Contenu connexe
Similaire à จริยปรัชญาการสร้างอัตลักษณ์ของคนเกาหลีสู่การพัฒนาประเทศ
Similaire à จริยปรัชญาการสร้างอัตลักษณ์ของคนเกาหลีสู่การพัฒนาประเทศ (20)
จริยปรัชญาการสร้างอัตลักษณ์ของคนเกาหลีสู่การพัฒนาประเทศ
- 1. ๑
จริยปรัชญาการสร้ างอัตลักษณ์ ของคนเกาหลีสู่ การพัฒนาประเทศ
ผศ.ดร.จักรพรรณ วศ์ พรพวัณ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความนํา
เมือวันที ๒๔-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ทีผ่านมา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัย
สงฆ์เลย พร้อมด้วยบุคลากรจากมหาวิทยาลัยส่วนกลางและวิทยาเขตขอนแก่น ได้จดโครงการทัศนะศึกษาดู
ั
งานของบุคลากรทีประเทศเกาหลี ซึงผูเ้ ขียนเห็นว่าเป็ นโครงการทีดีมีประโยชน์อย่างมากต่อบุคลากรของ
มหาวิทยาลัยทีได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานเปิ ดดูเปิ ดตายังต่างประเทศ เพือจะได้เล็งเห็นสิ งใหม่ๆ ทีแปลกหู
แปลกตาในเชิงของการพัฒนาทังทางกายภาพและจิตภาพ ผูเ้ ขียนเองมีความเชือว่าทุกชาติต้องตระหนักถึง
ประเทศเพือนบ้ านใกล้ เคียงและประเทศมหาอํานาจอืนๆ เพือความอยู่รอดของตนเอง การแสวงหาความรู้
เกียวกับต่ างชาติจงมีผลโดยตรงต่ อระบอบการเมืองและการปกครองของแต่ ละชาติ โดยเฉพาะการศึกษาดู
ึ
งานทีประเทศเกาหลีซึงมีความสัมพันธ์อนแนบแน่นกับประเทศไทยมาเป็ นเวลาช้านาน นับตังแต่ครังเริ มเกิด
ั
สงครามเย็นระหว่างค่ายเสรี กบค่ายคอมนิวนิสต์ หลังสงครามโลกครังทีสองเสร็ จสินใหม่ๆ ครั งนันประเทศ
ั
ไทยได้ส่งทหารไปช่วยกองกําลังสหประชาชาติทาสงคราม “เกาหลี” อยู่หลายปี จนกระทังเกิดตํานานรั ก
ํ
ระหว่างทหารไทยกับสาวเกาหลี ดังมีประจักษ์พยานสําคัญคือ เพลงอมตะนิ รันดร์ ชุด “อารีดัง” ซึงหนึ งใน
นันได้แก่ “เสียงครวญจากอารีดัง” มีเนื อร้องสําแดงถึงความโหยหาอาลัยทีสาวเกาหลี (อารี ดง) มีต่อหนุ่ ม
ั
ไทยทีจากมา หรื อเป็ นบทเพลงทีแสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันระหว่างคนไทยกับคนเกาหลี
ครันผ่านยุค “อารี ดัง” มาถึงยุคปัจจุบน คนไทยกลับรู้เรื องประเทศเกาหลีค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะ
ั
ในเรื องของจริ ยปรัชญาในการพัฒนาประเทศ ทังๆ ทีประเทศนี มีความเจริ ญรุ่ งเรื องทางด้านเศรษฐกิจลําหน้า
ประเทศไทยไปหลายช่วงตัวทีเดียว จนถูกจัดอยูในกลุ่มประเทศ “นิค”๑ ของเอเชียไปแล้วเมือไม่กีปี ทีผ่านมา
่
มีสินค้าทีมีระดับหลายยีห้อหลายประเภทถูกส่ งมาขายจนเป็ นทีติดหูติดตาของคนไทย มิหนําซําในระดับ
โลกก็เคยแสดงความยิงใหญ่โดยเป็ นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิ กมาหนหนึ ง และตอนช่วงเกิดสงคราม
อ่าวเปอร์เซีย ก็เคยถูกทาบทามจากสหรัฐอเมริ กาให้ช่วยเหลือด้านการเงินแก่กองกําลังฝ่ ายพันธมิตรทีกรี ธา
ทัพเข้าไปขับไล่อีรักออกจากคูเวต ยิงในอนาคตข้างหน้าถ้าสามารถรวมกับเกาหลีเหนื อได้เป็ นผลสําเร็ จ นัน
ก็หมายถึงความยิงใหญ่ไม่เป็ นสองรองใครในเอเชียหรื อในระดับโลกอย่างแน่นอน
ทีกล่าวมาข้างต้นผูเ้ ขียนอยากจะบอกว่า ประเทศเกาหลีปัจจุบนเป็ นเป็ นประเทศทีน่ าศึกษาไม่น้อย
ั
ไปกว่าประเทศทีได้ชือว่าพัฒนาแล้วในโลกนี อย่างน้อยในปฐมฤกษ์ของการศึกษาดูงานในครั งนี ก็ได้ฟัง
ป.ธ.๖, พธ.บ., M.A.(Phil.), M.A.(Bud.), Ph.D.(Phil.) อาจารย์ประจํา มจร.วิทยาลัยสงฆ์เลย
๑
ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเป็ นประเทศหนึ งในทวีปเอเชียทีรู ้ กนในปั จจุ บนว่าเป็ นประเทศอุตสาหกรรมใหม่
ั ั
หรื อ “นิค” (Nic-New Industry Country) ๑ ใน ๔ ประเทศทีเรี ยกกันว่า “สี เสื อแห่งเอเชีย” คือ เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง
และสิ งคโปร์
- 2. ๒
มัค คุ เทศก์ได้บรรยายให้รั บทราบถึงเรื องราวความเป็ นมาทังด้านประวัติ ศาสตร์ วัฒ นธรรม ประเพณี
การบ้านการเมือง ตลอดถึงการบรรยายในสถานทีสําคัญต่างๆ ทีปรากฏให้เห็นภาพทังในอดีตและปั จจุบน ั
สิ งทังหลายทังปวงทีบุคลากรของมหาวิทยาลัยได้ยลโฉมภาพลักษณ์ของความเป็ นเกาหลีตลอด ๓ คืน ๔ วัน
นันเป็ นภาพน่าทีประทับใจ โดยเฉพาะผูเ้ ขียนเองสนใจในเรื องของการสร้างอัตลักษณ์ความเป็ นคนเกาหลีที
สามารถพัฒนาประเทศได้เท่าเทียมกับอารยประเทศทีพัฒนาแล้ว ทังๆ ทีก่อนหน้านี (เมือประมาณ ๓๐-๕๐
ทีผ่านมา) เกาหลีก็เคยเป็ นประเทศทียากจนค้นแค้นบอบชําจากภัยสงคราม แต่ก็ยงสามารถยืนหยัดผงาดใน
ั
การพัฒนาประเทศให้มีความมังคังทางเศรษฐกิจ และมีความเจริ ญทางเทคโนโลยีมากทีสุ ดประเทศหนึ งใน
ภูมิภาคเอเชีย
ย้อนรอยประวัตศาสตร์ ิ
เมือศึกษาประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐเกาหลีโดยสังเขปแล้วจะเห็นได้ว่า ประเทศนี มีประวัติความ
เป็ นมาและมีวฒนธรรมทีสืบทอดต่อกันมายาวนานกว่า ๕,๐๐๐ ปี สามารถดํารงความเป็ นชาติทีเข้มแข็งมา
ั
ระยะหนึง จากนันก็ถกรุ กรานจนตกเป็ นเมืองขึ นของญีปุ่ น๒ จนถึงสงครามโลกครังที ๒ เมือสงครามโลก
ู
สงบลง ญีปุ่ นเป็ นฝ่ ายพ่ายแพ้สงครามเกาหลีจึงได้รับเอกราช แต่ไม่นานเกาหลีก็อยูในภาวะสงครามการแบ่ง
่
ค่ายของโลกในสมัยนัน คือค่ายประชาธิปไตยอันมีประเทศสหรัฐอเมริ กาเป็ นผูนา และค่ายคอมมิวนิสต์อนมี
้ ํ ั
ประเทศสหภาพโซเวียตเป็ นผูนา สงครามครั งนันเป็ นสงครามระหว่างชนชาติเดียวกัน เพียงแต่แตกต่าง
้ ํ
ทางด้านแนวคิดในการปกครองประเทศ และเป็ นสงครามทียาวนาน เมือมีการเจรจาสงบศึกเกาหลีก็ถูก
แบ่งแยกออกเป็ น ๒ ประเทศ คือประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนื อ) และ
ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) โดยมีเส้นขนานที ๓๘ องศาเหนื อเป็ นเส้นแบ่งพรมแดนระหว่าง
ประเทศเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้มาจนกระทังบัดนี ๓
ปั จจุบนความรู้สึกของประชาชนทัง ๒ ประเทศมีความต้องการเป็ นอย่างยิงทีจะรวมประเทศเข้า
ั
ด้วยกัน ถึงขนาดทีรัฐบาลของทัง ๒ ประเทศเคยจัดให้มีการพบญาติพีน้องทีจากกันเมือเกิดสงครามเกาหลี
และเกิด การแบ่งประเทศออกเป็ น ๒ ประเทศ การณ์ค รั งนันเป็ นแรงกระตุน ให้เกิ ดความคิด ในการรวม
้
ประเทศอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยงไม่ประสบผลสําเร็ จ เนื องจากว่าประเทศทัง ๒ มีความแตกต่างในเรื องของ
ั
การปกครองซึงเป็ นคนละค่ายดังกล่าว และทีสําคัญผูนาของทัง ๒ ประเทศยังมีความเห็นทีแตกต่างและยังมี
้ ํ
ความหวาดระแวงกันอยู่ จึงเป็ นไปได้ยากทีจะรวมประเทศเข้าด้วยกันเหมือนประเทศอืนๆ อย่างเช่น เยอรมนี
เป็ นต้น
๒
เกาหลีตกเป็ นอาณานิคมของญีปุ่ นมานานถึง ๓๕ ปี ในสมัยทีปกครองแบบสมบูรณาสิ ทธิราชย์ พึงได้รับเอกราช
และจัดตังเป็ นประเทศทีปกครองตนเองโดยสมบูรณ์ แบบสาธารณรั ฐเมือปี ค.ศ. ๑๙๔๘ (พ.ศ. ๒๔๘๘) เมือญีปุ่ นยอมแพ้
กองทัพสัมพันธมิตรในสมัยสงครามโลกครังที ๒ และตอนจัดตังประเทศใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั งที ๒ ประเทศเกาหลี
ตกในสภาพยากจนข้นแค้นมาก
๓
สมปราชญ์ อัมมะพันธ์, ทีนี...เกาหลีใต้ (กรุ งเทพฯ : มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,๒๕๓๔), หน้า ๓๔.
