SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  18
รายได้ดุลยภาพ By Ratanan Bunnag
การหารายได้ประชาชาติดุลยภาพในเชิงคณิตศาสตร์   มี  2  วิธี 1.Income-Expenditure Approach รายได้ประชาชาติ = ความต้องการใช้จ่ายมวลรวม 2.Withdrawal-Injection Approach การรั่วไหล = การอัดฉีด 1. ระบบเศรษฐกิจแบบปิดและไม่มีรัฐบาล Y = C + I S = I 2. ระบบเศรษฐกิจแบบปิดและมีภาครัฐบาล Y = C + I +G S + T = I + G 3. ระบบเศรษฐกิจแบบเปิด Y = C + I + G + X - M S + T + M = I + G + X
[object Object]
รายได้ประชาชาติดุลภาพ  หมายถึง  ระดับรายได้ประชาชาติอยู่ในภาวะสมดุล  คือ  มีอุปสงค์รวม  (Aggregate Demand)  เท่ากับ อุปทานรวม  (Aggregate Supply)  ซึ่งเป็นสภาวะที่สินค้าและบริการที่ผลิตออกมาสนองความต้องการของผู้บริโภคได้พอดี -  ณ ระดับการจ้างงานเต็มที่  ไม่มีภาวการณ์ว่างงาน  ไม่มีสินค้าล้นตลาดหรือเกิดการขาดแคลน -  ณ ระดับต่ำกว่าการจ้างงานเต็มที่  มีการว่างงาน  ทรัพยากรถูกใช้ไม่เต็มที่  อุปสงค์รวมต่ำกว่าอุปทานรวม
การวิเคราะห์การเกิดดุลยภาพของรายได้ประชาชาติอย่างง่าย 1)  กรณีเป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดและไม่มีภาครัฐบาล Y  =  C + I 2)  กรณีที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดและมีภาครัฐบาล Y  =  C + I + G 3)  กรณีที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบเปิด Y  =  C + I + G + X – M
การหารายได้ประชาชาติดุลยภาพโดยใช้กราฟ กรณีเป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดและไม่มีภาครัฐบาล   โดยสมมติให้  , I=I - B AD=C+I ( การใช้จ่ายรวม ) Y ( รายได้ประชาชาติ )  0 C =C - +cY C - AD 1  =C +I=(C - +I - )+cY Y= AD=C+I 45 0 Y 1 C - +I - AD 1 A ดุลยภาพอยู่ที่จุด  B ที่  AD 1 (=C+I)  ระดับ  Y 1   เป็นระดับรายได้ดุลยภาพ Y 0
กรณีเป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดและมีภาครัฐบาล   โดยสมมติให้  C=C - + c Y d  , I=I -  , G=G -   , Y d =Y-T  AD=C+I+G Y=AS= AD Y ( รายได้ประชาชาติ )=AS 0 C =C - +cY d =C - +c(Y-T)=(C - -cT)+cY C - -cT 45 0 Y 2 (C - -cT)+I - +G - A B AD 2  =C+I+G=(C - -cT+I - +G - )+cY AD 2 ดุลยภาพอยู่ที่จุด  E  ที่  AD 2 =AS(Y 2 )   ระดับ  Y 2 เป็นระดับรายได้ดุลยภาพ Y 1
การหารายได้ดุลยภาพระบบเศรษฐกิจแบบปิดไม่มีรัฐบาลจากตาราง Y C=100+0.6Y I=300 S=-100+0.4Y AD=C+I แนวโน้มของรายได้และการว่าจ้างทำงาน 0 100 300 -100 400 ขยายตัว overspending   < 0 400 340 300 60 640 ขยายตัว 500 400 300 100 700 ขยายตัว 1,000* 700 300 300 1,000* ดุลยภาพ * = 0 2,00 0 1,300 300 700 1,600 หดตัว underspending   > 0
ตัวอย่างการคำนวณหารายได้ประชาชาติดุลยภาพ ตัวอย่างที่  1  จงหารายได้ประชาชาติ  เมื่อกำหนดให้ Y = C + I C=C - + c Y  ( เมื่อ  c = MPC) I = I - Sol.  แทนค่า  C  และ  I  ในสมการรายได้ประชาชาติ  ได้ Y = C - + c Y + I - Y -  c Y = C - + I - (1- c ) Y = C -   + I - Y =  ( C - + I -   )  #
ตัวอย่างที่  2  จงหารายได้ประชาชาติ  เมื่อกำหนดให้ Y = C + I C=100+0.6Y I = 300 Sol.  แทนค่า  C  และ  I  ในสมการรายได้ประชาชาติ  ได้ Y = 100+0.6Y+300 Y = 400+0.6Y Y-0.6Y = 400 (1-0.6)Y = 400 0.4 Y = 400 Y =  = 1,000  # ( 100+300 )  Y  = (2.5)(400) = 1,000 #) ( หรือ  จากสมการรายได้ประชาชาติดุลยภาพในตัวอย่างที่  1  เราก็แทนค่าลงไปซึ่งจะได้ดังนี้ Y =
ตัวทวี  (Multipliers)
