Vb 6.0

Visual
Basic 6.0
ครูนพดล กันทอน

ความเป็นมาของ
Visual Basic
•พัฒนามาจากภาษา
QBASIC
•เป็นภาษาที่เหมาะกับ
การเริ่มต้น
•Visual Basic V. 1.0
เมื่อปี 1991

ทำาไมต้องเริ่มที่
Visual Basic
1. ง่ายต่อการเรียนรู้
2. ความนิยมของตัว
ภาษา
3. เป็นซอฟต์แวร์ของ
Microsoft

ทำาไมต้องเริ่มที่
Visual Basic
5. Visual Basic for
Application (VBA)
ในชุด Microsoft
Office
6. VB Script Edition
ใช้ในการเขียนสร้าง

การเขียนโปรแกรม
แบบ Event-driven
•การทำางานของ
โปรแกรมจะขึ้นอยู่กับ
การกระทำากับส่วน
ประกอบต่างๆ ของ
หน้าต่าง (Window)
ของโปรแกรม เช่น ปุ่ม
ต่างๆ, เลื่อนเมาส์

การเขียนโปรแกรม
แบบ Procedural
•โปรแกรมเมอร์ต้อง
เขียน Code ควบคุม
การทำางานของ
โปรแกรมเองทั้งหมด
โดยต้องตรวจสอบ

ขั้นตอนการ
ออกแบบ
โปรแกรม1. ศึกษาความต้องการของ
ผู้ใช้
2. ออกแบบหน้าจอของ
โปรแกรม
และขั้นตอนการทำางาน
ของโปรแกรม
3. เริ่มเขียนโปรแกรม

รุ่นต่างๆ ของ
Visual Basic
•Learning Edition
•Professional
Edition
•Enterprise Edition

การติดตั้ง
โปรแกรม•ระบบปฏิบัติการ
Windows 98-XP
•CPU Pentium ขึ้นไป
•หน่วยความจำา (RAM) 32
MB ขึ้นไป
•CD-ROM, Mouse,
Keyboard

คุณสมบัติของ
Visual Basic
• คอมไพเลอร์และการ
เขียนโปรแกรมบน
Microsoft Windows
• หลักการของ OOP
(Object Oriented

ส่วนประกอบของ
Visual Basic
•Object
•Properties
•Method
•Event

Butt
on
For
m
Opti
on
Chec
kbox
Text
box

การเรียกใช้งาน
ปุ่ม Start
>> Programs
>> Microsoft
Visual Studio 6.0
>> Microsoft
Visual Basic 6.0

Visual Basic•แถบ Title Bar
•แถบ Menu Bar
• แถบ Tool Bar
•หน้าต่าง Form Windows
–View →Object

Visual Basic
•หน้าต่าง Project Explorer
–View  Project
Explorer <Ctrl+R>
•หน้าต่าง Properties
–View  Properties
Window <F4>

Visual Basic
•หน้าต่าง Form Layout
–View  Form
Layout Window
•แถบเครื่องมือ Toolbox
–View  Toolbox

เริ่มต้นการสร้าง
Application

การสร้าง
Application ใหม่
•File  New Project
•เลือก Standard EXE
•คลิกปุ่ม OK

การบันทึก
Application
การบันทึกจะบันทึกแยก
ระหว่าง Form กับ Project
•File  Save Form หรือ
Project
•ตั้งชื่อฟอร์ม หรือ ชื่อ
project
•คลิกปุ่ม Save

การเพิ่ม Form ใหม่
•Project  Add Form
หรือ
•คลิก Toolbar ในการ
เพิ่ม Form

การเพิ่ม Form ที่มี
อยู่แล้ว
•Project  Add File
•เลือกฟอร์มที่
ต้องการ
•คลิกปุ่ม Open

ยกเลิก Form ออก
•เลือกฟอร์ม
•Project  Remove
ชื่อForm

การ Run
Application
•Run  Start
หรือ
•กดคีย์ F5 หรือใช้
Toolbar

การ Stop
Application
•Run  End
หรือ
•ใช้ Toolbar

การกำาหนดฟอร์มที่
รัน
•เมนู Project 
Project Properties…
• แท็บ
General
•กำาหนดที่ Startup

พื้นฐานที่ในการสร้าง
โปรแกรมใน VB6
การสร้างคอนโทรลบน
ฟอร์ม
การย้ายคอนโทรล
การเปลี่ยนขนาด
คอนโทรล
การลบคอนโทรลออก
จากฟอร์ม

 การกำาหนดคุณสมบัติของคอนโทรล
 กำาหนดที่หน้าต่าง
Properties Windows
 Object List Box: แสดงรายชื่อของ
คอนโทรลทั้งหมดในฟอร์ม
 Properties List: แสดงชื่อ
คุณสมบัติและค่าที่กำาหนดสำาหรับ
คอนโทรลที่เราเลือก
 Description Pane: แสดงคำาอธิ
บายสั้นๆเกี่ยวกับคุณสมบัติที่เราเลือก

 การเขียน Code คำาสั่งเพื่อตอบสนอง
ต่อ Event
 เปิดหน้าต่าง Code Editor
 ด้านซ้ายสำาหรับเลือกชื่อ
Object
 ด่านขวาสำาหรับกำาหนด Event
 ใส่คำาสั่งลงไประหว่างข้อความ
Private Sub<ชื่อ
คอนโทรล>_<ชื่ออีเว็นต์>เป็นตัวบอกว่าคำาสั่งที่ตอบสนองนั้นเริ่ม

การกำาหนด Properties โดย
การเขียนโค้ด
Object_Name.Properties_Name
= ค่าของ properties
เช่น
Form1.Caption = "Siam Computer"
Form1.FontSize = 20

Properties พื้นฐาน
ของ Control
•Name
•Caption
•ForeColor
•BackColor
•Height,
Width
•Left ,Top
•TabIndex
•Enabled
•Visible
•FontBold,F
ontItalic
•FontName,
FontSize
•FontUnderl

การทำางานกับ
Form

Properties ของ
Form•Name
•BackColor
•ForeColor
•Caption
•Enabled
•Font
•Icon
•MinButton
•MaxButto
n
•Height
•Width
•AutoRedr

Properties ของ
Form•MousePointer
•MouseIcon
( MousePointer=Custo
m )
•Picture
•Visible
•CurrentX

Method ของ Form
Print "ข้อความ" & ตัวแปร
Form_Name.Hide
Form_Name.Show
Form_Name.Cls

การใช้ Method โดยการ
เขียนโค้ด
Object_Name.Method_Name
[พารามิเตอร์ของ Method]
เช่น
Form1.Print "Siam Computer"
Me.Show

