Contenu connexe
Similaire à การวิจัยสถาบัน (20)
การวิจัยสถาบัน
- 2. เป้าหมาย
เช้า สาย
.......นาสู่การวิจัยสถาบัน ขอบข่ายการวิจัยสถาบัน
มรพส.
บ่าย เย็น
กรณีตัวอย่าง..สู่การวิจัย เค้าโครงการวิจัยสถาบัน
สถาบัน
- 4. ส่งเสริมให้บุคลากรทางานวิจัยในงานประจา
(Routine to Research: R2R)
วงการการศึกษาคาดหวังว่า
การวิจัยสถาบัน จักเป็นนวัตกรรมเชิงกระบวนการที่
เอื้อต่อการพัฒนาการปฏิบัติงานขององค์กรและ
ยกระดับสู่การพัฒนาวิชาชีพของบุคลากร
อันเป็นเป้าหมายสุดท้าย
- 6. การวิจัยสถาบัน (Institutional Research)
หมายถึง กระบวนการแสวงหาสารสนเทศ
หรือแนวทางปรับปรุงพัฒนาขององค์กรเพื่อ
ประโยชน์ในการจัดหาข้อมูลสาหรับสนับสนุน
การวางแผน การกาหนดนโยบายและการ
ตัดสินใจขององค์กร
โดยใช้วิธีวิทยาการวิจัยในลักษณะต่าง ๆ ที่
เหมาะสมกับบริบทหรือองค์กรที่จะ
ทาการศึกษา
- 7. ความเป็นมาของการวิจัยสถาบัน
แพร่หลายในปี ค.ศ. 1820
โดย Professor W.H. Cowley Stanford university
ได้นามาเสนอต่อที่ประชุมเพื่อประเมินผลของ
คณะกรรมการปฏิบัติงานของ Harvard university
ซึ่งเป็นข้อค้นพบของ Yale university เมื่อปี ค.ศ. 1701
จากนั้นก็มีการวิจยเพือติดตามผลระยะสั้นๆ
ั ่
อย่างแพร่หลายโดยคนในองค์กรหรือสถาบัน
หรือที่เรียกว่า การศึกษาตนเอง (Self Study)
- 8. ความเป็นมาของการวิจัยสถาบันในประเทศไทย
เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพ.ศ. 2514
โดยมีหน้าที่ 3 ประการคือ
1.เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จาเป็นสาหรับการวางแผนพัฒนาและการ
บริหารมหาวิทยาลัย
2.เพื่อทาการวิจัยตามความต้องการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และการทาวิจัยอื่นๆ ที่เป็นไปตามภาระหน้าที่ประจา
3. เพื่อเผยแพร่ข้อมูลในรูปแบบต่างๆ โดยมีระบบข้อมูลเพื่อการ
บริหารของจุฬาลงกรณ์ (CU–MIS) เป็นเครื่องมือในการจัดการข้อมูล
ประกอบไปด้วยข้อมูล 5 ประเภท ได้แก่ ข้อมูลโปรแกรมทาง
การศึกษา ข้อมูลอาจารย์ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ข้อมูลนิสิต
ข้อมูลการเงิน ข้อมูลอาคารสถานที่และสิ่งอานวยความ
- 9. สมาคมการวิจัยสถาบันและพัฒนาอุดมศึกษา
Association of Institutional Research and Higher
Education Development, 12 กรกฎาคม 2543
ศ.ดร. วิจิตร ศรีสอ้าน เป็นนายกสมาคม
วัตถุประสงค์เพื่อ
1. เป็นศูนย์กลางของนักวิจัยสถาบัน นักวิชาการ และ
ผู้บริหารการศึกษา ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดใหม่ ๆ อัน
นาไปสู่ประโยชน์ในทางวิชาการและวิชาชีพ
2. ส่งเสริมการจัดทาวิจัยสถาบันและเผยแพร่ผลงาน
3. ให้บริการทางด้านการวิจัยสถาบัน ด้านนโยบายและแผน
และการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา
- 10. พัฒนาการของการวิจัยสถาบัน
•ยุคบุกเบิก พ.ศ. 2514-2517 นับตั้งแต่จุฬาฯ ได้จัดตั้งหน่วย
ยุคที่ 1 วิจัยสถาบันขึ้นจนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
• ยุคขยายเป็นเครือข่ายระดับชาติ พ.ศ.2517-ปัจจุบัน ขยาย
ยุคที่ 2 เครือข่ายการวิจัยสถาบันระดับชาติ นาโดยบวงมหาวิทยาลัย
•ยุคการใช้ผลเพื่อการปฏิรูปการศึกษาและการประกันคุณภาพ
