SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  23
Télécharger pour lire hors ligne
บทที่ 2


                                        เอกสารที่เกี่ยวข้อง


         ในการจัดทําโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
เรื่องลักษณะการทํางานของ3G นี้ ผู้จัดทําโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่
เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้


2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยี3G
         3G คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่สาม หรือมาตรฐาน IMT-2000 นั้นนิยามสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจ
ตรงกันว่า

        “ต้องมี แพลทฟอร์ม (Platform) สําหรับการหลอมรวมของบริการต่างๆ อาทิ กิจการประจํา
         ที่ (Fixed Service) กิจการเคลื่อนที่ (Mobile Service) บริการสื่อสารเสียง ข้อมูล
         อินเทอร์เน็ต และ พหุสื่อ (Multimedia) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน” คือ สามารถถ่ายเท ส่ง
         ต่อข้อมูล ดิจิตอล ไปยังอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทต่างๆ ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้
        “ความ สามารถในการใช้โครงข่ายทั่วโลก (Global Roaming) ” คือ ผู้บริโภคสามารถ ถือ
         อุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง
        “บริการที่ไม่ขาดตอน (Seamless Delivery Service) ” คือ การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่โดย
         ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยน เซลล์ไซต์ (Cell Site) เขาใช้คําว่า Seam less นั้นแปลว่า ไร้รอยตะเข็บ
         นะครับ
        อัตรา ความเร็วในการส่งข้อมูล (Transmission Rate) ในมาตรฐาน IMT-2000 นั้นกําหนด
         ไว้ว่าต้องมีอัตราความเร็วดังนี้ [
             

             o

             o    ในสภาวะอยู่กับที่หรือขณะเดิน มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 2 เมกะบิต/วินาที
             o    ในสภาวะเคลื่อนที่โดย ยานพาหนะ มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 384 กิโลบิต/วินาที
             o    ทุกสภาวะ มีความเร็วอย่างมากที่สุด 14.4 เมกะบิต/วินาที
จุดเริ่มต้นของ เทคโนโลยี 3G

มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อน ที่ยุคที่ 3 (Third Generation Mobile Network หรือ 3G) เป็นเทคโนโลยี
ยุคถัดมาจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 2 หรือ 2G ซึ่งประสบความสําเร็จในการสร้าง
มูลค่าทางธุรกิจสื่อสารไร้สายอย่างมหาศาลนับ ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ในยุคของ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G มีมาตรฐานที่สําคัญที่มีการนิยมใช้งานทั่วโลกอยู่ 2 มาตรฐาน กล่าวคือ
มาตรฐาน GSM (Global System for Mobile Communication) อันเป็นมาตรฐานของกลุ่มสหภาพ
ยุโรป ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกสูงที่สุด และมาตรฐาน CDMA (Code Division
Multiple Access) อันเป็นมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่สอง

จุดมุ่งหมายของการพัฒนา มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ขึ้น ก็เพื่อตอบสนองความต้องการใช้
งานระบบสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล (Personal Communication) ในลักษณะไร้พรมแดน (Global
Communication) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถนําเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้
งานในที่ใด ๆ ก็ได้ทั่วโลกที่มีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว และยังเป็นยุคของการนํา
มาตรฐานสื่อสารแบบดิจิตอลสมบูรณ์แบบมาใช้รักษาความ ปลอดภัย และเสริมประสิทธิภาพใน
การสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งข้อความแบบสั้น (Short Message Service
หรือ SMS) และการเริ่มต้นของยุคสื่อสารข้อมูลผ่านเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นครั้งแรก
โดยมาตรฐาน GSM และ CDMA ตอบสนองความต้องการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วสูงสุด 9,600
บิตต่อวินาที ซึ่งถือว่าเพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเร็วของการสื่อสารผ่านโมเด็มใน เครือข่าย
โทรศัพท์พื้นฐานเมื่อกว่าสิบปีก่อน

การตอบรับของกลุ่มผู้ บริโภคบริการสื่อสารไร้สายทั่วโลก ทําให้มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G
สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการณ์ทั่วโลกอย่างมหาศาล ก่อให้เกิดการเปิดสัมปทานและนํามาซึ่ง
การแข่งขันอย่างรุนแรงในแทบทุกประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะมีผลทําให้เกิดการเพิ่ม
จํานวนของผู้ใช้บริการอย่าง ก้าวกระโดดแล้ว ในขณะเดียวกันยังสร้างผลกระทบต่อรายได้โดยเฉลี่ย
ต่อเลขหมาย (Average Revenue per User หรือ ARPU) ของผู้ให้บริการเครือข่าย อันเนื่องมาจาก
การกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา ยิ่งเมื่อมีการเปิดตัวบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพร้อมใช้
(Prepaid Subscriber) ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ก็ทําให้เกิดการลดถอยของ ARPU ลงอย่าง
ต่อเนื่อง พร้อม กับปัญหาผู้ใช้บริการย้ายค่าย (Brand Switching) ที่รุนแรงขึ้น

เพื่อเป็นการสร้างความ เชื่อมั่นในตราสินค้าและยังเป็นการสร้างรายได้ เพิ่มเพื่อชดเชย ARPU ที่ลด
ต่ําลง เนื่องจากปรากฏการณ์อิ่มตัวของบริการสื่อสารด้วยเสียง (Voice Service) ผู้ประกอบการใน
ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกจึงมีความเห็นตรงกันที่จะ สร้างบริการสื่อสารไร้สายรูปแบบใหม่ ๆ
ขึ้น โดยพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ที่เปิดใช้งานอยู่ ให้มีศักยภาพเพิ่มเติมเพื่อรองรับ
บริการสื่อสารข้อมูลแบบที่มิใช่เสียง (Non-Voice Communication) พร้อมกับการวางแผนธุรกิจ
แผนปฏิบัติการทางวิศวกรรม การตลาด และแผนการลงทุน เพื่อสร้างกระแสความต้องการ
(Demand Aggregation) ให้กับฐานลูกค้าผู้ใช้บริการที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่ม ARPU ให้สูงขึน พร้อม ๆ
                                                                                        ้
กับผลักดันให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งข้อมูลแบบ EMS (Enhanced
Messaging Service) หรือ MMS (Multimedia Messaging Service) รวมถึงบริการท่องโลก
อินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านอุปกรณ์สื่อสารรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งมีทั้งที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่ว ๆ ไป อุปกรณ์
ไร้สายประเภท PDA (Personal Digital Assistant) และโทรศัพท์เคลื่อนที่อัจฉริยะ (Smart Phone)

เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ที่ได้มีการลงทุนไว้แล้วให้เกิด
ประโยชน์สูงสุด มาตรฐานเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลในรูปแบบใหม่ ๆ จึงถูกกําหนดขึ้น ภายใต้
แนวคิดในการพัฒนาเครือข่ายเดิม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี HSCSD (High Speed Circuit Switching
Data), GPRS (General Packet Radio Service) หรือ EDGE (Enhanced Data Rate for GPRS
Evolution) ของค่าย GSM และเทคโนโลยี cdma20001xEV-DV หรือ cdma20001xEV-DO ของค่าย
CDMA ดังแสดงพัฒนาการในรูปที่ 1 เรียกมาตรฐานต่อยอดดังกล่าวโดยรวมว่า เทคโนโลยียุค
2.5G/2.75G ซึ่งในช่วงเวลานี้เองที่ปรากฏมีมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ PDC (Packet Digital
Cellular) เปิดให้บริการสื่อสารข้อมูลในลักษณะของเทคโนโลยี 2.5G ภายใต้ชื่อเครื่องหมายการค้า
i-mode ซึ่งประสบความสําเร็จอย่างมากในการเปิดศักราชของการให้บริการสื่อสารข้อมูล แบบ
มัลติมีเดียไร้สายในประเทศญี่ปุ่น และได้กลายเป็นต้นแบบของการจัดทําธุรกิจ Non-Voice ให้กับ
ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกในเวลาต่อมา

การเติบโตของธุรกิจ Non-Voice

ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เป็นต้นมาอันเป็นยุคเริ่มต้นของเทคโนโลยี 2.5G ผู้ให้บริการเครือข่าย
โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย มีการผลักดันบริการสื่อสารข้อมูลรูปแบบใหม่ ๆ
ในรูปแบบ Non-Voice เพื่อสร้างกระแสนิยมในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์
จากเครือข่าย 2.5G อย่างเต็มรูปแบบ หรือเป็นการผลักดันให้เกิดการยอมรับในบริการที่มีอยู่แล้ว อัน
ได้แก่บริการ SMS ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นว่าบริการเหล่านี้ได้กลายเป็นช่องทางสําคัญที่เพิ่ม มูลค่า
ให้บริการ ARPU ของบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ รูปที่ 2 แสดงให้เห็นถึงการ
เติบโตของบริการประเภทต่าง ๆ บนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในภาพรวมของทั้งทวีปเอเชียตั้งแต่
ช่วงปี พ.ศ. 2544 จนถึง พ.ศ. 2553 ซึ่งในท้ายที่สุดบริการแบบ Non-Voice จะมีสัดส่วนที่เป็น
นัยสําคัญต่อรายได้รวมทั้งหมด

สําหรับธุรกิจโทรศัพท์ เคลื่อนที่ในประเทศไทยเอง นับตั้งแต่การเปิดให้บริการประเภท Non-Voice
อย่างจริงจังเมื่อต้นปี พ.ศ. 2545 เป็นต้นมา บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็สามารถ
สร้างรายได้เพื่อ เสริมทดแทนการลดทอนของค่า ARPU ภายในเครือข่ายของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อมีการเปิดตัวบริการสื่อสารไร้สายมัลติมีเดียของ บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จํากัด
(HUTCH) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 เป็นต้นมา สภาพการแข่งขันในธุรกิจสื่อสารไร้สายในประเทศ
ไทยก็เริ่มมุ่งความสําคัญในการ สร้างบริการ Non-Voice ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้บริการ
MMS อย่างเป็นทางการ การคิดโปรโมชั่นกระตุ้นการท่องอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ
แม้กระทั่งการทดลองเปิดให้บริการชมภาพยนตร์ผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ (TV on Mobile) ซึ่ง
ความพยายามของผู้ให้บริการเครือข่ายแต่ละราย ทําให้เกิดกระแสความสนใจใช้บริการ Non-Voice
เพิ่มมากขึ้น

รูปที่ 3 และ 4 แสดงถึงความสําคัญของรายได้ที่เกิดขึ้นจากบริการ Non-Voice นับตั้งแต่ช่วงต้นปี
พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา อันมีผลทําให้บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถเพิ่มค่า
ARPU ของตนให้มีแนวโน้มสูงขึ้น พร้อม ๆ กับการเพิ่มจํานวนผู้ใช้บริการภายในเครือข่ายของตน
ซึ่งแตกต่างจากสภาพการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ที่รายได้เฉลี่ยของตนตกลงเรื่อย ๆ สวนทางกับการ
เพิ่มจํานวนของกลุ่มผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงกลุ่มผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อม
ใช้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ของประเทศ มีการเพิ่มค่า ARPU ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ส่วน
หนึ่งจะมาจากนโยบายการตลาดของผู้ให้บริการที่มีการจํากัดเวลาในการโทร ให้สัมพันธ์กับวงเงินก็
ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ความนิยมในบริการ Non-Voice ประเภท SMS และ EMS โดย
เฉพาะที่อยู่ในรูปแบบของบริการดาวน์โหลดรูปภาพ (Logo/Animation) และเสียงเรียกเข้า
(Ringtone) ในกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษามีผลอย่างเป็นนัยสําคัญต่อการเพิ่มค่า ARPU ดังกล่าว

ข้อจากัดของเครือ ข่าย 2.5G และ 2.75G

มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อน ที่ 2.5G หรือ 2.75G แม้จะสามารถรองรับการสื่อสารประเภท Non-
Voice ได้ แต่ก็ไม่อาจสร้างบริการประเภท Killer Application ที่ผลิกผันรูปแบบการให้บริการได้
อย่างชัดเจน ดังจะเห็นได้จากสถาการณ์การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ที่แม้จะมี
การเติบโตอย่างชัดเจนในตลาดประเภท Non-Voice แต่เมื่อศึกษาอย่างละเอียดก็จะพบว่าบริการที่
ประสบความสําเร็จเกือบทั้งหมด ล้วนเป็นบริการประเภท SMS และ EMS ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการ
ดาวน์โหลดรูปภาพหรือเสียงเรียกเข้า รวมถึงการเล่นเกมส์ตอบปัญหาหรือส่งผลโหวตที่ปรากฏอยู่
ตามสื่อชนิดต่าง ๆ ซึ่งบริการเหล่านี้ล้วนเป็นบริการพื้นฐานในเครือข่าย 2G

ข้อจํากัดของเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อน 2.5G และ 2.75G เกิดขึ้นมาจากความพยายามพัฒนา
เครือข่าย 2G เดิม ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน GSM หรือ CDMA ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าการ
ลงทุน ทําให้ผู้ให้บริการเครือข่ายไม่อาจบริหารจัดการทรัพยากรเครือข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ได้
อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ไม่ว่าจะเป็นย่าน
ความถี่ 900 เมกะเฮิตรซ์ , 1800 เมกะเฮิตรซ์ หรือ 1900 เมกะเฮิตรซ์ เนื่องจากอุปกรณ์ที่มีการติดตั้ง
ใช้งานมาตั้งแต่การเปิดให้บริการในยุค 2G ล้วนเป็นเทคโนโลยีเก่า มีการทํางานแบบ Time Division
Multiple Access (TDMA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่า ต้องจัดสรรวงจรให้กับผู้ใช้งานตายตัว ไม่สามารถ
นําทรัพยากรเครือข่ายมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีดังกล่าวเหมาะสําหรับการ
สื่อสารข้อมูลแบบ Voice ซึ่งต้องการคุณภาพและความคมชัดในการสนทนา

แม้เมื่อมีการพัฒนา เทคโนโลยี GPRS และ EDGE ซึ่งถือเป็นการเสริมเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูลแบบ
แพ็กเกตสวิตชิ่ง (Packet Switching) ที่มีความยืดหยุ่นในการสื่อสารข้อมูลแบบ Non-Voice ใน
ลักษณะเดียวกับที่พบในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ตาม แต่เทคโนโลยีทั้ง 2 ประเภทนี้ก็ถือว่าเป็นการ
ต่อยอด บนเครือข่ายแบบเดิมที่มีการทํางานแบบ TDMA ทําให้ผู้ให้บริการเครือข่ายต้องพะวงกับ
การจัดสรรทรัพยากรช่องสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการจัดสรรวงจรสื่อสารผ่านคลื่นความถี่วิทยุ
จากสถานีฐาน ไปยังเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทําให้ไม่สามารถเปิดให้บริการแบบ Non-
Voice ได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากจะทําให้เกิดผลรบกวนต่อจํานวนวงจรสื่อสารแบบ Voice มาก
จนเกินไป

ด้วยเหตุดังกล่าว จึงพบว่าไม่มีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2.5G หรือ 2.75G รายใดใน
โลก สามารถเปิดให้บริการเทคโนโลยี GPRS ด้วยอัตราเร็วสูงสุด 171 กิโลบิตต่อวินาที หรือ EDGE
ด้วยอัตราเร็ว 384 กิโลบิตต่อวินาทีได้ เนื่องจากการทําเช่นนั้นจะทําให้สถานีฐาน (Base Station) ที่
ทําหน้าที่รับส่งสัญญาณกับเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่มีวงจรสื่อสารเหลือสําหรับให้บริการ
แบบ Voice อีกต่อไป ผลที่เกิดขึ้นในมุมมองของผู้ใช้บริการก็คือความเชื่องช้าในการสื่อสารข้อมูล
ผ่านเครือข่าย 2.5G และ 2.75G ทําให้หมดความสนใจที่จะใช้บริการต่อไป โดยในขณะเดียวกันก็มี
บริการสื่อสารอัตราเร็วสูงแบบบรอดแบนด์ผ่านคู่สาย เช่น DSL (Digital Subscriber Line) เป็น
ทางเลือกสําหรับใช้บริการ ความสนใจที่จะใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อรับส่งข้อมูลจึงมีอยู่
เฉพาะการเล่นเกมส์และส่ง SMS, MMS ซึ่งทําได้ง่าย และมีการประชาสัมพันธ์ดึงดูดใจมากมาย
มาตรฐานโทรศัพท์ เคลื่อนที่ 3G