Event ของ Form
•Activate เมื่อฟอร์ม
Activate
•Click เมื่อคลิกที่ฟอร์ม
•DblClick เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่
ฟอร์ม
•Load เมื่อเปิดฟอร์มขึ้น

ตัวอย่างงาน
Sub Form_Activate( )
Form1.FontSize=20
Print “Test Visual
Basic”
Print “Siam
Computer”
End Sub

Sub
Form_Activate( )
Form1.Font.Size=2
0
Print “Test Visual
Basic” ;
Print “Siam
Computer”
CurrentX = 1500
เพิ่ม
เซมิโคลอน
( ; )

ตัวอย่างที่ 2
คอนโทรล คุณสมบัติ ค่าที่กำาหนด
Form Name Form1
AutoRedraw True
CommandButton Name
Command1
Caption Clear

ตัวอย่างที่ 2
Sub
Form_Activate()
Form1.Print “
Form_Activate ”
End Sub
Sub Form_Click()
Form1.Print “
Form_Click ”
End Sub
Sub
Sub
Form_DblClick()
Form1.Print
“Double_Click ”
End Sub
Sub
Form_Resize()
Form1.Print “
Form_Resize”
End Sub

Object พื้นฐาน
ตัวแปรและ
Operator

Label
(properties)
•Name
•Alignme
nt
•AutoSize
•BorderSt
•BackStyl
e
•Caption
•Left
•Top

Text Box
(properties)
•Name
•Text
•MaxLen
ght
•Passwor
dChar
•ScrollBar
s
•TabIndex
เริ่มที่ 0
•TabStop
•ToolTipT

Method
Object_Name.SetFocu
s
กำาหนดให้ cursor ไป focus
ที่ Object
เช่น
Text1.Setfocus
Command1.

Properties..
•SelStart กำาหนด
ตำาแหน่งเริ่มเลือก
•SelLength กำาหนด
ความยาวที่
ต้องการเลือกข้อความ

Event
•Change เมื่อมีการ
เปลี่ยนแปลงที่ Text
•GotFocus เมื่อ Text
ได้รับ Focus
•LostFocus เมื่อ Text
สูญเสีย Focus

Command Button
(properties)
•Name
•Caption
•Default
•Picture
•Style

หาผลคูณระหว่าง 2 Text Box

Sub Command1_Click()
a = Text1.Text
b = Text2.Text
Label3.Caption = a & " * "
& b & " = " & a * b
End Sub
Source
Code

Operator ในการเชื่อม
ต่อข้อมูล
& และ + ใช้ในการ
เชื่อมข้อมูล
' ใช้ในการเปลี่ยนประโยคคำาสั่งเป็น Comment

การเปลี่ยน Font
ใน View Code
•เพื่อให้หน้าต่าง Code
แสดงภาษาไทยได้
•เมนู Tools Option…
Editor Format
• ในช่อง Font ต้อง
เลือก Font ที่ลงท้าย

ทำาไมต้องประกาศ
ตัวแปร
•เพื่อการทำางานที่ถูก
ต้องของโปรแกรม
•เมนู Tools
Option… Editor
 Require

การประกาศตัวแปรและ
ค่าคงที่
Dim
variable_name As
Data_TypeConst const_name
= Valueเช่น
Dim data1 As
Integer

กฎการตั้งชื่อ
ตัวแปร•ชื่อตัวแปรต้องขึ้นด้วยตัว
อักษร
•ชื่อตัวแปรห้ามยาวเกิน
255 ตัวอักษร
•ใช้ตัวอักษร,ตัวเลขและ _
ผสมกันเป็นชื่อได้
•ห้ามซำ้ากับคำาสงวน เช่น
Dim

ชนิดของข้อมูล
•Byte 0 ถึง 255 (1
Byte)
•Integer  -32,768
ถึง 32,767 (2 Byte)
•Long 
-2,147,483,648 ถึง
2,147,483,647 (4 Byte)

•Single จำานวนจริงมีทศนิยม
(4 Byte)
ค่าลบ -3.402823x1038
ถึง
-1.401298x10-45
และ
ค่าบวก 1.401298x10-45
ถึง
3.402823x1038
•Double  จำานวนจริงมี
ทศนิยม (8 Byte)
ค่าลบ
– 1.79769313486232x10308
ถึง
ชนิดของข้อมูล (ต่อ)

•Date  ข้อมูลวันที่
และเวลา (8 Byte)
•String  ตัวอักษร
หรือข้อความ
•Boolean  ค่าทาง
ตรรกะ (2 Byte)
ชนิดของข้อมูล (ต่อ)

Operator ทาง
คณิตศาสตร์นิพจน์ ความ
หมาย
+ บวก
- ลบ
* คูณ
/ หาร
หาร
จำานวนเต็ม
Mod หาร
เอาแต่เศษ

างานกับ Operator ทางคณิตศาสตร์

Private Sub Command1_Click()
Dim a As Integer
Dim b As Integer
a = Text1.Text
b = Text2.Text
Label3.Caption = a & " / " & b
& " = " & a / b
Label4.Caption = a & " " & b
& " = " & a b
Label5.Caption = a & " mod " &
b & " = " & a Mod b

ขอบเขตของตัวแปร
(Scope of variable)
•ตัวแปรแบบโลคอล
(Local)
•ตัวแปรแบบโกลบอล
(Global)
•Private ใช้ได้ทุก
โปรแกรมย่อยใน
Form ที่ประกาศ
•Public ใช้ได้ทุก

Operator ทางการ
เปรียบเทียบนิพจน์ ความหมาย
= เท่ากับ
> มากกว่า
> = มากกว่าหรือ
เท่ากับ
< น้อยกว่า
< = น้อยกว่า
หรือเท่ากับ
< > ไม่เท่ากับ

ตัวอย่างงานางานกับ Operator ทางการเปรียบเทียบ

te Sub Command1_Click()
a As String
b As String
ext1.Text
ext2.Text
3.Caption = a & " > " & b & " = " & (a > b
4.Caption = a & " < " & b & " = " & (a < b
5.Caption = a & " = " & b & " = " & (a = b
6.Caption = a & " <> " & b & " = " & (a <>
ub

Operator ทางตรรกะ

ลำาดับการคำานวณลำาดับการคำานวณ
Arithmetic Comparison Logical
Exponentiation (^) Equality (=) Not
Negation (-) Inequality (<>) And
Multiplication and division
(*, /)
Less than (<) Or
Integer division () Greater than (>) Xor
Modulus arithmetic
(Mod)
Less than or equal to
(<=)
Eqv
Addition and subtraction
(+, -)
Greater than or equal to
(>=)
Imp
String concatenation (&) Is &