ตัวทวี  (Multiplier)  คือ  ตัวเลขที่จะบอกขนาดของการเปลี่ยนแปลงของรายได้ดุลยภาพเมื่อเส้นความต้องการใช้จ่ายโดยอิสระเปลี่ยนแปลงไป  หรืออีกนัยหนึ่ง  ตัวคูณก็คือ  อัตราส่วนของการเปลี่ยนแปลงในรายได้ดุลยภาพต่อการเปลี่ยนแปลงของการใช้จ่ายอิสระเปลี่ยนแปลงที่ทำให้รายได้ดุลยภาพเปลี่ยนแปลง ถ้าหากเราให้  k =  ค่า  multiplier =  ส่วนเปลี่ยนแปลงของการใช้จ่ายมวลรวม =  ส่วนเปลี่ยนแปลงของรายได้ประชาชาติ จะได้ว่า หรือ  หรือ
ค่าตัวคูณของการบริโภค ( C )  k C   =    ค่าตัวคูณของการลงทุน ( I )  k I   =  ค่าตัวคูณของการใช้จ่ายของรัฐบาล ( G )  k G   =  ค่าตัวคูณของการส่งออก ( X )  k X   =  ค่าตัวคูณของการนำเข้า ( M )  k M   =  ตัวคูณแต่ละตัวจะมีผลทำให้รายได้ประชาชาติเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน  ทั้งทิศทางการเปลี่ยนแปลงและขนาดการเปลี่ยนแปลง  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อสมมติของแบบจำลองของตัวแปรที่กำหนดให้ โดยการเปลี่ยนแปลงของตัวรั่วในระบบเศรษฐกิจจะทำให้รายได้ประชาชาติเปลี่ยนแปลงในทิศทางตรงกันข้าม  ส่วนตัวอัดฉีดหรือตัวกระตุ้นจะมีผลทำให้รายได้ประชาชาติเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน
ที่มาของตัวคูณหรือรากฐานของตัวคูณ   มีดังนี้คือ ค่าใช้จ่ายของบุคคลหนึ่งจะเป็นเงินรายรับของอีกบุคคลหนึ่ง  ผู้รับก็มีรายได้มากขึ้น  ซึ่งบางส่วนของรายได้ที่มากขึ้นก็จะถูกออมไว้  ( ตามค่า  MPS)  และบางส่วนก็จะถูกใช้ต่อไป  ( ตามค่า  MPC)  ซึ่งจะกลายเป็นรายรับหรือเงินได้ของบุคคลอื่นในรอบต่อไปเช่นกัน  เมื่อบุคคลในรอบต่อไปมีรายได้เพิ่มขึ้น  บางส่วนของรายได้ก็จะถูกออมไว้  และบางส่วนของรายได้ก็จะถูกใช้จ่ายไปอีก  เป็นเช่นนี้เรื่อยๆไป  ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า  รายได้ประชาชาติก็จะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เงินถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆนั่นเอง  แต่ขนาดของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในรอบต่อๆไปจะลดขนาดลง  ในที่สุดผลรวมของรายได้ที่เกิดขึ้นทุกๆรอบจะถูกสะสมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ  คือ  เป็นหลายเท่าของการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในตอนแรก  ส่วนจะเป็นกี่เท่าขึ้นอยู่กับค่าของตัวคูณ  ยกตัวอย่างเช่น  เมื่อมีการใช้จ่ายเงินเพื่อการลงทุนครั้งแรกเพิ่มขึ้น  =  สมมติค่า  MPC =  c  ( ของทุกคนในระบบเศรษฐกิจมีค่าเท่ากัน )
รอบการใช้จ่าย เงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น (  ) รายได้ที่เพิ่มขึ้น (  ) การบริโภคที่เพิ่มขึ้น (MPC=0.8) การออมที่เพิ่มขึ้น (MPS=0.2) 1 1,000,000 1,000,000 800,000 200,000 2 800,000 640,000 160,000 3 640,000 512,000 128,000 . . . . . . . . . . . . ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 1,000,000 5,000,000 4,000,000 1,000,000
รอบการใช้จ่าย การใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลง (  ) รายได้ส่วนที่เปลี่ยนแปลง (  ) 1 2 3 . . . . . . . . . n n+1
รายได้ทั้งหมดที่เพิ่มขึ้น  :  =  +  c  +  c 2  + ...+  c n-1  +  c n     =  (1 +  c  +  c 2  + ...+  c n-1  +  c n )  (1) เอา  b  คูณสมการที่  (1)  ตลอดจะได้ c   =  (1 +  c  +  c 2  + ...+  c n-1  +  c n ) c c   =  (  c  +  c 2  +  c 3 + ...+  c n  +  c n+1 )  (2) เอาสมการ  (1) – (2)  จะได้ -  c   =  (1 -  c n+1 ) เมื่อ  n  เข้าใกล้  ( อินฟินิตี้ )  ค่า  c n+1   จะเท่ากับศูนย์ (0)  เพราะฉะนั้นจะได้ -  c   =  (1-  c )  =    ( ตัวคูณการลงทุน )
ตัวอย่างที่  4  กำหนดให้ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบปิดและไม่มีภาครัฐบาล และการลงทุนเป็นแบบอิสระ  จงหาตัวคูณของการบริโภคและการลงทุน  เมื่อกำหนดให้   Y = C + I C=C - + c Y I = I -   C=100+0.6Y I = 300 Sol.

