SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  14
“ กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา…” พระสวดไป ใจยังวุ่นวาย รับรู้ไม่ได้ว่าสวดอะไร คงสวดให้ผู้ตายฟัง เรานั่งเฉย ๆ ก็พอ ฟังพระสวดเพื่อมารยาท  คงพลาดอานิสงฆ์  ใจคงไม่เข้าใจ ถ้าฟังไป ภาวนาไป  ใจคงเห็นความจริง ว่าที่นอนนิ่ง ๆ นั่นมิใช่ใคร  คนเคยมีหัวใจเช่นเรา วันนี้เป็นโอกาสเขา  “ พรุ่งนี้อาจเป็นโอกาสเรา” พระสวด
เสียงเคาะโลง มีเสียงพูดเบา ๆ จากผู้เคาะว่า  “ รับศีลนะ ทานข้าวนะ ฟังพระสวดนะ” ทำไปเพื่ออะไร  หรือเพียงแค่เคยทำตามกันมา หรือว่า “เคาะประชดคนเป็น”  ในยามมีชีวิตอยู่ เตือนแค่ไหนก็เตือนเถิด  ดูเหมือนไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้ ในยามนี้ เตือนไปก็คงไร้ความหมาย คนตายจะไปรับรู้อะไร เคาะเตือนคนเป็น ให้เห็นถึงความจริงว่า  “ สิ่งที่ดีเร่งขวนขวาย”  วัว ควาย ช้าง ม้ายามมันมรณาประโยชน์ได้  มนุษย์นี่ซิเน่าเปื่อยสูญเปล่าไป ดีชั่วที่ทำไว้ส่องให้โลกเห็น เคาะโลง
ชีวิตใครบางคน ถ้าไม่ตาย ก็คงไม่มีใครให้ความสนใจ มากมายเช่นนี้ อาหาร ผลไม้นานาชนิด จัดเรียงรายด้านหน้าโลง สิ่งใดที่ผู้ตายชอบใจ แพงแค่ไหนก็แสวงหามา เพื่อเป็นเครื่องเซ่น แด่ดวงวิญญาณ  ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ในยามผู้ตายมีชีวิตอยู่ เราคงได้เห็นสีหน้า  และได้รับคำขอบใจ อาหารก็ยังคงเป็นประโยชน์ แก่ผู้รับด้วย แต่เวลานี้…ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างคงอยู่สภาพเดิม บุคคลที่จะรับวัตถุสิ่งของเรา ขณะนี้เขาไม่รับรู้อะไรแล้ว  หรือว่าทำไป  เพียงเพื่อสนองความรู้สึกเรา ในยามมีชีวิตถ้าเราแสดงออก ซึ่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กัน คงจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าเหตุการณ์ “ อาหารหน้าโลง” เป็นแน่ อาหารหน้าโลง
ในยามสูญเสีย บุคคลอันเป็นที่รัก หรือญาติมิตร คงไม่มีใครคิดที่จะดีใจ  พกพาความสุขและรอยยิ้มหรอกนะ  สีดำ…เป็นสีแห่งความทุกข์ โลกให้ความหมายไว้เช่นนั้น  ในยามมีงานศพ เรามักพบแต่คนใส่ชุดสีดำส่วนมาก  บ่งบอกว่า “กำลังไว้ทุกข์” ความจริงแล้วความทุกข์ของคน  ใช่ว่าจะมีเรื่องความตาย สิ่งเดียวนั้นหาได้ไม่ “การเกิด การแก่ การเจ็บ ความผิดหวัง” สิ่งเหล่านี้ก็คือความทุกข์ทั้งสิ้น การใส่ชุดสีดำมางานศพ เพื่อบอกว่าเป็นการไว้ทุกข์ เป็นการทำตามประเพณี  แต่ถ้าจะให้ดีต้องไว้ทุกข์ด้วยใจ เพ่งถึงสภาวะความพลัดพราก  ความไม่แน่นอน และบอกตัวเองว่าเหตุการณ์เช่นนี้ คงต้องเกิดขึ้นกับเรา ชุดสีดำ
