Contenu connexe
Similaire à Breast cancer (20)
Plus de Piyapot Tantaphalin (9)
Breast cancer
- 1. มะเร็งเตานม
คําจํากัดความของมะเร็งเตานม
มะเร็งเตานม คือ เซลลของเนื้อเยื่อเตานมที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในจนทําใหมีการเจริญเติบโต
ไดอยางรวดเร็วมากขึ้นจนรางกายไมสามารถควบคุมไดและสามารถแพรกระจายไปยังเนื้อเยื่อใกลเคียง
ตลอดจนเนื้อเยื่อทั่วรางกาย และแพรกระจายไปยังอวัยวะสวนตาง ๆ ของรางกายโดยทางเดินน้ําเหลือง
และทางกระแสเลือด รวมถึงการแพรกระจายลุกลามเฉพาะที่ดวย เชน การแพรกระจายสูกระดูก ตับ
ปอด และสมอง เปนตน
กายวิภาคของเตานม
เตานมตั้งอยูหนากลามเนื้อ Pectoralis major Muscle เตานมเปนGlandular Structure อยูในชั้น
Subcutaneous Tissue ของรางกายอยูระหวาง Superficial Fascia กับ Deep Fascia ยกเวน Axillary Tail
ที่ยื่นตอ Deep Fascia เตานม มีอาณาเขตตั้งแตซี่โครงที่ 2 ถึง 6 และจากขอบ Sternum และขอบรักแร
รูปที่ 1 แสดงลักษณะทางกายภาพของเตานมปกติ
ลักษณะภายนอกของเตานม
เตานมปกติมีลักษณะเปนรูปกรวยคว่ํา มีอยู 2 ขาง มีหนาที่สรางน้ํานมเพื่อบํารุงเลี้ยงเด็ก และ
มีหัวนมอยูที่ยอด (Nipple) บริเวณ Nipple นี้มีรูของ Milk Duct และผิวหนังที่อยูรอบ ๆ หัวนมจะมีสี
คล้ํากวาผิวหนังทั่วไปของเตานม ผิวหนังบริเวณนี้เรียกวา ปานนม หรือ Areola เปนตอม Compound
Gland ซึ่งแบงเปนสวน ๆ มีประมาณ 20 lobe แบงโดย Connective Tissue และ lobe หนึ่ง ๆ จะมี
Excretory Duct ของมันเองซึ่งมีปลายของหลอดที่จะมาเปดที่หัวนม พื้นที่ขยายพองโตเพื่อขังน้ํานมไว
ในเวลาที่ตอมน้ํานมทําหนาที่สรางน้ํานมออกมา และ Duct เหลานี้ตางก็ไปที่ผิวของหัวนมโดยตรง
lobe ตาง ๆ เหลานี้ยังแบงออกเปน lobe เล็ก ๆ หรือที่เรียกวา Lobular
รูปที่ 2 แสดงลักษณะภายนอกของเตานม
- 2. ลักษณะภายในของเตานม
ภายในเตานมประกอบดวย ไขมัน เนื้อเยื่อตอมน้ํานม Glandular Tissue ซึ่งมีโครงสรางเชน
เดียวกับ Exocrine Gland ทั่ว ๆ ไป ประกอบดวย Acini Areola และทอน้ํานมหรือ Ductal System
ภายใน Glandular Tissue มี Fibrous Septum แบงตอมออกเปน lobe ประมาณ 15-20 lobes ภายใน
lobe ประกอบดวย lobules และมีถุง bulbs ติดอยูกับทอน้ํานมซึ่งจะเปดยังหัวนม ซึ่ง Fibrous septum จะ
แผ รั ศ มี อ อกจากศู น ย ก ลางคื อ หั ว นม (Nipple) และต อ มน้ํ า นมฝ ง อยู ใ นชั้ น ไขมั น ใต ผิ ว หนั ง
