Contenu connexe Plus de Krongdai Unhasuta Plus de Krongdai Unhasuta (20) Detect traumatic shock 16 พค.582. EBP: Evidence-Based Practice
การปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ หมายถึง การบูรณาการ
หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ดีที่สุดจากงานวิจัยที่มีอยู่ในขณะนั้นร่วมกับ
ข้อมูลเกี่ยวกับค่านิยม และความเชื่อของผู้ป่วย ความเชี่ยวชาญของนัก
ปฏิบัติทางคลินิก และทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลหรือ
การแก้ไขปัญหาของผู้ป่วย
(Ciliska, et al., 2001; French, 1999; Ingersoll, 200)
5. การตั้งคําถามทางคลินิก
มิติที่ 1 มิติเพื่อการบําบัด (therapy domain)
มิติที่ 2 มิติเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิด (harm domain)
มิติที่ 3 มิติเกี่ยวกับการตัดสินว่าผู้ป่วยเกิดปัญหาสุขภาพ (diagnosis domain)
มิติที่ 4 มิติการทํานายเหตุการณ์ (prognosis domain)
มิติที่ 5 มิติการตอบสนองของบุคคล (human response domain)
มิติที่ 6 มิติความเชื่อของบุคคล (meaning domain)
ขั้นตอนการปฏิบัติทางคลินิคตามหลักการปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์
7. ขั้นตอนการปฏิบัติทางคลินิคตามหลักการปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์
ระดับ ชนิดของหลักฐานเชิงประจักษ์
ระดับ 1 หลักฐานที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบหรือการวิเคราะห์เมต้าของงานวิจัยเชิงทดลองที่มีการ
สุ่มและมีกลุ่มควบคุมทั้งหมดหรือแนวปฏิบัติทางคลินิกที่สร้างจากหลักฐานที่มาจากการทบทวนวรรณกรรม
อย่างเป็นระบบของงานวิจัยเชิงทดลองที่มีการสุ่มและมีกลุ่มควบคุม
ระดับ 2 หลักฐานที่ได้จากงานวิจัยเชิงทดลองที่มีการสุ่มและมีกลุ่มควบคุมที่มีการออกแบบวิจัยอย่างดีอย่างน้อย1 เรื่อง
ระดับ 3 หลักฐานที่ได้จากงานวิจัยเชิงทดลองที่มีกลุ่มควบคุม มีการออกแบบวิจัยอย่างดี แต่ไม่มีการสุ่ม
ระดับ 4 หลักฐานที่ได้จากงานวิจัยที่เป็นการศึกษาย้อนหลังหรือการศึกษาติดตามไปข้างหน้าที่มีการออกแบบวิจัยอย่างดี
ระดับ 5 หลักฐานที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบของงานวิจัยเชิงบรรยายหรืองานวิจัยเชิงคุณภาพ
ระดับ 6 หลักฐานที่ได้จากงานวิจัยเดี่ยวที่เป็นงานวิจัยเชิงบรรยายหรืองานวิจัยเชิงคุณภาพ
ระดับ 7 หลักฐานที่ได้จากผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มวิชาชีพเฉพาะและ/หรือรายงานจากคณะกรรมการผู้ทรงวุฒิเฉพาะเรื่อง
(Melnyk & Fineout – Overholt, 2005)
ระดับความน่าเชื่อถือของหลักฐานเชิงประจักษ์
10. อุบัติเหตุพบในกลุ่มประชากรอายุ 1 – 44 ปีมากที่สุด สําหรับประเทศไทยเป็น
สาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 2 ของประชากรไทย คิดเป็นร้อยละ 59.8
(พิมพ์ภา เตชะกมลสุข,กาญจนีย์ดํานาคแก้ว และอนงค์แสงจันทร์ทิพย์,2553; Cocchi, et al., 2007)
