SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  11
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2558
ชื่อโครงงาน.Effect of music.
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1.นาย ธนพล สืบตระกูล เลขที่ 10 ชั้น ม.6 ห้อง7
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1.นาย ธนพล สืบตระกูล เลขที่ 10
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
- ผลของดนตรีกับมนุษย์
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
- Effect of music.
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (EducationalMedia)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ธนพล สืบตระกูล
ชื่อที่ปรึกษา ครู เขื่อนทอง มลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม -
ระยะเวลาดาเนินงาน 2สัปดาห์
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นใครล้วนมีเพลงโปรดของตัวเอง ไม่วาจะเป็นตัวเราเอง พ่อ แม่ พี่น้อง
เพื่อนๆหรือแม้กระทั่ง ปู่ ย่า เพราะดนตรีนั้นแทรกอยู่ในทุกช่วงเวลาของชีวิตและทุกยุคทุกสมัย
ตัวผมเองก็เป็นคนคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่ามีหูฟังและเครื่องฟังเพลงเป็นอวัยวะชิ้นที่
33ของร่างกาย
และได้เกิดความสงสัยในพลังของท่วงทานองที่สามารถสร้างและเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของคนทั้งโลกไม่ว่าจะเป็นค
นชาติไหน รวมทั้งต้องการตอบคาถามที่ว่าดนตรีให้อะไรเราบ้างนอกจากความไพเราะและความบันเทิงที่เราได้รับ
ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์มาทุกยุคสมัย
ตั้งแต่ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์มนุษย์ก็ได้เริ่มสร้างเสียงดนตรีจากธรรมชาติ หรือสิ่งของรอบตัวขึ้นมา เช่น
การผิวปากหรือการปรบมือและเคาะหิน
ในสมัยต่อๆมาก็ได้เริ่มมีการสร้างเครื่องดนตรีขึ้นใช้เล่นประกอบรวมกันเป็นเสียงเพลงสืบเนื่องต่อมาถึงยุคปัจจุบัน
ดนตรีนั้นสร้างความบันเทิงให้แก่มนุษย์แน่นอน
3
แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่ามันมีอิทธิพลและผลต่อชีวิตมากกว่าเพียงแค่ความบันเทิงที่ได้รับ
ท่วงทานองและจังหวะที่แตกต่างกันมีผลต่ออารมณ์ การพัฒนาทางสมองของมนุษย์อย่างไร มีผลวิจัย
หรือทฤษฎีในเว็บไซต์ต่างๆมากมาย เช่น Music and emotion หรือ Music and movement
การศึกษาในครั้งนี้หวังอย่างยิ่งว่าจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยรู้และอยู่ใกล้ตัวเรามาก
ทั้งเรื่องราวของดนตรีและประโยชน์อื่นๆที่เราได้รับจากการฟังเพลง
และอาจจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาเช่นเดียวกัน การฟังเพลงอาจจะมีคุณค่ามากขึ้นกว่าทีเคยเป็นมาก่อนก็ได้
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาว่าจังหวะในดนตรีมีผลอย่างไรกับเราบ้าง
2.เพื่อศึกษาประโยชน์ของเสียงดนตรีให้มากขึ้น
3.เพื่อศึกษาหาธรรมชาติของเสียงดนตรีกับมนุษย์ในด้านต่างๆ
4.เพื่อให้ผู้ศึกษาเห็นคุณค่าของการฟังเพลงมากยิ่งขึ้น
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
เป็นโครงงานที่ศึกษาเรื่องของเสียงดนตรี จังหวะ หรือสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวกับทานองที่มีผลต่อมนุษย์
ทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อให้ผู้ศึกษาได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของการฟังเพลงมากขึ้น
หลักการและทฤษฎี(ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อมนุษย์
เสียง(Sound) มีอิทธิพลต่อมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ร่างกาย จิตใจ ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ สมอง
ประวัติศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรมของสังคม วิถีชีวิต จากทฤษฎีของเสียงที่พิสูจน์ได้ว่าเสียงมีอานาจ
มีอานาจอยู่ที่ไหน ก็จะมีเสียงอยู่ที่นั่น มีเสียงอยู่ที่ไหนอานาจก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ดังนั้น พิธีกรรมของมนุษย์ทุก ๆ
พิธีกรรมจึงประกอบด้วยเสียง (ดนตรี) ตั้งแต่เสียงสวดมนต์ภาวนาเสียงตีเกราะเคาะไม้ เสียงดีดสีตีเป่า
แม้แต่เสียงจุดประทัด ในเทศกาลตรุษจีน หรือจุดประทัดของชาวเรือประมง ที่จะออกทะเลเพื่อหาปลา
เสียงปืนใหญ่ยิงเพื่อยกย่องในงานศพของวีรบุรุษ เสียงกลองยาว แตรวงงานบวช
ซึ่งล้วนเป็นเสียงแสดงถึงอานาจและเป็นหุ้นส่วนของพิธีกรรมทั้งสิ้น
จากทฤษฎีของเสียงมีอานาจ
อานาจของเสียงสร้างเป็นพลังงานที่เปลี่ยนจากเสียงสร้างให้เกิดความเคลื่อนไหว
4
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นก็จะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงทาให้เกิดการพัฒนา
เมื่อมีการพัฒนามาก ๆ
ก็จะสร้างให้เกิดความเจริญ ยิ่งพัฒนามากก็ยิ่งเจริญมากขึ้นด้วยทั้งนี้ก็เพราะมนุษย์ต้องการความเจริญ
ความเจริญเป็นความหวังเป็นความปรารถนาของชีวิต และความเจริญเป็นความมีชีวิตชีวา
เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อร่างกาย เมื่อร่างกายสัมผัสต่อเสียงดนตรี
จังหวะดนตรีมีอิทธิพลทาให้ร่างกายเคลื่อนไหวขยับตามจังหวะ เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อจิตใจ
ทาให้เกิดความรู้สึกถึงความเป็นปัจจุบัน ทาให้นึกถึงอดีต และทาให้นึกถึงอนาคต
ดนตรีทาให้อารมณ์เปลี่ยนไปตามมิติของของกาล อาจจะเป็นอารมณ์ที่หวนราลึกถึงอดีต
อาจจะเป็นการสร้างอารมณ์ปัจจุบันและอาจจะสร้างให้เกิดจินตนาการได้
เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อจิตใจ “เสียงใส ใจสะอาด” เป็นอิทธิพลที่เกี่ยวกับเสียงโดยตรง
เนื่องจากเสียงออกมาจากจิตใจ เมื่อใจรู้สึกเป็นอย่างไรก็จะถ่ายทอดเป็นเสียงออกมาเป็นอย่างนั้น
ในขณะเดียวกันเสียงที่ออกมาจากจิตใจ ความสุขและความทุกข์
ได้อาศัยเสียงระบายออกมาภายนอกซึ่งทาให้จิตใจผ่อนคลายลงได้ โดยธรรมชาติ
ดนตรีจึงเป็นหุ้นส่วนของชีวิตและจิตใจ
เสียงดนตรีทาให้สมองรับรู้ เส้นประสาทสมองขยายตัวเมื่อสัมผัสกับเสียงดนตรีที่ดี
ทาให้สมองตื่นตัวกับเสียง
ที่ได้ยิน เสียงดนตรีบ่งบอกประวัติศาสตร์ บ่งบอกความเป็นมา บ่งบอกประเพณี
บ่งบอกวัฒนธรรมของสังคมและบ่งบอกวิถีชีวิตของคนในแต่ละสังคมนั้น ๆ
เสียงดนตรี(Music)
เป็นเสียงที่ไพเราะเป็นเสียงที่ละเอียดสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจด้วยการประดิษฐ์เสียงอย่างประณีตและบรรจง
มนุษย์สร้างเสียงขึ้นเพื่อให้มนุษย์ด้วยกันฟัง มนุษย์เป็นผู้สร้างมาตรฐานของความไพเราะ
โดยอาศัยความรู้สึกที่ดีเอาเสียงที่ไพเราะงดงาม
นาแต่ละเสียงมาเรียงร้อยให้ปะติดปะต่อกันจนกลายเป็นบทเพลงที่ไพเราะ ดนตรีเป็นศิลปะที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ตามความปรารถนาของมนุษย์
ซึ่งดนตรีอาจจะรับใช้ในฐานะที่เป็นส่วนประกอบของพิธีกรรม หรือดนตรีอยู่ในฐานะของความบันเทิง
เสียงหยาบ(Noise) เป็นเสียงรบกวนและเป็นเสียงที่มนุษย์ไม่ปรารถนา
การแยกแยะระหว่างเสียงที่ชอบและเสียงที่ไม่ชอบ
ขึ้นอยู่กับอานาจว่ามีสิทธิ์ที่จะชอบหรือมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบเพราะความชอบและความไม่ชอบขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตและร
5