Contenu connexe

Tendances

บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคบทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
Ornkapat Bualom
 
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติบทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
Ornkapat Bualom
 
Unit 4 costs production
Unit 4 costs productionUnit 4 costs production
Unit 4 costs production
savinee
 
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาดบทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
Ornkapat Bualom
 
หน่วยที่ 9รายได้ประชาชาติ
หน่วยที่ 9รายได้ประชาชาติหน่วยที่ 9รายได้ประชาชาติ
หน่วยที่ 9รายได้ประชาชาติ
Bangon Suyana
 
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิตบทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
Ornkapat Bualom
 
หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์
หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์
หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์
Orawonya Wbac
 
Powerpoint อุปสงค์ อุปทาน
Powerpoint อุปสงค์  อุปทานPowerpoint อุปสงค์  อุปทาน
Powerpoint อุปสงค์ อุปทาน
warinda_lorsawat
 
Demand and supply
Demand and supplyDemand and supply
Demand and supply
bnongluk
 
งานพักกาด
งานพักกาดงานพักกาด
งานพักกาด
Rujeewan
 

Tendances (20)

Macro Economics c6 นโยบายการคลัง
Macro Economics c6 นโยบายการคลังMacro Economics c6 นโยบายการคลัง
Macro Economics c6 นโยบายการคลัง
 
Chapter4 พฤติกรรมผู้บริโภค
Chapter4 พฤติกรรมผู้บริโภคChapter4 พฤติกรรมผู้บริโภค
Chapter4 พฤติกรรมผู้บริโภค
 
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคบทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
 
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติบทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
 
ศศ
ศศศศ
ศศ
 
Unit 4 costs production
Unit 4 costs productionUnit 4 costs production
Unit 4 costs production
 
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาดบทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
 
หน่วยที่ 9รายได้ประชาชาติ
หน่วยที่ 9รายได้ประชาชาติหน่วยที่ 9รายได้ประชาชาติ
หน่วยที่ 9รายได้ประชาชาติ
 
