Contenu connexe
Similaire à 1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b899e0b8a3e0b8b9e0b989 (20)
Plus de Rorsed Mardra (20)
1e0b897e0b8a4e0b8a9e0b88ee0b8b5e0b881e0b8b2e0b8a3e0b980e0b8a3e0b8b5e0b8a2e0b899e0b8a3e0b8b9e0b989
- 1. ทฤษฎีก ารเรีย นรู้
ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ คือ การ
ศึก ษาถึง กระบวนการที่ก ่อ ให้
เกิด การเปลีย นแปลงจาก
่
พฤติก รรมเดิม ไปเป็น
พฤติก รรมใหม่ท ี่ค ่อ นข้า ง
ถาวร เป็น ผลที่ไ ด้จ าก
ประสบการณ์ โดยไม่ใ ช่ผ ล
- 2. การแบ่ง กลุ่ม ทฤษฎีก ารเรีย นรู้
แบ่ง ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แ ก่
1. ทฤษฎีเ ชือ มโยงความสัม พัน ธ์ร ะหว่า งสิง
่ ่
เร้า และการตอบสนอง
1.1 ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ต ่อ เนือ งของธรอน
่
ไดค์
“การเรีย นรู้เ กิด จากการลองผิด ลองถูก ”
“การเรีย นรู้เ กิด จากความสัม พัน ธ์ร ะหว่า งสิง
่
เร้า และการตอบสนอง ”
การทดลอง = แมวกับ ประตูก ล
- 3. 1.2 ทฤษฎีก ารเชือ มโยงของกัท ธรี
่
“การเรีย นรู้เ กิด จากการกระทำา ”
“การเรีย นรู้ค วรเกิด จากการจูง ใจมากกว่า
การเสริม แรง ”
การทดลอง = แมวกับ กล่อ ง
1.3 ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ข องฮัล ล์
“การเรีย นรู้เ กิด จากการเสริม แรงมากกว่า
การจูง ใจ ซึ่ง ได้แ ก่ การเสริม แรงทาง
ร่า งกายและจิต ใจ ”
การทดลอง = หนูก ดคาน 5 ครั้ง - 90
ครั้ง
- 4. 2. ทฤษฎีก ารวางเงื่อ นไข
2.1 ทฤษฎีก ารวางเงือ นไขแบบ
่
คลาสสิค ของพาฟลอฟกับ วัต สัน
พาฟลอฟ “การเรีย นรู้ข องสิง มีช ว ิต เกิด
่ ี
จากการวางเงือ นไข ”
่
การทดลอง = กระดิ่ง , สุน ัข , ผงเนื้อ
วัต สัน “การเกิด อารมณ์จ ากการวาง
เงือ นไข ”
่
การทดลอง = เด็ก , ของเล่น , เสีย งดัง
- 5. 2.2ทฤษฎีก ารวางเงื่อ นไขแบบ
การกระทำา
สกิน เนอร์ “การเรีย นรู้เ กิด จากการ
ที่บ ุค คลได้ม ีก ารกระทำา แล้ว ได้ร ับ
การเสริม แรง ”
การทดลอง = หนูข าวกับ กล่อ ง
- 6. 3. ทฤษฎีส นามหรือ กลุ่ม เกสตัล ท์
(Gestalt) หมายถึง ส่ว นรวม
ทฤษฎีส นามหรือ กลุ่ม เกสตัล ท์ (Gestalt)
หมายถึง ส่ว นรวม
แนวคิด ของทฤษฎี “ส่ว นรวมมีค ่า
มากกว่า ผลบวกของส่ว นย่อ ย ”
3.1 ทฤษฎีส นาม
โคห์เ ลอร์แ ละเลวิน “การเรีย นรู้จ ะ
