SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  69
Télécharger pour lire hors ligne
Flip Book: http://ningstory.com/books/
Blog: http://short.ningstory.com/
๑

         “พี่เกงยังจําเรื่องที่เราคุยกันเอาไวเมื่อปที่แลวไดหรือเปลา”
         ถึงเสียงฝนและฟาจะรองดังกลบเสียงของเธอจนเกือบมิด ผมก็ไดยินคําถามอยาง
ชัดเจน
        ตอใหไมมีเสียงพูด ผมก็อานริมฝปากของเธอออก รูอยูแลววาเธอจะตองรบเรา
เขาอีกสักวัน
        “จําได” ผมตอบตามตรง ไมมีประโยชนที่จะแกลงเฉไฉ
        “พี่เกงบอกวาขอเวลาอีกป นี่ก็ปกวาแลว”
        ผมไมรูจะตอบอยางไรใหเธอไมโกรธ ไมเสียใจ ไมโวยวาย จึงเลือกปดปากเงียบ
เสียงอึกทึกของฝนฟาชวยบรรเทาความเงียบที่อึดอัดไดบาง
        “เราคบกันนานแลวนะ เจนอยากมีครอบครัว”
        “ทําไมตองรีบรอนละครับ เจนเพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีเองนะ ไมอยากลอง
ทํางานดูกอนเหรอ”
        “พี่เกงก็อางโนนอางนี่ไปเรื่อย เจนเปนผูหญิง เปนคนมาขอพี่เกงแตงงาน แลวพี่
เกงพูดไดแคนี้เหรอ”
        เวลาเจนโกรธ เธอมักฉุนเฉียวแบบนี้เสมอ เธอขึ้นเสียงสูงจนเปนเสียงกรีดรอง
ของคนอารมณราย
        “พี่วาเรื่องแบบนี้เราไมนาใจรอน บางทีถาเจนไดลองไปทํางาน ก็อาจจะไดเห็น
ไดเจอคนมากขึ้น แลวเจนก็อาจจะเจอคนที่ดีกวาพี่ก็ได”
        ผมปลอยเสียงฟูมฟายของเธอใหคลออยูเบื้องหลังขณะนึกยอนกลับไปถึงวันที่เจน
พาผมไปแนะนําตัวกับพอแมของเธอ

                                           *
       หากคนรักของผมเปนผูหญิงจากครอบครัวเรียบงายธรรมดาก็คงจะเรียกวาสถานที่นี้
วาบานได อาคารที่ตระหงานอยูตอหนาทําใหคําที่ทําใหนึกถึงความอบอุนอยางคําวา
บานกลายเปนคําที่แสนตํ่าตอยดอยคา คฤหาสนอลังการงามสงาที่เชิดหนามองผมตั้งแต
๒

หัวจรดเทา และสายตาดูแคลนของตุกตาโรมันที่ตั้งเรียงเปนแถวในวันนั้นทําใหผมรูสึก
เหมือนเปนสิ่งมีชีวิตตัวเล็กและไรความสําคัญที่สุดในโลก
         ผมเอามือปดฝุนบนเสื้อผาโดยไมรูตัวกอนเดินตามเจนเขาสูประตูปราสาทขนาด
ยอม
         เฉพาะหองรับแขกก็โออากวางขวางเทากับบานของผมทั้งหลัง ภายในหองมีชุด
รับแขกที่ผมแนใจวามันสามารถทําหนาที่ตอนรับแขกผูมีเกียรติไดอยางไมมีขาดตก
บกพรอง แตผมไมแนใจวามันจะยอมลดตัวมารับแขกที่ไมมีเกียรติอยางผมหรือไม
         ผมเกือบจะเอยปากขออนุญาตกับเกาอี้สีทองรูปทรงออนชอยกอนจะนั่งลงบนตัวมัน
สาวรับใชรุนราวคราวเดียวกับผมในชุดเครื่องแบบคุกเขานําถาดใสชาฝรั่งกลิ่นหอมในถวย
ชาลายดอกไมเนื้อดีพรอมขนมเคกชิ้นพอคําในจานเขาชุดกันมาวางบนโตะรับแขก ผมกม
หัวขอบคุณเธอดวยความเกรงใจ ถึงแมนายหญิงนอยเจาของบานจะยินดีตอนรับผมมาก
เพียงใด ผมก็ยังรูสึกวาที่นี่กับผมแตกตางกันเหมือนธนบัตรมูลคาหนึ่งพันบาทกับเหรียญ
ยี่สิบหาสตางค
         ครูหนึ่ง สตรีงามสงาดวงหนาฉายแสงนวลผองเหมือนพระจันทรในคืนวันเพ็ญก็เดิน
เขามาในหองรับแขก ทวงทาและราศีของทานดูแข็งแกรงแตอบอุนละมุนละไมถึงขนาดที่
ชวยทําใหผมคลายความอึดอัดลงไดบาง
         “แม นี่พี่เกงแฟนเจน พี่เกงเปนคนแตงเพลงนั้นที่บานเราเปดคาราโอเกะรองกัน
บอยๆ” เจนแนะนําผมใหคุณแมของเธอรูจักอยางตรงไปตรงมา ผมรูสึกอายแทนเจนอยู
แวบหนึ่ง คนหัวโบราณอยางผมเชื่อวาความออมคอมเขินอายและการใชเวลาสําหรับบาง
เรื่องโดยเฉพาะในเรื่องของความรักของหนุมสาวยังคงมีคุณคาและความนารักอยูเสมอไม
วาเวลาจะผานไปนานแคไหน
         ในความอํ้าอึ้งไมกลาสารภาพรักยังมีความเคารพที่ผูชายมีตอผูหญิง ทุกระยะหาง
ยังมีขอพิสูจนความจริงใจอยูเสมอ
         ผมลุกขึ้นยืนทําความเคารพทาน
         “สวัสดีจะ ไมตองลุกขึ้นยืนก็ไดลูก เกงเองเหรอที่เปนคนแตงเพลงนั้น โอย แม
ชอบมาก เกงสมชื่อเลยนะลูก”
๓

         “ขอบคุณครับ”
         “เรียกวาแมวาแมก็ได”
         “ครับ แม”
         บรรยากาศเปนกันเองดําเนินไปอยางราบรื่น ผมผอนคลายถึงขนาดกลาเอนหลังลง
บนพนักพิงของคุณเกาอี้ แตยังไมทันไดพิง เสียงตะโกนทักทายจากชายสูงใหญวัย
กลางคนสวมเสื้อลายเอกลักษณของยี่หอเวอรซาเชทําใหผมสะดุดกลับมานั่งเกร็งหลังตรง
อีกครั้ง
         “อาว วาไง” เสียงพอของเจนเหมือนเสียงคํารามของสิงโต
         “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหวทานอยางนอบนอมที่สุดในชีวิต
         “พอ นี่แฟนเจน ที่บอกวาจะพามาวันนี้” เจนแนะนําผมกับพอของเธอแบบนี้ก็ไม
ตางอะไรกับชี้เหยื่อกวางหนุมออนแอไรทางสูใหกับสิงโตเฒากํายํารอบจัด
         เสียงเงียบอันโหดรายบังเกิดขึ้นครูหนึ่งในหองรับแขก ผมกับสาวใชในเครื่องแบบที่
ยืนอยูอีกมุมหองสบตากันโดยบังเอิญ สายตาของเธอแสดงออกถึงความเห็นใจ
         “ชื่ออะไรละเนี่ย” ทานหยุดทรมานผมดวยเสียงพูดปนหัวเราะอยางเปนมิตร แลว
นั่งลงบนโซฟาตัวยาวลวดลายฉลุฉวัดเฉวียน เสื้อลายเวอรซาเชกับบัลลังกสีทองชวยกัน
ขับสงใหพอของเจนดูนาเกรงขามมากกวาเดิม
         “เกงครับ”
         “ทํางานทําการอะไร” นํ้าเสียงของทานเริ่มแฝงความขรึมจริงจังกับคําถามนี้
         “แตงเพลงครับ”
         “เพลงอะไร”
         “เออ หลายเพลงครับ สวนใหญจะเปนเพลงแนว...”
         “ก็เพลงนั้นที่เราเปดคาราโอเกะในหองรองกันบอยๆ ไงพอ บอกตั้งหลายทีแลว”
เจนชวยตอบคําถามอยางหงุดหงิด การที่เธอนั่งอยูขางๆ ไมไดชวยใหผมหายเกร็งเลยแม
สักนิด แตกลับทําใหผมประหมาเกินปกติดวยซํ้า ผมรูสึกเหมือนกําลังนั่งอยูขางๆ ลูก
สิงโตที่พอของมันดุดันพรอมจะฉีกรางผมออกเปนสองซีกหากผมขยับตัวเขาใกลแมเพียง
นิด
๔

         “ที่บานละ ทําธุรกิจอะไร”
         “ไมไดทําครับ คือวา พอของผม...” ผมพยายามคนหาคําพูดรุมรวยสวยหรูเพื่อ
เปลี่ยนเรื่องจริงที่ไมมีใครอยากไดยินใหเปนเรื่องโกหกหวานหูเหมือนอยางที่นักเลนกับ
การเมืองบางทานทํากันเปนอาชีพ
         “โอย พอ นี่ไมไดมาสัมภาษณงานนะ” เจนชวยผมเอาไว แตผมอยากจะเปลี่ยน
คําวาสัมภาษณงานเปนการสอบสวนผูตองหามากกวา เพราะตอนนี้ผมรูสึกเหมือนนั่งอยู
ในหองมืดรูปทรงสี่เหลี่ยม มีดวงไฟสวางจอมาที่หนา และเจาหนาที่รางกํายําสองคนยืน
กอดอกอยูที่ประตูมากกวาหองรับแขกหรูสไตลวิกตอเรียน
         พอของเจนดูนาิกาขอมือกอนพูดวา “เดี๋ยวพอตองไปทํางานตอ” แลวตบไหล
ผม ผมสะดุงโหยง “เอาไวไปกินขาวกัน วันนี้ขอตัวกอน” ผมลุกขึ้นยืนสวัสดีทาน
         “สวัสดีๆ” ทานรับไหวแลวเดินออกไปโดยมีชายในชุดสูทซาฟารีเดินตามหลัง
อยางนอบนอม
         “พี่เกง งั้นเดี๋ยวเจนมานะ เจนจะขึ้นไปขางบนลองเดรส แมเพิ่งซื้อมาให แลว
เดี๋ยวเราออกไปดูหนังกัน”
         ผมพยักหนา แลวสวัสดีคุณแมของเจน
         “เอาไวมาอีกนะลูก” ทานยิ้มละไม
         ทั้งคูออกจากหองรับแขกไป ผมยังคงไมวางใจทั้งๆ ที่การพบกันครั้งแรกระหวาง
ผูปกครองกับแฟนหนุมของลูกสาวซึ่งเปนสวนที่ยากที่สุดของการเขาตามตรอกออกตาม
ประตูก็ผานไปแลว อาจเปนเพราะความหยิ่งลําพองของบรรยากาศในหองรับแขกที่ทําให
ผมรูสึกแปลกแยก
         ผมหยิบถวยชาหรูขึ้นมาจิบแกคอแหง ถวยชาเนื้อบางกับมือหนังหนาๆ ของผม
แลดูขัดแยงกัน จากนั้นก็นั่งทบทวนถึงเรื่องของผมกับเจน
         เรารูจักกันที่โรงเรียนสอนรองเพลงที่เพื่อนของผมเปนครู เมื่อเจนรูวาผมเปนคน
แตงเพลงดังที่เปนเพลงโปรดของเธอ เจนก็ดูเหมือนจะถูกใจผมเปนพิเศษ
         “คนที่แตงเพลงรักไดเพราะขนาดนั้นไดตองเปนคนรักที่ดีไดแนๆ” เธอบอกกับผมใน
วันที่เราเริ่มคบกันใหมๆ
๕

         ผมจําไมไดวาเราเริ่มคบกันจริงจังตอนไหน นึกไมออกดวยซํ้าวาผมเคยขอเธอเปน
แฟนหรือเปลา หลังจากวันที่เรารูจักกัน เจนก็เขามาเปนสวนหนึ่งในชีวิตประจําวันของผม
ผมอยากบอกใหเธอใจเย็นๆ กอน แตทุกอยางเกิดขึ้นอยางรวดเร็วจนผมไมแนใจวาที่จริง
แลว ผมหาจังหวะแทรกเพื่อคุยกับเธอตรงๆ ไมได หรือวาผมมีความสุขมากจนปลอยให
เธอเปนคนควบคุมกันแน
         เจนเปนคนเปดเผย ตรงไปตรงมา จนบางครั้งดูเหมือนไมรูจักกาลเทศะ ถาจะ
บอกวาเจนคือคุณหนูเอาแตใจก็คงจะไมผิด แตเธอก็เปนเด็กสาวที่นอกจากจะหนาตา
นารักแบบฉบับสาวหมวย ตัวเล็กนารัก ผิวขาวเนียนหมดจดแลว ยังมีความออนหวาน
ออนโยนในแบบของเธอซึ่งหลังจากไดพบคุณแมของเธอในวันนี้แลวก็พอจะทราบวาเจน
ไดรับขอดีขอนี้มาจากใคร
         เจนมาที่บานผมพรอมสุนัขหรือแมวจรจัดบอยๆ เธอไมรังเกียจที่จะจับตัวสกปรก
หรือแมแตแผลเนาของพวกมัน เจนพาพวกมันไปรักษา แลวก็นํากลับมาดูแลตอที่บานของ
เธอซึ่งไมมีปญหาเรื่องเนื้อที่ที่จํากัดหรือความขัดสน ครั้งหนึ่ง เจนโดนลูกสุนัขจรจัดกัด
เปนแผลเลือดออก “ไมเปนไร เดี๋ยวคอยออกไปหาหมอฉีดยาก็ได” เธอบอกผม ไมมีแวว
โกรธเคืองหรือตกใจใดๆ
         สําหรับผม เธอเหมือนตุกตากระเบื้องเนื้อบางสวยที่ผมตองระมัดระวัง ทะนุถนอม
ประคับประคองไมใหตกแตก
         ผมทานขนมเคกที่อยูในจาน แลวจิบชา ชากรุนกลิ่นมะนาวผสมใบสะระแหนไมใส
นํ้าตาลตัดกับรสหวานของขนมเคกไดดี รสชาติชีวิตของคนมีฐานะหอมกลมกลอมอยางนี้
นี่เอง
         “คุณครับ ทานเชิญที่หองครับ”
         ผมตกใจจนเกือบสําลักนํ้าชา
         “อะไรนะครับ”
         “ทานมีอะไรจะคุยกับคุณ เชิญที่หองทํางานครับ” ชายในชุดสูทซาฟารีคนเดิมที่คง
จะเปนเลขานุการสวนตัวของคุณพอเจนมาตามผม
         ผมสังหรณใจอยูแลววาการพบกันเมื่อครูจบลงงายเกินไป
๖

         หองทํางานของทานตระการตาไมตางจากสวนอื่นๆ ของคฤหาสน วันนี้ผมเห็น
ลวดลายคลื่นโคงมนมวนเวาหรูหราไปมาทั้งวันจนรูสึกเวียนหัว รูปภาพครอบครัวสี่คน
ประกอบดวยพอกับแม เจน และนองชายที่ศึกษาอยูในตางประเทศใสกรอบทองแขวน
ประดับอยูทั่วหอง
         คุณพอของเจนนั่งหันหลังใหผมบนเกาอี้ทํางานตัวใหญเหมือนในหนังเจาพอมาเฟย
คราวนี้มีชายฉกรรจสองคนยืนอยูที่ประตูหองอยูจริงอยางที่ผมไดจินตนาการไว     ทาน
หมุนเกาอี้กลับมาเผชิญหนากับผม
         บรรยากาศในหองเย็นเยียบ และเงียบเชียบจนผมไดยินเสียงความกลัวของตัวเอง
         “ผมมีลูกสาวคนเดียว” ทานจองหนาผม
         “ครับ”
         “คุณคิดวาจะดูแลลูกสาวผมอยางไร”
         “ผมจะพยายามเต็มที่ครับ”
         “แคนั้นไมพอหรอก ลูกสาวผมไมเหมาะกับคุณ ผมจะใหเจนแตงงานกับคนที่คูควร
เทานั้น คุณเขาใจใชไหม”
         “เขาใจครับ แตวา...”
         “ผมไมไดเรียกใหคุณมาชี้แจง ผมเรียกใหคุณมาฟง คุณมองไปรอบๆ ตัวสิ ผมทํา
ธุรกิจมาหลายปจนประสบความสําเร็จขนาดนี้ เจอปญหา ฝาอุปสรรค พบเจอคนมา
หลายรูปแบบ ผมดูคุณแวบเดียวก็รูวาคุณเปนคนแบบไหน ตองพูดดวยอยางไร คุณดูเปน
คนเขาใจโลก ผมใหเกียรติคุณดวยการคุยกับคุณตรงๆ ไมออมคอม คุณรูไหมวาผมมี
หลายสิบวิธีที่จะคุยกับคุณ แตผมเลือกวิธีนี้ เพราะคุณดูเปนคนมีเหตุผล”
         “ครับ”
         “เลิกกับเจน ผมมีคนที่อยากใหเจนคบดวยแลว ผมคงไมตองอธิบายอะไรมาก ผม
รู ความรักมันสวยงาม แตสําหรับบางคน โลกใบนี้ไมไดมีเอาไวใหเพอเจอ โดยเฉพาะ
คนที่มีเดิมพันสูง”
         “ครับ” ผมรูสึกสมเพชตัวเองอยางบอกไมถูก
๗

