Contenu connexe
Similaire à ครูมือใหม่ (20)
ครูมือใหม่
- 2. ปัญหาที 1
กระบวนทัศน์ ของการออกแบบการสอนเป็ น
อย่ างไรและสิ งใดเป็ นพื นฐานทีสํ าคัญในการเปลียน
กระบวนทัศน์ ดังกล่ าว
- 3. กระบวนทัศน์
วิธีคิด วิธีปฏิบ ั ติ แนวการดํ าเนินชีวิตทีนํามา
ทบทวนใหม่ เพือให้สอดคล้องกับยุคและ
สถานการณ์ทีกํ าลั งเกิดขึ นในปัจจุบ ั น และทีจะ
เกิดขึ นในอนาคต
- 4. กระบวนทัศน์ ของการออกแบบการสอน
กระบวนทัศน์ (Paradigm) เกียวกับการสอนมีการ
เปลียนแปลงจากครู เป็ นศูนย์ กลางมาเป็ นการเรียนรู ้ ทีเน้ นผู ้ เรียนเป็ น
ศูนย์ กลาง
ดังนั น การออกแบบการสอนจึงต้ องเปลียนแปลงจากหลักการ
เรียนรู ้ และการสอนมาสู ่ การวางแผนสํ าหรับการจัดการเรียนการสอนและ
กิจกรรมการเรียนรู ้ เพือให้ สอดคล้องกับความเปลียนแปลงจากเดิมทีเป็ น
สื อการสอนมาเป็ นสื อการเรียนรู ้ และนวัตกรรมการเรียนรู ้ เพือทีจะนํามาใช้
ในการเรียนรู ้ ทีสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู ้ ทีเน้ นผู ้ เรียนเป็ นศูนย์ กลาง
- 7. พื นฐานทฤษฎีการเรียนรู ้ ทีสํ าคัญในการออกแบบการสอน
มีดังนี
ทฤษฎีการเรียนรู้ กลุ ่ มพฤติกรรมนิยม
การเปลียนแปลงพฤติกรรมซึงเป็ นผลเนืองมาจาก
การเชือมโยงความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ งเร้ า(Stimulus)
และการตอบสนอง (Response) จะมุ ่ งเน้ นเพียง
พฤติกรรมทีสามารถวัดและสั งเกตได้ เท่ านั น โดยไม่ ศึกษาถึง
กระบวนการภายในของมนุษย์ (Mental process)
และถ้ าหากได้ รับการเสริมแรงจะทําให้ มีการแสดงพฤติกรรม
นั นถีมากขึน
- 8. ทฤษฎีการเรียนรู้ กลุ ่ มพุทธิปัญญานิยม
การเปลียนแปลงความรู ้ ของผู ้ เรียนทั งทางด้ านปริมาณ
และด้ านคุณภาพ คือ นอกจากผู ้ เรียนจะมีสิงทีเรียนรู ้ เพิมขึน
แล้ว ยังสามารถจัดรวบรวมเรียบเรียงสิ งทีเรียนรู ้ เหล่านั นให้
เป็ นระเบียบ เพือให้ สามารถเรียกกลับมาใช้ ได้ ตามทีต้ องการ
และสามารถถ่ ายโยงความรู ้ และทักษะเดิม หรือสิ งทีเรียนรู ้
มาแล้วไปสู ่ บริบทและปัญหาใหม่ ซึงการเรียนรู ้ ตามทฤษฎีของ
กลุ ่มนีให้ ความสนใจในกระบวนการภายในทีเรียกว่ า ความรู ้
ความเข้ าใจ หรือการรู ้ คิดของมนุษย์
- 9. ทฤษฎีการเรียนรู้ กลุ ่ มคอนสตรัคติวิสต์
การเรียนรู ้ ของกลุ ่มนีจะมีรากฐานความเชือมาจาก
การพัฒนาการทางด้ านพุทธิปัญญา (Cognitive
Development) ทีว่ าโดยทีผู ้ เรียนสร้ างเสริมความรู ้
ผ่ านกระบวนการทางจิตวิทยาด้ วยตนเอง ครูผู ้ สอนไม่
