Contenu connexe
Similaire à Lesson 3 (20)
Plus de pattanan sabumoung (20)
Lesson 3
- 3. “ ศ. นพ. ประเวศ วะสี”
สุขภาพ คือ สุขภาวะ หรือความสุข
ความเป็นอิสระหรือการหลุดพ้นจาก
ความ บีบคั้นทั้งทางกาย จิต และสังคม
ทางปัญญา
สรุป
“สุขภาพ หมายถึง ภาวการณ์ดารงชีวิตที่สุขสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ
สังคม บนพื้นฐานของคุณธรรม และการใช้สติปัญญา”
- 6. 3. สุขปฏิบัติ
- สุขปฏิบัติที่สาคัญ คือ การบริโภคอาหาร ที่อยู่อาศัย
เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรค การออกกาลังกาย การพักผ่อน
การระวังรักษา การห้องกันอุบัติภัย การเสริมสร้างสุขภาพจิต
และการมีสานึกต่อสังคม
- 21. อาหารหมู่ที่ 1 อาหารหมู่นี้จะให้โปรตีน มีประโยชน์สร้างภูมิ
ต้านทานโรค ช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สึกหรอจาก
บาดแผล อุบัติเหตุ หรือจากการเจ็บป่วย
อาหารหมู่นี้จะถูกนาไปสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ เลือด เม็ด
เลือด ผิวหนัง น้าย่อย ฮอร์โมน ตลอดจนภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ
จึงถือได้ว่าอาหารหมูนี้เป็นอาหารหลักที่สาคัญในการสร้างโครงสร้างของ
ร่างกายในการเจริญเติบโต และทาให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทางานได้
เป็นปกติ
- 22. อาหารหมู่ที่ 2 ให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะให้
พลังงานแก่ร่างกาย ทาให้ร่างกายสามารถทางานได้ และยังให้ความ
อบอุ่นแก่ร่างกายอีกด้วย พลังงานที่ได้จากหมู่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ให้หมด
ไปวันต่อวัน เช่น ใช้ในการเดิน ทางาน การออกกาลังกาย
ต่าง ๆ แต่ถ้ากินอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของ
ร่างกาย ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน
- 24. อาหารหมู่ที่ 4 ได้แก่ผลไม้ต่าง ๆ จะให้วิตามินและเกลือแร่
ช่วยทาให้ร่างกายแข็งแรง มีแรงต้านทานโรค และมีกากอาหาร
ชวยทาให้ การขับถ่ายของลาไส้เป็นปกติ
- 25. อาหารหมู่ที่ 5 ไขมันและน้ามัน จะให้สารอาหารประเภท
ไขมันมาก จะให้พลังงานแก่ร่างกาย ทาให้ร่างกายเจริญเติบโต
ไขมันที่สะสมไว้เหล่านี้จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และให้
พลังงานที่สะสมไว้ใช้ในเวลาที่จาเป็น
- 32. 1. กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้าหนักตัว
ความหมายของข้อปฏิบัตินี้คือ รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเลือก
อาหารให้หลากหลาย อย่าบริโภคซ้าๆ หรือบริโภคอย่างใดอย่างหนึ่งบ่อย
เกินไป เพราะอาหารแต่ละชนิดให้พลังงานและสารอาหารแตกต่างกัน
การเลือกบริโภคอาหารที่หลากหลายจึงเป็นการช่วยให้ได้รับสารอาหารที่
หลากหลายด้วย ขณะเดียวกันต้องหมั่นตรวจสอบน้าหนักตัวให้
เหมาะสม และออกกาลังกายเป็นประจา
- 33. 2. กินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้ งเป็นบางมื้อ
ข้าวนับเป็นอาหารหลักของคนไทยที่บริโภคเป็นประจา ทั้งข้าว
เหนียวและข้าวเจ้า ข้าวที่ควรเลือกบริโภคคือ ข้าวซ้อมมือหรือข้าว
กล้อง เพราะให้สารอาหารมากกว่าข้าวขัดขาว โดยเฉพาะใย