           นํ้าพุสมบูรณชุมฉํ่ายิงนํ้าพุงเปนสายกระจายยิ่งใหญเหมือนดอกไมไฟที่สําหรับพอ
ของเจนคงสื่อถึงชัยชนะทางการเงินและพลังอํานาจตั้งอยูกลางวงเวียนทางออกหนาประตู
ใหญ ผมมองมันแลวรูสึกเวทนาตัวเองยิ่งไปกวาเดิม
           “พี่เกงเปนอะไร ทําไมดูเครียดๆ รอเจนนานจนหงุดหงิดเหรอ” เจนถามขณะกําลัง
ขับรถหรูออกจากบาน
           “เปลา ไมเปนไร” ผมยิ้มใหเจน ที่จริงแลว ผมเปน ผมอัดอั้น อยากกลับบานไป
เขียนเพลงเพื่อเตือนตัวเองวาผมก็มีเสียง มีตัวตนอยูบนโลก ถึงแมจะไมมีความสําคัญ
อะไรกับระบบเศรษฐกิจอันยิ่งใหญในโลกของพอเจนเลยก็ตาม
           นั่นเปนเพียงครั้งแรกในสามครั้งที่ทานเรียกผมเขาไปคุย และในแตละครั้ง ความ
รุนแรงและจริงจังก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ              ตัวเจนเองก็รูวาพอของเธอไมสนับสนุนใหเรารักกัน
แตสิ่งที่เจนยังไมรูคือ ผมเห็นดวยกับพอของเธอ

                                               *
        เสียงรองไหฟูมฟายกลับมาดังชัดเจนหลังจากผมกลับมาจากหวงความคิด
        “นี่เปนเพราะพออีกแลวใชไหม เจนจะกลับไปพูดกับพอเดี๋ยวนี้”
        “ไมใชอยางนั้น พี่ก็แคหวังดีกับเจน”
        “เจนไมเชื่อ เจนรักพี่เกง ถาพี่หวังดีกับเจนจริงแลวทําไมชอบไลใหเจนไปรักคนอื่น
เจนจะกลับไปพูดกับพอ”
        เธอรองไห ควากระเปาแบรนดเนม ผมควาแขนเธอเอาไว แตเธอกระชากกลับไป
ไมหันมามอง แลวก็บึ่งรถหรูออกไปกลางดึกของคืนที่ฝนตกหนักโดยไมฟงคํารองขอของ
ใครทั้งสิ้น
        ผมทําเธอรองไหดวยเรื่องเดิมๆ นับครั้งไมถวน ผมนึกถึงคําพูดของเจนที่บอกผม
ตอนที่เราคบกันใหมๆ “คนที่แตงเพลงรักไดดีขนาดนั้นตองเปนคนรักที่ดีไดแนๆ” ตอนนี้
เธอคงรูแลววามันไมจริง
๘

          ผมรักเจน ไมใชไมรัก แตตระหนักและหนักใจถึงความแตกตางทางฐานะของเรา
เปนอยางดี ครอบครัวของเธอมีกิจการใหญโต คุณพอของเจนเปนนักธุรกิจแนวหนา
สวนผม นักแตงเพลงอิสระ หาเลี้ยงแมดวยการแตงเพลงขายไปวันๆ พอของเจนพูดถูก
ความรักเปนสิ่งสวยงาม แตสําหรับบางคน โลกใบนี้ไมไดมีเอาไวใหเพอฝน และผมไมมี
ปญญาจะดูแลลูกสาวของทานใหดีทัดเทียมทานไดแนนอน
          ผมเคยโชคดีแตงเพลงฮิตไดอยูหลายเพลง บางทีเพลงโปรดของคุณในขณะนี้ อาจ
เปนเพลงที่ผมแตงก็ได แตชวงปที่ผานมา ผมขาดความปลอดโปรงซึ่งเปนหนึ่งในปจจัยที่
สําคัญที่สุดของการทํางาน ทําใหจนบัดนี้ผมยังคงเขียนอะไรไมออกเลยแมกระทั่งเพลงรัก
ฟงงายๆ แคเพลงเดียว
          “แมยังจําหองในอพารทเมนทที่ลุงเขมทิ้งไวใหเราไดไหม” ผมถามแมในตอนเชา
ของวันที่ฟายังคงมึนตึงจากความคลั่งคะนองตลอดทั้งคืน
          แมหยุดคิดครูหนึ่ง แลวตะโกนจากครัวแขงกับเสียงสาดผักบุงลงในกระทะรอน
          “ออ จําไดสิ ทําไมเหรอ”
          “วาจะลองไปคางสักสองสามคืนนะแม”
          แมเดินออกมาจากครัวพรอมถาดใสจานผัดผักบุงไฟแดง และขาวตมรอนสองถวย
ที่สงเกลียวควันฉุยชัดเจนในอากาศเย็นชื้นหลังฝนตก
          “ที่วาสองสามคืนนะ ใหมันจริงเถอะ... ทะเลาะกับนองเจนเขาเหรอเกง”
          “เปลา” ผมตอบ แลวเปาขาวตมในชอนใหเย็นลง
          “แมไมอยากใหไป หองอะไรก็ไมรู ครั้งที่แลวที่แมไปเปดหองทําความสะอาดมา
ยังขวัญผวาไมหาย วังเวงอยางไรชอบกล แมเปนหวง”
          “ไมตองเปนหวงหรอก อยากไปหาที่เงียบๆ ทํางานไมกี่วัน เดี๋ยวก็มาแลว”
          “โอย อยากไดความเงียบจากหองนั่นนะ ไดแนๆ ละ แตอยางไรแมก็ไมอยากให
ไป จะมาหามแมไมใหเปนหวงไมไดหรอก”
          “ลุงเขมเขายังเคยอยูไดเลยแม”
          “พูดถึงลุงเขมแลวก็คิดถึงนะ...” แมตาแดง เสียงสั่น มือที่จับชอนสั้นเอื้อมไปตัก
ผัดผักบุงในจานก็สั่นไปดวย แมเปนแบบนี้เสมอทุกครั้งที่พูดถึงลุงเขม
๙

          ลุงเขมคือพี่ชายแทๆ คนเดียวของแมที่จากพวกเราเมื่อสองปกอน ผมยังจําทาน
ไดดี ชายเงียบขรึม รักสันโดษ รูปรางสูงใหญ ผิวคลํ้า หนาตาคมเขมสมชื่อคือคนที่เลี้ยง
ดูเราสองคนแมลูกตั้งแตพอทิ้งผมกับแมไปหลังผมเกิดแคไมกี่วัน ทั้งชื่อเลนวาเกง และชื่อ
จริงวาเกงกลาของผม ลุงเขมก็เปนคนตั้งให ที่ผมเปนนักแตงเพลงไดจนทุกวันนี้ ก็เพราะ
คอรดกีตารสามคอรดแรกในชีวิตของผมที่ลุงเขมเปนคนสอนตอนผมอายุแคสิบขวบ
          ลุงเขมมีอาชีพขับรถแท็กซี และรถรับจางทั่วไป หาเลี้ยงผมและแมอยูหลายป
โดยที่แมเปนคนดูแลงานบานอยูที่บานเชาเล็กๆ ที่เราสามคนอยูดวยกัน ปที่ผมอยู
มัธยมศึกษาปที่หก มีเพื่อนขับรถรับจางที่ทํางานอยูตางประเทศมาชักชวนใหลุงเขมไป
ทํางานดวยกันที่นั่น ลุงเขมเห็นวาถาผมเขามหาวิทยาลัยคงตองมีคาใชจายเพิ่ม ทานจึง
ตัดสินใจเดินทางไป
          ลุงเขมสงเงินกลับมาใหผมกับแมใชจายอยางไมขัดสน บานไมหลังเล็กนาอยูหลังนี้
ก็ซื้อมาไดดวยนํ้าพักนํ้าแรงของทาน ลุงกลับมาหาเราปละครั้ง ทุกครั้งทานจะนําเงิน
กลับมาฝากธนาคารไวใหผมเสมอ
          ผมกับแมเพิ่งรูวาลุงไดซื้อหองพักไวที่หองชุดหนึ่งที่ชานเมืองก็หลังจากที่ทาน
เสียชีวิตลงที่ตางประเทศ ลุงเขมเขียนพินัยกรรมสั้นๆ ไวใหเราสองแมลูก ผมกับแมไมรู
เรื่องที่ทานปวยเลย จดหมายที่ลุงสงมาทุกเดือนมักจะมีแตขาวดีเสมอ ผมจําไดวาครั้ง
สุดทายที่เราเจอลุงเขม ลุงดูผอมไปมาก แตความสุขที่ไดเจอกันพรอมหนาบดบังขอสงสัย
ตางๆ ไปจนหมด
          ใบมรณะบัตรที่เราไดรับจากกงสุลระบุวาลุงเสียชีวิตจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
แตขาวลือบอกวาลุงเสียชีวิตดวยโรคภูมิคุมกันบกพรอง ทานไมเคยมีแฟน และไมได
แตงงาน เพื่อนของลุงบางคนตั้งขอสงสัยวาลุงเขมรักผูชายดวยกัน ผมไมเคยยุงเรื่อง
สวนตัวของทาน เรื่องเดียวที่ผมรูคือตลอดชีวิตของลุงเขม ทานไมเคยทิ้งนองสาวและ
หลานชาย ลุงจะรักผูหญิง หรือจะรักผูชาย หรือจะเปนโรคอะไรผมไมรู ผมรูแตวาผม
ภูมิใจในตัวลุงเขม หัวใจของลุงเปนสุภาพบุรุษและนาเทิดทูนมากกวาชายแทๆ หลายคน
โดยเฉพาะผูชายที่ทิ้งผมไปตั้งแตผมอายุไมถึงหนึ่งเดือน ผมไมเสียใจหรืออับอายเลยหาก
ลุงเขมของผมเสียชีวิตดวยโรคนั้นจริงอยางที่เขาวากัน แตเรื่องที่ผมเสียใจและอับอายมา
๑๐

จนถึงวันนี้คือการที่ผมไมไดอยูดูแลตอบแทนบุญคุณของผูมีพระคุณตอนที่ทานนอนปวยจน
จากผมไปเพียงลําพังที่เมืองนอก
         “เกงก็คิดถึงลุงเหมือนกันแม คิดถึงมาก”
         “จะไปก็ไปเถอะ เดี๋ยวแมเอากุญแจให” แมดึงเสื้อขึ้นมาเช็ดนํ้าตา “แตอยาไป
หลายวัน แลวก็ดูแลตัวเองดีๆ ดวย แมเหลือเราคนเดียว”
         “แมไมตองบอกเจนนะ”
         “จะดีเหรอเกง แมขอพูดอีกอยางนะลูก เรื่องนองเจนนะ มีอะไรก็คุยกับนองดีๆ
ถาไมรักนองแลวก็ตองบอกกลาวใหเขารู อยาทิ้งไปเฉยๆ แมวาถึงเขาจะดูเหมือนคนใจ
รอน แตก็ไมใชเด็กเกเร แมดูแลว แมวานองเจนเขารักลูกมาก”
         ผมพยักหนารับ แมและตัวผมเคยถูกทิ้งมาแลว เราเขาใจความเจ็บปวดราวลึก
จากการถูกทิ้งขวางอยางไมมีปมีขลุยเปนอยางดี
         ผมไมไดคิดจะทิ้งเจน เพียงแตคิดวาถาเราสองคนหางกันสักพัก ปลอยให
ความรูสึกนึกคิดที่เกิดจากเรื่องตางๆ ไดตกตะกอน เราก็อาจจะไดรับคําตอบบางอยาง
จากสัจธรรมของระยะหางและเวลา และผมอาจจะเขียนเพลงออก ที่สําคัญ เจนคงจะมี
เวลาไดคิด แลวใหโอกาสตัวเองมองคนอื่นบาง
         เมื่อชวยแมลางจานชามเรียบรอย ผมก็ขึ้นขางบนไปเก็บสัมภาระ ซึ่งประกอบดวย
เสื้อผาไมกี่ชุด ของใชสวนตัวเล็กนอย กีตาร และกลองเล็กๆ ที่ผมเก็บรูปและของขวัญที่
เจนใหผมเอาไว
         “ไมตองโทรหานะแม เกงวาจะปดโทรศัพท จะไดมีสมาธิทํางาน ถามีอะไรเดี๋ยว
เกงโทรมาหาเอง”
         “อืม ดูแลตัวเองดีๆ ละ ถึงแลวโทรมาบอกแมดวย”
         “สวัสดีครับแม” ผมกอดแม ไมนาเชื่อวาผูหญิงที่ผอมบางแลดูออนแอคนนี้จะ
สามารถมอบไออุนที่ยิ่งใหญใหผมไดทุกครั้งที่กอดทาน
         ผมมองแมจากกระจกมองขางขณะรถแท็กซีขับพาผมหางออกจากบานไปเรื่อยๆ

                                         *
๑๑

         หลังจากแวะซื้อของกินของใชจําเปน ผมนั่งรถแท็กซีตอเขามาในซอยคดเคี้ยว
เลี้ยวลึก ถนนเปนหลุมเปนบอ สองขางทางมีแตทุงหญาคา บานเรือนที่ทั้งซอยนับไดไม
เกินสี่หลังตั้งอยูหางไกลกัน ผมลงจากรถแท็กซีที่หนาประตูรั้วในเวลาเย็นยํ่า หินกรวดใต
เทาสงเสียงกรวดกราดตามจังหวะเดิน ฝนลงเม็ดประปราย ทองฟาทอสีสมอมแดง ลมพัด
เย็นพากลิ่นดอกไมบางเบามามอบให ตรงหนาผมคืออาคารเกาสูงสามชั้นตระหงานใน
บรรยากาศสะลึมสะลือกอนฝนตก                   สีของอาคารหลุดรอนดูเหมือนคนหกลมลื่นไถลจน
ผิวหนังถลอกปอกเปก ตะไครสีเขียวจับตรงโนนทีตรงนี้บาง เสียงใบไมตองลมคือเสียง
เดียวที่ไดยิน
         ผมยืนเกๆ กังๆ อยูหนาประตูไมที่มีปายแขวนไววา “บานซอนกลิ่น” รั้วไมกั้น
อาณาเขตมีไมเลื้อยเหี่ยวเฉาไตเลี้ยวลดดูเหมือนมือแหงเหี่ยวของคนชราที่พยายาม
ไขวควาลมหายใจสุดทาย
         ผมหยิบโทรศัพทมือถือขึ้นมากดเปด แลวโทรศัพทเขามือถือของหลานชายคุณลุง
สมพงศซึ่งเปนคนดูแลอาคารเกาหลังนี้ กอนมา ผมนัดกับเขาแลว ลุงคงจะลืม หรือไมก็
มัวเลนหมากรุกจนเพลินเหมือนคราวกอนๆ
         “ฮัลโหล นี่พี่เอง ที่ชื่อเกง คนที่บอกวาจะมาที่หองวันนี้”
         เสียงปลายสายตะโกนคุยสื่อสารกันไปมาใหยุงไปหมด
         “ปูบอกวากําลังจะออกไปแลวครับ” หลานชายวัยรุนเจาของโทรศัพทมือถือเครื่อง
เดียวของบานพูด
         ผมลองผลักประตูรั้วที่ไมไดลงกลอนเอาไวเขาไป กลิ่นฟุงตลบของดอกไมไทยลอย
มาตอนรับตลบอบอวล ศาลพระภูมิใหญใกลกับประตูทางเขามีเครื่องเซนครบครัน ผมเห็น
มีตะกราลูกชุบหลากสีเล็กๆ และดอกไมตั้งถวาย
         พื้นของหองโถงชั้นลางเปนหินขัดเกาตีเสนแบงแนวสีทองตามแบบอาคารเกา ที่
หนาตางติดเหล็กดัดสีดําลายไทยโบราณ
         ระหวางนั่งรอลุงสมพงศบนบันไดทางเขา อยูๆ บรรยากาศแบบนี้ก็ทําใหผมรูสึก
อยากสูบบุหรี่ขึ้นมา ผมไมไดสูบมานานแลว แตมักพกซองบุหรี่และไฟแช็กติดตัวไวเสมอ
เหมือนยาสามัญประจําตัว ในขณะที่ผมกําลังหาซองบุหรี่ในกระเปา ผมสังเกตเห็นพุม
๑๒