เสียงพระบริกรรม ในขณะพิจารณาผ้าบังสุกุลว่า…  “ อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน  อุปปัชชิตตะวา นิรุชฌันติเตสัง วูปะสะโม สุโข”  แปลความว่า… . ร่างกายนี้หนอ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกสลายไป เป็นธรรมดา การพิจารณาร่างกายให้เห็น  เป็นธรรมดา นั่นแหละหนา “คือ ความสงบสุข”  บทพิจารณาบทนี้ ถ้ามีในใจใคร ถ้าสิ้นลมหายใจไปดูไม่จำเป็น ที่จะให้พระรูปใด ต้องมาพิจารณา แต่…ดูเหมือนว่า คนไม่กล้าพิจารณาเพราะกลัวว่า “จะตายไว” ทอดผ้าบังสุกุล
ดอกไม้จันทร์นับพันดอก ที่เหล่าญาติมิตรวางไว้ เพื่อไว้อาลัยกับการจากไป ของบุคคลที่ตนรัก  บางคนวางลงทั้งน้ำตา ในใจบ่นว่า “ไม่น่าเลย”  บางคนวางลงพร้อมเสียงร้องไห้ ในใจบ่นว่า “ทำไมต้องตายด้วย”  บางคนวางลงพร้อมด้วยความสลดใจ ในใจบ่นว่า  “ เราก็จะเป็นเช่นคุณ”  บางคนวางลงพร้อมใจสงบนิ่งในใจ “ไม่ได้คิดอะไรเลย” ดอกไม้จันทร์ดอกนั้น ไม่คู่กับตัวฉันในวันที่นี้ แต่… จะคู่กับฉัน ในวันที่ฉันสิ้นลมหายใจ ... ดอกไม้จันทน์
การกระทำที่เกิดจากความคิด หวังให้ผู้ตายได้มีเงินใช้  จึงปรากฏเหรียญบาทในปากผี มนุษย์ผู้มีสติปัญญา มองเห็นว่า… นี่หนามนุษย์ ในที่สุด แม้เงินที่ใส่ไว้ในปาก ก็ไม่อาจเอาไปได้  แต่…ทำไมหนอชีวิตทั้งชีวิตจึงบ้าแต่กับคำว่า “เงิน” อยู่ตลอด วันตลอดคืน “เงิน” คือพระเจ้าที่สามารถดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้  แต่ไม่อาจดลบันดาลให้มนุษย์พบแสงสว่างแห่งความจริงได้ว่า ...  “ ชีวิต คือ ความทุกข์”  เพราะว่า…เงินคือสิ่งโกหกมนุษย์อยู่ตลอดเวลาว่า  “ ชีวิต คือ ความสุข” เหรียญบาทในปากผี
ต่างอยากเห็นหน้าว่า เวลานี้เจ้าเป็นเช่นไร  พอเปิดโลงไป ทุกคนต่างเมินหน้าหนี ถึงจะสวยงดงามดังเทพี  ก็คงไม่มีใครที่จะสนใจเจ้า ดูหน้าศพแล้วย้อนดูหน้าเรา  คนมีชีวิตเขลาหรือไม่หนอ พยายามเสริมแต่งตามคำยอ  เพื่อลวงล่อให้คนชม แท้ที่จริงเห็นความจริงมั้ย ว่าสวยสักปานใด พอเปิดโลงไป ทำไมต้องเมินหน้าหนี “ ความสวย คง แพ้ความดี”  พึงทำให้มีดีจะสวยตลอดกาล ดูหน้า…ครั้งสุดท้าย
