SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  24
ษฎีเบื้องต้นของความน่าจะ
           P(E ∪ E )=P(E )+P(E )-P(E ∩ E )
              1 2       1     2     1 2
 P(A ∪ B∪ C) = P(A)+ P(B)+ P(C)− P(A ∩ B)− P(A ∩ B)− P(B∩ C)+ P(A ∩ B∩ C)


   สมบัตของความน่าจะเป็น
        ิ
สมบัติบางประการของความน่าจะเป็น

     ผลการเรียนรู้ทคาดหวังรายคาบ
                   ี่

   สามารถหาความน่าจะเป็นโดยใช้สมบัติบางประการ
      ของความน่าจะเป็นได้
ยิบไพ่ 1 ใบจากสำารับจงหาความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป
   วิธี
  ไพ่หนึ่งสำารับมี 52 ใบ
   ทำงนั้น n(S) = 52
   ดัา

อกจิก , Aข้าวหลามตัด , A โพแดง , Aโพดำา } ดังนั้น n(E
                                        4
  ความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป An(E11)) = 52
                              P(E
                              คือ
     E แทนไพ่โพแดงใบ ดังนั้น
                มี 13        n(S) n )=3
                                   (E 1
       2                             2
                                   13            n(E1 ∩ E 2 )
 ามน่าจะเป็นทีได้ไพ่รูปโพแดง คื)อ= 52
              ่            P(E 2
                                                    n(S)
           แทนไพ่รูป A ที่ เป็นไพ่โพ n ( E1 ∩ E 2 ) =1
     E1 ∩ E 2
                                                      1
           แดง มี 1 ใบ ดังนั้น       P ( E1 ∩ E 2 ) =
มน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป A ที่เป็นไพ่โพแดง คือ 52
                                       ต่อหน้า
4                13                  1
จากทีหา P(E1 ) =
     ่                   P(E 2 ) =    P ( E1 ∩ E 2 ) =
                 52                52                  52

 ใช้สมบัติของความน่าจะ           P ( E1 ∪ E 2 )
 เป็นในการหา
 จาก P(E1 ∪ E 2 ) = P(E1 ) + P(E 2 ) - P(E1 ∩ E 2 )
                           4 13 1
                        =   + −
                          52 52 52
                          16 4
                        =   =
                          52 13
ตัวอย่าง จากการสำารวจใบลงทะเบียนของนักเรียนชัน         ้
   ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึง จำานวน 100
                                   ่
                คน พบว่า มีนกเรียน 60 คน เลือกเรียน
                                 ั
   คณิตศาสตร์ 25 คน เลือกเรียนภาษาอังกฤษ
                15 คน เลือกเรียนภาษาเยอรมัน 15 คน
   เลือกเรีสุ่มใบลงทะเบียนขึนและภาษาอังกฤษ
        ถ้า ยนทั้งคณิตศาสตร์ มา 1 ใบ จงหาความน่าจะ
                               ้
    เป็นที่จะได้ใบลงทะเบียนของนักเรีตศาสตร์ กเรียน
                7 คนเลือกเรียนทั้งคณิ ยนทีเลือ และภาษา
                                             ่
   เยอรมัน 8 คนเลือกเรียนทั้งภาษาอังภาษาเยอรมัน
    คณิตศาสตร์หรือภาษาอังกฤษ หรือ กฤษ
กำาหนดให้      E1 แทน นักเรียนเลือกเรียคนเลือกเรียนทั้ง 3
                และภาษาเยอรมัน 3 นวิชาคณิตศาสตร์
   วิชา E2 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
        E3 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาเยอรมัน
    จะ nE ) =6 nE )=2 nE )= 5
         (1    0( 2     5( 3 1
    ได้( 1 ∩ 2 = 5 ( 1∩3 7nE2 ∩ 3 8
     nE     E ) 1nE     E )= ( E )=
    nE ∩ 2 ∩ 3) =
     ( 1    E   E     3
                                            ต่อหน้า
ะได้            n(S) = 100 , n(E1) = 60 , n(E22∩ =)25 , n
                                          n(E ) E 3
                                                                                        n(S)
          n ( E1 ) n(E ) )
                       n(E 3            n(E1 ∩ E 2 ) ∩ E 3 )
                                                 n(E1
                           2
            ∩ ( ) ) n(S)∩n(E 1              n(S) = 8 ,
       n(E1 n E 2S= 15 , n(S) E 3 ) = 7 , n(E 2 ∩ E3 )n(S) n( E1 ∩ E 2 ∩ E 3 ) = 3
 ∴ P( E1 ∪ E 2 ∪ E 3 ) = P(E1 ) + P(E 2 ) + P(E 3 ) - P(E1 ∩ E 2 ) - P(E1 ∩ E3 ) - P(E 2 ∩ E3 ) + P( E1 ∩ E 2 ∩ E3 )
                           60   25 15 15   7   8   3
                        =     +   +  −   −   −   +
                          100 100 100 100 100 100 100