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิตบทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
บทที่ 6 ทฤษฎีการผลิต
 
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิตบทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
บทที่ 7 ต้นทุนการผลิต และรายรับจากการผลิต
 
หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์
หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์
หลักเศรษฐศาสตร์ เรื่องอรรถประโยชน์
 
Powerpoint อุปสงค์ อุปทาน
Powerpoint อุปสงค์  อุปทานPowerpoint อุปสงค์  อุปทาน
Powerpoint อุปสงค์ อุปทาน
 
03 cvp
03 cvp03 cvp
03 cvp
 
09 pricing decision
09 pricing decision09 pricing decision
09 pricing decision
 
Demand and supply
Demand and supplyDemand and supply
Demand and supply
 
พฤติกรรมผู้บริโภค
 พฤติกรรมผู้บริโภค พฤติกรรมผู้บริโภค
พฤติกรรมผู้บริโภค
 
Chp1
Chp1Chp1
Chp1
 
Macro Economics c7 การค้าและการเงินระหว่างประเทศ
Macro Economics c7 การค้าและการเงินระหว่างประเทศMacro Economics c7 การค้าและการเงินระหว่างประเทศ
Macro Economics c7 การค้าและการเงินระหว่างประเทศ
 
งานพักกาด
งานพักกาดงานพักกาด
งานพักกาด
 
04 ma
04 ma04 ma
04 ma
 

En vedette (8)

Multiplier Analysis
Multiplier AnalysisMultiplier Analysis
Multiplier Analysis
 
Ch3 and 4
Ch3 and 4Ch3 and 4
Ch3 and 4
 
Ch5
Ch5Ch5
Ch5
 
การออมและการลงทุน ม.2
การออมและการลงทุน ม.2การออมและการลงทุน ม.2
การออมและการลงทุน ม.2
 
การลงทุนในรูปแบบต่างๆ
การลงทุนในรูปแบบต่างๆการลงทุนในรูปแบบต่างๆ
การลงทุนในรูปแบบต่างๆ
 
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
แบบฝึกหัดเศรษฐศาสตร์
 
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์อุปทาน
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์อุปทานบทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์อุปทาน
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์อุปทาน
 
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพบทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ
 