ในสมัยยังมีชีวิตอยู่ สู้แสวงหาเครื่องสำอางที่มีราคา  เพียงเพื่อว่า…ให้ร่างกายข้าสวยสดงดงาม  มาบัดนี้…เพียงสิ้นลมไม่กี่นาที กลิ่นที่ดีก็สูญสิ้นไป  คนเคยชมเจ้าว่า…งามสง่า กลิ่นกายาเจ้าแสนหอม  คนเคยยื้อแย่งและรุมตอม มาบัดนี้…จ้างก็ไม่ยอมเข้าชิดกายา แถมยังบ่นว่า…เจ้าช่างเหม็นจัง คิดบ้างเถอะว่าอย่าบ้าไปกับสังขาร อย่าหลอกตัวเองเลยนงคราญ อีกไม่นานก็ทุเรศสิ้นดี เพียรสร้างตัวให้มีแต่ความดี กลิ่นเจ้านี้ก็จะหอมมั่นคง  ชั่วนิจนิรันดร์ โดยไม่มีวันจืดจาง กลิ่นศพ
“ เมรุมาศสวยบาดตา รู้มั้ยว่าเราไว้ทำอะไร”  ชีวิตก็แค่นี้ ถ้าไม่ฝังก็เผา  เราเคยเดินขึ้นเมรุเพื่อวางดอกไม้จันทร์  นับครั้งไม่ถ้วน  วางดอกไม้ลงปลงใจไม่ได้ว่า  “ เราก็จะเป็นเช่นเขา”  เดินลงจากเมรุเริ่มคิดโครงการถึงเรื่องงาน และเรื่องเงิน คิดจนเพลินจนลืมคิดว่า  “ คนเราไม่พ้นเมรุ” เมรุ
ไม่กี่นาที ร่างกายนี้ที่ไร้วิญญาณ  ก็ถูกไฟเผาผลาญจนเป็นเถ้าถ่านโดยสิ้นเชิง  แต่นั้นไฟมันเผาตอนตายแล้ว  ในตอนที่มีชีวิตอยู่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า  “ มนุษย์ที่ยังไม่พ้นจากกิเลสตัณหา ย่อมถูกกระแสแห่งไฟโทสะ  ไฟโมหะ ไฟโลภะ  เผาอยู่ตลอดเวลา” ยอมไม่ได้ ให้อภัยไม่ได้ รู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก  จมปลักกับกระแสแห่งโลกีย์ จนใคร ๆ เตือนไม่ได้  ปรารถนาจนนอนไม่หลับดูซิ…ถูกเผาแค่ไหน น่าสงสารใจดวงนี้จัง ไฟ
สัปเหร่อ บรรจงเก็บกระดูกใส่ถาดเพื่อนำไปเก็บไว้  มองดูไม่เห็นมีอะไรคงเห็นเพียง “เศษกระดูก”  ชีวิตคนถ้ากระดูกจะมีค่าก็ต่อเมื่อ  ชีวิตทั้งชีวิตเป็นคนดี  ถ้าไร้ซึ่งความดี กระดูกกองนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับกระดูกของสัตว์  บางครั้งยังสู้กระดูกสัตว์ไม่ได้  เห็นกระดูกในถาดอาจเห็นธรรมในใจได้ถ้าคิดเป็น  ไม่สักแต่ว่าเห็น ว่านั่นคือกระดูกคน กระดูก
ยามมีชีวิตอยู่ ใครก็รู้ว่า ที่อยู่เจ้าใหญ่โต  มาบัดนี้ที่อยู่เจ้าช่างคับแคบเหลือเกิน  แสวงหา กอบโกย คดโกงต่อสู้เพื่อให้ได้มาทุกวิถีทาง ในที่สุดแห่งชีวิต “ก็…แค่นี้” ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ที่เก็บกระดูก
คนที่ไม่เคยบอกความจริงกับชีวิตตัวเองว่า  “ เดี๋ยวก็ตาย”  เป็นคนที่น่าเป็นห่วงยิ่งนัก  คนที่ไม่ยอมรับความจริง บนความจริงที่ปรากฏกับชีวิต เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในโลก ฝากไว้สะกิดใจ