                           60 + 25 + 15 − 15 − 7 − 8 + 3                       n(E1 ∩ E 2 ∩ E 3 )
                                                                                73
                         =                                                   =
                                       100                                     100 n(S)
แบบฝึก
       ทักษะที่ 4

ษฎีเบื้องต้นของความน่าจะเป
1. หยิบไพ่ 1 ใบจากสำารับจงหาความ
                                     ไพ่รูป A ที
น่าจะเป็นที่ได้ไพ่รป A หรื
                  ไพ่โพแดง มีอ
                     ู              เป็นโพแดง มี
โพแดงไพ่ A มี 4        13 ใบ
                                        1 ใบ
          ใบ
  P(E1 ∪ E 2 ) = P(E1 ) + P(E 2 ) - P(E1 ∩ E 2 )

                                 4 13 1
                              =   + −
                                52 52 52

                                    16
                                     4
                                  =
 ไพ่หนึงสำารับมี 52 ใบ
        ่
                                    13
                                    52
 ดังนั้น n(S) = 52
ตัวอย่าง จากการสำารวจใบลงทะเบียนของนักเรียนชัน         ้
   ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึง จำานวน 100
                                   ่
                คน พบว่า มีนกเรียน 60 คน เลือกเรียน
                                 ั
   คณิตศาสตร์ 25 คน เลือกเรียนภาษาอังกฤษ
                15 คน เลือกเรียนภาษาเยอรมัน 15 คน
   เลือกเรีสุ่มใบลงทะเบียนขึนและภาษาอังกฤษ
        ถ้า ยนทั้งคณิตศาสตร์ มา 1 ใบ จงหาความน่าจะ
                               ้
    เป็นที่จะได้ใบลงทะเบียนของนักเรีตศาสตร์ กเรียน
                7 คนเลือกเรียนทั้งคณิ ยนทีเลือ และภาษา
                                             ่
   เยอรมัน 8 คนเลือกเรียนทั้งภาษาอังภาษาเยอรมัน
    คณิตศาสตร์หรือภาษาอังกฤษ หรือ กฤษ
กำาหนดให้      E1 แทน นักเรียนเลือกเรียคนเลือกเรียนทั้ง 3
                และภาษาเยอรมัน 3 นวิชาคณิตศาสตร์
   วิชา E2 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
        E3 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาเยอรมัน
    จะ nE ) =6 nE )=2 nE )= 5
         (1    0( 2     5( 3 1
    ได้( 1 ∩ 2 = 5 ( 1∩3 7nE2 ∩ 3 8
     nE     E ) 1nE     E )= ( E )=
    nE ∩ 2 ∩ 3) =
     ( 1    E   E     3
                                            ต่อหน้า
ะได้            n(S) = 100 , n(E1) = 60 , n(E22∩ =)25 , n
                                          n(E ) E 3
                                                                                        n(S)
          n ( E1 ) n(E ) )
                       n(E 3            n(E1 ∩ E 2 ) ∩ E 3 )
                                                 n(E1
                           2
            ∩ ( ) ) n(S)∩n(E 1              n(S) = 8 ,
       n(E1 n E 2S= 15 , n(S) E 3 ) = 7 , n(E 2 ∩ E3 )n(S) n( E1 ∩ E 2 ∩ E 3 ) = 3
 ∴ P( E1 ∪ E 2 ∪ E 3 ) = P(E1 ) + P(E 2 ) + P(E 3 ) - P(E1 ∩ E 2 ) - P(E1 ∩ E3 ) - P(E 2 ∩ E3 ) + P( E1 ∩ E 2 ∩ E3 )
                           60   25 15 15   7   8   3
                        =     +   +  −   −   −   +
                          100 100 100 100 100 100 100

                           60 + 25 + 15 − 15 − 7 − 8 + 3                       n(E1 ∩ E 2 ∩ E 3 )
                                                                                73
                         =                                                   =
                                       100                                     100 n(S)
1
3. กำาหนดให้ P(A) =
             3
                        1
                        4
                             ∩
                            P(B) =
                                  1
                                 10
และ P(A      B) =  แล้ว
 3.1 P(A ∪ B) จาก
                 สูตร
  P(A ∪ B) = P(A) + P(B) - P(A ∩ B)

           = +      −

             20 + 15 − 6 29
           =            =
                 60       60
1     1       1 P(A ∩ B′)=?
3.2           PA     ( )= PA∩ B
               ( )= PB     (   )=
                   3     4       10
กำาหนด
      จาก P( A∪ B) = ( )+ ( ′ ( ∩ B)
                    ′ PA PB)-PA ′
ให้
ถ้าคำาสูตร
      นวณจากสูตรดังกล่าวทำาได้ลำาบาก จึงต้อง
      ′
ใช้∩วามรู้เรื่อง เซตที่วา ∩ B
A ค B =A-B=A-(่A )        มาช่วยในการคำานวณจะ
         (   ′
        PA∩ B)         PA)-PA∩ ง)
                      = ( สะดวก ดัBนั้น
                            (
                        1    1
            P(A ∩ B′) =   −
                        3   10
   B′                        10 − 3 7
                           =       =
        A        B
                              30     30
1     1       1
 3.3           PA     ( )= PA∩ B
                ( )= PB     (   )= P(A′ ∩ B′)=?
                    3     4       10
 กำาหนด่อง เซตที่ว่า A′ ∩ B =( ∪ B′
ใช้ความรูเรื
         ้                 ′ A )
 ให้
                          ( ′ 1-PA
      จากสมบัติความน่าจะ PA)=    ()
      เป็นที่วา
              ่               29
          จ         3 PA∪ B
                     .1 (  )=
           า                 60
      ดัง ก     P(A ∪ B)′ = 1 - P(A ∪ B)
      นั้น                    29
                         = 1−
                              60
                            31
                          =
                            60
1      1
ห้ P(A) =         P(B)   =     ∩ P(A
                             และ   1
                                       B
                  3      2         5
 4.1 P(A′ ∪ B′)      ( ′ ∪ B)=A∩ B′
                     A      ′ (   )
    P(A ∩ B)′ = 1 - P(A ∩ B)
                       1
                  = 1−
                       5
                    4
                  =
                    5
4.2 P(A′ ∩ B′)        A′ ∩ B =( ∪ B′
                            ′ A )

       P(A ∪ B) = P(A) + P(B) - P(A ∩ B)

    1จากโจทย์
           1     1   1 1 1 19
PA)= ,PB ,PA∩ B =
 (     ( )= (  )=     + − =
    3      2     5   3 2 5 30

    P(A ∪ B)′ = 1 - P(A ∪ B)

                      19       11
                 = 1−        =
                      30       30
4.3 P(A′ ∩ B)        A∩B = B ∩ A ′= B - A
                      ′
        เนื่อง   B-A=( ∪ A
                     B )-A
        จาก
       ดัง       P(B - A) = P(A ∪ B) - P(A)
       นั้น
                               19 1
   U
                             =   −
                               30 3
    (BB B∪ A
      ∪ A)-A
             A
                                9   3
                              =   =
                                30 10
4.4 P(A ∩ B′)


     P(A - B) = P(A ∪ B) - P(B)

                  19 1
                =   −
                  30 2
                   4   2
                =    =
                  30 15
4.5 P(A′ ∪ B)               1
                     ( ′ 1-
                    PA)=
                            3

 P(A′ ∪ B) = P(A′) + P(B) - P(A′ ∩ B)

            2 1 3
           = + −
            3 2 10
             26 13
           =   =
             30 15
4.6 P(A ∪ B′)                    1
                          ( ′ 1-
                         PB)=
                                 2

P(A ∪ B′) = P(A) + P(B′) - P(A ∩ B′)

            1 1 2
           = + −
            3 2 15
             21
           =
             30
2       1
   5. ให้ A และ B เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดร่วมกัน
และมี P(A) =     P(B) =              3       4
   จงหา
     1. P(A ∩ B)      =0
                           A ∩ B′ = A - B

     2. P(A ∩ B′)

                            2
                   = P(A) =
                            3
A′ ∩ B = B - A
3. P(A′ ∩ B)
                   1
          = P(B) =
                   4
4. P(A′ ∪ B′)

   P(A ∩ B)′ = 1 - P(A ∩ B)

               = 1− 0 = 1
6. กำาหนดให้ A , B และ C ไม่
            1      1         1
เกิดร่วมกั2นทังหมด
                 ้ 3         6
โดยที่ ∪ B)
  1. P(A
         P(A) =         P(B) =
 และ P(C) = B) = P(A) + P(B)
             P(A ∪   จงหา
                     1 1
                   = +
                     2 3
                     3+ 2 5
                   =     =
                      6    6
 2. P(A ∪ B ∪ C)

       P(A ∪ B ∪ C) = P(A) + P(B) + P(C)
                        1 1 1
                    =    + +
                        2 3 6
                    =1
1
ละ B เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดร่วมกัน   และมีคา่   P
          ∩    2                           2
     B) =      3
                แล้ว
  1. P(B)
            P(B) = P(A ∩ B) - P(A)
                  2 1
                 = −
                  3 2
                   4−3 1
                 =    =
                    6   6
  2. P(A ∩ B)

             P(A ∩ B) = 0
8. โยนลูกเต๋า 2 ลูก 1 ครั้ง กำาหนด
  เหตุการณ์ดังนี้                                    n(s) =
                   A เป็นเหตุการณ์ที่ลูกเต๋าขึ้นแต้ม  36
6 รวมเป็น 5 ) , ( 3 , 4 ) , ( 4 , 3 ) , ( 5 , 2 ) , ( 6 =1 6 }
   ),(2, 7                                        n(A) , )
             และ B เป็นเหตุการณ์ที่ลูกเต๋าขึ้นแต้ม 4
1 ) , ( 4 , 2 ) , ( 4 , 3 ) , ( 4 , 4 ) , ( 4 , 5n(B) 4 , 6 ) ,
                                                  ) , ( = 11
4 อย่างน้, 4 )1 ( 3 , 4 ) , ( 5 , 4 ) , ( 6 , 4 ) }
   ) , ( 2 อย , ลูก
                    n(A)A∩B 6 { 1
                              = (3,4) , (4,3) }          n(B)       11
      1. P(A)   =          =    =          2. P(B)   =          =
                    n(S)ดังนั้น
                             36 n(A∩B) = 2
                                  6                      n(S)       36

                      n(A ∩ B) 2    1
      3. P(A ∩ B) =           =   =
                        n(S)    36 18

      4. P(A ∪ B)     = P(A) + P(B) - P(A ∩ B)
                           6 11 2           15
                      =     + −         =
                          36 36 36          36

Contenu connexe

Tendances

4. กลวิธี star
4. กลวิธี star4. กลวิธี star
4. กลวิธี starkrurutsamee
 
แบบสอบถาม
แบบสอบถาม แบบสอบถาม
แบบสอบถาม khanidthakpt
 
Sequence and series 01
Sequence and series 01Sequence and series 01
Sequence and series 01manrak
 
การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี
การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมีการคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี
การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมีพัน พัน
 
พื้นที่ใต้โค้ง
พื้นที่ใต้โค้งพื้นที่ใต้โค้ง
พื้นที่ใต้โค้งkrurutsamee
 
คณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลา
คณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลาคณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลา
คณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลาพัน พัน
 
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนkrupornpana55
 
ข้อสอบเรื่องการคูณและการหารเลขยกกำลัง
ข้อสอบเรื่องการคูณและการหารเลขยกกำลังข้อสอบเรื่องการคูณและการหารเลขยกกำลัง
ข้อสอบเรื่องการคูณและการหารเลขยกกำลังทับทิม เจริญตา
 
รังสีเอกซ์ (X ray) คุณสมบัติ และประโยชน์รังสีเอกซ์
รังสีเอกซ์ (X ray) คุณสมบัติ และประโยชน์รังสีเอกซ์รังสีเอกซ์ (X ray) คุณสมบัติ และประโยชน์รังสีเอกซ์
รังสีเอกซ์ (X ray) คุณสมบัติ และประโยชน์รังสีเอกซ์pitsanu duangkartok
 
หลักการดูข้อมูลทางบรรณานุกรม
หลักการดูข้อมูลทางบรรณานุกรมหลักการดูข้อมูลทางบรรณานุกรม
หลักการดูข้อมูลทางบรรณานุกรมSupaporn Khiewwan
 
ปฏิกิริยาระหว่างน้ำแป้ง+ไอโอดีนกับโซเดียมไทโอซัลเฟต
ปฏิกิริยาระหว่างน้ำแป้ง+ไอโอดีนกับโซเดียมไทโอซัลเฟตปฏิกิริยาระหว่างน้ำแป้ง+ไอโอดีนกับโซเดียมไทโอซัลเฟต
ปฏิกิริยาระหว่างน้ำแป้ง+ไอโอดีนกับโซเดียมไทโอซัลเฟตkanokwun131
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วนInmylove Nupad
 
Pretest เรขาคณิตวิเคราะห์
Pretest เรขาคณิตวิเคราะห์Pretest เรขาคณิตวิเคราะห์
Pretest เรขาคณิตวิเคราะห์nongyao9
 
สมการของเส้นตรง
สมการของเส้นตรงสมการของเส้นตรง
สมการของเส้นตรงY'Yuyee Raksaya
 

Tendances (20)

4. กลวิธี star
4. กลวิธี star4. กลวิธี star
4. กลวิธี star
 
แบบสอบถาม
แบบสอบถาม แบบสอบถาม
แบบสอบถาม
 
Sequence and series 01
Sequence and series 01Sequence and series 01
Sequence and series 01
 
17 จำนวนจริง ตอนที่4_สมการพหุนาม
17 จำนวนจริง ตอนที่4_สมการพหุนาม17 จำนวนจริง ตอนที่4_สมการพหุนาม
17 จำนวนจริง ตอนที่4_สมการพหุนาม
 
ความคล้าย
ความคล้ายความคล้าย
ความคล้าย
 
การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี
การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมีการคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี
การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี
 
