Contenu connexe
Similaire à น้ำขึ้น น้ำลง (20)
น้ำขึ้น น้ำลง
- 3. การเกิดน้าขึ้นน้าลง (ต่อ)
ในขณะที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกนั้น น้าบนพื้นโลกซึ่งเป็นของเหลว จะถูก
แรงดึงดูดของดวงจันทร์ทาให้ระดับน้าสูงขึ้นทั้งในทิศทางที่ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นและ
ในซีกโลกฝั่งตรงข้ามน้าก็จะสูงขึ้นด้วยเพราะแรงดึงดูดของโลกกับดวงจันทร์ไปรวม
ในทิศทางนั้น
แรงดึงดูดของดวงจันทร์ที่กระทากับโลกบริเวณที่ใกล้กับดวงจันทร์มากที่สุด
จะเกิดแรงมากที่สุดด้วย ดังนั้นน้าในมหาสมุทรจึงเคลื่อนเข้ามาในบริเวณนี้มากกว่า
บริเวณอื่น ส่วนระดับน้าด้านข้างทั้งสองของโลกก็จะลดลงและเกิดเป็นปรากฏการณ์
น้าลง
โดยทั่วไปแล้วช่วงเวลาระหว่างน้าขึ้นครั้งที่หนึ่งถึงน้าขึ้นครั้งที่สองจะใช้
เวลาเท่ากับ 12 ชั่วโมง 25 นาที
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 4. การเกิดน้าขึ้นน้าลง (ต่อ)
การที่จะเกิดน้าขึ้นมากเป็นพิเศษ หรือน้าลงมากเป็นพิเศษได้นั้น ดวงจันทร์
และดวงอาทิตย์จะต้องโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ไม่ว่าดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์จะ
อยู่ข้างเดียวหรือคนละข้างกับโลก ระดับน้าจะสูงขึ้นกว่าปกติเรียกว่า น้าเกิด (spring
tide) ซึ่งจะเกิดขึ้นเดือนละ 2 ครั้ง คือใกล้วันขึ้น 15 ค่า และวันแรม 15 ค่า
และเมื่อใดที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อยู่ในแนวตั้งฉากซึ่งกันและกัน ระดับ
น้าจะไม่สูงขึ้นแต่จะอยู่ในระดับเดิม ไม่ขึ้นไม่ลง เรียกว่า น้าตาย (neap tide)
จะเกิดขึ้นเดือนละ 2 ครั้ง เช่นเดียวกับน้าเกิด คือใกล้วันขึ้น 8 ค่า และวันแรม 8 ค่า
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 6. แรงไทดัล (ต่อ)
ตามกฏแปรผกผันยกกาลังสองของนิวตัน เมื่อวัตถุอยู่ไกลจากกันแรง โน้ม
ถ่วงระหว่างวัตถุจะลดลง ดังนั้นเมื่อวางลูกบิลเลียดสามลูกในอวกาศ โดยเรียงลาดับ
ระยะห่างจากดาวเคราะห์ดังภาพ แรงโน้มถ่วงระหว่างดาว เคราะห์กับลูกบิลเลียด
หมายเลข 3 มากกว่า แรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเคราะห์กับลูกบิลเลียดหมายเลข 2 และ
มากกว่า แรงโน้มถ่วงระหว่างดาวเคราะห์กับลูกบิลเลียดหมายเลข 1 ตามลาดับ
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 7. เหตุใดน้าจึงขึ้นสองด้าน
แรง โน้มถ่วงของดวงจันทร์กระทา ณ ตาบลต่างๆ ของโลกแตกต่างกัน โดย
สามารถวาดลูกศรแสดงขนาดและทิศทางของแรงดึงดูด ซึ่งเกิดจากอิทธิพลความโน้ม
ถ่วงของดวงจันทร์ ได้ดังภาพ
แรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ที่กระทาต่อโลก
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 8. เหตุใดน้าจึงขึ้นสองด้าน (ต่อ)
เมื่อพิจารณาแรงไทดัล ณ จุดใดๆ ของโลก แรงไทดัลภายในโลกมีขนาด
เท่ากับ ความแตกต่างระหว่างแรง ดึงดูดจากดวงจันทร์ที่กระทาต่อจุดนั้นๆ กับแรง
ดึงดูดจากดวงจันทร์ที่กระทาต่อศูนย์กลางของโลก ซึ่งสามารถเขียนลูกศรแสดงขนาด
และทิศทางของแรงในภาพข้างล่าง
แรงไทดัลบนพื้นผิวโลก
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 9. เหตุใดน้าจึงขึ้นสองด้าน (ต่อ)
