SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  10
Télécharger pour lire hors ligne
“ไหมอีร”
                                                               ี่
                            โดย ศ.ดร.ทิพย์วดี อรรถธรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์*

                                   ไหมอีรี่ : ไหมพันธุ์ใหม่กินใบมันสาปะหลัง
                                      ศักยภาพการพัฒนาสู่อุตสาหกรรม
           ไหมเป็นเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากรังที่ห่อหุ้มดักแด้ไหม เส้นใยไหมมีความมันแวววาวโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือน
เส้นใยธรรมชาติชนิดอื่น ชาวจีนรู้จักเลี้ยงไหมเพื่อเอาเส้นใยทาเครื่องนุ่งห่มนานกว่า 4000 ปีมาแล้ว และถือเป็นทรัพยากรที่มีค่า
ของแผ่นดิน ชาวยุโรปก็รู้จักเลี้ยงไหมมานานแล้ว โดยถือว่าไหมเป็นผ้าพิเศษใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์ พระราชินีและขุนนางชั้นสูง
เท่านั้น ผ้าไหมเป็นสิ่งที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมประจาชาติ ที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษถึงลูกหลานที่แต่ละชาติมีความภาคภูมิใจ
เช่น ผ้าไหมไทย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรป จะมีความแตกต่างกันทั้งเนื้อผ้าลวดลายปักบนผ้าและศิลปะการถักทอ
ซึ่งทาให้ได้ผ้าที่มีลักษณะต่างๆ กันเป็นเอกลักษณ์ประจาชาติผ้าไหมที่สวยงาม มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูงและเป็นที่รู้จักกันดีนั้น คือ
ไหมหม่อน (mulberry silk,Bombyx mori) ซึ่งกินใบหม่อนเพียงชนิดเดียวเป็นอาหาร และได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตามยังมีไหมป่าที่ให้เส้นใยมาใช้ประโยชน์ทาเครื่องนุ่งห่ม และไม่ใช้ใบหม่อนเป็นอาหาร (wild silkworm หรือ non-
mulberry silk) อีก 8 ชนิด ได้แก่ Antheraea pernyi, A. yamamai, A. proylei,A. assamensis, A. mylitta, A. paphia,
Philosamia ricini และ P. cynthia แต่มีเพียง 3 ชนิดคือ ไหมทาซาร์ (tasar silk, A. mylitta และ A. proylei) ไหมมูก้า (muga silk,
A. assamensis) และไหมอีรี่ (eri silk, Philosamia ricini) ที่มีการเลี้ยงเป็นอาชีพในประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และ
เกาหลี (Sengupta, 1987) ไหมอีรี่เป็นไหมป่าเพียงชนิดเดียวที่มนุษย์สามารถเลี้ยงได้ครบวงจรชีวิตอย่างสมบูรณ์ ส่วนไหมมูก้า
และไหมทาซาร์นั้นในบางช่วงของวงจรชีวิตต้องปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติเช่น ในช่วงผสมพันธุ์ต้องเอามาปล่อยไว้บนต้นพืชอาหาร
มิฉะนั้นผีเสื้อจะไม่ยอมผสมพันธุ์

รูปร่างลักษณะและวงจรชีวิต
          ไหมอีรี่ eri silk, Philosamia ricini เป็นผีเสื้อกลางคืนในอันดับ Lepidoptera วงศ์Saturniidae เป็นไหมชนิดฟักตลอดปี
(polyvoltine) มีวงจรชีวิต 45-60 วัน ประกอบด้วยระยะไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และผีเสื้อ แม่ผีเสื้อวางไข่สีขาวเป็นกลุ่ม แม่ผีเสื้อที่
แข็งแรงสมบูรณ์จะวางไข่เฉลี่ยประมาณ 300 ฟอง ในฤดูร้อนไข่จะฟักภายใน 7 วัน แต่ถ้าอากาศเย็นไข่จะอยู่ต่อไปได้นานถึง 24
วันหลังจากฟักออกจากไข่ หนอนไหมอีรี่จะเริ่มกินพืชอาหารทันทีและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะลอกคราบ 4 ครั้งก่อนเข้า
ดักแด้ ส่วนหัวของไหมวัยหนึ่งและสองจะเป็นสีดา ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองโดยมีบริเวณสีดาที่แก้มเมื่อถึงวัยสี่และห้า ตัวหนอนมีสี
ขาว ที่ปล้องอกและท้องแต่ละปล้องมีหนาม 4-6 อันเรียงเป็นแถว ในวัยที่ห้าหนอนไหมจะกินอาหารมากและตัวโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตัวหนอนโตเต็มที่จะมีขนาดยาว 90-100 มิลลิเมตร ลาตัวจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองเมื่อพร้อมจะเข้าดักแด้
          ก่อนจะเข้าดักแด้หนอนไหมจะหยุดกินอาหาร และถ่ายของเสียออกจนหมดกระเพาะ แล้วตัวหนอนจะเริ่มเดินไปมาเพื่อหา
ที่เหมาะสมต่อการทารังเข้าดักแด้ ซึ่งมักเป็นตามซอกมุมที่หลบซ่อนได้จากนั้นจะเริ่มทารังหุ้มตัวเอง ด้วยการคายสารออกมาจาก
ต่อมสร้างเส้นใย (silk gland) สารนี้เมื่อถูกอากาศจะแข็งตัวเป็นเส้นใย หนอนไหมจะใช้เวลาทารังเสร็จภายใน 3 วัน ตัวหนอนจะพัก
อยู่ภายในรังและเริ่มเข้าดักแด้ ประมาณ10-14 วันต่อมาผีเสื้อจะออกจากดักแด้ ผีเสื้อไหมอีรี่มีขนาดใหญ่ เมื่อกางปีกเต็มที่จะยาว
ถึง 4-5 นิ้ว ปีกมีสีน้าตาลดาและมีเส้นขวางกลางปีกสีขาว ตรงกลางของแต่ละปีกจะมีรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีเหลืองขาวตัดขอบ
 *ศ.ดร.ทิพย์วดี อรรถธรรม ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จังหวัดนครปฐม 73140


เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
ด้วยสีดาสวยงามมาก ส่วนท้องของตัวผู้จะเล็กกว่าตัวเมียการผสมพันธุ์จะเริ่มขึ้นหลังจากผีเสื้อออกจากดักแด้ไม่นาน ตัวเมียจะ
วางไข่ตอนกลางคืน และอาจวางไข่ได้ 2-3 คืน ผีเสื้อไม่บินและไม่กินอาหาร




         ไหมอีรี่สามารถเลี้ยงได้ตลอดปีประมาณ 4-5 รุ่นต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่ เลี้ยงได้ทั้งในที่สูงและ
ที่ราบ และที่อุณหภูมิตั้งแต่ 25 ถึง 45o C (Sarkar, 1988) มีการทดลองเลี้ยงหนอนไหมอีรี่ด้วยใบพืชชนิดต่างๆ เช่น ละหุ่ง มัน
สาปะหลัง มะละกอ อ้อยช้าง สบู่ดา มะยมป่าและสันปลาช่อน พบว่าใช้ใบละหุ่ง (castor plant) เลี้ยงไหมอีรี่ได้ดีที่สุด เพราะหนอน
ไหมให้รังที่มีขนาดใหญ่และปริมาณเส้นไหมมากที่สุด รองลงมาคือใบมันสาปะหลัง (cassava plant) ส่วนพืชชนิดอื่นอาจใช้เป็นพืช
อาหารทดแทนได้ในช่วงที่ใบละหุ่งหรือใบมันสาปะหลังขาดแคลน แต่ไม่สามารถใช้เลี้ยงจนครบวงจรชีวิต ได้ (Sengupta and
Singh, 1974; Thangavelu and Phuko,1983) ดังนั้นพืชอาหารหลักของหนอนไหมอีรี่ คือ ใบละหุ่งและใบมันสาปะหลัง โดย
สามารถใช้เลี้ยงสลับกันได้ (Joshi andMisra,1982) ใบของต้นมันลาย มันต้นและใบลั่นทมก็สามารถนามาใช้เลี้ยงไหมอีรี่ได้




เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
ใบละหุ่ง                                            ใบมันสาปะหลัง


ลักษณะของรังและเส้นใยไหมอีรี่
           รังไหมอีรี่มีองค์ประกอบเช่นเดียวกับรังไหมหม่อน คือเป็นเส้นใยที่ประกอบด้วยสาร fibroinล้อมรอบด้วยสาร sericin ซึ่ง
เป็นสารเหนียวใช้ยึดเส้นใยให้สานกันเป็นรั งหุ้มดักแด้ไว้ภายใน รังไหมอีรี่มีลักษณะยาวเรียวสีขาว เส้นใยจะสานกันหลวมกว่ารัง
ไหมหม่อน ปลายข้างหนึ่งค่อนข้างแหลม ปลายอีกข้างหนึ่งมีรูเปิดเล็กๆ เพื่อให้ผีเสื้อออกจากรัง ต่างจากรังไหมหม่อนซึ่งปิดหมด
ทุกด้าน เส้นไยไหมอีรี่จึงมิได้เป็นเส้นยาวเหมือนไหมหม่อนแต่จะเป็นเส้นสั้นๆ ต้องดึงเส้นใยจากรังด้วยวิธีปั่น (spun) แบเดียวกับ
การปั่นฝ้าย ไม่ได้ใช้วิธีสาว (reel) แบบไหมหม่อน ดังนั้นจึงไม่ต้องต้มรังตอนที่ยังมีดักแด้ไหมอยู่ในรัง สามารถตัดเปลือกรัง หรือรอ
ให้ผีเสื้อออกมาก่อนจึงนารังไปต้ม เพื่อละลายสารเหนียวที่เคลือบเส้นไหมออกก่อนที่จะนาไปปั่น คุณสมบัตินี้เป็นข้อดีของไหมอีรี่
คือ ทาให้ไม่ขัดต่อความรู้สึกของผู้ใช้ที่ไม่ต้องการฆ่าตัวไหม การใช้วิธีสาวโดยใช้เครื่องสาวพื้นบ้านแบบไหมหม่อนก็อาจทาได้แต่
ต้องใช้ความชานาญเป็นพิเศษ เส้นใยไหมอีรี่จึงจัดเป็นไหมปั่น (spun silk) ซึ่งเส้นไหมปั่นนั้นเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมด้าย
ปั่นมาก เพราะเส้นไหมมีความเหนียว ยาว แวววาว สวยงามและราคาดีกว่าเส้นใยฝ้าย ในปัจจุบันอุตสาหกรรมไหมปั่นต้องอาศัย
วัตถุดิบจากเศษรังไหมหม่อนที่เสียและสาวไม่ได้ ซึ่งมีไม่เพียงพอจะป้อนโรงงานไหมปั่น (สุธรรม 2534) เส้นใยไหมอีรี่จึงอาจ
ทดแทนความต้องการตรงนี้ได้




เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
เส้นไหมอีรี่สามารถติดสีได้ดีทั้งสีสังเคราะห์และสีธรรมชาติ ปัจจุบันมีผู้ให้ความสาคัญกับผ้าพื้นเมืองที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติ
มาก เพราะให้โทนสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ฉูดฉาด ดูสบายตา และไม่เบื่อง่าย ที่สาคัญคือมีจุลินทรี ย์ย่อยสลายสีได้ ทาให้ไม่
ตกค้างเป็นมลพิษ จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้และสภาพแวดล้อม วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น เช่น พืชชนิดต่างๆ ให้สีต่างกัน ทาให้เกิดความ
หลากหลายของสีย้อมที่สวยงามต่างกัน เส้นใยไหมอีรี่ที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติจากใยมะพร้าว เปลือกประดู่ มะเกลือดิบ ใบขี้เหล็ก
ขมิ้น ใบหูกวาง ใบสบู่เลือด เปลือกต้นมะม่วงหิมพานต์ เปลือกต้นมะม่วงป่า เปลือกเมล็ดฝางแดง มะเกลือ ใบสมอและครั่ง จะติดสี
ได้ดีและสวยงามแปลกตา




อุตสาหกรรมการเลี้ยงไหมอีรี่
           เส้นใยไหมอีรี่มีคุณสมบัติเฉพาะ คือ มีความหนานุ่มคล้ายผ้าขนสัตว์แต่ก็ดูดซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดี ทาให้ใส่แล้ว
รู้สึกอบอุ่นในฤดูหนาว และเย็นสบายในฤดูร้อน ไม่สากระคายมือ มีคุณภาพทนทานดีกว่าไหมหม่อน ซักได้ด้วยวิธีธรรมดา ไม่ต้อง
ซักแห้ง เส้นไหมที่ผลิตได้จะมีลักษณะเป็นปุ่มปม มีความเงามันเล็กน้อยซึ่งสวยงามแปลกตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประเทศ
อินเดียและจีนส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่กันมาก แต่ไม่สามารถเลี้ยงได้ตลอดปี เพราะสภาพดินฟ้าอากาศไม่อานวย ไม่มีแหล่งพืช
อาหารที่เหมาะสมและอุดมสมบูรณ์ ในประเทศไทยเริ่มเลี้ยงไหมอีรี่ในปี พ.ศ. 2517 โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ ซึ่งได้ศึกษาวิจัยและรักษาพันธุ์ไว้ที่สถานีวิจัยพริ้ว จังหวัดจันทบุรี (พิสิษฐ์ และเตือนจิตต์ 2520) ต่อมาโครงการวิจัยเกษตร
ที่สูงเพื่อหาอาชีพเสริมให้ชาวเขาทดแทนการปลูกฝิ่น ได้นาไหมอีรี่ขึ้นไปเลี้ยงบนดอยอ่างขางและดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่ง
สามารถเลี้ยงได้ดี แต่ก็เลี้ยงไม่ได้ตลอดปี เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นจัด (Wongtong et. al.,1980) ในปี พ.ศ.2533 โดยการ
สนับสนุนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร. สุธรรม อารีกุล ส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ให้กับเกษตรกรในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งปลูกมันสาปะหลังเป็นจานวนมาก เกษตรกรสามารถนาใบมาเลี้ ยงไหมแทนการทิ้งไปเฉยๆ
การเด็ดใบมาเลี้ยงไหมไม่เกิน 50% ของใบที่มีทั้งหมด จะไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตหัวมันสาปะหลัง และถ้าเด็ดใบไป 30% กลับทา
ให้ผลผลิตหัวมันสูงขึ้น (ทิพย์วดี และคณะ 2535)




เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
ในปัจจุบันมีเ กษตรกรชาวไร่มันสาปะหลังจานวนมาก สนใจเลือกการเลี้ยงไหมอีรี่เ ป็นอาชีพ เสริ มเพื่อสร้ างรายได้ให้
ครอบครัว มีการรวมกลุ่มของเกษตรกรเข้ารับการฝึกอบรมการเลี้ยงไหมอีรี่ การต้มลอกกาว การย้อมสีและการปั่นเส้นใย และได้ใช้
ประสบการณ์และภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่นปรับปรุงวิธีการเลี้ยงเพื่อให้ได้ผลผลิ ตที่ดีขึ้น มีการถักทอเป็นผืนผ้าที่มี ลวดลายเป็น
เอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นและสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากไหมอีรี่ตามภูมิความรู้ของแต่ละคน ตัวอย่างของกลุ่มเกษตรกรที่สนใจ
เข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับไหมอีรี่ ได้แก่เกษตรกรหลายครัวเรือนในจังหวัดเชียงใหม่ ลาพูน พะเยา ลาปาง ตาก แพร่
อุตรดิตถ์ กาแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชลบุรีนครราชสีมา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด อานาจเจริญ ชัยภูมิ เป็นต้น เกษตรกรส่วน
ใหญ่สามารถเลี้ยงไหมอีรี่เองได้เป็นอย่างดี บางครัวเรือนสามารถปั่นเส้นใยและทอเป็นผืนผ้านาออกจาหน่ายได้




การใช้ประโยชน์จากไหมอีรี่
          ในประเทศไทยมีงานวิจัยและส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่มีการทาในเชิงพาณิชย์เป็นอุตสาหกรรม
แนวทางการใช้ประโยชน์จากไหมอีรี่มีมากมาย เช่น :
          1. เส้นใยไหมใช้ทอเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่มีความสวยงามแตกต่างจากผ้าทอจากเส้นใยชนิดอื่น นอกจากนั้นยังเหมาะ
ทาเป็นผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ผ้าปูโต๊ะและทอเป็นพรม รวมทั้งสามารถปั่นเส้นใยด้วยเครื่องจักรในโรงงานผสมกับเส้นใยฝ้ายได้ ทา
ดอกไม้ประดิษฐ์ และวัสดุสวยงามอื่นๆ
          2. ตัวหนอนไหมและดักแด้เป็นอาหารของคนได้ มีปริมาณไซยาไนด์ตกค้างในระดับที่ปลอดภัยต่อการบริโภค มีคุณค่า
ทางโภชนะสูง โดยพบว่าดักแด้มีโปรตีนสูงถึง 54% มีไขมัน (fattyacid) 26% และเป็นไขมันที่ดี (Jintasataporn et.al., 2001)
นอกจากนั้นยังพบว่ามีความมันและมีรสชาติอร่อยถูกปากเกษตรกรและผู้คนทั่วไป
          3. เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนะสูง ตัวหนอนไหมและดักแด้สามารถพัฒนาเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ได้เป็นอย่ างดี เช่น เป็ด
ไก่ หมูและปลา โดยเฉพาะหนอนไหมวัย 3 และ 4 ที่ถูกคัดทิ้ง ไหมอีรี่ยังสามารถพัฒนาเป็นอาหารสาหรับปลาเพื่อวัตถุประสงค์
อื่นๆ เช่น เร่งสีในปลาประเภทปลาสวยงาม
          4. สามารถสกัดจากดักแด้และผีเสื้ อไหม ได้เลซิตินกึ่งบริสุ ทธิ์ที่มีคุณ สมบัติต่อ ต้านอนุมูลอิส ระได้สู งมาก และเป็น
emulsifier ที่ดี คือ มีความคงตัวของ emulsion สูง รวมทั้งสามารถสกัดโปรตีนไฮโดรไลเสท ที่เป็นวัตถุดิบในการทาเครื่องสาอาง
จากรังไหมและดักแด้ไหม นอกจากนั้นรังไหมยังนามาบดเป็นผงแป้งละเอียดที่มีความแวววาว ใช้เคลือบวัสดุต่างๆ ทาให้เกิด
สิ่งประดิษฐ์ และงานฝีมือที่สวยงามหลากหลายด้วยภูมิปัญญาของผู้ประดิษฐ์



เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
การรวมกลุ่มของเกษตรกรทากิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับไหมอีรี่


          5. ไข่และตัวหนอนไหมใช้เป็นอาหารเลี้ยงแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ใช้ไข่ไหมอีรี่เลี้ยงแตนเบียนไข่ในสกุล Anastatus
และ Ooencyrtus ที่ใช้ในการกาจัดมวนลาไยและมวนลิ้นจี่ ศัตรูสาคัญของไม้ผล ใช้ตัวหนอนเลี้ยงมวนพิฆาต Ecocanthecona
furcellata ซึ่งเป็นมวนตัวห้าใช้กาจัดหนอนคืบละหุ่ง หนอนกระทู้ หนอนแก้วส้ม หนอนร่าน หนอนบุ้ง ในสวนส้ม มะนาว มะม่วง
และส้มโอ มีหลายหน่วยงานที่เพาะเลี้ยงแมลงตัวห้าและตัวเบียนเหล่านี้ในห้องปฏิบัติการ การใช้หนอนไหมอีรี่เป็นอาหารจะช่วยลด
ความยุ่งยากในการเลี้ยงหรือออกจับแมลงศัตรูพืชมาเป็นอาหาร




เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
6. เส้นใยไหมอีรี่มีความคงทนสูง สานกันได้ละเอียด มีความเหนียว ไม่เปียกน้าง่าย มีลักษณะเป็นรูเล็กๆ (porous)
สามารถพัฒนาเป็นกระดาษกรองที่มีคุณภาพ เหมาะสาหรับใช้ในงานวิจัยและทดลองทางวิทยาศาสตร์




                                            ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากไหมอีรี่

การพัฒนาไหมอีรี่สู่อุตสาหกรรม
         สานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้เล็งเห็นว่าไหมอีรี่เป็นแมลงที่มีประโยชน์ และมีศักยภาพที่จะพัฒนาสู่
อุตสาหกรรมได้ ซึ่งอาจเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กในครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมขนาดกลางในชุมชน เพื่อเป็นอาชีพทางเลือก
ให้กับเกษตรกร รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรบางครอบครัว จึงได้ให้การสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเพื่อ
ผลักดันไหมอีรี่สู่อุตสาหกรรม ซึ่งจาเป็นต้องดาเนินงานไปพร้อมๆ กันในหลายด้าน เพื่อให้เป็นไปอย่างครบวงจร และบังเกิด
ผลสัมฤทธิ์ งานวิจัยที่ดาเนินการในปัจจุบัน ได้แก่ :




เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
1. งานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้พื้นฐาน ความรู้พื้นฐานจะช่วยให้รู้จักไหมอีรี่ได้ดีขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์จากแมลง
ชนิดนี้ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง เช่น การศึกษาองค์ประกอบของหนอน ดักแด้และรังไหม การศึกษาคุณค่าทางโภชนะของไหม
การผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสทจากไหมเพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ การศึกษาปริมาณไซยาไนด์ตกค้างในหนอนและดักแด้
ไหมอีรี่ การสกัดเลซิตินจากไหมป่าอีรี่ เพื่อใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ การศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพของเส้นใยการศึกษาสมบัติ
ต่อกระบวนการเคมีสิ่งทอของผลิตภัณฑ์จากเส้นไหมอีรี่ เช่นการลอกกาว การลงแป้งการดูดซึมสีย้อม เพื่อการควบคุมและปรับปรุง
คุณภาพของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
          2. การพัฒนาเทคโนโลยี เทคโนโลยีต่างๆ ทีเกี่ยวกับไหมอีรี่หากมีการพัฒนาให้เหมาะสมจะสามารถเลี้ยงไหมอีรี่และ
นามาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เทคโนโลยีการเลี้ยง การสร้างเครื่องจักรเพื่อการปั่นเส้นใยในระดับครัวเรือนและ
ระดับอุตสาหกรรม กรรมวิธีการปั่นและถักทอเส้นใยด้วยเครื่องจักรอุตสาหกรรม และการผลิตเส้นด้ายและผ้าจากไหมอีรี่ผสมกับ
เส้นใยอื่นๆ ในระดับหัตถอุตสาหกรรม รวมทั้งเทคโนโลยีการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมอีรี่ การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์
และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
          3. การใช้ประโยชน์ไหมอีรแบบครบวงจร จากที่ทราบว่าทั้งไข่ ตัวหนอน ดักแด้และรังไหม รวมทั้งของเหลือทิ้งจากการ
                                       ี่
เลี้ยงไหม สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ งานวิจัยเพื่อพัฒนานาสิ่งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มมูลค่าของ
ไหมอีรี่ และเพิ่มความหลากหลายของอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกร เป็นการดึงดูดความสนใจของเกษตรกรและหน่วยงานเอกชน
ให้หันมาประกอบกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับไหมอีรี่
          4. ประเมินผลกระทบที่เกิดจากการพัฒนาไหมอีรสู่อุตสาหกรรม การประเมินผลกระทบจากการเลี้ยงไหมอีรี่ทั้งด้าน
                                                              ี่
เศรษฐกิจและสังคม ที่มีต่อครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ เช่นการสร้างงานและเพิ่มอาชีพทางเลือกที่ทารายได้ให้กับชุมชน การ
สร้างความมั่นคงด้านอาหารและชีวิตที่ดีขึ้น การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัว สร้างความสุขและความสามัคคี
ให้กับชุมชนและสังคมชนบท รวมทั้งศึกษาถึงปัจจัยทีมีผลต่อการยอมรับการเลี้ยงไหมอีรี่ของเกษตรกร เพื่อปรับกระบวนการ
                                                     ่
ส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ให้มีประสิทธิภาพดียงขึ้น
                                             ิ่

ความสาคัญของการวิจัยและพัฒนาไหมอีรี่
          จากข้อมูลเรื่องไหมอีรี่และแนวทางพัฒนาการใช้ประโยชน์ ทาให้เห็นได้ว่ากิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไหมชนิดนี้
สามารถพัฒนาเป็นอาชีพทางเลือกใหม่ที่ทารายได้ให้กับเกษตรกร และให้ผู้ประกอบการทั้งสิ้น การวิจัยและพัฒนาไหมอีรี่จึงมี
ความสาคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยอาจกล่าวสรุปได้ดังนี้ :
          1. ข้อดีของไหมอีรี่ คือ หนอนไหมกินใบมันสาปะหลังและใบละหุ่งเป็นอาหาร ทาให้สามารถส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูก
ละหุ่งและมันสาปะหลังเป็นอาชีพหลัก เลีu3618 .งไหมอีรี่เป็นอาชีพเสริมได้ โดยไม่ต้องลงทุนปลูกพืชอาหารอื่น เกษตรกรได้
                                       ้
ประโยชน์ทั้งจากเมล็ดละหุ่ง หัวมันสาปะหลัง และรังไหมรวมทั้งดักแด้ไหม ทาให้มีรายได้พิเศษเพิ่มขึ้น มีงานทาในท้องถิ่น ไม่ละ
ทิ้งบ้าน ครอบครัวและชุมชนไปหางานทาที่อื่นในช่วงนอกฤดูเพาะปลูก
          2. ประเทศไทยส่งออกสินค้าสิ่งทอมากที่สุดประเทศหนึ่ง โดยพึ่งวัตถุดิบจากเส้นใยฝ้ายเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันการปลูก
ฝ้ายประสบกับปัญหาเรื่องโรคและแมลงศัตรู ทาให้ไม่สามารถผลิตเส้นใยได้เพียงพอกับความต้องการ เส้นใยไหมอีรี่เป็นไหมปั่น
(spun silk) เช่นเดียวกับฝ้าย จึงอาจใช้ทดแทนฝ้ายได้ การพัฒนาและส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ในประเทศไทย จะทาให้เกิด
อุตสาหกรรมไหมปั่นเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ต้องใช้เศษเหลือจากรังไหมหม่อนที่มีปริมาณจากัด ซึ่งอาจทาให้ไทยเป็นประเทศ
ผูกขาดส่งไหมปั่นเป็นสินค้าออกไปยังตลาดนานาชาติได้ในอนาคต
          3. การส่งเสริมการเลี้ยงและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมอีรี่ในท้องที่จะช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น
ช่วยสร้างงานในชนบท สร้างอาชีพที่อาจขยายผลเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ผลิตสินค้าส่งออกนารายได้และชื่อเสียงมาสู่ประเทศ



เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
ได้ นอกจากนั้นการเลี้ยงไหมยังเป็นการส่งเสริมกิจกรรมร่วมกันและสร้างความสามัคคีในครัวเรือนและในชุมชน ไหมอีรี่เลี้ยงได้ง่าย
มีความแข็งแรงและทนต่อโรคได้ดีกว่าไหมหม่อน (Attathom, 1987) การเลี้ยงไหมทาให้ทั้งเด็กและผู้สูงวัยได้ทางานร่วมกัน เป็น
การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัว
          4. สามารถนาไหมอีรี่มาใช้ประโยชน์เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ เช่น ใช้ในการ
ทดลองวิจัยที่ต้องการแมลงเป็นสัตว์ทดลอง เพราะไหมอีรี่เลี้ยงง่ายและมีค่าใช้จ่ายต่า นอกจากนั้นยังเป็นประโยชน์กับงานวิจัยที่
เกี่ยวกับการควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยชีววิธี(Biological control) เพราะสามารถใช้ตัวหนอนไหมเลี้ยงแมลงตัวห้าและตัวเบียนได้

ปัญหา การแก้ปัญหาและอนาคตของไหมอีรี่
           อาจกล่าวได้ว่าการเลี้ยงไหมอีรี่ยังเป็นของใหม่ในประเทศไทย และยังมีปัญหาที่ต้องการการเอาใจใส่และแก้ไข การเลี้ยง
ไหมชนิดนี้ยังมีอยู่ในวงจากัด โดยจะเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และ/หรืออยู่ในความดูแลของหน่วยงาน
ภาครัฐ การส่งเสริมยังไม่เป็นที่แพร่หลายกว้างขวางมากนัก เกษตรกรยังไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย จึงมีความลังเลที่จะเริ่มอาชีพนี้
นอกจากนั้นยังขาดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการปั่นเส้นใย การถักทอ การสร้างผลิตภัณฑ์จากเส้นใยตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เพื่อ เพิ่มมูลค่า ซึ่งจะช่วยให้เ กษตรกรเกิดความสนใจในการทาเป็นอาชีพทางเลื อ กได้หน่ว ยงานเอกชนยังลังเลที่จะเข้ามารับ
เทคโนโลยีด้านนี้ เนื่องจากยังต้องการเห็นความแน่นอนในปริมาณการผลิต ต้องการคุณภาพรังและเส้นใยที่ได้มาตรฐาน เพื่อการ
ดาเนินงานในเชิงพาณิชย์ ที่ต้องมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนที่ชัดเจน ที่สาคัญในปัจจุบันยังไม่มีตลาดแน่นอนที่จะรองรับ รังไหม เส้น
ใยไหมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไหมอีรี
           การแก้ปัญหาระยะแรกคงจะต้องเป็นการหาแนวทางที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากไหมอีรี่ได้อย่างหลากหลาย เพื่อเป็น
การสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรก่อน ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้ทาตามได้และนาไปสู่ความเชื่อมั่นในการเลือกเป็นอาชีพ
การเลี้ยงไหมอีรี่คงไม่ใช่เลี้ยงเพื่อเอาเส้นใยมาทาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเท่านั้น แต่คงจะต้องคิดถึงการใช้ประโยชน์ทางด้านอื่น เช่น ใช้
ทาผลิตภัณฑ์home textile แบบอื่นๆ เช่น ผ้าปูโต๊ะ ผ้านวม ผ้าม่าน เป็นต้น ซึ่งต้องมีการพัฒนาและออกแบบให้มีความเป็ น
เอกลักษณ์เฉพาะอย่าง แตกต่างไปจากเส้นใยแบบอื่นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ สกัดสารที่มีมูลค่าสูงจากดักแด้และรังไหม
เพื่อใช้ประโยชน์ด้านเครื่องสาอาง สารเสริมสุขภาพและใช้ทางการแพทย์ นอกจากนั้นอาจเป็นอาหารของคน เป็นอาหารหลักหรือ
อาหารเสริมในอาหารสัตว์เนื่องจากทั้งหนอนไหม และดักแด้ไหมมีโปรตีนและไขมันที่ดีในปริมาณสูง หากสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ให้
เกิดขึ้นได้ การเลี้ยงไหมอีรี่ก็มีอนาคตที่สดใส และจะสามารถพัฒนาไปสู่ระดับอุตสาหกรรมได้
           สิ่งที่จาเป็นสาหรับ การส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ คือ ควรส่งเสริ มให้เป็นอาชีพเสริมหรื ออาชีพทางเลือกเฉพาะสาหรับ
เกษตรกรที่มีอาชีพปลูกมันสาปะหลังหรือละหุ่ง เนื่องจากเกษตรกรปลูกพืชเหล่านี้อยู่แล้ว จึงสามารถนาใบมาเลี้ยงไหมอีรี่ได้ ทาให้
เกษตรกรมีรายได้ทั้งผลิตผลจากพืชและผลิตผลจากไหมอีรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกที่การตลาดของไหมอีรี่ยังมีปัญหาและมี
ข้อจากัด
           ไหมอีรี่นั้นมีศักยภาพสูงที่จะเป็นแมลงที่สาคัญทางเศรษฐกิจ แต่อนาคตของไหมอีรี่ในประเทศไทยคงขึ้นอยู่กับความ
ต่อ เนื่องในการพัฒ นาจากสถานการณ์ปัจจุบันไปจนเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กในครั ว เรือ น ชุมชน หรื อ อุต สาหกรรมใหญ่
ระดับประเทศ ซึ่งต้องมีการดาเนินการอย่ างจริงจังต้องสนับสนุนการศึกษาหาองค์ความรู้ ซึ่งยังขาดอยู่อีกมาก ต้องส่งเสริมการ
พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อยอดผลิตภัณฑ์และการออกแบบที่เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้
การดาเนินงานที่เกี่ย วกับไหมอีรี่เป็นไปอย่างมีป ระสิทธิภาพคุ้มทุน ทั้งภาครั ฐและเอกชนต้องร่ว มมือกันในการวิจัยและพัฒนา
รวมทั้งการวิเคราะห์ความต้องการของตลาดและการจัดหาตลาด การเลี้ยงไหมอีรี่จึงยังมีโอกาสที่จะเป็นอาชีพทางเลือกที่ดีของ
เกษตรกรและเอกชนที่สนใจ อนาคตของไหมอีรี่จะสดใสถ้าภาครัฐ เอกชนและเกษตรกรให้ความสาคัญและร่วมมือกัน พัฒนาอย่าง
จริงจัง



เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
เอกสารอ้างอิง

ทิพย์วดี อรรถธรรม วาสนา กันหะสุต และสุธรรม อารีกุล 2535 การเลี้ยงไหมป่าอีรี่ด้วยพืชอาหารชนิดต่างๆ รายงานการประชุม
          ทางวิชาการครั้งที่ 30 สาขาพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2535 หน้า291-300
พิสิษฐ์ เสพสวัสดิ์ และ เตือนจิตต์ สัตยาวิรุทธ์ 2520 ข้อมูลบางประการของไหมป่า กสิกร 50(3):148-157
สุธรรม อารีกุล 2534 การเลี้ยงไหมป่าอีรี่เพื่อการพัฒนาอีสาน ข่าวงานวิจัยและเทคโนโลยี 10 (11):1-3
Attathom,T. 1987. Potential hazards of microbial insecticides to the eri silkworm Philosamiaricini . Sericologia. 27(3):
        481-458.
Jintasataporn, O., Tabthipwon, P., and Ohshima, T. 2001. Chemical composition, lipid classand fatty acid composition of
         eri silkworm (Philosamia ricini). Proceedings of the JSPS70th International Commemorative Symposium.
         October 2001. Yokahoma, Japan p.1-2.
Joshi, K. L. and Misra, S. D. 1982. Silk percentage and effective rate of     rearing of erisilkmoth, Philosamia ricini
         reared on two host plants and their combinations. Entomol.7(1): 107- 110.
Sarkar, D. C. 1988. Eri culture in India. Central Silk Board, Ministry of Textiles, Governmentof India. Grafo Printers,
         Bangalore, India.
Sengupta, K. 1987. Current status of non-mulberry sericulture and its future development.Proceedings of the XV
       International Sericultural Congress, Section 5: Non- mulberry silk. 2-6 March, 1987. Pattaya, Thailand. p 131-
       138.
Sengupta, K. and Singh, K. 1974. An evaluation of the efficiency of different food plants and their combinations for the
       rearing of eri silkworm, Philosamia ricini. Proceedings of the First International Seminar on Non-mulberry Silks.
       Ranchi, India. p. 189.
Thangavelu, K. and Phuko, J. C. D. 1983. Food preference of eri silkworm (Philosamia ricini) (Saturniidae: Lepidoptera).
       Entomol. 8(4): 311-315.
Wongtong, S., Areekul, P., Onlamoon, A. and Tragoolgarn, S. 1980. Research on wildsilkworm cultivation in the
       highland of northern Thailand. Final report. Highland Agriculture Project. 1976-1980. Kasetsart University,
       Bangkok, Thailand. 199 p.




เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ

Contenu connexe

Tendances

2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)Apirak Potpipit
 
สัดส่วน
สัดส่วนสัดส่วน
สัดส่วนkroojaja
 
เรื่องผ้าไหมมัดหมี่(IS2)
เรื่องผ้าไหมมัดหมี่(IS2)เรื่องผ้าไหมมัดหมี่(IS2)
เรื่องผ้าไหมมัดหมี่(IS2)Nicha Nichakorn
 
คู่มือฝึกระเบียบแถว
คู่มือฝึกระเบียบแถวคู่มือฝึกระเบียบแถว
คู่มือฝึกระเบียบแถวTeacher Sophonnawit
 
ตัวอย่างโจทย์พื้นที่ผิวปริซึม
ตัวอย่างโจทย์พื้นที่ผิวปริซึมตัวอย่างโจทย์พื้นที่ผิวปริซึม
ตัวอย่างโจทย์พื้นที่ผิวปริซึมทับทิม เจริญตา
 
การคูณและหารจำนวนเต็ม
การคูณและหารจำนวนเต็มการคูณและหารจำนวนเต็ม
การคูณและหารจำนวนเต็มJiraprapa Suwannajak
 
ครูเงาะ1ๅ การสอนรำวงมาตรฐานระดับ ประถมศึกษา
ครูเงาะ1ๅ การสอนรำวงมาตรฐานระดับ ประถมศึกษาครูเงาะ1ๅ การสอนรำวงมาตรฐานระดับ ประถมศึกษา
ครูเงาะ1ๅ การสอนรำวงมาตรฐานระดับ ประถมศึกษาKrungao1
 
โครงงานคณิตศาสตร์
โครงงานคณิตศาสตร์โครงงานคณิตศาสตร์
โครงงานคณิตศาสตร์Nomjeab Nook
 
โครงงานคณิตศาสตร์ (1)
โครงงานคณิตศาสตร์ (1)โครงงานคณิตศาสตร์ (1)
โครงงานคณิตศาสตร์ (1)Nomjeab Nook
 
Sheet series
Sheet  seriesSheet  series
Sheet seriesseelopa
 
แบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง อาเซียน
แบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง  อาเซียนแบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง  อาเซียน
แบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง อาเซียนKhanatsanan Jitnum
 
โครงงาน อ้อยกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน บ้านหินกอง
โครงงาน อ้อยกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน บ้านหินกองโครงงาน อ้อยกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน บ้านหินกอง
โครงงาน อ้อยกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน บ้านหินกองlovehonggi
 

Tendances (20)

2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
2. โจทย์ปัญหาการคูณและการหาร (บัญญัติไตรยางศ์)
 
1principletest
1principletest1principletest
1principletest
 
สัดส่วน
สัดส่วนสัดส่วน
สัดส่วน
 
17 จำนวนจริง ตอนที่4_สมการพหุนาม
17 จำนวนจริง ตอนที่4_สมการพหุนาม17 จำนวนจริง ตอนที่4_สมการพหุนาม
17 จำนวนจริง ตอนที่4_สมการพหุนาม
 
เงื่อน
เงื่อนเงื่อน
เงื่อน
 
เรื่องผ้าไหมมัดหมี่(IS2)
เรื่องผ้าไหมมัดหมี่(IS2)เรื่องผ้าไหมมัดหมี่(IS2)
เรื่องผ้าไหมมัดหมี่(IS2)
 
พลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ
พลังงานสะสมในตัวเก็บประจุพลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ
พลังงานสะสมในตัวเก็บประจุ
 
คู่มือฝึกระเบียบแถว
คู่มือฝึกระเบียบแถวคู่มือฝึกระเบียบแถว
คู่มือฝึกระเบียบแถว
 
Ex2
Ex2Ex2
Ex2
 
ตัวอย่างโจทย์พื้นที่ผิวปริซึม
ตัวอย่างโจทย์พื้นที่ผิวปริซึมตัวอย่างโจทย์พื้นที่ผิวปริซึม
ตัวอย่างโจทย์พื้นที่ผิวปริซึม
 
การคูณและหารจำนวนเต็ม
การคูณและหารจำนวนเต็มการคูณและหารจำนวนเต็ม
การคูณและหารจำนวนเต็ม
 
ครูเงาะ1ๅ การสอนรำวงมาตรฐานระดับ ประถมศึกษา
ครูเงาะ1ๅ การสอนรำวงมาตรฐานระดับ ประถมศึกษาครูเงาะ1ๅ การสอนรำวงมาตรฐานระดับ ประถมศึกษา
ครูเงาะ1ๅ การสอนรำวงมาตรฐานระดับ ประถมศึกษา
 
โครงงานคณิตศาสตร์
โครงงานคณิตศาสตร์โครงงานคณิตศาสตร์
โครงงานคณิตศาสตร์
 
การแก้อสมการเชิงเส้น3
การแก้อสมการเชิงเส้น3การแก้อสมการเชิงเส้น3
การแก้อสมการเชิงเส้น3
 
โครงงานคณิตศาสตร์ (1)
โครงงานคณิตศาสตร์ (1)โครงงานคณิตศาสตร์ (1)
โครงงานคณิตศาสตร์ (1)
 
Sheet series
Sheet  seriesSheet  series
Sheet series
 
เพลงคณิตศาสตร์
เพลงคณิตศาสตร์เพลงคณิตศาสตร์
เพลงคณิตศาสตร์
 
แบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง อาเซียน
แบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง  อาเซียนแบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง  อาเซียน
แบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง อาเซียน
 
Game base Learning
Game base LearningGame base Learning
Game base Learning
 
โครงงาน อ้อยกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน บ้านหินกอง
โครงงาน อ้อยกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน บ้านหินกองโครงงาน อ้อยกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน บ้านหินกอง
โครงงาน อ้อยกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน บ้านหินกอง
 

Similaire à คู่มือการเลี้ยงไหมอีรี่

หลักการและวิธีการใช้สะเดา ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช
หลักการและวิธีการใช้สะเดา ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชหลักการและวิธีการใช้สะเดา ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช
หลักการและวิธีการใช้สะเดา ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชsornblog2u
 
เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒
เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒
เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒cherdpr1
 
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3kkrunuch
 
20080801 Carena Pmd
20080801 Carena Pmd20080801 Carena Pmd
20080801 Carena PmdAkradech M.
 
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashionโครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashionjarunee4
 
ต้นไม้กระดาษ
ต้นไม้กระดาษต้นไม้กระดาษ
ต้นไม้กระดาษtheesraponno
 
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตรหน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตรvarut
 
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ploymhud
 

Similaire à คู่มือการเลี้ยงไหมอีรี่ (11)

หลักการและวิธีการใช้สะเดา ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช
หลักการและวิธีการใช้สะเดา ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชหลักการและวิธีการใช้สะเดา ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช
หลักการและวิธีการใช้สะเดา ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช
 
เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒
เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒
เรื่องราวของแมลงวันบ้าน ฯลฯ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๒
 
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
ความหมายของระบบนิเวศ (Ecosystem) m3
 
20080801 Carena Pmd
20080801 Carena Pmd20080801 Carena Pmd
20080801 Carena Pmd
 
34355599
3435559934355599
34355599
 
กระดาษกล้วย
กระดาษกล้วยกระดาษกล้วย
กระดาษกล้วย
 
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashionโครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
โครงงานทดลอง สีย้อมผ้าจากธรรมชาติ Tropical Eco Fashion
 
ต้นไม้กระดาษ
ต้นไม้กระดาษต้นไม้กระดาษ
ต้นไม้กระดาษ
 
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตรหน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
หน่วยที่1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเกษตร
 
Manybio
ManybioManybio
Manybio
 
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่
โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่
 

Plus de pyopyo

ประกาศสอบราคาอาหารกลางวัน อบต.แม่สัน
ประกาศสอบราคาอาหารกลางวัน อบต.แม่สันประกาศสอบราคาอาหารกลางวัน อบต.แม่สัน
ประกาศสอบราคาอาหารกลางวัน อบต.แม่สันpyopyo
 
ข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดี (Good practices)
ข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดี (Good practices)ข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดี (Good practices)
ข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดี (Good practices)pyopyo
 
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสอน และสอบสัมภาษณ์
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสอน และสอบสัมภาษณ์ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสอน และสอบสัมภาษณ์
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสอน และสอบสัมภาษณ์pyopyo
 