ดอกไมปลูกเปนระเบียบตามแนวรั้ว คงเปนดอกไมสีขาวพวกนี้เองที่สงกลิ่นหอมเรียกรอง
ความสนใจไมหยุดหยอนตั้งแตผมกาวเขาประตูมา กลิ่นดอกไมหอมเชิญชวนมากกวาบุหรี่
ผมลุกขึ้นเดินชมสวนยามเย็นของที่นี่ เมื่อเขาไปดูใกลๆ พุมดอกไมสีขาวที่เห็นคือพุมดอก
พุดซอน ผมพอมีความรูเรื่องดอกไมอยูบางเพราะเคยชวยแมกับลุงเขมเปลี่ยนกระถาง
ตนไมอยูบอยๆ
          ผมเดินวนรอบตัวอาคาร คาดคะเนเนื้อที่แลวนาจะอยูที่ประมาณหนึ่งรอยตารางวา
พุมพุดซอนดอกสีขาวสลับใบเขียวปลูกเอาไวตลอดทั้งแนวรั้ว พื้นสนามหญาหนาอาคารสี
เขียวชุมชื้นสลับนํ้าตาลแหงเหี่ยวและพื้นดินเปนหยอมๆ            ตนไทรยอยที่ปลูกอยูมุมรั้ว
ดานหลังขับเนนบรรยากาศที่วิเวกอยูแลวใหวังเวงยิ่งกวาเดิม ชุดมาหินกระดํากระดาง
ตั้งอยูใตตนไทรยอยดูเหงาหงอยจนทําใหผมถอนหายใจอยางไมรูตัว
          กอนมา ผมโหยหาความเงียบ แตพอไดมันมาแลว และดูเหมือนจะไดเกินกวาที่
ขอ ผมกลับถวิลหาความครึกครื้น
          ถึงจะแปลกใจอยูบางที่ตั้งแตมาถึงผมยังไมเห็นใครเดินเขาออกหรือแมแตผานหนา
ประตูอาคารนี้เลย แตยังมีสิ่งที่ผมแปลกใจมากกวานั้น เหตุใดอาคารเกาที่อายุไมนาจะ
นอยกวาหกสิบปที่ตั้งอยูไกลปนเที่ยงขนาดนี้ยังคงดํารงอยูจนถึงทุกวันนี้ได ผมไมทราบวา
ใครเปนเจาของ และเขาเอารายไดที่ไหนมาบํารุงรักษา
          ผมเดาเอาวา สมัยกอน ที่นี่คงเปนหองชุดทันสมัย มีคนมาเยี่ยมเยือนชื่นชมอยาง
พลุกพลาน พอนานวันเขา คนก็เริ่มยายออกไปแสวงหาสิ่งใหมๆ ทิ้งใหอาคารที่ครั้งหนึ่ง
เคยสงางามเหมือนคนหนุมสาว เปนเพียงอนุสรณอันเหี่ยวเฉาเหมือนคนแกเฒา ลุงเขมคง
เห็นความสวยงามในความเหงาหงอยโรยราของที่นี่ จึงตัดสินใจซื้อหองเก็บเอาไว
          หากใครตองการความเปนสวนตัว หลงใหลความเงียบ หรือหลงรักความสวยงาม
ของตึกเกาแลว ที่นี่ก็เปรียบเหมือนหีบสมบัติในลายแทงที่ยังไมมีใครคนพบ
          ผมไดยินเสียงเบรกรถจักรยาน ลุงสมพงศเดินโงนเงนเขามา เขาดูเหมือนสัปเหรอ
ในวัดมากกวาคนดูแลหองชุด บนรางกายมีเพียงพระเครื่องหอยคอ ผาขาวมาเกาคาดเอว
และกางเกงเกาๆ ฟนของลุงเหลืองหลอเหยเก นํ้าปรุงที่ลุงประพรมมาคือกลิ่นนํ้าเหลาเมา
เหม็น
๑๓

       “นั่นคุณเกงใชไหมครับ”
       “ใชครับลุง ผมเอง”
       “ขอโทษที ลุงมาชาไปหนอย”
       “ไมเปนไรครับลุง”
       “หองคุณอยูชั้นไหนนะ ลุงจําไมได”
       “ชั้นสาม หอง ๓๐๒ นะครับ”

                                             *
         ลุงสมพงศหยิบสัมภาระผมไปถือ เอื้อมมือไปเปดไฟที่กําแพง แลวเดินขึ้นบันไดที่
อยูดานขางของโถงทางเดิน
         “ลิฟตมันเสียนะครับคุณ” ลุงสมพงศเดินโยกเยกไปมาจนผมกังวลวาเขาจะขึ้น
บันไดไหวหรือไม ผมอาจตองชวยประคองลุงขึ้นไปถึงชั้นสาม
         “ลุงไหวไหมครับ” ผมควากระเปาจากมือเขามาถือเอง
         “ไหวๆ แกแลวก็อยางนี้แหละครับคุณ”
         “คุณเปนหลานของคุณเขมใชไหมครับ คุณเขมอยูเมืองนอกสบายดีหรือเปลา ลุงไม
เห็นมาหลายปแลว”
         “ลุงสบายดีครับ นานๆ จะกลับมาเมืองไทยสักที” ผมโกหก ไมอยากบอกความ
จริงใหลุงเขาตกใจ
         “แลวที่นีไมมีใครอยูเลยหรือลุง”
         “มีครับ นานๆ มาที เหมือนคุณนี่แหละ ขาจรก็มีมาบาง พวกนั้นเขาจะเชาอยู
ชั้นหนึ่งกันนะครับ คนอยูประจําชวงนี้ยังไมมี แตปกอนมีนะครับ แตเขายายออกไปแลว
เห็นบนวาเงียบ ไกล ลูกคาที่นี่สวนใหญก็เปนลูกคาเกาทั้งนั้น”
         “แลวชั้นสามนอกจากผมแลวตอนนี้มีใครอยูมั่งหรือเปลาครับ”
         ลุงสมพงศทําทานึก
๑๔

         “ตอนนี้ไมมีนะ แตชวงกอนมีเด็กมัธยมคนหนึ่งมา เขาบอกวามาอานหนังสือสอบ
แตลุงไมเห็นนานแลว กลับไปก็ไมไดบอกไดกลาวกัน เห็นลาสุดบอกวาจะขายหอง”
         เราเดินมาถึงชั้นสาม โถงทางเดินพื้นหินขัดเกามืดอึดอัดและคับแคบ มีหนาตาง
เล็กๆ สองบานอยูที่ปลายสุดทางเดินทั้งสองดาน หองพักแบงเปนฝงละสามหอง หองของ
ผมอยูฝงซายมือกอนถึงหองสุดทาย
         ผมไขกุญแจ ขณะที่กําลังหมุนลูกบิดเปดประตูเขาไป อยูๆ ก็มีแรงกระชากลูกบิด
ประตูใหเปดจากดานในหองจนตัวผมเกือบลมจากแรงฉุด
         “วันนี้ลมแรงนะคุณ” ลุงบอก ยิ้มแกนๆ
         ผมเขาไปในหอง ขาวของจัดเปนระเบียบ ฝุนจับบนผาคลุมเครื่องเรือนตางๆ บาง
ประปราย
         ลุงสมพงศสับเบรกเกอรไฟ และเปดวาลวนํ้าให เขาดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะ
ออกไปจากที่นี่จนเต็มแก ลุงคงอยากจะกลับไปหาขวดนํ้าสีอําพันกับหมากรุกที่เลนคางไว
         “ลุง กลับเถอะครับ จวนมืดแลว ขอบคุณนะครับ” ผมยื่นธนบัตรใบละรอยให
         “ขาดเหลืออะไรก็โทรศัพทไปบอกหลานชายลุงไดทั้งคืนนะ ลุงจะรีบมา ปกติถาไม
มีลูกคา ลุงมาดูคืนละครั้ง บางคืนก็นอนเฝาอยูหองขางลางจนเชา ตอนคุณมาอยู ลุงจะ
มาใหบอยขึ้น คุณไมตองหวงนะ”
         “ขอบคุณมากนะครับลุง” ผมไหวขอบคุณลุงสมพงศ

                                            *
       รูปลุงเขมตั้งอยูบนหิ้ง ผมเปนคนจัดทําหิ้งนี้กับมือเมื่อคราวที่มาเปดดูหองครั้งแรก
กับแม ผมจุดธูปไหวทานพรอมพวงมาลัยดอกมะลิที่แวะซื้อกอนมา
       ผมจัดเสื้อผาเขาตู และขาวของตางๆ เขาที่เขาทาง ไมลืมวางกลองเก็บ
ของขวัญจากเจนไวบนหัวเตียง
       “113 สายที่ไมไดรับ” คือขอความบนหนาจอมือถือที่ผมปดทั้งเสียงและระบบสั่น
เอาไว ไมตองดูเลขหมายก็รูวาเปนเจน ผมกดโทรศัพทไปหาแม
๑๕

         “แมครับ เกงถึงแลว ไมตองเปนหวงนะ”
         “ถึงแลวก็ดี แลวระวังตัวดวยละ แถวนั้นนะมันเปลี่ยวมาก” แมพูดเบาจนเกือบ
กระซิบ
         “เกงเปนผูชายนะแม ไมตองหวงมากหรอก” ผมหัวเราะ
         “ผูชายผูหญิงแมก็หวงหมดนั่นแหละ... เกง.... พอเกงออกไปไมนาน นองเจนเขา
ก็มาที่บาน แมบอกวาแมไมรูวาลูกไปไหน ก็นั่งรองไหอยูนานไมยอมกลับบาน นี่ก็จะคํ่า
อยูแลว เห็นบอกวาโทรฯ ไปหาเกงก็ไมรับ แมไมชอบเลยนะที่เกงทําแบบนี้ มาบังคับให
แมโกหก แลวยังทําอยางนี้กับนองเจน แมสงสารเขา”
         คงเปนเพราะเจนนั่งอยูไมไกล แมจึงตองแอบคุยกับผมดวยเสียงกระซิบ
         “ชวยเกงอีกสักสามสี่วันเองนะแม”
         หลังจากวางสาย ผมก็ปดโทรศัพท แลววางเอาไวขางหัวเตียงใกลกับกลองเก็บ
ของที่ระลึกจากเจน ผมออกไปยืนที่ระเบียง แลวหลับตา ระหวางอยูที่นี่ ผมจะปลอยให
หัวใจวางเปลา
         อุกาฟาเหลือง ลมกรรโชก และครืนเสียงฟารองสงคําเตือนวาฝนหนักกําลังจะมา
เยือน ผมเปดประตูระเบียงกระจกทิ้งเอาไว ปดเฉพาะบานเลื่อนมุงลวดกันยุง แลวกลับ
เขามานั่งเกากีตารเบาๆ ในหอง ไมนานนัก ฝนก็กระหนํ่าลงมา ลมพัดเย็นสบายจนผม
เผลอหลับไป

                                          *
        ในแสงไฟมืดสลัว ผมงัวเงียมองเห็นผูชายรูปรางสูงใหญใสเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว
สะอาด มีปากกาสีทองเหน็บอยูที่กระเปาเสื้อดานซาย เขาสวมกางเกงสแล็คสีครีมยืนหัน
หลังใหผมอยูที่ประตูบานเลื่อนมุงลวด
        “เฮย นั่นใคร เขามาในหองไดยังไง” ผมตะโกนถาม
        เขาคอยๆ หันหนามา
        “ลุงเขม!”
๑๖

         “เกง กลับบานเถอะ เชื่อลุงนะ” ผมยังคงจําเสียงออนโยนและจังหวะคําพูดที่
เชื่องชาแตหนักแนนของลุงไดขึ้นใจ
         “ลุงครับ ลุงเขม ผมคิดถึงลุง แมก็คิดถึงลุง” ผมดีใจจนควบคุมตัวเองไมได
รองไหเสียจนสะอื้นตัวโยนเหมือนเด็กเล็กๆ
         “กลับบานไปหาแมนะเกง” ลุงยิ้ม แลวยํ้าคําเดิม
         ผมหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะเขาไปหาลุงใกลๆ ฉับพลันมีมือสากหนาบีบคํ้าคอ
ผมเอาไว ผมพยายามใชมือของผมที่แลดูเล็กไปทันทีเมื่อเปรียบกับทอนแขนใหญที่ผมกําลัง
ปดปองและกระชากออกจากคอ ผมเริ่มสําลัก พยายามรองใหลุงเขมชวย ผมเห็นทาน
มองผม ทาทางลําบากใจ กอนที่ผมจะหมดลม ผมไดยินเสียงเล็กๆ ของเด็กผูหญิงกระซิบ
ที่ขางหูวา
         “มึงจงเชื่อฟงลุงของมึงแลวกลับบานไปซะ”

                                              *
          ผมสะดุงตื่นพรอมนํ้าตาที่ไหลจากในฝน สูดหายใจเขาปอดเฮือกใหญจากอาการ
ขาดอากาศคลายคนเพิ่งรอดตายจากการจมนํ้า หัวใจเตนระทึกถี่
          ฝนยังคงตกกระหนํ่า เสียงฟาผาอุโฆษแทรกโสตประสาททามกลางความเงียบสงัด
ที่อื้ออึงอยูในหอง
          ฝนประหลาดทําใหรูสึกอึดอัด แตผมเคยฝนรายจนสะดุงตื่นขึ้นมาไมรูกี่ครั้ง ครั้งนี้
จึงเปนแคอีกหนึ่งในฝนเหลานั้นที่พอตื่นขึ้นมาแลวรูสึกโลงอกที่มันเปนแคความฝน
          ผมออกไปยืนที่ระเบียง ฟามืดสนิทสลับแซมดวยแสงแปลบวาบของสายฟา ยืนอยู
ไมนานก็รูสึกอยากบุหรี่ ผมลวงกระเปากางเกงทุกชองก็หาไมเจอ นึกขึ้นไดวาเก็บอยูใน
ชองเก็บของเล็กๆ ขางกระเปาเป ผมกําลังจะเดินกลับเขาไปหยิบในหอง แตมีบทเพลง
บรรเลงสดเดินทางผานพายุฝนมารั้งแขนผมเอาไว
๑๗

       “นํ้าตานองนองหนาราตรีนี้             ทองนภากํามะหยี่สีเศราหมอง
        พี่อยูไหนในคืนฝนฟาคะนอง             ทิ้งใหนองครํ่าครวญจวนเจียนตาย”

       ขิมบรรเลงโศกคลอเคลียตระกองกอดเสียงรองกองดังกังวานเศรา นักรองหญิง
เสียงใสขับรองเพลงตรอมตรมโทมนัสไดจับใจจนความโศกเศราเปนความรูสึกหนึ่งเดียวที่
หลงเหลืออยูในจิตสํานึกของตัวผม บางทีฝนคละคลั่งในบัดนี้อาจเปนนํ้าตาจากฟาที่รํ่าไห
ใหกับการสูญเสียคนรักของหญิงสาวสักคนก็เปนได

       “หมดรักแลวนองแกวเขาใจได           ใยหนีหายไมบอกกลาวเลาเหตุผล
        อุราชอกระกําชํ้าทุกขรอนรน           วอนขอผานเมฆฝนโปรดหวนคืน”

         เสียงเพลงดังจริงจังชัดเจนชวยบงบอกวาเจาของเสียงรองเพลงและเลนขิมอยูใกล
เพียงระเบียงหองถัดไป ผมนึกถึงคําพูดที่ลุงสมพงศบอกเอาไววาชั้นนี้ไมมีคนอยู เขาคงแก
ชราจนหลงๆ ลืมๆ หรือไมก็มีเจาของหองมาเขาพักโดยไมไดบอกลุงลวงหนา
         ผมชะเงอขะเยอแขยงมองผานกําแพงกั้นที่ระเบียงไปทางหองดานขวาซึ่งเปนหอง
ทายสุดทางเดินซึ่งติดกับหองของผม นักแตงเพลงอยางผมอยากทําความรูจักพบปะกับ
เพื่อนศิลปนเสมอ
         มองไปไมเห็นใคร มีแตรองเทาแตะผูหญิงเกาๆ คูหนึ่งถอดวางอยู เสียงเพลงเงียบ
ไป เธออาจจะอายเมื่อรูตัววามีคนแอบฟง แลวคงรีบหนีกลับเขาหองไป หวังวาเธอคงไม
คิดวาผมเปนพวกโรคจิตแอบดอมๆ มองๆ จองจะขโมยชุดชั้นในสาวที่ซักตากไวตาม
ระเบียง
         ผมกลับเขาหอง ฟงเสียงฝนฟาขับกลอม สักพักก็นอนหลับสนิททั้งคืน

                                          *
๑๘

          ผมนั่งแตงเพลงอยูในหองหลังจากตื่นนอนจนเย็นยํ่า อาจเปนเพราะไดแรงบันดาล
ใจจากเสียงเพลงเศราเมื่อคืน วันนี้ผมจึงไดเพลงอกหักมาหนึ่งเพลง เหลือแตเพียงขัดเกลา
ใหเขาที่อีกนิดหนอย คิดไมผิดจริงๆ ที่ตัดสินใจมาที่นี่
          วันนี้อากาศเย็นชื้นทั้งวันเพราะฝนตกเมื่อคืน ผมออกจากหองลงมาเดินยืดเสนยืด
สายที่สวนขางลาง เห็นเด็กหนุมวัยรุนไวผมเกรียนทรงนักเรียนชายอายุไมนาเกินสิบสี่หรือ
สิบหาปยืนถือสายยางรดนํ้าตนไม อีกมือหนึ่งคุยโทรศัพทมือถืออยู คงเปนหลานชายของ
ลุงสมพงศ ผมเคยไดยินแตเสียง เพิ่งเคยเห็นหนาก็วันนี้
          ที่หนาประตูมีรถยนตมาจอดอยูสองคัน วันนี้คงมีคนเขามาอยูเพิ่ม
          “สวัสดีครับพี่” เด็กหนุมเดินมาหาผมพรอมยกมือสวัสดีอยางนอบนอม ลุงสมพงศ
อบรมหลานไดดีมีสัมมาคารวะ
          “สวัสดี นองเปนหลานลุงสมพงศที่พี่คุยดวยใชไหม”
          “ใชครับ พี่ใชพี่เกงหรือเปลาครับ” เสียงของหนุมนอยยังไมแตกหนุม
          ผมพยักหนารับ
          “ผมชื่อโก มาจากขนมตะโก แตเพื่อนๆ เรียกผมวาสตีฟ”
          “โอเค สตีฟ” ผมหัวเราะ
          “ปูฝากใหผมเอาไฟฉายมาใหพี่ ปูบอกวาพี่คงไมไดพกมาจากบาน ชวงนี้ฝนตก
หนักบอย เผื่อไฟดับ พี่จะไดมีไฟฉายพกติดตัวไว”
          “ขอบใจมากนะ ที่นี่ไฟดับบอยเหรอ”
          “ก็มีบางครับ โดยเฉพาะหนาฝนแบบนี้”
          “วาแตวันนี้มีคนเขามาพักเหรอ เห็นมีรถจอดอยูหนาประตู”
          “ออ ใช คันแรกรถของคุณที่อยูหองขางลาง นานๆ มาที ปูเคยบอกวาอยาไป
ยุงเรื่องของเขา แตมาทีไรก็เห็นพานักศึกษามาดวยทุกที ผมวานาจะเปนไซดไลนนะพี่
เพราะดูเหมือนพอกับลูกมากกวาผัวเมีย”                สตีฟทําหนาที่นักขาวสายสังคมของบาน
ซอนกลิ่น
          “รูดีจริงๆ นะสตีฟ”
๑๙

