1. การสื่อสารทางไกลและ
เครือข่าย
(TelecommunicaTion and neTworks)
ดร. วสันต์ ภัทรอธิคม
รายงานครั้งที่1
เรื่อง Fast Ethernet
จัดทำาโดย
1. นางสาวชยามนต์ ไวยพั น ทา
B4970286
2. นางสาววิ ม ล บุ ญ สว่ า ง
B4970910
3. นางสาวศิ ริน ภา เพริด พริ้ ง
B4971009
4. นางสาวกรรณิกา พังจุนันท์
B4971399
5. นายวรวุ ฒิ สมานคงศั ก ดิ์
B4973911

2. คำานำา
รายงานเรื่อง Fast Ethernet เป็นรายงานที่
จัดทำาขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนในระดับ
ชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุร
นารี สำานักวิชาเทคโนโลยีสังคม สาขาวิชา
เทคโนโลยีสารสนเทศ รายวิชา การสื่อสารทาง
ไกลและเครือข่าย(Telecommunication and
Networks) โดยเนื้อหาของรายงานได้กล่าวถึง
ความหมาย ขอบข่ายทางทฤษฎี ข้อดี ข้อเสีย
และประโยชน์ของการนำาไปประยุกต์ใช้งานเชิง
สร้างสรรค์ ซึงจะเห็นได้ว่าสามารถนำาไป
่
ประยุกต์ใช้งานได้จริง
คณะผู้จัดทำา
นางสาวชยามนต์ ไวยพันทา

3. สรุ ป
10Base-T10 หมายถึง 10 Mbps ส่วน T หมายถึง Twisted Pair ลักษณะนี้
แสดงว่า เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สาย Twisted Pair เป็นสื่อในการส่ง
สัญญาณ
Fast Ethernet เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่จัดอยู่ในมาตรฐาน IEEE 802.3u
เป็นระบบเครือข่ายที่มความเร็วสูงกว่าระบบ Ethernet แบบ 10 Mbps ทั่วไปถึง 10 เท่า
ี
บนสายสัญญาณทำาจากสายทองแดงและสาย ใยแก้วนำาแสง มีวิธีการเข้ารหัสสัญญาณ
และมีย่านความถี่ในการทำางานสูงกว่า
กฎกติกาการจัดวาง Topology ของ Fast Ethernet ต่างกันกับ 10 Mbps มาก
โดยที่ Fast Ethernet 1 Segment สามารถมี Repeater Hub ได้เพียง 1 หรือ 2
เท่านั้นขณะที่ 10 Mbps สามารถ เชื่อมต่อ Repeater Hub ได้หลายๆ ตัว
ใช้วิธีการส่งสัญญาณบนสื่อสัญญาณที่แตกต่างจาก 10BASE-T โดยที่ระบบ
ทั้งสองสามารถ ทำางาน บนสาย UTP CAT 3,4,5, ซึง 10BASE-Tx ใช้กับ สาย UTP
่
CAT-5 ส่วน 10BASE-T4 ใช้กับ สาย UTP CAT3 CAT4 และ CAT510Mbps และ
Fast Ethernet มีสิ่งที่เหมือนกัน ดังนี้
1.ทั้งสองแบบใช้ Frame ข้อมูลที่เหมือนกัน
2.ทั้งคู่ต่างก็ใช้วิธีการ Access เข้าถึงเครือข่ายแบบ CSMA/CD เช่นเดียวกัน
ในการเชื่อมต่อนั้นทำาได้หลายวิธีและแต่ละวิธีมีกติกาการเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน
ดังต่อไปนี้
1.กฎกติกาการเชื่อมต่อของ 100BASE-T (TX /T4 และ T2)
2.กฎกติกาการเชื่อมต่อ 100BASE-FX