- 3. ๓
พัฒนาการสังคมเกาหลีทีก่อให้ เกิดอัตลักษณ์ความเป็ นคนเกาหลี
พืนฐานเดิมของประเทศเกาหลีเป็ นสังคมเกษตรกรรมคล้ายๆ ประเทศไทย ประชาชนส่ วนใหญ่ของ
ประเทศมีฐานะยากจนด้วยตกอยูในสภาวะสงครามมาตลอด อีกทังยังเคยตกเป็ นอาณานิคมของญีปุ่ นอยู่เป็ น
่
เวลานานหลาย ปี และก่อนหน้านันก็เคยตกอยูภายใต้การปกครองของจีน และมองโกเลีย ด้วยเหตุนีกระมังที
่
ทําให้คนเกาหลีตระหนักถึงความยากลําบากต่างๆ ทีเกิดขึนกับประเทศของตน และก่อให้เกิดการพัฒนาใน
การสร้างอัตลักษณ์ความเป็ นคนเกาหลีขึนอย่างขะมักเขม้นเด็ดเดียวและมันคง โดยเฉพาะอย่างยิงเมือมีการ
แบ่งออกเป็ น ๒ ประเทศ และสงครามสงบลงแล้ว ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีจึงหันมาพัฒนาประเทศอย่าง
จริ งจังเพือให้ประชนชนส่วนใหญ่ของประเทศพ้นจากความยากลําบากและความอดอยาก รัฐบาลจึงกําหนด
แผนพัฒนาประเทศทีสําคัญ ๒ ประการ คือ๔
การปฏิรูประบบการศึกษา
เมือปี ค.ศ. ๑๙๔๕ หลังเกาหลีได้รับอิสรภาพ ประเทศเปลียนการปกครองมาเป็ นระบอบสาธารณรัฐ
การปฏิรูปการศึกษาได้เกิดขึนขนานใหญ่ รัฐบาลไส้ส่งเสริ มให้สิทธิเสรี ภาพแก่ประชาชนทุกคนทุกชนชัน
ให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน และในช่วงระหว่างปี ๑๙๔๕-๑๙๗๐ เป็ นช่วงทีประเทศเกาหลีมีการ
ขยายตัวทางการศึกษาออกไปอย่างกว้างขวาง แม้ว่าจะมีปัญหาเกียวกับการเกิดสงครามเกาหลี แต่ก็สามารถ
ขจัด ความไม่รู้ หนังสื อของประชาชนได้สําเร็ จ การพัฒ นาทางการศึก ษาได้รุ ด หน้าไปอย่างรวดเร็ ว มี
เป้ าหมายและเป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบการศึกษารัฐบาลจัดเป็ นระบบ ๖-๓-๓-๔ กําหนดโดยพระราชบัญญัติการศึกษาเมือปี ๑๙๔๙
โดยมีองค์ประกอบดังนี๕
๑. ประชาชนทุกคนมีสิทธิทีจะได้รับการศึกษาตามความสามารถของตนอย่างเท่าเทียมกัน
๒. เด็กทุกคนจะต้องได้เข้าเรี ยนในชันประถมศึกษาและการศึกษาภาคบังคับอืนๆ ตามกฎหมาย
๓. การศึกษาภาคบังคับจะต้องเป็ นการให้เปล่า
๔. สถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีเสรี ภาพ มีความรู้ความชํานาญพิเศษ มีนโยบายเป็ นกลาง
ในการศึกษาและมีอิสระ โดยได้รับการยอมรับตามกฎหมาย
๕. รัฐจะต้องส่งเสริ มการศึกษาตลอดชีพอย่างต่อเนือง
๖. ความสําคัญพืนฐานเกียวกับระบบการศึกษา การบริ หาร การลงทุนการศึกษาและสถานภาพของ
ครู จะได้รับการกําหนดตามกฎหมาย
๔
จินตนา พุทธเมตะ, คุณลักษณะและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริ ยธรรมของประเทศเกาหลี (กรุ งเทพ ฯ :
ศูนย์คุณธรรม.,๒๕๔๘), หน้า ๑๐-๑๓.
๕
สมปราชญ์ อัมมะพันธุ์, อ้ างแล้ ว, หน้ า ๑๒๔.