        “คันสีดํารถของคุณพัลลภ เปนเจาของตึก ยาเลาใหฟงวาคุณพัลลภเขาไดตึกนี้เปน
มรดกตกทอดมาจากยาย ตระกูลเขาเปนตระกูลเกาแกรํ่ารวยมีสมบัติเปนกองพะเนินใช
เทาไหรก็ไมหมด เขามาที่ตึกนี่ไหวศาลพระภูมิเกือบทุกเย็น” นองโกของทําเสียงกระซิบ
กระซาบเหมือนแมบานขี้นินทา คงจะจํามาจากยาของเขาแนๆ
        ที่ผานมา ผมกับแมเคยไดยินแตชื่อของเจาของอาคาร ยังไมมีโอกาสไดพบสักที
มองจากดานหลัง คุณพัลลภเปนชายสูงโปรงอายุราวหาสิบป ผมรองทรงสีเทาทั้งศีรษะ
วันนี้ผมจะทักทายทําความรูจัก และตั้งใจจะคุยกับเขาเรื่องการดูแลรักษาสภาพอาคาร
        ผมเห็นเขากําลังจัดเครื่องเซน         นึกขึ้นไดวาตัวผมเองก็ยังไมไดไหวศาลพระภูมิ
ตั้งแตมาถึงเมื่อวาน
        “พี่ไปกอนนะ ฝากบอกปูวาพี่ขอบคุณมากเรื่องไฟฉาย”
        “ครับพี่ ผมจะกลับแลวเหมือนกัน ไมอยากจะอยูจนมืด กลัวผี” หนุมนอยพูดจบก็
วิ่งออกไปขี่จักรยานกลับบาน
        ระหวางผมเดินขึ้นหองเพื่อไปหยิบธูปลงมาจุดไหวศาลพระภูมิ ผมนึกถึงคําพูดของ
โกที่บอกวากลัวผี ผมไมไดคิดเรื่องภูติผีปศาจเลยตั้งแตมา คงเปนเพราะมีเรื่องอื่นใหกังวล
และพึงพอใจกับความเงียบสงบของที่นี่ จึงทําใหลืมนึกกลัวความวังเวงเรนลับ
        ผมหยิบธูปสามดอกจากหอที่พกมาจากบานเพื่อไหวลุงเขม เมื่อกลับลงมาก็พบวา
คุณพัลลภไดขับรถกลับออกไปแลว
        ควันธูปลอยขึ้นฟาสงคําอธิษฐานของผมถึงทานเจาที่เจาทาง ผมไมมีเครื่องบูชา
ครบครันเหมือนอยางคุณพัลลภ แตเหลือบไปเห็นดอกพุดซอนที่ตั้งถวายอยู ผมจึงเดินไป
เด็ดดอกพุดซอนจากพุมเพื่อบูชาบาง
        หลังจากไหวทานเจาที่เจาทางเรียบรอย ผมรูสึกปลอดภัยสบายใจเหมือนเพิ่งไดรับ
โลเกราะปองกันภัยยันอันตรายทั้งปวง
        วาโยพัดเย็นหอบกลิ่นดินมามอบให ฝนตั้งเคา เสียงฟารองกระซิบแผวมาแตไกล
        ผมออกมานั่งรอรับฝนที่ระเบียงหองหลังรับประทานบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปรสตมยํากุง
เปนอาหารเย็นที่รสชาติจะจัดจานเปนพิเศษเมื่อรับประทานเคลากับอากาศเย็นๆ
        ไมนานนัก หยาดทิพยจากจากคคนางคก็พากันพรั่งพรูลงมา
๒๐

       ผมหยิบกีตารออกมาเลนเพลงที่แตงไดเมื่อเชาเพื่อปรับคอรด และเนื้อรองใหเขาที่
เขาทาง นํ้าตาจากฟามืดดําทามกลางความเงียบงันชวยขับอารมณเศราไดเปนอยางดี

       “ฟาพิโรธโกรธถมึงทึงเครงคลั่ง        ฝนถะถั่งคับคั่งชางขมขื่น
       เสียงฟาฟาดกราดกลบเสียงสะอื้น         มิอาจฝนฝนจากตาถาโถมนอง”

        ไมไดมีผมคนเดียวในคืนนี้ที่ครวญโอดถึงความเจ็บปวด ผมวางกีตารลง คืนนี้
จะตองรูใหไดวาใครกันที่เปนเจาของเสียงโหยหาอาวรณนี้
        ผมคอยๆ ชะโงกผานกําแพงเกาๆ สีปูนมีรอยแตกเปนแนวยาวที่กั้นระหวาง
ระเบียงหอง รูดีวานี่เปนการกระทําที่คอนขางไมมีมารยาท แตก็เหมือนรักแรกพบ คุณ
ยอมทําทุกอยางไมวามันจะดูไมเขาทาแคไหนขอเพียงใหไดรูจัก ถาคืนนี้ไมเห็นเธอ ผมจะ
เดินไปเคาะประตูหนาหองใหรูแลวรูรอด
        ในความมืดสลัว ผมมองเห็นเรือนรางดานขางของนงคราญในชุดกระโปรงยาว
มือทั้งสองของเธอเกาะกุมอยูที่ราวระเบียง เรือนผมยาวตรงถึงกลางแผนหลังตรงปลาย
หยักศก ริมฝปากปลดปลอยเสียงใสไพเราะดั่งวิหคนอยในดินแดนไตรทิพย
        เธอคอยๆ หันมาจองหนาผม ฟาแลบแปลบปลาบทําหนาที่เปนดวงไฟกระพริบเปด
ปดในความมืด ผมมองเห็นใบหนาของเธอชัดเจนในวาบสวางของแสงสายฟา
        ลมกรรโชกกระชากปดเปดบานหนาตางรอบๆ อาคาร เหลาตนไมสูงใหญสงเสียง
คํารามเมื่อตองลม ฟาตวาดลั่นเกรี้ยวกราด
        ภาพที่เห็นทําใหผมผงะถอยหลังกลับ หญิงชราใบหนายับยูยี่เหมือนกระดาษถูกขยํา
ทิ้ง ทุกริ้วรอยลึกเหมือนรอยจารึกความเจ็บปวดที่ไดรับจากชีวิต สีหนาของเธอแสดง
ความทุกขเข็ญสาหัส ผมยาวสากหนาสีเงิน ชุดนอนที่สวมใสยาวกรอมเทาสีเทาหมน
        เสียงเพลงยังคงบรรเลงอยางตอเนื่อง แตทวาริมฝปากของเธอขณะนี้กลับเมมสนิท
ไมไดขยับแมแตนอย
๒๑

       “ไมวานานเทาใดใจยังภักดิ์           ยากจะหักหามใหไมรํ่ารอง
       เวลาผันคืนวันเปลี่ยนเวียนหมุนจร       ความหวงหาอาธรไมจืดจาง”

         ผมถอยหนีกลับเขาหอง ปดประตูกระจกบานเลื่อน ไมลืมปดผามานมิดชิด
พยายามตั้งสติไตรตรองถึงสิ่งพิศวงที่เห็นเมื่อครู คําแถมแรก นั่นคนหรือวาผี คําถาม
ตอมา เสียงรองเพลงของหญิงสาวเปนเสียงของใครกันแน ผมอยากจะกลับออกไปดูให
เห็นเต็มตาอีกครั้ง แตเมื่อความคิดเรื่องผีไดเขามาอยูในหัวแลว ความกลัวก็ทําใหผมไม
กลาขยับไปไหนทั้งคืน
         ผมยังคงไดยินเสียงเพลงลอยเล็ดลอดเขามาในหองบางบางตัวโนต ในตอนนี้ ผม
ทําอะไรไมไดนอกจากนอนเปดไฟหมผามิดชิดบนเตียง ถามีโทรทัศนผมจะเปดใหมีเสียง
เปนเพื่อนดวย
         จะวาหลอนก็หลอน แตผมอาจจะเปนโรคจิตก็ไดที่นอนกลัวไปฟงไปเรื่อยๆ ก็รูสึก
เหมือนมีคนรองเพลงกลอมจนหลับไป

                                         *
        เสียงจากแรงลมปะทะประตูระเบียงเหมือนมีใครมาทุบเขยาประตูจากดานนอกปลุก
ผมใหตื่นกลางดึก ไฟที่เปดอยูกอนผมหลับดับไปเมื่อไหรไมทราบ พัดลมติดเพดานหยุด
หมุน ผมลองกดสวิตชเปดปด และลองสับสวิตชไฟหลักในหอง ทุกอยางแนนิ่ง ไฟของ
อาคารคงจะดับ นาิกาบอกเวลาตีสองครึ่ง ผมควานหาไฟฉายที่วางไวบนโตะ เสียง
ประตูเขยายังคงดังอยางตอเนื่อง หากไมไดเจอกับเรื่องประหลาดเมื่อตอนคํ่า ผมไมเคย
นึกกลัวความมืด ในตอนนี้ ผมยอมรับวาความกลัวทําใหผมลนลานกับการไฟดับมากกวา
ปกติ
        ผมโทรศัพทหาลุงสมพงศ ไดแตหวังวาจะมีคนรับสาย
        “ฮัลโหล” เสียงงัวเงียของโกตอบรับ
        “โก นี่พี่เกงนะ ไฟที่ตึกดับ บอกปูใหมาดูไดไหม”
๒๒

        “ปูไปกินเลี้ยงยังไมกลับ”
        “อะไรนะ แลวจะกลับมาเมื่อไหร”
        “ไมรูเหมือนกันพี่ บางทีก็เชา ถาไมงั้น อีกเดี๋ยวก็มา”
        “ถาอยางนั้น พี่ตองทํายังไง” ผมถาม จะใหเด็กอยางโกขี่จักรยานมาชวย
กลางดึกแบบนี้ก็คงไมเขาทา
        “พี่ลงไปขางลางสับเบรกเกอรที่หองไฟฟาขางลาง เดี๋ยวมันก็ติด ผมเคยทํา”
        โกบอกทางไปหองไฟฟาหลักชั้นลาง อาคารเกาแกถึงขนาดที่ไมมีเครื่องปนไฟ
สํารอง ผมนึกโมโหคุณพัลลภเจาของตึกขึ้นมา ทําไมไมยอมปรับปรุงอาคาร แลวจาง
ยาม คนดูแล หรือชางไฟใหเปนเรื่องเปนราว กลับจางชาวบานเปนปูกับหลานชายดูแล
กันอยางแกนๆ ตองใหผูอยูอาศัยมาดูแลตัวเองแบบนี้ แตบนมากไปก็รูสึกจะไมยุติธรรม
เหมือนกัน เพราะที่นี่ไมไดเก็บคาสวนกลาง
        ผมนั่งชั่งใจวาจะเก็บของแลวกลับออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ หรือจะลงไปสับเบรกเกอร
ไฟชั้นลาง อีกทางเลือกคือเอาแตนั่งกลัวอยูในหองรอจนเชาแลวคอยวากัน
        ลุงเขมเคยสอนผมวาความกลัวมีตัวตนอยูเทาที่จิตใจเราจะยอมออนขอใหมัน
เทานั้น ผมยังจําเหตุการณตอนผมอายุเจ็ดขวบไดดี คืนนั้นมีพายุฝนไมตางจากคืนนี้ แม
ปวยเปนไขสูงจนเพอ ลุงเขมคอยลุกขึ้นมาดูแลแมตลอดทั้งคืน ผมจําไดวาอยูๆ ไฟก็ดับ
ผมกลัวความมืดตามประสาเด็ก เสียงแมเพอเปนระยะทําใหผมหวาดกลัวยิ่งกวาเดิม ลุง
เขมบอกใหผมเดินออกไปหยิบเทียนไขกับไมขีดในครัว แตผมรองไหไมยอมทําตาม ลุงเขม
เดินมาพูดกับผมใกลๆ ดวยนํ้าเสียงออนโยนจนทําใหเด็กชายหยุดรองไหจากความกลัว
และทําตามที่ทานขอ
        “เกง ลุงรูวาเกงกลัว แตเทียนไขจะชวยใหลุงมองเห็นยาของแม แลวหยิบยาให
แมกินถูก เกงอยากใหแมดีขึ้นไหม”
        ผมพยักหนารับทั้งนํ้าตา
        “ถาอยางนั้น เกงก็ยิ่งตองสูกับความกลัวเพื่อชวยแม ความกลัวทําอะไรเราไมได
หรอกถาเราไมยอมใหมัน ลุงสัญญาวาพอเกงกลับมา ความมืดจะทําอะไรเกงไมไดอีก
ออกไปหยิบเทียนมาใหลุงนะ”
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น

Contenu connexe

Tendances

นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยนิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยkadsara2020
 
สองพี่น้อง
สองพี่น้องสองพี่น้อง
สองพี่น้องPanda Jing
 
การถูกปฎิเสธ
การถูกปฎิเสธการถูกปฎิเสธ
การถูกปฎิเสธSarid Tojaroon
 
งูจ้าว
งูจ้าวงูจ้าว
งูจ้าวtommy
 
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1Panda Jing
 
เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒jpamok
 
บ้านผีสิง
บ้านผีสิงบ้านผีสิง
บ้านผีสิงtommy
 
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลกอิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลกtommy
 
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบtommy
 
เจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยเจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยtommy
 
ผีตายซาก
ผีตายซากผีตายซาก
ผีตายซากtommy
 
สามเกลอหนังเหนียว
สามเกลอหนังเหนียวสามเกลอหนังเหนียว
สามเกลอหนังเหนียวtommy
 
ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2krutew Sudarat
 
พระเวสสันดร
พระเวสสันดรพระเวสสันดร
พระเวสสันดรkhaek
 
แหล่พาอมิตตดา
แหล่พาอมิตตดาแหล่พาอมิตตดา
แหล่พาอมิตตดาTongsamut vorasan
 

Tendances (17)

นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยนิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
 
สองพี่น้อง
สองพี่น้องสองพี่น้อง
สองพี่น้อง
 
Shortstory
ShortstoryShortstory
Shortstory
 
การถูกปฎิเสธ
การถูกปฎิเสธการถูกปฎิเสธ
การถูกปฎิเสธ
 
งูจ้าว
งูจ้าวงูจ้าว
งูจ้าว
 
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
 
เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒เพชรพระอุมาบทที่๒
เพชรพระอุมาบทที่๒
 
บ้านผีสิง
บ้านผีสิงบ้านผีสิง
บ้านผีสิง
 
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลกอิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
อิทธิฤทธิ์หัวกระโหลก
 
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
3เกลอ ตอนป่าช้าผีดิบ
 
เจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยเจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชย
 
ผีตายซาก
ผีตายซากผีตายซาก
ผีตายซาก
 
อนุตตรีย์ วัชรภา
อนุตตรีย์  วัชรภาอนุตตรีย์  วัชรภา
อนุตตรีย์ วัชรภา
 
สามเกลอหนังเหนียว
สามเกลอหนังเหนียวสามเกลอหนังเหนียว
สามเกลอหนังเหนียว
 
ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2
 
พระเวสสันดร
พระเวสสันดรพระเวสสันดร
พระเวสสันดร
 
แหล่พาอมิตตดา
แหล่พาอมิตตดาแหล่พาอมิตตดา
แหล่พาอมิตตดา
 

Similaire à พุดซ้อนซ่อนกลิ่น

ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1Panda Jing
 
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)Panda Jing
 
Thai written task final draft
Thai written task final draftThai written task final draft
Thai written task final draftsavitach
 
เศษซากที่ไม่จางหาย
เศษซากที่ไม่จางหายเศษซากที่ไม่จางหาย
เศษซากที่ไม่จางหายPanda Jing
 
สาระธรรมนำชีวิต
สาระธรรมนำชีวิตสาระธรรมนำชีวิต
สาระธรรมนำชีวิตniralai
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยAchara Sritavarit
 
ตั้งแต่พวกคุณเกิดมา เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มั้ย
ตั้งแต่พวกคุณเกิดมา เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มั้ยตั้งแต่พวกคุณเกิดมา เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มั้ย
ตั้งแต่พวกคุณเกิดมา เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มั้ยRavipon
 
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้Nongkran_Jarurnphong
 
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้Nongkran_Jarurnphong
 
สุนัขผู้ซื่อสัตย์
สุนัขผู้ซื่อสัตย์สุนัขผู้ซื่อสัตย์
สุนัขผู้ซื่อสัตย์Varee Supa
 
ไพรมหากาฬ ๔
ไพรมหากาฬ ๔ไพรมหากาฬ ๔
ไพรมหากาฬ ๔Tact Sparrow
 
แรงดึงดูด ฉุดฉันที
แรงดึงดูด ฉุดฉันทีแรงดึงดูด ฉุดฉันที
แรงดึงดูด ฉุดฉันทีSutawari タン
 