เพื่อเป็นการเพิ่มความ คล่องตัวในการเปิดให้บริการ Non-Voice อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งยังคง
รักษาคุณภาพในการให้บริการ Voice ด้วยระดับคุณภาพที่ทัดเทียมหรือดีกว่าในยุค 2G องค์กรสากล
3GPP (Third Generation Program Partnership) และ 3GPP2 จึงได้กําหนดมาตรฐาน
โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ขึ้น โดยมีมาตรฐานสําคัญอยู่ 2 ประเภท คือ

มาตรฐาน UMTS (Universal Mobile Telecommunications Services) เป็นมาตรฐานที่ออกแบบมา
สําหรับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้นํา ไปพัฒนาจากยุค 2G/2.5G/2.75G ไปสู่
มาตรฐานยุค 3G อย่างเต็มตัว รับผิดชอบการพัฒนามาตรฐานโดยองค์กร 3GPP มีเทคโนโลยีหลักที่
ปัจจุบันมีการยอมรับใช้งานทั่วโลกคือมาตรฐาน Wideband Code Division Multiple Access (W-
CDMA) โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาต่อเนื่องไปสู่มาตรฐาน HSDPA (High Speed Downlink
Packet Access) ซึ่งรองรับการสื่อสารด้วยอัตราเร็วสูงถึง 14 เมกะบิตต่อวินาที หรือเร็วกว่าการ
สื่อสารแบบ 2.75G ถึง 36 เท่า มาตรฐาน W-CDMA นี้เองที่กิจการร่วมค้า ไทย - โมบาย กําลังจะ
ดําเนินการพัฒนาเพื่อเปิดให้บริการภายในต้นปี พ.ศ. 2548 นอกจากจะเป็นเส้นทางในการพัฒนาสู่
มาตรฐาน 3G ของบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM แล้ว มาตรฐาน W-CDMA
ยังได้รับการยอมรับจากผู้ให้บริการรายใหญ่อย่างบริษัท NTT DoCoMo ผู้เปิดให้บริการ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ I-mode ซึ่งใช้เทคโนโลยี PDC ให้เป็นมาตรฐาน 3G สําหรับใช้งานภายใต้
เครื่องหมายการค่า “FOMA” โดยได้เปิดให้บริการในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.
2544 เป็นต้นมา และปัจจุบัน W-CDMA ได้กลายเป็นเครือข่าย 3G ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
มาตรฐาน cdma2000 เป็นการพัฒนาเครือข่าย CDMA ให้รองรับการสื่อสารในยุค 3G รับผิดชอบ
การพัฒนามาตรฐานโดยองค์กร 3GPP2 มีเทคโนโลยีหลักคือ cdma2000-3xRTT ที่มีศักยภาพ
เทียบเท่ากับมาตรฐาน W-CDMA ของค่ายยุโรป แต่ปัจจุบันยังไม่มีกําหนดความพร้อมสําหรับ
ให้บริการเชิงพาณิชย์ที่ชัดเจน สําหรับในประเทศไทย บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย
จํากัด เปิดให้บริการเฉพาะเครือข่าย cdma20001xEV-DO ซึ่งยังมีขีดความสามารถเทียบเท่าเครือข่าย
2.75G เท่านั้น

มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อน ที่ W-CDMA ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รองรับการสื่อสารแบบ
มัลติมีเดียสมบูรณ์แบบ โดยเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสื่อสารชนิด TDMA ที่ปรากฏอยู่ในเครือข่าย
โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุค 2G/2.5G/2.75G ไปเป็นการสื่อสารแบบแพ็กเกตสวิทชิ่งเต็มรูปแบบ สามารถ
รองรับทั้งการสื่อสารทั้ง Voice และ Non-Voice โดยมีมาตรฐานการรองรับและควบคุมคุณภาพของ
ข้อมูลที่สมบูรณ์แบบ อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล
(Information Coding) จึงทําให้ผู้ให้บริการเครือข่าย 3G ก้าวพ้นจากข้อจํากัดในการบริหารจัดการ
ข้อมูลประเภท Voice และ Non-Voice ดังที่ปรากฏอยู่ในมาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G ได้อย่างเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามเพื่อให้ เครือข่าย W-CDMA สามารถรองรับการสื่อสารข้อมูลได้อย่างเต็มรูปแบบ และ
ให้เกิดความคล่องตัวในการจัดสรรทรัพยากรความถี่วิทยุ จึงจําเป็นต้องมีการกําหนดย่านความถี่
สําหรับใช้เปิดให้บริการ โดยเป็นไปตามแผนผังการจัดวางความถี่สากลทั่วโลกดังแสดงในรูปที่ 5
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทําให้ กิจการร่วมค้าไทย - โมบาย เป็นเพียงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ราย
เดียวในประเทศไทยที่สามารถเปิด ให้บริการเครือข่าย 3G แบบ W-CDMA ได้ในทันที เนื่องจากมี
สิทธิ์ใช้คลื่นความถี่วิทยุในย่าน 1965 – 1980 เมกะเฮิตรซ์ และ 2155 – 2170 เมกะเฮิตรซ์ ขณะที่ผู้
ให้บริการเครือข่ายรายอื่น ๆ จําเป็นต้องยื่นคําร้องผ่านกระบวนการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโดย
คณะกรรมการ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก
หลายปีเพื่อได้สิทธิ์ในการเปิดให้บริการ W-CDMA เป็นรายต่อไป

จุดเด่นของ มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA

นอกจากมาตรฐานโทรศัพท์ เคลื่อนที่ 3G จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีสถานีฐาน (Base Station
Subsystem) จากยุค 2G ซึ่งใช้เทคโนโลยี TDMA เป็นการรับส่งข้อมูลในรูปแบบแพ็กเกตเพื่อความ
คล่องตัวในการจัดสรรทรัพยากร ความถี่สําหรับให้บริการทั้งแบบ Voice และ Non-Voice อย่างเกิด
ประโยชน์สูงสุด อันจะช่วยสร้างความรู้สึกให้กับผู้ใช้บริการ (End User Perception) ถึงความ
รวดเร็วในการสื่อสารข้อมูล และยังคงรักษาคุณภาพของการสนทนาที่เหนือกว่ามาตรฐาน
2G/2.5G/2.75G แล้ว มาตรฐาน W-CDMA ยังมีความคล่องตัวในการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายข้อมูล
ที่อยู่ในโลกอิน เทอร์เน็ต เนื่องจากมาตรฐานการเชื่อมต่อต่าง ๆ สอดรับกับมาตรฐานของ
อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตทุกประการ ก่อให้เกิดการเปิดกว้างในรูปแบบของความร่วมมือกับ
พันธมิตรจํานวนมาก มีความคล่องตัวในการบันทึก จัดเก็บ และบริหารจัดการข้อมูลประเภท
สื่อข้อมูล (Content) ต่าง ๆ

เมื่อทําการเปรียบเทียบ เฉพาะด้านของอัตราเร็วในการสื่อสารข้อมูลดังแสดงใน รูปที่ 6 จะเห็นว่า
มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G นอกจากจะรองรับการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็วกว่ามาตรฐาน
2G/2.5G/2.75G แล้ว ยังก่อให้เกิดการถือกําเนิดของบริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถสร้างขึ้นบน
เครือข่ายยุคในตระกูล 2G/2.5G/2.75G ได้ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือบริการ Video Telephony และ
Video Conference ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน โดยเครือข่าย 3G จะทําการถ่ายทอดสดทั้ง
ภาพและเสียงระหว่างคู่สนทนา โดยไม่เกิดความหน่วงหรือล่าช้าของข้อมูล บริการในลักษณะนี้จะ
กลายเป็น จุดขาย สําคัญประการหนึ่งของมาตรฐานการสื่อสารแบบ 3G ทั้งนี้เครื่องลูกข่าย
โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ที่มีจําหน่ายในปัจจุบัน ล้วนรองรับบริการ Video Telephony แล้วทั้งสิ้น จึง
สามารถเปิดให้บริการดังกล่าวได้ในทันที

ข้อมูลจาก UMTS Forum ในรูปที่ 7 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของจํานวนผู้ใช้บริการ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA เปรียบเทียบกับมาตรฐาน GSM โดยพิจารณาอัตราการ
เติบโตภายในช่วง 10 ไตรมาสแรก (2 ปีครึ่ง) หลังจากการเปิดให้บริการ GSM ในเดือนมกราคม
พ.ศ. 2535 เทียบกับ 10 ไตรมาสแรกหลังจากการเปิดให้บริการ W-CDMA ในเดือนตุลาคม พ.ศ.
2544 พบว่าเครือข่าย 3G แบบ W-CDMA มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่ามาก มูลเหตุสําคัญมาจาก
แรงผลักดัน (Business Momentum) ที่ผู้ใช้บริการ 2.5G หรือ 2.75G รอคอยเครือข่ายสื่อสารไร้สายที่
สามารถตอบสนองความต้องการในการสื่อสารข้อมูล ด้วยอัตราเร็วสูงอย่างแท้จริง อีกทั้งผู้
ให้บริการเครือข่ายยังมีความคล่องตัวในการจัดสรรเครือข่ายในด้าน ต่าง ๆ เพื่อสร้างบริการสื่อสาร
ประเภท Non-Voice ที่ต้องพึ่งพาอัตราเร็วในการสื่อสารข้อมูลที่สูงขึ้น นอกเหนือจากบริการ Non-
Voice พื้นฐานอย่าง SMS และ EMS

กล่าวโดยสรุป ปัจจัยสําคัญที่ส่งผลให้มาตรฐานเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA มี
แนวโน้มของการประสบความสําเร็จทางธุรกิจที่รวดเร็วกว่ามาตรฐาน 2G จนถึง 2.75G นั้น สืบ
เนื่องมาจากการปฏิวัติรูปแบบของเทคโนโลยีเครือข่าย เพื่อตอบสนองรูปแบบการสร้างความ
ร่วมมือทางธุรกิจให้ผลักดันบริการ Non-Voice อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ UMTS Forum ได้กล่าวถึง
จุดเด่นของมาตรฐาน W-CDMA ซึ่งจะนําความสําเร็จในการดําเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการดังนี้
(เอกสาร Why the world has chosen W-CDMA : 24 September 2003)

1. เครือข่าย W-CDMA รับประกันคุณภาพในการรองรับข้อมูลแบบ Voice และ Non-Voice ในแง่
ของผู้ใช้บริการจะรับรู้ได้ว่าคุณภาพเสียงจากการใช้งานเครือข่าย 3G ชัดเจนกว่าหรืออย่างน้อย
เทียบเท่าการสนทนาผ่านเครือข่าย 2G ส่วนการรับส่งข้อมูลแบบ Non-Voice จะรับรู้ถึงอัตราเร็วใน
การสื่อสารที่สูงกว่าการใช้งานผ่านเครือข่าย 2.5G และ 2.75G มาก อันเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยน
เทคโนโลยีเครือข่าย และใช้ยานความถี่ที่สูงขึ้น
                              ่

2. W-CDMA เป็นมาตรฐานเปิด (Open Standard) ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยกลุ่ม 3GPP ซึ่งเป็นกลุ่ม
เดียวกับผู้พัฒนามาตรฐาน GSM ทําให้ผู้ให้บริการ 3G สามารถเชื่อมต่อเครือข่าย 3G เข้าหากันได้ถึง
ขั้นอนุญาตให้มีการใช้งานข้ามเครือข่าย (Roaming) เช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในเครือข่ายยุค 2G
นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อเพื่อการใช้งานข้ามเครือข่ายกับมาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G ได้
ในทันที โดยผู้ใช้บริการเพียงมีอุปกรณ์สื่อสารแบบ Dual Mode เท่านั้น ทําให้เกิดลู่ทางในการสร้าง
เครือข่าย W-CDMA เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบการเครือข่ายรายอื่นได้ร่วมเข้าใช้บริการ ในลักษณะของ
Mobile Virtual Network Operator (MVNO) เป็นรายได้ที่สําคัญนอกเหนือจากการให้บริการ 3G
กับผู้ใช้บริการที่จดทะเบียนภายในเครือข่าย

3. มาตรฐาน W-CDMA เป็นมาตรฐานโลก ที่จะเข้ามาแทนที่เครือข่ายในตระกูล GSM เช่นเดียวกับ
เหตุการณ์ที่เครือข่าย GSM เข้ามาแทนที่เครือข่าย 1G เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว จึงเป็นการรับประกันถึง
พัฒนาการที่มีอย่างต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ การเร่งเปิดให้บริการ 3G จึงเปรียบได้กับการเร่งเข้าสู่
ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันที่
เกิดขึ้น ในอดีต

4. พิจารณาเฉพาะการให้บริการแบบ Voice จะเห็นว่าการลงทุนสร้างเครือข่าย W-CDMA มีต้นทุน
ที่ต่ํากว่าการสร้างเครือข่าย GSM ถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมาตรฐาน W-CDMA มีความ
ยืดหยุ่นและคล่องตัวให้ผู้ประกอบสามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรความถี่ เพื่อรองรับ Voice และ
Non-Voice ได้อย่างผสมผสาน ต่างจากการกําหนดทรัพยากรตายตัวในกรณีของเทคโนโลยี GSM

5. W-CDMA เป็นมาตรฐานสื่อสารไร้สายชนิดเดียวที่มีรูปแบบการทํางานแบบแถบความถี่กว้าง
(Wideband) อันนํามาซึ่งประสิทธิภาพในการสร้างพื้นที่ให้บริการที่กว้างใหญ่ ไปพร้อม ๆ กับความ
สะดวกในการเพิ่มขยายขีดความสามารถในการรองรับข้อมูลข่าวสาร ต่างจากเครือข่าย 2G
โดยทั่วไปที่ปัจจุบันเริ่มประสบกับปัญหาการจัดสรรความถี่ที่ไม่เพียงพอต่อ การขยายเครือข่าย
เนื่องจากเป็นระบบแบบแถบความถี่แคบ (Narrow Band)

6. กลไกการทํางานภายในเครือข่าย W-CDMA เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะมาตรฐาน
IETF (Internet Engineering Task Force) ทําให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดโอกาสให้พันธมิตรทาง
ธุรกิจซึ่งมีความเชี่ยวชาญ ในการพัฒนาโปรแกรมหรือบริการพิเศษต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ได้ทําการพัฒนาสร้างบริการผ่านอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย โดยใช้ทักษะความสามารถและความ
ชํานาญที่มีอยู่ เป็นการกระตุ้นให้เกิดบริการประเภท Non-Voice ได้สารพัดรูปแบบ

7. มีแนวทางในการพัฒนาขีดความสามารถในรองรับการสื่อสารข้อมูลที่มีอัตราเร็วสูง ขึ้น ไม่ว่าจะ
เป็นการพัฒนาสู่มาตรฐาน HSDPA ที่รองรับการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วที่สูงมากถึง 14 เมกะบิต
ต่อวินาที ในขณะที่มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ไม่สามารถพัฒนาให้รองรับการสื่อสารข้อมูล
ได้มากกว่าเทคโนโลยี EDGE ในปัจจุบัน ซึ่งรองรับข้อมูลได้ด้วยอัตราเร็ว 384 กิโลบิตต่อวินาที
และในความเป็นจริงก็ไม่สามารถเปิดให้บริการด้วยอัตราเร็วถึงระดับดังกล่าว ได้ เนื่องจากจะทําให้
สถานีไม่สามารถรองรับบริการ Voice ได้อีกต่อไป

8. ในอนาคตมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G มีทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนในการรวมตัวกับ
มาตรฐานสื่อสารไร้สายชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน Wireless LAN (IEEE802.11b/g) หรือ
WiMAX (IEEE802.16d/e/e+) ทําให้ผู้ใช้บริการเครือข่ายไร้สายสามารถเคลื่อนย้ายไปใช้งานใน
เครือข่ายใด ๆ ก็ได้ตามความเหมาะสมทางภูมิประเทศ โดยยังคงได้รับการดูแลโดยผู้ให้บริการ
เครือข่าย 3G

ความสําคัญต่าง ๆ เหล่านี้เองที่เป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM จํานวน
มากทั่วโลก รวมนักลงทุนหน้าใหม่ ให้ความสําคัญสําหรับการแสวงหาสิทธิ์ในการเปิดให้บริการ
เครือข่าย 3G และมีแผนกําหนดเปิดให้บริการเทคโนโลยี W-CDMA ดังมีข้อมูลแสดงในรูปที่ 8
โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับต้น ๆ ของโลก 8 รายได้ตัดสินใจเลือก
มาตรฐาน W-CDMA เป็นเทคโนโลยี 3G ดังแสดงในรูปที่ 9