ฟังก์ชันทาง
คณิตศาสตร์
Round(number)
ใช้ในการปัดจุดทศนิยมให้
เป็นเลขจำานวนเต็ม
Int(number)
ใช้ในการปัดจุดทศนิยมลงลงให้
เป็นเลขจำานวนเต็ม

Rnd[(Number)]
Rnd ใช้ในการสุ่มค่าของ
ข้อมูล
เช่น สุ่มค่าจำานวนเต็ม 0-9
Label1.Caption = Int(Rnd
* 9)
(Randomize ทำาให้การสุ่ม

Sqr(number)
ใช้หาค่ารากที่สองของข้อมูล
Abs(number)
ใช้กำาหนดให้ค่าของข้อมูล
เป็นค่าบวก

การทำางานกับฟังก์ชัน
ข้อความ
InStr([Start],String1,Strin
g2,[Compare])
ใช้ค้นหาตัวอักษรใน String
Replace(String1,Fin
d, Replace)
ใช้ค้นหาตัวอักษรใน String
แล้วแทนที่ด้วย

UCase(String)
ใช้เปลี่ยน String เป็นพิมพ์
ใหญ่ทั้งหมด
LCase(String)
ใช้เปลี่ยน String เป็นพิมพ์
เล็กทั้งหมด

Private Sub
Text1_Change()
Text2.Text =
UCase(Text1.Text)
Text3.Text =
LCase(Text1.Text)
End Sub
Private Sub
Command1_Click()
Text1.Text = ""
Text1.SetFocus
End Sub

Str(Numeric)
ใช้แปลง Numeric เป็น
StringVal(String)
ใช้แปลง String เป็น Numeric

IsNumeric(String)
ตรวจสอบว่าเป็น Numeric
หรือไม่
IsDate(String)
ตรวจสอบว่าเป็น Date หรือไม่

LTrim(String)
ใช้ตัดช่องว่างทางด้านซ้าย
ของ String ออก
RTrim(String)
ใช้ตัดช่องว่างทางด้านขวา
ของ String ออก

Trim(String)
ใช้ตัดช่องว่างทั้งด้านซ้าย
และขวาของ String
Format(value , "รูป
แบบ")
ใช้กำาหนดรูปแบบของ
ข้อมูล

รูปแบบของวันที่
(Date)
•"dd/mm/yy" 
"Short Date"
•"dd/mmm/yyyy" 
"Medium Date"
•"dd/mmmm/yyyy" 

ทางวันและเวลา
Now
จะให้ค่าวันที่และเวลา ณ
ปัจจุบัน
Time
จะให้ค่าเวลา ณ ปัจจุบัน

รูปแบบของเวลา
(Time)
•"HH:MM"  "Short
Time"
•"HH:MM AMPM" 
"Medium Time"
•"HH:MM:SS"  "Long

ตรวจสอบเวลาการทำางาน

Dim a As Date
Dim b As Date
a = Time
Text1.Text = Format(a,
"HH:MM:SS")
Text2.Text =""
Label1.Caption =""
End Sub

b = Time
Text2.Text = Format(b,
"HH:MM:SS")
End Sub
Label1.Caption =
Format(b - a, "HH:MM:SS")
End Sub

If…Then…Else
Statement
If เงื่อนไข Then
Statement…
Else
Statement…
End If

Flow-Chart
condition
Statement ;Statement ;
TrueFalse

If…Then…
Statement
If เงื่อนไข Then
Statement…

If…Then…Else
Statement
If เงื่อนไข
Then
Statement
…
Else
If เงื่อนไข
Then
Statement…
Elseif เงื่อนไข
Then
Statement…
Elseif เงื่อนไข
Then
Statement…
Else

ตัวอย่างการใช้
ElseIfDim Number, Digits, MyString
Number = Text1.Text
If Number < 10 Then
Digits = 1
ElseIf Number < 100 Then
Digits = 2
Else
Digits = 3
End If

Unload Statement
Unload ObjectName
เช่น Private
Command1_Click()
Unload Form1
'หรือ Unload Me End

End Command
End
หยุดการรันโปรแกรม
เช่น Private
Command1_Click()
End ' จบการ
ทำางาน

ตรวจสอบรหัสผ่านte Sub Command1_Click()
Text1.Text = "basic" Then
Form1.Show
Unload Me
se
Text1.Text = ""
Text1.SetFocus
nd If
Sub
Lcase(Tex
t1.text)

โปรแกรมตรวจสอบรหัสผ่าน

Text1.Text = "basic" Then
Form1.Show
Unload Me
se
Text1.Text = ""
Text1.SetFocus
nd If
Sub
Private Sub Command2_C
End
End Sub
Lcase(Tex
t1.text)

Select Case
StatementSelect Case
ตัวแปร
Case เงื่อนไข1
หรือ ค่าคงที่1
statement:
Case เงื่อนไข2
หรือ ค่าคงที่2
statement:
Case Else

Flow-Chart
condition
value1 …value2 value n else
S ; Statement ; S ;Statement ;

การตรวจสอบเกรด

Private Sub
Command1_Clic
k()
Dim score As
Integer
Dim grade As

Select Case score
Case Is >= 80: grade = "A"
Case Is >= 70: grade = "B"
Case Is >= 60: grade = "C"
Case Is >= 50: grade = "D"
Case Else: grade = "F"
End Select
Label3.Caption = Text1.Text & "
your grade is " & grade
End Sub

Check Box
(properties)
•Name
•Alignmen
t
•Caption
•Value
 0
(Unchec
ked)
 1
(Checke

สดงวันที่และเวลา โดยใช้ Check Bo

Sub Check1_Click()
eck1.Value = 1 Then
bel1.Caption = Format(Now, "HH:M
bel1.Caption = ""
f
b

Private Sub Check2_Click()
If Check2.Value = 1 Then
Label2.Caption =
Format(Now,"dd/mmmm/yyy
y")
Else
Label2.Caption = ""
End If

Option Button
(properties)
•Name
•Alignm
ent
•Caption
•Value
• True
(Select)
•False (Not
Select)

อกเพศโดยใช้ Option Button

Private Sub
Option1_Click()
Label1.Caption
= "Male"
End Sub
Private Sub
Option2_Click()
Label1.Caption =
"Female"

การคำานวณพื้นที่

Private Sub
Option1_Click()
Text1.Text = ""
Text2.Text = ""
Label4.Caption = ""
Text1.SetFocus
Label1.Caption = "กว้าง"
Label2.Caption = "ยาว"
Label3.Caption = "พื้นที่

rivate Sub Option2_Click()
ext1.Text = ""
ext2.Text = ""
abel4.Caption = ""
ext1.SetFocus
abel1.Caption = "ฐาน"
abel2.Caption = "สูง"
abel3.Caption = "พื้นที่สามเหลี่ยม"
nd Sub

Private Sub Command1_Click()
Text1.SetFocus
If Option1.Value = True Then
Label4.Caption =
Val(Text1.Text) * Val(Text2.Text)
Else
Label4.Caption = 0.5 *
Val(Text1.Text) * Val(Text2.Text)
End If
End Sub

Frame (properties)
•Name
•Caption

ค้นหาตำาแหน่งจาก
เพศและการศึกษา

การศึกษา ชาย
หญิง
ปริญญาตรี อาจารย์
เลขา
ปวส. ช่าง
ประชาสัมพันธ์
ปวช. คนขับรถ แม่
เงื่อนไข

Private Sub
Command1_Click()
If Option1.Value = True
Then
If Option3.Value =
True Then
Label1.Caption =
"อาจารย์"
ElseIf Option4.Value
= True Then

Label1.Caption = "เลขา"
ElseIf Option4.Value = True Then
Label1.Caption = "ประชาสัมพันธ์"
Label1.Caption = "แม่บ้าน"
End If
If
Sub

Function MsgBox
MsgBox Prompt
[,Buttons] [,Title]
•Prompt “ข้อความที่
ต้องการแสดง”
•Buttons ปุ่มทำางาน
และสัญลักษณ์

ตัวอย่าง
Message BoxIc
on Ti
tle
Butt
ons

vbCritical
vbInformation
vbExclamation
vbQuestion
ตัวอย่างของ
สัญลักษณ์ (Icon)

Function MsgBox
16/ 32/ 48/ 64
= MsgBox(Prompt [,Buttons] [,

Msgbox

HScrollBar และ VScrollBar
(properties)
•N
am
e
Min
Max
LargeChange
SmallChange
Scroll Box
• Value
• SmallChange
• LargeChange
• Min
• Max

Event
•Change เมื่อทำาการเลื่อน
ที่ LargeChange
หรือ SmallChange
•Scroll เมื่อทำาการเลื่อน
ที่ Scroll Box

ตัวอย่างงานรวจสอบ Properties ของ Scrollbar
กำาหนด Properties
Min = 0
Max = 100
LargeChange = 1
SmallChange = 2

Sub HScroll1_Change()
Label1.Caption = "Value
= " & HScroll1.Value
End Sub
Sub HScroll1_Scroll()
Label1.Caption = "Value
= " & HScroll1.Value
End Sub

การเรียกใช้ค่าสี
•Object_Name.Properti
es = Color_Name
เช่น
Label1.ForeColor =
VbRed

ตัวอย่างงานปรับแต่งรูปแบบตัวอักษร

ปรับแต่งรูปแบบตัวอักษร

Dim data As String
Private Sub
Form_Load()
'Width = 4125
Height = 1440
End Sub

Private Sub
Command1_Click()
data = Text1.Text
Label2.Caption =
data
'Width = 4125
Height = 4080
End Sub

Private Sub
Check1_Click()
If Check1.Value = 1
Then
Check2.Value = 0
Label2.Caption =
LCase(data)
Else
Label2.Caption =

rivate Sub Check2_Click()
Check2.Value = 1 Then
Check1.Value = 0
Label2.Caption = UCase(data)
se
Label2.Caption = data
nd If
nd Sub

Private Sub
Check3_Click()
If
Check3.Value = 1
Then
Label2.Font.Italic
= True
Else

Private Sub
Check4_Click()
If
Check4.Value = 1
Then
Label2.Font.Bold
= True
Else

rivate Sub HScroll1_Change()
Label2.Font.Size = HScroll1.Value
nd Sub
rivate Sub Command3_Click()
Width = 4125
Height = 1440
nd Sub

Private Sub Option1_Click()
Label2.ForeColor = vbRed
End Sub
Private Sub Option2_Click()
Label2.ForeColor = vbBlue
End Sub

rivate Sub Command2_Click()
'Width = 4125
Height = 1440
Text1.Text = Label2.Caption
Text1.Font.Bold = Label2.Font.Bold
Text1.Font.Italic = Label2.Font.Italic
Text1.Font.Size = Label2.Font.Size
Text1.ForeColor = Label2.ForeColor
nd Sub

สี
QBColor(n)
โดย n มีค่าตั้งแต่ 0 - 15
เช่น
Label1.BackColor
= QBColor(1)

สี
RGB(Red,Green,
Blue)
โดยค่าสีอยู่ในช่วง 0 -
255
เช่น
Label1.BackColor =
RGB(0,0,255)

ตัวอย่างงานการผสมสีโดยใช้ Scroll Bars

Sub Form_Load()
l1.Caption = "Red = " & HScroll1.V
l2.Caption = "Green = " & HScroll
l3.Caption = "Blue = " & HScroll3.
l4.BackColor=RGB(0,0,0)
l4.ForeColor=RGB(255,255,255)
b

ub HScroll1_Change()
BackColor = RGB(HScroll1.Value,
HScroll2.Value, HScroll3.Value)
ForeColor = RGB(255 - HScroll1.V
255 - HScroll2.Value, 255 - HScro
Caption = "Red = " & HScroll1.Val
และ
เหตุการณ์
Scroll

aption = "Green = " & HScroll2.Va

aption = “Blue = " & HScroll3.Valu

For…Next
Statement
For ตัวแปร = ค่าเริ่มต้น
To ค่าสุดท้าย
[ Step เพิ่ม/ลดค่าตัว
แปร ]
statement…
statement…
Next ค่าตัวแปร

ตัวอย่าง For…Next
Statement
For I = 0 To 100
Step 2
statement…
statement…
Next I

Flow-Chart
for loop
Statement ;
.
.
end

Private Sub
Form_Click()
Dim i As Integer
For i = 1 To 20
Print i ;
Next i
End Sub
แสดงตัวเลข 1 ถึง 20

Do…Loop
Statement
Do while
(เงื่อนไข)
Statemen
t
:
Do Until
Statement
:
Loop

Do…Loop
Statement (ต่อ)
Do
Statemen
t
:
Loop while
Do
Statement
:
Loop Until

Flow-Chart (Do
While)
condition TrueFalse
Statement ; Statement ;
.
.
.
.
end

Flow-Chart
(Do…Until)
Statement ;
.
.
condition FalseTrue

แสดงตัวเลข 1 ถึง 20
Private Sub
Form_Click()
Dim i As
Integer
i = 1
Do While (i <=
20)
Print i
i = i + 1
Private Sub
Form_Click()
Dim i As
Integer
i = 1
Do
Print i
i = i + 1
Loop Until (i