- 4. ๔
เมือประเทศสาธารณรัฐเกาหลีกลับคืนสู่ภาวะปกติ นโยบายอันดับแรกทีรัฐบาลเร่ งกระทําให้เห็น
เป็ นรู ปธรรมอย่างเร่ งด่ ว นที สุ ด คื อการปฏิรู ปการศึก ษาให้เห็ น เป็ นรู ปธรรมยิงขึ น ด้วยเหตุผลของผูน ํา ้
ประเทศทีตระหนักว่าประเทศของตนนันขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติไม่สามารถสร้างชาติดวยการเกษตร ้
แบบดังเดิม และไม่สามารถสร้างชาติดวยอุตสาหกรรม ดังนันรัฐบาลจึงหันมาสร้างและพัฒนาทรัพยากร
้
มนุษย์ในประเทศซึงมีอยูเ่ ป็ นจํานวนมากเพือให้เป็ นทรัพยากรทีมีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ
การปฏิรู ประบบการศึก ษาเริ มจากการสร้ างแรงจู งใจให้ค นที เรี ยนมาทางด้านการศึก ษาหัน มา
ประกอบอาชีพครู ดวยการเพิมเงินเดือนให้สูงขึน มีชีวิตทีดีขึนทังด้านเศรษฐกิจ การครองชีพและสถานภาพ
้
ทางสังคม ซึงสถานภาพทางสังคมนันแก้ไขได้ไม่ยากเพราะคุณธรรมความกตัญ ูของคนในสังคมทีมีต่อครู
นันสู ง ดังนันสถานะครู ข องประเทศสาธารณรัฐเกาหลีจึ งเป็ นปูชนี ยบุ คคลทีสังคมยกย่องและให้เกี ยรติ
สูงสุด
เงินเดือนของครู ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลี เมือรวมกับภายได้พิเศษทีได้จากโรงเรี ยนในการดูแล
นักเรี ยนหลังเลิกเรี ยน จนถึงเวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. แล้ว จัดอยู่ในอันดับต้นๆ พอๆ กับอาชีพแพทย์และ
ทนายความ จะมีความแตกต่างบ้างตรงทีว่าอาชีพครู อาจารย์มีวนหยุดปิ ดเทอมทําให้มีเวลาพักผ่อนและมีเวลา
ั
ค้นคว้างานวิจยเพือเป็ นองค์ความรู้สาหรับสอนนักเรี ยนและนักศึกษาต่อไป ครู อาจารย์ในโรงเรี ยนอนุ บาล
ั ํ
ถึงมัธยมศึกษาไม่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการให้สอนพิเศษนอกโรงเรี ยนแม้กระทังสอนตามบ้าน
จะมีการสอนพิเศษเฉพาะช่วงทีมีการสอบเข้าเรี ยนต่อในระดับอุดมศึกษา ซึงโรงเรี ยนแต่ละแห่ งเป็ นผูจดขึน ้ั
เริ มสอนตังแต่เลิกเรี ยนจนถึง ๒๒.๐๐ น. โรงเรี ยนเป็ นผูจ่ายเงินค่าสอนให้แก่ครู อาจารย์ นอกจากนี แล้วครู
้
อาจารย์ทุกคนจะได้รับโบนัสจากโรงเรี ยนทุกๆ ๒ เดือน ดังนันในระยะเวลา ๑๒ เดือน ได้รับโบนัส ๖ ครัง
และได้รับเงินพิเศษในช่วงวันเทศกาลชูช็อก เรี ยกว่าเป็ นเงินค่า “ขนมต็อก” เมือรวมกันแล้วครู อาจารย์จะ
ได้รับเงินโบนัสและเงินพิเศษทังหมดประมาณ ๙ ครังต่อหนึงปี
เมื อรั ฐ บาลดู แ ลอาชี พ ครู อย่ า งจริ งจัง ครู ทุ ก คนจึ ง ปฏิ บัติ ห น้า ที ของตนอย่ า งเต็ ม กํา ลัง เต็ ม
ความสามารถ อีกทังจรรยาบรรณในวิชาชีพครู ทาให้ครู อาจารย์ทุกคนต้องเป็ นตัวอย่างทีดีของลูกศิษย์ และ
ํ
เป็ นผูทีมีความรับผิดชอบสูง กอรปกับครู ตองได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจากกระทรวงศึกษาธิการ ทํา
้ ้
ให้ครู อาจารย์ตองระมัดระวังไม่ทาให้ตนเองเสียหายหรื อมีความผิด หากมีความผิดร้ายแรงจะต้องถูกยึดใบ
้ ํ
ประกอบวิชาชีพและต้องได้รับความอับอายอย่างยิงในสังคม ดังนันครู อาจารย์ทุกคนตระหนักในหน้าทีของ
ตน ซึงการลงโทษทางสังคมในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีนนจะรุ นแรงมาก เห็นได้จากสือมวลชนเสนอข่าว
ั
ผูกระทําผิดผูกระทําผิดฆ่าตัวตายเพือหนีความอับอาย และภาพทีผูกระทําผิดใช้ผาปิ ดบังใบหน้าในขณะถูก
้ ้ ้ ้
เจ้าหน้าทีควบคุมตัว
รัฐบาลมีน โยบายกําหนดอัต ราส่ ว นระหว่ างครู ก ับนัก เรี ย นให้สมดุ ลเพือการเรี ย นการสอนที มี
ประสิทธิภาพ และเพือให้ครู สามารถดูแลนักเรี ยนได้อย่างทัวถึง นอกจากนี แล้วรัฐบาลยังดูแลถึงการเรี ยน
โดยไม่เสี ยค่ าเล่าเรี ยน การแจกตําราเรี ย น การเลียงอาหารกลางวันที ถูก ต้องตามหลักโภชนาการให้แก่
- 5. ๕
นักเรี ยนทุกคน มาตรฐานการเรี ยนการสอนทังในเมืองและในชนบทไม่มีความแตกต่างกัน และยกเลิกการ
สอบแข่งขันเพือเข้าเรี ยนในระดับมัธยมศึกษา
เป้ าหมายการศึกษานอกจากจะเน้นด้านวิชาการแล้วยังเน้นเรื องการพัฒนาจิตใจให้เกิดความสมดุล
กับร่ างกายทีเจริ ญเติบโตอย่างรวดเร็ ว การพัฒนาพืนฐานความคิดความรู้สึกของตนเองให้กล้าแสดงออก
อย่างถูกต้อง มีหลัก การและมีเหตุ ผล การปลูกฝั งความเป็ นชาติ นิ ย มภาคภู มิใจในชาติ วัฒ นธรรม และ
ประเพณี การปลูกฝังความเชือมันในตนเองและความรักในเพือนบ้าน เสริ มสร้างความสามารถของนักเรี ยน
ให้นาความรู้ไปพัฒนาท้องถินของตน
ํ
การเรี ยนในระดับอุดมศึกษา รัฐบาลกําหนดให้มีการสอบคัดเลือกและพิจารณาผลการเรี ยนในระดับ
มัธยมศึกษาตอนปลาย เพราะต้องการนักเรี ยนทีมีความรู้ในระดับทีสามารถเรี ยนได้เป็ นอย่างดี และเพือให้
โรงเรี ย นมัธยมปลายสอนนักเรี ยนอย่างมีคุ ณภาพ เป้ าหมายสําคัญของการศึก ษาในระดับนี คือ การสร้ าง
ทรัพยากรมนุษย์ทีสมบูรณ์แบบเพียบพร้ อมไปด้วยพลังทังด้ านร่ างกาย และพลังปัญญา ทีสามารถทํางานทุก
อย่างได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนดังที ศ.สวาท เสนาณรงค์ ได้กล่าวไว้ในหนังสื อ “ไทยแอตลาส” ว่า
มนุษย์หรือประชากรเป็ นทรัพยากรทีมีคณค่ามากทีสุ ดของแผ่ นดิน ประเทศชาติจะมีความเจริญรุ่งเรืองมาก
ุ
น้ อยเพียงใดนันย่อมขึนอยู่กบประชากรเป็ นสําคัญ กล่ าวคือประเทศใดมีประชากรทีมีคณภาพสู ง หมายถึงมี
ั ุ
ระดับการศึกษาสู ง มีสุขภาพอนามัยดี มีระเบียบวินัย มีความขยันขันแข็งและมีความคิดริเริมดี ก็ย่อมจะช่ วย
พัฒนาประเทศของตนให้ เจริญก้าวหน้ าได้ รวดเร็วกว่าประเทศทีมีประชากรคุณภาพตํา๖
การปฏิรูประบบเศรษฐกิจ
ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีได้วางนโยบายด้านเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กับนโยบายการปฏิรูปการศึกษา
เพราะรัฐบาลเชือมันว่าการสร้างความเป็ น เกาหลีใหม่ และการจะนําประเทศให้สามารถเป็ นผูนาในภูมิภาค
้ ํ
เอเชียได้นน ต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยให้การศึกษาทีมุ่งเน้นให้การศึกษาทีรัฐบาลจัดให้ตลอดอายุแห่ ง
ั
การศึกษา
รากฐานที แข็ ง แกร่ งทางการศึ ก ษาทํา ให้ น โยบายด้า นเศรษฐกิ จ ดํา เนิ น ไปอย่า งราบรื นเกิ ด
ประสิ ทธิ ผล แผนแรกที กระทําการอย่างเร่ งด่ วน คือเน้นให้ประชาชนทุ กคนทุก วัยประหยัด และอดออม
ก่อให้เกิดอัตราการออมทรัพย์ในประเทศเพิมสูงขึนอย่างรวดเร็ วและมันคง
การพัฒนาเศรษฐกิจนัน รัฐบาลเร่ งดําเนินการทังในเมืองและในชนบทควบคู่กนไป โดยเฉพาะใน
ั
ชนบทซึงมีประชาชนทียากไร้และอดอยากเป็ นจํานวนมาก เพือให้ประชาชนทุกคนมีฐานะทางเศรษฐกิจดี
ขึนทัวกัน และเพือแก้ปัญหาชาวชนบทอพยพเข้าเมืองเพือหางานทําให้หมดไป รัฐบาลจึงเริ มโครงการแซมา
อึลอุนดง ปรัชญาของโครงการนี คือ ความขยันหมันเพียร การช่ วยตนเอง และความร่ วมมือ รัฐบาลสร้าง
และปลูกฝังทัศนคติ ค่านิยม และจริ ยธรรมในการทํางานใหม่เพือให้ชาวชนบทเกิดความเชือมันในอนาคตว่า
๖
อ้ างแล้ ว, หน้ า ๑๗๙.