ในท้ายที่สุด ความสมบูรณ์แบบในการรองรับธุรกิจ Non-Voice ของมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G
แบบ W-CDMA จะช่วยผลักดันให้เกิดห่วงโซ่ธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ ดังแสดงในรูปที่ 10 แม้จะมี
ความพยายามในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมภายในประเทศที่จะผลัก ดันให้เกิดการ
ประสานผลประโยชน์อย่างลงตัวระหว่างผู้ให้บริการเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G/2.5G/2.75G
กับผู้ประกอบการสื่อข้อมูลต่าง ๆ มาก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากข้อจํากัดของเครือข่ายในตระกูล GSM
และ CDMA เองที่ไม่มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะสร้างความประทับใจต่อผู้ใช้บริการ จึงทําให้เกิด
การขาดช่วงของความสมดุลในการผสานผลประโยชน์ เมื่อพิจารณาจากความสําเร็จของเครือข่าย
โทรศัพท์เคลื่อนที่ FOMA ของบริษัท NTT DoCoMo ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่เปิดให้บริการ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA และประสบความสําเร็จในการดึงศักยภาพของเครือข่าย W-
CDMA ให้เกื้อหนุนต่อความลงตัวสําหรับการร่วมมือในธุรกิจ Non-Voice ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง
งดงาม ต่อเนื่องด้วยความคืบหน้าในการสานต่อโครงสร้างธุรกิจ Non-Voice ในประเทศจีนและอีก
หลาย ๆ ประเทศ จึงสรุปได้ว่ามาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA จะเป็นการเปิด
ประตูสู่ธุรกิจ Non-Voice ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
        2.2.1 ความหมายของ Social Media
                  Social = สังคมNetwork = เครือข่ายMedia = สื่อ

         สื่อ ที่เป็น เครือข่าย ใน สังคม เหมือน เวลาที่เราจะกินข้าว จะใช้มือจกกินเลยก็ได้นะ ไม่
ต้องพึ่งใคร แต่เมื่อไหร่ที่ใช้ช้อนตักข้าวเข้าปาก นั่นหมายความว่า “ช้อน ทาให้คุณกินข้าวได้สะดวก
ขึ้น” ใช่หรือไม่ เช่นเดียวกันกับ Social Network เค้าก็อยู่ของเค้าดีๆ ก็สื่อสารกันได้ไม่มีปัญหา แต่
เมื่อมี Media เข้ามา Network จึงไม่มีความหมายอีกต่อไป เหลือแค่ Social+Media ก็สามารถเข้ามา
การสื่อสารแบบเครือข่ายก็สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงเป็นที่นยมของผู้ที่เห็นช่องทางทําการตลาด
                                                               ิ
จนเกิดเป็น Social Media Marketing

          ซึ่งการ ใช้สื่อประเภทนี้ ควรมีคําเตือนติดข้างผนังก่อนลงมือทําทุกครั้ง เพราะเมื่อไหร่ที่เรา
ใช้สื่อผิดประเภท หรือผิดช่องทาง สิ่งที่คิดว่าจะได้ผลตอบรับ อาจกลายเป็น “ผลตอกกลับ” มาจาก
ผู้บริโภคก็เป็นได้ เพราะการทํา Social Media Marketing เป็นเสมือนการยืนหน้าไปหาคนที่ไม่รู้จัก
ในเวลาที่เค้ากําลังเมาท์กันมันส์ สนั่นชุมชนโคกอีแร้ง หรือที่เรียกว่า “Community” ใครที่ยืนหน้า
เข้าไปในเวลาที่กําลังเกิดดราม่าอย่างละคร เมียแต่ง ถ้าไม่สวยกว่า เรยา ก็อย่าได้ยืนหน้าเข้าไปเวลา
นั้นเลยค่ะ เพราะนอกจากจะไม่มีใครสนใจแล้ว เค้าอาจจะเข้าใจผิดว่าคุณจะมาขอแบ่งสามีเค้าก็ได้
นะคะ การสสื่อสารบ น Social Media จึงจาเป็นต้องมีวิธีที่น่าสนใจ ในเวลาที่เหมาะสม และตรง
กลุ่มเป้าหมาย

        เพราะฉะนั้น Social Media Marketing ไม่ใช่แค่การสร้างตัวตนให้รู้ว่ามี แต่มันคือ การ
สร้างตัวตนให้มีคนรู้จัก กล้าเข้าใกล้และให้ความสนิท สนมอย่างสนิทใจ ไม่ใช่การสร้างตัวตนที่มี
คนเห็น แต่ไม่มีใครจับต้องได้ เพราะมันจะไม่ต่างกับ “ผี” ที่ไม่มีตัวตน




        2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media

                 3G,Social Media และความเป็นไทย

ส่วนสรุปบทความ
ปัจจุบันคนไทยมีโอกาสเข้าถึง Internet ความเร็วสูงหรือ Broadbandได้ โดยมีการขยายตัวเพิ่มถึง 40
เท่าใน
ระยะเวลาอันสั้น คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคตต่อจากนี้ Broadband จะกลายเป็นสิ่งสําคัญในชีวิต
ของคนไทยอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ สถิติการใช้งานInternetนั้นมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก โดยตลาดมีการขยายตัวสูง
ถึง 40เท่า
โดยประมาณ การสู้รบระหว่าง Digital กับ Traditionalจะต้องมาจบด้วยความพ่ายแพ้ของวื่อยุคเก่า
ประเทศไทยจะก้าว
ต่อไปในโลก Digital อย่างที่เพื่อนบ้านได้เริ่มมากกว่าทศวรรษแล้ว

นโยบายของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน ในหัวข้อที่ว่า “Creative Economy” นั้น คนไทยจะมีโอกาส
สร้างฝันให้เป็น
จริงได้หรือไม่นั้น อยู่ที่การประยุกต์และผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับจุดเด่นของประเทศเพื่อให้เกิด
คุณค่าทางเศรษฐกิจ
สูงสุด ดังนั้นถือว่าเทคโนโลยีก็เป็นปัจจัยที่สําคัญมากสําหรับนโยบายการพัฒนาประเทศ

เทคโนโลยีในการเข้าถึงได้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง การแข่งขันเปิดอย่างเสรี ทําให้มีเวทีในการ
แข่งขันระหว่างบริษัทชั้นนํา เช่น Apple และ Google ได้นํามาสู่ Disruptive Technology เช่น
iphone4,IPAD,Android ที่มีการนํามาใช้งานBroadband ด้วยอุปกรณ์มือถือขนาดเล็กผ่านโครงข่าย
3G มีประสิทธิภาพอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ภายใต้ราคาที่เข้าถึงได้ และกําลังมียอดขายในประเทศ
อย่างถล่มทลาย จึงเป็น Corvergance ของTechnology ที่ระบบโครงข่าย 3G ซึ่งกําลังจะมีขึ้นทั่ว
ประเทศประจวบกับเทคโนโลยีในการเข้าถึง กําลังร่วมสร้างปรากฏการณ์ของ Broadband ที่จะเป็น
Disruptive Change แบบต้องตะลึงกัน อย่างไรก็ดี Broadband เป็นดาบสองคม ถึงจะมีประโยชน์ใน
ด้านการสื่อสาร ธุรกิจ การศึกษา ฯลฯ จนกระทั่งเพิ่ม GDP ให้กับพื้นที่ครอบคลุมได้ แต่อย่าลืมว่า
Broadband ก็เป็นเครื่องมือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ความคิด วัฒนธรรม ในรูปแบบของข้อความ ภาพ
เสียง และวีดิโอ ที่สามารถนําไปสู่การสร้างสังคมออนไลน์ หรือ Social Media เช่น Facebook,
YouTube และ Twitter ที่ไม่สามารถทําได้ด้วยสื่อชนิดอื่น

นอกจากนี้ในปัจจุบันเรากําลังเรากําลังเข้าสู่นวัตกรรมของ โลกจําลอง หรือ Virtual World ที่อาจมา
ในรูปแบบของ Second Life หรือเกมออนไลน์ ทั้งหมดนี้ มีอิทธิพลต่อ ความคิด วัฒนธรรม ซึ่งมี
ความสําคัญกับการหล่อหลอมแนวคิดความเป็นไทยอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตอีกประการคือ Social media ที่คนไทยใช้เวลาด้วยมากที่สุดล้วนเป็นของต่างชาติ
แต่ในสายตาบริษัทที่ควบคุมโดยต่างชาติแล้ว ตลาดในประเทศไทยไม่ใช่ตลาดใหญ่หรือตลาดที่
สําคัญ ยังไม่มีบริษัท,ศูนย์บริการ หรือกระทั่งพนักงานที่รับผิดชอบประเทศไทยเลย ทั้งนี้ social
media ที่ปราศจากความเป็นไทยกําลังมี
อิทธิพลมากในสังคม จํานวนชั่วโมงการใช้social mediaต่อวันมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และอาจ
เป็นไปได้ที่คุณค่าทางวัฒนธรรมของคนไทยจะถูกลบเลือนโดยอิทธิพลของต่าง ชาติผ่าน
Broadband ด้วยเหตุผลที่ว่า สือยุคเก่ามีข้อบังคับการนําเสนอข่าวที่ต้องเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้
                              ่
และ ความเป็นไทย แต่สื่อทางอินเตอร์เน็ตนั้นผู้ใช้สามารถเลือกเข้าชมข้อมูลได้อย่างอิสระ
ปราศจากข้อจํากัดที่เข้มงวด

ส่วนวิเคราะห์บทความ

การติดต่อสื่อสารกันในปัจจุบันนี้นั้น “social media” คงเป็นอีกคําที่หลายๆคนคุ้นหูกันในฐานะของ
สื่อที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากใน ประเทศไทยรวมถึงทั่วโลกด้วย ไม่ว่าจะในรูปแบบของการ
ติดต่อสื่อสารของบุคคล,ติดต่อประสานงานในองค์กรหรือ แม้กระทั่งการเข้ามาทําธุรกิจผ่าน
ช่องทางดังกล่าว บทบาทของSocial Media ในประเทศไทยนั้นส่งผลกระทบต่อการดําเนินธุรกิจ
ขององค์กรต่างๆด้วย จะเห็นได้จากการที่องค์กรต่างๆต้องมีการปรับกลยุทธ์และการดําเนินธุรกิจ
โดยมี การดึง social media เข้าไปใช้องค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ของสังคมไทย ในยุคปัจจุบัน

ข้อดีของการ Social Media,3 ในประเทศไทย

1.เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่อีกขั้นของเทคโนโลยีในด้าน การติดต่อสื่อสาร จะ
เห็นได้ว่าในอดีตนั้นสื่อหลักที่ใช้กันในประเทศจะเป็นสื่อจําพวก โทรทัศน์,วิทยุ,สื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็น
จากการติดต่อสื่อสารแบบทางเดียว ไม่มีการตอบกลับของผู้รับสื่อ เป็นการป้อนข้อมูลผ่านสื่อให้กับ
ผู้บริโภค แต่เมื่อมีการนํา Social Media เข้ามาใช้นั้น เป็นสื่อที่อิสระในด้านของการให้ข้อมูลและมี
การตอบกลับในส่วนของความคิดเห็น ผ่านสื่อ (เป็นการสื่อสารแบบ Two-way-communication) ซึ่ง
จะมีลักษณะเด่นในเรื่องของการมีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก ผู้เสพสื่อหรือผู้รับสื่อก็สามารถเป็นผู้ส่ง
สารได้ในเวลาเดียวกัน

2.มีการผุดขึ้นของธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่เป็นจํานวนมากผ่านการใช้ สื่อ social media ไม่
ว่าจะเป็น hi5,facebook,twitter ก็จะมีผู้เข้ามาดําเนินธุรกิจในรูปแบบนี้ กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งใน
การทําธุรกิจที่มีความสะดวกสบายและง่ายต่อการ ดําเนินงาน นอกจากนี้ยังประหยัดต้นทุนและ
ค่าใช้จ่ายจํานวนมาก,บริหารจัดการง่ายในส่วนของ สินค้า จะเห็นได้ว่ามีธุรกิจจํานวนไม่น้อยที่
ประสบความสําเร็จจากการทําธุรกิจผ่านสื่อ ทางอินเตอร์เน็ต เช่น ร้านหนังสือ Amazon
,weloveshopping รวมถึงร้านขนาดเล็กๆอีกมากมาย

3.เป็นประโยชน์ในเรื่องของการสร้างเครือข่ายต่างๆ ไม่ผ่านจะเป็นในด้านของธุรกิจ,การเมือง หรือ
แม้กระทั่งความชอบหรืองานอดิเรกต่างๆ จะเห็นได้จากแฟนเพจในด้านต่างๆที่มีจํานวนมากในสื่อ
อินเตอร์เน็ต ปัจจุบันนี้ร้านค้าหรือองค์กรธุรกิจต่างๆก็ใช้การสร้างเครือข่ายเป็นอีกช่อง ทางในการ
ให้ข้อมูลต่างๆของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดในส่วนของสินค้า,โปรโมชั่นต่างๆ หรือ
แม้กระทั่งการรับฟังข้อมูลความคิดเห็นของลูกค้าผ่านทางสื่อนี้ เนื่องจากมีความสะดวกและสามารถ
เข้าถึงลูกค้าได้เป็นจํานวนมาก

4.เครือข่าย 3G ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองการใช้งานด้านข้อมูลเป็นหลัก เช่น การรับ-ส่งไฟล์เพลง,
วีดีโอ, รูปภาพ, การดาวน์โหลดคอนเท้นต์, การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต, การใช้บริการเสริม เป็นต้น
สามารถส่งเพลง MP3 หรือไฟล์วีดีโอ ได้ในเวลาที่รวดเร็ว ในขณะที่เครือข่าย GPRS / EDGE ที่ใช้
กันอยู่ในปัจจุบันจะใช้เวลานานมากๆ ดังนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากสําหรับบุคคลหรือองค์กรที่
เน้นการใช้งานอินเตอร์ เน็ตหรือใช้งานด้านข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการช่วยลดเวลาในการ
ดําเนินงานรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการ ดําเนินงานและการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นอย่างดี

ข้อเสียของการ Social Media,3 ในประเทศไทย
1.การเข้ามาของสื่อในประเทศไทยนั้นรุนแรงและน่ากลัวของอาชญากรรมผ่านสื่อทาง นี้มีมาก
เนื่องจากว่าการให้ข้อมูลผ่านสื่อไม่มีเงื่อนไขหรือข้อจํากัดที่เข้มงวด ทําให้เกิดการก่ออาชญากรรม
ผ่านการให้ข้อมูล เช่น การล้วงความลับข้อมูลต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลเท็จเพื่อหลอกลวงผู้เสพสื่อ
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสถาบันการเงินมีการใช้สื่อทางSocial media เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ลูกค้าใน
ด้านการทําธุรกรรมต่างๆทางการเงิน โดยเพียงแค่ใส่ข้อมูลส่วนตัวเข้าไป ลูกค้าก็สามารถทีจะทํา
ธุรกรรมทางการเงินได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังธนาคารเอง กลับก่อให้เกิดการขโมยข้อมูลเมื่อมี
กลุ่มที่สร้างเวปไซด์ลวงขึ้นมาเพื่อให้ คนใช้บริการเกิดความเข้าใจผิด และเมื่อใส่ข้อมูลส่วนตัวหรือ
รหัสต่างๆเข้าไปในระบบ ทําให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีดังกล่าวสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการได้

2.การใช้งานด้าน Social media ในประเทศไทยนั้น ยังเป็นแค่กลุ่มใช้งาน แต่ไม่มีความสามารถใน
การแข่งขันได้ ถึงแม้ว่าจํานวนผู้ใช้งานในประเทศไทยนั้นมีเป็นจํานวนมาก แต่เราไม่สามารถ
ปฏิเสธได้ว่าการเข้าใช้งานสื่อทางนี้มีคนจํานวนไม่น้อยที่ เข้าใช้งานเนื่องจากเพื่อให้ตามเทรนด์ของ
สังคมในยุคปัจจุบันหรือเพื่อเกาะ กระแสสังคม แต่ยังขาดการพัฒนาในด้านความรู้เพื่อสร้างสื่อ
บริการท้องถิ่นภายในประเทศ เพื่อแข่งขันกับสื่อsocial mediaของต่างประเทศ และเมื่อเทียบกับ
ประเทศอื่นๆนั้น จะเห็นได้ว่าประเทศอื่นๆมี Social network ท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะ
เป็น QQของประเทศจีน,Cyworldของประเทศเกาหลี,Mixiของประเทศญี่ปุ่น ก็ล้วนแล้วแต่เป็น
อันดับหนึ่งในประเทศของตน แม้กระทั่งในประเทศอินเดียและอินโดนีเซียก็ยังมี Mobile Social
Network ชื่อ Mig33 ซึ่งมีการส่งข้อความภายในประเทศเป็นสองเท่าของจํานวนทวีทของ Twitter
รวมกันทั้งโลก