เนื่องจากเปลือกโลกเป็นของแข็ง จึงไม่สามารถยืดหยุ่นตัวไปตามแรงไทดัล
ซึ่งเกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ ได้ แต่พื้นผิวส่วนใหญ่ของโลกปกคลุมด้วยน้า
ในมหาสมุทร จึงปรับตัวเป็นรูปทรงรี ตามแรงไทดัลที่เกิดขึ้นดังรูปข้างล่าง ทาให้เกิด
ปรากฏการณ์ "น้าขึ้นน้าลง" (Tides)
โดยที่ระดับน้าทะเลจะขึ้นสูงสุดบนด้านที่หันเข้าหาดวงจันทร์และด้านตรง
ข้ามดวงจันทร์ (ตาแหน่ง H และ H’) และระดับน้าทะเลจะลงต่าสุดบนด้านที่ตั้งฉาก
กับดวงจันทร์ (ตาแหน่ง L และ L’) โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ทาให้ ณ ตาแหน่ง
หนึ่งๆ บนพื้นผิวโลก จึงเคลื่อนผ่านบริเวณที่เกิดน้าขึ้นและน้าลงทั้งสองด้าน ทาให้เกิด
น้าขึ้นน้าลง วันละ 2 ครั้ง
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 10. น้าเกิดและน้าตาย
ผลของแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ที่มีต่อการเกิดน้าขึ้นน้าลงบนโลกจึงมีแค่
เพียงครึ่งหนึ่งของผลจากดวงจันทร์เท่านั้นในวันเพ็ญ (ขึ้น 15 ค่า) หรือวันเดือนมืด
(แรม 15 ค่า) ดวงจันทร์ โลกและดวงอาทิตย์จะอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน ทาให้แรง
โน้มถ่วงจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์เสริมหรือหักล้างกันมากที่สุด ดังนั้น ในวันทั้ง
สองนี้ น้าจึงขึ้นสูงที่สุดและลดลงต่าที่สุด เรียกว่าเป็น น้าเกิด(Spring tide)
ส่วนในวันขึ้น 7 (หรือ 8) ค่า และแรม 7 (หรือ 8) ค่า ดวงจันทร์จะทามุมตั้ง
ฉากกับดวงอาทิตย์เมื่อมองจากโลก ทาให้แรงโน้มถ่วงจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
หักล้างกัน น้าจึงขึ้นต่าที่สุดและลงน้อยที่สุด หรือมีความแตกต่างของระดับน้าที่ขึ้น
และลงน้อยที่สุด เรียกว่าเป็น น้าตาย (Neap tide) ซึ่งจะเกิดขึ้นเดือนละสองวัน
เช่นกัน
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 15. ดาวเนปจูน (ต่อ)
ดาวเนปจูนมีวงแหวน 4 วง แต่ละวงมีความสว่างไม่มากนัก เพราะ
ประกอบด้วยอนุภาคที่เป็นผงฝุ่นขนาดเล็ก จนถึงขนาดประมาณ 10 เมตร เช่นเดียวกับ
วงแหวนของดาวพฤหัสบดีและดาวยูเรนัส ดาวเนปจูนมีดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว
13 ดวง ดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่สุดชื่อ "ทายตัน" (Triton)
ทายตันเคลื่อนที่ในวงโคจรโดยมีทิศทางสวนกับการหมุนรอบตัวเองของ
ดาวเนปจูน ซึ่งอาจเป็นเพราะถูกแรงโน้มถ่วงของดาวเนปจูนจับเป็นบริวารภายหลัง
จากการก่อตัวของระบบสุริยะ
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 16. ดาวเนปจูน (ต่อ)
*****ข้อมูลสาคัญ*****
- องค์ประกอบหลักของบรรยากาศ ไฮโดรเจน ฮีเลียม
- ระยะทางเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์4,498 ล้านกิโลเมตร
- ระนาบวงโคจรทามุมกับระนาบสุริยวิถี 1.769°
- หมุนรอบตัวเองใช้เวลา 16.11 ชั่วโมง
- มวล 17.147 ของโลก
- ความหนาแน่น 1.64 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
- อุณหภูมิ -214°C
- ดวงจันทร์ที่ค้นพบแล้ว 13 ดวง
- วงแหวนที่ค้นพบแล้ว 6 วง