อาหาร วิตามินและแร่ธาตุ
ผู้ที่ไม่คุ้นกับข้าวซ้อมมืออาจจะรู้สึกว่า หุงแล้วข้าวกระด้างและ
แข็ง ไม่น่ารับประทาน อาจนาข้าวซ้อมมือมาผสมกับข้าวขาวก่อน
หุง จะช่วยลดความกระด้างของข้าวได้
และเมื่อคุ้นแล้วอาจจะเพิ่มปริมาณข้าวซ้อมมือผสมมากขึ้น ก็
เป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย
มากขึ้น
- 35. 4. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจา
เนื้อสัตว์มีหลายชนิด ทั้งสัตว์บก สัตว์น้าและสัตว์ปีก
ปลา เป็นเนื้อสัตว์น้าที่นอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี มีคุณภาพ มี
ไขมันน้อยและโคเลสเตอรอลต่าแล้วยังมีแร่ธาตุที่สาคัญ เช่น ปลาทะเลมี
ไอโอดีนสูง ป้ องกันการขาดไอโอดีนซึ่งจะทาให้ปัญญาอ่อนในเด็ก ปลาเล็ก
ปลาน้อยที่กินได้ทั้งกระดูกมีแคลเซียมสูงช่วยเสริมกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ไขมันในปลามีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายชนิดที่จาเป็นต่อการพัฒนาการของ
สมองและดวงตา รวมทั้งช่วยป้ องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีก
ด้วย จึงควรรับประทานปลาสลับกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น
- 36. ถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วดา ถั่วแดง ถั่วลิสง
เป็นแหล่งที่ให้โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุที่มีราคาถูก ควรนาถั่วเมล็ดแห้งและ
ผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ เต้าเจียว ฟองเต้าหู้ มาประกอบอาหารด้วยเพื่อให้
เกิดความหลากหลายของอาหารที่บริโภค
- 38. นมที่ขายในท้องตลาดมีหลายชนิด ทั้งนมจืด นมปรุงแต่งรส นมเปรี้ยว และนมข้นหวาน
เพื่อป้องกันปัญหาของโรคอ้วนควรเลือกดื่มนมชนิดไขมันต่า และนมที่ไม่ปรุงรสจะดีกว่า
สาหรับผู้ที่มีปัญหาในการดื่มนม
มีอาการปั่นป่วนในท้อง ไม่ควรดื่มนมหลังอาหารโดยเริ่มด้วยการดื่มนมช้าๆครั้งละ 3-4
ทิ้งช่วงเวลา 10-15 นาที ค่อยมาดื่มเพิ่มอีก
ร่างกายจะค่อยๆ ปรับตัวและสามารถดื่มนมได้ตามปกติภายใน 5-7 วัน
ถ้าอาการไม่ดีขึ้นอาจจะดื่มนมถั่วเหลืองแทนถึงแม้จะให้แคลเซียมและสารอาหารอื่นน้อย
กว่านมวัว
- 41. 7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด
อาหารที่มีรสหวาน ทั้งขนมหวาน ลูกอม ลูกกวาด ผลไม้กวน ผลไม้แช่อิ่ม
ตลอดจนเครื่องดื่มนานาชนิด เช่น น้าหวาน น้าอัดลม ชา กาแฟ ต่างมีน้าตาล
เป็นส่วนประกอบอยู่มากน้อยแตกต่างกันไป
สาหรับเด็กทาให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับฟัน เบื่ออาหารและเกิดโรคขาดสารอาหาร
นอกจากนี้ ยังทาให้มีการสร้างไขมันประเภทไตรกลีเซอร์ไรด์ในร่างกาย
ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้ จึงควรจากัดปริมาณน้าตาลที่
บริโภค ไม่ควรเกิน 4-5 ช้อนโต๊ะ/วัน
- 42. อาหารที่มีรสเค็ม ได้มาจากการแปรรูปอาหาร เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม เต้าเจี้ยว ผัก
ดอง ผลไม้ดอง รวมถึงการปรุงแต่งรสในขณะประกอบอาหารด้วย และเมื่อกล่าวถึง
รสเค็ม คนส่วนมากมักจะคิดถึงน้าปลาและเกลือเท่านั้น
แต่ในชีวิตประจาวันเครื่องปรุงรสที่มีความเค็มมีให้เลือกมากมาย