โต้วาทีวันสามเณร
โต้วาทีวันสามเณรโต้วาทีวันสามเณร
โต้วาทีวันสามเณรniralai
 
sirinda-รักสุดท้ายที่ปลายทางฝัน
sirinda-รักสุดท้ายที่ปลายทางฝันsirinda-รักสุดท้ายที่ปลายทางฝัน
sirinda-รักสุดท้ายที่ปลายทางฝันSirinda Jamsai
 
เพชรพระอุมา เล่มที่ 01 ตอน ไพรมหากาฬ
เพชรพระอุมา เล่มที่ 01 ตอน ไพรมหากาฬเพชรพระอุมา เล่มที่ 01 ตอน ไพรมหากาฬ
เพชรพระอุมา เล่มที่ 01 ตอน ไพรมหากาฬmonome
 
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Phasuk Teerachat
 

Similaire à พุดซ้อนซ่อนกลิ่น (20)

55555
5555555555
55555
 
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
 
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
กำแพงใจไร้เดียงสา (ตัวอย่าง)
 
Thai written task final draft
Thai written task final draftThai written task final draft
Thai written task final draft
 
เศษซากที่ไม่จางหาย
เศษซากที่ไม่จางหายเศษซากที่ไม่จางหาย
เศษซากที่ไม่จางหาย
 
สาระธรรมนำชีวิต
สาระธรรมนำชีวิตสาระธรรมนำชีวิต
สาระธรรมนำชีวิต
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
 
ตั้งแต่พวกคุณเกิดมา เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มั้ย
ตั้งแต่พวกคุณเกิดมา เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มั้ยตั้งแต่พวกคุณเกิดมา เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มั้ย
ตั้งแต่พวกคุณเกิดมา เคยพบเจอผู้หญิงแบบนี้มั้ย
 
นิยาย
นิยายนิยาย
นิยาย
 
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
 
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
วรรณกรรมท้องถิ่นตำนานผาชู้
 
สุนัขผู้ซื่อสัตย์
สุนัขผู้ซื่อสัตย์สุนัขผู้ซื่อสัตย์
สุนัขผู้ซื่อสัตย์
 
อนุตตรีย์ วัชรภา
อนุตตรีย์  วัชรภาอนุตตรีย์  วัชรภา
อนุตตรีย์ วัชรภา
 
อนุตตรีย์ วัชรภา
อนุตตรีย์  วัชรภาอนุตตรีย์  วัชรภา
อนุตตรีย์ วัชรภา
 
ไพรมหากาฬ ๔
ไพรมหากาฬ ๔ไพรมหากาฬ ๔
ไพรมหากาฬ ๔
 
แรงดึงดูด ฉุดฉันที
แรงดึงดูด ฉุดฉันทีแรงดึงดูด ฉุดฉันที
แรงดึงดูด ฉุดฉันที
 
โต้วาทีวันสามเณร
โต้วาทีวันสามเณรโต้วาทีวันสามเณร
โต้วาทีวันสามเณร
 
sirinda-รักสุดท้ายที่ปลายทางฝัน
sirinda-รักสุดท้ายที่ปลายทางฝันsirinda-รักสุดท้ายที่ปลายทางฝัน
sirinda-รักสุดท้ายที่ปลายทางฝัน
 
เพชรพระอุมา เล่มที่ 01 ตอน ไพรมหากาฬ
เพชรพระอุมา เล่มที่ 01 ตอน ไพรมหากาฬเพชรพระอุมา เล่มที่ 01 ตอน ไพรมหากาฬ
เพชรพระอุมา เล่มที่ 01 ตอน ไพรมหากาฬ
 
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
 

Plus de Panda Jing

จิตตนคร นครหลวงของโลก
จิตตนคร นครหลวงของโลกจิตตนคร นครหลวงของโลก
จิตตนคร นครหลวงของโลกPanda Jing
 
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาทอีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาทPanda Jing
 
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3cFile 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3cPanda Jing
 
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011Panda Jing
 
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011Panda Jing
 
Way toteacher001
Way toteacher001Way toteacher001
Way toteacher001Panda Jing
 
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรมอีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรมPanda Jing
 
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักอีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักPanda Jing
 
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011Panda Jing
 
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011Panda Jing
 
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรนสาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรนPanda Jing
 
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาอีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาPanda Jing
 
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์Panda Jing
 
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัวให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัวPanda Jing
 
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาคอีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาคPanda Jing
 
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมารอีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมารPanda Jing
 
ศาสนาพุทธในประเทศไทย
ศาสนาพุทธในประเทศไทยศาสนาพุทธในประเทศไทย
ศาสนาพุทธในประเทศไทยPanda Jing
 
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)Panda Jing
 
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1Panda Jing
 
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริงพญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริงPanda Jing
 

Plus de Panda Jing (20)

จิตตนคร นครหลวงของโลก
จิตตนคร นครหลวงของโลกจิตตนคร นครหลวงของโลก
จิตตนคร นครหลวงของโลก
 
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาทอีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
อีบุ๊ค หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท
 
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3cFile 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
File 633116b358da6b762609165edeaa0f3c
 
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
Plook ฉบับเดือน เมษายน ปี 2011
 
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2011
 
Way toteacher001
Way toteacher001Way toteacher001
Way toteacher001
 
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรมอีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
อีบูีค ๑๐๐ พระชันษา พระโอวาทธรรม
 
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนักอีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
อีบุ๊ค ชีวิตนี้น้อยนัก
 
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
Plook ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2011
 
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
Plook ฉบับเดือน มกราคม ปี 2011
 
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรนสาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
สาเหตุและวิธีการรักษาอาการนอนกรน
 
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาอีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
อีบุ๊ค ใจความสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
 
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
อีบุ๊ค ทำไมต้องค้านเขื่อนแม่วงก์
 
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัวให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
 
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาคอีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
อีบุ๊ค คุณานุคุณไตรภาค
 
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมารอีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
อีบุ๊ค กองทัพทั้งสิบของมาร
 
ศาสนาพุทธในประเทศไทย
ศาสนาพุทธในประเทศไทยศาสนาพุทธในประเทศไทย
ศาสนาพุทธในประเทศไทย
 
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (World war i)
 
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
อีบุ๊ค Health ฉบับที่ 1
 
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริงพญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
พญานาค ตำนาน ความเชื่อ หรือความจริง
 