อุบัติเหตุเป็นสาเหตุสําคัญของการเสียชีวิตและทุพพลภาพ พบถึง
5,000,000 ราย/ปี ของประชากรโลก คาดว่าปี 2030 จะเพิ่มถึง 40% (WHO, 2000)
ความเป็นมาและความสําคัญของปัญหา
0
5,000
10,000
15,000
20,000
25,000
30,000
35,000
40,000
45,000
50,000
พ.ศ.2552
พ.ศ.2553
40,648
41,013
34,422
อาการรุนแรงมากขึ้น
เกิดภาวะช็อกจากการบาดเจ็บ
ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทั้งหมด
จํานวนผู้ป่ วยอุบัติเหตุ
(ห้องฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร)
12. (Boswel & Scalae, 2009, Cocchi, et al., 2007; Curtis & Asha, 2010; Dutton, 2008; Guly, et al., 2008)
กล้ามเนื้อหัวใจบาดเจ็บ,
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด,
เลือดผ่านหัวใจลําบาก
การถูกขัดขวางการบีบตัวของ
กล้ามเนื้อหัวใจ
ผู้ป่ วยอุบัติเหตุที่ห้องฉุกเฉิน
การบาดเจ็บที่มีการ
ฉีกขาดของหลอดเลือด
ระบบประสาท
ถูกทําลาย
สูญเสียการควบคุม
ความตึงตัวของ
หลอดเลือด
แรงต้านทานหลอด
เลือดส่วนปลายลดลง
ปริมาณเลือดดําที่ไหลกลับ
เข้าหัวใจห้องขวาลดลง
การบีบตัวของ
หัวใจลดลง
ปริมาณเลือดที่หัวใจบีบออกต่อครั้งลดลง
ปริมาณเลือดที่ส่งออกจากหัวใจต่อนาทีลดลง
ความดันโลหิตตํ่า
ภาวะช็อกจากการบาดเจ็บ
(การกําซาบออกซิเจนของเนื้อเยื่อลดลง)
ผู้ป่ วยที่มีภาวะช็อกโดยไม่ได้รับการ
ประเมินและให้การช่วยเหลือ
ทุก 3 นาที ผู้ป่ วยจะมีอัตราการเสียชีวิต
เพิ่มขึ้น1%
(Kirkpatrick, et al., 2009)
การประเมินผู้ป่ วยอุบัติเหตุที่มีการ
บาดเจ็บรุนแรงใช้เวลาเฉลี่ย
5.2 นาที สามารถช่วย
ลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 91 %
(Spanjersberg, et al., 2009)
15. สืบค้น
และ
คัดเลือก
วิเคราะห์ประเมิน
คุณภาพ
สกัดเนื้อหาลง
ตาราง
ลงตาราง
Collective
Evidence
Synthesis
การพยากรณ์ภาวะ
ช็อกจากการบาดเจ็บ
(DiCenso, Guyatt, & Ciliska, 2005; Melnyk & Fineout-Overholt, 2005)
PICO framework
P : Trauma patient, Injured patient,
Traumatic shock, Injured patient at
Emergency Room, Shock
I : Airway assessment, Breathing
assessment, Ventilation assessment,
Circulation assessment, Early detection,
Primary assessment, Risk assessment, Risk
factor, Prognostic factor, Initial assessment,
Evaluation, Triage, Severity of injury
C: ไม่ระบุ
O: Good perfusion, Perfusion
Pub med 8 เรื่อง
BMJ 1 เรื่อง
Springer Link 3 เรื่อง
Science Direct 3 เรื่อง
Ovid 6 เรื่อง
ProQuest 1 เรื่อง
รวม 22 เรื่อง
ความตรง
ความน่าเชื่อถือ
ผลการวิจัย ความเหมาะสม
16. Systemic review of good quality cohort studies
Prospective cohort study with at least 80% follow-up
Systemic review of lower quality studies
Retrospective cohort study with poor follow up
Case-control study
Case series
Unsystemic clinical observation
Prognosis evidence pyramid
(Grace, 2009)