Contenu connexe

Tendances

กลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรกลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรTongsamut vorasan
 
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นPanda Jing
 
บทความพระมเหลเถไถ คันฉ่องส่องเงาแปลก
บทความพระมเหลเถไถ คันฉ่องส่องเงาแปลกบทความพระมเหลเถไถ คันฉ่องส่องเงาแปลก
บทความพระมเหลเถไถ คันฉ่องส่องเงาแปลกItt Bandhudhara
 

Tendances (7)

สาระวิทย์ ฉบับที่ 32 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558
สาระวิทย์ ฉบับที่ 32 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558สาระวิทย์ ฉบับที่ 32 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558
สาระวิทย์ ฉบับที่ 32 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558
 
สาระวิทย์ ฉบับที่ 35 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2559
สาระวิทย์ ฉบับที่ 35 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2559สาระวิทย์ ฉบับที่ 35 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2559
สาระวิทย์ ฉบับที่ 35 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2559
 
สาระวิทย์ ฉบับที่ 27, ประจำเดือนมิถุนายน 2558
สาระวิทย์ ฉบับที่ 27, ประจำเดือนมิถุนายน 2558สาระวิทย์ ฉบับที่ 27, ประจำเดือนมิถุนายน 2558
สาระวิทย์ ฉบับที่ 27, ประจำเดือนมิถุนายน 2558
 
กลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทรกลอนพระมหาทองสมุทร
กลอนพระมหาทองสมุทร
 
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่นพุดซ้อนซ่อนกลิ่น
พุดซ้อนซ่อนกลิ่น
 
บทความพระมเหลเถไถ คันฉ่องส่องเงาแปลก
บทความพระมเหลเถไถ คันฉ่องส่องเงาแปลกบทความพระมเหลเถไถ คันฉ่องส่องเงาแปลก
บทความพระมเหลเถไถ คันฉ่องส่องเงาแปลก
 
สาระวิทย์ ฉบับที่ 19, ตุลาคม 2557
สาระวิทย์ ฉบับที่ 19, ตุลาคม 2557สาระวิทย์ ฉบับที่ 19, ตุลาคม 2557
สาระวิทย์ ฉบับที่ 19, ตุลาคม 2557
 

Similaire à อนิจจา วัตสังขารา

Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยากMakeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยากPhairot Odthon
 
Luangpoo lee
Luangpoo leeLuangpoo lee
Luangpoo leeMI
 
Luangpoo thon
Luangpoo thonLuangpoo thon
Luangpoo thonMI
 
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54dentyomaraj
 
คำนำทำ 3 ภาวนา
คำนำทำ 3 ภาวนาคำนำทำ 3 ภาวนา
คำนำทำ 3 ภาวนาSongsarid Ruecha
 
พระป่ากับคติธรรม
พระป่ากับคติธรรมพระป่ากับคติธรรม
พระป่ากับคติธรรมWachiraporn Kamnak
 
ธรรม
ธรรมธรรม
ธรรมaon04937
 
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Phasuk Teerachat
 
คิดต่าง สร้างใหม่
คิดต่าง  สร้างใหม่คิดต่าง  สร้างใหม่
คิดต่าง สร้างใหม่Chu Ching
 
Luangta mahabua1
Luangta mahabua1Luangta mahabua1
Luangta mahabua1MI
 
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยนิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยkadsara2020
 
ลอยกระทง
ลอยกระทงลอยกระทง
ลอยกระทงwilasinee k
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยAchara Sritavarit
 
ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตTaweedham Dhamtawee
 
เลือกที่จะมอง
เลือกที่จะมองเลือกที่จะมอง
เลือกที่จะมองPanda Jing
 

Similaire à อนิจจา วัตสังขารา (17)

Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยากMakeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
Makeeasy - ชีวิตทำให้ง่าย ก็สุขได้ไม่ยาก
 
Luangpoo lee
Luangpoo leeLuangpoo lee
Luangpoo lee
 
Luangpoo thon
Luangpoo thonLuangpoo thon
Luangpoo thon
 
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
 
คำนำทำ 3 ภาวนา
คำนำทำ 3 ภาวนาคำนำทำ 3 ภาวนา
คำนำทำ 3 ภาวนา
 
พระป่ากับคติธรรม
พระป่ากับคติธรรมพระป่ากับคติธรรม
พระป่ากับคติธรรม
 
ธรรม
ธรรมธรรม
ธรรม
 
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
Wateb หนังสือ เก้าสิบเจ็ดปีแล้ว...สักการแก้วอรหันต์
 
คิดต่าง สร้างใหม่
คิดต่าง  สร้างใหม่คิดต่าง  สร้างใหม่
คิดต่าง สร้างใหม่
 
Luangta mahabua1
Luangta mahabua1Luangta mahabua1
Luangta mahabua1
 
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยนิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
 