พิจ ารณาสิ่ง เร้า โดยส่ว นรวมก่อ นแล้ว
จะแยกเป็น ส่ว นย่อ ยเพื่อ หาความ
สัม พัน ธ์จ นในที่ส ุด เห็น ช่อ งทางทำา ให้
- 7. 3.2 ทฤษฎีก ารเรีย นรูข องเลวิน
้
“การเรีย นรู้เ กิด จากการเปลี่ย นแปลง
จากความรู้เ ดิม ๆ โดยการ
จูง ใจทำา ให้เ กิด ความรู้อ ย่า งแจ่ม แจ้ง ”
การทดลอง = เหมือ นกับ โคห์เ ลอร์
- 8. 3.3 ทฤษฎีก ารเรีย นรูเ ครื่อ งหมายของ
้
ทอลแมน
“การเรีย นรู้เ กิด จากการทีบ ุค คลตอบ
่
สนองต่อ สิง เร้า โดยใช้
่
เครื่อ งหมายหรือ สัญ ลัก ษณ์น ำา ไปสู่เ ป้า
หมายทำา ให้เ กิด การเรีย นรู้
ด้ว ยความเข้า ใจ ”
การทดลอง = หนู 3 กลุม ในเขาวงกต
่
- 9. ทอลแมนเห็น ว่า การเสริม แรงหรือ
รางวัล นั้น ไม่ม ีค วามจำา เป็น
การเสริม แรงทั้ง ทางบวกและทางลบ
ต่า งก็ม ีผ ลต่อ การเรีย นรู้แ ต่
ไม่จ ำา เป็น เสมอไปที่จ ะต้อ งให้ร างวัล ผู้
เรีย นเพื่อ ให้เ กิด การเรีย นรู้
ประสบการณ์ท ี่ส ร้า งความพอใจและ
ไม่พ ึง พอใจเป็น ตัว เร่ง ให้
- 10. การนำา ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ไ ปใช้
ในการเรีย นการสอน
ทฤษฎีก ารเรีย นรูแ บบต่อ เนื่อ งของ
้
ธรอนไดค์
ในการนำา ไปใช้ใ นการเรีย นการสอน
1. ครูจ ะต้อ งเตรีย มตัว ให้พ ร้อ ม
กระตุ้น ให้น ัก เรีย นพร้อ มที่จ ะเรีย น
2. มอบหมายงาน กิจ กรรม แบบ
ฝึก หัด และการบ้า น เพื่อ ฝึก ให้ค ด ิ
เป็น ทำา เป็น และแก้ป ญ หาเป็น
ั
3. ใช้ห ลัก การให้ร างวัล และการ
- 11. ทฤษฎีก ารเชื่อ มโยงของกัท ธรีใ น
การนำา ไปใช้ใ นการเรีย นการสอน
1. ครูต ้อ งจูง ใจให้น ัก เรีย นสนใจที่จ ะ
เรีย น
2. ดำา เนิน การสอนตามเนื้อ หาสาระ
เพือ ให้เ กิด การเรีย นรู้
่
3. ฝึก ให้น ัก เรีย นได้เ รีย นรู้ด ้ว ยการก
ระทำา
- 12. ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ข องฮัล ล์ใ นการนำา ไป
ใช้ใ นการเรีย นการสอน
1. พยายามจัด การศึก ษา โดยคำา นึง ถึง
ความต้อ งการของผู้เ รีย น
2. พยายามเสริม แรงทุก ขัน ตอน
้
3. จัด การเรีย นการสอนจากง่า ยไป
หายาก
4. จัด คาบเวลาเรีย นให้พ อเหมาะแก่
วัย ของผู้เ รีย น
- 13. ทฤษฎีก ารวางเงื่อ นไขแบบคลาสสิค ของ
พาฟลอฟและวัต สัน
ในการนำา ไปใช้ใ นการเรีย นการสอน
1. ครูส ร้า งบรรยากาศที่ด ีใ นการเรีย น อัน
เป็น การวางเงื่อ นไขที่ด ี