Ch3 and 4

  • 2. การหารายได้ประชาชาติดุลยภาพในเชิงคณิตศาสตร์ มี 2 วิธี 1.Income-Expenditure Approach รายได้ประชาชาติ = ความต้องการใช้จ่ายมวลรวม 2.Withdrawal-Injection Approach การรั่วไหล = การอัดฉีด 1. ระบบเศรษฐกิจแบบปิดและไม่มีรัฐบาล Y = C + I S = I 2. ระบบเศรษฐกิจแบบปิดและมีภาครัฐบาล Y = C + I +G S + T = I + G 3. ระบบเศรษฐกิจแบบเปิด Y = C + I + G + X - M S + T + M = I + G + X
  • 3.
  • 4. รายได้ประชาชาติดุลภาพ หมายถึง ระดับรายได้ประชาชาติอยู่ในภาวะสมดุล คือ มีอุปสงค์รวม (Aggregate Demand) เท่ากับ อุปทานรวม (Aggregate Supply) ซึ่งเป็นสภาวะที่สินค้าและบริการที่ผลิตออกมาสนองความต้องการของผู้บริโภคได้พอดี - ณ ระดับการจ้างงานเต็มที่ ไม่มีภาวการณ์ว่างงาน ไม่มีสินค้าล้นตลาดหรือเกิดการขาดแคลน - ณ ระดับต่ำกว่าการจ้างงานเต็มที่ มีการว่างงาน ทรัพยากรถูกใช้ไม่เต็มที่ อุปสงค์รวมต่ำกว่าอุปทานรวม
  • 5. การวิเคราะห์การเกิดดุลยภาพของรายได้ประชาชาติอย่างง่าย 1) กรณีเป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดและไม่มีภาครัฐบาล Y = C + I 2) กรณีที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดและมีภาครัฐบาล Y = C + I + G 3) กรณีที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบเปิด Y = C + I + G + X – M
  • 6. การหารายได้ประชาชาติดุลยภาพโดยใช้กราฟ กรณีเป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดและไม่มีภาครัฐบาล โดยสมมติให้ , I=I - B AD=C+I ( การใช้จ่ายรวม ) Y ( รายได้ประชาชาติ ) 0 C =C - +cY C - AD 1 =C +I=(C - +I - )+cY Y= AD=C+I 45 0 Y 1 C - +I - AD 1 A ดุลยภาพอยู่ที่จุด B ที่ AD 1 (=C+I) ระดับ Y 1 เป็นระดับรายได้ดุลยภาพ Y 0
  • 7. กรณีเป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดและมีภาครัฐบาล โดยสมมติให้ C=C - + c Y d , I=I - , G=G - , Y d =Y-T AD=C+I+G Y=AS= AD Y ( รายได้ประชาชาติ )=AS 0 C =C - +cY d =C - +c(Y-T)=(C - -cT)+cY C - -cT 45 0 Y 2 (C - -cT)+I - +G - A B AD 2 =C+I+G=(C - -cT+I - +G - )+cY AD 2 ดุลยภาพอยู่ที่จุด E ที่ AD 2 =AS(Y 2 ) ระดับ Y 2 เป็นระดับรายได้ดุลยภาพ Y 1
  • 8. การหารายได้ดุลยภาพระบบเศรษฐกิจแบบปิดไม่มีรัฐบาลจากตาราง Y C=100+0.6Y I=300 S=-100+0.4Y AD=C+I แนวโน้มของรายได้และการว่าจ้างทำงาน 0 100 300 -100 400 ขยายตัว overspending < 0 400 340 300 60 640 ขยายตัว 500 400 300 100 700 ขยายตัว 1,000* 700 300 300 1,000* ดุลยภาพ * = 0 2,00 0 1,300 300 700 1,600 หดตัว underspending > 0
  • 9. ตัวอย่างการคำนวณหารายได้ประชาชาติดุลยภาพ ตัวอย่างที่ 1 จงหารายได้ประชาชาติ เมื่อกำหนดให้ Y = C + I C=C - + c Y ( เมื่อ c = MPC) I = I - Sol. แทนค่า C และ I ในสมการรายได้ประชาชาติ ได้ Y = C - + c Y + I - Y - c Y = C - + I - (1- c ) Y = C - + I - Y = ( C - + I - ) #
  • 10. ตัวอย่างที่ 2 จงหารายได้ประชาชาติ เมื่อกำหนดให้ Y = C + I C=100+0.6Y I = 300 Sol. แทนค่า C และ I ในสมการรายได้ประชาชาติ ได้ Y = 100+0.6Y+300 Y = 400+0.6Y Y-0.6Y = 400 (1-0.6)Y = 400 0.4 Y = 400 Y = = 1,000 # ( 100+300 ) Y = (2.5)(400) = 1,000 #) ( หรือ จากสมการรายได้ประชาชาติดุลยภาพในตัวอย่างที่ 1 เราก็แทนค่าลงไปซึ่งจะได้ดังนี้ Y =
  • 12. ตัวทวี (Multiplier) คือ ตัวเลขที่จะบอกขนาดของการเปลี่ยนแปลงของรายได้ดุลยภาพเมื่อเส้นความต้องการใช้จ่ายโดยอิสระเปลี่ยนแปลงไป หรืออีกนัยหนึ่ง ตัวคูณก็คือ อัตราส่วนของการเปลี่ยนแปลงในรายได้ดุลยภาพต่อการเปลี่ยนแปลงของการใช้จ่ายอิสระเปลี่ยนแปลงที่ทำให้รายได้ดุลยภาพเปลี่ยนแปลง ถ้าหากเราให้ k = ค่า multiplier = ส่วนเปลี่ยนแปลงของการใช้จ่ายมวลรวม = ส่วนเปลี่ยนแปลงของรายได้ประชาชาติ จะได้ว่า หรือ หรือ