ลอยกระทง
ลอยกระทงลอยกระทง
ลอยกระทง
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
 
ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ธรรมะเสวนา หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
 
เลือกที่จะมอง
เลือกที่จะมองเลือกที่จะมอง
เลือกที่จะมอง
 
One Pointed Mind
One Pointed MindOne Pointed Mind
One Pointed Mind
 
Shortstory
ShortstoryShortstory
Shortstory
 

อนิจจา วัตสังขารา

  • 1. “ กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา…” พระสวดไป ใจยังวุ่นวาย รับรู้ไม่ได้ว่าสวดอะไร คงสวดให้ผู้ตายฟัง เรานั่งเฉย ๆ ก็พอ ฟังพระสวดเพื่อมารยาท คงพลาดอานิสงฆ์ ใจคงไม่เข้าใจ ถ้าฟังไป ภาวนาไป ใจคงเห็นความจริง ว่าที่นอนนิ่ง ๆ นั่นมิใช่ใคร คนเคยมีหัวใจเช่นเรา วันนี้เป็นโอกาสเขา “ พรุ่งนี้อาจเป็นโอกาสเรา” พระสวด
  • 2. เสียงเคาะโลง มีเสียงพูดเบา ๆ จากผู้เคาะว่า “ รับศีลนะ ทานข้าวนะ ฟังพระสวดนะ” ทำไปเพื่ออะไร หรือเพียงแค่เคยทำตามกันมา หรือว่า “เคาะประชดคนเป็น” ในยามมีชีวิตอยู่ เตือนแค่ไหนก็เตือนเถิด ดูเหมือนไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้ ในยามนี้ เตือนไปก็คงไร้ความหมาย คนตายจะไปรับรู้อะไร เคาะเตือนคนเป็น ให้เห็นถึงความจริงว่า “ สิ่งที่ดีเร่งขวนขวาย” วัว ควาย ช้าง ม้ายามมันมรณาประโยชน์ได้ มนุษย์นี่ซิเน่าเปื่อยสูญเปล่าไป ดีชั่วที่ทำไว้ส่องให้โลกเห็น เคาะโลง
  • 3. ชีวิตใครบางคน ถ้าไม่ตาย ก็คงไม่มีใครให้ความสนใจ มากมายเช่นนี้ อาหาร ผลไม้นานาชนิด จัดเรียงรายด้านหน้าโลง สิ่งใดที่ผู้ตายชอบใจ แพงแค่ไหนก็แสวงหามา เพื่อเป็นเครื่องเซ่น แด่ดวงวิญญาณ ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ในยามผู้ตายมีชีวิตอยู่ เราคงได้เห็นสีหน้า และได้รับคำขอบใจ อาหารก็ยังคงเป็นประโยชน์ แก่ผู้รับด้วย แต่เวลานี้…ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างคงอยู่สภาพเดิม บุคคลที่จะรับวัตถุสิ่งของเรา ขณะนี้เขาไม่รับรู้อะไรแล้ว หรือว่าทำไป เพียงเพื่อสนองความรู้สึกเรา ในยามมีชีวิตถ้าเราแสดงออก ซึ่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กัน คงจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าเหตุการณ์ “ อาหารหน้าโลง” เป็นแน่ อาหารหน้าโลง