แสดงตัวเลข 10 ลงไปหา 1
Private Sub
Form_Click()
Dim i As
Integer
i = 10
Do While (i >=
1)
Print i
i = i - 1
Private Sub
Form_Click()
Dim i As
Integer
i = 10
Do
Print i
i = i - 1
Loop Until (i

While…Wend
Statement
While (เงื่อนไข)
statements
:
Wend

ตัวอย่างงานแสดงตัวเลข 10 ลงไปหา 1
Private Sub
Form_Click()
Dim i As Integer
i = 10
While i > 0
Print i
i = i - 1
Wend
End Sub

List Box
(properties)
•Name
•Columns
•List
•ListIndex
•Text
•ListCount
•Sorted
•Style
– Standard
– Checkbox

ตัวอย่าง List Box

Method
List1.AddItem
“รายการ”, index
List1.RemoveIte
m indexList1.Clear

With …End With
Statement
With Object_Name
.Properties =
Value
. Method
End With

Goto Statement
Goto label
Statement
…
label :
Sub
Command1_Cl
ick()
GoTo aa
Label1.Captio
n = “VB"
aa:

On Error Goto…
On Error Goto label
Statement…
label :
Statement…

On Error Resume
Next
On Error Resume
Next
Statement…
Statement…

คำำสั่งกำรทำำงำน
ต่อเนื่อง
•Resume :ทำำงำนซำ้ำ
บรรทัดที่เกิด Error
ขึ้น
•Resume Next :
ทำำงำนบรรทัดถัด

Error Object
•เป็น Object ที่จัด
เก็บข้อผิดพลำดที่
เกิดขึ้นในโปรแกรม
ขณะ Run Time
•รูปแบบ

Properties
•Number
•Descript
ion

On…Goto & On…
GoSub
On expression GoSub
destinationlist
On expression GoTo
destinationlist

ตัวอย่ำงงำน
n As Integer
1
n GoTo a, b
t Sub
a:
Print
"1"
Exit
Sub
b:
Print

กำรย้ำยรำยกำรใน List
Sorted = True

ivate Sub Form_Load()
List1.AddItem "Widows"
List1.AddItem "Word"
List1.AddItem "Excel"
List1.AddItem "Access"
List1.AddItem "Power Point"
d Sub
หรื
อ

Private Sub Form_Load()
With List1
.AddItem "Widows"
.AddItem "Word"
.AddItem "Excel"
.AddItem "Access"
.AddItem "Power Point"
End With
End Sub

ate Sub List1_DblClick()
st2.AddItem List1.Text
st1.RemoveItem List1.ListIndex
Sub
ate Sub List2_DblClick()
st1.AddItem List2.Text
st2.RemoveItem List2.ListIndex
Sub

ตัวอย่ำงงำนกำรจัดกำรกับ List

Private Sub
Command1_Click()
If
Trim(Text1.Text)
<> "" Then
List1.AddItem
Text1.Text
End If

ate Sub Command2_Click()
List1.ListIndex >= 0 Then
List1.RemoveItem List1.ListIndex
List1.ListIndex =0
nd If
Sub
st1.Clear ' ลบข้อมูลทั้งหมด
Sub

ตัวอย่ำงงำนกำรย้ำยข้อมูลใน List 2 List
MultiSelect=E
xtended

Private Sub
Form_Load()
List1.AddItem
"Pascal"
List1.AddItem "Basic"
List1.AddItem "C++"
List1.AddItem
"Delphi"
List1.AddItem "Visual

Command1_Click()
As Integer
n As Integer
List1.ListCount
0
While (i < n)
List1.Selected(i) Then
List2.AddItem (List1.List
List1.RemoveItem (i)
n = List1.ListCount
Else
i = i + 1
End If
Loop
End Sub

Private Sub
Command2_Click(
)
Dim i As Integer
For i = 0 To
List1.ListCount - 1
List2.AddItem
List1.List(i)

Combo Box
(properties)
•Name
•Style
–Dropdown Combo
–Simple Combo
–Dropdown List
โดยทั่วไปใช้งำนเหมือน List B

กำรเปลี่ยนสีฟอร์มโดยใช้ Combo

สีเขียวอ่อน
สีม่วง
สี
ทอง

Private Sub
Form_Load()
Combo1.AddItem
"Blue"
Combo1.AddItem
"Green"
Combo1.AddItem
“Magenta"

Private Sub
Combo1_Click()
Select Case
Combo1.ListIndex
Case 0:
Me.BackColor = vbBlue
Case 1:
Me.BackColor =
vbGreen

Function InputBox
ตัวแปร = InputBox(Prompt
[,Title] [,Default])
Prompt : “ข้อควำมที่
ต้องกำรแสดง”
Title : “ข้อควำมที่แสดงที่
หัวของ Box”
Default : ค่ำปกติที่ตั้ง

ตัวอย่ำงของ
InputBoxTi
tle
Pro
mpt

ำถำมจำก Question แล้วแสดงว่ำตอบถูก

Dim n As Integer
Dim Ans As
String
Private Sub
Form_Load()
n = 0

e Sub Command1_Click()
= InputBox("วิชำนี้คือวิชำ ?" & Chr
"VB, Delphi", "Question")
ase(Ans) = "vb" Then
= n + 1
If
mand2.Enabled = True
mand1.Enabled = False
ub

= InputBox("ตัวอย่ำงนี้ใช้ฟังก์ชันใด
r(13) & "MsgBox, InputBox", "Que
Case(Ans) = "inputbox" Then
= n + 1
d If
mmand3.Enabled = True
mmand2.Enabled = False
Sub

putBox("ตัวแปรที่ใช้รับค่ำจำกฟังก์ชัน
x เป็นตัวแปรชนิดใด ?" & Chr(13) & _
r, String", "Question")
se(Ans) = "string" Then
n + 1
mand3.Enabled = False
1.Caption = "ท่ำนตอบคำำถำมถูก " & n

DriveListBox
(properties)
•Name
•Drive
vent ส่วนใหญ่ใช้ Change
เช่น EditPlus

DirListBox
(properties)
•Name
•Path
vent ส่วนใหญ่ใช้ Change

FileListBox
(properties)
•Name
•Path
•Filename
•Pattern เช่น *.exe;*.xls
Event ส่วนใหญ่ใช้ Click

ตัวอย่ำงงำนแสดงชื่อไฟล์ และ Path ของไฟล์

Sub File1_Click()
Text1.Text = File1.Path
Text2.Text =
File1.FileName
End Sub
Drive1_Change()
r1.Path = Drive1.Drive
Sub
Sub Dir1_Change()
File1.Path = Dir1.P
End Sub

Timer (properties)
•Name
•Enabled
•Interval
Event ใช้ Timer

กำรทำำงำนกับฟังก์ชัน
ทำงวันและเวลำ
Now
จะให้ค่ำวันที่และเวลำ ณ
ปัจจุบัน
Time
จะให้ค่ำเวลำ ณ ปัจจุบัน