สามารถปรับเปลียนโครงสร้ างทางปัญญาของผู ้ เรียนได้ แต่
สามารถช่ วยให้ ผู ้ เรียนปรับขยายโครงสร้ างทางปัญญา โดย
การจัดสภาพการณ์ ทีทําให้ เกิดภาวะ เสี ยสมดุล หรือก่อให้ เกิด
ความขัดแย้ งทางปัญญาขึน ซึงก็คือสภาวะทีโครงสร้ างทาง
ปัญญาเดิมใช้ ไม่ ได้ ต้องมีการปรับเปลียนให้ สอดคล้อง
ประสบการณ์ มากขึนหรือเกิดโครงสร้ างทางปัญญาใหม่
- 10. ความแตกต่ างของทฤษฎีการเรียนรู ้ ทั ง 3 ทฤษฎี
พฤติกรรมนิยม พุทธิปัญญานิยม คอนสตรัคติวิสต์
การเรียนรู้ การเปลียนแปลง การเปลียนแปลงของ การเปลียนแปลงอย่ างมี
พฤติกรรมทีเกิดขึ น ความรู้ ทีถูกเก็บไว้ใน ความหมายเกียวกับ
หน่ วยความจํา ความรู้ ทสร้ างขึ น
ี
กระบวนการเรียนรู้ Antecedent การใส่ ใจ การเข้ ารหัส การร่ วมมือกันแก้ ปัญหา
Behavior การเรียกกลับของ
Consequence สารสนเทศในหน่ วยความจํา
บทบาทของผู้ สอน บริหารจัดการสิ งเร้ าทีจะ นําเสนอสารสนเทศ แนะนําและให้ รูปแบบ
ให้ ผู้เรียน
บทบาทของผู้ เรียน รับสิงเร้ าทีครูจัดให้ รอรับสารสนเทศ สร้ างความรู้ อย่ างตืนตัว
- 11. ปัญหาที 3
ให้ วิเคราะห์ และวิพากษ์ จุดเด่ นและจุดด้ อย
ของการออกแบบการสอนทีมีพื นฐานจาก
ทฤษฎีการเรียนรู้ กลุ ่ มพฤติกรรมนิยม
พุทธิปัญญานิยม และคอนสตรัคติวิสต์
- 12. ทฤษฎีการเรียนรู ้ จุดเด่ น จุดด้ อย
กลุ ่ มพฤติกรรมนิยม vมุ่ งศึกษาเกียวกับ vสิ งแวดล้ อม เช่ น
ความสั มพันธ์ ระหว่ างสิ งเร้ า บทเรียนโปรแกรม ชุดการ
(Stimulus) กับการ สอน สื อการสอนรู ปแบบ
ตอบสนอง (Response) ต่ างๆ สิ งแวดล้ อมเหล่ านีถ้ า
เน้ นความสํ าคัญของสิ งแวดล้ อม ออกแบบไม่ เหมาะสมก็จะทํา
เพราะเชือว่ าสิ งแวดล้ อมเป็ น ให้ ผู้ เรียนไม่ เกิดการเรียนรู้
ตัวกําหนดพฤติกรรม ได้
เน้ นการออกแบบการเรียนการ vผู้ เรียนไม่ เกิด
สอนทีให้ ผู้ เรียนจดจําความรู้ ให้ กระบวนการคิดอย่ างเป็ น
ได้ ปริมาณมากทีสุ ด ระบบ
v บทบาทของผู้ เรียนเป็ นผู้ รับ vผู้ เรียนไม่ ได้ เข้ าใจเนือหา
ข้ อมูล ทีเรียนอย่ างแท้ จริงเนืองจาก
v บทบาทผู้ สอนเป็ นผู้ ให้ มีแต่ การจดจํา
ข้ อมูล
- 13. ทฤษฎีการเรียนรู ้ จุดเด่ น จุดด้ อย
กลุ ่ มพุทธิปัญญานิยม vเน้ นการเปลียนแปลง vผู้ เรียนแต่ ละคนนั นมี
ความรู้ ของผู้ เรียนทั งปริมาณ ความแตกต่ างกัน อาจทําให้
และคุณภาพ การเชือมโยงความรู้ ใหม่ กับ
vเน้ นการจัดระเบียบ ความรู้ เดิมเป็ นไปอย่ างไม่ มี
ความจําความจําลงสู่ โคร้ าง ประสิ ทธิภาพ
ทางปัญญา vการจัดระเบียบความจํา
vผู้ เรียนสร้ างการเชือมโยง ของผู้ เรียนนั นอาจจะเป็ นไป
