเทพ บุนนาค) โอรสทั้ง 6 พระองค์ของกรมขุน
กษัตรานุชิต รวมทั้งพระราชโอรส กับพระราชธิดาอีกหลายพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช คิด
กบฎชิงราชสมบัติ ทรงโปรดให้ทาการสอบสวนเมื่อปรากฎว่ามีความผิดจริ ง จึงรับสังให้ประหารชีวิตเสีย
่
ทั้งหมด
- 9. 5
ด้ านการบารุงพระศาสนา
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงฟื้ นฟูพระพุทธศาสนาอย่างมากมายหลายด้าน
โดยเฉพาะด้านการก่อสร้างศาสนาสถาน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างวัดขึ้นมาใหม่หลายวัด ได้แก่ วัด
สุทศน์เทพวราราม วัดชัยพฤกษ์มาลา วัดโมฬีโลก วัดหงสาราม และวัดพระพุทธบาทที่สระบุรี ที่สร้างค้างไว้
ั
ตั้งแต่เมื่อรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลก รวมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้ทาการบูรณะปฏิสงขรณ์ ั
วัดอรุ ณราชวราราม โดยสร้างพระอุโบสถ พระปรางค์ พร้อมทั้งพระวิหารขึ้นใหม่ เพื่อเป็ นพระอารามประจา
รัชกาล
ในปี พ.ศ. 2353 ได้ทรงจัดสมณทูตจานวน 8 รู ป ออกไปยังประเทศลังกาเพื่อค้นหาพระไตรปิ ฏกซึ่ง
ชารุ ดเสียหายเมื่อครั้งเสียกรุ งศรี อยุธยามาเพิ่มเติมและตรวจสอบกับพระไตรปิ ฎกฉบับที่มการสังคายนาใหม่
ี
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทะยอดฟ้ าจุฬาดลก พร้อมกับดูความเป็ นไปของพระพุทธศาสนาในประเทศ
ศรี ลงกา เมื่อคณะสมณฑูตกลับมาได้นาหน่อพระศรี มหาโพธิ์ซ่ึงถือกันว่าเป็ นเชื้อสายของต้นศรี มหาโพธิ์ที่
ั
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ที่พระพุทธคยาในอินเดียและได้มีพระมหากรุ ณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้นาไปปลูกที่
เมืองนครศรี ธรรมราช 2 ต้น ที่วดสุทศน์เทพวราราม 1 ต้น ที่วดสระเกศ 1 ต้น และที่เมืองกลันตันอีก 1 ต้น
ั ั ั
การศึกษาพระปริ ยติธรรมของพระภิกษุสงฆ์ในรัชกาลนี้ทรงรุ่ งเรื องเป็ นอันมาก โดยทรงโปรดให้
ั
แก้ไขหลักสูตรจากปริ ญญาตรี โท เอก มาเป็ นเปรี ยญธรรม 3 ประโยค ถึง 9 ประโยค ทาให้พระภิกษุสามเณร
- 10. 6
ตลอดจนนักศึกษาที่มีความรู้ภาษาบาลีแตกฉานยิงขึ้น กับได้ทรงออกพระราชกาหนดให้พลเมืองทาวิสาขบู
่
ชา ห้ามล่าสัตว์ 3 วัน และตั้งโคมแขวนตั้งเครื่ องสักการะบูชา รักษาอุโบสถศีล ถวายอาหารบิณฑบาต ทา
ทาน ปล่อยสัตว์ สดับพระธรรมเทศนาเป็ นเวลา 3 วัน 3 คืน
ด้ านศิลปวัฒนธรรม
ในด้านการทานุบารุ ง ศิลปวัฒนธรรมของชาติ พระองค์ทรงมีพระอัจฉริ ยภาพในงานศิลปะหลาย
สาขา ทั้งทางด้านประติมากรรม ได้ทรงร่ วมกับช่างประติมากรรมฝี มือเยียมในสมัยนั้นแกะสลักบานประตู
่
ไม้พระวิหารวัดสุทศน์เทพวราราม เป็ นลายเครื อเถารู ปป่ าหิมพานต์ นับเป็ นงานฝี มือชั้นเยียมเนื่องด้วยภาพที่
ั ่
ทรงแกะสลักนั้น ทั้งสัตว์ต่ างๆเช่น เสือ หมี ช้าง นกและพืชพรรณไม้ ดูเหมือนจะสามารถเคลื่อนไหวได้จริ ง
ๆ ได้ทรงแกะสลักศรี ษะหุ่นด้วยไม้สก 1 คู่ เรี ยกว่า พระยารักน้อยและพระยารักใหญ่ ในปัจจุบนงานศิลปะ
ั ั
ทั้ง 2 ชิ้นนี้ เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร นอกจากนี้ได้ทรงปั้นหุ่นพระพักตร์พระ