นำฬิกำดิจิตอล
จำก Timer

Private Sub
Timer1_Timer()
Label1.Caption =
Time
End Sub

ตัวแปร Static
•เป็นตัวแปรที่ไม่ถูก
ทำำลำยหลังจำก
จบโปรแกรมย่อย
(แต่ละ Event)
•รูปแบบ

นับจำำนวน
กำรกดปุ่ม

Private Sub
Command1_Click()
Static n As Integer
n = n + 1
Label1.Caption =
"Count = " & n
End Sub

ตัวอย่ำงงำนตรวจสอบ Password
Dim n As
Integer
Dim x As

n + 1
Case(Text1.Text) = "siam" The
orm1.Show
nload Me
MsgBox("รหัสไม่ถูกต้อง" & Chr(
กำรป้อนอีกครั้งหรือไม่", 5, "Answ

< 3 And (x = 4) Then
Text1.Text = ""
Text1.SetFocus
ElseIf x = 2 Then
End
lse
MsgBox "ป้อนรหัสผิด 3 ครั้ง", 0, "Ans
End
nd If
f
Sub

คุณสมบัติของ Tim
Enabled = False
Interval = 510
ใช้ Timer กำำหนดให้ Label เคลื่อนที่

Command1.Caption = "เริ่ม" Then
Timer1.Enabled = True
Command1.Caption = "หยุด"
lse
Timer1.Enabled = False
Command1.Caption = "เริ่ม"
nd If
Sub

vate Sub Timer1_Timer()
abel1.Left = Label1.Left + 1
d Sub

abel1.Left = Label1.Left + 1
f Label1.Left >= Me.Width T
Label1.Left = 0
nd If
d Sub

Private Sub
Command2_Click()
Timer1.Interval =
Timer1.Interval - 50
End Sub

Private Sub
Command2_Click()
Timer1.Interval =
Timer1.Interval - 50
If Timer1.Interval <=
10 Then
Command2.Enabled =

Private Sub
Command3_Click()
Command2.Enabled
= True
Timer1.Interval =
Timer1.Interval + 50
End Sub

กำำหนดให้ Label วิ่งรอบฟ
m fac As String
fac = "r" Then
Label1.Left = Label1.Left + 75
Label1.Top = Label1.Top - 50
If Label1.Top < 0 Then
fac = "t"
End If
Sub Form_Load
fac = "b"
End Sub

ac = "t" Then
el1.Left = Label1.Left + 75
el1.Top = Label1.Top + 50
abel1.Left >= Me.Width - 100
c = "l"
If

ac = "l" Then
l1.Left = Label1.Left - 50
l1.Top = Label1.Top + 50
bel1.Top >= Me.Height - 10
c = "b"
f

seIf fac = "b" Then
Label1.Left = Label1.Left - 50
Label1.Top = Label1.Top - 50
If Label1.Left < 0 Then
fac = "r"
End If
d If
d Sub

PictureBox
(properties)
•Name
•AutoSize
•BorderStyle
•Picture
ใช้ในด้ำนกรำฟิก

ImageBox
(properties)
•Name
•BorderStyle
•Picture
•Stretch
ใช้แสดงรูปภำพบน Form

Method ของ Picture
และ Image
LoadPicture(“Directory...ชื่
อไฟล์ภำพ”)
เช่น
Image1.Picture =LoadPicture("c:cat.jpg")

เมื่อคลิกฟอร์ม ให้ทำำกำรสลับภำพ

orm_Click()
age2.Picture = Picture1.P
ture1.Picture = Image1.P
age1.Picture = Image2.Pi
ub

ตัวอย่ำงงำนแสดงภำพจำกไฟล์ที่เลือก

b Dir1_Change()
ile1.Path = Dir1.Path
d Sub
b Drive1_Change()
Dir1.Path = Drive1.Drive
d Sub

1_Click()
.Text = File1.Path
.Text = File1.FileName
e1.Picture = LoadPicture(File1.P
"" & File1.FileNa
' ตั้งค่ำที่ Pattern ด้วย
b

แก้ปัญหำรูปที่ Root Drive A: แle1_Click()
t1.Text = File1.Path
t2.Text = File1.FileName
le1.Path = "C:" Or File1.Path = "a:" Then
ge1.Picture = LoadPicture(File1.Path _
& File1.FileName)
age1.Picture = LoadPicture(File1.Path & _
"" & File1.FileName)
d If
ub

Line (properties)
•Name
•BorderCo
lor
•BorderSt
yle
•BorderWi
•X1
•X2
•Y1
•Y2

คำำสั่งในกำรวำดเส้น
ตรง
line(x1,y1) –
(x2,y2),Color
ne (500, 200)-(2000, 1000), QBCol

สร้ำงตำรำงดังรูป

Form_Click()
m i As Integer
or i = 1 To 4
Line (500, 500 * i)-(2000, 500 *
Line (500 * i, 500)-(500 * i, 200
xt i
Sub

Shape (properties)
•Name
•BackStyl
e
•BackCol
or
•BorderC
•BorderW
idth
•FillColor
•FillStyle
•Shape

Random Shape

ommand1_Click()
pe1.Shape = (Rnd * 5)
pe1.FillColor = QBColor(Rnd *
pe1.FillStyle = (Rnd * 7)
pe1.BorderColor = QBColor(Rn
ub

คำำสั่งในกำรวำดวงกลมคำำสั่งในกำรวำดวงกลม
Circle(x,y),radius,
color
เช่น
Circle (1000,
1000), 500

ตัวอย่ำงงำนวงกลม
ซ้อน

mer1_Timer()
As Integer
= 1 To 2000 Step 10
le (Me.Width 2, Me.Height 2
(Rnd * 255, Rnd * 255, Rnd * 2
ub

กำรทำำงำนกับ Event
ของ Mouse
•MouseDown เมื่อกดปุ่ม
ของเมำส์
•MouseUp เมื่อปล่อย
ปุ่มของเมำส์
•MouseMove เมื่อ
เลื่อนเมำส์

กำรใช้ปุ่มบน Mouse
พร้อมกับ Shift
ตัวแปร Button
ตัวแปร Shift
1 ปุ่มซ้ำย 1 กด
ปุ่ม Shift ร่วม
2 ปุ่มขวำ 2 กด
ปุ่ม Ctrl ร่วม
4 ปุ่มกลำง 4 กด