สนิยม อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเสียงที่หยาบ (ดัง แรง กระด้าง )
แต่เสียงก็เป็นจุดศูนย์รวมของอานาจด้วยเหมือนกัน
มนุษย์จะเลือกเสียงที่อบอุ่นละมุนละไมเลือกเสียงที่กังวานเลือกเสียงที่ไพเราะ
เลือกเสียงที่ชอบมากกว่าที่จะเลือกเสียงกระด้าง ดังนั้นเสียงที่ไพเราะหรือจะเรียกว่าเสียงดนตรี
จึงมีอานาจมากกว่าเสียงรบกวน
วิธีการนาดนตรีมาใช้เพื่อสุขภาพ มีหลายรูปแบบ ซึ่งจัดเป็นกิจกรรมต่างๆ คือการฟังเพลง การร้องเพลง การเต้นรา
การเล่นดนตรี เป็นต้น
1. การฟังเพลง มีประโยชน์เพื่อผ่อนคลายความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก่อให้เกิดสมาธิ
เราจึงควรหาโอกาสฟังเพลง โดยเลือกเวลาที่ว่างหรือเวลาที่ไม่รีบเร่ง หรือไม่ต้องใช้ความคิด เช่น
เวลารับประทานอาหาร ระหว่างการเดินทาง ขณะพักผ่อน ออกกาลังกาย หรือขณะทางานบ้าน เป็นต้น
หากจะใช้ในที่ทางาน ควรเลือกเวลา สถานที่และโอกาสที่เหมาะสม เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้อื่น
และควรมีเทปเพลงที่ชื่นชอบหรือโปรดปราน ติดไว้เพื่อหยิบใช้ได้สะดวกทุกเวลาที่ต้องการ
เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า คุณควรมีวิทยุเครื่องเล็กๆ ไว้ใกล้ตัวสักเครื่อง เริ่มตั้งแต่ตอนเช้า
หยิบวิทยุเข้าไปในห้องน้าด้วย เพื่อเปิดฟังเสียงใสๆ กระชับๆ ทาให้มีชีวิตชีวา แจ่มใส กระปรี้กระเปร่า
ขณะเดินทางไปทางาน ควรฟังเพลงช้า มีเสียงร้อง เนื้อร้องที่กังวาลแจ่มใส แต่ในขณะที่ทางาน
หากต้องการฟังเพลงไปด้วย ทางานไปด้วย ควรฟังเพลงบรรเลง
จะช่วยทาให้บรรยากาศทางานสดชื่นกว่าทาเงียบๆ ยกเว้นเมื่อต้องอาศัยความเงียบในการทางาน
เมื่อขณะต้องการออกกาลังกาย ควรเลือกเพลงที่มีจังหวะเร็ว กระชับ จะช่วยทาให้อยากออกกาลัง
และออกกาลังได้นาน แต่การออกกาลังกายที่ดี ควรเริ่มต้นด้วยการวอร์มร่างกายก่อน โดยออกกาลังกายเบาๆ
โดยใช้เพลงจังหวะปานกลาง แล้วจึงค่อยเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็ว มากขึ้น และกลับมาเป็นจังหวะปานกลาง
การออกกาลังที่ได้ผล คือต้องให้อัตราชีพจรมีค่าประมาณ 70% ของอัตราชีพจรสูงสุดของคนคนนั้น
(220 ลบด้วยอายุ) จะช่วยทาให้ร่างกายแข็งแรง เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ลดไขมัน
และยังทาให้อารมณ์สดชื่นแจ่มใสได้ เหนื่อยจากร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟิน ออกมา ทาให้เกิดความสุข
ในการนี้เพลงช่วยทาให้เกิดความเพลิดเพลิน ทาให้ประสบความสาเร็จในการออกกาลังกาย เช่นเดียวกัน
หากทางานที่ไม่ต้องใช้ความคิดมาก เช่น ทางานบ้าน ควรเปิดเพลงที่สนุกสนาน ร่าเริง ไปด้วย
จะช่วยให้ทางานได้นานขึ้น และไม่เหนื่อยมาก
2. การร้องเพลง มีประโยชน์เพื่อระบายความตึงเครียดในใจ โดยผ่านการร้องออกมาเป็นทานอง และ จังหวะ
ช่วยบริหารปอด ทาให้ความจุปอดเพิ่มขึ้น ทาให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง และยังเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
ควรร้องเพลงขณะที่มีอารมณ์ ในเวลา และในสถานที่ที่เหมาะสม เช่นในห้องส่วนตัว ห้องน้า ห้องพักผ่อน
ในรถยนต์ส่วนตัว หรือตามที่ที่ได้รับเชิญ ปัจจุบันมีเครื่องเสียง คาราโอเกะ ช่วยให้ผู้ร้องเพลงไม่เป็นได้หัดร้องเพลง
6
และ เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน โดยเฉพาะเมื่อร้องเป็นกลุ่ม
ประเภทของเพลงที่ร้อง ควรเลือกเพลงที่มีระดับเสียงไม่สูงหรือต่าเกินไป
จะได้ไม่เหนื่อยและเลือกเพลงที่มีเนื้อร้องสละสลวย คล้องจองจาง่าย เพเราะ เนื้อหาฟังสบาย สร้างสรรค์ และ
ไม่เครียด
3. การเต้นรา การเคลื่อนไหวให้เข้ากับจังหวะดนตรี มีประโยชน์คือ ทาให้เกิดความเพลิดเพลิน ไม่เบื่อหน่าย
ผ่อนคลายความตึงเครียด เกิดความสมดุลของร่างกายและจิตใจ ทั้งยังทาให้ร่างกายมีความแข็งแรงทนทาน
เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น จึงควรหาโอกาสทากิจกรรมนี้เป็นประจาและสม่าเสมอ
เพราะจะช่วยทาให้สุขภาพแข็งแรง โดยเลือกวิธีที่ง่าย สะดวก และ ปลอดภัย
ตนตรีจะเป็นสื่อช่วยทาให้อยากเคลื่อนไหวร่างกาย และกระทาได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น
การออกกาลังกายทุกวันโดยมีเพลงร่วมด้วย หรือ ขณะฟังเพลงให้ขยับปลายเท้าหรือเคาะมือ
ตบมือให้เข้ากับจังหวะเสียงเพลง เป็นต้น
4. การเล่นดนตรี เป็นการแสดงอารมณ์และความรู้สึกของตนเองออกมาโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อ มีประโยชน์คือ
ทาให้เกิดสมาธิ มีความสุขเพลิดเพลินเบิกบานใจ มีความมั่นใจ และภูมิใจในตนเอง
ควรเป็นเครื่องดนตรีที่ผู้เล่นมีความชอบ มีเวลาที่จะฝึกซ้อม มีโอกาสที่จะได้แสดง ราคาไม่แพง
ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก สะดวกต่อการนาติดตัวไปได้ เช่น กีต้าร์ ไวโอลิน หีบเพลงปาก ซอ ขลุ่ย ขิม เป็นต้น
ดนตรีมีผลต่อการพัฒนาสมองหรือไม่?
ระยะหลังมานี้มีผลการวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า ดนตรีมีผลต่อสมองของคนเรา
ดนตรีสามารถช่วยพัฒนาระบบต่างๆภายในสมองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้
ดนตรียงเป็นสภาพแวดล้อมหนึ่งที่มีอิทธิพลในการช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย
อารมณ์ สังคม หรือสติปัญญา
สมองซีกขวา : มีบทบาทในการรับรู้ตอบสนอง และคิดในเรื่องลึกลับ เรื่องดนตรีและศิลปะ การสร้างสรรค์
การสร้างมโนภาพ การคิดค้นรูปแบบต่าง ๆ และยอมรับสมองซีกซ้าย
สมองซีกซ้าย :มีบทบาทในการรับรู้ตอบสนองและคิดในเชิงเหตุผล การมีลาดับขั้นตอนในการทางาน การคิด
เรื่องคณิตศาสตร์ การพูด การใช้รูปแบบ และมีอิทธิพลต่อสมองซีกขวา
เมื่อเราฟังดนตรี สมองจะทางานร่วมกันทั้งซีกขวาและซีกซ้าย นั่นหมายถึง
เมื่อเราได้ยินเสียงดนตรีและรู้ว่านี่คือเสียงดนตรี นั่นคือหน้าที่ของสมองซีกขวา
และเมื่อเราเกิดความซาบซึ้งในเสียงเพลง สมองทั้งซีกซ้ายและขวาจะทางานพร้อมกัน
เสียงดนตรีก่อให้เกิดการสร้างเส้นใยสมองเพิ่มขึ้น และพบว่าดนตรีสามารถเพิ่มความคิดอย่างมีเหตุผล
7
การคิดจินตนาการที่เป็นเหตุเป็นผล หรือที่เรียกว่า การให้เหตุผลเชิงมิติสัมพันธ์ (Spatial-reasoning)
ซึ่งการคิดแบบนี้จะนาไปสู่พื้นฐานในเรื่องของคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการคิดชั้นสูงต่อไป
บทเพลงของMozart ถูกนามาใช้ในการศึกษาวิจัยตั้งแต่ปี 1950 โดย ดร.อัลเฟร็ด โทมาทิส
ถือว่าเป็นคนแรกๆที่นาบทเพลงของMozartมาใช้ทดลอง
เขาทาการศึกษาทางด้านเกี่ยวกับเด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้
ในตอนนั้นเขาศึกษาผลของดนตรีต่อการกระตุ้นระบบการได้ยินการพูดและการสื่อสารของเด็ก
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีการนาเพลงของMozart มาใช้ศึกษาวิจัยกันอย่างแพร่หลาย
Mozart Effect คืออะไร?
หลายปีผ่านมาได้มีการทดลองซึ่งได้แสดงให้เห็นว่าการฟังดนตรีคลาสสิคจะช่วยเพิ่มพูดความทรงจา สติปัญญา
และศักยภาพสมองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีบางคนให้คานิยามของMozart Effect ว่า
เป็นพลังแห่งเสียงดนตรีที่สามารถเปลี่ยนรูปมาสู่การส่งเสริมการเรียนรู้ สุขภาพ การศึกษาและความเป็นอยู่
การใช้พลังดนตรีจึงหมายถึง
– การใช้ดนตรีเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของครอบครัวและชุมชน
– การใช้ดนตรีเพื่อช่วยในเรื่องของความจา การรับรู้ และเรียนรู้
– การใช้ดนตรีเพื่อเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
– การใช้ดนตรีเพื่อบาบัดรักษา
ซึ่งมี กลุ่มคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เช่น
1. ดร.กอร์ดอน ชอร์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และดร.ฟรานซิส เร้าส์เชอร์
แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา
ซึ่งได้ทาการวิจัยพบว่าการฟังดนตรีของMozartสามารถเปลี่ยนแปลงสมองของมนุษย์ได้
โดยได้ทาการทดลองกับนักศึกษาจาก 36 สถาบันทดลองฟังบทเพลง Sonata for Two Pianos in D Major K 448
ของMozart พบว่ากลุ่มทดลองมีระดับไอคิวสูงขึ้นกว่า 8 – 9 แต้มเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้ฟังเสียงดนตรี
นอกจากนี้ยังได้ทดลองต่อกับหนูโดยให้หนูชุดหนึ่งฟังเพลงนี้ตั้งแต่อยู่ในท้องและเมื่อเกิดแล้วอีกเป็นเวลา 2 เดือน
และให้เดินในกล่องมีทางเดินแบบวงกต (Maze) ก็พบว่าสามารถเดินได้เร็วกว่าหนูอีกสามกลุ่มที่ไม่ได้ฟังเพลงนี้
2. นพ.อุดม เพชรสังหาร ผู้อานวยการศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็กและเยาวชนสถาบันครอบครัวรักลูก
ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองเด็กกล่าวว่า ดนตรีเป็นสิ่งสร้างความเป็นอัจฉริยะให้ไอน์สไตน์
8
คุณหมอจึงพยายามนาดนตรีเข้ามาช่วยในเรื่องการพัฒนาสมองเด็ก
เพราะเสียงดนตรีทาให้ใยประสาทพัฒนาแตกกิ่งก้านสาขา
เซลล์สมองจะพัฒนาเร็วขึ้นหรือช้าลงขึ้นอยู่กับการกระตุ้นของสิ่งแวดล้อม
การเติบโตและการแตกกิ่งก้านสาขาของเส้นใยประสาทของเซลล์สมองขึ้นอยู่กับเสียงกระตุ้น
3. ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีมหาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ กล่าวว่า
ตรีสามารถสร้างคนให้เป็นนักปราชญ์ได้ด้วยคากล่าวที่ว่า “นักปราชญ์เป็นผู้รอบรู้สามารถแก้ปัญหาได้
เพราะมีเส้นใยเซลล์สมองแตกกิ่งก้านสาขามาก ดนตรีจึงเป็นปัจจัยสร้างนักปราชญ์”
แต่ก็ยังคงมี กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวติดนี้ เช่น
1. กระทรวงการวิจัยเยอรมนี (German research ministry)
เนื่องจากี้รายงานการศึกษายังไม่มีเอกสารยืนยันผลที่เกิดจากการฝึกซ้อมทางดนตรีในการพัฒนาIQ
อย่างเฉพาะส่วนในเด็กเล็ก โดยผลการศึกษาส่วนใหญ่ที่ตีพิมพ์ต่างมีข้อมูลที่น้อยมากและยากแก่การตีความ
ทั้งยังพบว่าบางข้อแนะนาในการศึกษาระบุว่าไม่มีผลระยะยาวต่อระดับไอคิวทั้งหมด
2. ราฟ ชูแมชเชอร์ (Ralph Schumacher) ปราชญ์ทางด้านการเล่นเปียโนแห่งมหาวิทยาลัยฮัมโบลด์ท เยอรมนี
ได้ให้ความเห็นว่าเป็นไปได้สูงว่าดนตรีจะไม่ทาให้เด็กๆฉลาด
ไม่เช่นนั้นเราก็คงได้เห็นผลที่ชัดเจนในรายงานวิจัยที่มีในปัจจุบัน
และเขายังกล่าวอีกว่าจุดน่าสนใจที่สุดคือผลที่หากมีอยู่จริงนั้นกระตุ้นสมองได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะยังไม่เคยมีผลวิจัยที่ใดๆในโลกนี้เท่าที่กล่าวว่าการฟังดนตรีMozartก่อให้เกิดผลเสีย
การเชื่อเรื่องMozart Effect
จึงเป็นการเชื่อที่รับประกันได้ว่ามีผลดีน้อยกับดีมากเท่านั้นต่อตัวผู้ฟังไม่มีเสียหายแน่นอน
อีกทั้งการฟังดนตรีไม่ว่าประเภทใดก็ตามก็ให้ทั้งความสนุกสนาน ความบันเทิง
และช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเครียดลงได้อีกด้วย
ดังนั้นจึงอยู่ที่ตัวเราแล้วว่าจะเลือกฟังดนตรีประเภทไหนอย่างไร
"อิทธิพลดนตรีต่ออารมณ์มนุษย์"
เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อร่างกาย เมื่อร่างกายสัมผัสต่อเสียงดนตรี
จังหวะดนตรีมีอิทธิพลทาให้ร่างกายเคลื่อนไหวขยับตามจังหวะ เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อจิตใจ
ทาให้เกิดความรู้สึกถึงความเป็นปัจจุบัน ทาให้นึกถึงอดีต และทาให้นึกถึงอนาคต
9
ดนตรีทาให้อารมณ์เปลี่ยนไปตามมิติของของกาล อาจจะเป็นอารมณ์ที่หวนราลึกถึงอดีต
อาจจะเป็นการสร้างอารมณ์ปัจจุบันและอาจจะสร้างให้เกิดจินตนาการได้
เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อจิตใจ เป็นอิทธิพลที่เกี่ยวกับเสียงโดยตรง เนื่องจากเสียงออกมาจากจิตใจ
เมื่อใจรู้สึกเป็นอย่างไรก็จะถ่ายทอดเป็นเสียงออกมาเป็นอย่างนั้น ในขณะเดียวกันเสียงที่ออกมาจากจิตใจ
ความสุขและความทุกข์ ได้อาศัยเสียงระบายออกมาภายนอกซึ่งทาให้จิตใจผ่อนคลายลงได้ โดยธรรมชาติ
ดนตรีจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและจิตใจ
ดนตรีมีความผูกพันกับชีวิตของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา
เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
แรกเกิดทารกจะได้ยินเสียงเห่กล่อมจากมารดา หรือฟังเสียงเพลงเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลิน
เมื่อเริ่มเข้าสู่ระบบการศึกษาดนตรีก็ถูกนามาใช้เพื่อพัฒนามนุษย์ให้เจริญงอกงามครบทุกด้าน ได้แก่ด้านร่างกาย
ด้านสังคม ด้านอารมณ์ และด้านสติปัญญา เมื่อชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยทางาน
ดนตรีก็จะถูกนามาใช้เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย ความตึงเครียดจากการทางาน ในรูปแบบต่างๆ กันออกไป
จนสุดท้ายของชีวิตก็ยังมีดนตรีเพื่อใช้สาหรับงานศพ จะเห็นได้ว่าดนตรีนั้นมีความผูกพันต่อมนุษย์อย่างลึกซึ้ง
จึงทาให้มีการศึกษาทดลอง
เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของดนตรีจะได้นามาใช้ในการพัฒนาชีวิตของมนุษย์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น
ดนตรีจึงเป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์ คือเป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ เป็นวิทยาการที่มีคุณค่าสาหรับมนุษย์ทุกคน
10
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา และจัดทาเป็น Power Point
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.คอมพิวเตอร์
2.เว็บไซต์ต่างๆ ที่ใช้ศึกษาเกี่ยวกับดนตรีและมนุษย์
งบประมาณ
-
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดั
บ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอ
บ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน ธนพล
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล ธนพล
3 จัดทาโครงร่างงาน ธนพล
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน ธนพล
5 ปรับปรุงทดสอบ ธนพล
6 การทาเอกสารรายงาน ธนพล
7 ประเมินผลงาน ธนพล
8 นาเสนอโครงงาน ธนพล
11
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1.ผู้ที่ศึกษาโครงงานนี้ได้เห็นคุณค่าของการฟังเพลงมากขึ้น
2.เห็นประโยชน์ของดนตรีที่มีต่อสมองมากขึ้น
3.สามารถถ่ายทอดข้อมูลหลักๆได้ บอกต่อกับผู้อื่นได้
สถานที่ดาเนินการ
1.บ้าน
2.โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.ดนตรี
2.วิทยาศาสตร์
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
http://www.kroobannok.com/article-8762-เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อมนุษย์.html
http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=120
https://kak55585.wordpress.com/2013/01/15/ดนตรีมีผลต่อการพัฒนาสม
http://www.oknation.net/blog/musictherapy/2008/03/14/entry-1
https://en.wikipedia.org/wiki/Music_and_emotion