- 6. ๖
เราก็อยู่ดีกนดีได้ ถ้าเราขยันทํางาน และร่ วมมือกันดี และมีจตใจพึงตนเองโดยบุกเบิกแสวงหาผลประโยชน์
ิ ิ
จากธรรมชาติแทนทีจะอาศัยแต่ ชะตากรรมของตนเอง
ความสําเร็ จของโครงการนี เกิดจากชาวบ้านได้รับการกระตุนอย่างสูงจากผูนาประเทศ อีกทังผูนา
้ ้ ํ ้ ํ
หมู่บานซึ งมีบทบาทสําคัญ ในการเปลียนแปลงและพัฒ นาหมู่บาน ผูนาซึงมีค วามจริ งใจ บริ สุทธิใจ ทุ ก
้ ้ ้ ํ
คนทํางานอย่างทุ่ มเท รวมทังข้าราชการในท้องถินก็ร่ ว มมือร่ ว มใจ ตังใจทํางานและดําเนิ น งานอย่างมี
ประสิทธิภาพ ให้บริ การด้านการพัฒนาทีผูนาระดับหมู่บานต้องการ อีกทังผูนาประเทศ ผูนาทางการเมือง
้ ํ ้ ้ ํ ้ ํ
และนัก ธุรกิจให้การสนับสนุ น อย่างเต็มที ติดตามผลของโครงการอย่างใกล้ชิด ดัง นันโครงการนี จึงเป็ น
กระบวนการทางสังคมระดับชาติทีมีการรวมพลังทียิงใหญ่ทังภาครัฐและเอกชนทีสนับสนุนทังเครืองมือและ
เทคโนโลยีเพือให้ การพัฒนาชนบทประสบความสําเร็จ อีกทังเป็ นการแก้ไขปั ญหาการทิงถินเข้าเมืองเพือ
ประกอบอาชี พ และแก้ไขปั ญ หาคนล้น เมือ งใหญ่ อน ก่ อ ให้เ กิ ด ปั ญ หาด้า นอืนๆ ตามมา เช่ น ปั ญ หา
ั
อาชญากรรม ปัญหาความแออัด และมลภาวะ เป็ นต้น
ความสําเร็ จของโครงการนี สามารถเปลียนแปลงและพัฒนาทุกๆ ด้าน กล่าวคือ๗
๑. การพัฒนาจิตใจของชาวบ้านในชนบทให้เกิดความเชือมันในชีวิตเกิดความมานะเพียรพยายาม
และอดทน ซึ งสิ งเหล่านี มีอยู่แล้ว ในอุปนิ สัย ของคนเกาหลี เพีย งแต่ ก ารทีต้องตกอยู่ในสภาวะการเป็ น
เมืองขึน และภาวะสงครามระหว่างชนชาติเดียวกันก่อให้เกิดความท้อแท้ทอดอาลัยในชีวิตฝากความหวังไว้
กับฟ้ าดินและชะตาชีวิต
๒. การปรั บโครงสร้ า งทางสังคมที อยู่อ ย่า งโดดเดี ยวให้เป็ นสังคมที ทําทุ ก อย่า งโดยคํานึ งถึ ง
ประโยชน์ส่วนรวมก่อนประโยชน์ส่วนตน ทีสําคัญอย่างยิงอีกประการหนึ ง คือการปรับพืนฐานของรายได้
ในแต่ละครัวเรื อนให้ชาวบ้านทุกคนอยูอย่างมีความสุขไม่อดอยาก ไม่ยากจน ลดช่องว่างระหว่างรายได้ของ
่
คนในเมืองกับคนชนบท
๓. การพัฒนาและสนับสนุนให้ชาวบ้านมีโอกาสเรี ยนหนังสือโดยไม่จากัดวัย ทําให้ชาวบ้านทุกคน
ํ
ทุ ก วัย สามารถอ่ า นออกเขี ย นได้เ ป็ นอย่า งดี สามารถนํา ความรู้ ม าพัฒ นาการเกษตรของตนอย่า งมี
ประสิทธิภาพ
เมือศึกษาถึงผลสําเร็ จของโครงการแซมาอึลอุนดงแล้วจะพบว่า รัฐบาลมีขีดความสามารถในการ
สร้ างรากฐานทางเศรษฐกิจ ในระบบสังคมหมู่บานให้แข็ งแกร่ งโดยเน้นหนัก ในการเพิมพูน รายได้ข อง
้
ประชาชนคือการพัฒนาโครงการแหล่งรายได้จนประชาชนสามารถพึงพาตนเองได้ และมีความคิดริ เริ มทีจะ
ช่วยเหลือตนเอง นอกจากนี รัฐบาลยังกระตุนให้ผนาระดับหมู่บานมีบทบาทสําคัญในการเปลียนแปลงและ
้ ู้ ํ ้
พัฒนาหมู่บาน ตลอดถึงข้าราชการท้องถินต้องมีขีดความสามารถในการทํางานอย่างมีประสิ ทธิภาพสูงใน
้
การให้บริ การทางการพัฒนาแก่ประชาชนทุกชนชัน และผูนาระดับสูงสุดทางการเมืองและกลุ่มชนชันนําใน
้ ํ
การเมืองเองก็พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มทีผ่านโครงการแซมาอึลอุนดง ซึงเป็ นโครงการระดับชาติที
๗
จินตนา พุทธเมตะ, อ้ างแล้ ว, หน้ า ๑๔.
- 7. ๗
สามารถสร้างขบวนการทางสังคมในการมีส่วนร่ วมของพลังขนาดใหญ่ทางแรงงานของสถาบันต่างๆ และ
ทรัพยากรทางเทคนิ คและเครื องมือต่างๆ จากทุกส่ วนงานของประเทศมารวมเป็ นเอกภาพเดียวกันในการ
พัฒนาประเทศจนประสบผลสําเร็ จ นันคือสามารถเปลียนฐานะจากประเทศทียากจนกลายเป็ นประเทศทีมี
ความมันคงในทางเศรษฐกิจ คุณ ภาพชี วิตของชาวเกาหลีดีขึนๆ ตามลําดับ ปั ญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไข
ปรับปรุ งจนคลีคลายไปในทางทีดีจนเป็ นทีน่าพอใจ
การปลูกฝังด้ านจริยปรัชญาทีก่อให้ เกิดอัตลักษณ์ในการสร้ างชาติของคนเกาหลี
จริ ยปรัชญา จริ ยธรรม หรื อคุณธรรม ทัง ๓ คํานี มีลกษณะความหมายที คล้ายคลึงกัน จะมีความ
ั
แตกต่างก็ตรงทีจริ ย ปรัชญาเป็ นเรื องของแนวคิดทีก่ อให้เกิดจริ ย ธรรมหรื อคุณ ธรรม ส่ วนจริ ยธรรมหรื อ
คุณธรรมเป็ นเรื องของความดีงามทีเกิดจากความประพฤติปฏิบติตนอันถูกต้อง เป็ นทียอมรับของสังคม และ
ั
เป็ นปัจจัยหลักทีทําให้สงคมเกิดความสงบสุข อีกทังยังนําพาให้บุคคลนันมีความเจริ ญในส่ วนตน ซึงก็เป็ น
ั
คุณ ลัก ษณะที ถูก ต้องอัน เกิ ด จากความเข้าใจคุ ณ ค่ าอัน แท้จ ริ งด้ว ยปั ญ ญาและความคิด เป็ นคุ ณ ลัก ษณะ
เฉพาะทีมีแต่ในมนุษย์เท่านัน และอยูภายในจิตใจหรื อจิตใต้สานึกของมนุษย์ทุกคน เป็ นลักษณะนิสยทีดีงาม
่ ํ ั
ของมนุษย์ก่อให้เกิดสารธรรมอันเป็ นประโยชน์มากมายทังต่อตนเอง สังคม ประเทศชาติ จะเห็นได้ว่าคําทัง
๓ คํานีมีคุณลักษณะการนํามาใช้ในบริ บททีพอแทนกันได้ เหมือนทีพัฒน์ เพ็งผลา ได้กล่าวถึงความหมาย
ของคุณธรรมไว้ว่า คุณธรรมมีคาเรี ยกหลายคํา เช่น ธรรม กุศลกรรม กัลยาณธรรม สาธุธรรม สัตธรรม สัปปุ
ํ
ริ สธรรม คําเหล่านี หมายถึงธรรมดีมีคุณประโยชน์ เช่น เมตตา (ความรัก) สติ (ความระลึกได้) ขันติ (ความ
อดทน) วิริยะ (ความเพียร) เป็ นต้น๘ และในทีนี ผูเ้ ขียนจะขอใช้คาว่า “จริ ยปรัชญา” แทนคําว่า “จริ ยธรรม
ํ
และคุณธรรม”
จริ ยปรัชญาเป็ นสิงจําเป็ นและสําคัญยิงในสังคมโลก ไม่ว่าชาติใดประเทศใดล้วนต้องการความสงบ
สุขในสังคม ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเป็ นอีกประเทศหนึ งทีให้ความสําคัญยิงต่อการปลูกฝังจริ ยปรัชญา
หรื อจริ ยธรรมให้แก่ประชาชนแต่โบราณกาลกว่า ๕,๐๐๐ ปี และการปลูกฝังจริ ยปรัชญาของประเทศเกาหลี
สามารถแบ่งออกเป็ น ๒ ลักษณะ คือ๙
การปลูกฝังจริยปรัชญาในครอบครัว
ด้วยว่าประเทศสาธารณรั ฐเกาหลีนับถือคําสอนของขงจื อมาเป็ นเวลาช้านาน ดังนันการปลูกฝั ง
ด้านจริ ยปรัชญาจึงดําเนินไปตามคําสอน ซึงหลักคําสอนทีคนเกาหลียึดถือหลักๆ ก็เป็ นเรื องของการปฏิบติ
ั
หน้าทีของคนในสังคมทีมีต่อกัน อย่างเช่นข้อความตอนหนึ งว่า ทุกสิ งทุกอย่างในโลกมีความแตกต่างกัน
โดยกําเนิด ระเบียบ ในการดํารงชีวิตในครอบครัว สังคม หรื อประเทศย่อมมีความแตกต่างกันแต่กาเนิ ด ทุก
ํ
๘
พัฒน์ เพ็งผลา, มนุษย์กับคุณธรรม (กรุ งเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคําแหง,๒๕๔๕), หน้า ๑๓๗.