3.กฎกติกาการเชื่อมต่อสำาหรับ 100BASE-T4
4.การเชื่อมต่อแบบผสม
ข้อดี
1. เป็นเครือข่ายที่มีขนาดเล็กมาก โดยมีขนาดของ Network Diameter เพียง
205 เมตร
2. ครอบคลุมคุณลักษณะมาตรฐานของ MII
ข้อเสีย
1. Fast Ethernet ไม่สามารถ ใช้ Coaxial เพื่อสื่อสารข้อมูล ซึ่งแตกต่างกับ 10
Mbps Ethernet ที่สามารถใช้ได้กับสาย Cable ได้หลายแบบ

4. 2. Fast Ethernet 1 Segment สามารถมี Repeater Hub ได้เพียง 1 หรือ 2
เท่านั้นขณะที่ 10 Mbps สามารถ เชื่อมต่อ Repeater Hub ได้หลายๆ ตัว
ประโยชน์ของการนำาไปประยุกต์ใช้งานเชิงสร้างสรรค์
ใช้ต่อกลับกล้อง Web Camera เพื่อตรวจดูสภาพภายในสถานที่ที่ต้องการ
ภายในสำานักงานหรือองค์กร ตูเย็นที่ใช้ระบบ Fast Ethernet เพื่อตรวจดูของในตู้
้
เย็นว่าเหลือเท่าไรและสามารถสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการได้ หม้อหุงข้าวที่เชื่อมต่อกัน
แบบ Net Work สั่งการโดยใช้ Computer ตรวจดูของในบ้านว่าเหลือเท่าใดและสั่ง
ให้ซื้อของจากร้านที่เราต้องการโดยอัตโนมัติ
สารบัญ
เรื่อง
หน้า
1.ความหมายของ Fast Ethernet 1
− 10Base-T 1
− ลักษณะการเชื่อมต่อโดยใช้ 10Base-T Hub Repeater 1
− ความรู้เกี่ยวกับ Fast Ethernet 2
2.ขอบข่ายทางทฤษฏี 2
− 100BASE-TX : เครือข่ายที่ใช้สาย UTP CATEGORY 5 2
− มาตรฐานที่ใช้ 3
− วิธีการเข้ารหัส 3
− 100BASE-FX : Fast Ethernet สำาหรับการเดินสาย Fiber Optic 3
− 100BASE-T4 : ระบบเครือข่าย Fast Ethernet ที่ใช้สาย
UTP CAT-3 แบบ 4 PAIR 4
− ข้อดีที่เหนือกว่า 10BASE-T 5
− 100BASE- T2 FAST ETHERNET FOR 2 PAIR CATEGORY 6
3 UTP
− อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อบนเครือข่าย Fast Ethernet 6
− อุปกรณ์ Repeater 6
− ความแตกต่างระหว่าง Class I และ Class II Repeater 6
− Class I Repeater 6
− Class II Repeater 7
− ภาพการเชื่อมต่อแบบผสม 8

5. ٣.ข้อดีและข้อเสียของ Fast Ethernet 9
− ข้อดี 9
− ข้อเสีย 9
٤.ประโยชน์ของการนำาไปประยุกต์ใช้งานเชิงสร้างสรรค์ 10
-١-
Fast Ethernet
ความหมายของ Fast Ethernet
ก่อนที่จะกล่าวถึง Fast Ethernet นั้นเราจำาเป็นต้องทำาความเข้าใจเกี่ยวกับ
10Base-T เสียก่อนเพื่อที่จะได้รู้ถึงคุณลักษณะเกี่ยวกับ Fast Ethernet เพราะทั้งสอง
แบบนี้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน
10Base-T
10 หมายถึง 10 Mbps ส่วน T หมายถึง Twisted Pair ลักษณะนี้แสดงว่า
เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สาย Twisted Pair เป็นสื่อในการส่งสัญญาณ