พุดซ้อนซ่อนกลิ่น

  • 1.
  • 2.
  • 3. Flip Book: http://ningstory.com/books/ Blog: http://short.ningstory.com/
  • 4. “พี่เกงยังจําเรื่องที่เราคุยกันเอาไวเมื่อปที่แลวไดหรือเปลา” ถึงเสียงฝนและฟาจะรองดังกลบเสียงของเธอจนเกือบมิด ผมก็ไดยินคําถามอยาง ชัดเจน ตอใหไมมีเสียงพูด ผมก็อานริมฝปากของเธอออก รูอยูแลววาเธอจะตองรบเรา เขาอีกสักวัน “จําได” ผมตอบตามตรง ไมมีประโยชนที่จะแกลงเฉไฉ “พี่เกงบอกวาขอเวลาอีกป นี่ก็ปกวาแลว” ผมไมรูจะตอบอยางไรใหเธอไมโกรธ ไมเสียใจ ไมโวยวาย จึงเลือกปดปากเงียบ เสียงอึกทึกของฝนฟาชวยบรรเทาความเงียบที่อึดอัดไดบาง “เราคบกันนานแลวนะ เจนอยากมีครอบครัว” “ทําไมตองรีบรอนละครับ เจนเพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีเองนะ ไมอยากลอง ทํางานดูกอนเหรอ” “พี่เกงก็อางโนนอางนี่ไปเรื่อย เจนเปนผูหญิง เปนคนมาขอพี่เกงแตงงาน แลวพี่ เกงพูดไดแคนี้เหรอ” เวลาเจนโกรธ เธอมักฉุนเฉียวแบบนี้เสมอ เธอขึ้นเสียงสูงจนเปนเสียงกรีดรอง ของคนอารมณราย “พี่วาเรื่องแบบนี้เราไมนาใจรอน บางทีถาเจนไดลองไปทํางาน ก็อาจจะไดเห็น ไดเจอคนมากขึ้น แลวเจนก็อาจจะเจอคนที่ดีกวาพี่ก็ได” ผมปลอยเสียงฟูมฟายของเธอใหคลออยูเบื้องหลังขณะนึกยอนกลับไปถึงวันที่เจน พาผมไปแนะนําตัวกับพอแมของเธอ * หากคนรักของผมเปนผูหญิงจากครอบครัวเรียบงายธรรมดาก็คงจะเรียกวาสถานที่นี้ วาบานได อาคารที่ตระหงานอยูตอหนาทําใหคําที่ทําใหนึกถึงความอบอุนอยางคําวา บานกลายเปนคําที่แสนตํ่าตอยดอยคา คฤหาสนอลังการงามสงาที่เชิดหนามองผมตั้งแต
  • 5. ๒ หัวจรดเทา และสายตาดูแคลนของตุกตาโรมันที่ตั้งเรียงเปนแถวในวันนั้นทําใหผมรูสึก เหมือนเปนสิ่งมีชีวิตตัวเล็กและไรความสําคัญที่สุดในโลก ผมเอามือปดฝุนบนเสื้อผาโดยไมรูตัวกอนเดินตามเจนเขาสูประตูปราสาทขนาด ยอม เฉพาะหองรับแขกก็โออากวางขวางเทากับบานของผมทั้งหลัง ภายในหองมีชุด รับแขกที่ผมแนใจวามันสามารถทําหนาที่ตอนรับแขกผูมีเกียรติไดอยางไมมีขาดตก บกพรอง แตผมไมแนใจวามันจะยอมลดตัวมารับแขกที่ไมมีเกียรติอยางผมหรือไม ผมเกือบจะเอยปากขออนุญาตกับเกาอี้สีทองรูปทรงออนชอยกอนจะนั่งลงบนตัวมัน สาวรับใชรุนราวคราวเดียวกับผมในชุดเครื่องแบบคุกเขานําถาดใสชาฝรั่งกลิ่นหอมในถวย ชาลายดอกไมเนื้อดีพรอมขนมเคกชิ้นพอคําในจานเขาชุดกันมาวางบนโตะรับแขก ผมกม หัวขอบคุณเธอดวยความเกรงใจ ถึงแมนายหญิงนอยเจาของบานจะยินดีตอนรับผมมาก เพียงใด ผมก็ยังรูสึกวาที่นี่กับผมแตกตางกันเหมือนธนบัตรมูลคาหนึ่งพันบาทกับเหรียญ ยี่สิบหาสตางค ครูหนึ่ง สตรีงามสงาดวงหนาฉายแสงนวลผองเหมือนพระจันทรในคืนวันเพ็ญก็เดิน เขามาในหองรับแขก ทวงทาและราศีของทานดูแข็งแกรงแตอบอุนละมุนละไมถึงขนาดที่ ชวยทําใหผมคลายความอึดอัดลงไดบาง “แม นี่พี่เกงแฟนเจน พี่เกงเปนคนแตงเพลงนั้นที่บานเราเปดคาราโอเกะรองกัน บอยๆ” เจนแนะนําผมใหคุณแมของเธอรูจักอยางตรงไปตรงมา ผมรูสึกอายแทนเจนอยู แวบหนึ่ง คนหัวโบราณอยางผมเชื่อวาความออมคอมเขินอายและการใชเวลาสําหรับบาง เรื่องโดยเฉพาะในเรื่องของความรักของหนุมสาวยังคงมีคุณคาและความนารักอยูเสมอไม วาเวลาจะผานไปนานแคไหน ในความอํ้าอึ้งไมกลาสารภาพรักยังมีความเคารพที่ผูชายมีตอผูหญิง ทุกระยะหาง ยังมีขอพิสูจนความจริงใจอยูเสมอ ผมลุกขึ้นยืนทําความเคารพทาน “สวัสดีจะ ไมตองลุกขึ้นยืนก็ไดลูก เกงเองเหรอที่เปนคนแตงเพลงนั้น โอย แม ชอบมาก เกงสมชื่อเลยนะลูก”
  • 6. “ขอบคุณครับ” “เรียกวาแมวาแมก็ได” “ครับ แม” บรรยากาศเปนกันเองดําเนินไปอยางราบรื่น ผมผอนคลายถึงขนาดกลาเอนหลังลง บนพนักพิงของคุณเกาอี้ แตยังไมทันไดพิง เสียงตะโกนทักทายจากชายสูงใหญวัย กลางคนสวมเสื้อลายเอกลักษณของยี่หอเวอรซาเชทําใหผมสะดุดกลับมานั่งเกร็งหลังตรง อีกครั้ง “อาว วาไง” เสียงพอของเจนเหมือนเสียงคํารามของสิงโต “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหวทานอยางนอบนอมที่สุดในชีวิต “พอ นี่แฟนเจน ที่บอกวาจะพามาวันนี้” เจนแนะนําผมกับพอของเธอแบบนี้ก็ไม ตางอะไรกับชี้เหยื่อกวางหนุมออนแอไรทางสูใหกับสิงโตเฒากํายํารอบจัด เสียงเงียบอันโหดรายบังเกิดขึ้นครูหนึ่งในหองรับแขก ผมกับสาวใชในเครื่องแบบที่ ยืนอยูอีกมุมหองสบตากันโดยบังเอิญ สายตาของเธอแสดงออกถึงความเห็นใจ “ชื่ออะไรละเนี่ย” ทานหยุดทรมานผมดวยเสียงพูดปนหัวเราะอยางเปนมิตร แลว นั่งลงบนโซฟาตัวยาวลวดลายฉลุฉวัดเฉวียน เสื้อลายเวอรซาเชกับบัลลังกสีทองชวยกัน ขับสงใหพอของเจนดูนาเกรงขามมากกวาเดิม “เกงครับ” “ทํางานทําการอะไร” นํ้าเสียงของทานเริ่มแฝงความขรึมจริงจังกับคําถามนี้ “แตงเพลงครับ” “เพลงอะไร” “เออ หลายเพลงครับ สวนใหญจะเปนเพลงแนว...” “ก็เพลงนั้นที่เราเปดคาราโอเกะในหองรองกันบอยๆ ไงพอ บอกตั้งหลายทีแลว” เจนชวยตอบคําถามอยางหงุดหงิด การที่เธอนั่งอยูขางๆ ไมไดชวยใหผมหายเกร็งเลยแม สักนิด แตกลับทําใหผมประหมาเกินปกติดวยซํ้า ผมรูสึกเหมือนกําลังนั่งอยูขางๆ ลูก สิงโตที่พอของมันดุดันพรอมจะฉีกรางผมออกเปนสองซีกหากผมขยับตัวเขาใกลแมเพียง นิด
  • 7. “ที่บานละ ทําธุรกิจอะไร” “ไมไดทําครับ คือวา พอของผม...” ผมพยายามคนหาคําพูดรุมรวยสวยหรูเพื่อ เปลี่ยนเรื่องจริงที่ไมมีใครอยากไดยินใหเปนเรื่องโกหกหวานหูเหมือนอยางที่นักเลนกับ การเมืองบางทานทํากันเปนอาชีพ “โอย พอ นี่ไมไดมาสัมภาษณงานนะ” เจนชวยผมเอาไว แตผมอยากจะเปลี่ยน คําวาสัมภาษณงานเปนการสอบสวนผูตองหามากกวา เพราะตอนนี้ผมรูสึกเหมือนนั่งอยู ในหองมืดรูปทรงสี่เหลี่ยม มีดวงไฟสวางจอมาที่หนา และเจาหนาที่รางกํายําสองคนยืน กอดอกอยูที่ประตูมากกวาหองรับแขกหรูสไตลวิกตอเรียน พอของเจนดูนาิกาขอมือกอนพูดวา “เดี๋ยวพอตองไปทํางานตอ” แลวตบไหล ผม ผมสะดุงโหยง “เอาไวไปกินขาวกัน วันนี้ขอตัวกอน” ผมลุกขึ้นยืนสวัสดีทาน “สวัสดีๆ” ทานรับไหวแลวเดินออกไปโดยมีชายในชุดสูทซาฟารีเดินตามหลัง อยางนอบนอม “พี่เกง งั้นเดี๋ยวเจนมานะ เจนจะขึ้นไปขางบนลองเดรส แมเพิ่งซื้อมาให แลว เดี๋ยวเราออกไปดูหนังกัน” ผมพยักหนา แลวสวัสดีคุณแมของเจน “เอาไวมาอีกนะลูก” ทานยิ้มละไม ทั้งคูออกจากหองรับแขกไป ผมยังคงไมวางใจทั้งๆ ที่การพบกันครั้งแรกระหวาง ผูปกครองกับแฟนหนุมของลูกสาวซึ่งเปนสวนที่ยากที่สุดของการเขาตามตรอกออกตาม ประตูก็ผานไปแลว อาจเปนเพราะความหยิ่งลําพองของบรรยากาศในหองรับแขกที่ทําให ผมรูสึกแปลกแยก ผมหยิบถวยชาหรูขึ้นมาจิบแกคอแหง ถวยชาเนื้อบางกับมือหนังหนาๆ ของผม แลดูขัดแยงกัน จากนั้นก็นั่งทบทวนถึงเรื่องของผมกับเจน เรารูจักกันที่โรงเรียนสอนรองเพลงที่เพื่อนของผมเปนครู เมื่อเจนรูวาผมเปนคน แตงเพลงดังที่เปนเพลงโปรดของเธอ เจนก็ดูเหมือนจะถูกใจผมเปนพิเศษ “คนที่แตงเพลงรักไดเพราะขนาดนั้นไดตองเปนคนรักที่ดีไดแนๆ” เธอบอกกับผมใน วันที่เราเริ่มคบกันใหมๆ
  • 8. ผมจําไมไดวาเราเริ่มคบกันจริงจังตอนไหน นึกไมออกดวยซํ้าวาผมเคยขอเธอเปน แฟนหรือเปลา หลังจากวันที่เรารูจักกัน เจนก็เขามาเปนสวนหนึ่งในชีวิตประจําวันของผม ผมอยากบอกใหเธอใจเย็นๆ กอน แตทุกอยางเกิดขึ้นอยางรวดเร็วจนผมไมแนใจวาที่จริง แลว ผมหาจังหวะแทรกเพื่อคุยกับเธอตรงๆ ไมได หรือวาผมมีความสุขมากจนปลอยให เธอเปนคนควบคุมกันแน เจนเปนคนเปดเผย ตรงไปตรงมา จนบางครั้งดูเหมือนไมรูจักกาลเทศะ ถาจะ บอกวาเจนคือคุณหนูเอาแตใจก็คงจะไมผิด แตเธอก็เปนเด็กสาวที่นอกจากจะหนาตา นารักแบบฉบับสาวหมวย ตัวเล็กนารัก ผิวขาวเนียนหมดจดแลว ยังมีความออนหวาน ออนโยนในแบบของเธอซึ่งหลังจากไดพบคุณแมของเธอในวันนี้แลวก็พอจะทราบวาเจน ไดรับขอดีขอนี้มาจากใคร เจนมาที่บานผมพรอมสุนัขหรือแมวจรจัดบอยๆ เธอไมรังเกียจที่จะจับตัวสกปรก หรือแมแตแผลเนาของพวกมัน เจนพาพวกมันไปรักษา แลวก็นํากลับมาดูแลตอที่บานของ เธอซึ่งไมมีปญหาเรื่องเนื้อที่ที่จํากัดหรือความขัดสน ครั้งหนึ่ง เจนโดนลูกสุนัขจรจัดกัด เปนแผลเลือดออก “ไมเปนไร เดี๋ยวคอยออกไปหาหมอฉีดยาก็ได” เธอบอกผม ไมมีแวว โกรธเคืองหรือตกใจใดๆ สําหรับผม เธอเหมือนตุกตากระเบื้องเนื้อบางสวยที่ผมตองระมัดระวัง ทะนุถนอม ประคับประคองไมใหตกแตก ผมทานขนมเคกที่อยูในจาน แลวจิบชา ชากรุนกลิ่นมะนาวผสมใบสะระแหนไมใส นํ้าตาลตัดกับรสหวานของขนมเคกไดดี รสชาติชีวิตของคนมีฐานะหอมกลมกลอมอยางนี้ นี่เอง “คุณครับ ทานเชิญที่หองครับ” ผมตกใจจนเกือบสําลักนํ้าชา “อะไรนะครับ” “ทานมีอะไรจะคุยกับคุณ เชิญที่หองทํางานครับ” ชายในชุดสูทซาฟารีคนเดิมที่คง จะเปนเลขานุการสวนตัวของคุณพอเจนมาตามผม ผมสังหรณใจอยูแลววาการพบกันเมื่อครูจบลงงายเกินไป
  • 9. หองทํางานของทานตระการตาไมตางจากสวนอื่นๆ ของคฤหาสน วันนี้ผมเห็น ลวดลายคลื่นโคงมนมวนเวาหรูหราไปมาทั้งวันจนรูสึกเวียนหัว รูปภาพครอบครัวสี่คน ประกอบดวยพอกับแม เจน และนองชายที่ศึกษาอยูในตางประเทศใสกรอบทองแขวน ประดับอยูทั่วหอง คุณพอของเจนนั่งหันหลังใหผมบนเกาอี้ทํางานตัวใหญเหมือนในหนังเจาพอมาเฟย คราวนี้มีชายฉกรรจสองคนยืนอยูที่ประตูหองอยูจริงอยางที่ผมไดจินตนาการไว ทาน หมุนเกาอี้กลับมาเผชิญหนากับผม บรรยากาศในหองเย็นเยียบ และเงียบเชียบจนผมไดยินเสียงความกลัวของตัวเอง “ผมมีลูกสาวคนเดียว” ทานจองหนาผม “ครับ” “คุณคิดวาจะดูแลลูกสาวผมอยางไร” “ผมจะพยายามเต็มที่ครับ” “แคนั้นไมพอหรอก ลูกสาวผมไมเหมาะกับคุณ ผมจะใหเจนแตงงานกับคนที่คูควร เทานั้น คุณเขาใจใชไหม” “เขาใจครับ แตวา...” “ผมไมไดเรียกใหคุณมาชี้แจง ผมเรียกใหคุณมาฟง คุณมองไปรอบๆ ตัวสิ ผมทํา ธุรกิจมาหลายปจนประสบความสําเร็จขนาดนี้ เจอปญหา ฝาอุปสรรค พบเจอคนมา หลายรูปแบบ ผมดูคุณแวบเดียวก็รูวาคุณเปนคนแบบไหน ตองพูดดวยอยางไร คุณดูเปน คนเขาใจโลก ผมใหเกียรติคุณดวยการคุยกับคุณตรงๆ ไมออมคอม คุณรูไหมวาผมมี หลายสิบวิธีที่จะคุยกับคุณ แตผมเลือกวิธีนี้ เพราะคุณดูเปนคนมีเหตุผล” “ครับ” “เลิกกับเจน ผมมีคนที่อยากใหเจนคบดวยแลว ผมคงไมตองอธิบายอะไรมาก ผม รู ความรักมันสวยงาม แตสําหรับบางคน โลกใบนี้ไมไดมีเอาไวใหเพอเจอ โดยเฉพาะ คนที่มีเดิมพันสูง” “ครับ” ผมรูสึกสมเพชตัวเองอยางบอกไมถูก
  • 10. นํ้าพุสมบูรณชุมฉํ่ายิงนํ้าพุงเปนสายกระจายยิ่งใหญเหมือนดอกไมไฟที่สําหรับพอ ของเจนคงสื่อถึงชัยชนะทางการเงินและพลังอํานาจตั้งอยูกลางวงเวียนทางออกหนาประตู ใหญ ผมมองมันแลวรูสึกเวทนาตัวเองยิ่งไปกวาเดิม “พี่เกงเปนอะไร ทําไมดูเครียดๆ รอเจนนานจนหงุดหงิดเหรอ” เจนถามขณะกําลัง ขับรถหรูออกจากบาน “เปลา ไมเปนไร” ผมยิ้มใหเจน ที่จริงแลว ผมเปน ผมอัดอั้น อยากกลับบานไป เขียนเพลงเพื่อเตือนตัวเองวาผมก็มีเสียง มีตัวตนอยูบนโลก ถึงแมจะไมมีความสําคัญ อะไรกับระบบเศรษฐกิจอันยิ่งใหญในโลกของพอเจนเลยก็ตาม นั่นเปนเพียงครั้งแรกในสามครั้งที่ทานเรียกผมเขาไปคุย และในแตละครั้ง ความ รุนแรงและจริงจังก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวเจนเองก็รูวาพอของเธอไมสนับสนุนใหเรารักกัน แตสิ่งที่เจนยังไมรูคือ ผมเห็นดวยกับพอของเธอ * เสียงรองไหฟูมฟายกลับมาดังชัดเจนหลังจากผมกลับมาจากหวงความคิด “นี่เปนเพราะพออีกแลวใชไหม เจนจะกลับไปพูดกับพอเดี๋ยวนี้” “ไมใชอยางนั้น พี่ก็แคหวังดีกับเจน” “เจนไมเชื่อ เจนรักพี่เกง ถาพี่หวังดีกับเจนจริงแลวทําไมชอบไลใหเจนไปรักคนอื่น เจนจะกลับไปพูดกับพอ” เธอรองไห ควากระเปาแบรนดเนม ผมควาแขนเธอเอาไว แตเธอกระชากกลับไป ไมหันมามอง แลวก็บึ่งรถหรูออกไปกลางดึกของคืนที่ฝนตกหนักโดยไมฟงคํารองขอของ ใครทั้งสิ้น ผมทําเธอรองไหดวยเรื่องเดิมๆ นับครั้งไมถวน ผมนึกถึงคําพูดของเจนที่บอกผม ตอนที่เราคบกันใหมๆ “คนที่แตงเพลงรักไดดีขนาดนั้นตองเปนคนรักที่ดีไดแนๆ” ตอนนี้ เธอคงรูแลววามันไมจริง