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 18. โครงสร้างของดาวเนปจูน
ดาวเนปจูนมีขนาดและโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับดาวยูเรนัสโดยมีแกนกลาง
เป็นหินและน้าแข็ง ซึ่งมีมวลประมาณ 1.2 เท่าของแกนของโลกเรา มีความดันประมาณ
7 ล้านบาร์ ซึ่งมากกว่าความดันบรรยากาศบนพื้นโลกกว่าล้านเท่าและคาดว่ามีอุณหภูมิ
สูงกว่า 5400 เคลวิน
ชั้นแมนเทิลของดาวเนปจูนประกอบด้วยน้า แอมโมเนีย และมีเทน มีมวล
ประมาณ 10 ถึง 15 เท่าของมวลของโลก โดยชั้นของแมนเทิลนี่เองที่สร้าง
สนามแม่เหล็กรอบๆ ดาวเนปจูน ส่วนชั้นนอกสุดของดาวเนปจูนเป็นชั้นบรรยากาศที่
ประกอบไปด้วยแก๊สไฮโดรเจน ฮีเลียม และมีเทน
เนื่องจากดาวเนปจูนมีการโคจรรอบตัวเองที่รวดเร็วมากจึงทาให้ดาวเนปจูน
มีลักษณะโป่งออกที่เส้นศูนย์สูตร โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางบริเวณเส้นศูนย์สูตร
มากกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางในแนวขั้วเหนือ-ใต้ประมาณ 848 กิโลเมตร
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 22. ดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ
ตามนิยามของสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล (international
Astronomical Union : IAU) เมื่อปี ค.ศ. 2006 “ดาวเคราะห์แคระ”
(Dwarf planet) หมายถึง
1. วัตถุท้องฟ้า (Astronomical object) ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์
2. มีมวลและแรงโน้มถ่วงมากพอที่จะรักษาสภาวะสมดุลอุทกสถิต
(Hydrostatic equilibrium) หรือคงรูปร่างให้ใกล้เคียงกับทรงกลมได้
3. มีวงโคจรที่ไม่ชัดเจนและไม่สอดคล้องกับดาวเคราะห์ข้างเคียง
4. ไม่ได้เป็นดาวบริวาร (Satellite)
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 23. ดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ
นิยามดังกล่าวทาให้ “ดาวพลูโต” (Pluto) ซึ่งเคยถูกจัดเป้น 1 ใน 9 ดาว
เคราะห์ของ “ระบบสุริยะ” (Solar system) ต้องถูกปรับไปเป็นดาวเคราะห์แคระ
เนื่องจากวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวพลูโตนั้นพาดขวางวงโคจรของดาวเคราะห์
ดวงอื่นๆ ไม่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ระบบสุริยะจึงมีดาวเคราะห์เหลืออยู่เพียง
8 ดวงในปัจจุบัน คือ พุธ (Mercury), ศุกร์ (Venus), โลก (Earth), อังคาร
(Mars), พฤหัส (Jupiter), เสาร์ (Saturn), ยูเรนัส (Uranus) และเนปจูน
(Neptune)
ส่วนดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ ปัจจุบันค้นพบแล้ว 5 ดวง ได้แก่ ซีรีส
(Ceres), พลูโต (Pluto), อีรีส (Eris), เฮาเมอา (Haumea) และมาคีมาคี
(Makemake)
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
- 26. ผู้จัดทา
นางสาวชาลิสา มณีรัตน์ 551120303
นายทักษ์ดนัย อนุสนธิ์ 551120305
นางสาวรัตณาพร สุกสว่าง 551120308
นางสาวชมพูนุช มาเพิ่ม 551120321
นางสาวหรรษา สีใส 551120322
นายกิจจา สมากร 551120331
นางสาวธมาพร ขันหล้า 551120340
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร
โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร