Publicité

ชีวจริยศาสตร์เบื้องต้น

President at The Philosophy and Religion Society of Thailand à The Philosophy and Religion Society of Thailand
6 Nov 2018
Publicité

Contenu connexe

Présentations pour vous(20)

Similaire à ชีวจริยศาสตร์เบื้องต้น(19)

Publicité

Plus de Soraj Hongladarom(20)

Dernier(20)

Publicité

ชีวจริยศาสตร์เบื้องต้น

  1. ทฤษฎีชีวจริยศาสตร์ โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การบรรยายในการอบรมวิชาการ "ชีวจริยศาสตร์เบื้องต้น: ทางเลือกของสังคมไทย" ห้อง ๑๐๕ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒๙ พฤศจิกายน ถึง ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
  2. โครงร่างการบรรยาย วิชาชีวจริยศาสตร์คืออะไร? เหตุใดจึงต้องมีวิชานี้? หลักการพื้นฐานของปรัชญาและจริยศาสตร์ ทฤษฎีต่างๆของชีวจริยศาสตร์
  3. ชีวจริยศาสตร์คืออะไร? รากศัพท์ - ชีว + จริย + ศาสตร์ ตรงกับภาษา อังกฤษว่า bioethics ในภาษาอังกฤษคำๆนี้มี ความหมายตามตัวอักษรว่า "จริยะเกี่ยวกับชีวิต" ชีวจริยศาสตร์เป็นการคิดค้นเกี่ยวกับปัญหาเชิง ปทัสฐาน (ควรหรือไม่ควร) ที่เกี่ยวกับชีวิต โดย มากมักจะหมายถึงชีวิตในบริบทของการให้บริการ ทางสุขภาพ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนี้เสมอไป
  4. ชีวจริยศาสตร์คืออะไร? แม้ว่าคำว่า "ชีวจริยศาสตร์" จะเป็นคำใหม่ในภาษา ไทย แต่การคิดค้นเกี่ยวกับปัญหาความควรไม่ควร ที่เกี่ยวขัองกับชีวิต ก็มีมานานพร้อมๆกับที่มนุษย์ รู้จักคิดเกี่ยวกับตนเอง ตัวอย่างของปัญหา: เราควรปฏิบัติต่อคนตาย อย่างไร? ถ้าต้องเลือกระหว่างแม่กับลูก ควรเลือก ใครก่อน? เราควรปฏิบัติต่อคนแก่และคนเจ็บ อย่างไร? ฯลฯ
  5. ชีวจริยศาสตร์กับ จริยศาสตร์ประยุกต์ ชีวจริยศาสตร์เป็นจริยศาสตร์ประยุกต์แขนงหนึ่ง "จริยศาสตร์ประยุกต์" ได้แก่การนำเอาทฤษฎีหรือ หลักการของจริยศาสตร์ในปรัชญามาใช้กับปัญหา ในชีวิตประจำวัน จริยศาสตร์การแพทย์ (medical ethics) - ประยุกต์หลักการจริยศาสตร์ในการแพทย์ จริยศาสตร์คอมพิวเตอร์ จริยศาสตร์นาโน จริยศาสตร์สื่อมวลชน ฯลฯ
  6. ความเป็นสหสาขาวิชา ชีวจริยศาสตร์มีลักษณะเป็นศาสตร์สหสาขามาตั้ง แต่ต้น เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องโดยธรรมชาติกับ วิชาการหลากหลาย ทั้งปรัชญา การแพทย์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ และ อื่นๆ ผู้ที่เชี่ยวชาญชีวจริยศาสตร์ จริงๆแล้วจำเป็นต้อง เชี่ยวชาญในศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งอยู่ก่อน แล้วจึง ใช้มุมมองของศาสตร์นั้นมาแก้ปัญหาในชีว จริยศาสตร์
