Soumettre la recherche
Mettre en ligne
สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
•
Télécharger en tant que DOCX, PDF
•
1 j'aime
•
1,754 vues
J
juneniezstk
Suivre
Signaler
Partager
Signaler
Partager
1 sur 20
Télécharger maintenant
Recommandé
แผนการสอนงานและพลังงาน
แผนการสอนงานและพลังงาน
Weerachat Martluplao
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
Ta Lattapol
ขนาดอะตอมและขนาดไอออน
ขนาดอะตอมและขนาดไอออน
kkrunuch
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
Pinutchaya Nakchumroon
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมตามกฎเมนเดล by pitsanu duangkartok
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมตามกฎเมนเดล by pitsanu duangkartok
pitsanu duangkartok
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
Wijitta DevilTeacher
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
Maikeed Tawun
เรื่องที่13แสง
เรื่องที่13แสง
Apinya Phuadsing
Recommandé
แผนการสอนงานและพลังงาน
แผนการสอนงานและพลังงาน
Weerachat Martluplao
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
Ta Lattapol
ขนาดอะตอมและขนาดไอออน
ขนาดอะตอมและขนาดไอออน
kkrunuch
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
Pinutchaya Nakchumroon
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมตามกฎเมนเดล by pitsanu duangkartok
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมตามกฎเมนเดล by pitsanu duangkartok
pitsanu duangkartok
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
Wijitta DevilTeacher
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
Maikeed Tawun
เรื่องที่13แสง
เรื่องที่13แสง
Apinya Phuadsing
Physics atom part 4
Physics atom part 4
Wijitta DevilTeacher
สมบัติของคลื่น
สมบัติของคลื่น
benjamars nutprasat
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
Nattapong Boonpong
คลื่น ม.3.pdf
คลื่น ม.3.pdf
ssuser920267
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วิวัฒนาการ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วิวัฒนาการ
Wichai Likitponrak
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
Wuttipong Tubkrathok
เสียง
เสียง
benjamars nutprasat
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่ม
Wichai Likitponrak
172 130909011745-
172 130909011745-
Sutaporn Rattanatungcharorn
การแพร่ของสาร
การแพร่ของสาร
dnavaroj
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
Pinutchaya Nakchumroon
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
Pinutchaya Nakchumroon
โมเมนตัมและการชน
โมเมนตัมและการชน
เรียนฟิสิกส์กับครูเอ็ม Miphukham
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
Thanyamon Chat.
โครงสร้างคลอโรพลาส
โครงสร้างคลอโรพลาส
Oui Nuchanart
คลื่นกล
คลื่นกล
Chakkrawut Mueangkhon
บทที่ 4 ปิโตรเลียม
บทที่ 4 ปิโตรเลียม
Jariya Jaiyot
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
Ta Lattapol
ใบงานเรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ใบงานเรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
Worrachet Boonyong
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
Contenu connexe
Tendances
Physics atom part 4
Physics atom part 4
Wijitta DevilTeacher
สมบัติของคลื่น
สมบัติของคลื่น
benjamars nutprasat
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
Nattapong Boonpong
คลื่น ม.3.pdf
คลื่น ม.3.pdf
ssuser920267
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วิวัฒนาการ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วิวัฒนาการ
Wichai Likitponrak
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
Wuttipong Tubkrathok
เสียง
เสียง
benjamars nutprasat
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่ม
Wichai Likitponrak
172 130909011745-
172 130909011745-
Sutaporn Rattanatungcharorn
การแพร่ของสาร
การแพร่ของสาร
dnavaroj
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
Pinutchaya Nakchumroon
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
Pinutchaya Nakchumroon
โมเมนตัมและการชน
โมเมนตัมและการชน
เรียนฟิสิกส์กับครูเอ็ม Miphukham
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
Thanyamon Chat.