แต่เมื่อย้อนกลับมามองที่ประเทศไทยซึ่งกําลังมีการผันกระแสจากการใช้งาน Hi5 เป็นการใช้งาน
Facebookและtwitterนั้นโดยมองไม่เห็นเงาของการบริการท้องถิ่นภายในประเทศเลย นอกจากนี้การ
ลงทุนในเรื่องของของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM เข้ามาสร้าง Innovation
centre ในประเทศเวียดนาม หรือแม้กระทั่งการที่ Google.org เลือกประเทศกัมพูชาเป็น regional
centre โดยมองข้ามประเทศไทย สาเหตุหลักนั่นก็คือความพร้อมในด้านการศึกษาและพัฒนา
ประเทศไทยมีการใช้งานระบบต่างๆอย่างแพร่หลายแต่กลับไม่มีความมุ่งมั่นในการ พัฒนาระบบ
เพื่อให้ระบบท้องถิ่นสามารถต่อสู้กับสื่อต่างประเทศที่เข้ามามี อิทธิพลของประเทศไทยได้

อนาคตของประเทศไทยหากจะประสบความสําเร็จในโลกของธุรกิจของSocial Mediaนั้น ควรมุ่งที่
จะพัฒนาในเรื่องของความสามารถในการแข่งขันและปลูกฝังในเรื่องของ ค่านิยมต่างๆ
ภายในประเทศมากกว่าการเพิ่มจํานวนผู้เข้าถึงการใช้งานในสื่อทาง นี้ หากมีการมุ่งมั่นและพัฒนา
อย่างจริงจัง เชื่อได้แน่นอนว่าประเทศไทยกับการผสมผสานระหว่างนโยบาย creative economy
ของรัฐบาลกับการพัฒนาสื่อที่มีบทบาทและทันสมัยอย่าง Social media จะทําให้ประเทศไทยก้าว
เข้าไปสู่การแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านหรือแม้กระทั่ง บนเวทีโลกได้อย่างสมบูรณ์

แหล่งที่มาข้อมูล
http://drjoke.com/3g-social-media
บทความเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 (ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)

เนื้อหาต้นฉบับ
หัวข้อ3G Social Media และความเป็นไทย
http://drjoke.com/3g-social-media
โอกาสของคนไทยจะมาถึงแล้วครับ ต้องขอขอบคุณ กทช. (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม
แห่งชาติ) ด้วยใบอนุญาต 3G ที่ภายใน 4 ปี 80% ของคนไทยจะมีโอกาสเข้าถึง Internet ความเร็วสูง
หรือ Broadband ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากราว 2% และเป็นการขยายตัวถึง 40 เท่าในระยะเวลาอันสั้น คงไม่
ต้องสงสัยว่า 4 ปีหลังจากนี้ Broadband จะกลายมาเป็นสิ่งสําคัญในชีวิตคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สถิติการใช้งาน Internet ที่ผ่านมา จะถูกบันทึกใหม่ด้วยการเข้าถึงโดย 80% ของคนในประเทศ
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Internet จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยตลาดที่ขยายตัวถึง 40 เท่า การสู้รบและ
ประวิงเวลาระหว่าง Digital กับ Traditional จะต้องมาจบลงด้วยความพ่ายแพ้โดยบริบูรณ์ของสื่อยุค
เก่า ประเทศไทยจะก้าวต่อไปในโลก Digital อย่างที่เพื่อนบ้านได้เริ่มมากว่าทศวรรษแล้ว คนไทยจะ
มีโอกาสสร้างฝันให้เป็นจริงได้ภายใต้นโยบาย Creative Economy ของรัฐบาลปัจจุบัน

เทคโนโลยีในการเข้าถึงได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง การแข่งขันอย่างเสรีระหว่างบริษัทชั้นนํา เช่น
Apple และ Google ได้นํามาสู่ Disruptive Technology เช่น iPhone 4, iPad และ Android ที่ทําให้
การใช้งาน Broadband ด้วยอุปกรณ์มือถือขนาดเล็กผ่านโครงข่าย 3G มีประสิทธิผลอย่างที่ไม่เคย
เป็นมาก่อน ภายใต้ราคาที่เข้าถึงได้ และกําลังมียอดขายในประเทศอย่างถล่มทลาย จึงเป็น
Convergence ของ Technology ที่ระบบโครงข่าย 3G ซึ่งกําลังจะมีขึ้นทั่วประเทศประจวบกับ
เทคโนโลยีในการเข้าถึง กําลังร่วมสร้างปรากฏการณ์ของ Broadband ที่จะเป็น Disruptive Change
แบบต้องตะลึงกัน
อย่างไรก็ดี Broadband เป็นดาบสองคม ถึงจะมีประโยชน์ในด้านการสื่อสาร ธุรกิจ การศึกษา ฯลฯ
จนกระทั่งเพิ่ม GDP ให้กับพื้นที่ครอบคลุมได้ แต่อย่าลืมว่า Broadband ก็เป็นเครื่องมือเผยแพร่
ข้อมูลข่าวสาร ความคิด วัฒนธรรม ในรูปแบบของข้อความ ภาพ เสียง และวีดิโอ ที่สามารถนําไปสู่
การสร้างสังคมออนไลน์ หรือ Social Media เช่น Facebook, YouTube และ Twitter ที่ไม่สามารถทํา
ได้ด้วยสื่อชนิดอื่นนอกไปจากนี้ เรากําลังเข้าสู่นวัตกรรมของ โลกจําลอง หรือ Virtual World ที่อาจ
มาในรูปแบบของ Second Life หรือเกมออนไลน์ ทั้งหมดนี้ มีอิทธิพลต่อ ความคิด วัฒนธรรม ซึ่งมี
ความสําคัญกับการหล่อหลอมแนวคิดความเป็นไทยอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปัจจุบัน Social Media ที่คนไทยใช้เวลาด้วยมากที่สุดล้วนเป็นของต่างชาติทั้งสิ้น ซึ่งในสายตา
บริษัทที่ควบคุมโดยคนต่างชาติแล้ว ประเทศไทยเป็นแค่หนึ่งในหลายๆ ตลาดบนโลกใบนี้ และ
ไม่ใช่ตลาดสําคัญที่สุด โดยให้ความพยายามเพียงแค่การแปลเมนูคําสั่งโดยผิวเผินให้เป็นภาษาไทย
เท่านั้น และไม่ได้ให้ความสําคัญกับความเป็นไทย โดยการปรับปรุงแก้ไขลักษณะการให้บริการให้
เข้ากับท้องถิ่นจริง นอกไปจากนี้ Social Media ที่คนไทยใช้กัน ยังไม่มีบริษัทไหนมีศูนย์บริการ
หรือกระทั่งพนักงานประจําที่รับผิดชอบประเทศไทยเลย
ทั้งนี้ Social Media ที่ปราศจากความเป็นไทย กําลังมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในสังคม จํานวนชั่วโมง
ที่คนไทยใช้บน Social Media ต่อวัน มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทอนเวลาไปจากสื่อ
ยุคเก่าเช่นโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ และหากคํานึงว่า Broadband จะมีการขยายตัวถึง 80%
อิทธิพลในวันนั้นจะเป็นทวีคูณของวันนี้ และอาจเป็นไปได้ ที่คุณค่าทางวัฒนธรรมของคนไทยที่มี
มากว่าสหัสวรรษ จะต้องถูกลบเลือนโดยอิทธิพลของต่างชาติผ่าน Broadband ภายในเวลาไม่กี่
ทศวรรษในขณะที่สื่อยุคเก่า เช่น โทรทัศน์ ยังมีข้อบังคับการนําเสนอข่าวที่ต้องเป็นประโยชน์ต่อ
การเรียนรู้ และความเป็นไทย แต่ในสื่อ Internet นั้น ผู้ใช้สามารถเลือกเข้าชมข้อมูลได้ตามใจชอบ
หากศึกษากรณีของเกาหลีใต้ ที่ต่อสู้กับเกาหลีเหนือ โดยใช้สื่อเพื่อนําความเป็นเกาหลีใต้เข้าครอบงํา
จิตใจของคนเกาหลีเหนือ ขนาดเกาหลีเหนือปิดกั้นประเทศทุกวิถีทางยังสั่นคลอนได้ แต่ประเทศ
ไทยด้วยเทคโนโลยี 3G กําลังจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าครอบงํา 80% ของคนในชาติอย่างเสรี
ผ่านนวัตกรรม Social Media และ Virtual World ที่จะไปได้ทุกที่ด้วยเทคโนโลยีในการเข้าถึง เราจึง
มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียความเป็นไทยที่ไม่สามารถซื้อคืนได้




         2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media
        Social Network

       myFri3nd มีรูปแบบคล้ายเว็บ Social Network ทั่วไป เป็นเว็บไซต์ในเครือ sanook.com
       D-Looks เว็บไซต์ Social Network แนว ๆ hi5 แต่มีสโลแกนว่า เว็บไซต์ดูดี สําหรับคนดี ๆ
       BangkokSpace เป็น Social Network สําหรับคนชอบเที่ยวกลางคืน

    Blogging

       exteen เว็บผู้ให้บริการ blog อันดับหนึ่งของไทย สูสีเบียดกับ bloggang อยู่ตลอด แต่หลัง ๆ
        ดูเหมือนยอดสมาชิกจะแซงแล้ว ตัวระบบ exteen เองพัฒนาได้ดี
       BlogGang ผู้ให้บริการพื้นที่ blog ในเครือ pantip.com ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ จะเป็นแฟน
        คลับ หรือขาประจําของ pantip.com อยู่แล้ว

    Micro Blogging
   NokNok เว็บแบบเดียวกับ twitter แต่พัฒนาโดยคนไทย (ในเครือ sanook.com เช่นกัน) แต่
        ดูมีแนวโน้มการพัฒนาที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมให้อัพเดทกับ twitter ได้ หรือการอัพเดท
        noknok ผ่านมือถือเป็นต้น

    Social Bookmarking

       Zickr เว็บ social bookmark อันดับหนึ่งของไทย คนใช้กันเพียบ เป็นที่รวมข้อมูลบทความ
        ทันสมัย ที่มีคนมาช่วยกันใส่เรื่องใหม่ ทุกวัน
       Duocore เว็บที่รายงานข่าวเกี่ยวกับวงการไอทีไทย ในรูปแบบวีดีโอ โดยใช้ระบบ Social
        Bookmark มาให้ผู้ชม ช่วยกันส่งเรื่องราวไอทีที่น่าสนใจเข้ามา ในแต่ละสัปดาห์จะมีการ
        เลือกเรื่องราวที่น่าสนใจ ไปทํารายการเป็นรูปแบบวีดีโอ
       Siam Collective เว็บ Social Bookmark อีกแห่งหนึ่งของไทย
       iam in Thai Social Bookmark ของไทยที่เก็บรวบรวมงานอีเว้นต์ และเทศกาลสําคัญ
       Techkr เว็บ Social Bookmark ที่เก็บแต่เรื่องราวเทคโนโลยี

    Social Mailbox

       Fwdder.com เว็บที่ให้คุณสามารถ forward email ต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากคนอื่น แล้วนํามา
        ขึ้นแสดงในเว็บไซต์ได้ทันที เรียกได้ว่าเป็นเว็บไซต์ที่รวมพวก forward email ไว้ให้อ่าน
        กันนั่นเอง




2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
          2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
                  บล็อก (อังกฤษ: blog) เป็นคํารวมมาจากคําว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็น
รูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลําดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูล
ที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อ
ต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ
บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็น
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง

Contenu connexe

En vedette

31 historias de Branding Personal contadas en primera persona
31 historias de Branding Personal contadas en primera persona31 historias de Branding Personal contadas en primera persona
31 historias de Branding Personal contadas en primera persona
Carlos Terrones Lizana
 
O uso das novas tecnologias da informação no
O uso das novas tecnologias da informação noO uso das novas tecnologias da informação no
O uso das novas tecnologias da informação no
Ivafreire
 
Manualcuidadosbasicosportaleducaodiadamulher 110308083721-phpapp01
Manualcuidadosbasicosportaleducaodiadamulher 110308083721-phpapp01Manualcuidadosbasicosportaleducaodiadamulher 110308083721-phpapp01
Manualcuidadosbasicosportaleducaodiadamulher 110308083721-phpapp01
SALÃO LUCIA BARROS
 
כלי גוגל
כלי גוגלכלי גוגל
כלי גוגל
noemyp
 
Periodismo ciudadano, evolución positiva de la Comunicación - Fundación Telef...
Periodismo ciudadano, evolución positiva de la Comunicación - Fundación Telef...Periodismo ciudadano, evolución positiva de la Comunicación - Fundación Telef...
Periodismo ciudadano, evolución positiva de la Comunicación - Fundación Telef...
Carlos Terrones Lizana
 
Conflitos amb.trab
Conflitos amb.trabConflitos amb.trab
Conflitos amb.trab
Pedro Eliel
 
Progetto "TxT - TEMPO PER TUTTI", presentazione bambini
Progetto "TxT - TEMPO PER TUTTI", presentazione bambiniProgetto "TxT - TEMPO PER TUTTI", presentazione bambini
Progetto "TxT - TEMPO PER TUTTI", presentazione bambini
ElaborAZIONI.org
 
Conjunto de guías éticas para hacer periodismo en la Web - Poynter Institute,...
Conjunto de guías éticas para hacer periodismo en la Web - Poynter Institute,...Conjunto de guías éticas para hacer periodismo en la Web - Poynter Institute,...
Conjunto de guías éticas para hacer periodismo en la Web - Poynter Institute,...
Carlos Terrones Lizana
 
Tersigni_Ance_24052011
Tersigni_Ance_24052011Tersigni_Ance_24052011
Tersigni_Ance_24052011
Rèdais
 

En vedette (20)

31 historias de Branding Personal contadas en primera persona
31 historias de Branding Personal contadas en primera persona31 historias de Branding Personal contadas en primera persona
31 historias de Branding Personal contadas en primera persona
 
O uso das novas tecnologias da informação no
O uso das novas tecnologias da informação noO uso das novas tecnologias da informação no
O uso das novas tecnologias da informação no
 
Libija1
Libija1Libija1
Libija1
 
สุดรักสุดดวงใจ
สุดรักสุดดวงใจสุดรักสุดดวงใจ
สุดรักสุดดวงใจ
 
Ole Jonny Korsgård
Ole Jonny KorsgårdOle Jonny Korsgård
Ole Jonny Korsgård
 
אוכלוסיית פלשתינה בסוף המאה ה-17
אוכלוסיית פלשתינה בסוף המאה ה-17אוכלוסיית פלשתינה בסוף המאה ה-17
אוכלוסיית פלשתינה בסוף המאה ה-17
 
San francesco nelle Marche
San francesco nelle MarcheSan francesco nelle Marche
San francesco nelle Marche
 
인비
인비인비
인비
 
HIMATIKA - ISTP
HIMATIKA - ISTPHIMATIKA - ISTP
HIMATIKA - ISTP
 
Manualcuidadosbasicosportaleducaodiadamulher 110308083721-phpapp01
Manualcuidadosbasicosportaleducaodiadamulher 110308083721-phpapp01Manualcuidadosbasicosportaleducaodiadamulher 110308083721-phpapp01
Manualcuidadosbasicosportaleducaodiadamulher 110308083721-phpapp01
 
บทที่๗
บทที่๗บทที่๗
บทที่๗
 
Los adolescentes y las redes sociales
Los adolescentes y las redes socialesLos adolescentes y las redes sociales
Los adolescentes y las redes sociales
 
כלי גוגל
כלי גוגלכלי גוגל
כלי גוגל
 
Form01
Form01Form01
Form01
 
Periodismo ciudadano, evolución positiva de la Comunicación - Fundación Telef...
Periodismo ciudadano, evolución positiva de la Comunicación - Fundación Telef...Periodismo ciudadano, evolución positiva de la Comunicación - Fundación Telef...
Periodismo ciudadano, evolución positiva de la Comunicación - Fundación Telef...
 