ยุคที่ 3 การศึกษา พ.ศ.2530-ปัจจุบัน
• ยุคพัฒนาเป็นวิชาชีพชั้นสูง จนกระทั่งมีการเปิดสอนเป็นส่วน
ยุคที่ 4 หนึ่งหรือเป็นรายวิชาในหลักสูตร มีสมาคม การอบรมฯลฯ
- 11. ลักษณะของการวิจัยสถาบัน
1. เป็นการทาวิจัยตามขอบเขต ลักษณะ หน้าที่ หรือ
โครงสร้างของงานที่รับผิดชอบหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละ
องค์กรหรือสถาบันนั้นๆ
2. เป็นการทาวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาหรือกาหนดนโยบายหรือ
พัฒนาองค์กรหรือสถาบันนั้นๆ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
แต่อาจนาไปเป็นแนวทางในการวิจัยสถาบันอื่นๆ ได้
3. คณะผู้วิจัยเป็นนักวิจัย หรือ นักวิชาการ ที่สังกัดอยู่ภายใน
หน่วยงานหรือสถาบันนั้นๆ (เว้นแต่จะมีที่ปรึกษาจากภายนอก
ร่วมด้วยก็ได้)
- 12. เป้าหมายของการวิจัยสถาบัน
• วิจัยเพื่อแก้ปัญหา โดยจาเป็นต้องมีการวิจัย สาหรับ
ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ติดตาม และปรับเปลี่ยน
การดาเนินงานของสถาบัน
• วิจัยเพื่อการตัดสินใจ เป็นการวิจัยเพื่อประกอบการ
ตัดสินใจในบางเรื่อง
• วิจัยเพื่อวางแผนอนาคต เพื่อเตรียมความพร้อมใน
การดาเนินงานของสถาบันได้อย่างเหมาะสม
• วิจัยเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษา สถาบันจึงต้อง
มีการประเมินคุณภาพภายในของตนเองอยู่เป็นประจา
- 13. ขอบข่ายของการวิจัยสถาบัน
1. คุณลักษณะนิสิตนักศึกษา เช่น การวิเคราะห์คุณลักษณะ
นักศึกษาที่เหมาะสม นักศึกษาใหม่ บัณฑิต ความต้องการ/
เป้าหมายในชีวิตของนักศึกษา ความคิดเห็นต่อ
สภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัย
2. คณาจารย์และบุคลากร เช่น การประเมินผลการสอน การ
ประเมินประสิทธิภาพของอาจารย์ สภาพขวัญ กาลังใจ ความ
พึงพอใจ โครงสร้างลักษณะสังคม เศรษฐกิจของอาจารย์/
บุคลากรอื่นๆ การพัฒนาอาจารย์/บุคลากร
3. หลักสูตรและการสอน เช่น การวิเคราะห์ปรัชญา
การศึกษา การกาหนดปรัชญาและเป้าหมายทางการศึกษา
การประเมินหลักสูตร การพิจารณาเกรด
- 14. ขอบข่ายของการวิจัยสถาบัน
4. การประเมินโครงการหรือกิจกรรมในสถาบัน เช่น คุณภาพ
การศึกษา การใช้แหล่งสารสนเทศ การประเมินโครงการตาม
แผน การประเมินโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ที่มหาวิทยาลัย
ดาเนินการ
5. การจัดการลงทะเบียน เช่น ความต้องการในการเรียนวิชา
ต่างๆ สาขาวิชาที่คนต้องการ วิธีการสอบคัดเลือก วิธีการรับ
สมัคร ความต้องการและวิธีการผลิตคนสู่แหล่งงาน
6. การทานายความสาเร็จของการศึกษา เช่น การทานายผล
ความสาเร็จของนักศึกษา การทานายผลการบริหารของ
ผู้บริหารระดับต่างๆ และผลการปฏิบัติงานของบุคลากร
- 15. ขอบข่ายของการวิจัยสถาบัน
7. การวางแผน เช่น การพิจารณาวิธีการวางแผน การ
ประเมินแผนในลักษณะต่างๆ และในระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ระดับมหาวิทยาลัย คณะหรือหน่วยงานหรือภาควิชา
8. การวิเคราะห์นโยบาย เช่น การวิเคราะห์วิธีการกาหนด
นโยบาย โครงสร้างและรายละเอียดของนโยบาย การ
วิเคราะห์เป้าหมาย
9. ระบบข้อมูล เช่น การพิจารณาจัดทาระบบข้อมูลพื้นฐาน
เพื่อการดาเนินงานและกิจกรรมอื่นๆ ตามขอบข่ายหน้าที่ของ