Contenu connexe

Similaire à Music and Human

2562 final-project 605-10
2562 final-project 605-102562 final-project 605-10
2562 final-project 605-10buakhamlungkham
 
โครงงาน(สอบ)
โครงงาน(สอบ)โครงงาน(สอบ)
โครงงาน(สอบ)guest552538
 
งานคอมโฟน
งานคอมโฟนงานคอมโฟน
งานคอมโฟนChatika Ruankaew
 
Ex project2 (เสร จ)
Ex project2 (เสร จ)Ex project2 (เสร จ)
Ex project2 (เสร จ)adaxxrose
 
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557Kanjanaporn Thompat
 
โครงงาน(สอบ)
โครงงาน(สอบ)โครงงาน(สอบ)
โครงงาน(สอบ)guest9d7787
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอมWannakan Kkap
 
ใบงานที่ 6 โครงงาน
ใบงานที่ 6 โครงงานใบงานที่ 6 โครงงาน
ใบงานที่ 6 โครงงานBenz 'ExTreame
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Gankorn Inpia
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Gankorn Inpia
 
2560 project -4
2560 project -42560 project -4
2560 project -4sinekkn
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์No Zilla
 

Similaire à Music and Human (20)

2562 final-project 14
2562 final-project 142562 final-project 14
2562 final-project 14
 
2562 final-project 605-10
2562 final-project 605-102562 final-project 605-10
2562 final-project 605-10
 
โครงงาน(สอบ)
โครงงาน(สอบ)โครงงาน(สอบ)
โครงงาน(สอบ)
 
งานคอมโฟน
งานคอมโฟนงานคอมโฟน
งานคอมโฟน
 
Ex project2 (เสร จ)
Ex project2 (เสร จ)Ex project2 (เสร จ)
Ex project2 (เสร จ)
 
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
 
Ex project2 (เสร จ) (1)
Ex project2 (เสร จ) (1)Ex project2 (เสร จ) (1)
Ex project2 (เสร จ) (1)
 
โครงงาน(สอบ)
โครงงาน(สอบ)โครงงาน(สอบ)
โครงงาน(สอบ)
 
Asd
AsdAsd
Asd
 
Projeck tawan
Projeck tawanProjeck tawan
Projeck tawan
 
2559 project
2559 project 2559 project
2559 project
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
ใบงานที่ 6 โครงงาน
ใบงานที่ 6 โครงงานใบงานที่ 6 โครงงาน
ใบงานที่ 6 โครงงาน
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Projectcom608029
Projectcom608029Projectcom608029
Projectcom608029
 
2560 project -4
2560 project -42560 project -4
2560 project -4
 
Project2222
Project2222Project2222
Project2222
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 