โครงสร้างคลอโรพลาส
โครงสร้างคลอโรพลาส
Oui Nuchanart
คลื่นกล
คลื่นกล
Chakkrawut Mueangkhon
บทที่ 4 ปิโตรเลียม
บทที่ 4 ปิโตรเลียม
Jariya Jaiyot
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
Ta Lattapol
Tendances
(20)
Physics atom part 4
Physics atom part 4
สมบัติของคลื่น
สมบัติของคลื่น
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
คลื่น ม.3.pdf
คลื่น ม.3.pdf
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วิวัฒนาการ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วิวัฒนาการ
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
วิทยาศาสตร์ ม.3 วัฏจักรสาร
เสียง
เสียง
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่ม
172 130909011745-
172 130909011745-
การแพร่ของสาร
การแพร่ของสาร
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
โมเมนตัมและการชน
โมเมนตัมและการชน
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
โครงสร้างคลอโรพลาส
โครงสร้างคลอโรพลาส
คลื่นกล
คลื่นกล
บทที่ 4 ปิโตรเลียม
บทที่ 4 ปิโตรเลียม
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
En vedette
ใบงานเรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ใบงานเรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
Worrachet Boonyong
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
สอบ 7 วิชา
สอบ 7 วิชา
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
Random 140203080513-phpapp01
Random 140203080513-phpapp01
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
ใบงาน แบบสำรวจและประวัติของ
ใบงาน แบบสำรวจและประวัติของ
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
Project
Project
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
Random 140203080307-phpapp02
Random 140203080307-phpapp02
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
Blog
Blog
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
Pdf output
Pdf output
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
Projectm6 2-2556 (1)
Projectm6 2-2556 (1)
ทอฟ ฌิกซ์กี๊ส
ใบงานคอมพิวเตอร์
ใบงานคอมพิวเตอร์
supakeat
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
supakeat
En vedette
(12)
ใบงานเรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ใบงานเรื่อง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
สอบ 7 วิชา
สอบ 7 วิชา
Random 140203080513-phpapp01
Random 140203080513-phpapp01
ใบงาน แบบสำรวจและประวัติของ
ใบงาน แบบสำรวจและประวัติของ
Project
Project
Random 140203080307-phpapp02
Random 140203080307-phpapp02
Blog
Blog
Pdf output
Pdf output
Projectm6 2-2556 (1)
Projectm6 2-2556 (1)
ใบงานคอมพิวเตอร์
ใบงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
Similaire à สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
untika
ไมโครเวฟ(มนัสชยา+ศวิตา)404
ไมโครเวฟ(มนัสชยา+ศวิตา)404
Sawita Jiravorasuk
9789740330721
9789740330721
CUPress