มหาวิทยาลัย เทคนิคการรายงานเผยแพร่ ของมหาวิทยาลัย
- 16. ขอบข่ายของการวิจัยสถาบัน
10. งบประมาณและค่าใช้จ่าย เช่น รูปแบบการจัดสรร
งบประมาณภายในมหาวิทยาลัย การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายใน
ลักษณะต่างๆ แนวทางการจัดหารายได้ของมหาวิทยาลัยการ
ลงทุนการศึกษา
11. อาคารสถานที่ การจัดตารางบริการและการใช้ประโยชน์
เช่น ลักษณะการใช้พื้นที่ในมหาวิทยาลัย การวิเคราะห์ความ
ต้องการใช้พื้นที่ การคาดคะเนการใช้พื้นที่ การใช้อาคาร การ
จัดสาธารณูปโภคต่างๆ ความคุ้มค่าและความเหมาะสม การ
วิเคราะห์ตารางการให้บริการเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของ
มหาวิทยาลัย
- 17. กิจกรรมที่ 1
ขอบข่ายการวิจัยสถาบัน มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
1. แบ่งกลุ่มตามสะดวกประมาณ 5-6 คน เลือกประธาน เลขา และ
ผู้นาเสนอ
2. วิเคราะห์ประเด็น (อยากรู้/ต้องรู้) เพื่อนาไปสู่การวิจัยสถาบันใน
มหาวิทยาลัยพิบูลสงครามของเรา
กลุ่มที่ 1 ตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย
กลุ่มที่ 2 ตามพันธกิจของหน่วยงานที่สังกัด
(เลือก 1 หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง)
กลุ่มที่ 3 ตามภาระงานที่ท่านรับผิดชอบ
กลุ่มที่ 4 ตามองค์ประกอบของการประกันคุณภาพ
การศึกษา
กลุ่มที่ 5 ตามกลุ่มเป้าหมายที่ให้บริการ
3. อภิปรายและสรุปภายใน 40 นาที และจัดผู้นาเสนอ
- 18. วิธวทยาการวิจยทีใช้การวิจยสถาบัน
ี ิ ั ่ ั
• การวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research)
• การวิจัยเชิงประเมิน (Evaluative Research)
• การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)
• การวิจัยเชิงพัฒนา (Research and
Development)
• การวิจัยเชิงอนาคต (Future Research)
- 19. การเขียนโครงการวิจัยสถาบัน
1. ชื่อโครงการวิจัย (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
2. ความสาคัญและที่มาของปัญหาทีทาการวิจัย
่
3. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
4. สมมติฐานของการวิจัย
5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
6. ผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
7. วิธีการดาเนินงานวิจัย
7.1 แบบแผนการวิจัย
7.2 การกาหนดกลุ่มตัวอย่าง
7.3 การกาหนดเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
7.4 การกาหนดวิธีการทางสถิตที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ิ
8. ขอบเขตของการวิจัย
9. ระยะเวลาทาการวิจัย
10.แผนการดาเนินงานตลอดโครงการ (ให้ระบุขั้นตอนโดยละเอียด)
11.งบประมาณของโครงการวิจัย (ระบุโดยละเอียด)
12.เอกสารอ้างอิง
- 20. ชื่อโครงการวิจัย
• ชื่อโครงการวิจัย
ชื่อโครงการวิจัยควรจะเขียนให้สะท้อนให้เห็นตัวแปร
ประชากร และวิธีการศึกษา
ตัวอย่างชื่อโครงการวิจัย 1
การวิเคราะห์ภาระงานสอนของอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูล
สงคราม
ตัวแปร คือ ภาระงานสอน
ประชากร คือ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
วิธีการศึกษา คือ การศึกษาเชิงวิเคราะห์
ตัวอย่างชื่อโครงการวิจัย 2
การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการออกกลางคันของนักศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
ตัวแปรต้น คือ ปัจจัยด้านต่าง ๆ
ตัวแปรตาม คือ การออกกลางคัน
ประชากร คือ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
วิธีการศึกษา คือ การวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสาเหตุ
- 21. ตัวอย่างชื่อโครงการวิจัย 1
การวิเคราะห์ภาระงานสอนของอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏ
พิบูลสงคราม
ตัวแปร คือ ภาระงานสอน
ประชากร คือ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
วิธีการศึกษา คือ การศึกษาเชิงวิเคราะห์
ตัวอย่างชื่อโครงการวิจัย 2
การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการออกกลางคันของนักศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
ตัวแปรต้น คือ ปัจจัยด้านต่าง ๆ
ตัวแปรตาม คือ การออกกลางคัน
ประชากร คือ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
วิธีการศึกษา คือ การวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสาเหตุ
- 22. ชื่อโครงการวิจัย
สาระสาคัญของความเป็นมาและความสาคัญของ
ปัญหาหรือภูมิหลังเป็นการนาเสนอถึงการมองปัญหาการวิจัย
แนวกว้างแล้วค่อยๆ ลู่ลงสู่เรื่องที่จะทาการวิจัย ในส่วนนี้จะ
เป็นการชักจูงให้ผู้อ่านเข้าใจและเห็นถึงความสาคัญของการ
ทางานวิจัย การเขียนในส่วนนี้ควรมีการอ้างอิงหลักฐานหรือ
เหตุการณ์จะให้น้าหนักมากกว่าการเขียนด้วยความคิดเห็น
ของผู้วิจัยเพียงอย่างเดียว การเขียนควรแสดงเนื้อหา 4
ประการ (1) การนาเข้าสู่ปัญหาการวิจัย(2) ที่มาของปัญหา
การวิจัย (3) ปัญหาการวิจัย และ
(4) ความสาคัญของปัญหา
- 23. ตัวอย่างการเขียนความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา
ชื่อเรื่องการวิจัย การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการออกกลางคัน
ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
การเขียนควรกล่าวเกริ่นนาก่อนเข้าสู่ปัญหาที่เกิดในสถาบัน เช่น
กล่าวนาถึงพันธกิจหลักของสถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่หลักในการ
ผลิตบัณฑิต (1) จนกระทั่งกล่าวถึงสาเหตุหรือที่มาของการออก
กลางคัน อาจจะเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนกอปรกับฐานะของ
นักศึกษาที่ยากจน จึงนาสู่ปัญหาของสถาบัน ได้แก่ การออกกลางคัน
ของนักศึกษา (2) ซึ่งมีปัจจัยเกี่ยวเนื่องหลายประการ .... ในขั้นตอนนี้
เป็นการนาสู่ปัญหาวิจัยที่ว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการออก
กลางคันของนักศึกษา (3) นั่นเอง จากนั้นให้สรุปท้ายถึงความสาคัญใน
การศึกษาครั้งนี้ (4) เพื่อชี้ให้เห็นถึงความจาเป็นในการทาวิจัย
- 24. วัตถุประสงค์การวิจัย
การเขียนวัตถุประสงค์ของการวิจัยเป็นการกาหนดขอบเขตของ
ปัญหา ควรเขียนให้ครอบคลุมปัญหาวิจัยสอดคล้องกับชื่อเรื่อง และ
ต่อเนื่องกับความสาคัญและความเป็นมาของปัญหา เขียนให้ชัดเจน ใช้
ภาษาที่เข้าใจง่าย ได้ใจความและควรเขียนเป็นประเป็นประโยคบอกเล่า
มากกว่าที่จะเป็นประโยคคาถาม
ชื่อเรื่องการวิจัย
การศึกษาสมรรถภาพการวิจัยของอาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