(Subcutaneous fat) โดยมีไขมันแทรกอยูในระหวางเนื้อตอมน้ํานมดวย ถามีไขมันแทรกอยูมากใน
ระหวาง lobe และ lobular เราจะไมสามารถมองเห็นหรือสัมผัสออนนุม (soft) หรือคอนขางแนนตึง ไม
แข็ง ทั้งนี้ขึ้นอยูกับไขมันที่แทรกอยูระหวาง Glandular Tissue นอกจากนี้ภายในเตานมยังมีหลอด
เลือด และทอน้ําเหลือง( lymph) ซึ่งจะไปรวมกันยังตอมน้ําเหลืองที่รักแร ( axillary lymph node)
รูปที่ 3 แสดงลักษณะภายในของเตานม
รูปที่ 4 แสดงลักษณะและความแตกตางของความผิดปกติของเตานมชนิดตาง ๆ
- 3. ผิวหนังจะเหมือนเปลือกสม
ผิวหนังจะมีรอยบุมของเตานมซาย
รูปที่ 5 แสดงลักษณะที่ผิดปกติของเตานมที่ควรรีบพบแพทย
อาการและอาการแสดงของมะเร็งเตานม
ผูปวยที่เปนมะเร็งเตานม มักจะไมมอาการ โดยมากมักจะรูไดโดยมีอาการแสดงของความ
ี
ผิดปกติที่เกิดขึ้นที่เตานมทีอาจเปนอาการของโรคมะเร็งเตานมดังนี้
่
1. คลําไดกอนหรือเนื้อที่เปนไตแข็งผิดปกติที่เตานมหรือรักแร
2. มีการเปลี่ยนแปลงขนาด รูปรางและลักษณะของเตานมทีผิดปกติไป
่
3. มีน้ําเหลืองหรือเลือดไหลออกจากหัวนม
4. หัวนมถูกดึงรังจนผิดปกติ
้
5. สีและผิวหนังบริเวณเตานมเปลี่ยน มีรอยบุมคลายผิวเปลือกสม หรือบวม แดง รอนผิดปกติ
6. เตานมทั้งสองขางไมอยูในระดับเดียวกัน
- 4. สาเหตุและปจจัยสงเสริมการเกิดโรคมะเร็งเตานม
สาเหตุของมะเร็งเตานม ปจจุบันยังไมเปนที่ทราบแนชัดถึงสาเหตุที่แทจริงของการเกิด แตเชื่อ
วามีสาเหตุสงเสริมหลายอยางรวมกัน การปฎิบัติตัวที่ดจะลดการเกิดมะเร็งเตานม
ี
• เปลี่ยนแปลงอาหาร เชนลดพวกเนื้อสัตวลง ลดอาหารไขมัน
• เลือกรับประทานอาหารผักหรือผลไม
• ควบคุมน้ําหนักมิใหอวน
• ออกกําลังกายสัปดาหละ 5 วันวันละ 30 นาที
• งดบุหรี่ และแอลกอฮอล
ปจจัยเสี่ยงที่ทําใหเกิดโรค
ขอมูลทางการแพทยเพียงสนับสนุนใหเราทราบวาอะไรเปนปจจัยเสียงที่ทาให สตรีมีโอกาส
่ ํ
เพิ่มขึ้นที่จะเปนโรคมะเร็งเตานมเทานั้น ไดแก
1. อายุ หลังเขาสูวัยหมดประจําเดือนหรือวัยทอง (Menopause) ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นโอกาสเปนโรคก็
สูงขึ้นตามไปดวย สวนมากจะเปนกันชวงอายุ 60 ปขึ้นไป แตระยะหลังดูเหมือนอายุเฉลี่ยที่พบโรคนี้จะ
ลดลงต่ําเรื่อยๆ
2. ประวัติเคยเปนโรคมะเร็งเตานมขางหนึง มีโอกาสสูงขึ้นที่จะตรวจพบโรคมะเร็งไดที่เตานม
่
อีกขางหนึ่งในเวลาตอมา