พื้นที่ใต้โค้ง
พื้นที่ใต้โค้งพื้นที่ใต้โค้ง
พื้นที่ใต้โค้ง
 
ปัญหาแปลก ๆ
ปัญหาแปลก ๆปัญหาแปลก ๆ
ปัญหาแปลก ๆ
 
คณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลา
คณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลาคณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลา
คณิตศาสตร์ ม.3 พาราโบลา
 
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
 
ข้อสอบเรื่องการคูณและการหารเลขยกกำลัง
ข้อสอบเรื่องการคูณและการหารเลขยกกำลังข้อสอบเรื่องการคูณและการหารเลขยกกำลัง
ข้อสอบเรื่องการคูณและการหารเลขยกกำลัง
 
Physics atom
Physics atomPhysics atom
Physics atom
 
รังสีเอกซ์ (X ray) คุณสมบัติ และประโยชน์รังสีเอกซ์
รังสีเอกซ์ (X ray) คุณสมบัติ และประโยชน์รังสีเอกซ์รังสีเอกซ์ (X ray) คุณสมบัติ และประโยชน์รังสีเอกซ์
รังสีเอกซ์ (X ray) คุณสมบัติ และประโยชน์รังสีเอกซ์
 
หลักการดูข้อมูลทางบรรณานุกรม
หลักการดูข้อมูลทางบรรณานุกรมหลักการดูข้อมูลทางบรรณานุกรม
หลักการดูข้อมูลทางบรรณานุกรม
 
ปฏิกิริยาระหว่างน้ำแป้ง+ไอโอดีนกับโซเดียมไทโอซัลเฟต
ปฏิกิริยาระหว่างน้ำแป้ง+ไอโอดีนกับโซเดียมไทโอซัลเฟตปฏิกิริยาระหว่างน้ำแป้ง+ไอโอดีนกับโซเดียมไทโอซัลเฟต
ปฏิกิริยาระหว่างน้ำแป้ง+ไอโอดีนกับโซเดียมไทโอซัลเฟต
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
 
Pretest เรขาคณิตวิเคราะห์
Pretest เรขาคณิตวิเคราะห์Pretest เรขาคณิตวิเคราะห์
Pretest เรขาคณิตวิเคราะห์
 
การแปลงหน่วย
การแปลงหน่วยการแปลงหน่วย
การแปลงหน่วย
 
62 ลำดับและอนุกรม ตอนที่4_ผลบวกย่อย
62 ลำดับและอนุกรม ตอนที่4_ผลบวกย่อย62 ลำดับและอนุกรม ตอนที่4_ผลบวกย่อย
62 ลำดับและอนุกรม ตอนที่4_ผลบวกย่อย
 
สมการของเส้นตรง
สมการของเส้นตรงสมการของเส้นตรง
สมการของเส้นตรง
 

Similaire à ความน่าจะเป็น ม.6 คาบที่ 19 20

อนุกรมเรขาคณิต
อนุกรมเรขาคณิตอนุกรมเรขาคณิต
อนุกรมเรขาคณิตaoynattaya
 
ลำดับเลขคณิต 2
ลำดับเลขคณิต 2ลำดับเลขคณิต 2
ลำดับเลขคณิต 2aoynattaya
 
ความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็นความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็นAon Narinchoti
 
1 ลำดับเลขคณิต
1 ลำดับเลขคณิต1 ลำดับเลขคณิต
1 ลำดับเลขคณิตToongneung SP
 
5.7อนุกรมเลขคณิตแก้ไข
5.7อนุกรมเลขคณิตแก้ไข5.7อนุกรมเลขคณิตแก้ไข
5.7อนุกรมเลขคณิตแก้ไขKrudodo Banjetjet
 
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57krurutsamee
 
ลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมrdschool
 
ลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมrdschool
 
ลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมrdschool
 

Similaire à ความน่าจะเป็น ม.6 คาบที่ 19 20 (14)

อนุกรมเรขาคณิต
อนุกรมเรขาคณิตอนุกรมเรขาคณิต
อนุกรมเรขาคณิต
 
ลำดับเลขคณิต 2
ลำดับเลขคณิต 2ลำดับเลขคณิต 2
ลำดับเลขคณิต 2
 
ความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็นความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็น
 
ลำดับ11
ลำดับ11ลำดับ11
ลำดับ11
 
1 ลำดับเลขคณิต
1 ลำดับเลขคณิต1 ลำดับเลขคณิต
1 ลำดับเลขคณิต
 
4conic_formula.pdf
4conic_formula.pdf4conic_formula.pdf
4conic_formula.pdf
 
5.7อนุกรมเลขคณิตแก้ไข
5.7อนุกรมเลขคณิตแก้ไข5.7อนุกรมเลขคณิตแก้ไข
5.7อนุกรมเลขคณิตแก้ไข
 
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
 
Sequence1
Sequence1Sequence1
Sequence1
 
2252670.pdf
2252670.pdf2252670.pdf
2252670.pdf
 
ลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรม
 
ลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรม
 
ลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรมลำดับและอนุกรม
ลำดับและอนุกรม
 