การเชื่อมต่อกันระหว่างคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องสามารถทำาได้โดยไม่ต้องการ
10Base-T Repeater เพียงแต่ใช้สาย UTP เชื่อมต่อระหว่างกันได้โดยตรง เพียงแต่
ว่า สาย UTP ที่นำามาเชื่อมต่อกันนี้ จะต้องทำาสายแบบ Cross Over หรือการกลับสาย
บางเส้น
ในกรณีที่มีการ เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องเข้าด้วยกัน เป็นเครือข่าย ก็มี
ความจำาเป็นที่ต้องใช้ 10Base-T Repeater ซึงอุปกรณ์ 10Base-T Repeater มีชื่อ
่
เรียกเป็นทางการว่า 10Base-T Wiring Concentrator ซึงก็มีชื่อที่เรียกกันแบบไม่
่
เป็นทางการว่า 10Base-T Hub นั่นเอง
เหตุผลที่เรียก 10Base-T Repeater เป็น Hub Repeater ก็เนื่องจากว่า
อุปกรณ์นี้ไม่เพียงแต่ถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อสถานีทำางานต่างๆบนเครือข่ายเข้าด้วยกัน
แล้ว แต่ยังมีหน้าที่การทำางานต่างๆ เป็นหลัก ดังนี้
ใช้รับข้อมูล คล้ายคลึงกับการส่งข้อมูล กล่าวคือตัว Repeater จะต้องสามารถ
รับสัญญาณที่ส่งเข้ามาในรูปแบบที่มาตรฐาน เช่นกัน
การจัดการกับข้อมูล เป็นหน้าที่หลักอีกประการหนึ่งของ Repeater กล่าวคือ จะ
ต้องสามารถส่งถ่ายสัญญาณระหว่าง Port ต่างๆ โดยปราศจาก Collision ใดๆเกิดขึ้น
การตรวจสอบสัญญาณที่วิ่งเข้ามา ตัว Repeater จะต้องสามารถตรวจพบทันที
เมื่อสถานีทำางานใดๆ มีการส่งข้อมูลออกมา โดยอาศัยการตรวจพบสัญญาณ Carrier
Sense
Receive Jabber Function หาก Node ใด Node หนึ่งมีการส่งข้อมูลยาวนาน
เกินไป ตัว Repeater จะต้องสามารถ ขัดจังหวะ การส่งข้อมูลของ Node ลงได้ เรา
เรียกว่า Jabber ซึ่ง Node ใดก็ตามที่มีการส่งข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
มากกว่า 400 ไมโครวินาทีในแต่ละครั้ง ก็ถือว่ามีการเกิด Jabber ขึ้นแล้ว ซึงตาม
่

6. ปกติ ขนาดของเฟรมข้อมูลที่ใหญ่ที่สุด จะใช้เวลาในการส่งเพียง 120.56 ไมโคร
วินาทีเท่านั้น ดังนั้น อะไรก็ตามที่ใช้เวลายาวนานกว่านี้ก็ถือได้ว่า เกิดความผิดพลาด
ขึน เช่นกัน
้
ลักษณะการเชื่อมต่อโดยใช้ 10Base-T Hub Repeater
การเชื่อมต่อระหว่าง Node หรือสถานีทำางานต่างๆกับ Repeater เป็นการเชื่อม
ต่อของ Node กับ Hub Repeater เข้าด้วยกันโดยใช้สาย UTP โดยที่ปลายทั้งสองข้าง
ของสาย UTP มีการติดตั้ง RJ-45 Jack ระยะทางระหว่าง Node กับ Hub Repeater
สามารถมีความยาวสูงสุด ตามกฎกติกาพื้นฐาน ได้แก่ 100 เมตร อย่างไรก็ดี เราสามารถ