เช่น ซีอิ้วหวาน ซีอิ้วเค็ม ซอสปรุงรสชนิดต่างๆ ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ และ
น้าจิ้มต่างๆ ในการบริโภคจึงควรระวังอาหารเหล่านี้ด้วย
ไม่ควรบริโภคมากเพราะจะนาไปสู่การเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้
- 44. 9. งด หรือ ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ที่รู้จักกันดี ได้แก่ สุรา เบียร์ ไวน์ บรั่นดี รวมถึงสาโท
และกระแช่ ซึ่งเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตาบลที่รัฐบาลสนับสนุนในปัจจุบันนี้
การดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในปริมาณน้อย ช่วยกระตุ้นความอยากรับประทานอาหาร
แต่ในปริมาณมากทาให้เกิดโทษแก่ร่างกาย เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค
เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะและลาไส้ โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับแข็ง
และยังก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมได้เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ต่อประสาทส่วนกลางไป
กดสมองส่วนที่ควบคุมสติ จึงทาให้ขาดสติ สูญเสียสมรรถภาพในการทางาน ทาให้
เกิดความประมาท
- 46. หลักในการจัดที่อยู่อาศัย 4 ประการ
1. 1จัดให้ตอบสนองความต้องการขั้นมูลฐาน
1.2. การจัดแสงสว่างให้เพียงพอ
เหมาะสม
1.3. การป้ องกันเหตุราคาญที่รบกวนสุขภาพ
1.4. การจัดพื้นที่ให้เหมาะสมกับจานวนผู้อาศัย
- 49. 4. การจัดที่อยู่อาศัยให้ป้ องกันโรคติดต่อ
4.1 การจัดหาน้าดื่ม น้าใช้ที่มีคุณภาพและปริมาณพอเพียง
4.2 การกาจัดอุจจาระ โดยมีส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
4.3 การกาจัดขยะมูลฝอย ได้แก่ มีถังขยะ การเก็บที่ถูกต้อง
4.4 การกาจัดน้าเสีย ป้องกันการปนเปื้อน และเชื้อโรค
4.5 การสุขาภิบาลอาหาร
- 58. หลักการใช้ยา
หลัก 4 ถูก คือ ถูกคน ถูกวิธี ถูกขนาด ถูกเวลา ข้อนี้หมายถึงการใช้ยาตามคาสั่ง
ของแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนใช้ยาต้องอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนทุกครั้ง ยาบางชนิดต้อง
ใช้ต่อเนื่องเช่นการใช้ยาในโรคเรื้อรังต่างๆ ในขณะที่ยาบางชนิดใช้เฉพาะเมื่อมี
อาการ เช่น ยาแก้ไข้แก้ปวด ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อได้รับยา
จดจาชื่อยาที่แพ้ หากเมื่อใดใช้ยาแล้วมีอาการผิดปกติให้หยุดยาแล้วกลับไปพบ
แพทย์หรือเภสัชกรทันที
ตรวจสอบยาหมดอายุ ยาทุกชนิดมีอายุก่อนใช้ยาให้ดูวันหมดอายุทุกครั้งยาที่มี
ลักษณะหรือสีเปลี่ยนไปไม่ควรรับประทาน
การปฏิบัติตามคาแนะนาพิเศษ ยาแต่ละชนิดจะมีคาแนะนาพิเศษในการใช้ เช่น ยา
ลดอักเสบข้อ จะกัดกระเพาะต้องทานหลังอาหารทันทียาปฏิชีวนะบางชนิดต้อง
ทานตอนท้องว่าง เป็นต้น คาแนะนาเหล่านี้มีความสาคัญต่อผลการรักษาและ
อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น จึงมีความสาคัญมาก
- 59. การอ่านฉลากยา
ฉลากยา เป็นสิ่งสาคัญที่ช่วยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และทาให้เกิดความ
ปลอดภัยในการใช้ยาแก่ผู้บริโภค หลายๆ คนมักละเลยไม่ให้ความสาคัญกับการอ่าน