Pat1;61
Pat1;61Pat1;61
Pat1;61
 

ความน่าจะเป็น ม.6 คาบที่ 19 20

  • 1. ษฎีเบื้องต้นของความน่าจะ P(E ∪ E )=P(E )+P(E )-P(E ∩ E ) 1 2 1 2 1 2 P(A ∪ B∪ C) = P(A)+ P(B)+ P(C)− P(A ∩ B)− P(A ∩ B)− P(B∩ C)+ P(A ∩ B∩ C) สมบัตของความน่าจะเป็น ิ
  • 2. สมบัติบางประการของความน่าจะเป็น ผลการเรียนรู้ทคาดหวังรายคาบ ี่ สามารถหาความน่าจะเป็นโดยใช้สมบัติบางประการ ของความน่าจะเป็นได้
  • 3. ยิบไพ่ 1 ใบจากสำารับจงหาความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป วิธี ไพ่หนึ่งสำารับมี 52 ใบ ทำงนั้น n(S) = 52 ดัา อกจิก , Aข้าวหลามตัด , A โพแดง , Aโพดำา } ดังนั้น n(E 4 ความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป An(E11)) = 52 P(E คือ E แทนไพ่โพแดงใบ ดังนั้น มี 13 n(S) n )=3 (E 1 2 2 13 n(E1 ∩ E 2 ) ามน่าจะเป็นทีได้ไพ่รูปโพแดง คื)อ= 52 ่ P(E 2 n(S) แทนไพ่รูป A ที่ เป็นไพ่โพ n ( E1 ∩ E 2 ) =1 E1 ∩ E 2 1 แดง มี 1 ใบ ดังนั้น P ( E1 ∩ E 2 ) = มน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป A ที่เป็นไพ่โพแดง คือ 52 ต่อหน้า
  • 4. 4 13 1 จากทีหา P(E1 ) = ่ P(E 2 ) = P ( E1 ∩ E 2 ) = 52 52 52 ใช้สมบัติของความน่าจะ P ( E1 ∪ E 2 ) เป็นในการหา จาก P(E1 ∪ E 2 ) = P(E1 ) + P(E 2 ) - P(E1 ∩ E 2 ) 4 13 1 = + − 52 52 52 16 4 = = 52 13
  • 5. ตัวอย่าง จากการสำารวจใบลงทะเบียนของนักเรียนชัน ้ ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึง จำานวน 100 ่ คน พบว่า มีนกเรียน 60 คน เลือกเรียน ั คณิตศาสตร์ 25 คน เลือกเรียนภาษาอังกฤษ 15 คน เลือกเรียนภาษาเยอรมัน 15 คน เลือกเรีสุ่มใบลงทะเบียนขึนและภาษาอังกฤษ ถ้า ยนทั้งคณิตศาสตร์ มา 1 ใบ จงหาความน่าจะ ้ เป็นที่จะได้ใบลงทะเบียนของนักเรีตศาสตร์ กเรียน 7 คนเลือกเรียนทั้งคณิ ยนทีเลือ และภาษา ่ เยอรมัน 8 คนเลือกเรียนทั้งภาษาอังภาษาเยอรมัน คณิตศาสตร์หรือภาษาอังกฤษ หรือ กฤษ กำาหนดให้ E1 แทน นักเรียนเลือกเรียคนเลือกเรียนทั้ง 3 และภาษาเยอรมัน 3 นวิชาคณิตศาสตร์ วิชา E2 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาอังกฤษ E3 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาเยอรมัน จะ nE ) =6 nE )=2 nE )= 5 (1 0( 2 5( 3 1 ได้( 1 ∩ 2 = 5 ( 1∩3 7nE2 ∩ 3 8 nE E ) 1nE E )= ( E )= nE ∩ 2 ∩ 3) = ( 1 E E 3 ต่อหน้า
  • 6. ะได้ n(S) = 100 , n(E1) = 60 , n(E22∩ =)25 , n n(E ) E 3 n(S) n ( E1 ) n(E ) ) n(E 3 n(E1 ∩ E 2 ) ∩ E 3 ) n(E1 2 ∩ ( ) ) n(S)∩n(E 1 n(S) = 8 , n(E1 n E 2S= 15 , n(S) E 3 ) = 7 , n(E 2 ∩ E3 )n(S) n( E1 ∩ E 2 ∩ E 3 ) = 3 ∴ P( E1 ∪ E 2 ∪ E 3 ) = P(E1 ) + P(E 2 ) + P(E 3 ) - P(E1 ∩ E 2 ) - P(E1 ∩ E3 ) - P(E 2 ∩ E3 ) + P( E1 ∩ E 2 ∩ E3 ) 60 25 15 15 7 8 3 = + + − − − + 100 100 100 100 100 100 100 60 + 25 + 15 − 15 − 7 − 8 + 3 n(E1 ∩ E 2 ∩ E 3 ) 73 = = 100 100 n(S)