พำรำมิเตอร์ของเหตุกำรณ์พำรำมิเตอร์ของเหตุกำรณ์
ที่เกี่ยวกับเมำส์ที่เกี่ยวกับเมำส์
Private Sub ชื่อออป
เจ็คต์_MouseDown( Button As
Integer, _
Shift As Integer, X As
Single, Y As Integer)
เจ็คต์_MouseMove( Button As
Integer, _
เจ็คต์_MouseUp( Button As
Integer, _
Single, Y As Integer)

กำำหนดให้ Label เคลื่อนที่ตำม Mouse

Sub Form_MouseMove(Button As In
s Integer, X As Single, Y As Single)
tion = " Value X = " & X & " Value Y
Move X, Y
b

วาดเส้นโดยใช้ Mouse

Dim d As Boolean
Dim CurrentX as
Single,CurrentY as Single
Sub
Form_MouseDown(Button
As Integer, _
Single, Y As Single)
d = True

orm_MouseUp(Button As Integ
As Integer, X As Single, Y As Si
False
ub

Sub
Form_MouseMove(Button
As Integer, _
If d = True Then
Line -(X, Y)

orm_MouseMove(Button As Integer,
As Integer, X As Single, Y As Single)
= True Then
Button = 1 Then
Line -(X, Y)
se
Circle (X, Y), 100, QBColor(Rnd * 15)
nd If
If
ub
กดเมาส์ซ้ายค้างวาดเส้น กดเมาส์
ขวาค้างวาดวงกลม

Sub
Form_MouseMove(Button
As Integer, _
If d = True Then
If Button = 1 And Shift
= 1 Then
Circle (X, Y), 100,
QBColor(Rnd * 15)
กดเมาส์ซ้ายค้างวาดเส้น กดเมาส์ซ้าย
ค้างพร้อมปุ่ม Shift วาดวงกลม

การใช้ Common
Dialog
•เมนู Project 
Components…
–Microsoft Common
Dialog Control 6.0

การเรียกใช้ Dialog

Common Dialog
(properties)
•Name
•Action
•DialogTi
tle
•Filter
•FilterInd
ex
•Flags
•InitiDir
•CancelEr
ror

Common Dialog
(properties) (ต่อ)
•FileNam
e
•FontNam
e
•FontSize
•
•FontItalic
•FontStrikethru
•FontUnderline
•Color

Common Dialog
(Method)
•ShowOp
en
•ShowSav
e
•ShowCol
or
•ShowFon
t
•ShowHel
p

Private Sub
cmdShowOpen_Click()
dlg1.Flags =
cdlOFNHideReadOnly
dlg1.Filter = "All Files (*.*)|
*.*|Text Files" & _
"(*.txt)|*.txt"
dlg1.FilterIndex = 2
dlg1.ShowOpen
MsgBox dlg1.FileName
การเรียกใช้ Dialog Open

Private Sub
cmdShowColor_Clic
k()
dlg1.Flags =
cdlCCRGBInit
dlg1.ShowColor
Label1.ForeColor =
การเรียกใช้ Dialog Color

Private Sub
cmdShowFont_Click()
dlg1.Flags = cdlCFBoth
dlg1.ShowFont
Label1.FontName=dlg1.Font
Name
Label1.FontSize=dlg1.FontSi
ze
Label1.FontBold=dlg1.FontB
การเรียกใช้ Dialog Font

Private Sub
cmdExit_Click()
End
End Sub

Private Sub
cmdShowSave_Click()
dlg1.Flags =
cdlOFNHideReadOnly
dlg1.Filter = "All Files (*.*)|
*.*|Text Files" & _
"(*.txt)|*.txt"
dlg1.FilterIndex = 2
dlg1.ShowSave
การเรียกใช้ Dialog Save

Private Sub
cmdShowPrinter_Cli
ck()
dlg1.ShowPrinter
End Sub
การเรียกใช้ Dialog Print

Private Sub
cmdShowHelp_Click
()
dlg1.HelpFile = _
"c:windowshelpw
inhlp32.hlp"
dlg1.HelpCommand
การเรียกใช้ Dialog Help

MDI Form
•สร้าง MDI Form
•Project  Add MDI
Form
•เลือก MDI Form
•Open
Multiple
Document
Interface

การใช้งาน MDI Form
MDI Form
MDI Child For

การกำาหนดฟอร์มลูกของ
MDI Form
•ให้กำาหนด Properties 
MDIChild
ของฟอร์มลูกเป็น True

การสร้างเมนู (Menu)
•Tools Menu Editor...
Caption : ข้อความที่
จะแสดงเป็นเมนู
Name : กำาหนดชื่อ
เมนู
คลิกปุ่ม  : เพื่อกำาหนด

ตัวอย่างงานสร้างเมนูดังรูป

Caption Name
&File mnufile
Openform1 mnufor
Openform2 mnufor
- mnuline
Exit mnuexit
เมนูไฟล

เมนู Fon
Caption Name
&Font mnufont
10 mnu10
12 mnu12
15 mnu15
20 mnu20
Color mnucolor
Red mnured
Green mnugreen
Blue mnublue

การเขียนคำาสั่งใน M
b mnuform1_Click()
orm1.Show
d Sub
b mnuform2_Click()
orm2.Show
d Sub
Sub mnuexit_Cli
End
End Sub

สร้าง MDI Form และ
เมนู ดังรูป

กำาหนดให้ คุณสมบัติของ
Form1 และ Form2

b mnuform1_Click()
orm1.Show
d Sub
b mnuform2_Click()
orm2.Show
d Sub
Sub mnuform3_Clic
Form3.Show
End Sub
Sub mnuexit_Click(
End
End Sub
วามแตกต่างระหว่างฟอร์ม 2 และ 3

Popup Menu
•Tools Menu
Editor...
•กำาหนดรายการเมนูเหมือน
การสร้างเมนู โดยรายการ
หลักให้ ยกเลิก Visible ออก

สร้าง Popmenu
Caption Name
popup mnupopup
Cut mnucut
Copy mnucopy
Paste mnupasteVisible=False

การเรียกใช้งาน
Popup Menu
Popupmenu
PopupMenu_Name
ช่น
PopupMenu mnupopup

หนดให้ popup menu แสดงเมื่อคลิก
ub Form_MouseDown(Button As
Shift As Integer, X As Single, Y As
ton = 2 Then
opupMenu mnupopup
If

โปรแกรมย่อย
(Procedure)
•Sub (Sub Program)
•Function

Sub Program
Sub ชื่อโปรแกรมย่อย
(parameter)
Statement
:
End Sub

ขอบเขตของ Sub
Program
•Private Sub ชื่อโปรแกรม
ย่อย (parameter)
เป็นโปรแกรมที่ใช้ได้ใน
Form นั้นๆ
•Public Sub ชื่อโปรแกรม
ย่อย (parameter)
เป็นโปรแกรมที่ใช้ได้ใน
ทุกๆ Form