  • 13. ค่าตัวคูณของการบริโภค ( C ) k C = ค่าตัวคูณของการลงทุน ( I ) k I = ค่าตัวคูณของการใช้จ่ายของรัฐบาล ( G ) k G = ค่าตัวคูณของการส่งออก ( X ) k X = ค่าตัวคูณของการนำเข้า ( M ) k M = ตัวคูณแต่ละตัวจะมีผลทำให้รายได้ประชาชาติเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน ทั้งทิศทางการเปลี่ยนแปลงและขนาดการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อสมมติของแบบจำลองของตัวแปรที่กำหนดให้ โดยการเปลี่ยนแปลงของตัวรั่วในระบบเศรษฐกิจจะทำให้รายได้ประชาชาติเปลี่ยนแปลงในทิศทางตรงกันข้าม ส่วนตัวอัดฉีดหรือตัวกระตุ้นจะมีผลทำให้รายได้ประชาชาติเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน
  • 14. ที่มาของตัวคูณหรือรากฐานของตัวคูณ มีดังนี้คือ ค่าใช้จ่ายของบุคคลหนึ่งจะเป็นเงินรายรับของอีกบุคคลหนึ่ง ผู้รับก็มีรายได้มากขึ้น ซึ่งบางส่วนของรายได้ที่มากขึ้นก็จะถูกออมไว้ ( ตามค่า MPS) และบางส่วนก็จะถูกใช้ต่อไป ( ตามค่า MPC) ซึ่งจะกลายเป็นรายรับหรือเงินได้ของบุคคลอื่นในรอบต่อไปเช่นกัน เมื่อบุคคลในรอบต่อไปมีรายได้เพิ่มขึ้น บางส่วนของรายได้ก็จะถูกออมไว้ และบางส่วนของรายได้ก็จะถูกใช้จ่ายไปอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยๆไป ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า รายได้ประชาชาติก็จะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เงินถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆนั่นเอง แต่ขนาดของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในรอบต่อๆไปจะลดขนาดลง ในที่สุดผลรวมของรายได้ที่เกิดขึ้นทุกๆรอบจะถูกสะสมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ คือ เป็นหลายเท่าของการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในตอนแรก ส่วนจะเป็นกี่เท่าขึ้นอยู่กับค่าของตัวคูณ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีการใช้จ่ายเงินเพื่อการลงทุนครั้งแรกเพิ่มขึ้น = สมมติค่า MPC = c ( ของทุกคนในระบบเศรษฐกิจมีค่าเท่ากัน )
  • 15. รอบการใช้จ่าย เงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น ( ) รายได้ที่เพิ่มขึ้น ( ) การบริโภคที่เพิ่มขึ้น (MPC=0.8) การออมที่เพิ่มขึ้น (MPS=0.2) 1 1,000,000 1,000,000 800,000 200,000 2 800,000 640,000 160,000 3 640,000 512,000 128,000 . . . . . . . . . . . . ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 1,000,000 5,000,000 4,000,000 1,000,000
  • 16. รอบการใช้จ่าย การใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลง ( ) รายได้ส่วนที่เปลี่ยนแปลง ( ) 1 2 3 . . . . . . . . . n n+1
  • 17. รายได้ทั้งหมดที่เพิ่มขึ้น : = + c + c 2 + ...+ c n-1 + c n = (1 + c + c 2 + ...+ c n-1 + c n ) (1) เอา b คูณสมการที่ (1) ตลอดจะได้ c = (1 + c + c 2 + ...+ c n-1 + c n ) c c = ( c + c 2 + c 3 + ...+ c n + c n+1 ) (2) เอาสมการ (1) – (2) จะได้ - c = (1 - c n+1 ) เมื่อ n เข้าใกล้ ( อินฟินิตี้ ) ค่า c n+1 จะเท่ากับศูนย์ (0) เพราะฉะนั้นจะได้ - c = (1- c ) = ( ตัวคูณการลงทุน )
  • 18. ตัวอย่างที่ 4 กำหนดให้ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบปิดและไม่มีภาครัฐบาล และการลงทุนเป็นแบบอิสระ จงหาตัวคูณของการบริโภคและการลงทุน เมื่อกำหนดให้ Y = C + I C=C - + c Y I = I - C=100+0.6Y I = 300 Sol.