๙
จินตนา พุทธเมตะ, อ้ างแล้ ว, หน้ า ๑๐๓-๑๐๖.
- 8. ๘
อย่างควรอยูในทีสมควร กษัตริ ยควรมีคุณสมบัติให้สมเป็ นกษัตริ ย ์ พ่อควรมีคุณสมบัติให้สมเป็ นพ่อ ลูกควร
่ ์
มีคุณสมบัติทีสมเป็ นลูก เป็ นต้น เมือทุกอย่างปฏิบติอย่างเหมาะสมกับบทบาทตนเองย่อมส่ งผลให้สังคมมี
ั
ระเบียบวินย นันคือสิ งทีมีมารยาท ซึงเป็ นกฎระเบียบหรื อหน้าทีทีควรปฏิบติ และกฎระเบียบหรื อหน้าทีควร
ั ั
ยึดถือปฏิบตินีเรี ยกว่า “บัญญัติ ๕ ประการ” คือ
ั
๑. กษัตริ ยกบขุนนางควรมีความไว้วางใจกัน
์ั
๒. พ่อกับลูกชายควรผูกพันและสืบทอดกัน
๓. สามีกบภรรยาควรมีบทบาทและหน้าทีต่างกัน
ั
๔. ผูใหญ่กบผูนอยควรมีการลําดับอาวุโส และ
้ ั ้ ้
๕. ระหว่างเพือนควรซือสัตย์ต่อกัน
นอกจากคุณธรรมข้างต้นนี แล้วยังมีประเพณี ทีสื บทอดคําสอนของขงจื อไว้อย่างเหนี ยวแน่ น เช่น
ประเพณี การเป็ นผูใหญ่ พิธีแต่งงาน พิธีศพ และพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เป็ นต้น ประเพณี เหล่านีเป็ นประเพณี
้
ทีปลูกฝังด้านแนวคิดทางด้านจริ ยปรัชญาให้แก่คนเกาหลีได้ปฏิบติสืบต่อมาอย่างเคร่ งครัดจนถึงปั จจุบนไม่
ั ั
ว่าสภาพสังคมและสถานภาพของบุคคลในสังคมจะเปลียนแปลงไปจากโบราณกาลเพียงใดก็ตาม และเมือ
ทุกครอบครัวถูกปลูกฝังจริ ยธรรมให้แก่บุตรหลานโดยยึดหลักบัญญัติ ๕ ประการ ข้างต้นแล้ว บุตรหลาน
ของแต่ ละครอบย่อมมีพืนฐานทางความคิ ด ที อยู่ในระดับเดี ย วกัน มีแนวทางปฏิบัติ ทีเต็ มเปี ยมไปด้ว ย
คุณธรรมอันเป็ นบรรทัดฐานเดียวกันก็ย่อมส่ งผลให้บุตรหลานของทุกครอบครัวเป็ นสมาชิดในสังคมทีมี
คุณภาพ เป็ นกําลังสําคัญยิงของสังคม และทีสุดย่อมเป็ นพลเมืองทีมีศกยภาพของประเทศ
ั
อีกหลักจริ ยปรัชญาทีคนเกาหลียึดถือกันและมองว่าเป็ นสิ งสําคัญก็คือหลักคําสอนของขงจื อทีว่า
สามีกบภรรยามีบทบาทหน้ าทีต่ างกัน สังคมเกาหลีตงแต่อดีตมาจนถึงปั จจุบนจะแยกบทบาททังสามีและ
ั ั ั
ภรรยาออกจากกันอย่างชัดเจน กล่าวคือสามีมีหน้าทีประกอบอาชีพหาเลียงครอบครัว ส่ วนภรรยามีหน้าที
ดูแลสมาชิกในครอบครัวให้มีความสุข อบรมสังสอนบุตรธิดาให้เป็ นคนดีของครอบครัว สังคม ประเทศชาติ
ดังนันภรรยาจึงทําหน้าแม่บานเพียงประการเดียว แม้ว่าโลกจะมีการเปลียนแปลงทังสภาพสังคม และสภาพ
้
เศรษฐกิจ แต่คนเกาหลีก็ยงยึดถือปฏิบติตามคําสอนดังกล่าวจนกลายเป็ นอัตลักษณ์ทางกายภาพและจิตภาพที
ั ั
โดดเด่นในการสร้างเอกลักษณ์ของคนเกาหลีมาจนถึงปัจจุบน ั
การปลูกฝังจริยปรัชญาในทางสังคม
หลังจากการปลูก ฝังด้านจริ ย ปรั ชญาในชันของครอบครั วแล้ว ก็จ ะเป็ นการปลูก ฝั งจริ ย ปรัชญา
ในทางสังคม กล่าวคือเมือเด็กมีอายุครบเกณฑ์ทีจะเข้าศึกษาในโรงเรี ยนก็จะได้รับการสังสอนอบรมด้าน
คุ ณ ธรรมจริ ย ธรรมอย่างต่ อเนื อง จนจบการศึก ษาในระดับสู ง หลัก สู ต รการเรี ย นการสอนในประเทศ
สาธารณรัฐเกาหลีจะมีก ารสอนเรื องของคุณธรรมจริ ยธรรมอย่างชัด เจน และวิ ธีก ารสอนจะใช้หลัก จริ ย
ปรัชญาของขงจือผสมผสานกับศาสตร์สมัย โดยใช้วิธีการประยุกต์ทง ๒ ศาสตร์เข้าด้วยกันดังนี
ั
- 9. ๙
การสอนในระดับห้ องเรียน : มุ่งการอภิปรายจริ ยปรัชญาหรื อคุณธรรมจริ ยธรรมเพือเน้นการหา
สาเหตุและเหตุผลทีดีในการประพฤติตนให้เป็ นคนดีตามหลักจริ ยธรรม มีการยกการกรณี ปัญหาคุณธรรม
จริ ยธรรมเป็ นสือเป็ นข้อมูลและให้นกเรี ยนเป็ นผูคิดวิเคราะห์เพือหาความเป็ นจริ งทีถูกต้องตามหลักการและ
ั ้
เหตุผลทีถูกต้อง
การสอนในหลักสู ตรแฝง : ให้ผเู้ รี ยนศึกษาค้นคว้าเรี ยนรู้คุณธรรมจริ ยธรรมจากสถานการณ์และ
สิ งแวดล้อมทีเป็ นจริ ง มีการอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล มีการยอมรับในความคิดเห็นของผูอืน ้
ผลทีตามมาคือ เราจะเห็นว่าประชาชนและนักศึกษาในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีจะมีการประท้วงบ่อย หาก
มีความผิดปกติทางการบริ หารประเทศ หรื อความไม่โปร่ งใสในการทํางานของรัฐบาล หรื อการตัดสิ นใจ
ของรัฐบาลทีประชาชนเจ้าของประเทศไม่เห็นด้วย การประท้วงถือเป็ นปกติวิสยของคนเกาหลีจนคนเกาหลี
ั
เกิดความคุนเคย สิงเหล่านี แสดงให้เห็นถึงความรักความใส่ใจในประเทศของตน
้
จากวิธีการสอนทัง ๒ วิธีเป็ นการบูรณาการวิธีการสอนให้สอดคล้องกับแนวคิดทางจริ ยปรัชญาของ
ขงจื อทีกล่าวว่ า ทุ กสรรพสิงในโลกเป็ นครู ทีจะสอนทุกชี วิตในโลกให้ เ ป็ นไปตามความเป็ นจริ งทีเกิดขึ น
ดังนันการปลูกฝังจริ ยธรรมทังในบ้านและในสังคมจึงเป็ นเบ้าหลอมทีทําให้เยาวชนของประเทศสาธารณรัฐ
เกาหลีเป็ นเยาวชนทีดีและมีแบบอย่างเดียวกัน และการปลูกฝังจริ ยปรัชญาดังกล่าวของเกาหลีจะสอนและ
อบรมอย่างต่อเนืองจนกลายเป็ นวัฒนธรรมทีเยาวชนจะยึดแบบอย่างเป็ นแนวทางปฏิบติ และคนเกาหลีเชือ
ั
ว่าผูใหญ่หรื อผูนาทางสังคมจะต้องทําตัวเป็ นต้นแบบมีพฤติกรรมทีดีงามเพือให้เยาวชนได้เลียนแบบ ดังจะ
้ ้ ํ
เห็นได้ว่าผูใหญ่ระดับผูบริ หารประเทศหากทํางานผิดพลาดจนทําให้ประชาชนหรื อประเทศชาติเสี ยหายจะ