ฉลากยาให้ครบถ้วน ทาให้เกิดผลเสียตามมาหลายประการ ดังนั้นจึงจาเป็นอย่างยิ่งที่
จะต้องอ่านฉลากยาก่อนที่จะใช้ยาทุกครั้ง
ฉลากยาประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่สาคัญดังต่อไปนี้
1. ชื่อยาบนฉลาก มีทั้งชื่อการค้า และชื่อสามัญทางยา ยาชนิดเดียวกันอาจมีชื่อการค้า
หลายชื่อหรือหลายยี่ห้อ ผู้ใช้ยาจึงควรอ่านสูตรส่วนประกอบหรือชื่อสามัญทางยาของ
ยานั้น เพื่อที่จะสามารถหลีกเลี่ยงตัวยาที่แพ้ หรือยาที่มีตัวยาสาคัญตัวเดียวกันแต่ต่าง
ชื่อการค้ากันทาให้เกิดปัญหาการใช้ยาซ้าซ้อน อันทาให้เกิดการใช้ยาเกินขนาดจนเป็น
อันตรายได้
- 60. การอ่านฉลากยา (ต่อ)
2. ขนาดยา ยาบางชนิดมีหลายขนาด จึงจาเป็นต้องอ่านฉลากยาให้แน่ใจเสียก่อน
เพื่อป้องกันการทานยาเกินขนาดหรือขนาดน้อยจนเกินไปจนเกิดผลข้างเคียงหรือไม่
เห็นผลในการรักษา
3. วันผลิตและวันหมดอายุ มีประโยชน์ในแง่การหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดจากการทาน
ยาที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุแล้ว ซึ่งการใช้ยาที่หมดอายุนั้น นอกจากจะทาให้ไม่
ได้ผลในการรักษาแล้วยาที่เปลี่ยนสภาพไปอาจทาให้เกิดอันตรายต่อร่างกายด้วย เช่น
ยา tetracycline ที่หมดอายุแล้วจะมีพิษ
- 61. 4. ข้อห้ามใช้และคาเตือน ยาบางชนิดมีข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้ใน
ผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยโรคไต โรคตับ เด็ก หรือสตรีมีครรภ์
5. เลขทะเบียนตารับยา ซึ่งช่วยบอกได้ว่ายานั้นได้ผ่านการตรวจสอบควบคุม
จากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วว่ามีผลการรักษาจริง
6. ยาอันตราย หรือยาควบคุมพิเศษ หรือยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและ
ประสาท เป็นต้น ซึ่งจะช่วยบอกประเภทของยาและระดับอันตรายของยาที่ต้อง
ระมัดระวังในการใช้ หากเป็นยาสามัญประจาบ้าน สามารถซื้อทานได้โดย
ปลอดภัย แต่ยาแผนปัจจุบันอื่นๆ ที่ไม่ใช่ยาสามัญประจาบ้าน โดยมากแล้วควร
อยู่ในความดูแล
การอ่านฉลากยา (ต่อ)
- 62. 7. วิธีการรับประทาน เช่น เป็นยารับประทาน หรือยาใช้ภายนอก เพื่อให้
ใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ได้ผลในการรักษาและเกิดความปลอดภัยในการใช้
ยา
8. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต กรณีเกิดความบกพร่องของยานั้น สามารถที่จะ
ร้องเรียน โดยดูเลขที่ หรือครั้งที่ผลิตของยานั้นด้วย เพื่อการตรวจสอบจะ
ได้ทาได้ถูกต้องรวดเร็วยิ่งขึ้น
9. กรณีที่เป็นฉลากยาบนซองยาที่จัดเฉพาะผู้ป่วยแต่ละราย ควรตรวจดู
ให้แน่ใจว่าเป็นซองยาของผู้ป่วยรายนั้นจริงๆ
“อย่าลืมอ่านฉลากยาทุกครั้งก่อน”
- 63. การสังเกตยาหมดอายุ
ปกติบนฉลากยาจะมีรายละเอียดต่าง ๆ แสดงไว้ เช่น ชื่อการค้าของยา ชื่อตัว
ยาสาคัญ และปริมาณยา ชื่อบริษัทผู้ผลิตยาครั้งที่ผลิต วันที่ผลิตยา (MFG
DATE) หมายเลขทะเบียนยายาบางชนิดที่ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบ เขาก็จะใส่วัน
หมดอายุของยา (EXP.DATE) มาด้วย
ข้อความที่บอกวันหมดอายุอาจเป็น EXP.DATE หรือ EXPIRY หรือ USE
BEFORE และมีตัวเลขอีก ๓ กลุ่ม ซึ่งหมายถึง วันที่ เดือน และปี ค.ศ.