สืบค้นและ
คัดเลือก
อ่านวิเคราะห์
ประเมิน
คุณภาพ
สกัดเนื้อหาลง
ตาราง
ลงตาราง
Collective
Evidence
Synthesis
การพยากรณ์ภาวะ
ช็อกจากการบาดเจ็บ
7 เรื่อง
14 เรื่อง
1 เรื่อง
17. สืบค้นและ
คัดเลือก
อ่านวิเคราะห์
ประเมินคุณภาพ
สกัดเนื้อหาลง
ตารางสกัด
ลงตาราง
Collective
Evidence
Synthesis
การพยากรณ์ภาวะ
ช็อกจากการบาดเจ็บ
NO. รายละเอียด
หลักฐาน
กลุ่มตัวอย่าง วัตถุประสงค์และผล
การศึกษา/ผลการวิจัย
การประเมินคุณภาพของหลักฐานเชิง
ประจักษ์
1. Admission heart
rate is a predictor
of mortality (Ley,
E. J., Singer, M. B.,
Clond, M. A., Ley,
H. C., Mirocha, J.
M., Bukur, M., et
al., 2012)
ระดับ: 2
Prospective cohort
study
กลุ่มตัวอย่าง
ผู้ป่วยอุบัติเหตุ
ที่ห้องฉุกเฉิน
จํานวน 103,799
ราย เก็บข้อมูล
ที่ศูนย์อุบัติเหตุ
ระดับ I = 5 แห่ง,
ระดับ II = 8 แห่ง
ที่ Los Angeles,
California
ปี 1998 – 2005 แบ่ง
วัตถุประสงค์
ความสัมพันธ์ระหว่าง อัตรา
การเต้นของหัวใจของผู้ป่วย
อุบัติเหตุแรกรับที่ห้องฉุกเฉิน
กับอัตราการเสียชีวิตว่าเป็น
อย่างไร
ผลการศึกษา/ผลการวิจัย
- ผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บระดับ
ปานกลางถึงรุนแรง อัตราการ
เต้นของหัวใจ < 60 ครั้งต่อนาที
และ ≥ 100 ครั้งต่อนาทีมี
ผลการวิจัยมีความเที่ยงตรงหรือไม่ :
ผลการวิจัยตอบคําถามการวิจัยชัดเจน
กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยอุบัติเหตุที่ห้อง
ฉุกเฉิน กําหนดเกณฑ์การคัดออก
ชัดเจนซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลต่อตัวแปร
ตาม เก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างจากศูนย์
อุบัติเหตุหลายระดับจึงเป็นตัวแทนของ
ประชากรได้ แบ่งอัตราการเต้นของ
หัวใจออกเป็นกลุ่มและใช้สถิติในการ
หาความสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิต
แสดงผลออกมาเป็นค่าความเสี่ยงทําให้
ตัวอย่าง ตารางการประเมินระดับและคุณภาพของหลักฐานเชิงประจักษ์
18. สืบค้นและ
คัดเลือก
อ่านวิเคราะห์
ประเมินคุณภาพ
สกัดเนื้อหาลง
ตารางสกัด
ลงตาราง
Collective
Evidence
Synthesis
การพยากรณ์ภาวะช็อกจาก
การบาดเจ็บ
ตัวอย่าง ตารางการสังเคราะห์หลักฐานเชิงประจักษ์ (Collective table)
NO. รายละเอียด
หลักฐาน
วัตถุประสงค์ สาเหตุการ
บาดเจ็บ
เกณฑ์ตัวชี้วัด
ภาวะช็อกจาก
การบาดเจ็บ
สรุปการนําไปใช้
1. Admission heart rate is a
predictor of mortality
(Ley, E. J., Singer, M.
B., Clond, M. A., Ley, H.
C., Mirocha, J. M.,
Bukur, M., et al., 2012)
หลักฐานระดับ: 2
Prospective cohort study
ศึกษา
ความสัมพันธ์
ระหว่างอัตรา
การเต้นของ
หัวใจของผู้ป่วย
อุบัติเหตุแรกรับ
ที่ห้องฉุกเฉิน
กับอัตราการ
เสียชีวิตว่าเป็น
ผู้ป่วยอุบัติเหตุ
ทุกชนิดที่เข้า
รับบริการที่
ห้องฉุกเฉิน
- อัตราการเต้น
ของหัวใจ < 60
และ ≥ 100 ครั้ง
ต่อนาที
- ผู้ป่วยอุบัติเหตุทุกชนิดที่เข้ารับ
บริการที่ห้องฉุกเฉินสามารถใช้
อัตราการเต้นของหัวใจในการ
พยากรณ์ภาวะช็อกจากการ
บาดเจ็บ ผลการวิจัยพบว่า อัตรา
การเต้นของหัวใจแรกรับที่ห้อง
ฉุกเฉิน < 60 และ ≥ 100 ครั้งต่อนาที
มีความสัมพันธ์กับอัตราการ
เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
20. การจําแนกประเภทตามระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บ
1. กลไกการบาดเจ็บ
3. อายุ
แรงกระแทก
การทิ่มทะลุ
ตกจากที่สูง
การถูกอาวุธปืน
อุบัติเหตุรถยนต์
การถูกทิ่มทะลุ
2. ตําแหน่งการบาดเจ็บ
การบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ทรวงอก ช่องท้อง
อุ้งเชิงกรานจะทําให้ Perfusion ลดลง
อาจทําให้เกิดภาวะช็อกจากการบาดเจ็บ
(Kaiser, et al., 2009; Lehmann, et al., 2007;
Tien, et al.,2007; Woodford, et al., 2011)
เพศชายมีโอกาสเกิดภาวะช็อกจากการบาดเจ็บมากกว่าเพศหญิง 2 เท่า (Ley, et al., 2012)
อายุ > 55 ปี จะมีโอกาสเสียชีวิต
หลังเกิดอุบัติเหตุ 3 เท่า (Ryb, et al., 2012)
4. เพศ
22. Trauma
score
-Injury Severity Score เป็นการแบ่งความรุนแรงของการบาดเจ็บตาม
ตําแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นตัวชี้วัด Perfusion ↓ ค่าที่เพิ่มขึ้นทําให้หัวใจเต้น
เร็วมีโอกาสเกิดภาวะช็อกจากการบาดเจ็บ (Ley, et al., 2012)
- Revised Trauma Score (GCS, SBP, RR) ทํานายอัตราการ
เสียชีวิตได้ดีที่สุดในผู้ป่ วยอุบัติเหตุ (Oyetunji, et al., 2010)
- GCS ≤ 8 ทําให้หัวใจเต้นเร็วมีโอกาสเกิดภาวะช็อกจากการบาดเจ็บ (Ley, et
al., 2012)
- GCS < 14 ต้องการทําหัตถการเร่งด่วน (Lehmann, et al., 2007)
- GCS ช่วยประเมินการทํางานของสมอง ทํานายอัตราการเสียชีวิตได้แม่นยําใน
ผู้ป่ วยบาดเจ็บที่ศีรษะ ได้ดีกว่า LOC (Guly, et al., 2010; Oyetunji, et al., 2010)
- LOC ใช้ประเมินผู้ป่ วยอุบัติเหตุที่มีภาวะความดันโลหิตตํ่าได้ดีกว่า GCS
(Ley, et al., 2012)
การประเมินแรกรับที่ห้องฉุกเฉิน
LOC
23. BP /
SBP
- BP ลดลงเป็นตัวชี้วัด Perfusion ↓ (Hasler, et al., 2010)
- SBP ↓ เมื่อสูญเสียเลือด 470 มล. (Campbell, et al., 2012)
- RR ↑ ในผู้ป่ วยที่มีภาวะช็อกจากการบาดเจ็บ (Ley, et al., 2012)
-การหายใจผิดปกติ (หายใจลําบากหรือหยุดหายใจ) ต้องการทําหัตถการเร่งด่วน
(Lehmann, et al., 2007)
การประเมินแรกรับที่ห้องฉุกเฉิน
RR
HR
-HR ↑ เป็นตัวชี้วัดแรกที่เปลี่ยนแปลง เมื่อสูญเสียเลือด 15-30%
(Ley, et al., 2012)
-HR ↓ จากเส้นประสาทเวกัสถูกกระตุ้น หรือได้รับบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
(Guly, et al., 2010)
SpO2
- มีความไวในการประเมินปริมาณออกซิเจนในเลือด ทํานายความรุนแรงของ
การบาดเจ็บ และการเกิดอวัยวะหลายระบบล้มเหลวได้ (Cohn, et al., 2007)
24. SI
- SI ↑ เมื่อสูญเสียเลือด 470 มล. ไวต่อปริมาณเลือดในร่างกายที่ลดลง
และการไหลเวียนเลือดล้มเหลว ค่า > 0.9 อัตราการเสียชีวิตสูง (Campbell,
et al., 2012)
-ROPE index ↑ เมื่อสูญเสียเลือด 470 มล. ไวต่อปริมาณเลือดในร่างกายที่
ลดลง ค่า > 3 อัตราการเสียชีวิตสูง (Campbell, et al., 2012)
การประเมินแรกรับที่ห้องฉุกเฉิน
ROPE
index
Sign &
Symptom
- ผู้ป่ วยบาดเจ็บจากแรงกระแทกบริเวณทรวงอก หากพบอาการใจสั่นมีความ
เสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่หัวใจ ส่วนอาการหายใจลําบาก แน่นหน้าอก พบได้บ่อย
(Emet, et al., 2010)
26. HR < 80 หรือ >100 ครั้งต่อนาที เป็นตัวชี้วัด Perfusion ↓
(Emet, et al., 2010; Guly, et al., 2010; Ley, et al., 2012; Kaiser, et al., 2009)