ตาราง Office hour 57
ตาราง Office hour 57ตาราง Office hour 57
ตาราง Office hour 57pyopyo
 
ประกาศผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นพนักงาน
ประกาศผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นพนักงานประกาศผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นพนักงาน
ประกาศผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นพนักงานpyopyo
 
แผนธุรกิจ
แผนธุรกิจแผนธุรกิจ
แผนธุรกิจpyopyo
 
ตารางบรรยายวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยสหวิทยาการ
ตารางบรรยายวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยสหวิทยาการ ตารางบรรยายวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยสหวิทยาการ
ตารางบรรยายวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยสหวิทยาการ pyopyo
 
กำหนดการ งานพระราชทานปริญญาบัตร
กำหนดการ งานพระราชทานปริญญาบัตรกำหนดการ งานพระราชทานปริญญาบัตร
กำหนดการ งานพระราชทานปริญญาบัตรpyopyo
 
ขายทอดตลาดพัสดุชำรุด
ขายทอดตลาดพัสดุชำรุด ขายทอดตลาดพัสดุชำรุด
ขายทอดตลาดพัสดุชำรุด pyopyo
 
จัดกลุ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ PPE 2557
จัดกลุ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ PPE 2557จัดกลุ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ PPE 2557
จัดกลุ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ PPE 2557pyopyo
 
กฎหมายแรงงานน่ารู้
กฎหมายแรงงานน่ารู้กฎหมายแรงงานน่ารู้
กฎหมายแรงงานน่ารู้pyopyo
 
รายชื่อผู้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ PPE
รายชื่อผู้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ PPEรายชื่อผู้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ PPE
รายชื่อผู้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ PPEpyopyo
 
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบจิตวิทยา สหวิยาการ
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบจิตวิทยา สหวิยาการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบจิตวิทยา สหวิยาการ
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบจิตวิทยา สหวิยาการpyopyo
 
รายวิชาที่เปิดสอนปีการศึกษา 2557
รายวิชาที่เปิดสอนปีการศึกษา 2557 รายวิชาที่เปิดสอนปีการศึกษา 2557
รายวิชาที่เปิดสอนปีการศึกษา 2557 pyopyo
 
ตารางสอน ภาค1
ตารางสอน ภาค1ตารางสอน ภาค1
ตารางสอน ภาค1pyopyo
 
แบบฟอร์มหนังสือยืนยันสิทธิ สหวิทย์ ลำปาง
แบบฟอร์มหนังสือยืนยันสิทธิ สหวิทย์ ลำปางแบบฟอร์มหนังสือยืนยันสิทธิ สหวิทย์ ลำปาง
แบบฟอร์มหนังสือยืนยันสิทธิ สหวิทย์ ลำปางpyopyo
 
ประกาศผ่านการคัดเลือก สหวิทลำปาง
ประกาศผ่านการคัดเลือก สหวิทลำปางประกาศผ่านการคัดเลือก สหวิทลำปาง
ประกาศผ่านการคัดเลือก สหวิทลำปางpyopyo
 
ประกาศสัมภาษณ์ สหวิทยาการ ลำปาง
ประกาศสัมภาษณ์ สหวิทยาการ ลำปาง ประกาศสัมภาษณ์ สหวิทยาการ ลำปาง
ประกาศสัมภาษณ์ สหวิทยาการ ลำปาง pyopyo
 
ประกาศรับตรงโครงการ Ppe 57 ลำปาง (ขยายเวลารับสมัคร)
ประกาศรับตรงโครงการ Ppe 57  ลำปาง (ขยายเวลารับสมัคร)ประกาศรับตรงโครงการ Ppe 57  ลำปาง (ขยายเวลารับสมัคร)
ประกาศรับตรงโครงการ Ppe 57 ลำปาง (ขยายเวลารับสมัคร)pyopyo
 
จดทะเบียนรายวิชาภาคเรียนที่ 1 / 2557
จดทะเบียนรายวิชาภาคเรียนที่ 1 / 2557จดทะเบียนรายวิชาภาคเรียนที่ 1 / 2557
จดทะเบียนรายวิชาภาคเรียนที่ 1 / 2557pyopyo
 

Plus de pyopyo (20)

ประกาศสอบราคาอาหารกลางวัน อบต.แม่สัน
ประกาศสอบราคาอาหารกลางวัน อบต.แม่สันประกาศสอบราคาอาหารกลางวัน อบต.แม่สัน
ประกาศสอบราคาอาหารกลางวัน อบต.แม่สัน
 
ข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดี (Good practices)
ข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดี (Good practices)ข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดี (Good practices)
ข้อมูลแนวปฏิบัติที่ดี (Good practices)
 
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสอน และสอบสัมภาษณ์
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสอน และสอบสัมภาษณ์ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสอน และสอบสัมภาษณ์
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบสอน และสอบสัมภาษณ์
 
ตาราง Office hour 57
ตาราง Office hour 57ตาราง Office hour 57
ตาราง Office hour 57
 
ประกาศผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นพนักงาน
ประกาศผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นพนักงานประกาศผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นพนักงาน
ประกาศผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกเป็นพนักงาน
 
แผนธุรกิจ
แผนธุรกิจแผนธุรกิจ
แผนธุรกิจ
 
ตารางบรรยายวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยสหวิทยาการ
ตารางบรรยายวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยสหวิทยาการ ตารางบรรยายวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยสหวิทยาการ
ตารางบรรยายวิชาภาษาอังกฤษ วิทยาลัยสหวิทยาการ
 
กำหนดการ งานพระราชทานปริญญาบัตร
กำหนดการ งานพระราชทานปริญญาบัตรกำหนดการ งานพระราชทานปริญญาบัตร
กำหนดการ งานพระราชทานปริญญาบัตร
 
ขายทอดตลาดพัสดุชำรุด
ขายทอดตลาดพัสดุชำรุด ขายทอดตลาดพัสดุชำรุด
ขายทอดตลาดพัสดุชำรุด
 
จัดกลุ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ PPE 2557
จัดกลุ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ PPE 2557จัดกลุ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ PPE 2557
จัดกลุ่มเรียนวิชาภาษาอังกฤษ PPE 2557
 
กฎหมายแรงงานน่ารู้
กฎหมายแรงงานน่ารู้กฎหมายแรงงานน่ารู้
กฎหมายแรงงานน่ารู้
 
รายชื่อผู้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ PPE
รายชื่อผู้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ PPEรายชื่อผู้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ PPE
รายชื่อผู้ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ PPE
 
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบจิตวิทยา สหวิยาการ
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบจิตวิทยา สหวิยาการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบจิตวิทยา สหวิยาการ
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธ์สอบจิตวิทยา สหวิยาการ
 
รายวิชาที่เปิดสอนปีการศึกษา 2557
รายวิชาที่เปิดสอนปีการศึกษา 2557 รายวิชาที่เปิดสอนปีการศึกษา 2557
รายวิชาที่เปิดสอนปีการศึกษา 2557
 
ตารางสอน ภาค1
ตารางสอน ภาค1ตารางสอน ภาค1
ตารางสอน ภาค1
 
แบบฟอร์มหนังสือยืนยันสิทธิ สหวิทย์ ลำปาง
แบบฟอร์มหนังสือยืนยันสิทธิ สหวิทย์ ลำปางแบบฟอร์มหนังสือยืนยันสิทธิ สหวิทย์ ลำปาง
แบบฟอร์มหนังสือยืนยันสิทธิ สหวิทย์ ลำปาง
 
ประกาศผ่านการคัดเลือก สหวิทลำปาง
ประกาศผ่านการคัดเลือก สหวิทลำปางประกาศผ่านการคัดเลือก สหวิทลำปาง
ประกาศผ่านการคัดเลือก สหวิทลำปาง
 
ประกาศสัมภาษณ์ สหวิทยาการ ลำปาง
ประกาศสัมภาษณ์ สหวิทยาการ ลำปาง ประกาศสัมภาษณ์ สหวิทยาการ ลำปาง
ประกาศสัมภาษณ์ สหวิทยาการ ลำปาง
 
ประกาศรับตรงโครงการ Ppe 57 ลำปาง (ขยายเวลารับสมัคร)
ประกาศรับตรงโครงการ Ppe 57  ลำปาง (ขยายเวลารับสมัคร)ประกาศรับตรงโครงการ Ppe 57  ลำปาง (ขยายเวลารับสมัคร)
ประกาศรับตรงโครงการ Ppe 57 ลำปาง (ขยายเวลารับสมัคร)
 
จดทะเบียนรายวิชาภาคเรียนที่ 1 / 2557
จดทะเบียนรายวิชาภาคเรียนที่ 1 / 2557จดทะเบียนรายวิชาภาคเรียนที่ 1 / 2557
จดทะเบียนรายวิชาภาคเรียนที่ 1 / 2557
 

คู่มือการเลี้ยงไหมอีรี่

  • 1. “ไหมอีร” ี่ โดย ศ.ดร.ทิพย์วดี อรรถธรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์* ไหมอีรี่ : ไหมพันธุ์ใหม่กินใบมันสาปะหลัง ศักยภาพการพัฒนาสู่อุตสาหกรรม ไหมเป็นเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากรังที่ห่อหุ้มดักแด้ไหม เส้นใยไหมมีความมันแวววาวโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือน เส้นใยธรรมชาติชนิดอื่น ชาวจีนรู้จักเลี้ยงไหมเพื่อเอาเส้นใยทาเครื่องนุ่งห่มนานกว่า 4000 ปีมาแล้ว และถือเป็นทรัพยากรที่มีค่า ของแผ่นดิน ชาวยุโรปก็รู้จักเลี้ยงไหมมานานแล้ว โดยถือว่าไหมเป็นผ้าพิเศษใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์ พระราชินีและขุนนางชั้นสูง เท่านั้น ผ้าไหมเป็นสิ่งที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมประจาชาติ ที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษถึงลูกหลานที่แต่ละชาติมีความภาคภูมิใจ เช่น ผ้าไหมไทย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรป จะมีความแตกต่างกันทั้งเนื้อผ้าลวดลายปักบนผ้าและศิลปะการถักทอ ซึ่งทาให้ได้ผ้าที่มีลักษณะต่างๆ กันเป็นเอกลักษณ์ประจาชาติผ้าไหมที่สวยงาม มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูงและเป็นที่รู้จักกันดีนั้น คือ ไหมหม่อน (mulberry silk,Bombyx mori) ซึ่งกินใบหม่อนเพียงชนิดเดียวเป็นอาหาร และได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตามยังมีไหมป่าที่ให้เส้นใยมาใช้ประโยชน์ทาเครื่องนุ่งห่ม และไม่ใช้ใบหม่อนเป็นอาหาร (wild silkworm หรือ non- mulberry silk) อีก 8 ชนิด ได้แก่ Antheraea pernyi, A. yamamai, A. proylei,A. assamensis, A. mylitta, A. paphia, Philosamia ricini และ P. cynthia แต่มีเพียง 3 ชนิดคือ ไหมทาซาร์ (tasar silk, A. mylitta และ A. proylei) ไหมมูก้า (muga silk, A. assamensis) และไหมอีรี่ (eri silk, Philosamia ricini) ที่มีการเลี้ยงเป็นอาชีพในประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และ เกาหลี (Sengupta, 1987) ไหมอีรี่เป็นไหมป่าเพียงชนิดเดียวที่มนุษย์สามารถเลี้ยงได้ครบวงจรชีวิตอย่างสมบูรณ์ ส่วนไหมมูก้า และไหมทาซาร์นั้นในบางช่วงของวงจรชีวิตต้องปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติเช่น ในช่วงผสมพันธุ์ต้องเอามาปล่อยไว้บนต้นพืชอาหาร มิฉะนั้นผีเสื้อจะไม่ยอมผสมพันธุ์ รูปร่างลักษณะและวงจรชีวิต ไหมอีรี่ eri silk, Philosamia ricini เป็นผีเสื้อกลางคืนในอันดับ Lepidoptera วงศ์Saturniidae เป็นไหมชนิดฟักตลอดปี (polyvoltine) มีวงจรชีวิต 45-60 วัน ประกอบด้วยระยะไข่ ตัวหนอน ดักแด้ และผีเสื้อ แม่ผีเสื้อวางไข่สีขาวเป็นกลุ่ม แม่ผีเสื้อที่ แข็งแรงสมบูรณ์จะวางไข่เฉลี่ยประมาณ 300 ฟอง ในฤดูร้อนไข่จะฟักภายใน 7 วัน แต่ถ้าอากาศเย็นไข่จะอยู่ต่อไปได้นานถึง 24 วันหลังจากฟักออกจากไข่ หนอนไหมอีรี่จะเริ่มกินพืชอาหารทันทีและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะลอกคราบ 4 ครั้งก่อนเข้า ดักแด้ ส่วนหัวของไหมวัยหนึ่งและสองจะเป็นสีดา ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองโดยมีบริเวณสีดาที่แก้มเมื่อถึงวัยสี่และห้า ตัวหนอนมีสี ขาว ที่ปล้องอกและท้องแต่ละปล้องมีหนาม 4-6 อันเรียงเป็นแถว ในวัยที่ห้าหนอนไหมจะกินอาหารมากและตัวโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวหนอนโตเต็มที่จะมีขนาดยาว 90-100 มิลลิเมตร ลาตัวจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองเมื่อพร้อมจะเข้าดักแด้ ก่อนจะเข้าดักแด้หนอนไหมจะหยุดกินอาหาร และถ่ายของเสียออกจนหมดกระเพาะ แล้วตัวหนอนจะเริ่มเดินไปมาเพื่อหา ที่เหมาะสมต่อการทารังเข้าดักแด้ ซึ่งมักเป็นตามซอกมุมที่หลบซ่อนได้จากนั้นจะเริ่มทารังหุ้มตัวเอง ด้วยการคายสารออกมาจาก ต่อมสร้างเส้นใย (silk gland) สารนี้เมื่อถูกอากาศจะแข็งตัวเป็นเส้นใย หนอนไหมจะใช้เวลาทารังเสร็จภายใน 3 วัน ตัวหนอนจะพัก อยู่ภายในรังและเริ่มเข้าดักแด้ ประมาณ10-14 วันต่อมาผีเสื้อจะออกจากดักแด้ ผีเสื้อไหมอีรี่มีขนาดใหญ่ เมื่อกางปีกเต็มที่จะยาว ถึง 4-5 นิ้ว ปีกมีสีน้าตาลดาและมีเส้นขวางกลางปีกสีขาว ตรงกลางของแต่ละปีกจะมีรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีเหลืองขาวตัดขอบ *ศ.ดร.ทิพย์วดี อรรถธรรม ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จังหวัดนครปฐม 73140 เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 2. ด้วยสีดาสวยงามมาก ส่วนท้องของตัวผู้จะเล็กกว่าตัวเมียการผสมพันธุ์จะเริ่มขึ้นหลังจากผีเสื้อออกจากดักแด้ไม่นาน ตัวเมียจะ วางไข่ตอนกลางคืน และอาจวางไข่ได้ 2-3 คืน ผีเสื้อไม่บินและไม่กินอาหาร ไหมอีรี่สามารถเลี้ยงได้ตลอดปีประมาณ 4-5 รุ่นต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่ เลี้ยงได้ทั้งในที่สูงและ ที่ราบ และที่อุณหภูมิตั้งแต่ 25 ถึง 45o C (Sarkar, 1988) มีการทดลองเลี้ยงหนอนไหมอีรี่ด้วยใบพืชชนิดต่างๆ เช่น ละหุ่ง มัน สาปะหลัง มะละกอ อ้อยช้าง สบู่ดา มะยมป่าและสันปลาช่อน พบว่าใช้ใบละหุ่ง (castor plant) เลี้ยงไหมอีรี่ได้ดีที่สุด เพราะหนอน ไหมให้รังที่มีขนาดใหญ่และปริมาณเส้นไหมมากที่สุด รองลงมาคือใบมันสาปะหลัง (cassava plant) ส่วนพืชชนิดอื่นอาจใช้เป็นพืช อาหารทดแทนได้ในช่วงที่ใบละหุ่งหรือใบมันสาปะหลังขาดแคลน แต่ไม่สามารถใช้เลี้ยงจนครบวงจรชีวิต ได้ (Sengupta and Singh, 1974; Thangavelu and Phuko,1983) ดังนั้นพืชอาหารหลักของหนอนไหมอีรี่ คือ ใบละหุ่งและใบมันสาปะหลัง โดย สามารถใช้เลี้ยงสลับกันได้ (Joshi andMisra,1982) ใบของต้นมันลาย มันต้นและใบลั่นทมก็สามารถนามาใช้เลี้ยงไหมอีรี่ได้ เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 3. ใบละหุ่ง ใบมันสาปะหลัง ลักษณะของรังและเส้นใยไหมอีรี่ รังไหมอีรี่มีองค์ประกอบเช่นเดียวกับรังไหมหม่อน คือเป็นเส้นใยที่ประกอบด้วยสาร fibroinล้อมรอบด้วยสาร sericin ซึ่ง เป็นสารเหนียวใช้ยึดเส้นใยให้สานกันเป็นรั งหุ้มดักแด้ไว้ภายใน รังไหมอีรี่มีลักษณะยาวเรียวสีขาว เส้นใยจะสานกันหลวมกว่ารัง ไหมหม่อน ปลายข้างหนึ่งค่อนข้างแหลม ปลายอีกข้างหนึ่งมีรูเปิดเล็กๆ เพื่อให้ผีเสื้อออกจากรัง ต่างจากรังไหมหม่อนซึ่งปิดหมด ทุกด้าน เส้นไยไหมอีรี่จึงมิได้เป็นเส้นยาวเหมือนไหมหม่อนแต่จะเป็นเส้นสั้นๆ ต้องดึงเส้นใยจากรังด้วยวิธีปั่น (spun) แบเดียวกับ การปั่นฝ้าย ไม่ได้ใช้วิธีสาว (reel) แบบไหมหม่อน ดังนั้นจึงไม่ต้องต้มรังตอนที่ยังมีดักแด้ไหมอยู่ในรัง สามารถตัดเปลือกรัง หรือรอ ให้ผีเสื้อออกมาก่อนจึงนารังไปต้ม เพื่อละลายสารเหนียวที่เคลือบเส้นไหมออกก่อนที่จะนาไปปั่น คุณสมบัตินี้เป็นข้อดีของไหมอีรี่ คือ ทาให้ไม่ขัดต่อความรู้สึกของผู้ใช้ที่ไม่ต้องการฆ่าตัวไหม การใช้วิธีสาวโดยใช้เครื่องสาวพื้นบ้านแบบไหมหม่อนก็อาจทาได้แต่ ต้องใช้ความชานาญเป็นพิเศษ เส้นใยไหมอีรี่จึงจัดเป็นไหมปั่น (spun silk) ซึ่งเส้นไหมปั่นนั้นเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมด้าย ปั่นมาก เพราะเส้นไหมมีความเหนียว ยาว แวววาว สวยงามและราคาดีกว่าเส้นใยฝ้าย ในปัจจุบันอุตสาหกรรมไหมปั่นต้องอาศัย วัตถุดิบจากเศษรังไหมหม่อนที่เสียและสาวไม่ได้ ซึ่งมีไม่เพียงพอจะป้อนโรงงานไหมปั่น (สุธรรม 2534) เส้นใยไหมอีรี่จึงอาจ ทดแทนความต้องการตรงนี้ได้ เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 4. เส้นไหมอีรี่สามารถติดสีได้ดีทั้งสีสังเคราะห์และสีธรรมชาติ ปัจจุบันมีผู้ให้ความสาคัญกับผ้าพื้นเมืองที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติ มาก เพราะให้โทนสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ฉูดฉาด ดูสบายตา และไม่เบื่อง่าย ที่สาคัญคือมีจุลินทรี ย์ย่อยสลายสีได้ ทาให้ไม่ ตกค้างเป็นมลพิษ จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้และสภาพแวดล้อม วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น เช่น พืชชนิดต่างๆ ให้สีต่างกัน ทาให้เกิดความ หลากหลายของสีย้อมที่สวยงามต่างกัน เส้นใยไหมอีรี่ที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติจากใยมะพร้าว เปลือกประดู่ มะเกลือดิบ ใบขี้เหล็ก ขมิ้น ใบหูกวาง ใบสบู่เลือด เปลือกต้นมะม่วงหิมพานต์ เปลือกต้นมะม่วงป่า เปลือกเมล็ดฝางแดง มะเกลือ ใบสมอและครั่ง จะติดสี ได้ดีและสวยงามแปลกตา อุตสาหกรรมการเลี้ยงไหมอีรี่ เส้นใยไหมอีรี่มีคุณสมบัติเฉพาะ คือ มีความหนานุ่มคล้ายผ้าขนสัตว์แต่ก็ดูดซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดี ทาให้ใส่แล้ว รู้สึกอบอุ่นในฤดูหนาว และเย็นสบายในฤดูร้อน ไม่สากระคายมือ มีคุณภาพทนทานดีกว่าไหมหม่อน ซักได้ด้วยวิธีธรรมดา ไม่ต้อง ซักแห้ง เส้นไหมที่ผลิตได้จะมีลักษณะเป็นปุ่มปม มีความเงามันเล็กน้อยซึ่งสวยงามแปลกตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประเทศ อินเดียและจีนส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่กันมาก แต่ไม่สามารถเลี้ยงได้ตลอดปี เพราะสภาพดินฟ้าอากาศไม่อานวย ไม่มีแหล่งพืช อาหารที่เหมาะสมและอุดมสมบูรณ์ ในประเทศไทยเริ่มเลี้ยงไหมอีรี่ในปี พ.ศ. 2517 โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ซึ่งได้ศึกษาวิจัยและรักษาพันธุ์ไว้ที่สถานีวิจัยพริ้ว จังหวัดจันทบุรี (พิสิษฐ์ และเตือนจิตต์ 2520) ต่อมาโครงการวิจัยเกษตร ที่สูงเพื่อหาอาชีพเสริมให้ชาวเขาทดแทนการปลูกฝิ่น ได้นาไหมอีรี่ขึ้นไปเลี้ยงบนดอยอ่างขางและดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่ง สามารถเลี้ยงได้ดี แต่ก็เลี้ยงไม่ได้ตลอดปี เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นจัด (Wongtong et. al.,1980) ในปี พ.ศ.2533 โดยการ สนับสนุนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร. สุธรรม อารีกุล ส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ให้กับเกษตรกรในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งปลูกมันสาปะหลังเป็นจานวนมาก เกษตรกรสามารถนาใบมาเลี้ ยงไหมแทนการทิ้งไปเฉยๆ การเด็ดใบมาเลี้ยงไหมไม่เกิน 50% ของใบที่มีทั้งหมด จะไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตหัวมันสาปะหลัง และถ้าเด็ดใบไป 30% กลับทา ให้ผลผลิตหัวมันสูงขึ้น (ทิพย์วดี และคณะ 2535) เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 5. ในปัจจุบันมีเ กษตรกรชาวไร่มันสาปะหลังจานวนมาก สนใจเลือกการเลี้ยงไหมอีรี่เ ป็นอาชีพ เสริ มเพื่อสร้ างรายได้ให้ ครอบครัว มีการรวมกลุ่มของเกษตรกรเข้ารับการฝึกอบรมการเลี้ยงไหมอีรี่ การต้มลอกกาว การย้อมสีและการปั่นเส้นใย และได้ใช้ ประสบการณ์และภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่นปรับปรุงวิธีการเลี้ยงเพื่อให้ได้ผลผลิ ตที่ดีขึ้น มีการถักทอเป็นผืนผ้าที่มี ลวดลายเป็น เอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นและสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากไหมอีรี่ตามภูมิความรู้ของแต่ละคน ตัวอย่างของกลุ่มเกษตรกรที่สนใจ เข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับไหมอีรี่ ได้แก่เกษตรกรหลายครัวเรือนในจังหวัดเชียงใหม่ ลาพูน พะเยา ลาปาง ตาก แพร่ อุตรดิตถ์ กาแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชลบุรีนครราชสีมา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด อานาจเจริญ ชัยภูมิ เป็นต้น เกษตรกรส่วน ใหญ่สามารถเลี้ยงไหมอีรี่เองได้เป็นอย่างดี บางครัวเรือนสามารถปั่นเส้นใยและทอเป็นผืนผ้านาออกจาหน่ายได้ การใช้ประโยชน์จากไหมอีรี่ ในประเทศไทยมีงานวิจัยและส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่มีการทาในเชิงพาณิชย์เป็นอุตสาหกรรม แนวทางการใช้ประโยชน์จากไหมอีรี่มีมากมาย เช่น : 1. เส้นใยไหมใช้ทอเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่มีความสวยงามแตกต่างจากผ้าทอจากเส้นใยชนิดอื่น นอกจากนั้นยังเหมาะ ทาเป็นผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ผ้าปูโต๊ะและทอเป็นพรม รวมทั้งสามารถปั่นเส้นใยด้วยเครื่องจักรในโรงงานผสมกับเส้นใยฝ้ายได้ ทา ดอกไม้ประดิษฐ์ และวัสดุสวยงามอื่นๆ 2. ตัวหนอนไหมและดักแด้เป็นอาหารของคนได้ มีปริมาณไซยาไนด์ตกค้างในระดับที่ปลอดภัยต่อการบริโภค มีคุณค่า ทางโภชนะสูง โดยพบว่าดักแด้มีโปรตีนสูงถึง 54% มีไขมัน (fattyacid) 26% และเป็นไขมันที่ดี (Jintasataporn et.al., 2001) นอกจากนั้นยังพบว่ามีความมันและมีรสชาติอร่อยถูกปากเกษตรกรและผู้คนทั่วไป 3. เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนะสูง ตัวหนอนไหมและดักแด้สามารถพัฒนาเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ได้เป็นอย่ างดี เช่น เป็ด ไก่ หมูและปลา โดยเฉพาะหนอนไหมวัย 3 และ 4 ที่ถูกคัดทิ้ง ไหมอีรี่ยังสามารถพัฒนาเป็นอาหารสาหรับปลาเพื่อวัตถุประสงค์ อื่นๆ เช่น เร่งสีในปลาประเภทปลาสวยงาม 4. สามารถสกัดจากดักแด้และผีเสื้ อไหม ได้เลซิตินกึ่งบริสุ ทธิ์ที่มีคุณ สมบัติต่อ ต้านอนุมูลอิส ระได้สู งมาก และเป็น emulsifier ที่ดี คือ มีความคงตัวของ emulsion สูง รวมทั้งสามารถสกัดโปรตีนไฮโดรไลเสท ที่เป็นวัตถุดิบในการทาเครื่องสาอาง จากรังไหมและดักแด้ไหม นอกจากนั้นรังไหมยังนามาบดเป็นผงแป้งละเอียดที่มีความแวววาว ใช้เคลือบวัสดุต่างๆ ทาให้เกิด สิ่งประดิษฐ์ และงานฝีมือที่สวยงามหลากหลายด้วยภูมิปัญญาของผู้ประดิษฐ์ เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 6. การรวมกลุ่มของเกษตรกรทากิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับไหมอีรี่ 5. ไข่และตัวหนอนไหมใช้เป็นอาหารเลี้ยงแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ใช้ไข่ไหมอีรี่เลี้ยงแตนเบียนไข่ในสกุล Anastatus และ Ooencyrtus ที่ใช้ในการกาจัดมวนลาไยและมวนลิ้นจี่ ศัตรูสาคัญของไม้ผล ใช้ตัวหนอนเลี้ยงมวนพิฆาต Ecocanthecona furcellata ซึ่งเป็นมวนตัวห้าใช้กาจัดหนอนคืบละหุ่ง หนอนกระทู้ หนอนแก้วส้ม หนอนร่าน หนอนบุ้ง ในสวนส้ม มะนาว มะม่วง และส้มโอ มีหลายหน่วยงานที่เพาะเลี้ยงแมลงตัวห้าและตัวเบียนเหล่านี้ในห้องปฏิบัติการ การใช้หนอนไหมอีรี่เป็นอาหารจะช่วยลด ความยุ่งยากในการเลี้ยงหรือออกจับแมลงศัตรูพืชมาเป็นอาหาร เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 7. 6. เส้นใยไหมอีรี่มีความคงทนสูง สานกันได้ละเอียด มีความเหนียว ไม่เปียกน้าง่าย มีลักษณะเป็นรูเล็กๆ (porous) สามารถพัฒนาเป็นกระดาษกรองที่มีคุณภาพ เหมาะสาหรับใช้ในงานวิจัยและทดลองทางวิทยาศาสตร์ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากไหมอีรี่ การพัฒนาไหมอีรี่สู่อุตสาหกรรม สานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้เล็งเห็นว่าไหมอีรี่เป็นแมลงที่มีประโยชน์ และมีศักยภาพที่จะพัฒนาสู่ อุตสาหกรรมได้ ซึ่งอาจเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กในครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมขนาดกลางในชุมชน เพื่อเป็นอาชีพทางเลือก ให้กับเกษตรกร รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรบางครอบครัว จึงได้ให้การสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเพื่อ ผลักดันไหมอีรี่สู่อุตสาหกรรม ซึ่งจาเป็นต้องดาเนินงานไปพร้อมๆ กันในหลายด้าน เพื่อให้เป็นไปอย่างครบวงจร และบังเกิด ผลสัมฤทธิ์ งานวิจัยที่ดาเนินการในปัจจุบัน ได้แก่ : เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 8. 1. งานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้พื้นฐาน ความรู้พื้นฐานจะช่วยให้รู้จักไหมอีรี่ได้ดีขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์จากแมลง ชนิดนี้ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง เช่น การศึกษาองค์ประกอบของหนอน ดักแด้และรังไหม การศึกษาคุณค่าทางโภชนะของไหม การผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสทจากไหมเพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ การศึกษาปริมาณไซยาไนด์ตกค้างในหนอนและดักแด้ ไหมอีรี่ การสกัดเลซิตินจากไหมป่าอีรี่ เพื่อใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ การศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพของเส้นใยการศึกษาสมบัติ ต่อกระบวนการเคมีสิ่งทอของผลิตภัณฑ์จากเส้นไหมอีรี่ เช่นการลอกกาว การลงแป้งการดูดซึมสีย้อม เพื่อการควบคุมและปรับปรุง คุณภาพของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น 2. การพัฒนาเทคโนโลยี เทคโนโลยีต่างๆ ทีเกี่ยวกับไหมอีรี่หากมีการพัฒนาให้เหมาะสมจะสามารถเลี้ยงไหมอีรี่และ นามาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เทคโนโลยีการเลี้ยง การสร้างเครื่องจักรเพื่อการปั่นเส้นใยในระดับครัวเรือนและ ระดับอุตสาหกรรม กรรมวิธีการปั่นและถักทอเส้นใยด้วยเครื่องจักรอุตสาหกรรม และการผลิตเส้นด้ายและผ้าจากไหมอีรี่ผสมกับ เส้นใยอื่นๆ ในระดับหัตถอุตสาหกรรม รวมทั้งเทคโนโลยีการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมอีรี่ การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3. การใช้ประโยชน์ไหมอีรแบบครบวงจร จากที่ทราบว่าทั้งไข่ ตัวหนอน ดักแด้และรังไหม รวมทั้งของเหลือทิ้งจากการ ี่ เลี้ยงไหม สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ งานวิจัยเพื่อพัฒนานาสิ่งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มมูลค่าของ ไหมอีรี่ และเพิ่มความหลากหลายของอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกร เป็นการดึงดูดความสนใจของเกษตรกรและหน่วยงานเอกชน ให้หันมาประกอบกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับไหมอีรี่ 4. ประเมินผลกระทบที่เกิดจากการพัฒนาไหมอีรสู่อุตสาหกรรม การประเมินผลกระทบจากการเลี้ยงไหมอีรี่ทั้งด้าน ี่ เศรษฐกิจและสังคม ที่มีต่อครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ เช่นการสร้างงานและเพิ่มอาชีพทางเลือกที่ทารายได้ให้กับชุมชน การ สร้างความมั่นคงด้านอาหารและชีวิตที่ดีขึ้น การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัว สร้างความสุขและความสามัคคี ให้กับชุมชนและสังคมชนบท รวมทั้งศึกษาถึงปัจจัยทีมีผลต่อการยอมรับการเลี้ยงไหมอีรี่ของเกษตรกร เพื่อปรับกระบวนการ ่ ส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ให้มีประสิทธิภาพดียงขึ้น ิ่ ความสาคัญของการวิจัยและพัฒนาไหมอีรี่ จากข้อมูลเรื่องไหมอีรี่และแนวทางพัฒนาการใช้ประโยชน์ ทาให้เห็นได้ว่ากิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไหมชนิดนี้ สามารถพัฒนาเป็นอาชีพทางเลือกใหม่ที่ทารายได้ให้กับเกษตรกร และให้ผู้ประกอบการทั้งสิ้น การวิจัยและพัฒนาไหมอีรี่จึงมี ความสาคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยอาจกล่าวสรุปได้ดังนี้ : 1. ข้อดีของไหมอีรี่ คือ หนอนไหมกินใบมันสาปะหลังและใบละหุ่งเป็นอาหาร ทาให้สามารถส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูก ละหุ่งและมันสาปะหลังเป็นอาชีพหลัก เลีu3618 .