Music and Human

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2558 ชื่อโครงงาน.Effect of music. ชื่อผู้ทาโครงงาน 1.นาย ธนพล สืบตระกูล เลขที่ 10 ชั้น ม.6 ห้อง7 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม 1.นาย ธนพล สืบตระกูล เลขที่ 10 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) - ผลของดนตรีกับมนุษย์ ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) - Effect of music. ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (EducationalMedia) ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ธนพล สืบตระกูล ชื่อที่ปรึกษา ครู เขื่อนทอง มลวรรณ์ ชื่อที่ปรึกษาร่วม - ระยะเวลาดาเนินงาน 2สัปดาห์ ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) ทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นใครล้วนมีเพลงโปรดของตัวเอง ไม่วาจะเป็นตัวเราเอง พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อนๆหรือแม้กระทั่ง ปู่ ย่า เพราะดนตรีนั้นแทรกอยู่ในทุกช่วงเวลาของชีวิตและทุกยุคทุกสมัย ตัวผมเองก็เป็นคนคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่ามีหูฟังและเครื่องฟังเพลงเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33ของร่างกาย และได้เกิดความสงสัยในพลังของท่วงทานองที่สามารถสร้างและเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของคนทั้งโลกไม่ว่าจะเป็นค นชาติไหน รวมทั้งต้องการตอบคาถามที่ว่าดนตรีให้อะไรเราบ้างนอกจากความไพเราะและความบันเทิงที่เราได้รับ ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์มาทุกยุคสมัย ตั้งแต่ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์มนุษย์ก็ได้เริ่มสร้างเสียงดนตรีจากธรรมชาติ หรือสิ่งของรอบตัวขึ้นมา เช่น การผิวปากหรือการปรบมือและเคาะหิน ในสมัยต่อๆมาก็ได้เริ่มมีการสร้างเครื่องดนตรีขึ้นใช้เล่นประกอบรวมกันเป็นเสียงเพลงสืบเนื่องต่อมาถึงยุคปัจจุบัน ดนตรีนั้นสร้างความบันเทิงให้แก่มนุษย์แน่นอน
  • 3. 3 แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่ามันมีอิทธิพลและผลต่อชีวิตมากกว่าเพียงแค่ความบันเทิงที่ได้รับ ท่วงทานองและจังหวะที่แตกต่างกันมีผลต่ออารมณ์ การพัฒนาทางสมองของมนุษย์อย่างไร มีผลวิจัย หรือทฤษฎีในเว็บไซต์ต่างๆมากมาย เช่น Music and emotion หรือ Music and movement การศึกษาในครั้งนี้หวังอย่างยิ่งว่าจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยรู้และอยู่ใกล้ตัวเรามาก ทั้งเรื่องราวของดนตรีและประโยชน์อื่นๆที่เราได้รับจากการฟังเพลง และอาจจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาเช่นเดียวกัน การฟังเพลงอาจจะมีคุณค่ามากขึ้นกว่าทีเคยเป็นมาก่อนก็ได้ วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.เพื่อศึกษาว่าจังหวะในดนตรีมีผลอย่างไรกับเราบ้าง 2.เพื่อศึกษาประโยชน์ของเสียงดนตรีให้มากขึ้น 3.เพื่อศึกษาหาธรรมชาติของเสียงดนตรีกับมนุษย์ในด้านต่างๆ 4.เพื่อให้ผู้ศึกษาเห็นคุณค่าของการฟังเพลงมากยิ่งขึ้น ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) เป็นโครงงานที่ศึกษาเรื่องของเสียงดนตรี จังหวะ หรือสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวกับทานองที่มีผลต่อมนุษย์ ทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อให้ผู้ศึกษาได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของการฟังเพลงมากขึ้น หลักการและทฤษฎี(ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อมนุษย์ เสียง(Sound) มีอิทธิพลต่อมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ร่างกาย จิตใจ ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ สมอง ประวัติศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรมของสังคม วิถีชีวิต จากทฤษฎีของเสียงที่พิสูจน์ได้ว่าเสียงมีอานาจ มีอานาจอยู่ที่ไหน ก็จะมีเสียงอยู่ที่นั่น มีเสียงอยู่ที่ไหนอานาจก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ดังนั้น พิธีกรรมของมนุษย์ทุก ๆ พิธีกรรมจึงประกอบด้วยเสียง (ดนตรี) ตั้งแต่เสียงสวดมนต์ภาวนาเสียงตีเกราะเคาะไม้ เสียงดีดสีตีเป่า แม้แต่เสียงจุดประทัด ในเทศกาลตรุษจีน หรือจุดประทัดของชาวเรือประมง ที่จะออกทะเลเพื่อหาปลา เสียงปืนใหญ่ยิงเพื่อยกย่องในงานศพของวีรบุรุษ เสียงกลองยาว แตรวงงานบวช ซึ่งล้วนเป็นเสียงแสดงถึงอานาจและเป็นหุ้นส่วนของพิธีกรรมทั้งสิ้น จากทฤษฎีของเสียงมีอานาจ อานาจของเสียงสร้างเป็นพลังงานที่เปลี่ยนจากเสียงสร้างให้เกิดความเคลื่อนไหว
  • 4. 4 ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นก็จะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงทาให้เกิดการพัฒนา เมื่อมีการพัฒนามาก ๆ ก็จะสร้างให้เกิดความเจริญ ยิ่งพัฒนามากก็ยิ่งเจริญมากขึ้นด้วยทั้งนี้ก็เพราะมนุษย์ต้องการความเจริญ ความเจริญเป็นความหวังเป็นความปรารถนาของชีวิต และความเจริญเป็นความมีชีวิตชีวา เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อร่างกาย เมื่อร่างกายสัมผัสต่อเสียงดนตรี จังหวะดนตรีมีอิทธิพลทาให้ร่างกายเคลื่อนไหวขยับตามจังหวะ เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อจิตใจ ทาให้เกิดความรู้สึกถึงความเป็นปัจจุบัน ทาให้นึกถึงอดีต และทาให้นึกถึงอนาคต ดนตรีทาให้อารมณ์เปลี่ยนไปตามมิติของของกาล อาจจะเป็นอารมณ์ที่หวนราลึกถึงอดีต อาจจะเป็นการสร้างอารมณ์ปัจจุบันและอาจจะสร้างให้เกิดจินตนาการได้ เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อจิตใจ “เสียงใส ใจสะอาด” เป็นอิทธิพลที่เกี่ยวกับเสียงโดยตรง เนื่องจากเสียงออกมาจากจิตใจ เมื่อใจรู้สึกเป็นอย่างไรก็จะถ่ายทอดเป็นเสียงออกมาเป็นอย่างนั้น ในขณะเดียวกันเสียงที่ออกมาจากจิตใจ ความสุขและความทุกข์ ได้อาศัยเสียงระบายออกมาภายนอกซึ่งทาให้จิตใจผ่อนคลายลงได้ โดยธรรมชาติ ดนตรีจึงเป็นหุ้นส่วนของชีวิตและจิตใจ เสียงดนตรีทาให้สมองรับรู้ เส้นประสาทสมองขยายตัวเมื่อสัมผัสกับเสียงดนตรีที่ดี ทาให้สมองตื่นตัวกับเสียง ที่ได้ยิน เสียงดนตรีบ่งบอกประวัติศาสตร์ บ่งบอกความเป็นมา บ่งบอกประเพณี บ่งบอกวัฒนธรรมของสังคมและบ่งบอกวิถีชีวิตของคนในแต่ละสังคมนั้น ๆ เสียงดนตรี(Music) เป็นเสียงที่ไพเราะเป็นเสียงที่ละเอียดสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจด้วยการประดิษฐ์เสียงอย่างประณีตและบรรจง มนุษย์สร้างเสียงขึ้นเพื่อให้มนุษย์ด้วยกันฟัง มนุษย์เป็นผู้สร้างมาตรฐานของความไพเราะ โดยอาศัยความรู้สึกที่ดีเอาเสียงที่ไพเราะงดงาม นาแต่ละเสียงมาเรียงร้อยให้ปะติดปะต่อกันจนกลายเป็นบทเพลงที่ไพเราะ ดนตรีเป็นศิลปะที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ตามความปรารถนาของมนุษย์ ซึ่งดนตรีอาจจะรับใช้ในฐานะที่เป็นส่วนประกอบของพิธีกรรม หรือดนตรีอยู่ในฐานะของความบันเทิง เสียงหยาบ(Noise) เป็นเสียงรบกวนและเป็นเสียงที่มนุษย์ไม่ปรารถนา การแยกแยะระหว่างเสียงที่ชอบและเสียงที่ไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอานาจว่ามีสิทธิ์ที่จะชอบหรือมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบเพราะความชอบและความไม่ชอบขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตและร
  • 5. 5 สนิยม อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเสียงที่หยาบ (ดัง แรง กระด้าง ) แต่เสียงก็เป็นจุดศูนย์รวมของอานาจด้วยเหมือนกัน มนุษย์จะเลือกเสียงที่อบอุ่นละมุนละไมเลือกเสียงที่กังวานเลือกเสียงที่ไพเราะ เลือกเสียงที่ชอบมากกว่าที่จะเลือกเสียงกระด้าง ดังนั้นเสียงที่ไพเราะหรือจะเรียกว่าเสียงดนตรี จึงมีอานาจมากกว่าเสียงรบกวน วิธีการนาดนตรีมาใช้เพื่อสุขภาพ มีหลายรูปแบบ ซึ่งจัดเป็นกิจกรรมต่างๆ คือการฟังเพลง การร้องเพลง การเต้นรา การเล่นดนตรี เป็นต้น 1. การฟังเพลง มีประโยชน์เพื่อผ่อนคลายความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก่อให้เกิดสมาธิ เราจึงควรหาโอกาสฟังเพลง โดยเลือกเวลาที่ว่างหรือเวลาที่ไม่รีบเร่ง หรือไม่ต้องใช้ความคิด เช่น เวลารับประทานอาหาร ระหว่างการเดินทาง ขณะพักผ่อน ออกกาลังกาย หรือขณะทางานบ้าน เป็นต้น หากจะใช้ในที่ทางาน ควรเลือกเวลา สถานที่และโอกาสที่เหมาะสม เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้อื่น และควรมีเทปเพลงที่ชื่นชอบหรือโปรดปราน ติดไว้เพื่อหยิบใช้ได้สะดวกทุกเวลาที่ต้องการ เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า คุณควรมีวิทยุเครื่องเล็กๆ ไว้ใกล้ตัวสักเครื่อง เริ่มตั้งแต่ตอนเช้า หยิบวิทยุเข้าไปในห้องน้าด้วย เพื่อเปิดฟังเสียงใสๆ กระชับๆ ทาให้มีชีวิตชีวา แจ่มใส กระปรี้กระเปร่า ขณะเดินทางไปทางาน ควรฟังเพลงช้า มีเสียงร้อง เนื้อร้องที่กังวาลแจ่มใส แต่ในขณะที่ทางาน หากต้องการฟังเพลงไปด้วย ทางานไปด้วย ควรฟังเพลงบรรเลง จะช่วยทาให้บรรยากาศทางานสดชื่นกว่าทาเงียบๆ ยกเว้นเมื่อต้องอาศัยความเงียบในการทางาน เมื่อขณะต้องการออกกาลังกาย ควรเลือกเพลงที่มีจังหวะเร็ว กระชับ จะช่วยทาให้อยากออกกาลัง และออกกาลังได้นาน แต่การออกกาลังกายที่ดี ควรเริ่มต้นด้วยการวอร์มร่างกายก่อน โดยออกกาลังกายเบาๆ โดยใช้เพลงจังหวะปานกลาง แล้วจึงค่อยเปลี่ยนเป็นจังหวะเร็ว มากขึ้น และกลับมาเป็นจังหวะปานกลาง การออกกาลังที่ได้ผล คือต้องให้อัตราชีพจรมีค่าประมาณ 70% ของอัตราชีพจรสูงสุดของคนคนนั้น (220 ลบด้วยอายุ) จะช่วยทาให้ร่างกายแข็งแรง เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ลดไขมัน และยังทาให้อารมณ์สดชื่นแจ่มใสได้ เหนื่อยจากร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟิน ออกมา ทาให้เกิดความสุข ในการนี้เพลงช่วยทาให้เกิดความเพลิดเพลิน ทาให้ประสบความสาเร็จในการออกกาลังกาย เช่นเดียวกัน หากทางานที่ไม่ต้องใช้ความคิดมาก เช่น ทางานบ้าน ควรเปิดเพลงที่สนุกสนาน ร่าเริง ไปด้วย จะช่วยให้ทางานได้นานขึ้น และไม่เหนื่อยมาก 2. การร้องเพลง มีประโยชน์เพื่อระบายความตึงเครียดในใจ โดยผ่านการร้องออกมาเป็นทานอง และ จังหวะ ช่วยบริหารปอด ทาให้ความจุปอดเพิ่มขึ้น ทาให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง และยังเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง ควรร้องเพลงขณะที่มีอารมณ์ ในเวลา และในสถานที่ที่เหมาะสม เช่นในห้องส่วนตัว ห้องน้า ห้องพักผ่อน ในรถยนต์ส่วนตัว หรือตามที่ที่ได้รับเชิญ ปัจจุบันมีเครื่องเสียง คาราโอเกะ ช่วยให้ผู้ร้องเพลงไม่เป็นได้หัดร้องเพลง
  • 6. 6 และ เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน โดยเฉพาะเมื่อร้องเป็นกลุ่ม ประเภทของเพลงที่ร้อง ควรเลือกเพลงที่มีระดับเสียงไม่สูงหรือต่าเกินไป จะได้ไม่เหนื่อยและเลือกเพลงที่มีเนื้อร้องสละสลวย คล้องจองจาง่าย เพเราะ เนื้อหาฟังสบาย สร้างสรรค์ และ ไม่เครียด 3. การเต้นรา การเคลื่อนไหวให้เข้ากับจังหวะดนตรี มีประโยชน์คือ ทาให้เกิดความเพลิดเพลิน ไม่เบื่อหน่าย ผ่อนคลายความตึงเครียด เกิดความสมดุลของร่างกายและจิตใจ ทั้งยังทาให้ร่างกายมีความแข็งแรงทนทาน เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น จึงควรหาโอกาสทากิจกรรมนี้เป็นประจาและสม่าเสมอ เพราะจะช่วยทาให้สุขภาพแข็งแรง โดยเลือกวิธีที่ง่าย สะดวก และ ปลอดภัย ตนตรีจะเป็นสื่อช่วยทาให้อยากเคลื่อนไหวร่างกาย และกระทาได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น การออกกาลังกายทุกวันโดยมีเพลงร่วมด้วย หรือ ขณะฟังเพลงให้ขยับปลายเท้าหรือเคาะมือ ตบมือให้เข้ากับจังหวะเสียงเพลง เป็นต้น 4. การเล่นดนตรี เป็นการแสดงอารมณ์และความรู้สึกของตนเองออกมาโดยใช้ดนตรีเป็นสื่อ มีประโยชน์คือ ทาให้เกิดสมาธิ มีความสุขเพลิดเพลินเบิกบานใจ มีความมั่นใจ และภูมิใจในตนเอง ควรเป็นเครื่องดนตรีที่ผู้เล่นมีความชอบ มีเวลาที่จะฝึกซ้อม มีโอกาสที่จะได้แสดง ราคาไม่แพง ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก สะดวกต่อการนาติดตัวไปได้ เช่น กีต้าร์ ไวโอลิน หีบเพลงปาก ซอ ขลุ่ย ขิม เป็นต้น ดนตรีมีผลต่อการพัฒนาสมองหรือไม่? ระยะหลังมานี้มีผลการวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า ดนตรีมีผลต่อสมองของคนเรา ดนตรีสามารถช่วยพัฒนาระบบต่างๆภายในสมองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ดนตรียงเป็นสภาพแวดล้อมหนึ่งที่มีอิทธิพลในการช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม หรือสติปัญญา สมองซีกขวา : มีบทบาทในการรับรู้ตอบสนอง และคิดในเรื่องลึกลับ เรื่องดนตรีและศิลปะ การสร้างสรรค์ การสร้างมโนภาพ การคิดค้นรูปแบบต่าง ๆ และยอมรับสมองซีกซ้าย สมองซีกซ้าย :มีบทบาทในการรับรู้ตอบสนองและคิดในเชิงเหตุผล การมีลาดับขั้นตอนในการทางาน การคิด เรื่องคณิตศาสตร์ การพูด การใช้รูปแบบ และมีอิทธิพลต่อสมองซีกขวา เมื่อเราฟังดนตรี สมองจะทางานร่วมกันทั้งซีกขวาและซีกซ้าย นั่นหมายถึง เมื่อเราได้ยินเสียงดนตรีและรู้ว่านี่คือเสียงดนตรี นั่นคือหน้าที่ของสมองซีกขวา และเมื่อเราเกิดความซาบซึ้งในเสียงเพลง สมองทั้งซีกซ้ายและขวาจะทางานพร้อมกัน เสียงดนตรีก่อให้เกิดการสร้างเส้นใยสมองเพิ่มขึ้น และพบว่าดนตรีสามารถเพิ่มความคิดอย่างมีเหตุผล
  • 7. 7 การคิดจินตนาการที่เป็นเหตุเป็นผล หรือที่เรียกว่า การให้เหตุผลเชิงมิติสัมพันธ์ (Spatial-reasoning) ซึ่งการคิดแบบนี้จะนาไปสู่พื้นฐานในเรื่องของคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการคิดชั้นสูงต่อไป บทเพลงของMozart ถูกนามาใช้ในการศึกษาวิจัยตั้งแต่ปี 1950 โดย ดร.อัลเฟร็ด โทมาทิส ถือว่าเป็นคนแรกๆที่นาบทเพลงของMozartมาใช้ทดลอง เขาทาการศึกษาทางด้านเกี่ยวกับเด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้ ในตอนนั้นเขาศึกษาผลของดนตรีต่อการกระตุ้นระบบการได้ยินการพูดและการสื่อสารของเด็ก หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีการนาเพลงของMozart มาใช้ศึกษาวิจัยกันอย่างแพร่หลาย Mozart Effect คืออะไร? หลายปีผ่านมาได้มีการทดลองซึ่งได้แสดงให้เห็นว่าการฟังดนตรีคลาสสิคจะช่วยเพิ่มพูดความทรงจา สติปัญญา และศักยภาพสมองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีบางคนให้คานิยามของMozart Effect ว่า เป็นพลังแห่งเสียงดนตรีที่สามารถเปลี่ยนรูปมาสู่การส่งเสริมการเรียนรู้ สุขภาพ การศึกษาและความเป็นอยู่ การใช้พลังดนตรีจึงหมายถึง – การใช้ดนตรีเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของครอบครัวและชุมชน – การใช้ดนตรีเพื่อช่วยในเรื่องของความจา การรับรู้ และเรียนรู้ – การใช้ดนตรีเพื่อเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ – การใช้ดนตรีเพื่อบาบัดรักษา ซึ่งมี กลุ่มคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เช่น 1. ดร.