ประธานวัดอรุ ณราชวรารามด้วยพระองค์เองอีกด้วย
ด้ านดนตรี
ทรงเป็ นองค์อุปถัมภ์การดนตรี ท้งในการสร้างเครื่ องดนตรี และการเล่นพระองค์ทรงเชี่ยวชาญใน
ั
การสีซอสามสาย ได้พระราชทานซอคู่พระหัตถ์ว่า ซอสายฟ้ าฟาด และได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลง บุหลัน
ลอยเลื่อน หรื อ เรี ยกว่าเพลงพระสุบินนิมิต ซึ่งเป็ นที่ไพเราะและได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบน
ั
- 11. 7
ด้ านวรรณคดี
อาจกล่าวได้ว่า รัชสมัยของพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็ นยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยกรุ ง
รัตนโกสินทร์ ละครรารุ่ งเรื องถึงขีดสุด ด้วยพระองค์ทรงกวีเอก ได้ทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้หลายเล่ม
เป็ นต้นว่า รามเกียรติ์ ตอนลักสีดา จนถึงวานรถวายพล ตอนพิเภกสวามิภกดิ์ ตอนนางลีดาลุยไฟ ได้ทรง
ั
ปรับปรุ งจากบทความเดิมให้มีความไดเราะเหมาะสาหรับการแสดงดขน และได้ทรงพระราชนิพนบทพากย์
โขน เรื่ องรามเกียรติ์ ตอนนางลอย ตอนศึกอินทรชิตหักคอช้างเอราวัณ เป็ นบทเสภาเรื่ อง ขุนช้างขุนแผน
ตอนพลายแก้วพบนางพิมพ์ ตอนขุนแผนขึ้นเรื อนขุนช้าง
ส่วนพระราชนิพนธ์ เรื่ อง อิเหนา นั้นทรงได้รับการยกย่องจากวรรณคดีใสโมสรในรัชกาลพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูหวว่าเป็ นยอกของกลอนบทละครรา ด้วยเป็ นเนื้อเรื่ องที่ดีท้งเนื้อความและทานอง
่ ั ั
กลอน
ส่วนบทละครนอก ทรงพระราชนิพนธ์ข้ ึนมาด้วยกัน 1 เรื่ อง ได้แก่
1.ไชยเชษฐ์ เป็ นเรื่ องราวเสียดสีในราชสานัก
2. สังข์ทอง เค้าเรื่ องเกี่ยวกับการเสียดสี่เรื่ องราวในพระราชสานัก
3. มณี พิชยั
4. ไกรทอง เดิมเป็ นนิทานพื้น
5. คาวี มีเนื้อเรื่ องเหมือนกับเสือโคคาฉันท์
- 12. 8
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทเห่เรื อ เรื่ อง กาพย์เห่
เรื อขมเครื่ องคาวหวาน ซึ่งมีความไพเราะและแปลงใหม่ไม่ซ้ าแบบกวีท่านใด เนื้อเรื่ องแบ่งออกเป็ น 58 ตอน
คือเห่ชมเครื่ องคาว เห่ชมผลไม้ เห่ชมเครื่ องหวาน เห่ครวญเข้ากับนักขัตฤกษ์ และบทเจ้าเซ็นบทเห่น้ ีเข้าใน
กันว่าเป็ นการชมฝี พระหัตถ์ของสมเด็จพระศรี สุริเยนทรา บรมราชินี ในเรื่ องการทาอาหาร
องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติได้ยกย่อง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัยว่าทรงเป็ นบุคคลสาคัญของโลก เนื่องด้วยทรงสร้างสรรค์วรรณคดีที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมไว้เป็ น
มรดกของชาติจานวนมาก และรวมถึงทรงปกครองบ้านเมืองให้ราษฎรได้อยูเ่ ย็นเป็ นสุขอยูภายใต้พระบรม
่
โพธิสมภาร
และเนื่องด้วยในรัชกาลนี้ มีชางเผือกมาสู่พระบารมีถึง 3 เชือก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
้
นภาลัย จึงทรงมีพระราชดาริ ให้แก้ไขธงชาติไทยจากที่เคยใช้ธงแดงมาตั้งแต่รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช ให้ทาเป็ นรู ปช้างเผือกอยูในวงจักรติดในธงพื้นแดง ซึ่งใช้เป็ นธงชาติสืบต่อกันมาจนถึงรัชกาลที่ 6
่
- 13. 9