  • 4. ในยามสูญเสีย บุคคลอันเป็นที่รัก หรือญาติมิตร คงไม่มีใครคิดที่จะดีใจ พกพาความสุขและรอยยิ้มหรอกนะ สีดำ…เป็นสีแห่งความทุกข์ โลกให้ความหมายไว้เช่นนั้น ในยามมีงานศพ เรามักพบแต่คนใส่ชุดสีดำส่วนมาก บ่งบอกว่า “กำลังไว้ทุกข์” ความจริงแล้วความทุกข์ของคน ใช่ว่าจะมีเรื่องความตาย สิ่งเดียวนั้นหาได้ไม่ “การเกิด การแก่ การเจ็บ ความผิดหวัง” สิ่งเหล่านี้ก็คือความทุกข์ทั้งสิ้น การใส่ชุดสีดำมางานศพ เพื่อบอกว่าเป็นการไว้ทุกข์ เป็นการทำตามประเพณี แต่ถ้าจะให้ดีต้องไว้ทุกข์ด้วยใจ เพ่งถึงสภาวะความพลัดพราก ความไม่แน่นอน และบอกตัวเองว่าเหตุการณ์เช่นนี้ คงต้องเกิดขึ้นกับเรา ชุดสีดำ
  • 5. เสียงพระบริกรรม ในขณะพิจารณาผ้าบังสุกุลว่า… “ อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน อุปปัชชิตตะวา นิรุชฌันติเตสัง วูปะสะโม สุโข” แปลความว่า… . ร่างกายนี้หนอ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกสลายไป เป็นธรรมดา การพิจารณาร่างกายให้เห็น เป็นธรรมดา นั่นแหละหนา “คือ ความสงบสุข” บทพิจารณาบทนี้ ถ้ามีในใจใคร ถ้าสิ้นลมหายใจไปดูไม่จำเป็น ที่จะให้พระรูปใด ต้องมาพิจารณา แต่…ดูเหมือนว่า คนไม่กล้าพิจารณาเพราะกลัวว่า “จะตายไว” ทอดผ้าบังสุกุล
  • 6. ดอกไม้จันทร์นับพันดอก ที่เหล่าญาติมิตรวางไว้ เพื่อไว้อาลัยกับการจากไป ของบุคคลที่ตนรัก บางคนวางลงทั้งน้ำตา ในใจบ่นว่า “ไม่น่าเลย” บางคนวางลงพร้อมเสียงร้องไห้ ในใจบ่นว่า “ทำไมต้องตายด้วย” บางคนวางลงพร้อมด้วยความสลดใจ ในใจบ่นว่า “ เราก็จะเป็นเช่นคุณ” บางคนวางลงพร้อมใจสงบนิ่งในใจ “ไม่ได้คิดอะไรเลย” ดอกไม้จันทร์ดอกนั้น ไม่คู่กับตัวฉันในวันที่นี้ แต่… จะคู่กับฉัน ในวันที่ฉันสิ้นลมหายใจ ... ดอกไม้จันทน์
  • 7. การกระทำที่เกิดจากความคิด หวังให้ผู้ตายได้มีเงินใช้ จึงปรากฏเหรียญบาทในปากผี มนุษย์ผู้มีสติปัญญา มองเห็นว่า… นี่หนามนุษย์ ในที่สุด แม้เงินที่ใส่ไว้ในปาก ก็ไม่อาจเอาไปได้ แต่…ทำไมหนอชีวิตทั้งชีวิตจึงบ้าแต่กับคำว่า “เงิน” อยู่ตลอด วันตลอดคืน “เงิน” คือพระเจ้าที่สามารถดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ไม่อาจดลบันดาลให้มนุษย์พบแสงสว่างแห่งความจริงได้ว่า ... “ ชีวิต คือ ความทุกข์” เพราะว่า…เงินคือสิ่งโกหกมนุษย์อยู่ตลอดเวลาว่า “ ชีวิต คือ ความสุข” เหรียญบาทในปากผี
  • 8. ต่างอยากเห็นหน้าว่า เวลานี้เจ้าเป็นเช่นไร พอเปิดโลงไป ทุกคนต่างเมินหน้าหนี ถึงจะสวยงดงามดังเทพี ก็คงไม่มีใครที่จะสนใจเจ้า ดูหน้าศพแล้วย้อนดูหน้าเรา คนมีชีวิตเขลาหรือไม่หนอ พยายามเสริมแต่งตามคำยอ เพื่อลวงล่อให้คนชม แท้ที่จริงเห็นความจริงมั้ย ว่าสวยสักปานใด พอเปิดโลงไป ทำไมต้องเมินหน้าหนี “ ความสวย คง แพ้ความดี” พึงทำให้มีดีจะสวยตลอดกาล ดูหน้า…ครั้งสุดท้าย
