กฎหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวันครั้งที่ 10
- 2. ความผิดต่อชีวิต
• มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จาคุก ตลอดชีวิต หรือ
จาคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้น ถึงแก่
ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
• มาตรา 291 ผู้ใดกระทาโดยประมาท และการกระทานั้นเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึง
แก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท
- 3. • มาตรา 289 ผู้ใด
(1) ฆ่าบุพการี
(2) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทาการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุ ที่จะกระทา
หรือได้กระทาการตามหน้าที่
(3) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทา ตามหน้าที่
หรือเพราะเหตุที่บุคคลนั้นจะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงาน ดังกล่าวแล้ว
(4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
(5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทาทารุณโหดร้าย
(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการ ที่จะกระทา
ความผิดอย่างอื่น หรือ
(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ ตนได้กระทา
ความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อ หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาใน
ความผิดที่ตนได้กระทาไว้
ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต
- 4. ความผิดต่อร่างกาย
• มาตรา 295 ผู้ใดทาร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้น
กระทาความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พัน
บาท หรือ ทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา 297 ผู้ใดกระทาความผิดฐานทาร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ ผู้ถูกกระทาร้ายรับ
อันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงสิบปี
อันตรายสาหัสนั้น คือ
(1) ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท
(2) เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์
(3) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด
(4) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
(5) แท้งลูก
(6) จิตพิการอย่างติดตัว
(7) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต
(8) ทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ยี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจ
ตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน
- 6. • มาตรา 335 ผู้ใดลักทรัพย์
(1) ในเวลากลางคืน
(2) ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือ ในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่
รถไฟ หรือยานพาหนะ อื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทานองเดียวกันหรืออาศัย โอกาสที่มีเหตุเช่น
ว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกาลังตื่นกลัว ภยันตรายใด ๆ
(3) โดยทาอันตรายสิ่งกีดกั้นสาหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการ
ใด ๆ
(4) โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทาขึ้นโดยไม่ได้จานงให้เป็นทาง คนเข้า หรือเข้าทางช่องทางซึ่งผู้เป็นใจเปิดไว้
ให้
(5) โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้าหรือทาด้วย ประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจาหน้าได้
(6) โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน
(7) โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทาความผิดด้วยกันตั้งแต่สอง คนขึ้นไป
(8) ในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้ บริการสาธารณที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับ
อนุญาต หรือซ่อนตัวอยู่ ในสถานที่นั้น ๆ
(9) ในสถานที่บูชาสาธารณ สถานีรถไฟ ท่าอากาศยานที่จอดรถ หรือเรือสาธารณ สาธารณสถานสาหรับขน
ถ่ายสินค้า หรือในยวดยานสาธารณ
(10) ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์
(11) ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง
(12) ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ สัตว์หรือเครื่องมืออันมีไว้สาหรับประกอบ
กสิกรรมหรือได้มา จากการกสิกรรมนั้น
ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นบาท
- 8. ชิงทรัพย์
• มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กาลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่า ในทันใด
นั้นจะใช้กาลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(2) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4) ปกปิดการกระทาความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทาความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ห้าปี
ถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองหมื่นบาท
- 10. ยักยอกทรัพย์
• มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่น เป็น
เจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคล ที่สาม
โดยทุจริต ผู้นั้นกระทาความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษ จาคุกไม่
เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทาความผิด
เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสาคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์
สินหายซึ่งผู้กระทาความผิดเก็บได้ ผู้กระทาต้องระวางโทษแต่เพียง กึ่ง
หนึ่ง
- 11. รับของโจร
• มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจาหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับ
จานาหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระ ทา
ความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีด
เอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอก
ทรัพย์ ผู้นั้นกระทาความผิดฐานรับของโจรต้อง ระวางโทษจาคุกไม่เกิน
ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง จาทั้งปรับ
- 12. • ก ข ค ร่วมกันขโมย ไก่ ของนาย ง โดย ก ข ค เอา ไก่ มาขังไว้ที่บ้าน 2
วัน นาย ง จึงรู้ว่าไก่ถูกขโมย จึงมาติดตามเอาคืน ก ข ค เห็นนาย ง อยู่
ที่หน้าบ้าน จึงเข้าไปทาร้ายนาย ง จนเป็นหมัน และด้วยความกลัวว่าไก่
จะถูกเอาคืนไป จึงจับไก่ไปฆ่าแล้วเอาไปทาอาหาร และเอาไปให้ จ กิน
จ กินโดยรู้ว่าเป็นไก่ที่ถูกขโมยมา จงวินิจฉัยความรับผิดของ ก ข ค และ
จ