  7. ความซับซ้อนของปัญหา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัญหาเกี่ยวกับชีวิตจะมีมา นาน แต่ก็เพิ่งมาในระยะหลังนี้เอง ที่ปัญหานี้มี ความซับซ้อนขึ้นอย่างมากมาย เนื่องจากความ ก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับ ชีวิต ทั้งชีวิตมนุษย์ สัตว์และพืช ความก้าวหน้าดังกล่าวทำให้ปัญหาเรื่องความควร ไม่ควรเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เนื่องจากจิตสำนึกทาง จริยะของเราไม่ได้เตรียมตัวเราสามารถมองเห็น ทางออกได้ทันทีเหมือนในยุคโบราณ
  8. ตัวอย่างของปัญหา ตัวอย่างที่ชัดเจนประการหนึ่งก็คือ ปัจจุบัน เทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่สามารถทำให้คนไข้ ที่สูญเสียจิตสำนึกไป สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อย่างไม่จำกัด ปัญหาก็คือว่า การรักษาชีวิตไว้เช่นนี้สูญเสีย ทรัพยากรเป็นอันมาก ซึ่งทรัพยากรดังกล่าวอาจ นำไปช่วยชีวิตคนไข้รายอื่นๆได้อีกมาก และคนไข้ เหล่านั้นก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าคนไข้ที่เสีย จิตสำนึกรายนี้
  9. ตัวอย่างของปัญหา ปัญหาก็คือว่า เราควรเลือกสถานการณ์แบบใด ระหว่างการรักษาชีวิตคนไข้ที่ไร้จิตสำนึกรายนี้ หรือเลือกนำเอาทรัพยากรที่จะต้องสูญเสียไป มา ใช้ช่วยชีวิตคนไข้รายอื่นๆที่สามารถรักษาให้ หายขาดได้ ไม่ว่าเลือกทางใดก็เป็นปัญหาทั้งสิ้น
  10. ทางออก ทางออกทางหนึ่งก็คือว่า ไม่คิดเกี่ยวกับปัญหาเชิง ปทัสฐาน แต่ใช้กำลัง กล่าวคือฝ่ายใดมีกำลังมาก กว่าก็ใช้แนวคิดของฝ่ายนั้นเป็นหลัก ตามหลักการนี้ ถ้าหากว่าฝ่ายเจ้าของคนไข้ผักมี อำนาจมากกว่า (เศรษฐกิจ, อาวุธ ฯลฯ) การตัดสิน ก็เป็นไปตามนั้น แต่เราเชื่อว่าแนวทางการตัดสินปัญหาด้วยกำลัง หรืออำนาจไม่ถูกต้อง
  11. แนวทางของชีวจริยศาสตร์ แนวทางของชีวจริยศาสตร์คือ การใช้เหตุผลเพื่อ แก้ปัญหาความควรไม่ควร ความเชื่อพื้นฐานได้แก่ การใช้เหตุผลดีกว่าการใช้ กำลัง ความเชื่อพื้นฐานของจริยศาสตร์: การคิดค้นตาม หลักการของเหตุผลสามารถนำพาเราเข้าไปถึง ความจริงเชิงปทัสฐาน (ความจริงที่ว่าอะไรควร หรือไม่ควร) ได้ และจริยศาสตร์ไม่ใช่การปะทะ คารมเพื่อเอาชนะกันอย่างเดียว
  12. เหตุใดจึงต้องมีวิชานี้? ถ้าไม่มี การตัดสินปัญหาควรไม่ควรก็จะใช้เหตุผล ไม่ได้ (เนื่องจากชีวจริยศาสตร์ได้แก่การทำเช่นนี้) ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงการใช้กำลังไปไม่พ้น ในเมื่อการศึกษาเป็นการฝึกฝนผู้คนให้รู้จักใช้ ปัญญา การศึกษาชีวจริยศาสตร์จึงจำเป็นมาก นอกจากนี้ในสังคมประชาธิปไตยที่การตัดสินใจ เป็นเรื่องของประชาชน ประชาชนจำเป็นต้องรู้จัก การแก้ปัญหาควรไม่ควรด้วยเหตุผล
  13. ชีวจริยศาสตร์สองแบบ ในโลกตะวันตก การอภิปรายทางชีวจริยศาสตร์มัก จะอยู่ในรูปของการอภิปรายทางวิชาการสมัยใหม่ที่ ไม่อ้างอิงหลักการของศาสนาคริสต์ กล่าวคือการ แก้ปัญหาเชิงปทัสฐานไม่มีการอ้างอิงหลักการ สูงสุดของศาสนาคริสต์ (พระเจ้า) สาเหตุก็คือว่า ศาสนามีมากมายหลากหลาย และ โลกตะวันตกมีประสบการณ์อันขมขื่นกับความ แตกแยกทางความคิดและศาสนา
  14. ชีวจริยศาสตร์แบบไม่เกี่ยว กับศาสนา หลักการทางปรัชญาและจริยศาสตร์สมัยใหม่ ที่ถือ เอาเหตุผลและหลักการทางตรรกวิทยาเป็นเกณฑ์ ในการตัดสินความถูกต้องเชิงปทัสฐาน เป็นหลัก การพื้นฐานของชีวจริยศาสตร์แบบไม่เกี่ยวกับ ศาสนา (secular bioethics) ชีวจริยศาสตร์แบบนี้เป็นแบบที่ครอบงำกระแสความ คิดในประเทศต่างๆในปัจจุบัน
  15. ชีวจริยศาสตร์แบบอิง ศาสนา อย่างไรก็ตาม ชีวจริยศาสตร์แบบไม่อิงศาสนาก็ ไม่ใช่แบบเดียวที่เป็นไปได้ ในวัฒนธรรมที่ไม่ได้มีประสบการณ์การต่อสู้แบบ ในโลกตะวันตก การตัดสินปัญหาปทัสฐานมักจะ อ้างอิงคำสอนของศาสนา ดังนั้น เราจึงไม่สามารถหลีกหนีการคิดเกี่ยวกับ ประเด็นทางชีวจริยศาสตร์ที่อิงศาสนาไปได้
  16. ชีวจริยศาสตร์แบบอิง ศาสนา หลักการพื้นฐานก็คือว่า คำตอบของปัญหาปทัส ฐานทั้งหลายสามารถหาได้จากคำสอนของศาสนา ซึ่งมักอ้างอิงถึงหลักการทางอภิปรัชญา ว่่าเป็น แหล่งที่มาของความรู้ ความถูกต้องของความควร ไม่ควร ข้อได้เปรียบของชีวจริยศาสตร์แบบนี้ก็คือว่า สามารถให้หลักการที่สมาชิกของศาสนานั้นๆเชื่อ มั่นได้อย่างเต็มที่
  17. ข้อเสียเปรียบ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียเปรียบก็คือว่า ใน สถานการณ์ที่มีศาสนาหลายๆศาสนา จะทำให้เกิด การปะทะกันของคำสอน ดังนั้น ทางออกของชาวยุโรปคือหาทางที่คำตอบ สามารถเป็นที่ตกลงกันได้โดยไม่ต้องอาศัยศาสนา - ชีวจริยศาสตร์แบบ secular แต่ในกรณีของสังคมไทย ชีวจริยศาสตร์อาจจะ ต้องอิงอาศัยศาสนา และหาทางที่ทางออกระหว่าง ศาสนาเกิดขึ้นได้โดยยังอาศัยหลักของแต่ละ ศาสนาอยู่
  18. หลักการพื้นฐานของ จริยศาสตร์สมัยใหม่ คำตอบเชิงปทัสฐานสามารถเป็นที่ตกลงกันได้ และ สามารถเข้าถึงความจริงได้ หากมีการวิเคราะห์ ความหมายของถ้อยคำอย่างถูกต้อง และมีการเดิน ตามหลักตรรกวิทยา ประกอบกับมีหลักฐาน ประกอบถูกต้อง ปัญหาคือเราจะเข้าถึงความจริงดังกล่าวได้ อย่างไร?
  19. ทฤษฎีของคานท์ คานท์ (Immanuel Kant) เป็นนักปรัชญาคน สำคัญที่สุดคนหนึ่งของโลกตะวันตก แนวคิดทางจริยศาสตร์ของเขาตั้งอยู่บนหลักการ พื้นฐานว่า ทุกๆคนมีขีดความสามารถในการคิด และเข้าใจหลักการทางจริยศาสตร์เสมอเหมือนกัน อันที่จริง หลักการของคานท์ก็เป็นเพียงการ วิเคราะห์การตัดสินทางจริยะที่คนทั่วไปทำกันอยู่ ตลอด