Flores
FloresFlores
Flores
 
Conflitos amb.trab
Conflitos amb.trabConflitos amb.trab
Conflitos amb.trab
 
Progetto "TxT - TEMPO PER TUTTI", presentazione bambini
Progetto "TxT - TEMPO PER TUTTI", presentazione bambiniProgetto "TxT - TEMPO PER TUTTI", presentazione bambini
Progetto "TxT - TEMPO PER TUTTI", presentazione bambini
 
Conjunto de guías éticas para hacer periodismo en la Web - Poynter Institute,...
Conjunto de guías éticas para hacer periodismo en la Web - Poynter Institute,...Conjunto de guías éticas para hacer periodismo en la Web - Poynter Institute,...
Conjunto de guías éticas para hacer periodismo en la Web - Poynter Institute,...
 
Tersigni_Ance_24052011
Tersigni_Ance_24052011Tersigni_Ance_24052011
Tersigni_Ance_24052011
 

Similaire à บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ระบบโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในยุคที่ 3
ระบบโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในยุคที่  3ระบบโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในยุคที่  3
ระบบโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในยุคที่ 3
jeabjeabloei
 
ประโยชน์ของ Mobile จากอดีตถึงปัจจุบัน
ประโยชน์ของ Mobile จากอดีตถึงปัจจุบันประโยชน์ของ Mobile จากอดีตถึงปัจจุบัน
ประโยชน์ของ Mobile จากอดีตถึงปัจจุบัน
jamejudy
 
ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการทางการเงินผ่าน Mobile Banking Appl...
ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการทางการเงินผ่าน Mobile Banking Appl...ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการทางการเงินผ่าน Mobile Banking Appl...
ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการทางการเงินผ่าน Mobile Banking Appl...
ChanidaSuriban
 
น.ส. ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
น.ส. ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19 น.ส. ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
น.ส. ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
eye_twpk
 
น.ส ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
น.ส ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19น.ส ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
น.ส ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
eye_twpk
 
Wi max technology
Wi max technology Wi max technology
Wi max technology
cakiiminikii
 
โทรศัพท์เคลื่อนที่(ชาติย์+ฐิติวัฒน์)404
โทรศัพท์เคลื่อนที่(ชาติย์+ฐิติวัฒน์)404โทรศัพท์เคลื่อนที่(ชาติย์+ฐิติวัฒน์)404
โทรศัพท์เคลื่อนที่(ชาติย์+ฐิติวัฒน์)404
Wanz Buranakanonda
 

Similaire à บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง (20)

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
โครงร่าง
โครงร่างโครงร่าง
โครงร่าง
 
ระบบโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในยุคที่ 3
ระบบโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในยุคที่  3ระบบโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในยุคที่  3
ระบบโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในยุคที่ 3
 
ประโยชน์ของ Mobile จากอดีตถึงปัจจุบัน
ประโยชน์ของ Mobile จากอดีตถึงปัจจุบันประโยชน์ของ Mobile จากอดีตถึงปัจจุบัน
ประโยชน์ของ Mobile จากอดีตถึงปัจจุบัน
 
ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการทางการเงินผ่าน Mobile Banking Appl...
ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการทางการเงินผ่าน Mobile Banking Appl...ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการทางการเงินผ่าน Mobile Banking Appl...
ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการทางการเงินผ่าน Mobile Banking Appl...
 
3G, Mid And Web Applications
3G, Mid And Web Applications3G, Mid And Web Applications
3G, Mid And Web Applications
 
น.ส. ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
น.ส. ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19 น.ส. ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
น.ส. ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
 
น.ส ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
น.ส ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19น.ส ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
น.ส ทิพย์วรรณ พวงแก้ว ม.4/10 เลขที่19
 
4 g
4 g4 g
4 g
 
Wi max technology
Wi max technology Wi max technology
Wi max technology
 
เทคโนโลยี 4 g
เทคโนโลยี 4 gเทคโนโลยี 4 g
เทคโนโลยี 4 g
 
Truecorporation
TruecorporationTruecorporation
Truecorporation
 
บทที่ 1 เทคโนโลยีสมัยใหม่เอาลงบล๊อก
บทที่ 1 เทคโนโลยีสมัยใหม่เอาลงบล๊อกบทที่ 1 เทคโนโลยีสมัยใหม่เอาลงบล๊อก
บทที่ 1 เทคโนโลยีสมัยใหม่เอาลงบล๊อก
 
4 g tecnology
4 g tecnology4 g tecnology
4 g tecnology
 
Wimax
WimaxWimax
Wimax
 
โทรศัพท์เคลื่อนที่(ชาติย์+ฐิติวัฒน์)404
โทรศัพท์เคลื่อนที่(ชาติย์+ฐิติวัฒน์)404โทรศัพท์เคลื่อนที่(ชาติย์+ฐิติวัฒน์)404
โทรศัพท์เคลื่อนที่(ชาติย์+ฐิติวัฒน์)404
 
Connect1
Connect1Connect1
Connect1
 
Phu
PhuPhu
Phu
 
แผนยุทธศาสตร์/แผนธุรกิจ 2559-2563 บมจ. ทีโอที
แผนยุทธศาสตร์/แผนธุรกิจ 2559-2563 บมจ. ทีโอทีแผนยุทธศาสตร์/แผนธุรกิจ 2559-2563 บมจ. ทีโอที
แผนยุทธศาสตร์/แผนธุรกิจ 2559-2563 บมจ. ทีโอที
 

Plus de กลอนแก้ว สาลีศรี (9)

ภาคผนวก
 ภาคผนวก ภาคผนวก
ภาคผนวก
 
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงานบทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน
 
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำบทที่ 1 บทนำ
บทที่ 1 บทนำ
 
0 ส่วนนำ1
0 ส่วนนำ10 ส่วนนำ1
0 ส่วนนำ1
 
ส่วนนำ1
ส่วนนำ1ส่วนนำ1
ส่วนนำ1
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
00 ส่วนนำ1
00 ส่วนนำ100 ส่วนนำ1
00 ส่วนนำ1
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
 

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง

  • 1. บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทําโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่องลักษณะการทํางานของ3G นี้ ผู้จัดทําโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยี3G 3G คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่สาม หรือมาตรฐาน IMT-2000 นั้นนิยามสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจ ตรงกันว่า  “ต้องมี แพลทฟอร์ม (Platform) สําหรับการหลอมรวมของบริการต่างๆ อาทิ กิจการประจํา ที่ (Fixed Service) กิจการเคลื่อนที่ (Mobile Service) บริการสื่อสารเสียง ข้อมูล อินเทอร์เน็ต และ พหุสื่อ (Multimedia) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน” คือ สามารถถ่ายเท ส่ง ต่อข้อมูล ดิจิตอล ไปยังอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทต่างๆ ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้  “ความ สามารถในการใช้โครงข่ายทั่วโลก (Global Roaming) ” คือ ผู้บริโภคสามารถ ถือ อุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง  “บริการที่ไม่ขาดตอน (Seamless Delivery Service) ” คือ การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่โดย ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยน เซลล์ไซต์ (Cell Site) เขาใช้คําว่า Seam less นั้นแปลว่า ไร้รอยตะเข็บ นะครับ  อัตรา ความเร็วในการส่งข้อมูล (Transmission Rate) ในมาตรฐาน IMT-2000 นั้นกําหนด ไว้ว่าต้องมีอัตราความเร็วดังนี้ [  o o ในสภาวะอยู่กับที่หรือขณะเดิน มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 2 เมกะบิต/วินาที o ในสภาวะเคลื่อนที่โดย ยานพาหนะ มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 384 กิโลบิต/วินาที o ทุกสภาวะ มีความเร็วอย่างมากที่สุด 14.4 เมกะบิต/วินาที
  • 2. จุดเริ่มต้นของ เทคโนโลยี 3G มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อน ที่ยุคที่ 3 (Third Generation Mobile Network หรือ 3G) เป็นเทคโนโลยี ยุคถัดมาจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 2 หรือ 2G ซึ่งประสบความสําเร็จในการสร้าง มูลค่าทางธุรกิจสื่อสารไร้สายอย่างมหาศาลนับ ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ในยุคของ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G มีมาตรฐานที่สําคัญที่มีการนิยมใช้งานทั่วโลกอยู่ 2 มาตรฐาน กล่าวคือ มาตรฐาน GSM (Global System for Mobile Communication) อันเป็นมาตรฐานของกลุ่มสหภาพ ยุโรป ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกสูงที่สุด และมาตรฐาน CDMA (Code Division Multiple Access) อันเป็นมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่สอง จุดมุ่งหมายของการพัฒนา มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ขึ้น ก็เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ งานระบบสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล (Personal Communication) ในลักษณะไร้พรมแดน (Global Communication) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถนําเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ งานในที่ใด ๆ ก็ได้ทั่วโลกที่มีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว และยังเป็นยุคของการนํา มาตรฐานสื่อสารแบบดิจิตอลสมบูรณ์แบบมาใช้รักษาความ ปลอดภัย และเสริมประสิทธิภาพใน การสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งข้อความแบบสั้น (Short Message Service หรือ SMS) และการเริ่มต้นของยุคสื่อสารข้อมูลผ่านเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นครั้งแรก โดยมาตรฐาน GSM และ CDMA ตอบสนองความต้องการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วสูงสุด 9,600 บิตต่อวินาที ซึ่งถือว่าเพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเร็วของการสื่อสารผ่านโมเด็มใน เครือข่าย โทรศัพท์พื้นฐานเมื่อกว่าสิบปีก่อน การตอบรับของกลุ่มผู้ บริโภคบริการสื่อสารไร้สายทั่วโลก ทําให้มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการณ์ทั่วโลกอย่างมหาศาล ก่อให้เกิดการเปิดสัมปทานและนํามาซึ่ง การแข่งขันอย่างรุนแรงในแทบทุกประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะมีผลทําให้เกิดการเพิ่ม จํานวนของผู้ใช้บริการอย่าง ก้าวกระโดดแล้ว ในขณะเดียวกันยังสร้างผลกระทบต่อรายได้โดยเฉลี่ย ต่อเลขหมาย (Average Revenue per User หรือ ARPU) ของผู้ให้บริการเครือข่าย อันเนื่องมาจาก การกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา ยิ่งเมื่อมีการเปิดตัวบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพร้อมใช้ (Prepaid Subscriber) ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ก็ทําให้เกิดการลดถอยของ ARPU ลงอย่าง ต่อเนื่อง พร้อม กับปัญหาผู้ใช้บริการย้ายค่าย (Brand Switching) ที่รุนแรงขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความ เชื่อมั่นในตราสินค้าและยังเป็นการสร้างรายได้ เพิ่มเพื่อชดเชย ARPU ที่ลด ต่ําลง เนื่องจากปรากฏการณ์อิ่มตัวของบริการสื่อสารด้วยเสียง (Voice Service) ผู้ประกอบการใน
  • 3. ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกจึงมีความเห็นตรงกันที่จะ สร้างบริการสื่อสารไร้สายรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้น โดยพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ที่เปิดใช้งานอยู่ ให้มีศักยภาพเพิ่มเติมเพื่อรองรับ บริการสื่อสารข้อมูลแบบที่มิใช่เสียง (Non-Voice Communication) พร้อมกับการวางแผนธุรกิจ แผนปฏิบัติการทางวิศวกรรม การตลาด และแผนการลงทุน เพื่อสร้างกระแสความต้องการ (Demand Aggregation) ให้กับฐานลูกค้าผู้ใช้บริการที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่ม ARPU ให้สูงขึน พร้อม ๆ ้ กับผลักดันให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งข้อมูลแบบ EMS (Enhanced Messaging Service) หรือ MMS (Multimedia Messaging Service) รวมถึงบริการท่องโลก อินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านอุปกรณ์สื่อสารรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งมีทั้งที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่ว ๆ ไป อุปกรณ์ ไร้สายประเภท PDA (Personal Digital Assistant) และโทรศัพท์เคลื่อนที่อัจฉริยะ (Smart Phone) เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ที่ได้มีการลงทุนไว้แล้วให้เกิด ประโยชน์สูงสุด มาตรฐานเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลในรูปแบบใหม่ ๆ จึงถูกกําหนดขึ้น ภายใต้ แนวคิดในการพัฒนาเครือข่ายเดิม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี HSCSD (High Speed Circuit Switching Data), GPRS (General Packet Radio Service) หรือ EDGE (Enhanced Data Rate for GPRS Evolution) ของค่าย GSM และเทคโนโลยี cdma20001xEV-DV หรือ cdma20001xEV-DO ของค่าย CDMA ดังแสดงพัฒนาการในรูปที่ 1 เรียกมาตรฐานต่อยอดดังกล่าวโดยรวมว่า เทคโนโลยียุค 2.5G/2.75G ซึ่งในช่วงเวลานี้เองที่ปรากฏมีมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ PDC (Packet Digital Cellular) เปิดให้บริการสื่อสารข้อมูลในลักษณะของเทคโนโลยี 2.5G ภายใต้ชื่อเครื่องหมายการค้า i-mode ซึ่งประสบความสําเร็จอย่างมากในการเปิดศักราชของการให้บริการสื่อสารข้อมูล แบบ มัลติมีเดียไร้สายในประเทศญี่ปุ่น และได้กลายเป็นต้นแบบของการจัดทําธุรกิจ Non-Voice ให้กับ ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกในเวลาต่อมา การเติบโตของธุรกิจ Non-Voice ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เป็นต้นมาอันเป็นยุคเริ่มต้นของเทคโนโลยี 2.5G ผู้ให้บริการเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย มีการผลักดันบริการสื่อสารข้อมูลรูปแบบใหม่ ๆ ในรูปแบบ Non-Voice เพื่อสร้างกระแสนิยมในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์ จากเครือข่าย 2.5G อย่างเต็มรูปแบบ หรือเป็นการผลักดันให้เกิดการยอมรับในบริการที่มีอยู่แล้ว อัน ได้แก่บริการ SMS ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นว่าบริการเหล่านี้ได้กลายเป็นช่องทางสําคัญที่เพิ่ม มูลค่า ให้บริการ ARPU ของบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ รูปที่ 2 แสดงให้เห็นถึงการ เติบโตของบริการประเภทต่าง ๆ บนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในภาพรวมของทั้งทวีปเอเชียตั้งแต่
  • 4. ช่วงปี พ.ศ. 2544 จนถึง พ.ศ. 2553 ซึ่งในท้ายที่สุดบริการแบบ Non-Voice จะมีสัดส่วนที่เป็น นัยสําคัญต่อรายได้รวมทั้งหมด สําหรับธุรกิจโทรศัพท์ เคลื่อนที่ในประเทศไทยเอง นับตั้งแต่การเปิดให้บริการประเภท Non-Voice อย่างจริงจังเมื่อต้นปี พ.ศ. 2545 เป็นต้นมา บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็สามารถ สร้างรายได้เพื่อ เสริมทดแทนการลดทอนของค่า ARPU ภายในเครือข่ายของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการเปิดตัวบริการสื่อสารไร้สายมัลติมีเดียของ บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จํากัด (HUTCH) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 เป็นต้นมา สภาพการแข่งขันในธุรกิจสื่อสารไร้สายในประเทศ ไทยก็เริ่มมุ่งความสําคัญในการ สร้างบริการ Non-Voice ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้บริการ MMS อย่างเป็นทางการ การคิดโปรโมชั่นกระตุ้นการท่องอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ แม้กระทั่งการทดลองเปิดให้บริการชมภาพยนตร์ผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ (TV on Mobile) ซึ่ง ความพยายามของผู้ให้บริการเครือข่ายแต่ละราย ทําให้เกิดกระแสความสนใจใช้บริการ Non-Voice เพิ่มมากขึ้น รูปที่ 3 และ 4 แสดงถึงความสําคัญของรายได้ที่เกิดขึ้นจากบริการ Non-Voice นับตั้งแต่ช่วงต้นปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา อันมีผลทําให้บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถเพิ่มค่า ARPU ของตนให้มีแนวโน้มสูงขึ้น พร้อม ๆ กับการเพิ่มจํานวนผู้ใช้บริการภายในเครือข่ายของตน ซึ่งแตกต่างจากสภาพการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ที่รายได้เฉลี่ยของตนตกลงเรื่อย ๆ สวนทางกับการ เพิ่มจํานวนของกลุ่มผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงกลุ่มผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อม ใช้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ของประเทศ มีการเพิ่มค่า ARPU ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ส่วน หนึ่งจะมาจากนโยบายการตลาดของผู้ให้บริการที่มีการจํากัดเวลาในการโทร ให้สัมพันธ์กับวงเงินก็ ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ความนิยมในบริการ Non-Voice ประเภท SMS และ EMS โดย เฉพาะที่อยู่ในรูปแบบของบริการดาวน์โหลดรูปภาพ (Logo/Animation) และเสียงเรียกเข้า (Ringtone) ในกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษามีผลอย่างเป็นนัยสําคัญต่อการเพิ่มค่า ARPU ดังกล่าว ข้อจากัดของเครือ ข่าย 2.5G และ 2.75G มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อน ที่ 2.5G หรือ 2.75G แม้จะสามารถรองรับการสื่อสารประเภท Non- Voice ได้ แต่ก็ไม่อาจสร้างบริการประเภท Killer Application ที่ผลิกผันรูปแบบการให้บริการได้ อย่างชัดเจน ดังจะเห็นได้จากสถาการณ์การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ที่แม้จะมี การเติบโตอย่างชัดเจนในตลาดประเภท Non-Voice แต่เมื่อศึกษาอย่างละเอียดก็จะพบว่าบริการที่ ประสบความสําเร็จเกือบทั้งหมด ล้วนเป็นบริการประเภท SMS และ EMS ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการ
  • 5. ดาวน์โหลดรูปภาพหรือเสียงเรียกเข้า รวมถึงการเล่นเกมส์ตอบปัญหาหรือส่งผลโหวตที่ปรากฏอยู่ ตามสื่อชนิดต่าง ๆ ซึ่งบริการเหล่านี้ล้วนเป็นบริการพื้นฐานในเครือข่าย 2G ข้อจํากัดของเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อน 2.5G และ 2.75G เกิดขึ้นมาจากความพยายามพัฒนา เครือข่าย 2G เดิม ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน GSM หรือ CDMA ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าการ ลงทุน ทําให้ผู้ให้บริการเครือข่ายไม่อาจบริหารจัดการทรัพยากรเครือข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่ได้ อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ไม่ว่าจะเป็นย่าน ความถี่ 900 เมกะเฮิตรซ์ , 1800 เมกะเฮิตรซ์ หรือ 1900 เมกะเฮิตรซ์ เนื่องจากอุปกรณ์ที่มีการติดตั้ง ใช้งานมาตั้งแต่การเปิดให้บริการในยุค 2G ล้วนเป็นเทคโนโลยีเก่า มีการทํางานแบบ Time Division Multiple Access (TDMA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่า ต้องจัดสรรวงจรให้กับผู้ใช้งานตายตัว ไม่สามารถ นําทรัพยากรเครือข่ายมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีดังกล่าวเหมาะสําหรับการ สื่อสารข้อมูลแบบ Voice ซึ่งต้องการคุณภาพและความคมชัดในการสนทนา แม้เมื่อมีการพัฒนา เทคโนโลยี GPRS และ EDGE ซึ่งถือเป็นการเสริมเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูลแบบ แพ็กเกตสวิตชิ่ง (Packet Switching) ที่มีความยืดหยุ่นในการสื่อสารข้อมูลแบบ Non-Voice ใน ลักษณะเดียวกับที่พบในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ตาม แต่เทคโนโลยีทั้ง 2 ประเภทนี้ก็ถือว่าเป็นการ ต่อยอด บนเครือข่ายแบบเดิมที่มีการทํางานแบบ TDMA ทําให้ผู้ให้บริการเครือข่ายต้องพะวงกับ การจัดสรรทรัพยากรช่องสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการจัดสรรวงจรสื่อสารผ่านคลื่นความถี่วิทยุ จากสถานีฐาน ไปยังเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทําให้ไม่สามารถเปิดให้บริการแบบ Non- Voice ได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากจะทําให้เกิดผลรบกวนต่อจํานวนวงจรสื่อสารแบบ Voice มาก จนเกินไป ด้วยเหตุดังกล่าว จึงพบว่าไม่มีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2.5G หรือ 2.75G รายใดใน โลก สามารถเปิดให้บริการเทคโนโลยี GPRS ด้วยอัตราเร็วสูงสุด 171 กิโลบิตต่อวินาที หรือ EDGE ด้วยอัตราเร็ว 384 กิโลบิตต่อวินาทีได้ เนื่องจากการทําเช่นนั้นจะทําให้สถานีฐาน (Base Station) ที่ ทําหน้าที่รับส่งสัญญาณกับเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่มีวงจรสื่อสารเหลือสําหรับให้บริการ แบบ Voice อีกต่อไป ผลที่เกิดขึ้นในมุมมองของผู้ใช้บริการก็คือความเชื่องช้าในการสื่อสารข้อมูล ผ่านเครือข่าย 2.5G และ 2.75G ทําให้หมดความสนใจที่จะใช้บริการต่อไป โดยในขณะเดียวกันก็มี บริการสื่อสารอัตราเร็วสูงแบบบรอดแบนด์ผ่านคู่สาย เช่น DSL (Digital Subscriber Line) เป็น ทางเลือกสําหรับใช้บริการ ความสนใจที่จะใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อรับส่งข้อมูลจึงมีอยู่ เฉพาะการเล่นเกมส์และส่ง SMS, MMS ซึ่งทําได้ง่าย และมีการประชาสัมพันธ์ดึงดูดใจมากมาย
  • 6. มาตรฐานโทรศัพท์ เคลื่อนที่ 3G เพื่อเป็นการเพิ่มความ คล่องตัวในการเปิดให้บริการ Non-Voice อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งยังคง รักษาคุณภาพในการให้บริการ Voice ด้วยระดับคุณภาพที่ทัดเทียมหรือดีกว่าในยุค 2G องค์กรสากล 3GPP (Third Generation Program Partnership) และ 3GPP2 จึงได้กําหนดมาตรฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ขึ้น โดยมีมาตรฐานสําคัญอยู่ 2 ประเภท คือ มาตรฐาน UMTS (Universal Mobile Telecommunications Services) เป็นมาตรฐานที่ออกแบบมา สําหรับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้นํา ไปพัฒนาจากยุค 2G/2.5G/2.75G ไปสู่ มาตรฐานยุค 3G อย่างเต็มตัว รับผิดชอบการพัฒนามาตรฐานโดยองค์กร 3GPP มีเทคโนโลยีหลักที่ ปัจจุบันมีการยอมรับใช้งานทั่วโลกคือมาตรฐาน Wideband Code Division Multiple Access (W- CDMA) โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาต่อเนื่องไปสู่มาตรฐาน HSDPA (High Speed Downlink Packet Access) ซึ่งรองรับการสื่อสารด้วยอัตราเร็วสูงถึง 14 เมกะบิตต่อวินาที หรือเร็วกว่าการ สื่อสารแบบ 2.75G ถึง 36 เท่า มาตรฐาน W-CDMA นี้เองที่กิจการร่วมค้า ไทย - โมบาย กําลังจะ ดําเนินการพัฒนาเพื่อเปิดให้บริการภายในต้นปี พ.ศ. 2548 นอกจากจะเป็นเส้นทางในการพัฒนาสู่ มาตรฐาน 3G ของบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM แล้ว มาตรฐาน W-CDMA ยังได้รับการยอมรับจากผู้ให้บริการรายใหญ่อย่างบริษัท NTT DoCoMo ผู้เปิดให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ I-mode ซึ่งใช้เทคโนโลยี PDC ให้เป็นมาตรฐาน 3G สําหรับใช้งานภายใต้ เครื่องหมายการค่า “FOMA” โดยได้เปิดให้บริการในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา และปัจจุบัน W-CDMA ได้กลายเป็นเครือข่าย 3G ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มาตรฐาน cdma2000 เป็นการพัฒนาเครือข่าย CDMA ให้รองรับการสื่อสารในยุค 3G รับผิดชอบ การพัฒนามาตรฐานโดยองค์กร 3GPP2 มีเทคโนโลยีหลักคือ cdma2000-3xRTT ที่มีศักยภาพ เทียบเท่ากับมาตรฐาน W-CDMA ของค่ายยุโรป แต่ปัจจุบันยังไม่มีกําหนดความพร้อมสําหรับ ให้บริการเชิงพาณิชย์ที่ชัดเจน สําหรับในประเทศไทย บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จํากัด เปิดให้บริการเฉพาะเครือข่าย cdma20001xEV-DO ซึ่งยังมีขีดความสามารถเทียบเท่าเครือข่าย 2.75G เท่านั้น มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อน ที่ W-CDMA ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รองรับการสื่อสารแบบ มัลติมีเดียสมบูรณ์แบบ โดยเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสื่อสารชนิด TDMA ที่ปรากฏอยู่ในเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุค 2G/2.5G/2.75G ไปเป็นการสื่อสารแบบแพ็กเกตสวิทชิ่งเต็มรูปแบบ สามารถ รองรับทั้งการสื่อสารทั้ง Voice และ Non-Voice โดยมีมาตรฐานการรองรับและควบคุมคุณภาพของ