้ ้
ลาออกจากตําแหน่งทันที ยิงหากมีความผิดทีร้ายแรง เช่น ฉ้อราษฎร์ บงหลวงและถูกพิพากษาว่ากระทําผิด
ั
จริ ง ผูนนนอกจากจะลาออกแล้วบางครังจะทําอัตวินิบาตกรรมเพือหลบหนีความอับอาย
้ ั
จริ ย ปรั ชญาอีกข้อความหนึ งทีคนเกาหลีได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุ ษและปั จ จุบันก็ ยงมี ั
อิทธิพลต่อคนเกาหลีคือจริ ยปรัชญาในการทํางานคือข้อความทีว่า จริยปรัชญาในการทํางานอันเป็ นทัศนคติ
และค่ านิยมเชิงการพัฒนาการทีก่ อให้ เกิดพฤติกรรมเชิงการพัฒนาหรือเป็ นประโยชน์ ต่อการพัฒนา เช่ น
ความขยันหมันเพียร การช่ วยตัวเอง ความร่ วมมือร่ วมใจ การเสียสละส่ วนตนเพือส่ วนรวม ความตังมันและ
ความมุ่งมัน เหล่ านีเป็ นปัจจัยสําคัญอีกประการหนึงในการพัฒนาสังคมชนบทให้ มีความแข็งแกร่ ง ทีสําคัญ
คือจริยปรัชญาทีมีการปลูกฝังและสืบทอดให้ แก่คนรุ่นหลังได้ สืบสานต่ อ๑๐
จะเห็นได้ว่าหลักการปกครองทีรัฐบาลเกาหลีได้นาเอาหลักจริ ยปรัชญาของขงจือมาบูรณาการใน
ํ
การปกครองประเทศนันจะคํานึ งถึงหลัก ๓ ประการคือ แผ่นดิ น ประชาชน และการบริ หารงานของรั ฐ
ผูปกครองจึ งจําเป็ นที จะต้องทําเรื องผลประโยชน์ และคุ ณ ธรรมจริ ยธรรมให้เป็ นเรื องเดี ย วกัน เพราะ
้
คุณธรรมจริ ยธรรมนันถือว่าเป็ นเสาหลักในการปกครองประเทศ ซึงในเรื องนีมีหลักจริ ยปรัชญาของขงจืออีก
๑๐
ฮานู ลี, แซมาอึลวุนดงของเกาหลี : การศึ กษาวิเคราะห์ เชิงปฏิบัติการขององค์ประกอบทีนําไปสู่ ความสํ าเร็จใน
การพัฒนาชนบท (กรุ งเทพฯ : ปรัชญาการศึกษาดุษฎีบณฑิต, มหาวิทยาลัยศรี นคริ นทรวิโรฒ,๒๕๒๙), หน้า ๓๔.
ั
- 10. ๑๐
หมวดหนึงทีมีอิทธิพลยิงต่อคนเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิงรัฐบาลได้นามาใช้เป็ นหลักในการปกครองประเทศ
ํ
๕ ประการคือ๑๑
๑. ให้สวัสดิการแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิงในด้านเศรษฐกิจ จะต้องสร้างความมันคงให้กบ ั
ราษฎร์ ซึงเป็ นสิ งจําเป็ นประการแรกทีผูปกครองจะต้องทําเพือก้าวไปสู่ความสําเร็ จในการปกครองประเทศ
้
๒. เกณฑ์แรงงานแต่พอดี ไม่ทาให้ราษฎร์ไม่พอใจ ผูปกครองจะต้องคํานึ งถึงประชาชนไม่ควรก่อ
ํ ้
ความเดือดร้อนให้กบประชาชนในการเก็บภาษี เกณฑ์แรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิงในฤดูกาลเพาะปลูก การ
ั
เกณฑ์แรงงานต้องทําด้วยความสุภาพ ทําให้เขาเห็นจริ งๆ ว่า ทีทําอย่างนี ก็เพือตัวประชาชนเอง ดังทีขงจือพูด
ไว้ในตอนหนึงว่า ถ้ารัฐบาลเกณฑ์ แรงงานด้ วยความสุ ภาพ ทําไปเพือประโยชน์ ของราษฎร์ ย่อมไม่ ไม่ ใคร
โอดครวญ
๓. ชี นําวิธีก ารดําเนิ น ชีวิ ตที ถูก ต้องอัน ประกอบด้วยศีลธรรม โดยผูปกครองต้องปฏิบัติต นเป็ น
้
ตัวอย่างในทางทีดี ผูปกครองต้องตระหนักว่า มีสายตาประชาชนทังแผนดินคอยจับตาอยู่ ดังนันจึงต้องระวัง
้
ทุกฝี กาวทังการกระทํา การพูด และการคิด
้
๔. ให้การยอมรับนับถือในกิจกรรมของประชาชนว่า มีความสําคัญต่อรัฐบาล ไม่ว่าประชาชนจะมี
มากหรื อน้อย มีอานาจต่อรอง หรื อไม่มีก็ตาม ดังทีขงจือกล่าวไว้ว่า กิจกรรมทีประชาชนทําควรให้ ความ
ํ
สนใจ เช่ นเดียวกับพิธีกรรมทางศาสนา โดยเน้ นทีความเสมอภาคทางการปฏิบัติต่อราษฎร์ ด้วยไม่ มีการดู
หมิน
๕. สร้างความเกรงขามแต่ไม่น่ากลัว ใช้การปกครองโดยพระคุณมากกว่าพระเดช ในทัศนะของ
ขงจื อมุ่งไปที ผูปกครอง ถ้าผูปกครองมีศีลธรรมจริ ย ธรรมประชาชน เพราะถ้าผูปกครองมีคุ ณ ธรรมนํา
้ ้ ้
ประชาชนในทางทีดีงามแล้ว ประชาชนย่อมไม่กล้าทีจะออกนอกลู่นอกทาง ผูปกครองเวลาแข็งดุจเพชร
้
เวลาอ่อนดุ จ ปุ ย นุ่ น จึ งจะสามารถสร้ างความน่ าเกรงขามได้ ประชาชนจะดู พฤติ ก รรมของผูปกครอง ้
ตลอดเวลา แม้แต่รายละเอียดปลียอย เช่น การแต่งกาย ขงจือก็กล่าวว่า การสร้ างความเกรงขามนันเป็ นสิงที
่
ตรงกันข้ ามกับความน่ ากลัว การสร้ างความน่ าเกรงขามก็เพือให้ ประชาชนยอมรับในฐานะเป็ นผู้นําประเทศ
หลักจริ ยปรัชญาทัง ๕ ประการทีกล่าวมาถือว่ามีอิทธิพลต่อแนวความคิดของคนเกาหลีทีได้นามา ํ
ประยุกต์เข้ากับหลักการปกครองให้มีความสอดคล้องกันอย่างเห็นได้ชดระหว่างผูปกครองกับผูอยู่ใต้การ
ั ้ ้
ปกครอง นันคือรัฐบาลกับประชาชน และด้วยเหตุนีจึงทําให้แนวคิดทางจริ ยปรัชญาทางสังคมของคนเกาหลี
ประสบผลสําเร็ จในการพัฒนาประเทศชาติ ถึงแม้ว่าบางครังเกาหลีเองจะประสบปัญหาบ้าง แต่เขาก็มีวิธีการ
แก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด ซึงวิธีการแก้ปัญหาแต่ละอย่างก็โดยการบูรณาการใช้หลักจริ ยปรัชญาของขงจือกับ
ศาสตร์สมัยใหม่เข้าด้วยกัน จนกลายเป็ นวิวฒนาการสร้างอัตลักษณ์ของคนเกาหลีทีสามารถยืนหยัดความ
ั
เป็ น เกาหลีใหม่ ได้ดงเจตนาและสมหวังดังความมุ่งมันของผูนาประเทศ ซึงถือได้ว่าเป็ นความสําเร็ จทีน่ า
ั ้ ํ
๑๑
กฤต ศรี ยะอาจ, หลักการปกครองของขงจือ อ้างใน บทความทางวิชาการ พุทธศาสตร์ ปริ ทศน์ (กรุ งเทพฯ : จรัล
ั
สนิทวงศ์การพิมพ์,๒๕๔๘), หน้า ๑๓๔-๑๓๕.