3. ประวัติโรคมะเร็งเตานมในญาติสายตรง (มารดา, พี่สาวนองสาวหรือลูกสาว)
4. เคยตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยือเตานม บางชนิดมากอน จากการตัดชิ้นเนื้อไป
่
ตรวจในอดีต แมครั้งนั้นจะยังไมใชโรคมะเร็งก็ตาม เชน เนื้อเยื่อชนิด Atypical hyperplasia, ชนิด
Lobular carcinoma in situ เปนตน
5. ความผิดปกติทางพันธุกรรมบางตัว การเปลี่ยนแปลงของยีนจําเพาะบางชนิด เชน BRCA 1,
BRCA 2
6. ประวัติทางนรีเวชที่บงชีแนวโนม เชน การมีบุตรคนแรกเมื่ออายุมากหรือไมเคยมีบุตรเลย,
้
เริ่มมีประจําเดือนครั้งแรกอายุนอยๆ (เชน นอยกวา 12 ป), หมดประจําเดือนชาหลังอายุ 55 ป, และการ
ใชฮอรโมนทดแทนในสตรีวัยทองโดยเฉพาะฮอรโมนชนิดรวม (Estrogen and progestin) สวนประวัติ
การแทงบุตรไมพบวามีความสัมพันธกับการเกิดโรคนี้
7. เชื้อชาติ สตรีกลุมชนผิวขาวมีโอกาสพบโรคมะเร็งเตานมไดบอยกวาสตรีเชื้อชาติอื่น
8. ประวัติการไดรบรังสีรักษาบริเวณหนาอก เมื่ออายุนอย เชน ใชเพื่อการรักษาโรคมะเร็งตอม
ั
น้ําเหลืองบางชนิด
- 5. 9. ประวัติการไดรับยาฮอรโมนกันแทง Diethylstilbestrol (DES) ซึ่งเคยเปนทีนิยมใชในสตรี
่
ตั้งครรภยุคกอน ค.ศ. 1970
10. การตรวจพบเนื้อเตานมที่มความหนาแนน หรือมีการสะสมไขมันเยอะจากการตรวจแมม
ี
โมแกรม (Mammogram) อาจพบโรคมะเร็งเตานมไดบอยขึ้น
11. ภาวะโรคอวน ลงพุง น้ําหนักเกิน ในสตรีวัยหมดประจําเดือน
12. การขาดการออกกําลังกาย หรือการใชชีวิตที่ออกแนวเฉื่อยชา ทําใหมีโอกาสเปนโรคอวน
และน้ําหนักเกินไดงาย
13. การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล ยิ่งดื่มมากพบวามีโอกาสสูงขึ้นที่จะเปนมะเร็งเตานม
การหลีกเลี่ยงจากปจจัยเสี่ยงที่พอจะเลี่ยงไดจะชวยลดความเสี่ยงตอการเกิดโรคมะเร็งเตานม
อยางไรก็ดี สตรีสวนใหญแมมีปจจัยเสียงก็ไมไดหมายความวาจะเปนโรคมะเร็ง ในขณะที่มีสตรีทเี่ ปน
่
มะเร็งเตานมหลายรายไมพบมีปจจัยเสียงเหลานี้เลย แมแตขอเดียว
่
การวินจฉัยโรค
ิ
เมื่อสตรีมาพบแพทยดวยอาการหรือการตรวจคัดกรองผิดปกติ จะไดรับการวินจฉัยตาม ิ
ขั้นตอนดังนี้
1. การซักประวัติเพิ่มเติม ถามถึงปจจัยเสี่ยงตางๆ, ทําการตรวจรางกาย, อาจสงตรวจแมมโมแกรมหรือ
ตรวจทางรังสีวิทยา (เอกซเรย) ที่จําเปนเพิมกอนพิจารณาวานาสงสัยและจําเปนตองตรวจวินจฉัยตอไป
่ ิ
หรือจะ นัดตรวจติดตามอยางไร