เชื่อมต่อระหว่างกัน ด้วยความยาวที่มากกว่า 100 เมตร ได้โดยไม่มีปัญหา โดยใช้หลัก
การคำานวณ Round Trip Delay
-2-
การเชื่อมต่อระหว่าง Hub Repeater บน ระบบบัสแบบ 10Base-5 เป็นการใช้
AUI Port ที่ตดตั้งมากับ Hub Repeater บางรุ่น เชื่อมเข้ากับสาย AUI เพื่อต่อเข้ากับ
ิ
10Base-5 Transceiver ซึ่งเชื่อมต่อกับสาย Coaxial ที่เป็นบัสบน 10Base-5
การเชื่อมต่อระหว่าง Hub Repeater ด้วยกัน บนระบบบัสแบบ 10Base-2
เป็นการใช้ BNC Jack ที่ติดตั้งมากับ Hub Repeater เชื่อมต่อกันแบบ Daisy Chain
หรือพ่วงต่อกันเป็นแบบบัส โดยใช้สาย Coaxial อย่างบาง การเชื่อมต่อในลักษณะนี้ ก็
เหมือนกันกับการเชื่อมต่อแบบ 10Base-2 Bus ตามปกติ เพียงแต่ว่า Node ที่เชื่อมต่อ
ไม่ใช่สถานีทำางาน แต่เป็น Hub Repeater แทน
ความรู้เกี่ยวกับ Fast Ethernet
Fast Ethernet เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ทีจัดอยู่ในมาตรฐาน IEEE
่
802.3u เป็นระบบเครือข่ายที่มความเร็วสูงกว่าระบบ Ethernet แบบ 10 Mbps ทั่วไปถึง
ี
10 เท่า บนสายสัญญาณทำาจากสายทองแดงและสาย ใยแก้วนำาแสง มีวิธีการเข้ารหัส
สัญญาณ และมีย่านความถี่ในการทำางานสูงกว่า Fast Ethernet มีข้อจำากัดบางประการ
เช่นเดียวกับ 10 Mbps Ethernet
FAST ETHERNET เป็นเครือข่ายที่มีขนาดเล็กมาก โดยมีขนาดของ Network
Diameter เพียง 205 เมตร เท่านั้น ถ้าหากใช้สาย ทองแดง แต่ถ้าเป็น Fiber Optic
ขนาดของเครือข่ายจะมีขนาด 320 เมตร เมื่อเทียบกับ 10 Mbps Ethernet ซึงมีขนาด
่
500 เมตร
Fast Ethernet ไม่สามารถ ใช้ Coaxial เพื่อสื่อสารข้อมูล ซึ่งแตกต่างกับ 10
Mbps Ethernet ที่สามารถใช้ได้กับสาย Cable ได้หลายแบบ เช่น สาย Coaxial สาย
Twisted Pair แบบ UTP และ Fiber Optic ขณะที่ Fast Ethernet สามารถใช้ได้กับ
สาย UTP สาย STP และ สาย Fiber Optic เท่านั้น
ขอบข่ายทางทฤษฏี
กฎกติกาการจัดวาง Topology ของ Fast Ethernet ต่างกันกับ 10 Mbps มาก
โดยที่ Fast Ethernet 1 Segment สามารถมี Repeater Hub ได้เพียง 1 หรือ 2
เท่านั้นขณะที่ 10 Mbps สามารถ เชื่อมต่อ Repeater Hub ได้หลายๆ ตัว
Fast Ethernet ใช้วิธีการส่งสัญญาณบนสื่อสัญญาณที่แตกต่างจาก 10BASE-T
โดยที่ระบบ ทั้งสองสามารถ ทำางาน บน สาย UTP CAT 3,4,5, ซึง 10BASE-Tx ใช้กับ
่
สาย UTP CAT-5 ส่วน 10BASE-T4 ใช้กับ สาย UTP CAT3 CAT4 และ CAT5
อย่างไรก็ดี ทัง 10Mbps และ Fast Ethernet ยังมีสิ่งที่เหมือนกัน ดังนี้
้

7. 1.ทั้งสองแบบใช้ Frame ข้อมูลที่เหมือนกัน โดย Frame ที่ใช้นั้นมีขนาด 64