  20. "จริยศาสตร์หน้าที่" ภาษาอังกฤษว่า deontological ethics (มาจาก ภาษากรีก deontos แปลว่า หน้าที่) "ความดีความถูกต้อง" ได้แก่การทำตามหน้าที่ เรา จะรู้ได้ว่าเรามีหน้าที่อะไรได้จากการคิดตามกฎ เกฑณ์การคิดทั่วๆไป (ตรรกวิทยา) กฎที่สำคัญมากข้อหนึ่งกล่าวว่า หากเราอยากให้ผู้ อื่นปฏิบัติต่อเราอย่างไร เราก็ต้องปฏิบัติต่อผู้อื่น อย่างนั้น (Golden Rule)
  21. วิพากษ์จริยศาสตร์หน้าที่ จริยศาสตร์แนวนี้เป็นที่ยอมรับกันโดยนักปรัชญา ส่วนมาก แต่ก็มีข้อให้วิพากษ์ได้ดังนี้ เราเชื่อมั่นในเหตุผลขนาดนี้ได้อย่างไร? หลักการพื้นฐานของแนวคิดนี้ไม่มีอะไรมากไป กว่าความเคยชินในการตัดสินปัญหาจริยะ เข้มงวดมากเกินไป เน้นกฎมากไป พูดแต่เรื่องกฎเกณฑ์ แต่ไม่มีเนื้อหา (Hegel)
  22. ประโยชน์นิยม ในจริยศาสตร์สมัยใหม่ของตะวันตก แนวคิดที่เป็น อีกทางเลือกหนึ่งได้แก่ประโยชน์นิยม หรือ utilitarianism แนวคิดหลักได้แก่หลักมหสุข - The greatest good for the greatest number (John Stuart Mill) ในขณะที่แนวคิดของคานท์เน้นเรื่องสภาวะของ การกระทำว่ามีหรือไม่คุณค่าทางจริยะ แนวคิดนี้ เน้นเรื่องผลของการกระทำ
  23. ประโยชน์นิยมสองแบบ ประโยชน์นิยมของการกระทำ - Act utilitarianism "การกระทำจะถูกต้องหรือไม่ถูก ต้องขึ้นอยู่กับว่าการกระทำนั้นก่อให้เกิดผลที่ถูก ต้อง (เช่นหลักมหสุข) หรือไม่" ประโยชน์นิยมของกฎ - Rule utilitarianism "การกระทำจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องขึ้นอยู่กับว่า กฎที่อธิบายหรือเป็นหลักการพื้นฐานของการ กระทำนั้น เป็นกฎที่ก่อให้เกิดผลที่ถูกต้องหรือไม่"
  24. วิพากษ์ประโยชน์นิยม การเน้นที่ผลของการกระทำ ทำให้เกิด สถานการณ์ว่า การกระทำเดียวกันอาจจะเป็นทั้งดี และไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าก่อให้เกิดผลดีหรือไม่ดี เน้นกฎมากไป เข้มงวดกับกฎเกฑณ์มากไป เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าอะไรเป็น "ประโยชน์" ที่ พูดถึง? การคิดเช่นนี้ทำให้ฝ่ายเสียงข้างน้อยเสียเปรียบมาก (เช่นในปัญหาการจัดสรรทรัพยากร)
  25. วิพากษ์แนวคิดทั้งสอง แนวคิดทั้งสองมีลักษณะร่วมกันคือ ต่างก็ถือว่า ปัญหาเชิงปทัสฐานสามารถแก้ได้ด้วยการอ้างอิง กฎเกณฑ์ที่เป็นสากลและตายตัว ปัญหาก็คือว่า ในหลายกรณีประเด็นที่ต้องตัดสิน ใจมีเนื้อหารายละเอียดที่ต้องเอาใจใส่ ต้อง พิจารณาเป็นกรณีๆไป ไม่สามารถใช้กฎสากลได้ ตลอดเวลา
  26. แนวคิดที่ต่อต้านกฎสากล - จริยศาสตร์คุณธรรม จริยศาสตร์คุณธรรม (virtue ethics) - เป้าหมาย ของจริยศาสตร์อยู่ที่การพัฒนา "คุณ ธรรม" (virtues) ของปัจเจกบุคคล และการตัดสิน เชิงจริยะต้องคำนึงถึงเหตุการณ์เฉพาะมากกว่าที่ การอ้างอิงกฎสากล
  27. จริยศาสตร์อาทร จริยศาสตร์อาทร (ethics of care) - การตัดสิน เชิงจริยะไม่ควรอิงกฎสากล แต่ควรพิจารณากรณี เฉพาะ เช่นการทำแท้ง ควรพิจารณาถึงสภาพของ ผู้หญิงที่ต้องตัดสินใจ ความสัมพันธ์ด้านต่างๆที่เขา มีต่อคนรอบข้าง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ฯลฯ มากกว่าที่จะอ้างอิงกฎเกณฑ์เช่นหลักการเกี่ยวกับ สิทธิของตัวอ่อนในครรภ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี การเน้นความสำคัญของอารมณ์ความรู้สึก มาก กว่าการใช้เหตุผลตามหลักการสากล
  28. จริยศาสตร์สตรีนิยม แนวคิดอีกแนวหนึ่งที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นได้แก่ จริยศาสตร์สตรีนิยม (feminist ethics) หลักการ ได้แก่การตีแผ่อคติเข้าข้างเพศชาย ที่แฝงตัวอยู่ ภายใต้การอ้างอิงถึงหลักการสากล โดยเสนอว่า หลักการดังกล่าวนั้น แท้จริงเป็นการแฝงตัวไว้ด้วย อคติที่เข้าข้างเพศชาย จริยศาสตร์สตรีนิยมเกิดขึ้น ควบคู่กับแนวคิดสตรีนิยมด้านอื่นๆ เช่นญาณวิทยา สตรีนิยม (feminist epistemology) ที่เน้นการ ตีแผ่อคติที่แฝงตัวอยู่ในการอ้างความรู้
  29. ทฤษฎีความยุติธรรม หัวข้อสำคัญอีกประการหนึ่งในทฤษฎีชีว จริยศาสตร์ อยู่ที่การอภิปรายเรื่องความยุติธรรม การถกเถียงของนักปรัชญาเรื่องนี้แบ่งได้เป็นสอง ฝ่ายใหญ่ๆ ได้แก่ฝ่ายที่เดินตามแนวคิดของ John Rawls ซึ่งเสนอว่าความยุติธรรมเกิดจากการที่ทุก ฝ่ายตัดสินใจเกี่ยวกับหลักการความยุติธรรม โดยที่ ไม่คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลที่มีอยู่จริง (veil of ignorance)
  30. ทฤษฎีความยุติธรรม แนวคิดแบบนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของปรัชญาที่เน้น หนักเรื่องสิทธิและความสามารถที่เท่าทียมกันของ มนุษย์ในการเข้าถึงความจริงเชิงปทัสฐาน โดยไม่ คำนึงถึงความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม ฯลฯ อย่างไรก็ตาม มีนักคิดอีกฝ่ายหนึ่งที่ถือว่า วัฒนธรรม ความเป็นชุมชน ประเพณีมีบทบาทที่ ไม่สามารถดึงออกได้จากการคิดเกี่ยวกับความ ยุติธรรม
  31. เสรีนิยมกับชุมชนนิยม นักคิดฝ่ายหลังนี้ได้ชื่อว่า ชุมชนนิยม (communitarianism) มีจุดร่วมกันในการวิพากษ์ แนวคิดพื้นฐานของเสรีนิยม (liberalism) ที่เชื่อ มั่นในความเป็นสากลของหลักการของความ ยุติธรรม ในสายตาของฝ่ายชุมชนนิยม การพิจารณาเกี่ยว กับความยุติธรรมเป็นเรื่องของแต่ละชุมชนหรือ วัฒนธรรมที่จะพิจารณาบนรากฐานของ ประวัติศาสตร์ของชุมชนหรือวัฒนธรรมนั้นๆ ชีวจริยศาสตร์แบบอิงศาสนาจะอยู่ฝ่ายชุมชนนิยม โดยธรรมชาติ
  32. ทฤษฎีความยุติธรรมกับชีว จริยศาสตร์ ทฤษฎีความยุติธรรมมีบทบาทมากในการพิจารณา ประเด็นทางชีวจริยศาสตร์ ตัวอย่าง: การแบ่งสรรทรัพยากรสุขภาพ การ ประกันสุขภาพ สิทธิในการเข้าถึงยา ปัญหาความ ยุติธรรมภายในรัฐชาติหรือระหว่างรัฐชาติด้วยกัน ฯลฯ
Publicité