2. ครูว างตัว ให้เ ด็ก ศรัท ธาและรัก เพื่อ
เด็ก จะได้ร ัก วิช าที่ค รูส อน
3. ครูจ ัด บทเรีย นให้น ่า สนใจและเกิด
ความสนุก สนาน
4. ครูไ ม่ใ ห้ค วามสนใจในพฤติก รรมที่
- 14. 6. ครูใ ห้น ัก เรีย นได้ท บทวนบทเรีย นที่
ได้เ รีย นรู้ไ ปแล้ว จะได้เ รีย นรูเ หมือ น
้
เดิม
7. ครูใ ห้น ัก เรีย นรู้จ ัก วิธ ก ารจำา แนก
ี
หรือ วิเ คราะห์
8. ครูใ ช้ท ฤษฎีก ารวางเงือ นไขแบบ ่
คลาสสิก มาใช้ใ นการเปลี่ย นทัศ นคติท ี่
ไม่ด ต ่อ วิช าต่า ง ๆ เช่น นัก เรีย นไม่ช อบ
ี
ภาษาอัง กฤษ แต่ช อบเกม ให้น ัก เรีย น
- 15. ทฤษฎีก ารวางเงือ นไขแบบการกระทำา
่
ของสกิน เนอร์
ในการนำา ไปใช้ใ นการเรีย นการสอน
1. สร้า งนิส ย ทีด ีใ ห้เ ด็ก เพือ การสร้า ง
ั ่ ่
คุณ ภาพแห่ง ชีว ิต
2. ลบนิส ัย ที่ไ ม่ด ีอ อกจากตัว เด็ก โดย
วิธ ก ารปรับ พฤติก รรม
ี
3. ให้ก ารเสริม แรงแก่เ ด็ก ที่ก ระทำา
ความดี
- 16. ทฤษฎีส นามของกลุ่ม เกสตัล ท์ใ น
การนำา ไปใช้ใ นการเรีย นการสอน
1. ครูช ี้ใ ห้เ ห็น วัต ถุป ระสงค์ห รือ ความ
มุง หมายของบทเรีย น
่
2. อธิบ ายให้น ัก เรีย นเห็น ภาพรวม ๆ
หรือ โครงสร้า งของบทเรีย นก่อ นสอน
3. แนะนำา กิจ กรรมที่น ัก เรีย นควรฝึก
ปฏิบ ัต ิเ พื่อ นำา ไปสู่ค วามเข้า ใจ
4. สอนให้น ัก เรีย นแก้ป ัญ หาด้ว ย
ตนเองเพื่อ นำา ไปสูก ารคิด เป็น ทำา เป็น
่
- 17. ทฤษฎีก ารเรีย นรูข องเลวิน ในการนำา
้
ไปใช้ใ นการเรีย นการสอน
1. ครูใ ช้ว ิธ ก ลุ่ม สัม พัน ธ์ก ับ ผู้เ รีย น จะ
ี
ได้เ กิด การเรีย นรู้ด ้ว ยความเข้า ใจ
2. ครูม ุ่ง เน้น การสอนแบบให้ผ ู้เ รีย น
เป็น ศูน ย์ก ลาง
3. ให้น ัก เรีย นตั้ง เป้า หมายในชีว ิต
เป้า หมายในแต่ล ะวิช า
แต่ล ะบทเรีย น
4. ใช้ว ิธ ก ารจูง ใจเพือ กระตุ้น ให้
ี ่
นัก เรีย นตอบสนองต่อ บทเรีย น
- 18. ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ข องทอลแมนใน
การนำา ไปใช้ใ นการเรีย นการสอน
1. จัด การเรีย นการสอนให้น ัก เรีย น
ได้ม ส ่ว นร่ว มในการคิด เปิด โอกาสให้
ี
พูด และแสดงความคิด เห็น
2. จัด แบ่ง นัก เรีย นเป็น กลุ่ม เล็ก ๆ
มอบงานหรือ กิจ กรรมให้ท ก กลุ่ม ให้
ุ
สมาชิก ทุก คนมีส ว นร่ว มในกิจ กรรม
่
การเรีย น เพือ ส่ง เสริม การคิด เป็น ทำา
่
เป็น และแก้ป ญ หาเป็น
ั
3. ให้น ัก เรีย นอภิป รายในชัน เรีย น
้