เช่น EXP.DATE 12.5.95 หมายความว่า ยานี้จะหมดอายุในวันที่ ๑๒ เดือน
พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๙๕ หรือ พ.ศ. ๒๕๓๘ (เอา ๕๔๓ บวกปี ค.ศ. จะได้ปี พ.ศ.)
- 64. ถ้าไม่มีวันบอกหมดอายุอาจดูได้จากปีที่ผลิต มักจะใช้คาย่อว่า MFG.DATE ซึ่ง
ย่อมาจาก Manufacturing date แปลว่า วันที่ผลิต เช่น ยาแก้ปวดซองหนึ่ง
พิมพ์ที่ฉลากยาว่า MFG.DATE 9.89 หมายถึงว่า ยานี้ผลิตเมื่อเดือน ๙ คือ
เดือนกันยายน ปี ค.ศ. ๑๙๘๙ หรือ ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยทั่วไป เราถือว่ายาที่
ผลิตมาเกิน ๕ ปี เป็นยาที่ไม่น่าไว้วางใจ แม้ว่ายานั้นอาจจะยังคงคุณภาพอยู่ก็
ตาม เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรเสี่ยงใช้ยาที่เก่าเกิน ๕ ปี
- 65. วิธีสังเกตยาที่เสื่อมคุณภาพด้วยวิธีดังนี้
๑. ยาเม็ด ที่เสื่อมสภาพจะแตกร่วน กะเทาะ สีซีด ถ้าเป็นเม็ดเคลือบ
จะเยิ้มเหนียว
๒. ยาแคปซูล ที่หมดอายุจะบวม โป่ง พอง หรือจับกันเป็นก้อน ยาใน
แคปซูลเปลี่ยนสี เช่น ยาเตตราซัยคลินที่เสียแล้วผงยาจะเปลี่ยน
จากสีเหลืองเป็นสีน้าตาล เป็นอันตรายต่อไตมาก
- 66. ๓. ยาน้าแขวนตะกอน เช่น ยาลดกรด ยาแก้ท้องเสีย ถ้าตะกอนจับตัวเป็นก้อน
แข็งเขย่าแรง ๆ ก็ไม่กระจายตัว แสดงว่ายานั้นเสีย
๔. ยาน้าเชื่อม ถ้าหากขุ่น มีตะกอน เปลี่ยนสี มีกลิ่นบูดหรือเปรี้ยว แสดงว่ายานั้น
หมดสภาพแล้ว
๕. ยาน้าอีมัลชั่น เช่น น้ามันตับปลา หรือยาระบายพารัฟฟิน เมื่อเขย่าแล้วต้อง
รวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน หากแยกชั้นแม้เขย่าแล้วก็ไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกัน
แสดงว่ายาเสีย ห้ามใช้เด็ดขาด
- 67. ใบงาน หน่วยที่ 3
1. ให้นักศึกษาเขียน การวางแผนดาเนินชีวิตของตนเอง ในด้านต่างๆ
ดังนี้
- การศึกษา
- การทางาน
- การเลือกคู่ครอง
- การพัฒนาคุณภาพชีวิตในภาพรวม