  • 7. ข้อมูลที่สมบูรณ์แบบ อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล (Information Coding) จึงทําให้ผู้ให้บริการเครือข่าย 3G ก้าวพ้นจากข้อจํากัดในการบริหารจัดการ ข้อมูลประเภท Voice และ Non-Voice ดังที่ปรากฏอยู่ในมาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G ได้อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตามเพื่อให้ เครือข่าย W-CDMA สามารถรองรับการสื่อสารข้อมูลได้อย่างเต็มรูปแบบ และ ให้เกิดความคล่องตัวในการจัดสรรทรัพยากรความถี่วิทยุ จึงจําเป็นต้องมีการกําหนดย่านความถี่ สําหรับใช้เปิดให้บริการ โดยเป็นไปตามแผนผังการจัดวางความถี่สากลทั่วโลกดังแสดงในรูปที่ 5 ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทําให้ กิจการร่วมค้าไทย - โมบาย เป็นเพียงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ราย เดียวในประเทศไทยที่สามารถเปิด ให้บริการเครือข่าย 3G แบบ W-CDMA ได้ในทันที เนื่องจากมี สิทธิ์ใช้คลื่นความถี่วิทยุในย่าน 1965 – 1980 เมกะเฮิตรซ์ และ 2155 – 2170 เมกะเฮิตรซ์ ขณะที่ผู้ ให้บริการเครือข่ายรายอื่น ๆ จําเป็นต้องยื่นคําร้องผ่านกระบวนการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโดย คณะกรรมการ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก หลายปีเพื่อได้สิทธิ์ในการเปิดให้บริการ W-CDMA เป็นรายต่อไป จุดเด่นของ มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA นอกจากมาตรฐานโทรศัพท์ เคลื่อนที่ 3G จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีสถานีฐาน (Base Station Subsystem) จากยุค 2G ซึ่งใช้เทคโนโลยี TDMA เป็นการรับส่งข้อมูลในรูปแบบแพ็กเกตเพื่อความ คล่องตัวในการจัดสรรทรัพยากร ความถี่สําหรับให้บริการทั้งแบบ Voice และ Non-Voice อย่างเกิด ประโยชน์สูงสุด อันจะช่วยสร้างความรู้สึกให้กับผู้ใช้บริการ (End User Perception) ถึงความ รวดเร็วในการสื่อสารข้อมูล และยังคงรักษาคุณภาพของการสนทนาที่เหนือกว่ามาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G แล้ว มาตรฐาน W-CDMA ยังมีความคล่องตัวในการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายข้อมูล ที่อยู่ในโลกอิน เทอร์เน็ต เนื่องจากมาตรฐานการเชื่อมต่อต่าง ๆ สอดรับกับมาตรฐานของ อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตทุกประการ ก่อให้เกิดการเปิดกว้างในรูปแบบของความร่วมมือกับ พันธมิตรจํานวนมาก มีความคล่องตัวในการบันทึก จัดเก็บ และบริหารจัดการข้อมูลประเภท สื่อข้อมูล (Content) ต่าง ๆ เมื่อทําการเปรียบเทียบ เฉพาะด้านของอัตราเร็วในการสื่อสารข้อมูลดังแสดงใน รูปที่ 6 จะเห็นว่า มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G นอกจากจะรองรับการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็วกว่ามาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G แล้ว ยังก่อให้เกิดการถือกําเนิดของบริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถสร้างขึ้นบน เครือข่ายยุคในตระกูล 2G/2.5G/2.75G ได้ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือบริการ Video Telephony และ Video Conference ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน โดยเครือข่าย 3G จะทําการถ่ายทอดสดทั้ง
  • 8. ภาพและเสียงระหว่างคู่สนทนา โดยไม่เกิดความหน่วงหรือล่าช้าของข้อมูล บริการในลักษณะนี้จะ กลายเป็น จุดขาย สําคัญประการหนึ่งของมาตรฐานการสื่อสารแบบ 3G ทั้งนี้เครื่องลูกข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ที่มีจําหน่ายในปัจจุบัน ล้วนรองรับบริการ Video Telephony แล้วทั้งสิ้น จึง สามารถเปิดให้บริการดังกล่าวได้ในทันที ข้อมูลจาก UMTS Forum ในรูปที่ 7 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของจํานวนผู้ใช้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA เปรียบเทียบกับมาตรฐาน GSM โดยพิจารณาอัตราการ เติบโตภายในช่วง 10 ไตรมาสแรก (2 ปีครึ่ง) หลังจากการเปิดให้บริการ GSM ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 เทียบกับ 10 ไตรมาสแรกหลังจากการเปิดให้บริการ W-CDMA ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 พบว่าเครือข่าย 3G แบบ W-CDMA มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่ามาก มูลเหตุสําคัญมาจาก แรงผลักดัน (Business Momentum) ที่ผู้ใช้บริการ 2.5G หรือ 2.75G รอคอยเครือข่ายสื่อสารไร้สายที่ สามารถตอบสนองความต้องการในการสื่อสารข้อมูล ด้วยอัตราเร็วสูงอย่างแท้จริง อีกทั้งผู้ ให้บริการเครือข่ายยังมีความคล่องตัวในการจัดสรรเครือข่ายในด้าน ต่าง ๆ เพื่อสร้างบริการสื่อสาร ประเภท Non-Voice ที่ต้องพึ่งพาอัตราเร็วในการสื่อสารข้อมูลที่สูงขึ้น นอกเหนือจากบริการ Non- Voice พื้นฐานอย่าง SMS และ EMS กล่าวโดยสรุป ปัจจัยสําคัญที่ส่งผลให้มาตรฐานเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA มี แนวโน้มของการประสบความสําเร็จทางธุรกิจที่รวดเร็วกว่ามาตรฐาน 2G จนถึง 2.75G นั้น สืบ เนื่องมาจากการปฏิวัติรูปแบบของเทคโนโลยีเครือข่าย เพื่อตอบสนองรูปแบบการสร้างความ ร่วมมือทางธุรกิจให้ผลักดันบริการ Non-Voice อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ UMTS Forum ได้กล่าวถึง จุดเด่นของมาตรฐาน W-CDMA ซึ่งจะนําความสําเร็จในการดําเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการดังนี้ (เอกสาร Why the world has chosen W-CDMA : 24 September 2003) 1. เครือข่าย W-CDMA รับประกันคุณภาพในการรองรับข้อมูลแบบ Voice และ Non-Voice ในแง่ ของผู้ใช้บริการจะรับรู้ได้ว่าคุณภาพเสียงจากการใช้งานเครือข่าย 3G ชัดเจนกว่าหรืออย่างน้อย เทียบเท่าการสนทนาผ่านเครือข่าย 2G ส่วนการรับส่งข้อมูลแบบ Non-Voice จะรับรู้ถึงอัตราเร็วใน การสื่อสารที่สูงกว่าการใช้งานผ่านเครือข่าย 2.5G และ 2.75G มาก อันเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยน เทคโนโลยีเครือข่าย และใช้ยานความถี่ที่สูงขึ้น ่ 2. W-CDMA เป็นมาตรฐานเปิด (Open Standard) ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยกลุ่ม 3GPP ซึ่งเป็นกลุ่ม เดียวกับผู้พัฒนามาตรฐาน GSM ทําให้ผู้ให้บริการ 3G สามารถเชื่อมต่อเครือข่าย 3G เข้าหากันได้ถึง ขั้นอนุญาตให้มีการใช้งานข้ามเครือข่าย (Roaming) เช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในเครือข่ายยุค 2G
  • 9. นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อเพื่อการใช้งานข้ามเครือข่ายกับมาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G ได้ ในทันที โดยผู้ใช้บริการเพียงมีอุปกรณ์สื่อสารแบบ Dual Mode เท่านั้น ทําให้เกิดลู่ทางในการสร้าง เครือข่าย W-CDMA เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบการเครือข่ายรายอื่นได้ร่วมเข้าใช้บริการ ในลักษณะของ Mobile Virtual Network Operator (MVNO) เป็นรายได้ที่สําคัญนอกเหนือจากการให้บริการ 3G กับผู้ใช้บริการที่จดทะเบียนภายในเครือข่าย 3. มาตรฐาน W-CDMA เป็นมาตรฐานโลก ที่จะเข้ามาแทนที่เครือข่ายในตระกูล GSM เช่นเดียวกับ เหตุการณ์ที่เครือข่าย GSM เข้ามาแทนที่เครือข่าย 1G เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว จึงเป็นการรับประกันถึง พัฒนาการที่มีอย่างต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ การเร่งเปิดให้บริการ 3G จึงเปรียบได้กับการเร่งเข้าสู่ ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันที่ เกิดขึ้น ในอดีต 4. พิจารณาเฉพาะการให้บริการแบบ Voice จะเห็นว่าการลงทุนสร้างเครือข่าย W-CDMA มีต้นทุน ที่ต่ํากว่าการสร้างเครือข่าย GSM ถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมาตรฐาน W-CDMA มีความ ยืดหยุ่นและคล่องตัวให้ผู้ประกอบสามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรความถี่ เพื่อรองรับ Voice และ Non-Voice ได้อย่างผสมผสาน ต่างจากการกําหนดทรัพยากรตายตัวในกรณีของเทคโนโลยี GSM 5. W-CDMA เป็นมาตรฐานสื่อสารไร้สายชนิดเดียวที่มีรูปแบบการทํางานแบบแถบความถี่กว้าง (Wideband) อันนํามาซึ่งประสิทธิภาพในการสร้างพื้นที่ให้บริการที่กว้างใหญ่ ไปพร้อม ๆ กับความ สะดวกในการเพิ่มขยายขีดความสามารถในการรองรับข้อมูลข่าวสาร ต่างจากเครือข่าย 2G โดยทั่วไปที่ปัจจุบันเริ่มประสบกับปัญหาการจัดสรรความถี่ที่ไม่เพียงพอต่อ การขยายเครือข่าย เนื่องจากเป็นระบบแบบแถบความถี่แคบ (Narrow Band) 6. กลไกการทํางานภายในเครือข่าย W-CDMA เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะมาตรฐาน IETF (Internet Engineering Task Force) ทําให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดโอกาสให้พันธมิตรทาง ธุรกิจซึ่งมีความเชี่ยวชาญ ในการพัฒนาโปรแกรมหรือบริการพิเศษต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้ทําการพัฒนาสร้างบริการผ่านอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย โดยใช้ทักษะความสามารถและความ ชํานาญที่มีอยู่ เป็นการกระตุ้นให้เกิดบริการประเภท Non-Voice ได้สารพัดรูปแบบ 7. มีแนวทางในการพัฒนาขีดความสามารถในรองรับการสื่อสารข้อมูลที่มีอัตราเร็วสูง ขึ้น ไม่ว่าจะ เป็นการพัฒนาสู่มาตรฐาน HSDPA ที่รองรับการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วที่สูงมากถึง 14 เมกะบิต ต่อวินาที ในขณะที่มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ไม่สามารถพัฒนาให้รองรับการสื่อสารข้อมูล
  • 10. ได้มากกว่าเทคโนโลยี EDGE ในปัจจุบัน ซึ่งรองรับข้อมูลได้ด้วยอัตราเร็ว 384 กิโลบิตต่อวินาที และในความเป็นจริงก็ไม่สามารถเปิดให้บริการด้วยอัตราเร็วถึงระดับดังกล่าว ได้ เนื่องจากจะทําให้ สถานีไม่สามารถรองรับบริการ Voice ได้อีกต่อไป 8. ในอนาคตมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G มีทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนในการรวมตัวกับ มาตรฐานสื่อสารไร้สายชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน Wireless LAN (IEEE802.11b/g) หรือ WiMAX (IEEE802.16d/e/e+) ทําให้ผู้ใช้บริการเครือข่ายไร้สายสามารถเคลื่อนย้ายไปใช้งานใน เครือข่ายใด ๆ ก็ได้ตามความเหมาะสมทางภูมิประเทศ โดยยังคงได้รับการดูแลโดยผู้ให้บริการ เครือข่าย 3G ความสําคัญต่าง ๆ เหล่านี้เองที่เป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM จํานวน มากทั่วโลก รวมนักลงทุนหน้าใหม่ ให้ความสําคัญสําหรับการแสวงหาสิทธิ์ในการเปิดให้บริการ เครือข่าย 3G และมีแผนกําหนดเปิดให้บริการเทคโนโลยี W-CDMA ดังมีข้อมูลแสดงในรูปที่ 8 โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับต้น ๆ ของโลก 8 รายได้ตัดสินใจเลือก มาตรฐาน W-CDMA เป็นเทคโนโลยี 3G ดังแสดงในรูปที่ 9 ในท้ายที่สุด ความสมบูรณ์แบบในการรองรับธุรกิจ Non-Voice ของมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA จะช่วยผลักดันให้เกิดห่วงโซ่ธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ ดังแสดงในรูปที่ 10 แม้จะมี ความพยายามในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมภายในประเทศที่จะผลัก ดันให้เกิดการ ประสานผลประโยชน์อย่างลงตัวระหว่างผู้ให้บริการเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G/2.5G/2.75G กับผู้ประกอบการสื่อข้อมูลต่าง ๆ มาก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากข้อจํากัดของเครือข่ายในตระกูล GSM และ CDMA เองที่ไม่มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะสร้างความประทับใจต่อผู้ใช้บริการ จึงทําให้เกิด การขาดช่วงของความสมดุลในการผสานผลประโยชน์ เมื่อพิจารณาจากความสําเร็จของเครือข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ FOMA ของบริษัท NTT DoCoMo ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่เปิดให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA และประสบความสําเร็จในการดึงศักยภาพของเครือข่าย W- CDMA ให้เกื้อหนุนต่อความลงตัวสําหรับการร่วมมือในธุรกิจ Non-Voice ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง งดงาม ต่อเนื่องด้วยความคืบหน้าในการสานต่อโครงสร้างธุรกิจ Non-Voice ในประเทศจีนและอีก หลาย ๆ ประเทศ จึงสรุปได้ว่ามาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA จะเป็นการเปิด ประตูสู่ธุรกิจ Non-Voice ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
  • 11. 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.2.1 ความหมายของ Social Media Social = สังคมNetwork = เครือข่ายMedia = สื่อ สื่อ ที่เป็น เครือข่าย ใน สังคม เหมือน เวลาที่เราจะกินข้าว จะใช้มือจกกินเลยก็ได้นะ ไม่ ต้องพึ่งใคร แต่เมื่อไหร่ที่ใช้ช้อนตักข้าวเข้าปาก นั่นหมายความว่า “ช้อน ทาให้คุณกินข้าวได้สะดวก ขึ้น” ใช่หรือไม่ เช่นเดียวกันกับ Social Network เค้าก็อยู่ของเค้าดีๆ ก็สื่อสารกันได้ไม่มีปัญหา แต่ เมื่อมี Media เข้ามา Network จึงไม่มีความหมายอีกต่อไป เหลือแค่ Social+Media ก็สามารถเข้ามา การสื่อสารแบบเครือข่ายก็สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงเป็นที่นยมของผู้ที่เห็นช่องทางทําการตลาด ิ จนเกิดเป็น Social Media Marketing ซึ่งการ ใช้สื่อประเภทนี้ ควรมีคําเตือนติดข้างผนังก่อนลงมือทําทุกครั้ง เพราะเมื่อไหร่ที่เรา ใช้สื่อผิดประเภท หรือผิดช่องทาง สิ่งที่คิดว่าจะได้ผลตอบรับ อาจกลายเป็น “ผลตอกกลับ” มาจาก ผู้บริโภคก็เป็นได้ เพราะการทํา Social Media Marketing เป็นเสมือนการยืนหน้าไปหาคนที่ไม่รู้จัก ในเวลาที่เค้ากําลังเมาท์กันมันส์ สนั่นชุมชนโคกอีแร้ง หรือที่เรียกว่า “Community” ใครที่ยืนหน้า เข้าไปในเวลาที่กําลังเกิดดราม่าอย่างละคร เมียแต่ง ถ้าไม่สวยกว่า เรยา ก็อย่าได้ยืนหน้าเข้าไปเวลา นั้นเลยค่ะ เพราะนอกจากจะไม่มีใครสนใจแล้ว เค้าอาจจะเข้าใจผิดว่าคุณจะมาขอแบ่งสามีเค้าก็ได้ นะคะ การสสื่อสารบ น Social Media จึงจาเป็นต้องมีวิธีที่น่าสนใจ ในเวลาที่เหมาะสม และตรง กลุ่มเป้าหมาย เพราะฉะนั้น Social Media Marketing ไม่ใช่แค่การสร้างตัวตนให้รู้ว่ามี แต่มันคือ การ สร้างตัวตนให้มีคนรู้จัก กล้าเข้าใกล้และให้ความสนิท สนมอย่างสนิทใจ ไม่ใช่การสร้างตัวตนที่มี คนเห็น แต่ไม่มีใครจับต้องได้ เพราะมันจะไม่ต่างกับ “ผี” ที่ไม่มีตัวตน 2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media 3G,Social Media และความเป็นไทย ส่วนสรุปบทความ