ความสั มพันธ์ กับต่างประเทศ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงดาเนินนโยบายการบริ หารประเทศแบบผ่อนสั้นผ่อน
ยาว เป็ นมิตรไมตรี กบประเทศเพื่อนบ้านต่าง ๆ ทาให้ในรัชสมัยของพรองค์ปราศจากสงครามประชาชน
ั
สามารถประกอบอาชีพได้อย่างสุขสงบ และในรัชสมัยนี้มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศส่งผลให้
สภาวะเศรษฐกิจของประเทศในขณะนั้นมีความมันคงและเจริ ญขึ้นเป็ นอย่างดี
่
ในปี พ.ศ. 2352 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาดลกมหาราช ทรงเสด็จสวรรคตพระเจ้าเยีย
ลอง พระเจ้าแผ่นดินญวน ได้ส่งทูตเข้ามาถวายบังคมพระบรมศพ พร้อมกับมีพระราชสาสน์มาขอเมืองพุท
ไธมาศคืน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงเห็นว่าไทยมิได้ส่งทหารไปดูแลเลยจึงทรงตกลงคืน
ให้ ทาให้สมพันธภาพกับญวนเป็ นไปได้ดวยดี
ั ้
สมเด็จพระอุทยราชาเจ้าเขมร ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราชทรงให้การ
ั
อุปถัมภ์น้ น เกิดผูกใจเจ็บกับไทยตั้งแต่ถกติเตียนเรื่ อง ที่อุกอาจเข้าเฝ้ าโดยพลการ จึงมีความคิดที่จะกระด้าง
ั ู
กระเดื่องต่อประเทศไทย โดยเริ่ มจากการไม่เข้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาดลกมหา
ราชด้วยตนเอง และเมื่อคราวกรุ งเทพฯ มีศึกกับพม่าก็ไม่ยอมยกทัพมาช่วยเหลือ แลละสมเด็จพระอุทยราชาก็ ั
หันไปพึ่งอานาจจากญวนแทน โดยแม้จะส่งเครื่ องราชบรรณาการมายังไทย แต่อานาจของไทยในเขมรก็เสื่อ
ถอยลงตามลาดับเป็ นต้นมา
เจ้าอนุวงศ์ผครองเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งเป็ นเมืองขึ้นของไทยมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ
ู้
ยอดฟ้ าจุฬาโลกมาหาราช ได้แสดงความจงรักภักดีตลอดรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ด้วยดี โดยช่วยเป็ นหูเป็ นตาดูแลหัวเมืองของไทยในแถบนั้นจนสิ้นรัชกาลที่ 2 เพื่อให้การติดต่อค้าขายกับ
ประเทศจีนเป็ นไปได้โดยสะดวก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงแต่งตั้งทูตอัญเชิญพระ
ราชสาสน์และเครื่ องราชบรรณาการ ไปเจริ ญพระราชไมตรี กบพระเจ้าเจี่ยเข่ง พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5
ั
แห่งราชวงศ์เซ็ง ณ กรุ งปักกิ่ง ต่อมาพระเจ้าเจี่ยเข่งสิ้นพระชนม์ ก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ส่งราชทูตไทยไป
เคารพพระบรมศพ และเจริ ญพระราชไมตรี ต่อพระเจ้าตากวางได้สืบราชสมบัติแทน โปรตุเกสกับไทยได้
เคยมีการติดต่อค้าขายกันมาตั้งแต่สมัยกรุ งศรี อยุธยา และเมื่อบ้านเมืองเกิดสงครามกับพม่า โปรตุเกสก็พากัน
ออกไปค้าขายที่เมืองอื่น ๆ ต่อมาในปี พ.ศ. 2363 พระเจ้าแผ่นดินโปรตุเกสก็ได้ส่งทูตเข้ามาขอทาสัญญาทาง
พระราชไมตรี เพื่อความสะดวกในการติดต่อค้าขาย
- 14. 10
มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ านภาลัย
เนื่องในมหามงคลสมัยครบรอบ 200 ปี แห่งการเสด็จพระราชสมภพในปี พ.ศ. 2310 มูลนิธิ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ก่อสร้างอุทยานพระบรมราชานุสรณ์ข้ ึนที่ อ.อัมพวา จ.