พิบูลสงคราม
วัตถุประสงค์การวิจัย
เพื่อศึกษาสมรรถภาพการวิจัยของอาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
พิบูลสงคราม
เพื่อเปรียบเทียบสมรรถภาพการวิจัยของอาจารย์ มหาวิทยาลัย
ราชภัฏพิบูล
- 27. นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย
การเขียนนิยามศัพท์ควรเขียนเฉพาะคาที่ต้องการสื่อความหมายให้เข้าใจ
ตรงกัน ไม่จาเป็นต้องนิยามทุกคา เช่น เพศ ไม่จาเป็นต้องนิยาม เพราะทราบ
กันโดยทั่วไปว่า หมายถึง ชาย-หญิง และการนิยามศัพท์ที่ดีควรเป็นการนิยามเชิง
ทฤษฎีควบคู่กับการนิยามเชิงปฏิบัติการฃ
ตัวอย่างการเขียนนิยามศัพท์เฉพาะทีใช้ในการวิจัย
่
สมรรถภาพการวิจัย หมายถึง การแสดงออกถึงความรู้ด้านวิธีวิทยาการวิจัย
ครอบคลุมความรู้ด้านระเบียบวิธีวิจัย แนวคิดในการทาวิจัย การค้นคว้าเอกสาร
และงานวิจยทีเกี่ยวข้อง การสุ่มตัวอย่างในการวิจัย การสร้างเครื่องมือในการ
ั ่
วิจัย การใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล การใช้คอมพิวเตอร์ในการวิจัย และการ
เขียนรายงานการวิจัย ซึ่งวัดเป็นคะแนนจากแบบสอบถามความต้องการพัฒนา
สมรรถภาพการวิจัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
อาจารย์ หมายถึง อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามทั้งทีเป็นข้าราชการ
่
และพนักงานอาจารย์ที่กาลังปฏิบัตหน้าทีในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2542
ิ ่
- 29. การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
จะต้องเขียนให้เห็นว่าผู้วิจัยได้มีการศึกษา ค้นคว้า
และประมวลความรู้จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
กับการวิจัย การเลือกสรร ผ่านการวิเคราะห์และ
สังเคราะห์แล้วจะนาเสนออย่างเป็นระบบ
โดยทั่วไปจะนาเสนอเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนแรกประกอบด้วย นิยาม แนวคิด ทฤษฎี
ส่วนที่สองเป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและการแสดงกรอบ
ความคิดในการวิจัยด้วยแผนภูมิจะแสดงให้เห็นถึงผลที่ได้
จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องได้ชัดเจน
ยิ่งขึ้น
- 30. การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่าง
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีตลอดจน
เอกสาร ตารา บทความและรายงานการวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดย
นาเสนอเป็น 3 ตอน ดังนีคือ ้
ตอนที่ 1 หลักการและแนวคิดเกี่ยวกับสมรรถภาพการวิจัย
ตอนที่ 2 นโยบายและแนวทางเกี่ยวกับการวิจัยของ
หน่วยงานทางการศึกษา
ตอนที่ 3 งานวิจัยที่เกี่ยวกับสมรรถภาพการวิจัย
- 31. วิธีดาเนินการวิจัย
วิธีดาเนินการวิจัย
แบบแผนการวิจัย ผู้วิจัยจะต้องระบุถึงแบบแผนการวิจัยที่
ใช้ในการศึกษา อาทิ การวิจัยเชิงสารวจ การวิจัยเชิงทดลอง
เป็นต้น
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ในส่วนของประชากรผู้วิจัย
จะต้องระบุลักษณะของประชากรที่ใช้ในการวิจัยให้ชัดเจนว่าเป็น
ใครหรือสิ่งใด มีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติอย่างไร ปริมาณหรือ
ขนาดเท่าไร และในส่วนของกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยต้องระบุจานวน