  • 11. ผมรักเจน ไมใชไมรัก แตตระหนักและหนักใจถึงความแตกตางทางฐานะของเรา เปนอยางดี ครอบครัวของเธอมีกิจการใหญโต คุณพอของเจนเปนนักธุรกิจแนวหนา สวนผม นักแตงเพลงอิสระ หาเลี้ยงแมดวยการแตงเพลงขายไปวันๆ พอของเจนพูดถูก ความรักเปนสิ่งสวยงาม แตสําหรับบางคน โลกใบนี้ไมไดมีเอาไวใหเพอฝน และผมไมมี ปญญาจะดูแลลูกสาวของทานใหดีทัดเทียมทานไดแนนอน ผมเคยโชคดีแตงเพลงฮิตไดอยูหลายเพลง บางทีเพลงโปรดของคุณในขณะนี้ อาจ เปนเพลงที่ผมแตงก็ได แตชวงปที่ผานมา ผมขาดความปลอดโปรงซึ่งเปนหนึ่งในปจจัยที่ สําคัญที่สุดของการทํางาน ทําใหจนบัดนี้ผมยังคงเขียนอะไรไมออกเลยแมกระทั่งเพลงรัก ฟงงายๆ แคเพลงเดียว “แมยังจําหองในอพารทเมนทที่ลุงเขมทิ้งไวใหเราไดไหม” ผมถามแมในตอนเชา ของวันที่ฟายังคงมึนตึงจากความคลั่งคะนองตลอดทั้งคืน แมหยุดคิดครูหนึ่ง แลวตะโกนจากครัวแขงกับเสียงสาดผักบุงลงในกระทะรอน “ออ จําไดสิ ทําไมเหรอ” “วาจะลองไปคางสักสองสามคืนนะแม” แมเดินออกมาจากครัวพรอมถาดใสจานผัดผักบุงไฟแดง และขาวตมรอนสองถวย ที่สงเกลียวควันฉุยชัดเจนในอากาศเย็นชื้นหลังฝนตก “ที่วาสองสามคืนนะ ใหมันจริงเถอะ... ทะเลาะกับนองเจนเขาเหรอเกง” “เปลา” ผมตอบ แลวเปาขาวตมในชอนใหเย็นลง “แมไมอยากใหไป หองอะไรก็ไมรู ครั้งที่แลวที่แมไปเปดหองทําความสะอาดมา ยังขวัญผวาไมหาย วังเวงอยางไรชอบกล แมเปนหวง” “ไมตองเปนหวงหรอก อยากไปหาที่เงียบๆ ทํางานไมกี่วัน เดี๋ยวก็มาแลว” “โอย อยากไดความเงียบจากหองนั่นนะ ไดแนๆ ละ แตอยางไรแมก็ไมอยากให ไป จะมาหามแมไมใหเปนหวงไมไดหรอก” “ลุงเขมเขายังเคยอยูไดเลยแม” “พูดถึงลุงเขมแลวก็คิดถึงนะ...” แมตาแดง เสียงสั่น มือที่จับชอนสั้นเอื้อมไปตัก ผัดผักบุงในจานก็สั่นไปดวย แมเปนแบบนี้เสมอทุกครั้งที่พูดถึงลุงเขม
  • 12. ลุงเขมคือพี่ชายแทๆ คนเดียวของแมที่จากพวกเราเมื่อสองปกอน ผมยังจําทาน ไดดี ชายเงียบขรึม รักสันโดษ รูปรางสูงใหญ ผิวคลํ้า หนาตาคมเขมสมชื่อคือคนที่เลี้ยง ดูเราสองคนแมลูกตั้งแตพอทิ้งผมกับแมไปหลังผมเกิดแคไมกี่วัน ทั้งชื่อเลนวาเกง และชื่อ จริงวาเกงกลาของผม ลุงเขมก็เปนคนตั้งให ที่ผมเปนนักแตงเพลงไดจนทุกวันนี้ ก็เพราะ คอรดกีตารสามคอรดแรกในชีวิตของผมที่ลุงเขมเปนคนสอนตอนผมอายุแคสิบขวบ ลุงเขมมีอาชีพขับรถแท็กซี และรถรับจางทั่วไป หาเลี้ยงผมและแมอยูหลายป โดยที่แมเปนคนดูแลงานบานอยูที่บานเชาเล็กๆ ที่เราสามคนอยูดวยกัน ปที่ผมอยู มัธยมศึกษาปที่หก มีเพื่อนขับรถรับจางที่ทํางานอยูตางประเทศมาชักชวนใหลุงเขมไป ทํางานดวยกันที่นั่น ลุงเขมเห็นวาถาผมเขามหาวิทยาลัยคงตองมีคาใชจายเพิ่ม ทานจึง ตัดสินใจเดินทางไป ลุงเขมสงเงินกลับมาใหผมกับแมใชจายอยางไมขัดสน บานไมหลังเล็กนาอยูหลังนี้ ก็ซื้อมาไดดวยนํ้าพักนํ้าแรงของทาน ลุงกลับมาหาเราปละครั้ง ทุกครั้งทานจะนําเงิน กลับมาฝากธนาคารไวใหผมเสมอ ผมกับแมเพิ่งรูวาลุงไดซื้อหองพักไวที่หองชุดหนึ่งที่ชานเมืองก็หลังจากที่ทาน เสียชีวิตลงที่ตางประเทศ ลุงเขมเขียนพินัยกรรมสั้นๆ ไวใหเราสองแมลูก ผมกับแมไมรู เรื่องที่ทานปวยเลย จดหมายที่ลุงสงมาทุกเดือนมักจะมีแตขาวดีเสมอ ผมจําไดวาครั้ง สุดทายที่เราเจอลุงเขม ลุงดูผอมไปมาก แตความสุขที่ไดเจอกันพรอมหนาบดบังขอสงสัย ตางๆ ไปจนหมด ใบมรณะบัตรที่เราไดรับจากกงสุลระบุวาลุงเสียชีวิตจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด แตขาวลือบอกวาลุงเสียชีวิตดวยโรคภูมิคุมกันบกพรอง ทานไมเคยมีแฟน และไมได แตงงาน เพื่อนของลุงบางคนตั้งขอสงสัยวาลุงเขมรักผูชายดวยกัน ผมไมเคยยุงเรื่อง สวนตัวของทาน เรื่องเดียวที่ผมรูคือตลอดชีวิตของลุงเขม ทานไมเคยทิ้งนองสาวและ หลานชาย ลุงจะรักผูหญิง หรือจะรักผูชาย หรือจะเปนโรคอะไรผมไมรู ผมรูแตวาผม ภูมิใจในตัวลุงเขม หัวใจของลุงเปนสุภาพบุรุษและนาเทิดทูนมากกวาชายแทๆ หลายคน โดยเฉพาะผูชายที่ทิ้งผมไปตั้งแตผมอายุไมถึงหนึ่งเดือน ผมไมเสียใจหรืออับอายเลยหาก ลุงเขมของผมเสียชีวิตดวยโรคนั้นจริงอยางที่เขาวากัน แตเรื่องที่ผมเสียใจและอับอายมา
  • 13. ๑๐ จนถึงวันนี้คือการที่ผมไมไดอยูดูแลตอบแทนบุญคุณของผูมีพระคุณตอนที่ทานนอนปวยจน จากผมไปเพียงลําพังที่เมืองนอก “เกงก็คิดถึงลุงเหมือนกันแม คิดถึงมาก” “จะไปก็ไปเถอะ เดี๋ยวแมเอากุญแจให” แมดึงเสื้อขึ้นมาเช็ดนํ้าตา “แตอยาไป หลายวัน แลวก็ดูแลตัวเองดีๆ ดวย แมเหลือเราคนเดียว” “แมไมตองบอกเจนนะ” “จะดีเหรอเกง แมขอพูดอีกอยางนะลูก เรื่องนองเจนนะ มีอะไรก็คุยกับนองดีๆ ถาไมรักนองแลวก็ตองบอกกลาวใหเขารู อยาทิ้งไปเฉยๆ แมวาถึงเขาจะดูเหมือนคนใจ รอน แตก็ไมใชเด็กเกเร แมดูแลว แมวานองเจนเขารักลูกมาก” ผมพยักหนารับ แมและตัวผมเคยถูกทิ้งมาแลว เราเขาใจความเจ็บปวดราวลึก จากการถูกทิ้งขวางอยางไมมีปมีขลุยเปนอยางดี ผมไมไดคิดจะทิ้งเจน เพียงแตคิดวาถาเราสองคนหางกันสักพัก ปลอยให ความรูสึกนึกคิดที่เกิดจากเรื่องตางๆ ไดตกตะกอน เราก็อาจจะไดรับคําตอบบางอยาง จากสัจธรรมของระยะหางและเวลา และผมอาจจะเขียนเพลงออก ที่สําคัญ เจนคงจะมี เวลาไดคิด แลวใหโอกาสตัวเองมองคนอื่นบาง เมื่อชวยแมลางจานชามเรียบรอย ผมก็ขึ้นขางบนไปเก็บสัมภาระ ซึ่งประกอบดวย เสื้อผาไมกี่ชุด ของใชสวนตัวเล็กนอย กีตาร และกลองเล็กๆ ที่ผมเก็บรูปและของขวัญที่ เจนใหผมเอาไว “ไมตองโทรหานะแม เกงวาจะปดโทรศัพท จะไดมีสมาธิทํางาน ถามีอะไรเดี๋ยว เกงโทรมาหาเอง” “อืม ดูแลตัวเองดีๆ ละ ถึงแลวโทรมาบอกแมดวย” “สวัสดีครับแม” ผมกอดแม ไมนาเชื่อวาผูหญิงที่ผอมบางแลดูออนแอคนนี้จะ สามารถมอบไออุนที่ยิ่งใหญใหผมไดทุกครั้งที่กอดทาน ผมมองแมจากกระจกมองขางขณะรถแท็กซีขับพาผมหางออกจากบานไปเรื่อยๆ *
  • 14. ๑๑ หลังจากแวะซื้อของกินของใชจําเปน ผมนั่งรถแท็กซีตอเขามาในซอยคดเคี้ยว เลี้ยวลึก ถนนเปนหลุมเปนบอ สองขางทางมีแตทุงหญาคา บานเรือนที่ทั้งซอยนับไดไม เกินสี่หลังตั้งอยูหางไกลกัน ผมลงจากรถแท็กซีที่หนาประตูรั้วในเวลาเย็นยํ่า หินกรวดใต เทาสงเสียงกรวดกราดตามจังหวะเดิน ฝนลงเม็ดประปราย ทองฟาทอสีสมอมแดง ลมพัด เย็นพากลิ่นดอกไมบางเบามามอบให ตรงหนาผมคืออาคารเกาสูงสามชั้นตระหงานใน บรรยากาศสะลึมสะลือกอนฝนตก สีของอาคารหลุดรอนดูเหมือนคนหกลมลื่นไถลจน ผิวหนังถลอกปอกเปก ตะไครสีเขียวจับตรงโนนทีตรงนี้บาง เสียงใบไมตองลมคือเสียง เดียวที่ไดยิน ผมยืนเกๆ กังๆ อยูหนาประตูไมที่มีปายแขวนไววา “บานซอนกลิ่น” รั้วไมกั้น อาณาเขตมีไมเลื้อยเหี่ยวเฉาไตเลี้ยวลดดูเหมือนมือแหงเหี่ยวของคนชราที่พยายาม ไขวควาลมหายใจสุดทาย ผมหยิบโทรศัพทมือถือขึ้นมากดเปด แลวโทรศัพทเขามือถือของหลานชายคุณลุง สมพงศซึ่งเปนคนดูแลอาคารเกาหลังนี้ กอนมา ผมนัดกับเขาแลว ลุงคงจะลืม หรือไมก็ มัวเลนหมากรุกจนเพลินเหมือนคราวกอนๆ “ฮัลโหล นี่พี่เอง ที่ชื่อเกง คนที่บอกวาจะมาที่หองวันนี้” เสียงปลายสายตะโกนคุยสื่อสารกันไปมาใหยุงไปหมด “ปูบอกวากําลังจะออกไปแลวครับ” หลานชายวัยรุนเจาของโทรศัพทมือถือเครื่อง เดียวของบานพูด ผมลองผลักประตูรั้วที่ไมไดลงกลอนเอาไวเขาไป กลิ่นฟุงตลบของดอกไมไทยลอย มาตอนรับตลบอบอวล ศาลพระภูมิใหญใกลกับประตูทางเขามีเครื่องเซนครบครัน ผมเห็น มีตะกราลูกชุบหลากสีเล็กๆ และดอกไมตั้งถวาย พื้นของหองโถงชั้นลางเปนหินขัดเกาตีเสนแบงแนวสีทองตามแบบอาคารเกา ที่ หนาตางติดเหล็กดัดสีดําลายไทยโบราณ ระหวางนั่งรอลุงสมพงศบนบันไดทางเขา อยูๆ บรรยากาศแบบนี้ก็ทําใหผมรูสึก อยากสูบบุหรี่ขึ้นมา ผมไมไดสูบมานานแลว แตมักพกซองบุหรี่และไฟแช็กติดตัวไวเสมอ เหมือนยาสามัญประจําตัว ในขณะที่ผมกําลังหาซองบุหรี่ในกระเปา ผมสังเกตเห็นพุม
  • 15. ๑๒ ดอกไมปลูกเปนระเบียบตามแนวรั้ว คงเปนดอกไมสีขาวพวกนี้เองที่สงกลิ่นหอมเรียกรอง ความสนใจไมหยุดหยอนตั้งแตผมกาวเขาประตูมา กลิ่นดอกไมหอมเชิญชวนมากกวาบุหรี่ ผมลุกขึ้นเดินชมสวนยามเย็นของที่นี่ เมื่อเขาไปดูใกลๆ พุมดอกไมสีขาวที่เห็นคือพุมดอก พุดซอน ผมพอมีความรูเรื่องดอกไมอยูบางเพราะเคยชวยแมกับลุงเขมเปลี่ยนกระถาง ตนไมอยูบอยๆ ผมเดินวนรอบตัวอาคาร คาดคะเนเนื้อที่แลวนาจะอยูที่ประมาณหนึ่งรอยตารางวา พุมพุดซอนดอกสีขาวสลับใบเขียวปลูกเอาไวตลอดทั้งแนวรั้ว พื้นสนามหญาหนาอาคารสี เขียวชุมชื้นสลับนํ้าตาลแหงเหี่ยวและพื้นดินเปนหยอมๆ ตนไทรยอยที่ปลูกอยูมุมรั้ว ดานหลังขับเนนบรรยากาศที่วิเวกอยูแลวใหวังเวงยิ่งกวาเดิม ชุดมาหินกระดํากระดาง ตั้งอยูใตตนไทรยอยดูเหงาหงอยจนทําใหผมถอนหายใจอยางไมรูตัว กอนมา ผมโหยหาความเงียบ แตพอไดมันมาแลว และดูเหมือนจะไดเกินกวาที่ ขอ ผมกลับถวิลหาความครึกครื้น ถึงจะแปลกใจอยูบางที่ตั้งแตมาถึงผมยังไมเห็นใครเดินเขาออกหรือแมแตผานหนา ประตูอาคารนี้เลย แตยังมีสิ่งที่ผมแปลกใจมากกวานั้น เหตุใดอาคารเกาที่อายุไมนาจะ นอยกวาหกสิบปที่ตั้งอยูไกลปนเที่ยงขนาดนี้ยังคงดํารงอยูจนถึงทุกวันนี้ได ผมไมทราบวา ใครเปนเจาของ และเขาเอารายไดที่ไหนมาบํารุงรักษา ผมเดาเอาวา สมัยกอน ที่นี่คงเปนหองชุดทันสมัย มีคนมาเยี่ยมเยือนชื่นชมอยาง พลุกพลาน พอนานวันเขา คนก็เริ่มยายออกไปแสวงหาสิ่งใหมๆ ทิ้งใหอาคารที่ครั้งหนึ่ง เคยสงางามเหมือนคนหนุมสาว เปนเพียงอนุสรณอันเหี่ยวเฉาเหมือนคนแกเฒา ลุงเขมคง เห็นความสวยงามในความเหงาหงอยโรยราของที่นี่ จึงตัดสินใจซื้อหองเก็บเอาไว หากใครตองการความเปนสวนตัว หลงใหลความเงียบ หรือหลงรักความสวยงาม ของตึกเกาแลว ที่นี่ก็เปรียบเหมือนหีบสมบัติในลายแทงที่ยังไมมีใครคนพบ ผมไดยินเสียงเบรกรถจักรยาน ลุงสมพงศเดินโงนเงนเขามา เขาดูเหมือนสัปเหรอ ในวัดมากกวาคนดูแลหองชุด บนรางกายมีเพียงพระเครื่องหอยคอ ผาขาวมาเกาคาดเอว และกางเกงเกาๆ ฟนของลุงเหลืองหลอเหยเก นํ้าปรุงที่ลุงประพรมมาคือกลิ่นนํ้าเหลาเมา เหม็น
  • 16. ๑๓ “นั่นคุณเกงใชไหมครับ” “ใชครับลุง ผมเอง” “ขอโทษที ลุงมาชาไปหนอย” “ไมเปนไรครับลุง” “หองคุณอยูชั้นไหนนะ ลุงจําไมได” “ชั้นสาม หอง ๓๐๒ นะครับ” * ลุงสมพงศหยิบสัมภาระผมไปถือ เอื้อมมือไปเปดไฟที่กําแพง แลวเดินขึ้นบันไดที่ อยูดานขางของโถงทางเดิน “ลิฟตมันเสียนะครับคุณ” ลุงสมพงศเดินโยกเยกไปมาจนผมกังวลวาเขาจะขึ้น บันไดไหวหรือไม ผมอาจตองชวยประคองลุงขึ้นไปถึงชั้นสาม “ลุงไหวไหมครับ” ผมควากระเปาจากมือเขามาถือเอง “ไหวๆ แกแลวก็อยางนี้แหละครับคุณ” “คุณเปนหลานของคุณเขมใชไหมครับ คุณเขมอยูเมืองนอกสบายดีหรือเปลา ลุงไม เห็นมาหลายปแลว” “ลุงสบายดีครับ นานๆ จะกลับมาเมืองไทยสักที” ผมโกหก ไมอยากบอกความ จริงใหลุงเขาตกใจ “แลวที่นีไมมีใครอยูเลยหรือลุง” “มีครับ นานๆ มาที เหมือนคุณนี่แหละ ขาจรก็มีมาบาง พวกนั้นเขาจะเชาอยู ชั้นหนึ่งกันนะครับ คนอยูประจําชวงนี้ยังไมมี แตปกอนมีนะครับ แตเขายายออกไปแลว เห็นบนวาเงียบ ไกล ลูกคาที่นี่สวนใหญก็เปนลูกคาเกาทั้งนั้น” “แลวชั้นสามนอกจากผมแลวตอนนี้มีใครอยูมั่งหรือเปลาครับ” ลุงสมพงศทําทานึก
  • 17. ๑๔ “ตอนนี้ไมมีนะ แตชวงกอนมีเด็กมัธยมคนหนึ่งมา เขาบอกวามาอานหนังสือสอบ แตลุงไมเห็นนานแลว กลับไปก็ไมไดบอกไดกลาวกัน เห็นลาสุดบอกวาจะขายหอง” เราเดินมาถึงชั้นสาม โถงทางเดินพื้นหินขัดเกามืดอึดอัดและคับแคบ มีหนาตาง เล็กๆ สองบานอยูที่ปลายสุดทางเดินทั้งสองดาน หองพักแบงเปนฝงละสามหอง หองของ ผมอยูฝงซายมือกอนถึงหองสุดทาย ผมไขกุญแจ ขณะที่กําลังหมุนลูกบิดเปดประตูเขาไป อยูๆ ก็มีแรงกระชากลูกบิด ประตูใหเปดจากดานในหองจนตัวผมเกือบลมจากแรงฉุด “วันนี้ลมแรงนะคุณ” ลุงบอก ยิ้มแกนๆ ผมเขาไปในหอง ขาวของจัดเปนระเบียบ ฝุนจับบนผาคลุมเครื่องเรือนตางๆ บาง ประปราย ลุงสมพงศสับเบรกเกอรไฟ และเปดวาลวนํ้าให เขาดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะ ออกไปจากที่นี่จนเต็มแก ลุงคงอยากจะกลับไปหาขวดนํ้าสีอําพันกับหมากรุกที่เลนคางไว “ลุง กลับเถอะครับ จวนมืดแลว ขอบคุณนะครับ” ผมยื่นธนบัตรใบละรอยให “ขาดเหลืออะไรก็โทรศัพทไปบอกหลานชายลุงไดทั้งคืนนะ ลุงจะรีบมา ปกติถาไม มีลูกคา ลุงมาดูคืนละครั้ง บางคืนก็นอนเฝาอยูหองขางลางจนเชา ตอนคุณมาอยู ลุงจะ มาใหบอยขึ้น คุณไมตองหวงนะ” “ขอบคุณมากนะครับลุง” ผมไหวขอบคุณลุงสมพงศ * รูปลุงเขมตั้งอยูบนหิ้ง ผมเปนคนจัดทําหิ้งนี้กับมือเมื่อคราวที่มาเปดดูหองครั้งแรก กับแม ผมจุดธูปไหวทานพรอมพวงมาลัยดอกมะลิที่แวะซื้อกอนมา ผมจัดเสื้อผาเขาตู และขาวของตางๆ เขาที่เขาทาง ไมลืมวางกลองเก็บ ของขวัญจากเจนไวบนหัวเตียง “113 สายที่ไมไดรับ” คือขอความบนหนาจอมือถือที่ผมปดทั้งเสียงและระบบสั่น เอาไว ไมตองดูเลขหมายก็รูวาเปนเจน ผมกดโทรศัพทไปหาแม