  • 7. แบบฝึก ทักษะที่ 4 ษฎีเบื้องต้นของความน่าจะเป
  • 8. 1. หยิบไพ่ 1 ใบจากสำารับจงหาความ ไพ่รูป A ที น่าจะเป็นที่ได้ไพ่รป A หรื ไพ่โพแดง มีอ ู เป็นโพแดง มี โพแดงไพ่ A มี 4 13 ใบ 1 ใบ ใบ P(E1 ∪ E 2 ) = P(E1 ) + P(E 2 ) - P(E1 ∩ E 2 ) 4 13 1 = + − 52 52 52 16 4 = ไพ่หนึงสำารับมี 52 ใบ ่ 13 52 ดังนั้น n(S) = 52
  • 9. ตัวอย่าง จากการสำารวจใบลงทะเบียนของนักเรียนชัน ้ ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึง จำานวน 100 ่ คน พบว่า มีนกเรียน 60 คน เลือกเรียน ั คณิตศาสตร์ 25 คน เลือกเรียนภาษาอังกฤษ 15 คน เลือกเรียนภาษาเยอรมัน 15 คน เลือกเรีสุ่มใบลงทะเบียนขึนและภาษาอังกฤษ ถ้า ยนทั้งคณิตศาสตร์ มา 1 ใบ จงหาความน่าจะ ้ เป็นที่จะได้ใบลงทะเบียนของนักเรีตศาสตร์ กเรียน 7 คนเลือกเรียนทั้งคณิ ยนทีเลือ และภาษา ่ เยอรมัน 8 คนเลือกเรียนทั้งภาษาอังภาษาเยอรมัน คณิตศาสตร์หรือภาษาอังกฤษ หรือ กฤษ กำาหนดให้ E1 แทน นักเรียนเลือกเรียคนเลือกเรียนทั้ง 3 และภาษาเยอรมัน 3 นวิชาคณิตศาสตร์ วิชา E2 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาอังกฤษ E3 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาเยอรมัน จะ nE ) =6 nE )=2 nE )= 5 (1 0( 2 5( 3 1 ได้( 1 ∩ 2 = 5 ( 1∩3 7nE2 ∩ 3 8 nE E ) 1nE E )= ( E )= nE ∩ 2 ∩ 3) = ( 1 E E 3 ต่อหน้า
  • 10. ะได้ n(S) = 100 , n(E1) = 60 , n(E22∩ =)25 , n n(E ) E 3 n(S) n ( E1 ) n(E ) ) n(E 3 n(E1 ∩ E 2 ) ∩ E 3 ) n(E1 2 ∩ ( ) ) n(S)∩n(E 1 n(S) = 8 , n(E1 n E 2S= 15 , n(S) E 3 ) = 7 , n(E 2 ∩ E3 )n(S) n( E1 ∩ E 2 ∩ E 3 ) = 3 ∴ P( E1 ∪ E 2 ∪ E 3 ) = P(E1 ) + P(E 2 ) + P(E 3 ) - P(E1 ∩ E 2 ) - P(E1 ∩ E3 ) - P(E 2 ∩ E3 ) + P( E1 ∩ E 2 ∩ E3 ) 60 25 15 15 7 8 3 = + + − − − + 100 100 100 100 100 100 100 60 + 25 + 15 − 15 − 7 − 8 + 3 n(E1 ∩ E 2 ∩ E 3 ) 73 = = 100 100 n(S)
  • 11. 1 3. กำาหนดให้ P(A) = 3 1 4 ∩ P(B) = 1 10 และ P(A B) = แล้ว 3.1 P(A ∪ B) จาก สูตร P(A ∪ B) = P(A) + P(B) - P(A ∩ B) = + − 20 + 15 − 6 29 = = 60 60
  • 12. 1 1 1 P(A ∩ B′)=? 3.2 PA ( )= PA∩ B ( )= PB ( )= 3 4 10 กำาหนด จาก P( A∪ B) = ( )+ ( ′ ( ∩ B) ′ PA PB)-PA ′ ให้ ถ้าคำาสูตร นวณจากสูตรดังกล่าวทำาได้ลำาบาก จึงต้อง ′ ใช้∩วามรู้เรื่อง เซตที่วา ∩ B A ค B =A-B=A-(่A ) มาช่วยในการคำานวณจะ ( ′ PA∩ B) PA)-PA∩ ง) = ( สะดวก ดัBนั้น ( 1 1 P(A ∩ B′) = − 3 10 B′ 10 − 3 7 = = A B 30 30