2. การเก็บตัวอยางเนื้อเยื่อเพือพิสูจนทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
่
• วิธีเจาะดูดของเหลวจากถุงน้ํา (Cyst) หรือกอนที่สงสัยดวยเข็มขนาดเล็ก (Fine-needle
aspiration - FNA) โดยแพทยจะใชเข็มเล็กๆ ดูดเอาของเหลวหรือเซลลออกจากกอนที่เตานม วิธีนี้ไม
คอยเจ็บ ในกรณีที่คลําไดกอนชัดเจน การเจาะดูดชิ้นเนือเพื่อนํามาตรวจจะไดผลทั้งในแงวินจฉัย โดย
้ ิ
นํามาตรวจดวยวิธีเซลลวิทยา (cytology) และอาจเปนวิธีรักษา (therapeutic purpose) ในกรณีที่เปนรอย
โรคของถุงน้ําที่ไมใชมะเร็ง ซึ่งในกรณีหลังนี้ไมจาเปนตองตรวจหรือรักษาเพิ่มเติม ถาผลการตรวจ
ํ
เซลลวิทยายืนยันวาไมเปนมะเร็ง
• การตัดชิ้นเนือสงตรวจดวยเข็มขนาดโต (Core needle biopsy) เนื้อเยื่อในบริเวณที่สงสัยจาก
้
การตรวจดวย mammogram จะถูกตัดออกมา โดยการใชเข็มขนาดใหญกวา การตรวจดวยวิธี
FNA เนื้อเยื่อที่ไดจะถูกสงไปที่หองปฏิบัติการเพื่อทําการตรวจโดยพยาธิแพทย วาเปนมะเร็ง
หรือไม วิธีน้เี จ็บมากขึ้นเล็กนอย แตผลการตรวจมีความแมนยํากวาการตรวจแบบแรก
• การตัดชิ้นเนือสงตรวจดวยการผาตัด (Surgical biopsy) การผามีอยู 2 อยาง คือ การผา
้
บางสวนของกอนเนื้องอกไปตรวจ (incisional biopsy) หรือการผาเอากอนทั้งหมดไปตรวจ (excisional
biopsy) ซึ่งพยาธิแพทยจะตรวจเนื้อเยื่อจากกอนที่ตัดได โดยการนําไปสองดูดวยกลองจุลทรรศน
- 6. 3. การตรวจเพิ่มเติมพิเศษ เชน MRI (Magnetic Resonance Imaging), การสงเนื้อเยือตรวจหาตัวรับ
่
ฮอรโมน (Hormone receptor) ซึ่งจะชวยบอกวาสตรีรายนันควรไดรับยา กลุมฮอรโมนหลังการรักษา
้
มาตรฐานหรือไม, การตรวจหาโปรตีนหรือยีนส HER2 ในเนื้อเยื่อเตานมเพื่อบอกการพยากรณโรค
ระยะของโรค
เมื่อไดรับการตรวจ และ/หรือ รวมกับการผาตัดแลว แพทยจะระบุระยะของโรคจากขนาดของกอน
เนื้อ การกระจายของโรคไปที่อวัยวะอืนและตอมน้ําเหลืองบริเวณใกลเคียงโดยเฉพาะ บริเวณรักแร การ
่
ทราบระยะของโรคมีความสําคัญในการวางแผนการรักษาและการพยากรณโรค
ลักษณะการกระจายและสถานที่ตั้ง อาจแบงมะเร็งเตานมออกเปน 2 ลักษณะคือ
1. มะเร็งเริ่มเปน (EARLY)
ระยะนี้พบบอยที่สุด โดยเซลลมะเร็งจะเริมตนที่เยื่อบุทอน้ํานม ทอน้ํานมนี้เชื่อมตอระหวาง
่
ตอมน้ํานมกับหัวนม มะเร็งประเภทที่พบบอยรองลงมา คือ ชนิดที่เกิดกับเนื้อตอมสรางน้ํานม ซึ่ง
ประกอบดวยเซลลผลิตน้ํานม ที่มาเรียงตอเปนกลีบเล็กกลีบนอย มะเร็งที่ตรวจพบไดตั้งแตยังเริ่มเปนอยู