คลื่นไมโครเวฟ (ยุวภรณ์+พิชญานิษฐ์)402
คลื่นไมโครเวฟ (ยุวภรณ์+พิชญานิษฐ์)402
Pitchayanis Kittichaovanun
Em wave
Em wave
Taweesak Poochai
ไมโครเวฟ
ไมโครเวฟ
Pram Pu-ngoen
ไมโครเวฟ(จุธาภัค+กมลรัตน์)405
ไมโครเวฟ(จุธาภัค+กมลรัตน์)405
Jutapak Mahapaskorn
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
Niewkaryu Mungtavesinsuk
คลื่นวิทยุ(สาริศา+สลิล)
คลื่นวิทยุ(สาริศา+สลิล)
Salin Satheinmars
คลื่น ไมโครเวฟ 2003
คลื่น ไมโครเวฟ 2003
Peerapas Trungtreechut
คลื่นไมโครเวฟ(เจตน์+ศุภณัฐ)403
คลื่นไมโครเวฟ(เจตน์+ศุภณัฐ)403
Supanut Maiyos
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
Thaweekoon Intharachai
Atmosphere1
Atmosphere1
สัญญา พรนารายณ์
Rs
Rs
Tida Ketphan
คลื่นวิทยุ(อภิญญา+จินต์จุฑา)401
คลื่นวิทยุ(อภิญญา+จินต์จุฑา)401
Apinya Singsopa
Electro magnetic Waves Group 2 6/1 BM
Electro magnetic Waves Group 2 6/1 BM
Dechatorn Devaphalin
เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ
เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ
Somporn Laothongsarn
เรื่อง คลื่นวิทยุ
เรื่อง คลื่นวิทยุ
Somporn Laothongsarn
03 คลื่นและสมบัติของคลื่นสเปกตรัมของธาตุ
03 คลื่นและสมบัติของคลื่นสเปกตรัมของธาตุ
kruannchem
คลื่นวิทยุ(วิสันต์+ภัทร)402
คลื่นวิทยุ(วิสันต์+ภัทร)402
ANelu Upperyard
Similaire à สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
(20)
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ไมโครเวฟ(มนัสชยา+ศวิตา)404
ไมโครเวฟ(มนัสชยา+ศวิตา)404
9789740330721
9789740330721
คลื่นไมโครเวฟ (ยุวภรณ์+พิชญานิษฐ์)402
คลื่นไมโครเวฟ (ยุวภรณ์+พิชญานิษฐ์)402
Em wave
Em wave
ไมโครเวฟ
ไมโครเวฟ
ไมโครเวฟ(จุธาภัค+กมลรัตน์)405
ไมโครเวฟ(จุธาภัค+กมลรัตน์)405
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
คลื่นวิทยุ(สาริศา+สลิล)
คลื่นวิทยุ(สาริศา+สลิล)
คลื่น ไมโครเวฟ 2003
คลื่น ไมโครเวฟ 2003
คลื่นไมโครเวฟ(เจตน์+ศุภณัฐ)403
คลื่นไมโครเวฟ(เจตน์+ศุภณัฐ)403
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
Atmosphere1
Atmosphere1
Rs
Rs
คลื่นวิทยุ(อภิญญา+จินต์จุฑา)401
คลื่นวิทยุ(อภิญญา+จินต์จุฑา)401
Electro magnetic Waves Group 2 6/1 BM
Electro magnetic Waves Group 2 6/1 BM
เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ
เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ
เรื่อง คลื่นวิทยุ
เรื่อง คลื่นวิทยุ
03 คลื่นและสมบัติของคลื่นสเปกตรัมของธาตุ
03 คลื่นและสมบัติของคลื่นสเปกตรัมของธาตุ
คลื่นวิทยุ(วิสันต์+ภัทร)402
คลื่นวิทยุ(วิสันต์+ภัทร)402
สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
1.
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีความถี่ต่อเนื่องกันเป็นช่วงกว้างเราเรียกช่วงความถี่เหล่านี้ว่า quot; สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าquot; และมีชื่อเรียกช่วงต่าง ๆ ของความถี่ต่างกันตามแหล่งกำเนิดและวิธีการตรวจวัดคลื่น<br
/>สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า<br />คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดต่าง ๆในสเปกตรัมมีสมบัติที่สำคัญเหมือนกันคือ เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเท่ากับแสงและมีพลังงานส่งผ่านไปพร้อมกับคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นมีชื่อเรียกดังนี้ 1. คลื่นวิทยุ<br />คลื่นวิทยุมีความถี่ช่วง 104 - 109 Hz( เฮิรตซ์ ) ใช้ในการสื่อสาร คลื่นวิทยุมีการส่งสัญญาณ 2 ระบบคือ<br />1.1 ระบบเอเอ็ม (A.M. = amplitude modulation)<br />ระบบเอเอ็ม มีช่วงความถี่ 530 - 1600 kHz( กิโลเฮิรตซ์ ) สื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้าไปกับคลื่นวิทยุเรียกว่า quot; คลื่นพาหะquot; โดยแอมพลิจูดของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง<br />ในการส่งคลื่นระบบ A.M. สามารถส่งคลื่นได้ทั้งคลื่นดินเป็นคลื่นที่เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงขนานกับผิวโลกและคลื่นฟ้าโดยคลื่นจะไปสะท้อนที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับลงมา จึงไม่ต้องใช้สายอากาศตั้งสูงรับ<br />1.2 ระบบเอฟเอ็ม (F.M. = frequency modulation)<br />ระบบเอฟเอ็ม มีช่วงความถี่ 88 - 108 MHz (เมกะเฮิรตซ์) สื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้ากับคลื่นพาหะ โดยความถี่ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง<br />ในการส่งคลื่นระบบ F.M. ส่งคลื่นได้เฉพาะคลื่นดินอย่างเดียว ถ้าต้องการส่งให้คลุมพื้นที่ต้องมีสถานีถ่ายทอดและเครื่องรับต้องตั้งเสาอากาศสูง ๆ รับ 2. คลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟ<br />คลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟมีความถี่ช่วง 108 - 1012 Hz มีประโยชน์ในการสื่อสาร แต่จะไม่สะท้อนที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แต่จะทะลุผ่านชั้นบรรยากาศไปนอกโลก ในการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์จะต้องมีสถานีถ่ายทอดเป็นระยะ ๆ เพราะสัญญาณเดินทางเป็นเส้นตรง และผิวโลกมีความโค้ง ดังนั้นสัญญาณจึงไปได้ไกลสุดเพียงประมาณ 80 กิโลเมตรบนผิวโลก อาจใช้ไมโครเวฟนำสัญญาณจากสถานีส่งไปยังดาวเทียม แล้วให้ดาวเทียมนำสัญญาณส่งต่อไปยังสถานีรับที่อยู่ไกล ๆ<br />เนื่องจากไมโครเวฟจะสะท้อนกับผิวโลหะได้ดี จึงนำไปใช้ประโยชน์ในการตรวจหาตำแหน่งของอากาศยาน เรียกอุปกรณ์ดังกล่าวว่า เรดาร์ โดยส่งสัญญาณไมโครเวฟออกไปกระทบอากาศยาน และรับคลื่นที่สะท้อนกลับจากอากาศยาน ทำให้ทราบระยะห่างระหว่างอากาศยานกับแหล่งส่งสัญญาณไมโครเวฟได้ 3. รังสีอินฟาเรด (infrared rays)<br />รังสีอินฟาเรดมีช่วงความถี่ 1011 - 1014 Hz หรือความยาวคลื่นตั้งแต่ 10-3 - 10-6 เมตร ซึ่งมีช่วงความถี่คาบเกี่ยวกับไมโครเวฟ รังสีอินฟาเรดสามารถใช้กับฟิล์มถ่ายรูปบางชนิดได้ และใช้เป็นการควบคุมระยะไกลหรือรีโมทคอนโทรลกับเครื่องรับโทรทัศน์ได้ 4. แสง (light)<br />แสงมีช่วงความถี่ 1014Hz หรือความยาวคลื่น 4x10-7 - 7x10-7 เมตร เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ประสาทตาของมนุษย์รับได้ สเปคตรัมของแสงสามารถแยกได้ดังนี้ <br />สีความยาวคลื่น (nm)ม่วง380-450น้ำเงิน450-500เขียว500-570เหลือง570-590แสด590-610แดง610-760<br />5. รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet rays)<br />รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสีเหนือม่วง มีความถี่ช่วง 1015 - 1018 Hz เป็นรังสีตามธรรมชาติส่วนใหญ่มาจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ ซึ่งทำให้เกิดประจุอิสระและไอออนในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ รังสีอัลตราไวโอเลต สามารถทำให้เชื้อโรคบางชนิดตายได้ แต่มีอันตรายต่อผิวหนังและตาคน 6. รังสีเอกซ์ (X-rays)<br />รังสีเอกซ์ มีความถี่ช่วง 1016 - 1022 Hz มีความยาวคลื่นระหว่าง 10-8 - 10-13 เมตร ซึ่งสามารถทะลุสิ่งกีดขวางหนา ๆ ได้ หลักการสร้างรังสีเอกซ์คือ การเปลี่ยนความเร็วของอิเล็กตรอน มีประโยชน์ทางการแพทย์ในการตรวจดูความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย ในวงการอุตสาหกรรมใช้ในการตรวจหารอยร้าวภายในชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่ ใช้ตรวจหาอาวุธปืนหรือระเบิดในกระเป๋าเดินทาง และศึกษาการจัดเรียงตัวของอะตอมในผลึก 7. รังสีแกมมา (-rays)<br />รังสีแกมมามีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้ามีความถี่สูงกว่ารังสีเอกซ์ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์และสามารถกระตุ้นปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้ มีอำนาจทะลุทะลวงสูง <br />สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดต่าง ๆในสเปกตรัมมีสมบัติที่สำคัญเหมือนกันคือ เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเท่ากับแสงและมีพลังงานส่งผ่านไปพร้อมกับคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นมีชื่อเรียกดังนี้ 1. คลื่นวิทยุ คลื่นวิทยุมีความถี่ช่วง 104 - 109 Hz( เฮิรตซ์ ) ใช้ในการสื่อสาร คลื่นวิทยุมีการส่งสัญญาณ 2 ระบบคือ 1.1 ระบบเอเอ็ม (A.M. = amplitude modulation) ระบบเอเอ็ม มีช่วงความถี่ 530 - 1600 kHz( กิโลเฮิรตซ์ ) สื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้าไปกับคลื่นวิทยุเรียกว่า quot; คลื่นพาหะquot; โดยแอมพลิจูดของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง ในการส่งคลื่นระบบ A.M. สามารถส่งคลื่นได้ทั้งคลื่นดินเป็นคลื่นที่เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงขนานกับผิวโลกและคลื่นฟ้าโดยคลื่นจะไปสะท้อนที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับลงมา จึงไม่ต้องใช้สายอากาศตั้งสูงรับ 1.2 ระบบเอฟเอ็ม (F.M. = frequency modulation) ระบบเอฟเอ็ม มีช่วงความถี่ 88 - 108 MHz (เมกะเฮิรตซ์) สื่อสารโดยใช้คลื่นเสียงผสมเข้ากับคลื่นพาหะ โดยความถี่ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง ในการส่งคลื่นระบบ F.M. ส่งคลื่นได้เฉพาะคลื่นดินอย่างเดียว ถ้าต้องการส่งให้คลุมพื้นที่ต้องมีสถานีถ่ายทอดและเครื่องรับต้องตั้งเสาอากาศสูง ๆ รับ 2. คลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟ คลื่นโทรทัศน์และไมโครเวฟมีความถี่ช่วง 108 - 1012 Hz มีประโยชน์ในการสื่อสาร แต่จะไม่สะท้อนที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แต่จะทะลุผ่านชั้นบรรยากาศไปนอกโลก ในการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์จะต้องมีสถานีถ่ายทอดเป็นระยะ ๆ เพราะสัญญาณเดินทางเป็นเส้นตรง และผิวโลกมีความโค้ง ดังนั้นสัญญาณจึงไปได้ไกลสุดเพียงประมาณ 80 กิโลเมตรบนผิวโลก อาจใช้ไมโครเวฟนำสัญญาณจากสถานีส่งไปยังดาวเทียม แล้วให้ดาวเทียมนำสัญญาณส่งต่อไปยังสถานีรับที่อยู่ไกล ๆ เนื่องจากไมโครเวฟจะสะท้อนกับผิวโลหะได้ดี จึงนำไปใช้ประโยชน์ในการตรวจหาตำแหน่งของอากาศยาน เรียกอุปกรณ์ดังกล่าวว่า เรดาร์ โดยส่งสัญญาณไมโครเวฟออกไปกระทบอากาศยาน และรับคลื่นที่สะท้อนกลับจากอากาศยาน ทำให้ทราบระยะห่างระหว่างอากาศยานกับแหล่งส่งสัญญาณไมโครเวฟได้ 3. รังสีอินฟาเรด (infrared rays) รังสีอินฟาเรดมีช่วงความถี่ 1011 - 1014 Hz หรือความยาวคลื่นตั้งแต่ 10-3 - 10-6 เมตร ซึ่งมีช่วงความถี่คาบเกี่ยวกับไมโครเวฟ รังสีอินฟาเรดสามารถใช้กับฟิล์มถ่ายรูปบางชนิดได้ และใช้เป็นการควบคุมระยะไกลหรือรีโมทคอนโทรลกับเครื่องรับโทรทัศน์ได้ 4. แสง (light) แสงมีช่วงความถี่ 1014Hz หรือความยาวคลื่น 4x10-7 - 7x10-7 เมตร เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ประสาทตาของมนุษย์รับได้ สเปคตรัมของแสงสามารถแยกได้ดังนี้ สีความยาวคลื่น (nm) ม่วง380-450 น้ำเงิน450-500 เขียว500-570 เหลือง570-590 แสด590-610 แดง610-760 5. รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet rays) รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสีเหนือม่วง มีความถี่ช่วง 1015 - 1018 Hz เป็นรังสีตามธรรมชาติส่วนใหญ่มาจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ ซึ่งทำให้เกิดประจุอิสระและไอออนในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ รังสีอัลตราไวโอเลต สามารถทำให้เชื้อโรคบางชนิดตายได้ แต่มีอันตรายต่อผิวหนังและตาคน 6. รังสีเอกซ์ (X-rays) รังสีเอกซ์ มีความถี่ช่วง 1016 - 1022 Hz มีความยาวคลื่นระหว่าง 10-8 - 10-13 เมตร ซึ่งสามารถทะลุสิ่งกีดขวางหนา ๆ ได้ หลักการสร้างรังสีเอกซ์คือ การเปลี่ยนความเร็วของอิเล็กตรอน มีประโยชน์ทางการแพทย์ในการตรวจดูความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย ในวงการอุตสาหกรรมใช้ในการตรวจหารอยร้าวภายในชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่ ใช้ตรวจหาอาวุธปืนหรือระเบิดในกระเป๋าเดินทาง และศึกษาการจัดเรียงตัวของอะตอมในผลึก 7. รังสีแกมมา (-rays) รังสีแกมมามีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้ามีความถี่สูงกว่ารังสีเอกซ์ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์และสามารถกระตุ้นปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้ มีอำนาจทะลุทะลวงสูง <br /> รังสีแกรมมา (Gramma Rays) คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทุกชนิดนำพลังงานมาด้วยขณะที่เดินทางมา (โดยขึ้นกับความยาวคลื่นและความถี่ของพลังงานนั้น) คลื่นมีลักษณะที่แตกต่างกันในรูปแสดงให้เห็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่อเนื่องกัน เป็นช่วงกว้าง เราเรียกช่วงความถี่เหล่านี้ว่า สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงที่สุดคือรัวสีแกรมมา ซึ่งมีแหล่งกำเนินจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ รังสีเอ็กซ์ (X-Rays) รังสีเอ็กซ์มีความถี่รองลงมา ใช้เพื่อส่องผ่านเซลล์และเนื้อเยื่อ ในทางการแพทย์จะใช้ในการส่องผ่านร่างกายเพื่อให้แพทย์เห็นภายในร่างกายของมนุษย์ รังสีอัลตราไวโอเล็ต ก่อกำเนิดได้จากแหล่งกำเนิดภายนอกโลกนั่นคือ พระอาทิตย์ รังสีชนิดนี้เป็นอันตรายต่อผิวหลังของมนุษย์ อาจทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง รังสีอินฟราเรด (Infrared Rays) คลื่นอินฟราเรดโดยทั่วไปใช้ในอุปกรณ์รีโมตคอนโทรล และยังช่วยให้คน “เห็น” ในที่มืดเมื่อนำมาใช้ในอุปกรณ์ที่ใช้มองในเวลากลางคืนแสงที่ตามองเห็น (Visible Light) แสงที่ตามองเห็นอยู่ในช่วงความถี่ที่แคบมาก ๆ สัตว์บางชนิดสามารถมองเห็นในช่วงความถี่สูงหรือต่ำกว่าที่มนุษย์มองเห็น ไมโครเวฟ (Microwave) ความถี่ไมโครเวฟอยู่ระหว่างคลื่นอินฟราเรดใช้ประโยชน์ในด้านโทรคมนาคมและการทำอาหาร ความถี่วิทยุ (Radio Frequency) ความถี่วิทยุอยู่ด้านล่างของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า มีความถี่ต่ำสุด คลื่นวิทยุคือชื่อทั่วไปของคลื่นข้อมูลเพิ่มเติม จำนวนรอบต่อวินาที เรียกว่า เฮิรตซ์ (Hz) ชื่อนี้ถูกตั้งขึ้นหลังจากที่ Hannch Hertz นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันที่ค้นพบคลื่นวิทยุ และเป็นบุคคลแรกที่ทำการกระจายและรับคลื่นวิทยุ<br />สเปกตรัม(Spectrum)ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะประกอบด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่และความยาวคลื่นแตกต่างกัน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟและคลื่นโทรทัศน์ รังสีอินฟราเรด คลื่นแสงรังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ รังสีแกมม่า 1. คลื่นวิทยุ * ผลิตจากอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์โดยวงจรออสซิลเลเดอร์ * มีความถี่ในช่วง 104 - 109 เฮิร์ตซ์ * ใช้ในการสื่อสาร ส่งกระจายเสียงโดยใช้คลื่นฟ้าและคลื่นดิน * สามารถเลี้ยวเบนผ่านสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใกล้เคียงกับความยาวคลื่นได้ * โลหะมีสมบัติในการสะท้อนและดูดกลืนคลื่นแเหล็กไฟฟ้าได้ดี ดังนั้นคลื่นวิทยุจังผ่านไม่ได้ * การกระจายเสียงออกอากาศมีทั้งระบบ F.M. และ A.M.A.M. ( Amplitude Moduration) * เป็นการผสมสัญญานเสียงเข้ากับคลื่นพาหะโดยที่สัญญาณเสียงจะไปบังคับให้แอมปลิจูดของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลง * ความถี่ 530-1600 กิโลเฮิร์ตซ์ * .สะท้อนกับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้ดี F.M. (Frequency Moduration) * เป็นการผสมสัญญานเสียงเข้ากับคลื่นพาหะโดยที่สัญญานเสียงจะไปบังคับให้ความถี่ของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลง * ความถี่ี่ 88-108 เมกะเฮิร์ตซ์ * สะท้อนกับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ได้น้อยมาก จังใช้ได้แต่คลื่นดิน โดยต้องมีสถานีถ่ายทอดเป็นระยะ หรืออาจใช้ดาวเทียมช่วยสะท้อนคลื่นในอวกาศ * การส่งและรับสัญญาณคลื่นวิทยุ ใช้หลักการของไฟฟ้ากระแสสลับ คือ ทั้งในเครื่องรับและเครื่องส่งวิทยุต่างก็มีวงจรไฟฟ้า LCทรานซ์ซิสเตอร์ ---->>พลังงานของคลื่นสร้างสัญญาณไฟฟ้า