สารสนเทศใหม่ กับความรู้ อย่ างไม่ มีประสิ ทธิภาพ
เดิม
vผู้ สอนจะแนะนําและ
สนับสนุนผู้ เรียน
vเน้ นความสนใจเกียวกับ
กระบวนการรู้ คิด
- 14. ทฤษฎีการเรียนรู ้ จุดเด่ น จุดด้ อย
กลุ ่ มคอนสตรัคติวิสต์ vเน้ นการเรียนรู้ ทีผู้เรียน vการเรียนการสอนตาม
เป็ นผู้ สร้ างความรู้ ด้วย ทฤษฎีการเรียนรู้ ของกลุ ่ มนี
ตนเอง จําเป็ นจะต้ องใช้ เวลานานจึง
จะเห็นผล
vผู้ สอนทําหน้ าทีแนะนํา
ผู
และจัดรู ปแบบการเรียน vผู้ เรียนแต่ ละคนนั นมี
ผู
เพือให้ นักเรียนเกิดการ ความรู้ ความสามารถไม่ เท่ า
เรียนรู้ เทียมกันการจัดการเรียนรู้
แบบนีจึงอาจทําให้ ผู้ เรียน
vเน้ นให้ ผู้ เรียนพัฒนา เกิดการเรียนรู้ ไม่ เท่ ากัน
กระบวนการคิดอย่ างอิสระ
- 15. ปัญหาที 4
จากสิ งทีกําหนดต่ อไปนีให้ ท่านจําแนกประเภทตาม
ลักษณะการออกแบบโดยระบุเกณฑ์ และเหตุผลทีใช้ ในการ
จําแนกด้ วย ชุ ดการสอน ชุ ดสร้ างความรู ้ คอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
มัลติมีเดียทีพัฒนาตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
บทเรียนโปรแกรม เว็บเพือการสอน สิ งแวดล้อมทางการเรียนรู ้
บนเครือข่ าย การเรียนแบบร่ วมมือกันเรียนรู ้
- 16. ประเภท กลุ ่ มทฤษฎีการเรียนรู ้ เหตุผล
ชุ ดการสอน กลุ ่ มพุทธิปัญญานิยม เป็ นรู ปแบบของการ
สื อสารระหว่ างครู และ
นักเรียน ซึงประกอบด้ วย
คําแนะนําทีจะให้ นักเรียน
ได้ ประกอบกิจกรรมการ
เรียนการเสนอ จนบรรลุ
พฤติกรรมทีเป็ นผลของ
การเรียนรู้ และเนือหา
บทเรียนจะต้ องเขียนด้ วย
ภาษาทีชัดเจน และ
สามารถสื อความหมายให้
ผู้ เรียนเกิดพฤติกรรมตาม
เป้ าหมายได้
(Kapfer, 1972)
- 17. ประเภท กลุ ่ มทฤษฎีการ เหตุผล
เรี ยนรู ้
ชุ ดสร้ างความรู ้ กลุ ่ มคอนสตรัคติวิสต์ เป็ นการวางแผนการเรียน
โดยใช้ สือผสมทีผลิตขึ น
อย่ างเป็ นระบบ ทีช่ วยให้
ผู้ เรียนจัดรู ปแบบของ
ความรู้ ความเข้ าใจ หรือ
กระบวนการคิดได้ อย่ างมี
ประสิ ทธิภาพ โดยมี
องค์ ประกอบหลักที
สํ าคัญ 4 ประการ
ได้ แก่ สถานการณ์
ปัญหา ฐานการช่ วยเหลือ
การร่ วมมือกันแก้ ปัญหา
และแหล่ งการเรียนรู้
- 18. ประเภท กลุ ่ มทฤษฎีการ เหตุผล
เรี ยนรู ้
คอมพิวเตอร์ ช่วยสอน กลุ ่ มพุทธิปัญญานิยม การนําคอมพิวเตอร์ มาเป็ น
เครืองมือสร้ างให้ เป็ นโปรแกรม
คอมพิวเตอร์ เพือให้ ผู้ เรียนนําไป
เรียนด้ วยตนเองและเกิดการ
เรียนรู้ ในโปรแกรมประกอบไป
ด้ วย เนือหาวิชา แบบฝึ กหัด
แบบทดสอบ รวมทั งการ