- 11. ๑๑
ภาคภูมิใจ และเป็ นสิงทีทําให้ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีกาวสู่ความเป็ นผูนาในแถบภูมิภาคเอเชียได้อย่างเต็ม
้ ้ ํ
ภาคภูมิ ทังนีเป็ นเพราะพืนฐานในทุกด้านทีแข็งแกร่ ง และประกอบกับแนวคิดทีว่า เมือทรัพยากรมนุษย์ มี
ประสิทธิภาพ ย่อมนําพาประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง มันคง และมังคัง
การนับถือศาสนาของคนเกาหลี
รัฐธรรมนูญได้รับรองสิทธิในการนับถือศาสนาของคนเกาหลีไว้ว่า ชาวเกาหลีนับถือศาสนาพุทธ
ร้อยละ ๕๑.๒ ของจํานวนประชากร โปรเตสแตนท์ ร้อยละ ๓๔.๔ และคาทอลิค ร้อยละ ๑๐.๖๑๒ (ปั จจุบน ั
เท่าทีฟังมัคคุเทศก์บรรยาย การนับถือศาสนาพุทธของคนเกาหลีมีแนวโน้มลดลงมาก และส่ วนมากหันไป
นับถือศาสนาคริ สต์ ทังนีอาจจะเป็ นเพราะว่าวัดพุทธศาสนาตังอยู่บนภูเขาในทีห่ างไกลประชาชน ส่ วนวัด
คริ สต์ต ังอยู่ในเมืองซึ งมีปฏิสัมพันธ์ร่ วมกิจ กรรมกับชาวบ้านมากกว่าวัด พุทธศาสนา) ถึงอย่างไรก็ต าม
ประชาชนเกาหลีถึงแม้จะนับถือศาสนาต่างๆ แต่หลักคําสอนของศาสนานันๆ ก็ยงมีอิทธิพลน้อยกว่าหลักจ
ั
ริ ยปรัชญาของขงจือ เพราะลัทธิปรัชญาของขงจื อมุ่งสอนระเบียบในสังคม วิถีชีวิตในการดําเนิ นชีวิตของ
ครอบครัวและสังคม การปฏิบติตนให้ถูกต้องตามครรลอง และการรู้จกหน้าทีของตนเอง พร้อมทังปฏิบติ
ั ั ั
ตามคําสอนอย่างเคร่ งครัด
ความสําเร็จของการปฏิรูปการศึกษาทีทําควบคู่ไปกับการปลูกฝังจริยปรัชญา
จะเห็นได้ว่า นโยบายการปฏิรูปการศึกษาของประเทศสาธารณรัฐเกาหลีนนจะทําควบคู่ไปกับการ
ั
ปลูกฝังทางด้านคุณธรรมจริ ยธรรมซึงมีจริ ยปรัชญาของขงจือเป็ นหลักในการนําทาง คนเกาหลีเข้าใจดีว่า
สังคมอุตสาหกรรมจะส่งผลให้คนในสังคมหันมาให้ความสําคัญกับวัตถุโดยละเลยความรู้สึก ความมีนาใจ ํ
คุณงามความดี ความกตัญ ูอนเป็ นคุณลักษณะเฉพาะของมนุษย์ ดังนันการปลูกฝังคุณธรรมจริ ยธรรมอย่างมี
ั
ระบบจึงต้องถูกจัดในหลักสูตรการเรี ยนการสอนตังแต่ชนอนุ บาลจนถึงระดับอุดมศึกษา จนกลายเป็ นอัต
ั
ลักษณ์และมีการปฏิบติสืบทอดติดต่อกันมาอย่างเหนียวแน่นจนสามารถสร้างคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตนได้
ั
อย่างโดดเด่นเป็ นทีประจักษ์ต่อสายตาคนทีได้ศึกษาเรื องราวหรื อรับรู้เกียวกับการพัฒนาประเทศของชาว
เกาหลี
ลักษณะเด่ นทีเป็ นอัตลักษณ์ของคนเกาหลี
เมือไปทัศนะศึก ษาทีประเทศเกาหลีเราจะเห็ นคนเกาหลีมากกว่ า ๘๕ % มีลก ษณะคล่องแคล่ว
ั
ว่องไวเอาจริ งเอาจังกับภาระหน้าทีของตน ยกตัวอย่างมัคคุเทศก์ทีนําเราทัศนะศึกษาจะเห็นได้ว่าเขามีความ
คล่องตัวค่อนข้างสูงไม่ว่าจะทําหรื อพูดล้วนถอดแบบอัตลักษณ์ของความเป็ นคนเกาหลีอย่างชัดเจน ยิงอยู่
๑๒
สํานักงานสารนิเทศภาคโพ้ นทะเล สาธารณรัฐเกาหลี และคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย, ความ
จริ งเกียวกับเกาหลี (กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,๒๕๓๗), หน้ า ๑๓๑.