ตัวอย่าง และการได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่างหรือการเลือกกลุ่ม
ตัวอย่างเป็นขั้นตอนอย่างละเอียด
- 32. วิธีดาเนินการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลและการเก็บ
รวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยจะต้องระบุชนิดของเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บ
ข้อมูล ลักษณะของเครื่องมือ ตลอดจนขั้นตอนการสร้างและ
พัฒนาคุณภาพของเครื่องมือ รวมทั้งผลการตรวจสอบคุณภาพ
ของเครื่องมือ นอกจากนี้ผู้วิจัยควรระบุถึงวิธีการเก็บรวบรวม
ข้อมูล ผู้ที่ทาการเก็บรวบรวมข้อมูล ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงการ
ควบคุมคุณภาพในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความ
เที่ยงและความตรง
- 33. วิธีดาเนินการวิจัย
การวิเคราะห์ข้อมูล ในส่วนนี้ ผู้วิจัยจะต้อง
นาเสนอให้เห็นถึงวิธีการทางสถิติที่ใช้ในการวิจัย ตั้งแต่
วิธีการทางสถิติที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ
และวิธีการทางสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งข้อมูลเชิง
คุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณ
ผู้วิจัยนาเสนอได้ชัดเจนมากเท่าไร ก็จะแสดงให้เห็น
ถึงความรัดกุมของการวางแผนโครงการวิจัยและความ
น่าเชื่อถือของผู้วิจัย ซึ่งเป็นเกณฑ์ในการวัดความเป็นไปได้
ของโครงการวิจัยได้อีกส่วนหนึ่ง
- 34. ระยะเวลาทาการวิจัย และแผนการดาเนินงาน
ผู้วิจัยจะต้องระบุเวลาที่ใช้ในการวิจัยตั้งแต่เริ่มต้นจน
สิ้นสุดโครงการ รวมทั้งควรมีการกาหนดเวลาของการ
ดาเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ว่าจะใช้เวลาเท่าไร ควรทา
ตารางเวลาหรือแผนภูมิประกอบเพื่อความชัดเจน
- 35. งบประมาณที่ใช้ในการวิจัยน
โครงการวิจัยที่เสนอของบประมาณหรือขอทุน
สนับสนุนการวิจัยจาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีรายละเอียด
เกี่ยวกับงบประมาณที่ใช้ในการวิจัย เพื่อประกอบในการ
พิจารณาอนุมติงบประมาณหรือเงินทุน การเขียน
ั
งบประมาณควรเขียนตามหมวดเงิน ดังนี้ หมวด
ค่าตอบแทน หมวดค่าใช้สอย หมวดค่าวัสดุ หมวดค่า
ครุภัณฑ์ หมวดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ฯลฯ
- 36. ผู้วิจัย/คณะผู้ดาเนินการวิจัย
ผู้วิจัย/คณะผู้ดาเนินการวิจัย
ผู้วิจัยหรือคณะผู้วิจัยควรที่จะระบุคุณวุฒิ อาชีพ
หน่วยงานที่สังกัด หมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร พร้อมทั้ง
ระบุหมายเลขทะเบียนนักวิจัยแห่งชาติ (ถ้ามี)
ประสบการณ์ในการทาวิจัย ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์และ
เผยแพร่ และรายงานวิจัยที่กาลังดาเนินการอยู่ในปัจจุบัน
เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งแก่ผู้พิจารณา
ทุนสนับสนุนการวิจัย และในกรณีที่มีที่ปรึกษา
โครงการวิจัย ผู้วิจัยควรจะระบุให้ชัดเจนด้วยเช่นกัน
- 37. หนังสืออ้างอิงหรือบรรณานุกรม
ให้ระบุแหล่งที่มาของเอกสาร ชื่อเอกสาร สิ่งพิมพ์
และหลักฐานทุกประเภทที่ผู้วิจัยนามาใช้ประกอบ
การศึกษาค้นคว้าในการเขียนรายงานการวิจัย การเขียน
บรรณานุกรมควรใช้รูปแบบที่เป็นมาตรฐาน