การประเมินการตอบสนองของร่างกาย
SBP < 110 มม.ปรอท จะมีโอกาสเสียชีวิต 2 เท่า
SBP < 100 มม.ปรอท จะมีโอกาสเสียชีวิต 4 เท่า
SBP < 90 มม.ปรอท จะมีโอกาสเสียชีวิต 7 เท่า
SBP < 80 มม.ปรอท จะมีอัตราการเสียชีวิต 10 เท่า
SBP < 70 มม.ปรอท จะมีอัตราการเสียชีวิต 20 เท่า
(Hasler, et al., 2011)
MAP < 70 มม.ปรอท พบในผู้ป่ วยที่มีการบีบตัวของหัวใจลดลง (Emet, et al., 2010)
Pulse Pressure ↓ เมื่อสูญเสียเลือด 470 มล. (Campbell, et al., 2012)
27. GCS < 12 จะมีโอกาสเสียชีวิต 5 เท่า
GCS < 8 จะมีโอกาสเสียชีวิต 8 เท่า
GCS < 5 จะมีโอกาสเสียชีวิต 11 เท่า
GCS 3 จะมีโอกาสเสียชีวิต 27 เท่า (Hasler, et al., 2011)
SpO2 < 95% เป็นตัวชี้วัด Perfusion ↓
ค่า < 75% ทํานายการเกิดอวัยวะหลายระบบล้มเหลว
(Cohn, et al., 2007)
SI > 0.9 เป็นตัวชี้วัด Perfusion ↓
ค่า> 1 จะมีโอกาสเสียชีวิต 40%
ค่าเปลี่ยนแปลง ≥ 0.3 อัตราการเสียชีวิตสูง (Campbell, et al., 2012)
การประเมินการตอบสนองของร่างกาย
28. Blood Sugar >203 mg/dl เป็นตัวบ่งชี้ Perfusion ↓
Blood Sugar 135 -180 mg/dl จะมีโอกาสเสียชีวิต 3 เท่า
Blood Sugar 180 -270 mg/dl จะมีโอกาสเสียชีวิต 10 เท่า
Blood Sugar ≥ 270 mg/dl จะมีโอกาสเสียชีวิต 47 เท่า
(Kreutziger, et al., 2009)
การประเมินการตอบสนองของร่างกาย
ผู้ป่ วยบาดเจ็บที่ศีรษะ
Blood Sugar 180 -270 mg/dl จะมีโอกาสเสียชีวิต 14 เท่า
Blood Sugar ≥ 270 mg/dl จะมีโอกาสเสียชีวิต 58 เท่า
(Kreutziger, et al., 2009)
29. 2. ตรวจพบคลื่นไฟฟ้ าหัวใจผิดปกติในผู้ป่ วยที่ถูกกระแทกบริเวณหัวใจ
(Emet, et al., 2010)
1. ประวัติการเจ็บป่ วย การใช้ยาเบต้าบล็อก ทําให้การประเมินภาวะช็อกเป็นไปได้ยาก
(Ley, et al., 2012)
การรวบรวมข้อมูล และการตรวจวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะช็อกจากการบาดเจ็บ
3. ข้อมูลจากผู้นําส่ง
(McNab, et al., 2012)
4. ประวัติความสูงจากการตกจากที่สูง ร่วมกับตําแหน่งการบาดเจ็บ อายุ
(Adam, et al., 2011)
32. การประเมินแรกรับ
ที่ห้องฉุกเฉิน
Trauma score
Level of Conscious
Sign and Symptom
Shock Index /
Rope Index
Physiologic
conditions
การพยากรณ์ภาวะช็อกจากการบาดเจ็บของผู้ป่วยอุบัติเหตุที่ห้องฉุกเฉิน ผลลัพธ์
ข้อแนะนํา ข้อจํากัดของการใช้ต้องได้รับ
การฝึกฝน และต้องประเมินอย่างรวดเร็ว
(Woodford, et al., 2011)
LOC
GCS บาดเจ็บที่ศีรษะ
เสียเลือด
ข้อแนะนํา
ข้อจํากัดในการใช้
ในผู้ป่วยใส่ท่อช่วย
หายใจได้รับสารพิษ
(Oyetunji, et al., 2010)
ข้อแนะนํา
ผลการทดลอง
ไม่แตกต่างกัน การเลือก
ใช้ขึ้นกับความชํานาญ
(Campbell, et al., 2012)
33. การประเมินการตอบ
สนองของร่างกาย
Heart Rate < 80 > 100 /min
SBP< 110 mmHg
MAP < 70 mmHg
Pulse Pressure แคบ
Shock Index > 0.9 หรือเพิ่มขึ้น > 0.3 จาก ณ จุดเกิดเหตุ
Oxygen saturation < 95%
GCS < 12
Blood sugar > 203 mg/dl
การพยากรณ์ภาวะช็อกจากการบาดเจ็บของผู้ป่วยอุบัติเหตุที่ห้องฉุกเฉิน ผลลัพธ์
การหายใจผิดปกติ
ข้อแนะนํา
ควรคํานึงถึงปัจจัยที่มีผล
กระทบต่อการเปลี่ยนแปลง
(Ley, et al., 2010)
ข้อแนะนํา
ข้อจํากัด
ของการใช้ SI
(Campbell, et al., 2012)