- 12. ๑๒
นานวันก็ยิงเห็ นบล็อกทีหล่อหลอมความเป็ นคนเกาหลีมากขึ น ซึงบล็อกดังกล่าวได้กลายเป็ นอัต ลักษณ์
พิเศษทีหล่อหลอมความเป็ นคนเกาหลีให้มีลกษณะทีเหมือนกันเกือบทังประเทศไม่ว่าชนบทหรื อในเมือง ดัง
ั
จะกล่าวโดยสังเขปให้พอเห็นภาพดังต่อไปนี
การลําดับรุ่นอาวุโส
คนเกาหลีให้ความสําคัญต่ อลําดับรุ่ นอาวุ โสอย่างเคร่ งครัด ไม่ว่าจะเป็ นผูอาวุ โสในทีทํางาน ใน
้
โรงเรี ยนและในมหาวิทยาลัย ความเป็ นรุ่ นทีมีความสําคัญยิง และรุ่ นน้องก็ให้ความสําคัญต่อการเคารพเชือ
ฟังรุ่ นพี ดังนันความช่วยเหลือทีรุ่ นพีให้รุ่นน้องจึงมีให้อย่างเต็มที ความสนิ ทสนม ความสัมพันธ์และความ
ผูกพันระหว่างกันก็มีต่อกันอย่างแน่ นแฟ้ น มารยาทอย่างหนึ งทีแสดงถึงการนับถืออาวุโสของคนเกาหลีที
ปฏิบติมาช้านาน เช่น ในเวลาการรับประทานอาหาร คนทีอาวุโสทีสุ ด ณ ทีนัน จะเป็ นผูทีจับช้อน ตะเกียบ
ั ้
ตักอาหารก่อน หลังจากนันผูนอยจึงจะสามารถรับประทานอาหารได้ และเราจะต้องรับประทานอาหารทีตัก
้ ้
มาให้หมด หากรับประทานไม่หมดถือว่าอาหารนันไม่อร่ อย
ความรักในสถาบันการศึกษาและความสัมพันธ์ ระหว่างครูอาจารย์กบศิษย์
ั
วัฒนธรรมที เป็ นอัตลัก ษณ์ของคนเกาหลีในเรื องศิษย์มีการร่ วมดืมร่ วมรับประทานอาหารกับครู
อาจารย์ในช่วงเย็นหลังเลิกเรี ยน บรรยากาศของการดืมกินจะเป็ นบรรยากาศกันเองแต่แฝงไว้ดวยความเคารพ
้
นับถือนอบน้อมอย่างมีมารยาท คือท่านังทีมีการสํารวมตลอดเวลา ท่าริ นเหล้าทีใช้สองมือประคองขวดเหล้า
หรื อเบียร์และคีบอาหารให้ครู อาจารย์อย่างมีขนตอนมีมารยาท ท่าดืมเหล้าทีลูกศิษย์ตองประคองแก้วเหล้า
ั ้
ด้วยมือสองข้างศีรษะค้อมคํานับและหันข้างให้ครู อาจารย์อนเป็ นท่าทีไม่ประจันหน้าดืมเหล้ากับครู อาจารย์
ั
เด็ดขาด
ความเป็ นหมู่เหล่า
บุคลิกภายนอกของคนเกาหลีจะเฉยเมยและเฉยชาต่อชาวต่างชาติ เพราะถือว่าชาวต่างชาตินนไม่อยู่
ั
ในกลุ่มเดียวกับตน แต่เมือคบหากันนานและชาวต่างชาติสามารถพิสูจน์ตนเองว่าเป็ นคนจริ งใจ และสามารถ
ตีแผ่หวใจในการคบหากัน เมือนันคนเกาหลีจะเป็ ดประตูยอมรับการเข้าเป็ นกลุ่มเดียวกัน จากนันคนเกาหลี
ั
จะแสดงความจริ งใจยอมรับการเป็ นกลุ่มเดียวกันด้วยการเชิญไปดืมสุ ราด้วยกัน ไม่แปลกหากคนเกาหลีจะ
เชือเชิญคนในกลุ่มเพียงคนเดียวทีตนเองยอมรับไปดืมกันโดยทีไม่เอ่ยปากชวนคนอืน ผูอืนทีอยู่ในกลุ่มก็จะ
้
ไม่เอ่ยปกขอติดตามไปด้วยและไม่รู้สึกว่าคนทีชวนนันเสียมารยาททีเลือกเชิญเฉพาะ คนเกาหลีจะไม่ยอมดืม
สุราจนเมากับบุคคลทีตนยังไม่วางใจ และยอมรับว่าเป็ นกลุ่มเดียวกัน แต่จะดืมจนเมามายกับบุคคลทีตนเอง
วางใจ เคารพนับถือนําใจและจริ งใจเท่านัน
- 13. ๑๓
ความเป็ นชาตินิยมและความรักชาติ
คนเกาหลีจะแสดงความเป็ นชาตินิยมด้วยการใช้สิงของเครื องใช้ทีผลิตขึ นเองในประเทศ เช่น ตาม
ท้องถนนส่วนใหญ่จะพบแต่รถยนต์ถึงร้อยละ ๙๙ ทีผลิตในประเทศ จะมีเพียงส่วนน้อยทีใช้รถยนต์ทีผลิตใน
ต่างประเทศ เพราะคนเกาหลีผลิตรถยนต์เป็ นสิ นค้าส่ งออกไปจําหน่ ายในต่างประเทศทัวโลก บริ ษทผลิต ั
๑๓
รถยนต์ในประเทศเกาหลีมีหลายบริ ษท แต่สาคัญมี ๔ บริ ษท คือ บริ ษทเฮียนแด (Hyundai) หรื อทีคนไทย
ั ํ ั ั
เรี ยกว่า ฮุนได เป็ นบริ ษททีผลิตเรื อเดินสมุทร ผลิตเฮลิคอปเตอร์และรับเหมางานก่อสร้างขนาดใหญ่ บริ ษท
ั ั
แดวู (Daewoo) คนไทยรู้จกดี เพราะเป็ นบริ ษทที ขสมก.ของไทยเคยสังรถบัสยีห้อแดวูนีเข้าไปวิงโดยสารใน
ั ั
กรุ งเทพฯ บริ ษทเกีย (Kia) บางทีใช้เกียมาสเตอร์ เกียมอเตอร์ หรื อเอเชีย แต่ ละบริ ษทก็ผลิดรถยนต์ได้ทุก
ั ั
ประเภทตังแต่รถบัส รถตู้ รถกระบะ รถยนต์นงทุกขนาดและบางบริ ษทสามารถผลิตรถอืนๆ อีกเช่น รถตัก
ั ั
ดิน รถบดถนน รถแทรกเตอร์ รถผสมปูนซีเมนต์ ฯลฯ และอีกบริ ษทหนึงคือบริ ษทซังย็อง (Sang Youn) เป็ น
ั ั
บริ ษ ัทที ผลิต รถจิ ปยีห้อ โครานโด (Korando) ขับเคลือน ๔ ล้อ มีหลายรุ่ น หลายแบบส่ งขายยังในและ
ต่างประเทศ
นอกจากนี ยัง มี เ ครื องใช้ไ ฟฟ้ าอี ก หลายชนิ ด ที เกาหลี ผ ลิ ต ขึ นใช้ใ นประเทศและส่ ง ออกยัง
ต่างประเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์เครื องใช้ไฟฟ้ ายีห้อซัมซุง (Samsung) ซึงก็ เป็ นทีนิ ยมของคนไทยด้วยเช่นกัน
ดังนันเศรษฐกิจของเกาหลีจึงอยูในภาวะทีมันคงเพราะเงินตราไม่รัวไหลออกนอกประเทศ ในเรื องของการ
่
รัก ชาติ นันจะเห็ นว่ าคนเกาหลีจ ะมีเรื องประท้ว งรั ฐบาลหรื อหน่ วยงานต่างๆ อยู่เสมอ เพราะประชาชน
โดยเฉพาะนักศึกษา นักวิชาการ และปัญญาชนจะตรวจสอบการทํางานของรัฐบาล หากเห็นว่านโยบายใดไม่
ถูกต้องหรื อไม่ชดเจนก็จะประท้วงด้วยการชุมนุมต่อต้าน ทีน่าสนใจคือการประท้วงแต่ละครั ง ฝ่ ายประท้วง
ั
จะแจ้งให้หน่วยงานทีรับผิดชอบดูแลเรื องการเจรจาให้ทราบล่วงหน้าว่าจะประท้วงบริ เวณใด เวลาใดและจะ
เลิกเมือไร เพือให้หน่วยงานนันประกาศให้ประชาชนทราบจะได้ไม่เดือดร้อน
ความมีวนัยในตนเอง
ิ
คนเกาหลีจะเคร่ งครัดวินยทุกเรื องเพราะได้รับการฝึ กฝนอบรม และปลูกฝังให้เป็ นผูรักษาวินัยอย่าง
ั ้
เคร่ งครัดจนกลายเป็ นอุปนิสย อีกทังกฎหมายทีมีบทลงโทษรุ นแรงสําหรับผูฝ่าฝื นวินยหรื อข้อบังคับ จะเห็น
ั ้ ั
ได้จ ากการใช้ร ถใช้ถนนของผูค นที นันจะไม่มีการฝื นกฎจราจรเป็ นอัน ขาด ไม่มีก ารข้ามถนนขณะที มี
้
สัญญาณไฟแดง แม้ว่าขณะนันท้องถนนจะไม่มีรถแล่นผ่าน รถจะหยุดทันทีเมือมีสญญาณไฟเหลือง และไม่
ั
ฝ่ าไฟแดงแม้ว่าบริ เวณนันจะไม่มีคนข้ามถนน หรื อรถจะหยุดทันทีเมือเห็นคนยืนอยูตรงทางข้ามม้าลาย จาก
่
ความปลอดภัยเช่นนี เราจะเห็นนักเรี ยนชันประถมต้นจูงมือน้องทีเรี ยนอนุบาลข้ามถนนไปและกลับโรงเรี ยน
ตามลําพัง เด็กเหล่านี จะได้รับการปลูกฝังให้ยืนคอยข้ามถนนขณะไฟเขียวเท่านัน จะไม่ขามถนนขณะทีมี
้
สัญญาณไฟแดงอย่างเด็ดขาดแม้ว่าถนนว่างปราศจากรถ นอกจากนี คนเกาหลีจะไม่ยอมข้ามถนนในทีไม่ใช่
๑๓
สมปราชญ์ อัมมะพันธุ์, อ้ างแล้ ว, หน้า ๑๗๑.