การเรียกใช้ Sub
Program
Call ชื่อโปรแกรม
ย่อย(ค่าที่ส่ง)
ชื่อโปรแกรมย่อย(ค่าที่ส่ง)
หรื
อ

ตัวอย่างงานSub Program แบบไม่มี Parameter

r()
HScroll2.Value, HScroll3.Val
255 - HScroll2.Value, 255 - HScrol

Private Sub
HScroll1_Change()
Call Color
Label1.Caption = "Red = "
& HScroll1.Value
End Sub
Sub HScroll2_Change()
olor
l2.Caption = "Green = " & HScroll
b

Private Sub
HScroll3_Change()
Call Color
Label3.Caption = "Red = "
& HScroll3.Value
End Sub

ตัวอย่างงานSub Program แบบมี Parameter

able(r As Integer, c As Integer)
As Integer
i = 1 To r + 1
ine (500, 500 * i)-(500 * (c + 1), 50
xt i
r i = 1 To c + 1
ine (500 * i, 500)-(500 * i, 500 * (r
xt i
ub

ls
table(Val(Text1.Text), Val(Text
1.Text = ""
2.Text = ""
1.SetFocus
b

Function
Function ชื่อ function
(parameter) As
datatype
Statement
:
End Function

การเรียกใช้
Function
ตัวแปร หรือ Object = ชื่อ
Function(ส่งค่า Parameter)

การหาค่า Factorial

ction Fac(n As Integer) As Lon
n = 1 Then
Fac = 1
lse
Fac = n * Fac(n - 1)
nd If
Function

ta As Long
= Fac(Val(Text1.Text))
2.Caption = Text1.Text & " != "
1.Text = ""
1.SetFocus
b

การประกาศตัวแปร
Array
Dim ชื่อ
ตัวแปร(UpperBound
) As TypeDim Cost(5) As Integer
Cost(0) = 20
Cost(5) = val(Text1.Text)

การประกาศตัวแปร
Array
Dim ชื่อตัวแปร(LBound To
UBound) As Type
เช่น
Dim Score(1 To
4) As Integer
Dim Name(97 To

Object แบบ Array
ถ้าต้องการใช้ Object
แบบ Array ให้ทำาการ
คัดลอก Object

หาค่าเฉลี่ยโดยใช้ Array
คัดลอก Text1 อีก 2 ต

Private Sub
Command1_Click()
Dim n(2) As Integer
Dim i As Integer
Dim sum As Integer
sum = 0
For i = 0 To 2
n(i) =
Val(Text1(i).Text)
sum = sum + n(i)
Next i
Label4.Caption =

การทำางานกับ
ฐานข้อมูล

Data Control
(properties)
•Name
•Caption
•Connect
•DatabaseN
ame
•RecordSou

Method ของ Record
Set
•AddNe
w
•Update
•CancelU
pdate
•Delete
•Refresh

Method ของ Record
Set•MoveFir
st
•MoveLa
st
•MoveNe
xt
•MovePr
evious
•FindFirst
•FindLast
•FindNext
•FindPrev
ious

การกำาหนดให้ Object อ้าง
ข้อมูลในฐานข้อมูลได้
•กำาหนดคุณสมบัติ
DataSource
DataField

การเขียนคำาสั่งโปรแกรมกับ
Data Control
•MoveFirst ย้ายไปยัง
เรคคอร์ดแรก
•MoveLast ย้ายไปยัง
เรคคอร์ดสุดท้าย
•MoveNext ย้ายไปยัง
เรคคอร์ดถัดไป
•MovePrevious ย้ายไปยัง
การย้ายไปยังเรคคอร์ด
ต่างๆ ใน ReccordSet

การเขียนคำาสั่งโปรแกรมกับ
Data Control
•FindFirst ค้นหาเรคคอร์ด
แรกที่ตรงกับเงื่อนไข
•FindLast ค้นหาเรคคอร์ด
สุดท้ายที่ตรงกับเงื่อนไข
•FindNext ค้นหาเรคคอร์ดถัด
ไปที่ตรงกับเงื่อนไข
•FindPrevious ค้นหา
การค้นหาข้อมูลใน
ReccordSet

ตัวอย่างงานแสดงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่สร้างขึ้น
1 กำาหนด DatabaseName และ RecordS
กำาหนด DataSource และ DataField

e Sub Command1_Click() ' ป
1.Recordset.AddNew
1.SetFocus
mand2.Visible = True
mand1.Visible = False
ub

e Sub Command2_Click() 'ป
a1.Recordset.Update
mmand1.Visible = True
mmand2.Visible = False
ub
ทำาการรันให้ ปุ่ม OK ซ้อนปุ่ม Add

te Sub Command3_Click() 'ปุ่ม
MsgBox("Delete " & Text2.Tex
s or No ?", 1, "Check Data")
= 1 Then
a1.Recordset.Delete
a1.Recordset.MoveFirst
d If
Sub

Private Sub
Command4_Click() 'ปุ่ม
Find
Dim str As String
str = "id='" &
Text6.Text & "'"
Data1.Recordset.FindFir
st str
If

ให้ใส่ตำาแหน่งที่มีอยู่ใน Database
ivate Sub Form_Load()
Combo1.AddItem "Manage
Combo1.AddItem "Saleman
Combo1.AddItem "receptio
nd Sub

m t As String
vate Sub Command5_Click() 'ปุ่ม Find
f Option1.Value = True Then
t = "name='" & Text8.Text & "'"
t = "sex='f'"
Else
t = "sex='m'"
End If

f Option3.Value = True Then
= "position='" & Combo1.Text
If
ta1.Recordset.FindFirst t
f Data1.Recordset.NoMatch Th
MsgBox "Data Not Found", 16
d If
Sub
ต่อปุ่ม Find

Sub Command6_Click() 'ปุ่ม Fin
1.Recordset.FindNext t
Data1.Recordset.NoMatch Then
gBox "End of Data", 32
f
b

ame และ password เพื่อเข้าไปใช้ Databas
in และ password = siam สามารถใช้ Data
และ password = masi สามารถใช้ Databa

Command1_Click()
ext = "admin" And Text2.Text = "sia
.Visible = True
.Visible = False
t1.Text = "user" And Text2.Text = "m
.Visible = True
.Command1.Visible = False
.Command3.Visible = False
.Visible = False

Else
MsgBox "Password or User
name not Correct", 16
Text1.SetFocus
Text1.SelStart = 0
Text1.SelLength =
Len(Text1.Text)
Text2.Text = ""
End If
End
End Sub

Vb 6.0

Recommandé

Recommandé

Contenu connexe

Similaire à Vb 6.0

Similaire à Vb 6.0 (20)

Vb 6.0