ความถี่นั้นมีค่ามากที่สุดที่เรโซแนนซ์กับวงจร LC คลื่นวิทยุที่ส่งมามีความถี่ตรงกับความถี่ของวงจร LC จึงเกิดเรโแนนซ์กันทำให้ใช้เลือกสถานีวิทยุได้ 2. คลื่นไมโครเวฟและคลื่นโทรทัศน์ * ความถี่ 108 - 1012 เ้ฮิรตซ์ * ไม่สะท้อนกับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์จึงส่งเป็นเส้นตรงแล้วใช้สถานีถ่ายทอดเป็นระยะ หรือใช้คลื่นไมโครเวฟนำสัญญานโทรทัศน์ไปยังดาวเทียม * คลื่นโทรทัศน์มีความยาวคลื่นสั้นจึงเลี้ยวเบนผ่านสิ่งกีดขวางใหญ่ๆ เช่น รถยนต์ หรือเครื่องบินไม่ได้ ดังงนั้นจะเกิดการสะท้อนกับเครื่องบิน กลับมาแทรกสอดกับคลื่นเดิม ทำให้เกิดคลื่นรบกวนได้ * ไมโครเวฟสะท้อนโลหะได้ดี จึงใช้ทำเรดาห์ 3. รังสีอินฟราเรด * ความถี่ 1011 - 1018 * ตรวจรับได้ด้วยประสาทสัมผัสทางผิวหนัง หรือ ฟิล์มถ่ายรูปชนิดพิเศษ * ส่ิงมีชีวิตแผ่ออกมาตลอดเวลาเพราะเป็นคลื่นความร้อน * ใช้ในการสื่อสาร เช่น ถ่ายภาพพื้นโลกจากดาวเทียม, ใช้เป็นรีโมทคอนโทรลของเครื่องวิทยุและโทรทัศน์ และใช้ควบคุมจรวดนำวิถี * ใช้เป็นพาหะนำสัญญาณในเส้นใยนำแสง (optical fiber)4. แสง * ความถี่ประมาณ 1014 เฮิรตซ์ ความยาวคลื่นประมาณ 10-7 * ตรวจรับโดยใช้จักษุสัมผัส * มักเกิดจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูง , และถ้าวัตถุยิ่งมีอุณหภูมิสูงจะยิ่งมีพลังงานแสงยิ่งมาก * อาจเกิดจากวัตถุที่มีอุณหภูมิไม่สูงก็ได้ เช่น แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์, หิ่งห้อย, เห็ดเรืองแสง * เลเซอร์ เป็นแหล่งกำเนิดแสงอาพันธ์ที่ให้แสงโดยไม่อาศัยความร้อน มีความถี่และเฟสคงที่ (ถ้าเป็นแสงที่เกิดจากความร้อนจะมีหลายความถี่และเฟสไม่คงที่) จนสามารถใช้เลเซอร์ในการสื่อสารได้, ถ้าใช้เลนส์รวมแสงให้ความเข้มข้นสูงๆ จะใช้เลเซอร์ในการผ่าตัดได้ * บริเวณที่แสงเลเซอร์ตก จะเกิดความร้อน5. รังสีอัลตราไวโอเลต (รังสีเหนือม่วง) * มีความถี่ประมาณ 1015- 1018 เฮิรตซ์ * รังสีนี้ในธรรมชาติ ส่วนใหญ่มาจากดวงอาทิตย์ * เป็นรังสีที่ทำให้เกิดประจุอิสระและไอออนในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ * เป็นอันตรายต่อเซลผิวหนัง, ตา และใช้ฆ่าเชื้ัอโรคได้ * สามารถสร้างขึ้นได้โดยผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปในหลอดที่บรรจุไอปรอท * ผ่านแก้วได้บ้างเล็กน้อยแต่ผ่านควอตซ์ได้ดี * การเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้าจะทำให้เกิดรังสีนี้ได้6. รังสีเอกซ์ (รังสีเรินเกนต์) * ความถี่ประมาณ 1016 - 1022 * ทะลุผ่านสิ่งกีดขวางหนาๆ ได้ แต่ถูกกั้นได้ด้วยอะตอมของธาตุหนัก จึงใช้ตรวจสอบรอยร้าวในชิ้นโลหะขนาดใหญ่, ใช้ตรวจหาอาวุธปืนในกระเป๋าเดินทาง * ความยาวคลื่นประมาณ 10 -10 เมตร ซึ่งใกล้เคียงกับขนาดอะตอมและช่องว่างระหว่างอะตอมของผลึกจึงใช้วิเคราะห์โครงสร้างผลึกได้ 7. รังสีแกมม่า * ใช้เรียกชื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงกว่ารังสีเอกซ์ * รังสีแกมม่าที่พบในธรรมชาติ เช่น รังสีแกมม่าที่เกิดจากการแผ่สลายของสารกัมมันตรังสี, รังสีคอสมิคที่มาจากอวกาศก็มีรังสีแกมม่าได้ * รังสีแกมม่าอาจทำให้เกิดขึ้นได้ เช่นการแผ่รังสีของอนุภาคไฟฟ้าในเครื่องเร่งอนุภาีค<br />
Télécharger maintenant