  • 12. ปัจจุบันคนไทยมีโอกาสเข้าถึง Internet ความเร็วสูงหรือ Broadbandได้ โดยมีการขยายตัวเพิ่มถึง 40 เท่าใน ระยะเวลาอันสั้น คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอนาคตต่อจากนี้ Broadband จะกลายเป็นสิ่งสําคัญในชีวิต ของคนไทยอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ สถิติการใช้งานInternetนั้นมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก โดยตลาดมีการขยายตัวสูง ถึง 40เท่า โดยประมาณ การสู้รบระหว่าง Digital กับ Traditionalจะต้องมาจบด้วยความพ่ายแพ้ของวื่อยุคเก่า ประเทศไทยจะก้าว ต่อไปในโลก Digital อย่างที่เพื่อนบ้านได้เริ่มมากกว่าทศวรรษแล้ว นโยบายของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน ในหัวข้อที่ว่า “Creative Economy” นั้น คนไทยจะมีโอกาส สร้างฝันให้เป็น จริงได้หรือไม่นั้น อยู่ที่การประยุกต์และผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับจุดเด่นของประเทศเพื่อให้เกิด คุณค่าทางเศรษฐกิจ สูงสุด ดังนั้นถือว่าเทคโนโลยีก็เป็นปัจจัยที่สําคัญมากสําหรับนโยบายการพัฒนาประเทศ เทคโนโลยีในการเข้าถึงได้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง การแข่งขันเปิดอย่างเสรี ทําให้มีเวทีในการ แข่งขันระหว่างบริษัทชั้นนํา เช่น Apple และ Google ได้นํามาสู่ Disruptive Technology เช่น iphone4,IPAD,Android ที่มีการนํามาใช้งานBroadband ด้วยอุปกรณ์มือถือขนาดเล็กผ่านโครงข่าย 3G มีประสิทธิภาพอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ภายใต้ราคาที่เข้าถึงได้ และกําลังมียอดขายในประเทศ อย่างถล่มทลาย จึงเป็น Corvergance ของTechnology ที่ระบบโครงข่าย 3G ซึ่งกําลังจะมีขึ้นทั่ว ประเทศประจวบกับเทคโนโลยีในการเข้าถึง กําลังร่วมสร้างปรากฏการณ์ของ Broadband ที่จะเป็น Disruptive Change แบบต้องตะลึงกัน อย่างไรก็ดี Broadband เป็นดาบสองคม ถึงจะมีประโยชน์ใน ด้านการสื่อสาร ธุรกิจ การศึกษา ฯลฯ จนกระทั่งเพิ่ม GDP ให้กับพื้นที่ครอบคลุมได้ แต่อย่าลืมว่า Broadband ก็เป็นเครื่องมือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ความคิด วัฒนธรรม ในรูปแบบของข้อความ ภาพ เสียง และวีดิโอ ที่สามารถนําไปสู่การสร้างสังคมออนไลน์ หรือ Social Media เช่น Facebook, YouTube และ Twitter ที่ไม่สามารถทําได้ด้วยสื่อชนิดอื่น นอกจากนี้ในปัจจุบันเรากําลังเรากําลังเข้าสู่นวัตกรรมของ โลกจําลอง หรือ Virtual World ที่อาจมา ในรูปแบบของ Second Life หรือเกมออนไลน์ ทั้งหมดนี้ มีอิทธิพลต่อ ความคิด วัฒนธรรม ซึ่งมี ความสําคัญกับการหล่อหลอมแนวคิดความเป็นไทยอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้
  • 13. สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตอีกประการคือ Social media ที่คนไทยใช้เวลาด้วยมากที่สุดล้วนเป็นของต่างชาติ แต่ในสายตาบริษัทที่ควบคุมโดยต่างชาติแล้ว ตลาดในประเทศไทยไม่ใช่ตลาดใหญ่หรือตลาดที่ สําคัญ ยังไม่มีบริษัท,ศูนย์บริการ หรือกระทั่งพนักงานที่รับผิดชอบประเทศไทยเลย ทั้งนี้ social media ที่ปราศจากความเป็นไทยกําลังมี อิทธิพลมากในสังคม จํานวนชั่วโมงการใช้social mediaต่อวันมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และอาจ เป็นไปได้ที่คุณค่าทางวัฒนธรรมของคนไทยจะถูกลบเลือนโดยอิทธิพลของต่าง ชาติผ่าน Broadband ด้วยเหตุผลที่ว่า สือยุคเก่ามีข้อบังคับการนําเสนอข่าวที่ต้องเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ่ และ ความเป็นไทย แต่สื่อทางอินเตอร์เน็ตนั้นผู้ใช้สามารถเลือกเข้าชมข้อมูลได้อย่างอิสระ ปราศจากข้อจํากัดที่เข้มงวด ส่วนวิเคราะห์บทความ การติดต่อสื่อสารกันในปัจจุบันนี้นั้น “social media” คงเป็นอีกคําที่หลายๆคนคุ้นหูกันในฐานะของ สื่อที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากใน ประเทศไทยรวมถึงทั่วโลกด้วย ไม่ว่าจะในรูปแบบของการ ติดต่อสื่อสารของบุคคล,ติดต่อประสานงานในองค์กรหรือ แม้กระทั่งการเข้ามาทําธุรกิจผ่าน ช่องทางดังกล่าว บทบาทของSocial Media ในประเทศไทยนั้นส่งผลกระทบต่อการดําเนินธุรกิจ ขององค์กรต่างๆด้วย จะเห็นได้จากการที่องค์กรต่างๆต้องมีการปรับกลยุทธ์และการดําเนินธุรกิจ โดยมี การดึง social media เข้าไปใช้องค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ของสังคมไทย ในยุคปัจจุบัน ข้อดีของการ Social Media,3 ในประเทศไทย 1.เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่อีกขั้นของเทคโนโลยีในด้าน การติดต่อสื่อสาร จะ เห็นได้ว่าในอดีตนั้นสื่อหลักที่ใช้กันในประเทศจะเป็นสื่อจําพวก โทรทัศน์,วิทยุ,สื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็น จากการติดต่อสื่อสารแบบทางเดียว ไม่มีการตอบกลับของผู้รับสื่อ เป็นการป้อนข้อมูลผ่านสื่อให้กับ ผู้บริโภค แต่เมื่อมีการนํา Social Media เข้ามาใช้นั้น เป็นสื่อที่อิสระในด้านของการให้ข้อมูลและมี การตอบกลับในส่วนของความคิดเห็น ผ่านสื่อ (เป็นการสื่อสารแบบ Two-way-communication) ซึ่ง จะมีลักษณะเด่นในเรื่องของการมีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก ผู้เสพสื่อหรือผู้รับสื่อก็สามารถเป็นผู้ส่ง สารได้ในเวลาเดียวกัน 2.มีการผุดขึ้นของธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่เป็นจํานวนมากผ่านการใช้ สื่อ social media ไม่ ว่าจะเป็น hi5,facebook,twitter ก็จะมีผู้เข้ามาดําเนินธุรกิจในรูปแบบนี้ กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งใน
  • 14. การทําธุรกิจที่มีความสะดวกสบายและง่ายต่อการ ดําเนินงาน นอกจากนี้ยังประหยัดต้นทุนและ ค่าใช้จ่ายจํานวนมาก,บริหารจัดการง่ายในส่วนของ สินค้า จะเห็นได้ว่ามีธุรกิจจํานวนไม่น้อยที่ ประสบความสําเร็จจากการทําธุรกิจผ่านสื่อ ทางอินเตอร์เน็ต เช่น ร้านหนังสือ Amazon ,weloveshopping รวมถึงร้านขนาดเล็กๆอีกมากมาย 3.เป็นประโยชน์ในเรื่องของการสร้างเครือข่ายต่างๆ ไม่ผ่านจะเป็นในด้านของธุรกิจ,การเมือง หรือ แม้กระทั่งความชอบหรืองานอดิเรกต่างๆ จะเห็นได้จากแฟนเพจในด้านต่างๆที่มีจํานวนมากในสื่อ อินเตอร์เน็ต ปัจจุบันนี้ร้านค้าหรือองค์กรธุรกิจต่างๆก็ใช้การสร้างเครือข่ายเป็นอีกช่อง ทางในการ ให้ข้อมูลต่างๆของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดในส่วนของสินค้า,โปรโมชั่นต่างๆ หรือ แม้กระทั่งการรับฟังข้อมูลความคิดเห็นของลูกค้าผ่านทางสื่อนี้ เนื่องจากมีความสะดวกและสามารถ เข้าถึงลูกค้าได้เป็นจํานวนมาก 4.เครือข่าย 3G ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองการใช้งานด้านข้อมูลเป็นหลัก เช่น การรับ-ส่งไฟล์เพลง, วีดีโอ, รูปภาพ, การดาวน์โหลดคอนเท้นต์, การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต, การใช้บริการเสริม เป็นต้น สามารถส่งเพลง MP3 หรือไฟล์วีดีโอ ได้ในเวลาที่รวดเร็ว ในขณะที่เครือข่าย GPRS / EDGE ที่ใช้ กันอยู่ในปัจจุบันจะใช้เวลานานมากๆ ดังนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากสําหรับบุคคลหรือองค์กรที่ เน้นการใช้งานอินเตอร์ เน็ตหรือใช้งานด้านข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นการช่วยลดเวลาในการ ดําเนินงานรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการ ดําเนินงานและการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นอย่างดี ข้อเสียของการ Social Media,3 ในประเทศไทย 1.การเข้ามาของสื่อในประเทศไทยนั้นรุนแรงและน่ากลัวของอาชญากรรมผ่านสื่อทาง นี้มีมาก เนื่องจากว่าการให้ข้อมูลผ่านสื่อไม่มีเงื่อนไขหรือข้อจํากัดที่เข้มงวด ทําให้เกิดการก่ออาชญากรรม ผ่านการให้ข้อมูล เช่น การล้วงความลับข้อมูลต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลเท็จเพื่อหลอกลวงผู้เสพสื่อ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสถาบันการเงินมีการใช้สื่อทางSocial media เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ลูกค้าใน ด้านการทําธุรกรรมต่างๆทางการเงิน โดยเพียงแค่ใส่ข้อมูลส่วนตัวเข้าไป ลูกค้าก็สามารถทีจะทํา ธุรกรรมทางการเงินได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังธนาคารเอง กลับก่อให้เกิดการขโมยข้อมูลเมื่อมี กลุ่มที่สร้างเวปไซด์ลวงขึ้นมาเพื่อให้ คนใช้บริการเกิดความเข้าใจผิด และเมื่อใส่ข้อมูลส่วนตัวหรือ รหัสต่างๆเข้าไปในระบบ ทําให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีดังกล่าวสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการได้ 2.การใช้งานด้าน Social media ในประเทศไทยนั้น ยังเป็นแค่กลุ่มใช้งาน แต่ไม่มีความสามารถใน การแข่งขันได้ ถึงแม้ว่าจํานวนผู้ใช้งานในประเทศไทยนั้นมีเป็นจํานวนมาก แต่เราไม่สามารถ ปฏิเสธได้ว่าการเข้าใช้งานสื่อทางนี้มีคนจํานวนไม่น้อยที่ เข้าใช้งานเนื่องจากเพื่อให้ตามเทรนด์ของ
  • 15. สังคมในยุคปัจจุบันหรือเพื่อเกาะ กระแสสังคม แต่ยังขาดการพัฒนาในด้านความรู้เพื่อสร้างสื่อ บริการท้องถิ่นภายในประเทศ เพื่อแข่งขันกับสื่อsocial mediaของต่างประเทศ และเมื่อเทียบกับ ประเทศอื่นๆนั้น จะเห็นได้ว่าประเทศอื่นๆมี Social network ท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะ เป็น QQของประเทศจีน,Cyworldของประเทศเกาหลี,Mixiของประเทศญี่ปุ่น ก็ล้วนแล้วแต่เป็น อันดับหนึ่งในประเทศของตน แม้กระทั่งในประเทศอินเดียและอินโดนีเซียก็ยังมี Mobile Social Network ชื่อ Mig33 ซึ่งมีการส่งข้อความภายในประเทศเป็นสองเท่าของจํานวนทวีทของ Twitter รวมกันทั้งโลก แต่เมื่อย้อนกลับมามองที่ประเทศไทยซึ่งกําลังมีการผันกระแสจากการใช้งาน Hi5 เป็นการใช้งาน Facebookและtwitterนั้นโดยมองไม่เห็นเงาของการบริการท้องถิ่นภายในประเทศเลย นอกจากนี้การ ลงทุนในเรื่องของของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM เข้ามาสร้าง Innovation centre ในประเทศเวียดนาม หรือแม้กระทั่งการที่ Google.org เลือกประเทศกัมพูชาเป็น regional centre โดยมองข้ามประเทศไทย สาเหตุหลักนั่นก็คือความพร้อมในด้านการศึกษาและพัฒนา ประเทศไทยมีการใช้งานระบบต่างๆอย่างแพร่หลายแต่กลับไม่มีความมุ่งมั่นในการ พัฒนาระบบ เพื่อให้ระบบท้องถิ่นสามารถต่อสู้กับสื่อต่างประเทศที่เข้ามามี อิทธิพลของประเทศไทยได้ อนาคตของประเทศไทยหากจะประสบความสําเร็จในโลกของธุรกิจของSocial Mediaนั้น ควรมุ่งที่ จะพัฒนาในเรื่องของความสามารถในการแข่งขันและปลูกฝังในเรื่องของ ค่านิยมต่างๆ ภายในประเทศมากกว่าการเพิ่มจํานวนผู้เข้าถึงการใช้งานในสื่อทาง นี้ หากมีการมุ่งมั่นและพัฒนา อย่างจริงจัง เชื่อได้แน่นอนว่าประเทศไทยกับการผสมผสานระหว่างนโยบาย creative economy ของรัฐบาลกับการพัฒนาสื่อที่มีบทบาทและทันสมัยอย่าง Social media จะทําให้ประเทศไทยก้าว เข้าไปสู่การแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านหรือแม้กระทั่ง บนเวทีโลกได้อย่างสมบูรณ์ แหล่งที่มาข้อมูล http://drjoke.com/3g-social-media บทความเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 (ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ) เนื้อหาต้นฉบับ หัวข้อ3G Social Media และความเป็นไทย http://drjoke.com/3g-social-media
  • 16. โอกาสของคนไทยจะมาถึงแล้วครับ ต้องขอขอบคุณ กทช. (คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ) ด้วยใบอนุญาต 3G ที่ภายใน 4 ปี 80% ของคนไทยจะมีโอกาสเข้าถึง Internet ความเร็วสูง หรือ Broadband ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากราว 2% และเป็นการขยายตัวถึง 40 เท่าในระยะเวลาอันสั้น คงไม่ ต้องสงสัยว่า 4 ปีหลังจากนี้ Broadband จะกลายมาเป็นสิ่งสําคัญในชีวิตคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สถิติการใช้งาน Internet ที่ผ่านมา จะถูกบันทึกใหม่ด้วยการเข้าถึงโดย 80% ของคนในประเทศ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Internet จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยตลาดที่ขยายตัวถึง 40 เท่า การสู้รบและ ประวิงเวลาระหว่าง Digital กับ Traditional จะต้องมาจบลงด้วยความพ่ายแพ้โดยบริบูรณ์ของสื่อยุค เก่า ประเทศไทยจะก้าวต่อไปในโลก Digital อย่างที่เพื่อนบ้านได้เริ่มมากว่าทศวรรษแล้ว คนไทยจะ มีโอกาสสร้างฝันให้เป็นจริงได้ภายใต้นโยบาย Creative Economy ของรัฐบาลปัจจุบัน เทคโนโลยีในการเข้าถึงได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง การแข่งขันอย่างเสรีระหว่างบริษัทชั้นนํา เช่น Apple และ Google ได้นํามาสู่ Disruptive Technology เช่น iPhone 4, iPad และ Android ที่ทําให้ การใช้งาน Broadband ด้วยอุปกรณ์มือถือขนาดเล็กผ่านโครงข่าย 3G มีประสิทธิผลอย่างที่ไม่เคย เป็นมาก่อน ภายใต้ราคาที่เข้าถึงได้ และกําลังมียอดขายในประเทศอย่างถล่มทลาย จึงเป็น Convergence ของ Technology ที่ระบบโครงข่าย 3G ซึ่งกําลังจะมีขึ้นทั่วประเทศประจวบกับ เทคโนโลยีในการเข้าถึง กําลังร่วมสร้างปรากฏการณ์ของ Broadband ที่จะเป็น Disruptive Change แบบต้องตะลึงกัน อย่างไรก็ดี Broadband เป็นดาบสองคม ถึงจะมีประโยชน์ในด้านการสื่อสาร ธุรกิจ การศึกษา ฯลฯ จนกระทั่งเพิ่ม GDP ให้กับพื้นที่ครอบคลุมได้ แต่อย่าลืมว่า Broadband ก็เป็นเครื่องมือเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสาร ความคิด วัฒนธรรม ในรูปแบบของข้อความ ภาพ เสียง และวีดิโอ ที่สามารถนําไปสู่ การสร้างสังคมออนไลน์ หรือ Social Media เช่น Facebook, YouTube และ Twitter ที่ไม่สามารถทํา ได้ด้วยสื่อชนิดอื่นนอกไปจากนี้ เรากําลังเข้าสู่นวัตกรรมของ โลกจําลอง หรือ Virtual World ที่อาจ มาในรูปแบบของ Second Life หรือเกมออนไลน์ ทั้งหมดนี้ มีอิทธิพลต่อ ความคิด วัฒนธรรม ซึ่งมี ความสําคัญกับการหล่อหลอมแนวคิดความเป็นไทยอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบัน Social Media ที่คนไทยใช้เวลาด้วยมากที่สุดล้วนเป็นของต่างชาติทั้งสิ้น ซึ่งในสายตา บริษัทที่ควบคุมโดยคนต่างชาติแล้ว ประเทศไทยเป็นแค่หนึ่งในหลายๆ ตลาดบนโลกใบนี้ และ ไม่ใช่ตลาดสําคัญที่สุด โดยให้ความพยายามเพียงแค่การแปลเมนูคําสั่งโดยผิวเผินให้เป็นภาษาไทย เท่านั้น และไม่ได้ให้ความสําคัญกับความเป็นไทย โดยการปรับปรุงแก้ไขลักษณะการให้บริการให้ เข้ากับท้องถิ่นจริง นอกไปจากนี้ Social Media ที่คนไทยใช้กัน ยังไม่มีบริษัทไหนมีศูนย์บริการ หรือกระทั่งพนักงานประจําที่รับผิดชอบประเทศไทยเลย
  • 17. ทั้งนี้ Social Media ที่ปราศจากความเป็นไทย กําลังมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในสังคม จํานวนชั่วโมง ที่คนไทยใช้บน Social Media ต่อวัน มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทอนเวลาไปจากสื่อ ยุคเก่าเช่นโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ และหากคํานึงว่า Broadband จะมีการขยายตัวถึง 80% อิทธิพลในวันนั้นจะเป็นทวีคูณของวันนี้ และอาจเป็นไปได้ ที่คุณค่าทางวัฒนธรรมของคนไทยที่มี มากว่าสหัสวรรษ จะต้องถูกลบเลือนโดยอิทธิพลของต่างชาติผ่าน Broadband ภายในเวลาไม่กี่ ทศวรรษในขณะที่สื่อยุคเก่า เช่น โทรทัศน์ ยังมีข้อบังคับการนําเสนอข่าวที่ต้องเป็นประโยชน์ต่อ การเรียนรู้ และความเป็นไทย แต่ในสื่อ Internet นั้น ผู้ใช้สามารถเลือกเข้าชมข้อมูลได้ตามใจชอบ หากศึกษากรณีของเกาหลีใต้ ที่ต่อสู้กับเกาหลีเหนือ โดยใช้สื่อเพื่อนําความเป็นเกาหลีใต้เข้าครอบงํา จิตใจของคนเกาหลีเหนือ ขนาดเกาหลีเหนือปิดกั้นประเทศทุกวิถีทางยังสั่นคลอนได้ แต่ประเทศ ไทยด้วยเทคโนโลยี 3G กําลังจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าครอบงํา 80% ของคนในชาติอย่างเสรี ผ่านนวัตกรรม Social Media และ Virtual World ที่จะไปได้ทุกที่ด้วยเทคโนโลยีในการเข้าถึง เราจึง มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียความเป็นไทยที่ไม่สามารถซื้อคืนได้ 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media Social Network  myFri3nd มีรูปแบบคล้ายเว็บ Social Network ทั่วไป เป็นเว็บไซต์ในเครือ sanook.com  D-Looks เว็บไซต์ Social Network แนว ๆ hi5 แต่มีสโลแกนว่า เว็บไซต์ดูดี สําหรับคนดี ๆ  BangkokSpace เป็น Social Network สําหรับคนชอบเที่ยวกลางคืน Blogging  exteen เว็บผู้ให้บริการ blog อันดับหนึ่งของไทย สูสีเบียดกับ bloggang อยู่ตลอด แต่หลัง ๆ ดูเหมือนยอดสมาชิกจะแซงแล้ว ตัวระบบ exteen เองพัฒนาได้ดี  BlogGang ผู้ให้บริการพื้นที่ blog ในเครือ pantip.com ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ จะเป็นแฟน คลับ หรือขาประจําของ pantip.com อยู่แล้ว Micro Blogging
  • 18. NokNok เว็บแบบเดียวกับ twitter แต่พัฒนาโดยคนไทย (ในเครือ sanook.com เช่นกัน) แต่ ดูมีแนวโน้มการพัฒนาที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมให้อัพเดทกับ twitter ได้ หรือการอัพเดท noknok ผ่านมือถือเป็นต้น Social Bookmarking  Zickr เว็บ social bookmark อันดับหนึ่งของไทย คนใช้กันเพียบ เป็นที่รวมข้อมูลบทความ ทันสมัย ที่มีคนมาช่วยกันใส่เรื่องใหม่ ทุกวัน  Duocore เว็บที่รายงานข่าวเกี่ยวกับวงการไอทีไทย ในรูปแบบวีดีโอ โดยใช้ระบบ Social Bookmark มาให้ผู้ชม ช่วยกันส่งเรื่องราวไอทีที่น่าสนใจเข้ามา ในแต่ละสัปดาห์จะมีการ เลือกเรื่องราวที่น่าสนใจ ไปทํารายการเป็นรูปแบบวีดีโอ  Siam Collective เว็บ Social Bookmark อีกแห่งหนึ่งของไทย  iam in Thai Social Bookmark ของไทยที่เก็บรวบรวมงานอีเว้นต์ และเทศกาลสําคัญ  Techkr เว็บ Social Bookmark ที่เก็บแต่เรื่องราวเทคโนโลยี Social Mailbox  Fwdder.com เว็บที่ให้คุณสามารถ forward email ต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากคนอื่น แล้วนํามา ขึ้นแสดงในเว็บไซต์ได้ทันที เรียกได้ว่าเป็นเว็บไซต์ที่รวมพวก forward email ไว้ให้อ่าน กันนั่นเอง 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog) บล็อก (อังกฤษ: blog) เป็นคํารวมมาจากคําว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็น รูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลําดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูล ที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อ ต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็น