กอร์ดอน ชอร์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และดร.ฟรานซิส เร้าส์เชอร์ แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ทาการวิจัยพบว่าการฟังดนตรีของMozartสามารถเปลี่ยนแปลงสมองของมนุษย์ได้ โดยได้ทาการทดลองกับนักศึกษาจาก 36 สถาบันทดลองฟังบทเพลง Sonata for Two Pianos in D Major K 448 ของMozart พบว่ากลุ่มทดลองมีระดับไอคิวสูงขึ้นกว่า 8 – 9 แต้มเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้ฟังเสียงดนตรี นอกจากนี้ยังได้ทดลองต่อกับหนูโดยให้หนูชุดหนึ่งฟังเพลงนี้ตั้งแต่อยู่ในท้องและเมื่อเกิดแล้วอีกเป็นเวลา 2 เดือน และให้เดินในกล่องมีทางเดินแบบวงกต (Maze) ก็พบว่าสามารถเดินได้เร็วกว่าหนูอีกสามกลุ่มที่ไม่ได้ฟังเพลงนี้ 2. นพ.อุดม เพชรสังหาร ผู้อานวยการศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็กและเยาวชนสถาบันครอบครัวรักลูก ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองเด็กกล่าวว่า ดนตรีเป็นสิ่งสร้างความเป็นอัจฉริยะให้ไอน์สไตน์
  • 8. 8 คุณหมอจึงพยายามนาดนตรีเข้ามาช่วยในเรื่องการพัฒนาสมองเด็ก เพราะเสียงดนตรีทาให้ใยประสาทพัฒนาแตกกิ่งก้านสาขา เซลล์สมองจะพัฒนาเร็วขึ้นหรือช้าลงขึ้นอยู่กับการกระตุ้นของสิ่งแวดล้อม การเติบโตและการแตกกิ่งก้านสาขาของเส้นใยประสาทของเซลล์สมองขึ้นอยู่กับเสียงกระตุ้น 3. ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีมหาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ กล่าวว่า ตรีสามารถสร้างคนให้เป็นนักปราชญ์ได้ด้วยคากล่าวที่ว่า “นักปราชญ์เป็นผู้รอบรู้สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะมีเส้นใยเซลล์สมองแตกกิ่งก้านสาขามาก ดนตรีจึงเป็นปัจจัยสร้างนักปราชญ์” แต่ก็ยังคงมี กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวติดนี้ เช่น 1. กระทรวงการวิจัยเยอรมนี (German research ministry) เนื่องจากี้รายงานการศึกษายังไม่มีเอกสารยืนยันผลที่เกิดจากการฝึกซ้อมทางดนตรีในการพัฒนาIQ อย่างเฉพาะส่วนในเด็กเล็ก โดยผลการศึกษาส่วนใหญ่ที่ตีพิมพ์ต่างมีข้อมูลที่น้อยมากและยากแก่การตีความ ทั้งยังพบว่าบางข้อแนะนาในการศึกษาระบุว่าไม่มีผลระยะยาวต่อระดับไอคิวทั้งหมด 2. ราฟ ชูแมชเชอร์ (Ralph Schumacher) ปราชญ์ทางด้านการเล่นเปียโนแห่งมหาวิทยาลัยฮัมโบลด์ท เยอรมนี ได้ให้ความเห็นว่าเป็นไปได้สูงว่าดนตรีจะไม่ทาให้เด็กๆฉลาด ไม่เช่นนั้นเราก็คงได้เห็นผลที่ชัดเจนในรายงานวิจัยที่มีในปัจจุบัน และเขายังกล่าวอีกว่าจุดน่าสนใจที่สุดคือผลที่หากมีอยู่จริงนั้นกระตุ้นสมองได้อย่างไร อย่างไรก็ตามถึงแม้จะยังไม่เคยมีผลวิจัยที่ใดๆในโลกนี้เท่าที่กล่าวว่าการฟังดนตรีMozartก่อให้เกิดผลเสีย การเชื่อเรื่องMozart Effect จึงเป็นการเชื่อที่รับประกันได้ว่ามีผลดีน้อยกับดีมากเท่านั้นต่อตัวผู้ฟังไม่มีเสียหายแน่นอน อีกทั้งการฟังดนตรีไม่ว่าประเภทใดก็ตามก็ให้ทั้งความสนุกสนาน ความบันเทิง และช่วยให้เราผ่อนคลายจากความเครียดลงได้อีกด้วย ดังนั้นจึงอยู่ที่ตัวเราแล้วว่าจะเลือกฟังดนตรีประเภทไหนอย่างไร "อิทธิพลดนตรีต่ออารมณ์มนุษย์" เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อร่างกาย เมื่อร่างกายสัมผัสต่อเสียงดนตรี จังหวะดนตรีมีอิทธิพลทาให้ร่างกายเคลื่อนไหวขยับตามจังหวะ เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อจิตใจ ทาให้เกิดความรู้สึกถึงความเป็นปัจจุบัน ทาให้นึกถึงอดีต และทาให้นึกถึงอนาคต
  • 9. 9 ดนตรีทาให้อารมณ์เปลี่ยนไปตามมิติของของกาล อาจจะเป็นอารมณ์ที่หวนราลึกถึงอดีต อาจจะเป็นการสร้างอารมณ์ปัจจุบันและอาจจะสร้างให้เกิดจินตนาการได้ เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อจิตใจ เป็นอิทธิพลที่เกี่ยวกับเสียงโดยตรง เนื่องจากเสียงออกมาจากจิตใจ เมื่อใจรู้สึกเป็นอย่างไรก็จะถ่ายทอดเป็นเสียงออกมาเป็นอย่างนั้น ในขณะเดียวกันเสียงที่ออกมาจากจิตใจ ความสุขและความทุกข์ ได้อาศัยเสียงระบายออกมาภายนอกซึ่งทาให้จิตใจผ่อนคลายลงได้ โดยธรรมชาติ ดนตรีจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและจิตใจ ดนตรีมีความผูกพันกับชีวิตของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แรกเกิดทารกจะได้ยินเสียงเห่กล่อมจากมารดา หรือฟังเสียงเพลงเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลิน เมื่อเริ่มเข้าสู่ระบบการศึกษาดนตรีก็ถูกนามาใช้เพื่อพัฒนามนุษย์ให้เจริญงอกงามครบทุกด้าน ได้แก่ด้านร่างกาย ด้านสังคม ด้านอารมณ์ และด้านสติปัญญา เมื่อชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยทางาน ดนตรีก็จะถูกนามาใช้เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย ความตึงเครียดจากการทางาน ในรูปแบบต่างๆ กันออกไป จนสุดท้ายของชีวิตก็ยังมีดนตรีเพื่อใช้สาหรับงานศพ จะเห็นได้ว่าดนตรีนั้นมีความผูกพันต่อมนุษย์อย่างลึกซึ้ง จึงทาให้มีการศึกษาทดลอง เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของดนตรีจะได้นามาใช้ในการพัฒนาชีวิตของมนุษย์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น ดนตรีจึงเป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์ คือเป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ เป็นวิทยาการที่มีคุณค่าสาหรับมนุษย์ทุกคน
  • 10. 10 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษา และจัดทาเป็น Power Point เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1.คอมพิวเตอร์ 2.เว็บไซต์ต่างๆ ที่ใช้ศึกษาเกี่ยวกับดนตรีและมนุษย์ งบประมาณ - ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดั บ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอ บ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน ธนพล 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล ธนพล 3 จัดทาโครงร่างงาน ธนพล 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน ธนพล 5 ปรับปรุงทดสอบ ธนพล 6 การทาเอกสารรายงาน ธนพล 7 ประเมินผลงาน ธนพล 8 นาเสนอโครงงาน ธนพล
  • 11. 11 ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 1.ผู้ที่ศึกษาโครงงานนี้ได้เห็นคุณค่าของการฟังเพลงมากขึ้น 2.เห็นประโยชน์ของดนตรีที่มีต่อสมองมากขึ้น 3.สามารถถ่ายทอดข้อมูลหลักๆได้ บอกต่อกับผู้อื่นได้ สถานที่ดาเนินการ 1.บ้าน 2.โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1.ดนตรี 2.วิทยาศาสตร์ แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) http://www.kroobannok.com/article-8762-เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อมนุษย์.html http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=120 https://kak55585.wordpress.com/2013/01/15/ดนตรีมีผลต่อการพัฒนาสม http://www.oknation.net/blog/musictherapy/2008/03/14/entry-1 https://en.wikipedia.org/wiki/Music_and_emotion