  • 18. ๑๕ “แมครับ เกงถึงแลว ไมตองเปนหวงนะ” “ถึงแลวก็ดี แลวระวังตัวดวยละ แถวนั้นนะมันเปลี่ยวมาก” แมพูดเบาจนเกือบ กระซิบ “เกงเปนผูชายนะแม ไมตองหวงมากหรอก” ผมหัวเราะ “ผูชายผูหญิงแมก็หวงหมดนั่นแหละ... เกง.... พอเกงออกไปไมนาน นองเจนเขา ก็มาที่บาน แมบอกวาแมไมรูวาลูกไปไหน ก็นั่งรองไหอยูนานไมยอมกลับบาน นี่ก็จะคํ่า อยูแลว เห็นบอกวาโทรฯ ไปหาเกงก็ไมรับ แมไมชอบเลยนะที่เกงทําแบบนี้ มาบังคับให แมโกหก แลวยังทําอยางนี้กับนองเจน แมสงสารเขา” คงเปนเพราะเจนนั่งอยูไมไกล แมจึงตองแอบคุยกับผมดวยเสียงกระซิบ “ชวยเกงอีกสักสามสี่วันเองนะแม” หลังจากวางสาย ผมก็ปดโทรศัพท แลววางเอาไวขางหัวเตียงใกลกับกลองเก็บ ของที่ระลึกจากเจน ผมออกไปยืนที่ระเบียง แลวหลับตา ระหวางอยูที่นี่ ผมจะปลอยให หัวใจวางเปลา อุกาฟาเหลือง ลมกรรโชก และครืนเสียงฟารองสงคําเตือนวาฝนหนักกําลังจะมา เยือน ผมเปดประตูระเบียงกระจกทิ้งเอาไว ปดเฉพาะบานเลื่อนมุงลวดกันยุง แลวกลับ เขามานั่งเกากีตารเบาๆ ในหอง ไมนานนัก ฝนก็กระหนํ่าลงมา ลมพัดเย็นสบายจนผม เผลอหลับไป * ในแสงไฟมืดสลัว ผมงัวเงียมองเห็นผูชายรูปรางสูงใหญใสเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว สะอาด มีปากกาสีทองเหน็บอยูที่กระเปาเสื้อดานซาย เขาสวมกางเกงสแล็คสีครีมยืนหัน หลังใหผมอยูที่ประตูบานเลื่อนมุงลวด “เฮย นั่นใคร เขามาในหองไดยังไง” ผมตะโกนถาม เขาคอยๆ หันหนามา “ลุงเขม!”
  • 19. ๑๖ “เกง กลับบานเถอะ เชื่อลุงนะ” ผมยังคงจําเสียงออนโยนและจังหวะคําพูดที่ เชื่องชาแตหนักแนนของลุงไดขึ้นใจ “ลุงครับ ลุงเขม ผมคิดถึงลุง แมก็คิดถึงลุง” ผมดีใจจนควบคุมตัวเองไมได รองไหเสียจนสะอื้นตัวโยนเหมือนเด็กเล็กๆ “กลับบานไปหาแมนะเกง” ลุงยิ้ม แลวยํ้าคําเดิม ผมหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะเขาไปหาลุงใกลๆ ฉับพลันมีมือสากหนาบีบคํ้าคอ ผมเอาไว ผมพยายามใชมือของผมที่แลดูเล็กไปทันทีเมื่อเปรียบกับทอนแขนใหญที่ผมกําลัง ปดปองและกระชากออกจากคอ ผมเริ่มสําลัก พยายามรองใหลุงเขมชวย ผมเห็นทาน มองผม ทาทางลําบากใจ กอนที่ผมจะหมดลม ผมไดยินเสียงเล็กๆ ของเด็กผูหญิงกระซิบ ที่ขางหูวา “มึงจงเชื่อฟงลุงของมึงแลวกลับบานไปซะ” * ผมสะดุงตื่นพรอมนํ้าตาที่ไหลจากในฝน สูดหายใจเขาปอดเฮือกใหญจากอาการ ขาดอากาศคลายคนเพิ่งรอดตายจากการจมนํ้า หัวใจเตนระทึกถี่ ฝนยังคงตกกระหนํ่า เสียงฟาผาอุโฆษแทรกโสตประสาททามกลางความเงียบสงัด ที่อื้ออึงอยูในหอง ฝนประหลาดทําใหรูสึกอึดอัด แตผมเคยฝนรายจนสะดุงตื่นขึ้นมาไมรูกี่ครั้ง ครั้งนี้ จึงเปนแคอีกหนึ่งในฝนเหลานั้นที่พอตื่นขึ้นมาแลวรูสึกโลงอกที่มันเปนแคความฝน ผมออกไปยืนที่ระเบียง ฟามืดสนิทสลับแซมดวยแสงแปลบวาบของสายฟา ยืนอยู ไมนานก็รูสึกอยากบุหรี่ ผมลวงกระเปากางเกงทุกชองก็หาไมเจอ นึกขึ้นไดวาเก็บอยูใน ชองเก็บของเล็กๆ ขางกระเปาเป ผมกําลังจะเดินกลับเขาไปหยิบในหอง แตมีบทเพลง บรรเลงสดเดินทางผานพายุฝนมารั้งแขนผมเอาไว
  • 20. ๑๗ “นํ้าตานองนองหนาราตรีนี้ ทองนภากํามะหยี่สีเศราหมอง พี่อยูไหนในคืนฝนฟาคะนอง ทิ้งใหนองครํ่าครวญจวนเจียนตาย” ขิมบรรเลงโศกคลอเคลียตระกองกอดเสียงรองกองดังกังวานเศรา นักรองหญิง เสียงใสขับรองเพลงตรอมตรมโทมนัสไดจับใจจนความโศกเศราเปนความรูสึกหนึ่งเดียวที่ หลงเหลืออยูในจิตสํานึกของตัวผม บางทีฝนคละคลั่งในบัดนี้อาจเปนนํ้าตาจากฟาที่รํ่าไห ใหกับการสูญเสียคนรักของหญิงสาวสักคนก็เปนได “หมดรักแลวนองแกวเขาใจได ใยหนีหายไมบอกกลาวเลาเหตุผล อุราชอกระกําชํ้าทุกขรอนรน วอนขอผานเมฆฝนโปรดหวนคืน” เสียงเพลงดังจริงจังชัดเจนชวยบงบอกวาเจาของเสียงรองเพลงและเลนขิมอยูใกล เพียงระเบียงหองถัดไป ผมนึกถึงคําพูดที่ลุงสมพงศบอกเอาไววาชั้นนี้ไมมีคนอยู เขาคงแก ชราจนหลงๆ ลืมๆ หรือไมก็มีเจาของหองมาเขาพักโดยไมไดบอกลุงลวงหนา ผมชะเงอขะเยอแขยงมองผานกําแพงกั้นที่ระเบียงไปทางหองดานขวาซึ่งเปนหอง ทายสุดทางเดินซึ่งติดกับหองของผม นักแตงเพลงอยางผมอยากทําความรูจักพบปะกับ เพื่อนศิลปนเสมอ มองไปไมเห็นใคร มีแตรองเทาแตะผูหญิงเกาๆ คูหนึ่งถอดวางอยู เสียงเพลงเงียบ ไป เธออาจจะอายเมื่อรูตัววามีคนแอบฟง แลวคงรีบหนีกลับเขาหองไป หวังวาเธอคงไม คิดวาผมเปนพวกโรคจิตแอบดอมๆ มองๆ จองจะขโมยชุดชั้นในสาวที่ซักตากไวตาม ระเบียง ผมกลับเขาหอง ฟงเสียงฝนฟาขับกลอม สักพักก็นอนหลับสนิททั้งคืน *
  • 21. ๑๘ ผมนั่งแตงเพลงอยูในหองหลังจากตื่นนอนจนเย็นยํ่า อาจเปนเพราะไดแรงบันดาล ใจจากเสียงเพลงเศราเมื่อคืน วันนี้ผมจึงไดเพลงอกหักมาหนึ่งเพลง เหลือแตเพียงขัดเกลา ใหเขาที่อีกนิดหนอย คิดไมผิดจริงๆ ที่ตัดสินใจมาที่นี่ วันนี้อากาศเย็นชื้นทั้งวันเพราะฝนตกเมื่อคืน ผมออกจากหองลงมาเดินยืดเสนยืด สายที่สวนขางลาง เห็นเด็กหนุมวัยรุนไวผมเกรียนทรงนักเรียนชายอายุไมนาเกินสิบสี่หรือ สิบหาปยืนถือสายยางรดนํ้าตนไม อีกมือหนึ่งคุยโทรศัพทมือถืออยู คงเปนหลานชายของ ลุงสมพงศ ผมเคยไดยินแตเสียง เพิ่งเคยเห็นหนาก็วันนี้ ที่หนาประตูมีรถยนตมาจอดอยูสองคัน วันนี้คงมีคนเขามาอยูเพิ่ม “สวัสดีครับพี่” เด็กหนุมเดินมาหาผมพรอมยกมือสวัสดีอยางนอบนอม ลุงสมพงศ อบรมหลานไดดีมีสัมมาคารวะ “สวัสดี นองเปนหลานลุงสมพงศที่พี่คุยดวยใชไหม” “ใชครับ พี่ใชพี่เกงหรือเปลาครับ” เสียงของหนุมนอยยังไมแตกหนุม ผมพยักหนารับ “ผมชื่อโก มาจากขนมตะโก แตเพื่อนๆ เรียกผมวาสตีฟ” “โอเค สตีฟ” ผมหัวเราะ “ปูฝากใหผมเอาไฟฉายมาใหพี่ ปูบอกวาพี่คงไมไดพกมาจากบาน ชวงนี้ฝนตก หนักบอย เผื่อไฟดับ พี่จะไดมีไฟฉายพกติดตัวไว” “ขอบใจมากนะ ที่นี่ไฟดับบอยเหรอ” “ก็มีบางครับ โดยเฉพาะหนาฝนแบบนี้” “วาแตวันนี้มีคนเขามาพักเหรอ เห็นมีรถจอดอยูหนาประตู” “ออ ใช คันแรกรถของคุณที่อยูหองขางลาง นานๆ มาที ปูเคยบอกวาอยาไป ยุงเรื่องของเขา แตมาทีไรก็เห็นพานักศึกษามาดวยทุกที ผมวานาจะเปนไซดไลนนะพี่ เพราะดูเหมือนพอกับลูกมากกวาผัวเมีย” สตีฟทําหนาที่นักขาวสายสังคมของบาน ซอนกลิ่น “รูดีจริงๆ นะสตีฟ”
  • 22. ๑๙ “คันสีดํารถของคุณพัลลภ เปนเจาของตึก ยาเลาใหฟงวาคุณพัลลภเขาไดตึกนี้เปน มรดกตกทอดมาจากยาย ตระกูลเขาเปนตระกูลเกาแกรํ่ารวยมีสมบัติเปนกองพะเนินใช เทาไหรก็ไมหมด เขามาที่ตึกนี่ไหวศาลพระภูมิเกือบทุกเย็น” นองโกของทําเสียงกระซิบ กระซาบเหมือนแมบานขี้นินทา คงจะจํามาจากยาของเขาแนๆ ที่ผานมา ผมกับแมเคยไดยินแตชื่อของเจาของอาคาร ยังไมมีโอกาสไดพบสักที มองจากดานหลัง คุณพัลลภเปนชายสูงโปรงอายุราวหาสิบป ผมรองทรงสีเทาทั้งศีรษะ วันนี้ผมจะทักทายทําความรูจัก และตั้งใจจะคุยกับเขาเรื่องการดูแลรักษาสภาพอาคาร ผมเห็นเขากําลังจัดเครื่องเซน นึกขึ้นไดวาตัวผมเองก็ยังไมไดไหวศาลพระภูมิ ตั้งแตมาถึงเมื่อวาน “พี่ไปกอนนะ ฝากบอกปูวาพี่ขอบคุณมากเรื่องไฟฉาย” “ครับพี่ ผมจะกลับแลวเหมือนกัน ไมอยากจะอยูจนมืด กลัวผี” หนุมนอยพูดจบก็ วิ่งออกไปขี่จักรยานกลับบาน ระหวางผมเดินขึ้นหองเพื่อไปหยิบธูปลงมาจุดไหวศาลพระภูมิ ผมนึกถึงคําพูดของ โกที่บอกวากลัวผี ผมไมไดคิดเรื่องภูติผีปศาจเลยตั้งแตมา คงเปนเพราะมีเรื่องอื่นใหกังวล และพึงพอใจกับความเงียบสงบของที่นี่ จึงทําใหลืมนึกกลัวความวังเวงเรนลับ ผมหยิบธูปสามดอกจากหอที่พกมาจากบานเพื่อไหวลุงเขม เมื่อกลับลงมาก็พบวา คุณพัลลภไดขับรถกลับออกไปแลว ควันธูปลอยขึ้นฟาสงคําอธิษฐานของผมถึงทานเจาที่เจาทาง ผมไมมีเครื่องบูชา ครบครันเหมือนอยางคุณพัลลภ แตเหลือบไปเห็นดอกพุดซอนที่ตั้งถวายอยู ผมจึงเดินไป เด็ดดอกพุดซอนจากพุมเพื่อบูชาบาง หลังจากไหวทานเจาที่เจาทางเรียบรอย ผมรูสึกปลอดภัยสบายใจเหมือนเพิ่งไดรับ โลเกราะปองกันภัยยันอันตรายทั้งปวง วาโยพัดเย็นหอบกลิ่นดินมามอบให ฝนตั้งเคา เสียงฟารองกระซิบแผวมาแตไกล ผมออกมานั่งรอรับฝนที่ระเบียงหองหลังรับประทานบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปรสตมยํากุง เปนอาหารเย็นที่รสชาติจะจัดจานเปนพิเศษเมื่อรับประทานเคลากับอากาศเย็นๆ ไมนานนัก หยาดทิพยจากจากคคนางคก็พากันพรั่งพรูลงมา
  • 23. ๒๐ ผมหยิบกีตารออกมาเลนเพลงที่แตงไดเมื่อเชาเพื่อปรับคอรด และเนื้อรองใหเขาที่ เขาทาง นํ้าตาจากฟามืดดําทามกลางความเงียบงันชวยขับอารมณเศราไดเปนอยางดี “ฟาพิโรธโกรธถมึงทึงเครงคลั่ง ฝนถะถั่งคับคั่งชางขมขื่น เสียงฟาฟาดกราดกลบเสียงสะอื้น มิอาจฝนฝนจากตาถาโถมนอง” ไมไดมีผมคนเดียวในคืนนี้ที่ครวญโอดถึงความเจ็บปวด ผมวางกีตารลง คืนนี้ จะตองรูใหไดวาใครกันที่เปนเจาของเสียงโหยหาอาวรณนี้ ผมคอยๆ ชะโงกผานกําแพงเกาๆ สีปูนมีรอยแตกเปนแนวยาวที่กั้นระหวาง ระเบียงหอง รูดีวานี่เปนการกระทําที่คอนขางไมมีมารยาท แตก็เหมือนรักแรกพบ คุณ ยอมทําทุกอยางไมวามันจะดูไมเขาทาแคไหนขอเพียงใหไดรูจัก ถาคืนนี้ไมเห็นเธอ ผมจะ เดินไปเคาะประตูหนาหองใหรูแลวรูรอด ในความมืดสลัว ผมมองเห็นเรือนรางดานขางของนงคราญในชุดกระโปรงยาว มือทั้งสองของเธอเกาะกุมอยูที่ราวระเบียง เรือนผมยาวตรงถึงกลางแผนหลังตรงปลาย หยักศก ริมฝปากปลดปลอยเสียงใสไพเราะดั่งวิหคนอยในดินแดนไตรทิพย เธอคอยๆ หันมาจองหนาผม ฟาแลบแปลบปลาบทําหนาที่เปนดวงไฟกระพริบเปด ปดในความมืด ผมมองเห็นใบหนาของเธอชัดเจนในวาบสวางของแสงสายฟา ลมกรรโชกกระชากปดเปดบานหนาตางรอบๆ อาคาร เหลาตนไมสูงใหญสงเสียง คํารามเมื่อตองลม ฟาตวาดลั่นเกรี้ยวกราด ภาพที่เห็นทําใหผมผงะถอยหลังกลับ หญิงชราใบหนายับยูยี่เหมือนกระดาษถูกขยํา ทิ้ง ทุกริ้วรอยลึกเหมือนรอยจารึกความเจ็บปวดที่ไดรับจากชีวิต สีหนาของเธอแสดง ความทุกขเข็ญสาหัส ผมยาวสากหนาสีเงิน ชุดนอนที่สวมใสยาวกรอมเทาสีเทาหมน เสียงเพลงยังคงบรรเลงอยางตอเนื่อง แตทวาริมฝปากของเธอขณะนี้กลับเมมสนิท ไมไดขยับแมแตนอย
  • 24. ๒๑ “ไมวานานเทาใดใจยังภักดิ์ ยากจะหักหามใหไมรํ่ารอง เวลาผันคืนวันเปลี่ยนเวียนหมุนจร ความหวงหาอาธรไมจืดจาง” ผมถอยหนีกลับเขาหอง ปดประตูกระจกบานเลื่อน ไมลืมปดผามานมิดชิด พยายามตั้งสติไตรตรองถึงสิ่งพิศวงที่เห็นเมื่อครู คําแถมแรก นั่นคนหรือวาผี คําถาม ตอมา เสียงรองเพลงของหญิงสาวเปนเสียงของใครกันแน ผมอยากจะกลับออกไปดูให เห็นเต็มตาอีกครั้ง แตเมื่อความคิดเรื่องผีไดเขามาอยูในหัวแลว ความกลัวก็ทําใหผมไม กลาขยับไปไหนทั้งคืน ผมยังคงไดยินเสียงเพลงลอยเล็ดลอดเขามาในหองบางบางตัวโนต ในตอนนี้ ผม ทําอะไรไมไดนอกจากนอนเปดไฟหมผามิดชิดบนเตียง ถามีโทรทัศนผมจะเปดใหมีเสียง เปนเพื่อนดวย จะวาหลอนก็หลอน แตผมอาจจะเปนโรคจิตก็ไดที่นอนกลัวไปฟงไปเรื่อยๆ ก็รูสึก เหมือนมีคนรองเพลงกลอมจนหลับไป * เสียงจากแรงลมปะทะประตูระเบียงเหมือนมีใครมาทุบเขยาประตูจากดานนอกปลุก ผมใหตื่นกลางดึก ไฟที่เปดอยูกอนผมหลับดับไปเมื่อไหรไมทราบ พัดลมติดเพดานหยุด หมุน ผมลองกดสวิตชเปดปด และลองสับสวิตชไฟหลักในหอง ทุกอยางแนนิ่ง ไฟของ อาคารคงจะดับ นาิกาบอกเวลาตีสองครึ่ง ผมควานหาไฟฉายที่วางไวบนโตะ เสียง ประตูเขยายังคงดังอยางตอเนื่อง หากไมไดเจอกับเรื่องประหลาดเมื่อตอนคํ่า ผมไมเคย นึกกลัวความมืด ในตอนนี้ ผมยอมรับวาความกลัวทําใหผมลนลานกับการไฟดับมากกวา ปกติ ผมโทรศัพทหาลุงสมพงศ ไดแตหวังวาจะมีคนรับสาย “ฮัลโหล” เสียงงัวเงียของโกตอบรับ “โก นี่พี่เกงนะ ไฟที่ตึกดับ บอกปูใหมาดูไดไหม”
  • 25. ๒๒ “ปูไปกินเลี้ยงยังไมกลับ” “อะไรนะ แลวจะกลับมาเมื่อไหร” “ไมรูเหมือนกันพี่ บางทีก็เชา ถาไมงั้น อีกเดี๋ยวก็มา” “ถาอยางนั้น พี่ตองทํายังไง” ผมถาม จะใหเด็กอยางโกขี่จักรยานมาชวย กลางดึกแบบนี้ก็คงไมเขาทา “พี่ลงไปขางลางสับเบรกเกอรที่หองไฟฟาขางลาง เดี๋ยวมันก็ติด ผมเคยทํา” โกบอกทางไปหองไฟฟาหลักชั้นลาง อาคารเกาแกถึงขนาดที่ไมมีเครื่องปนไฟ สํารอง ผมนึกโมโหคุณพัลลภเจาของตึกขึ้นมา ทําไมไมยอมปรับปรุงอาคาร แลวจาง ยาม คนดูแล หรือชางไฟใหเปนเรื่องเปนราว กลับจางชาวบานเปนปูกับหลานชายดูแล กันอยางแกนๆ ตองใหผูอยูอาศัยมาดูแลตัวเองแบบนี้ แตบนมากไปก็รูสึกจะไมยุติธรรม เหมือนกัน เพราะที่นี่ไมไดเก็บคาสวนกลาง ผมนั่งชั่งใจวาจะเก็บของแลวกลับออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ หรือจะลงไปสับเบรกเกอร ไฟชั้นลาง อีกทางเลือกคือเอาแตนั่งกลัวอยูในหองรอจนเชาแลวคอยวากัน ลุงเขมเคยสอนผมวาความกลัวมีตัวตนอยูเทาที่จิตใจเราจะยอมออนขอใหมัน เทานั้น ผมยังจําเหตุการณตอนผมอายุเจ็ดขวบไดดี คืนนั้นมีพายุฝนไมตางจากคืนนี้ แม ปวยเปนไขสูงจนเพอ ลุงเขมคอยลุกขึ้นมาดูแลแมตลอดทั้งคืน ผมจําไดวาอยูๆ ไฟก็ดับ ผมกลัวความมืดตามประสาเด็ก เสียงแมเพอเปนระยะทําใหผมหวาดกลัวยิ่งกวาเดิม ลุง เขมบอกใหผมเดินออกไปหยิบเทียนไขกับไมขีดในครัว แตผมรองไหไมยอมทําตาม ลุงเขม เดินมาพูดกับผมใกลๆ ดวยนํ้าเสียงออนโยนจนทําใหเด็กชายหยุดรองไหจากความกลัว และทําตามที่ทานขอ “เกง ลุงรูวาเกงกลัว แตเทียนไขจะชวยใหลุงมองเห็นยาของแม แลวหยิบยาให แมกินถูก เกงอยากใหแมดีขึ้นไหม” ผมพยักหนารับทั้งนํ้าตา “ถาอยางนั้น เกงก็ยิ่งตองสูกับความกลัวเพื่อชวยแม ความกลัวทําอะไรเราไมได หรอกถาเราไมยอมใหมัน ลุงสัญญาวาพอเกงกลับมา ความมืดจะทําอะไรเกงไมไดอีก ออกไปหยิบเทียนมาใหลุงนะ”