แสดงผลการเรียนให้ ทราบทันที
ด้ วยข้ อมูลย้ อนกลับ
(Feedback) แก่ ผู้ เรียน และ
ยังมีการจัดลําดับวิธีการสอน
หรือกิจกรรมต่ าง ๆ เพือให้
เหมาะสมกับผู้ เรียนในแต่ ละคน
- 19. ประเภท กลุ ่ มทฤษฎีการ เหตุผล
เรี ยนรู ้
มัลติมีเดียทีพัฒนา กลุ ่ มคอนสตรัคติวิสต์ เป็ นการนําสื อหลากหลาย
ประเภทมาใช้ จัดทําเป็ นสื อ
ตามแนว
การเรียนการสอน ซึงจะทํา
คอนสตรัคติวิสต์ ให้ ผู้ เรียนได้ เกิด
กระบวนการเรียนรู้ ด้วย
ตนเอง สามารถทีจะสร้ าง
ความรู้ ขึ นมาได้ ด้วยตนเอง
จากการได้ ร่วมมือกัน
แก้ ปัญหา
- 20. ประเภท กลุ ่ มทฤษฎีการ เหตุผล
เรี ยนรู ้
บทเรียนโปรแกรม กลุ ่ มพฤติกรรมนิยม บทเรียนโปรแกรมทํา
หน้ าทีสอน ซึงเหมือนกับ
ครู มาสอน นักเรียนจะ
เรียนด้ วยตนเอง จาก
แบบเรียนด้ วยตนเองในรู ป
แบบเรียนเป็ นเล่ ม เป็ นการ
ออกแบบให้ ผู้ เรียนเป็ นจุด
ศูนย์ กลาง ดังนั นจึงมุ ่ งไปที
กิจกรรมของผู้ เรียน
มากกว่ าผู้ สอน
- 21. ประเภท กลุ ่ มทฤษฎีการ เหตุผล
เรี ยนรู ้
เว็บเพือการสอน กลุ ่ มพุทธิปัญญานิยม เป็ นการเรียนการสอนที
อาศัย Hypermedia
Program ทีช่ วยในการ
สอน โดยการใช้ ประโยชน์
จากคุณลักษณะและ
ทรัพยากรของอินเทอร์ เน็ต
มาสร้ างให้ เกิดการเรียนรู้
อย่ างมีความหมายโดย
ส่ งเสริมและสนับสนุนการ
เรียนรู้ อย่ างมากมายและ
สนับสนุนการเรียนรู้ ในทุก
ทาง
- 22. ประเภท กลุ ่ มทฤษฎีการเรียนรู ้ เหตุผล
สิ งแวดล้ อมทางการ กลุ ่ มคอนสตรัคติวิสต์ เป็ นการจัดกระบวนการ
เรียนรู้ ทีให้ ผู้ เรียนได้ เผชิญ
เรียนรู ้ บนเครือข่ าย
กับปัญหาและลงมือในการ
แก้ ปัญหาด้ วยตนเอง ซึงจะ
ทําให้ ผู้ เรียนเกิดกระบวนการ
คิดอย่ างเป็ นระบบ สามารถ
ทีจะสร้ างองค์ ความรู้ ขึ นมา
ได้ ด้วยตนเอง ทําให้ นักเรียน
เกิดความรู้ ความเข้ าใจใน
เนือหาทีเรียนมากยิงขึ น
- 23. ประเภท กลุ ่ มทฤษฎีการเรียนรู ้ เหตุผล
การเรียนแบบ กลุ ่ มคอนสตรัคติวิสต์ การเรียนรู้ แบบร่ วมมือ
(Cooperative
ร่ วมมือกันเรียนรู ้
Learning) เป็ นวิธีการ
จัดการเรียนการสอนรู ปแบบ
หนึง ทีเน้ นให้ ผู้ เรียนลงมือ
ปฏิบัติงานเป็ นกลุ ่ มย่ อย โดยมี
สมาชิกกลุ ่ มทีมีความสามารถ
ทีแตกต่ างกัน เพือเสริมสร้ าง
สมรรถภาพการเรียนรู้ ของแต่
ละคน สนับสนุนให้ มีการ
ช่ วยเหลือซึงกันและกัน จน
บรรลุตามเป้ าหมายทีวางไว้
- 24. รายชือสมาชิก
1. นางสาวพิชญ์ สิริ ลําเภาพันธ์ 543050042-4
2. นางสาวบุณฑริกา ไวยธัญกิจ 543050306-6
3. นางสาวเบญจวรรณ เหงกระโทก 543050356-1
คณิตศาสตรศึกษา
Sec. 1