ภายในทอน้ํานม จะมีโอกาสหายขาดไดมากกวา 95% ที่ไม 100% เพราะวา แมจะผาตัดกอนมะเร็ง
ออกไปแลว ยังอาจมีโอกาสที่เซลลมะเร็งไดลุกลามไปที่อื่นแลว จุดออนขณะนี้คือ ยังไมสามารถ
พยากรณ ไดวา มะเร็งรายใดจะลุกลามและรายใดจะคงเปนเฉพาะในเตานม อยางไรก็ตาม แมจะวินจฉัย
ิ
มะเร็งไดเนิ่นๆ แตมะเร็งยังอาจเกิดไดในอนาคต
2. มะเร็งชนิดรุกราน (INVASIVE)
มะเร็งชนิดนี้จะลุกลามไปนอกกลีบ หรือเนื้อตอมน้ํานมสูเนื้อเตานมทัวไป การคลํากอนแข็งที่
่
เตานมได มักจะเปนอาการแสดงของมะเร็งชนิดรุกราน มะเร็งเตานมสวนใหญจะปรากฏอยูหลายป กวา
จะคลํากอนได มะเร็ง มะเร็งรุกรานบางราย จะคงอยูในเตานมในขณะที่บางราย ลุกลามไปที่ตอม
น้ําเหลือง
3. มะเร็งชนิดลุกลาม (METASTATIC)
คํานี้ใชอธิบายมะเร็งที่ไดลุกลามไปยังสวนอื่นๆ ของรางกาย รวมทั้งตอมน้ําเหลือง กระดูก
ปอด ตับ และสมอง
การรักษามะเร็งเตานม
แผนการรักษามักขึ้นอยูกับระยะของโรค ขนาดของกอน รวมถึงขอพิจารณาอื่นๆ เชน อายุ
ผูปวย สถานภาพของประจําเดือน สุขภาพทั่วไป เปนตน
ในปจจุบนมีวธีการรักษาหลากหลายวิธี ไมวาจะเปนการผาตัด, รังสีรักษา, เคมีบําบัด, ฮอรโมน
ั ิ
บําบัดและสารประกอบชีวภาพ (Biological therapy) แพทยผูดูแลมักแนะนําใหใชการรักษาแบบ
ผสมผสานเพื่อผลการรักษาและการพยากรณ โรคที่ดีที่สุดโดยคํานึงถึงคุณภาพชีวตของผูปวยเปนสําคัญ
ิ
- 7. หลักการใหการรักษาโรคมะเร็งเตานมแบงเปน
การรักษาเฉพาะที่ (Local therapy) ไดแก การผาตัดและรังสีรักษา โดยใชการตัดเนื้อราย
ออกหรือทําลายเซลลมะเร็งเฉพาะบริเวณรอยโรคที่ตรวจพบ เชน ที่เตานม หรือใชเมือมีการกระจายของ
่
โรคไปปรากฏขึ้นเฉพาะที่อวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง
การรักษาแบบทั้งรางกาย (Systemic therapy) ไดแก ยาเคมีบําบัด, ฮอรโมนบําบัด และ
สารประกอบชีวภาพ เมื่อกินหรือฉีดสารเหลานี้จะซึมผานเขาในกระแสเลือดไปยังทุกสวนของรางกาย
ชวยทําลายและยับยั้งการเจริญของเซลลมะเร็ง การรักษาแบบทั้งรางกายนี้มักใชผสมผสานเสริมกับการ
รักษาเฉพาะที่เพื่อ ปองกันการกลับเปนซ้ําของโรคและในกรณีที่มการกระจายของโรคออกจากบริเวณ
ี
เตานม
แนวทางการปองกันมะเร็งเตานม
โรคมะเร็งเปนโรคที่พบไดบอยโดยเฉพาะในปจจุบันซึ่งมีมลภาวะจากการพัฒนาประเทศ และ
ประชาชนขาดความเอาใจใสตอสุขภาพตนเอง ขาดการออกกําลังกาย รับประทานอาหารไมเลือก
เหลานี้ลวนเปนสาเหตุใหมีโอกาสเปนมะเร็งเพิ่มขึ้น โรคมะเร็งเปนโรคที่ปองกันได และสามารถรักษา
ใหหายขาดไดหากสามารถวินิจฉัยไดตั้งแตเริ่มเปน
มะเร็งเกือบทุกชนิดหากคนพบในระยะเริ่มแรกจะใหการรักษาไดผลดี ดังนั้นการคนพบตั้งแต
เริ่มเปนจึงมีความสําคัญเปนอยางยิ่ง มะเร็งเตานมเปนมะเร็งที่พบไดบอย เปนเรื่องที่ไมไกลตัวสําหรับ
ผูหญิงทั้งหลาย และโรคนี้สามารถพบไดในผูชาย ดังนั้นไมวาจะเปนหญิงหรือชายควรจะตรวจเตานม
ตัวเอง การตรวจเตานมดวยตัวเอง ควรจะตรวจอยางนอยเดือนละครั้ง ระยะเวลาที่เหมาะสมในการ
ตรวจคือหลังจากประจําเดือนหมด สวนการตรวจเตานมโดยแพทย ควรตรวจตั้งแตอายุ 20 ปขึ้นไปโดย
ตรวจทุก 3 ป สวนผูที่อายุมากกวา 40 ปขึ้นไปควรตรวจเปนประจําทุก 1 ป และเมื่อมีอาการและ
อาการแสดงหรือตรวจพบสิงผิดปกติดังตอไปนี้ควรที่จะตองรีบปรึกษาแพทย คือ
่
• พบกอนหรือเนื้อที่เปนไตแข็งผิดปกติที่เตานมถึงบริเวณรักแร
• มีนําเหลืองและเลือดไหลจากหัวนม
้
• ผิวหนังบริเวณเตานมมีรอยบุม
• หัวนมถูกดึงรังจนผิดปกติ
้
• เตานมทั้งสองขางไมอยูในระดับเดียวกัน
• ขนาด และรูปรางเตานมทั้งสองขางตางกันอยางผิดปกติ
การตรวจคัดกรองมะเร็งเตานม
การตรวจคัดกรองเปนการชวยคนหาโรคตั้งแตระยะเริ่มตน ซึ่งชวยเพิ่มโอกาสการรักษาโรคให
หายขาด การตรวจคัดกรองมะเร็งเตานม ไดแก
- 8. 1. การตรวจเตานมดวยตัวเอง (Breast self-examination) เมื่อเริ่มอายุ 20 ปขึ้นไป ควรทําการ
ตรวจ เตานมดวยตนเองทุกเดือนอยางนอยเดือนละครั้ง อยางถูกวิธี ชวงเวลาที่เหมาะสมสําหรับการ
ตรวจคือ 5 ถึง 7 วัน นับจากประจําเดือนหมด สวนสตรีที่หมดประจําเดือนใหกําหนดวันทีจดจํางายและ
่
ตรวจในวันเดียวกันของทุก เดือน การตรวจเตานมดวยตนเองตองตรวจตามวิธีที่ถูกตองและสม่ําเสมอ
จะสามารถตรวจพบ กอนไดตั้งแตยังมีขนาดไมโตมากนักซึ่งการรักษาจะไดผลดี วิธการตรวจเตานม
ี
ดวยตนเอง ซึ่งจะกลาวถึงรายละเอียดวิธการตรวจเตานมดวยตนเองตอไป
ี
2. การตรวจเตานมโดยแพทยหรือเจาหนาที่ทางการแพทยที่มีความชํานาญ ควรตรวจตั้งแตอายุ
20ขึ้นไปโดยตรวจทุก 3 ป สวนผูที่อายุมากกวา 40 ปตวรจะตรวจดวยแพทยทุกป
3. การตรวจดวย Mamogram สามารถตรวจพบกอนกอน 2 ป การตรวจ Mamogram เปนการ
ตรวจที่ดีทจะคนพบมะเร็งในระยะเริ่มตนแนะนําใหเริ่มตรวจตั้งแตอายุ 40 ปขึ้นไป โดยเฉพาะกลุมที่
ี่
เสี่ยงตอการเกิดมะเร็งเตานม สําหรับผูที่มีความเสี่ยงตอการเกิดมะเร็งต่ําแนะนําใหตรวจ Mamogram
หลังอายุ 50 ป
วิธีการตรวจเตานมดวยตนเอง
1. ตรวจขณะยืนหนากระจก
1.1 ยืนสองกระจก ปลอยแขนแนบขางลําตัวตามสบาย เปรียบเทียบเตานมทั้งสองขาง สังเกตดู
การเปลี่ยนแปลงลักษณะของรูปราง, ขนาดหรือสีของหัวนม สังเกตดูระดับของหัวนมแตละขางวา
เทากันหรือไม มีปนหรือผื่นบนหัวนมหรือไม มีผิวหนังบุมลงหรือไม มีการบิดเบี้ยว การดึงรั้งของเตา
นมหรือหัวนม ความสูง-ต่ําของหัวนม หรือมีสิ่งผิดปกติอ่น ๆ หรือไม
ื
1.2 ยืนประสานมือทั้งสองขางเหนือศีรษะ หันดานขางสองกระจกดูทีละขาง แลวกลับมาอยูใน
ทาทาวสะเอว พรอมทั้งตรวจดูสิ่งที่ผิดปกติ เหมือนในขอ 1.1
- 9. 1.3 หันหนาตรงเขากระจกอีกครั้ง เอามือจับสะโพกทั้งสองขาง และกดสะโพกไวแรงๆ จน
ทานรูสกวากลามเนื้อที่หนาอกของทานแข็งเกร็งขึ้นมา สังเกตความผิดปกติอีกครั้ง
ึ
1.4 ยืนโนมตัวโคงไปขางหนา โดยใชมอทั้งสองขางวางบนเขาใหหนาอกสองขางหอยดิ่งลง
ื
จะทําใหมองเห็นความผิดปกติไดชดเจนมากขึ้น สังเกตดูวามีรอยบุม หรือโปงพองของผิวหนังที่เตานม
ั
หรือไม สังเกตดูรูปรางของเตานม และสังเกตวามีรอยบุมที่หัวนมทั้งสองขางหรือไม
รูปที่ 7 แสดงการตรวจเตานมขณะยืน
2. ตรวจขณะนอนราบ
2.1 นอนราบในทาที่สบายแลวสอดหมอน หรือมวนผาใตไหลขางใดขางหนึ่ง ยกแขนดาน
เดียวกับเตานมที่จะตรวจเหนือศีรษะเพื่อใหเตานมดานนันลอยขึ้น ซึ่งจะทําใหคลําพบกอน หรือพบสิ่ง
้
ผิดปกติไดงายขึ้น โดยเฉพาะสวนบนดานนอกของเตานม ซึ่งมีเนื้อนมหนามากที่สุด และเกิดมะเร็งบอย
กวาสวนอื่น มองสํารวจเตานมใหทวสังเกตดูลักษณะผิดปกติ
ั่
- 10. 2.2 เริ่มตรวจขางที่ถนัดกอน โดยใชปลายนิวมือสามนิ้ว คือ นิวชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง คลํา
้ ้
ทั่วทั้งเตานม น้ําหนักกดทีปลายนิ้วแรงและลึกพอสมควร ขึ้นอยูกับขนาดเตานม ที่สําคัญคือ หามบีบ
่
เนื้อเตานม เพราะอาจทําใหรูสึกวามีกอน ซึ่งจริงๆ แลวไมใช
2.3 คลําที่ใตรักแร ถามีตอมน้ําเหลืองโตจะคลําไดเปนกอนที่ใตรักแร และตรวจคลําเตานมอีก
ขางในลักษณะเดียวกัน
รูปที่ 8 แสดงการตรวจเตานมขณะนอนราบ
3. ตรวจขณะอาบน้ํา วิธีนี้เหมาะสําหรับผูหญิงที่มีเตานมขนาดเล็ก
3.1 ใหวางมือขางเดียวกับเตานมขางที่ตองการตรวจบนเหนือศีรษะ แลวใชมืออีกขางคลําใน
ทิศทางเดียวกับที่คลําในทายืนตรวจ
3.2 สําหรับผูหญิงที่มีเตานมขนาดใหญ ใหใชมือขางนั้นประคองและตรวจคลําเตานมจาก
ดานลาง สวนมืออีกขางใหคลําจากดานบน
รูปที่ 9 แสดงการตรวจเตานมขณะอาบน้ํา
- 11. ## อยาลืม ใชปลายนิ้วหัวแมมือ และนิ้วชี้บีบตั้งแตขอบลานหัวนม (Areola) เขาหากันที่หวนม ดูวามี
ั
สิ่งผิดปกติไหลออกจากหัวนมหรือไม ถามี ลักษณะของเหลวที่ออกมาเปนอยางไร
ลักษณะวิธีการคลํา มีหลายแบบดังนี้
การคลําแบบกนหอย
คลําโดยเริ่มจากการคลําเปนวงกลมกวาง ๆ ดานนอกขอบเตานมกอน แลววนใหวงกลมนี้แคบ
เขาสูหัวนม โดยในการคลําใหใชปลายนิวมือออกแรงทังคลําและกดลงที่เตานมวนอยูกับที่เปนวงกลม
้ ้
เล็ก ๆ แลวคอยขยับยายทีใหทั่ว ๆ วนเปนวงรอบใหญจนกระทั่งถึงหัวนม น้ําหนักกดแรงหรือเบามาก
่
นอยขึ้นอยูกับขนาดของเตานม
รูปที่ 10 แสดงลักษณะการคลําเตานมแบบกนหอย
การคลําแบบดาวกระจาย
จินตนาการแบงเตานมออกเปนชวง ๆ ตามเข็มนาฬิกา เริ่มตน คลําจาก 12 นาฬิกา โดยเริ่มกด
จากหัวนมเปนเสนตรงผานลานหัวนมออกไปสูฐานของเตานม แลวขยับไปที่ 1, 2, 3 นาฬิกา คลํายาย
ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งครบทัวพื้นที่เตานม
่
รูปที่ 11 แสดงลักษณะการคลําเตานมแบบดาวกระจาย
- 12. การคลําแบบขึนและลง
้
จินตนาการวา เตานมเปนลูกคลื่นในทะเล ใชปลายนิ้วมือคลําโดยกดวนเปนวงกลมเล็ก ๆ ย้ํา
อยูกับที่ และใหคลําเตานมยายที่ในทิศทางขึ้น และลงตามยอดคลื่น
รูปที่ 12 แสดงลักษณะการคลําเตานมแบบขึ้นและลง
รายการอางอิง
ชาญวิทย ตันติ์พิพัฒน และธนิต วัชรพุกก. (2541). ตําราศัลยศาสตร. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ
แหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
ชวนพิศ นรเดชานนท. (2547). เคมีบําบัด: หลักการพยาบาล. กรุงเทพฯ: คณะพยาบาลศาสตร
มหาวิทยาลัยมหิดล.
พวงทิพย ชัยพิบาลสฤษดิ์ และคณะ. (2546). โครงการวิจัยเรื่องมาตรฐานการพยาบาลผูปวยโรคมะเร็ง
เตานม. คณะพยาบาลศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย: กรุงเทพฯ.
สุจินดา ริมศรีทอง และคณะ. (2552). พยาธิสรีรวิทยาทางการพยาบาล. พิมพครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ:
ภาควิชาพยาบาลศาสตร คณะแพทยศาสตร โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
สุรพงษ สุภาภรณ และคณะ. (2547). มะเร็งเตานม. พิมพครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพยาบาลพระมงกุฎ
เกลา สมาคมศัลยแพทยนานาชาติแหงประเทศไทย.