  • 13. 1 1 1 3.3 PA ( )= PA∩ B ( )= PB ( )= P(A′ ∩ B′)=? 3 4 10 กำาหนด่อง เซตที่ว่า A′ ∩ B =( ∪ B′ ใช้ความรูเรื ้ ′ A ) ให้ ( ′ 1-PA จากสมบัติความน่าจะ PA)= () เป็นที่วา ่ 29 จ 3 PA∪ B .1 ( )= า 60 ดัง ก P(A ∪ B)′ = 1 - P(A ∪ B) นั้น 29 = 1− 60 31 = 60
  • 14. 1 1 ห้ P(A) = P(B) = ∩ P(A และ 1 B 3 2 5 4.1 P(A′ ∪ B′) ( ′ ∪ B)=A∩ B′ A ′ ( ) P(A ∩ B)′ = 1 - P(A ∩ B) 1 = 1− 5 4 = 5
  • 15. 4.2 P(A′ ∩ B′) A′ ∩ B =( ∪ B′ ′ A ) P(A ∪ B) = P(A) + P(B) - P(A ∩ B) 1จากโจทย์ 1 1 1 1 1 19 PA)= ,PB ,PA∩ B = ( ( )= ( )= + − = 3 2 5 3 2 5 30 P(A ∪ B)′ = 1 - P(A ∪ B) 19 11 = 1− = 30 30
  • 16. 4.3 P(A′ ∩ B) A∩B = B ∩ A ′= B - A ′ เนื่อง B-A=( ∪ A B )-A จาก ดัง P(B - A) = P(A ∪ B) - P(A) นั้น 19 1 U = − 30 3 (BB B∪ A ∪ A)-A A 9 3 = = 30 10
  • 17. 4.4 P(A ∩ B′) P(A - B) = P(A ∪ B) - P(B) 19 1 = − 30 2 4 2 = = 30 15
  • 18. 4.5 P(A′ ∪ B) 1 ( ′ 1- PA)= 3 P(A′ ∪ B) = P(A′) + P(B) - P(A′ ∩ B) 2 1 3 = + − 3 2 10 26 13 = = 30 15
  • 19. 4.6 P(A ∪ B′) 1 ( ′ 1- PB)= 2 P(A ∪ B′) = P(A) + P(B′) - P(A ∩ B′) 1 1 2 = + − 3 2 15 21 = 30
  • 20. 2 1 5. ให้ A และ B เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดร่วมกัน และมี P(A) = P(B) = 3 4 จงหา 1. P(A ∩ B) =0 A ∩ B′ = A - B 2. P(A ∩ B′) 2 = P(A) = 3
  • 21. A′ ∩ B = B - A 3. P(A′ ∩ B) 1 = P(B) = 4 4. P(A′ ∪ B′) P(A ∩ B)′ = 1 - P(A ∩ B) = 1− 0 = 1
  • 22. 6. กำาหนดให้ A , B และ C ไม่ 1 1 1 เกิดร่วมกั2นทังหมด ้ 3 6 โดยที่ ∪ B) 1. P(A P(A) = P(B) = และ P(C) = B) = P(A) + P(B) P(A ∪ จงหา 1 1 = + 2 3 3+ 2 5 = = 6 6 2. P(A ∪ B ∪ C) P(A ∪ B ∪ C) = P(A) + P(B) + P(C) 1 1 1 = + + 2 3 6 =1
  • 23. 1 ละ B เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดร่วมกัน และมีคา่ P ∩ 2 2 B) = 3 แล้ว 1. P(B) P(B) = P(A ∩ B) - P(A) 2 1 = − 3 2 4−3 1 = = 6 6 2. P(A ∩ B) P(A ∩ B) = 0
  • 24. 8. โยนลูกเต๋า 2 ลูก 1 ครั้ง กำาหนด เหตุการณ์ดังนี้ n(s) = A เป็นเหตุการณ์ที่ลูกเต๋าขึ้นแต้ม 36 6 รวมเป็น 5 ) , ( 3 , 4 ) , ( 4 , 3 ) , ( 5 , 2 ) , ( 6 =1 6 } ),(2, 7 n(A) , ) และ B เป็นเหตุการณ์ที่ลูกเต๋าขึ้นแต้ม 4 1 ) , ( 4 , 2 ) , ( 4 , 3 ) , ( 4 , 4 ) , ( 4 , 5n(B) 4 , 6 ) , ) , ( = 11 4 อย่างน้, 4 )1 ( 3 , 4 ) , ( 5 , 4 ) , ( 6 , 4 ) } ) , ( 2 อย , ลูก n(A)A∩B 6 { 1 = (3,4) , (4,3) } n(B) 11 1. P(A) = = = 2. P(B) = = n(S)ดังนั้น 36 n(A∩B) = 2 6 n(S) 36 n(A ∩ B) 2 1 3. P(A ∩ B) = = = n(S) 36 18 4. P(A ∪ B) = P(A) + P(B) - P(A ∩ B) 6 11 2 15 = + − = 36 36 36 36