สมุทรสงคราม เพื่อเป็ นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจุดเด่นของ
อุทยานแห่งนี้ คือ เรื อนไทยภาคกลางขนาดกลาง 5 หลัง เป็ นแบบเรื อนไทยสมัยต้นกรุ งรัตนโกสินทร์ ใช้เป็ น
พิพิธภัณฑ์และหอสมุด เรื อนไทยที่เป็ นพิพิธภัณฑ์แบบชาติพนธุวิทยา แสดงความเป็ นอยูของคนไทยในสมัย
ั ์ ่
ต้นกรุ งรัตนโกสินทร์ เรื อนไทยแฝดหลังกลางเป็ นเรื อนประธานจัดแสดงศิลปวัตถุที่นิยมกันในสมัยนั้น
โดยเฉพาะสมัยรัชกาลที่ 2 เช่น เครื่ องเบญจรงค์ หัวโขน ตัวหุ่นกระบอกนางผีเสื้อสมุทร เป็ นต้น เครื่ องใช้
ประจาวัน เช่น โม่หินใช้สาหรับโม่แป้ ง หินบดยา ขันสาคร เป็ นต้น
เรื อนต่อมาได้จดแสดงตูหุ่นวรรณคดีตามบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
ั ้
นภาลัย แต่ละตูมีความสวยงามและประณีต บทละครที่นามาจัดแสดง ได้แก่ สังข์ทอง ตอนพระสังข์เที่ยวชม
้
ปราสาทนางพันธุรัตน์ ในขณะที่นางยักษ์ไม่อยูได้พบบ่อเงินบ่อทองจึงลองเอกนิ้วจุ่มดู ตูบทละครนอก เรื่ อง
่ ้
- 15. 11
มณี พิชย จัดทาตอน พระอินทร์แปลงนางยอพระกลิ่นให้เป็ นพราหมณ์ พระมณี พิชยต้องตามนางยอพระกลิ่น
ั ั
เข้าไปอยูในป่ า เพื่อลองในพระสวามี พราหมณ์จึงแปลงร่ างเป็ นผูหญิงสาวออกมาเดินให้พระมณี พิชยเห็น
่ ้ ั
ส่วนเรื อนไทย 2 หลัง ทางปี กขวาจัดเป็ นห้องผูชายไทย มีเตียงนอน อุปกรณ์เขียนอ่าน พระพุทธรู ปบูชา ฉาก
้
ลายจีน อาวุธ เช่น โล่ เขน เป็ นต้น ปี กซ้ายจัดเป็ นห้องผูหญิงไทย มีเตียงนอนเครื่ องเย็บปักถักร้ อย เครื่ องอัด
้
กลีบผ้า คันฉ่อง เป็ นต้น ที่ชานเรื อนจัดไม้กระถางไม้ดอก อ่างบัว แบบเรื อนไทยในเรื่ องขุนช้างขุนแผน
เรื อนไทยอีกหลังหนึ่งจัดเป็ นหอสมุด สร้างในน้ าตามแบบหอไตรสมัยโบราณตามวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็ นการ
ป้ องกันปลวก แมลงและอัศคีภย และเพื่อให้ความเย็นรักษาหนังสือหอสมุดแห่งนี้ได้รวบรวมหนังสือพระ
ั
ราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและผลงานของกวีร่วมสมัย เช่น สมเด็จพระมหาสมณ
เจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร นายริ นทร์ธิเบศร์ สุนทรภู่
เป็ นต้น อุทยานแห่งนี้จึงนับว่าเป็ นสถานที่ที่มคุณค่าทางวัฒนธรรมของไทยอย่างยิง
ี ่
บทสรุป
ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ถือว่าเป็ นแผ่นดินทองแห่งวรรณกรรมด้วยทรง
มีพระปรี ชาสามารถอย่างยิงในด้านศิลปะ ไม่ว่าจะเป็ นทางด้านสถาปัตยกรรม วรรณกรรรม รวมถึง
่
นาฎกรรม ดังจะเห็นได้จากมรดกทางวัฒนธรรมที่พระองค์เป็ นผูสร้างไว้ให้กบอนุชนรุ่ นหลัง อุทยานพระ
้ ั
บรมราชานุสาวรี ยเื ป็ นสถานที่ที่แสดงให้เห็นพระปรี ชาสามารถในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ได้อย่างชัดเจนที่สุด และในอุทยานพระบรมราชานุสาวรี ย ์ เป็ นที่ต้งของ พระบรมราชานุสาวรี ยของ
ั ์
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประดิษฐานอยู่ ณ ที่น้ นด้วย
ั
- 16. 12
บรรณานุกรม
ศิวรรณ คุมโห.// “ พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัย,”/พระราชประวัติ พระ
้
มหากษัตย์ 9 รัชกาล.// 13 กรกฏาคม 2546.//<http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/พระบาทสมเด็จ
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย> //20 มิถุนายน 2554.