งไหมอีรี่เป็นอาชีพเสริมได้ โดยไม่ต้องลงทุนปลูกพืชอาหารอื่น เกษตรกรได้ ้ ประโยชน์ทั้งจากเมล็ดละหุ่ง หัวมันสาปะหลัง และรังไหมรวมทั้งดักแด้ไหม ทาให้มีรายได้พิเศษเพิ่มขึ้น มีงานทาในท้องถิ่น ไม่ละ ทิ้งบ้าน ครอบครัวและชุมชนไปหางานทาที่อื่นในช่วงนอกฤดูเพาะปลูก 2. ประเทศไทยส่งออกสินค้าสิ่งทอมากที่สุดประเทศหนึ่ง โดยพึ่งวัตถุดิบจากเส้นใยฝ้ายเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันการปลูก ฝ้ายประสบกับปัญหาเรื่องโรคและแมลงศัตรู ทาให้ไม่สามารถผลิตเส้นใยได้เพียงพอกับความต้องการ เส้นใยไหมอีรี่เป็นไหมปั่น (spun silk) เช่นเดียวกับฝ้าย จึงอาจใช้ทดแทนฝ้ายได้ การพัฒนาและส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ในประเทศไทย จะทาให้เกิด อุตสาหกรรมไหมปั่นเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ต้องใช้เศษเหลือจากรังไหมหม่อนที่มีปริมาณจากัด ซึ่งอาจทาให้ไทยเป็นประเทศ ผูกขาดส่งไหมปั่นเป็นสินค้าออกไปยังตลาดนานาชาติได้ในอนาคต 3. การส่งเสริมการเลี้ยงและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมอีรี่ในท้องที่จะช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น ช่วยสร้างงานในชนบท สร้างอาชีพที่อาจขยายผลเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ผลิตสินค้าส่งออกนารายได้และชื่อเสียงมาสู่ประเทศ เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 9. ได้ นอกจากนั้นการเลี้ยงไหมยังเป็นการส่งเสริมกิจกรรมร่วมกันและสร้างความสามัคคีในครัวเรือนและในชุมชน ไหมอีรี่เลี้ยงได้ง่าย มีความแข็งแรงและทนต่อโรคได้ดีกว่าไหมหม่อน (Attathom, 1987) การเลี้ยงไหมทาให้ทั้งเด็กและผู้สูงวัยได้ทางานร่วมกัน เป็น การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัว 4. สามารถนาไหมอีรี่มาใช้ประโยชน์เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ เช่น ใช้ในการ ทดลองวิจัยที่ต้องการแมลงเป็นสัตว์ทดลอง เพราะไหมอีรี่เลี้ยงง่ายและมีค่าใช้จ่ายต่า นอกจากนั้นยังเป็นประโยชน์กับงานวิจัยที่ เกี่ยวกับการควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยชีววิธี(Biological control) เพราะสามารถใช้ตัวหนอนไหมเลี้ยงแมลงตัวห้าและตัวเบียนได้ ปัญหา การแก้ปัญหาและอนาคตของไหมอีรี่ อาจกล่าวได้ว่าการเลี้ยงไหมอีรี่ยังเป็นของใหม่ในประเทศไทย และยังมีปัญหาที่ต้องการการเอาใจใส่และแก้ไข การเลี้ยง ไหมชนิดนี้ยังมีอยู่ในวงจากัด โดยจะเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และ/หรืออยู่ในความดูแลของหน่วยงาน ภาครัฐ การส่งเสริมยังไม่เป็นที่แพร่หลายกว้างขวางมากนัก เกษตรกรยังไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย จึงมีความลังเลที่จะเริ่มอาชีพนี้ นอกจากนั้นยังขาดเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการปั่นเส้นใย การถักทอ การสร้างผลิตภัณฑ์จากเส้นใยตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อ เพิ่มมูลค่า ซึ่งจะช่วยให้เ กษตรกรเกิดความสนใจในการทาเป็นอาชีพทางเลื อ กได้หน่ว ยงานเอกชนยังลังเลที่จะเข้ามารับ เทคโนโลยีด้านนี้ เนื่องจากยังต้องการเห็นความแน่นอนในปริมาณการผลิต ต้องการคุณภาพรังและเส้นใยที่ได้มาตรฐาน เพื่อการ ดาเนินงานในเชิงพาณิชย์ ที่ต้องมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนที่ชัดเจน ที่สาคัญในปัจจุบันยังไม่มีตลาดแน่นอนที่จะรองรับ รังไหม เส้น ใยไหมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไหมอีรี การแก้ปัญหาระยะแรกคงจะต้องเป็นการหาแนวทางที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากไหมอีรี่ได้อย่างหลากหลาย เพื่อเป็น การสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรก่อน ซึ่งจะเป็นตัวอย่างให้ทาตามได้และนาไปสู่ความเชื่อมั่นในการเลือกเป็นอาชีพ การเลี้ยงไหมอีรี่คงไม่ใช่เลี้ยงเพื่อเอาเส้นใยมาทาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเท่านั้น แต่คงจะต้องคิดถึงการใช้ประโยชน์ทางด้านอื่น เช่น ใช้ ทาผลิตภัณฑ์home textile แบบอื่นๆ เช่น ผ้าปูโต๊ะ ผ้านวม ผ้าม่าน เป็นต้น ซึ่งต้องมีการพัฒนาและออกแบบให้มีความเป็ น เอกลักษณ์เฉพาะอย่าง แตกต่างไปจากเส้นใยแบบอื่นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ สกัดสารที่มีมูลค่าสูงจากดักแด้และรังไหม เพื่อใช้ประโยชน์ด้านเครื่องสาอาง สารเสริมสุขภาพและใช้ทางการแพทย์ นอกจากนั้นอาจเป็นอาหารของคน เป็นอาหารหลักหรือ อาหารเสริมในอาหารสัตว์เนื่องจากทั้งหนอนไหม และดักแด้ไหมมีโปรตีนและไขมันที่ดีในปริมาณสูง หากสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ให้ เกิดขึ้นได้ การเลี้ยงไหมอีรี่ก็มีอนาคตที่สดใส และจะสามารถพัฒนาไปสู่ระดับอุตสาหกรรมได้ สิ่งที่จาเป็นสาหรับ การส่งเสริมการเลี้ยงไหมอีรี่ คือ ควรส่งเสริ มให้เป็นอาชีพเสริมหรื ออาชีพทางเลือกเฉพาะสาหรับ เกษตรกรที่มีอาชีพปลูกมันสาปะหลังหรือละหุ่ง เนื่องจากเกษตรกรปลูกพืชเหล่านี้อยู่แล้ว จึงสามารถนาใบมาเลี้ยงไหมอีรี่ได้ ทาให้ เกษตรกรมีรายได้ทั้งผลิตผลจากพืชและผลิตผลจากไหมอีรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกที่การตลาดของไหมอีรี่ยังมีปัญหาและมี ข้อจากัด ไหมอีรี่นั้นมีศักยภาพสูงที่จะเป็นแมลงที่สาคัญทางเศรษฐกิจ แต่อนาคตของไหมอีรี่ในประเทศไทยคงขึ้นอยู่กับความ ต่อ เนื่องในการพัฒ นาจากสถานการณ์ปัจจุบันไปจนเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กในครั ว เรือ น ชุมชน หรื อ อุต สาหกรรมใหญ่ ระดับประเทศ ซึ่งต้องมีการดาเนินการอย่ างจริงจังต้องสนับสนุนการศึกษาหาองค์ความรู้ ซึ่งยังขาดอยู่อีกมาก ต้องส่งเสริมการ พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อยอดผลิตภัณฑ์และการออกแบบที่เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้ การดาเนินงานที่เกี่ย วกับไหมอีรี่เป็นไปอย่างมีป ระสิทธิภาพคุ้มทุน ทั้งภาครั ฐและเอกชนต้องร่ว มมือกันในการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการวิเคราะห์ความต้องการของตลาดและการจัดหาตลาด การเลี้ยงไหมอีรี่จึงยังมีโอกาสที่จะเป็นอาชีพทางเลือกที่ดีของ เกษตรกรและเอกชนที่สนใจ อนาคตของไหมอีรี่จะสดใสถ้าภาครัฐ เอกชนและเกษตรกรให้ความสาคัญและร่วมมือกัน พัฒนาอย่าง จริงจัง เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
  • 10. เอกสารอ้างอิง ทิพย์วดี อรรถธรรม วาสนา กันหะสุต และสุธรรม อารีกุล 2535 การเลี้ยงไหมป่าอีรี่ด้วยพืชอาหารชนิดต่างๆ รายงานการประชุม ทางวิชาการครั้งที่ 30 สาขาพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2535 หน้า291-300 พิสิษฐ์ เสพสวัสดิ์ และ เตือนจิตต์ สัตยาวิรุทธ์ 2520 ข้อมูลบางประการของไหมป่า กสิกร 50(3):148-157 สุธรรม อารีกุล 2534 การเลี้ยงไหมป่าอีรี่เพื่อการพัฒนาอีสาน ข่าวงานวิจัยและเทคโนโลยี 10 (11):1-3 Attathom,T. 1987. Potential hazards of microbial insecticides to the eri silkworm Philosamiaricini . Sericologia. 27(3): 481-458. Jintasataporn, O., Tabthipwon, P., and Ohshima, T. 2001. Chemical composition, lipid classand fatty acid composition of eri silkworm (Philosamia ricini). Proceedings of the JSPS70th International Commemorative Symposium. October 2001. Yokahoma, Japan p.1-2. Joshi, K. L. and Misra, S. D. 1982. Silk percentage and effective rate of rearing of erisilkmoth, Philosamia ricini reared on two host plants and their combinations. Entomol.7(1): 107- 110. Sarkar, D. C. 1988. Eri culture in India. Central Silk Board, Ministry of Textiles, Governmentof India. Grafo Printers, Bangalore, India. Sengupta, K. 1987. Current status of non-mulberry sericulture and its future development.Proceedings of the XV International Sericultural Congress, Section 5: Non- mulberry silk. 2-6 March, 1987. Pattaya, Thailand. p 131- 138. Sengupta, K. and Singh, K. 1974. An evaluation of the efficiency of different food plants and their combinations for the rearing of eri silkworm, Philosamia ricini. Proceedings of the First International Seminar on Non-mulberry Silks. Ranchi, India. p. 189. Thangavelu, K. and Phuko, J. C. D. 1983. Food preference of eri silkworm (Philosamia ricini) (Saturniidae: Lepidoptera). Entomol. 8(4): 311-315. Wongtong, S., Areekul, P., Onlamoon, A. and Tragoolgarn, S. 1980. Research on wildsilkworm cultivation in the highland of northern Thailand. Final report. Highland Agriculture Project. 1976-1980. Kasetsart University, Bangkok, Thailand. 199 p. เอกสารประกอบการประชุมวิชาการ “การพัฒนาจังหวัดชัยภูมิบนฐานความรู้” วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2551 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