  • 9. ในสมัยยังมีชีวิตอยู่ สู้แสวงหาเครื่องสำอางที่มีราคา เพียงเพื่อว่า…ให้ร่างกายข้าสวยสดงดงาม มาบัดนี้…เพียงสิ้นลมไม่กี่นาที กลิ่นที่ดีก็สูญสิ้นไป คนเคยชมเจ้าว่า…งามสง่า กลิ่นกายาเจ้าแสนหอม คนเคยยื้อแย่งและรุมตอม มาบัดนี้…จ้างก็ไม่ยอมเข้าชิดกายา แถมยังบ่นว่า…เจ้าช่างเหม็นจัง คิดบ้างเถอะว่าอย่าบ้าไปกับสังขาร อย่าหลอกตัวเองเลยนงคราญ อีกไม่นานก็ทุเรศสิ้นดี เพียรสร้างตัวให้มีแต่ความดี กลิ่นเจ้านี้ก็จะหอมมั่นคง ชั่วนิจนิรันดร์ โดยไม่มีวันจืดจาง กลิ่นศพ
  • 10. “ เมรุมาศสวยบาดตา รู้มั้ยว่าเราไว้ทำอะไร” ชีวิตก็แค่นี้ ถ้าไม่ฝังก็เผา เราเคยเดินขึ้นเมรุเพื่อวางดอกไม้จันทร์ นับครั้งไม่ถ้วน วางดอกไม้ลงปลงใจไม่ได้ว่า “ เราก็จะเป็นเช่นเขา” เดินลงจากเมรุเริ่มคิดโครงการถึงเรื่องงาน และเรื่องเงิน คิดจนเพลินจนลืมคิดว่า “ คนเราไม่พ้นเมรุ” เมรุ
  • 11. ไม่กี่นาที ร่างกายนี้ที่ไร้วิญญาณ ก็ถูกไฟเผาผลาญจนเป็นเถ้าถ่านโดยสิ้นเชิง แต่นั้นไฟมันเผาตอนตายแล้ว ในตอนที่มีชีวิตอยู่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “ มนุษย์ที่ยังไม่พ้นจากกิเลสตัณหา ย่อมถูกกระแสแห่งไฟโทสะ ไฟโมหะ ไฟโลภะ เผาอยู่ตลอดเวลา” ยอมไม่ได้ ให้อภัยไม่ได้ รู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก จมปลักกับกระแสแห่งโลกีย์ จนใคร ๆ เตือนไม่ได้ ปรารถนาจนนอนไม่หลับดูซิ…ถูกเผาแค่ไหน น่าสงสารใจดวงนี้จัง ไฟ
  • 12. สัปเหร่อ บรรจงเก็บกระดูกใส่ถาดเพื่อนำไปเก็บไว้ มองดูไม่เห็นมีอะไรคงเห็นเพียง “เศษกระดูก” ชีวิตคนถ้ากระดูกจะมีค่าก็ต่อเมื่อ ชีวิตทั้งชีวิตเป็นคนดี ถ้าไร้ซึ่งความดี กระดูกกองนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับกระดูกของสัตว์ บางครั้งยังสู้กระดูกสัตว์ไม่ได้ เห็นกระดูกในถาดอาจเห็นธรรมในใจได้ถ้าคิดเป็น ไม่สักแต่ว่าเห็น ว่านั่นคือกระดูกคน กระดูก
  • 13. ยามมีชีวิตอยู่ ใครก็รู้ว่า ที่อยู่เจ้าใหญ่โต มาบัดนี้ที่อยู่เจ้าช่างคับแคบเหลือเกิน แสวงหา กอบโกย คดโกงต่อสู้เพื่อให้ได้มาทุกวิถีทาง ในที่สุดแห่งชีวิต “ก็…แค่นี้” ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ที่เก็บกระดูก
  • 14. คนที่ไม่เคยบอกความจริงกับชีวิตตัวเองว่า “ เดี๋ยวก็ตาย” เป็นคนที่น่าเป็นห่วงยิ่งนัก คนที่ไม่ยอมรับความจริง บนความจริงที่ปรากฏกับชีวิต เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในโลก ฝากไว้สะกิดใจ