ไบต์ ไปจนถึง 1518 ไบต์ รวมทั้ง รายละเอียดของ Frame ก็เหมือนกันหมด ดังนั้นจึง
ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ Application ระหว่างเครือข่าย ทั้งสองแบบ
2.ทั้งคู่ต่างก็ใช้วิธีการ Access เข้าถึงเครือข่ายแบบ CSMA/CD เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดีแม้ จังหวะสัญญาณการทำางาน ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่
Algorithm ยังมีความเหมือนกัน
100BASE-TX : เครือข่ายที่ใช้สาย UTP CATEGORY 5
100BASE-TX ถูกออกแบบมาบนพื้นฐานของมาตรฐาน TP-PMD (ANSI
Develope Copper FDDI Physical Layer Dependent Sublayer Technology) มี
คุณลักษณะการทำางาน ดังนี้ :
-3-
SEGMENT LENGTH : หรือขนาดความยาวสายของแต่ละ Segment ถ้าหากใช้
สาย UTP CAT-5 แบบ 2 PAIR จะได้ความยาวที่ 100 เมตร ภายใต้มาตรฐาน
EIA/TIA 568 UTP ซึ่งเป็นมาตรฐานการเดินสาย โดยมีคู่สายแรกใช้เพื่อ ส่งข้อมูล
ส่วนอีกหนึ่งคู่สายสำาหรับการรับข้อมูล
ชนิดของสายสัญญาณ : ความถี่ทางไฟฟ้าของ 10BASE-T คือ 20MHZ ส่วน
ความถี่ทางไฟฟ้าสำาหรับ 100BASE-TX อยู่ที่ 125 MHZ แต่เนื่องจากใช้มีการใช้วิธี
การทาง MULTI-LEVEL TRANSMISSION-3 (MLT-3) WAVE Shaping เพื่อลด
สัญญาณความถี่จาก 125 MHZ ลงมาเหลือ 41.6 MHZ ทำาให้สามารถใช้ CAT-5
UTP ได้สบาย นอกจากนี้ยัง สามารถใช้สาย STP มาตรฐาน IBM TYPE 1 และ DB-9
Connector
Connectors ที่ใช้: - เช่นเดียวกับ 10BASE-T คือ RJ-45
มาตรฐานที่ใช้
-100BASE-Tx เป็น มาตรฐาน IEEE 802.3u ที่กำาหนดขึ้นในปี 1995
-100BASE-Tx ใช้ MAC ตัวเดียวกันที่ใช้บน Ethernet ธรรมดา แต่ทำางานเร็ว
กว่า 10 เท่า
-100BASE-Tx มี มาตรฐานของ Physical Layer 3 ประการได้แก่ 2 UTP Layer
และ 1 Multimode Fiber Optic Layer
-เช่นเดียวกับ 10BASE-T และ 10BASE-F ตรงที่ 100Base-Tx มีการเชื่อมต่อ
แบบ Physical Star
วิธีการเข้ารหัส
100BASE-TX ใช้วิธีการเข้ารหัสแบบ 4B/5B ทำาให้เกิดเป็นกระแสของข้อมูล
แบบ อนุกรมความเร็ว 125 MHZ เพื่อใช้ในการส่งข้อมูล " การเข้ารหัสแบบ 4B5B จะ
ทำาให้ข้อมูลข่าวสาร และข่าสารเกี่ยวกับการควบคุมสามารถถูกแพร่กระจายออกไปใน
ลักษณะของสัญญาลักษณ์พิเศษประกอบขึ้นเป็นกลุ่มของข้อมูล 5 บิต โดยการเอา
ข้อมูลขนาด 4 บิตทำาการ Map เข้าเป็น รหัส ขนาด 5 บิต ซึงจำานวนของสัญญา
่
ลักษณ์พิเศษอันนี้ในระบบจะมีได้เพียง 16 สัญญาลักษณ์เท่านั้นที่เหลือเป็น Idle
หรือทิ้งไว้ไม่ใช้ ต่อไปนี้เป็นรูปแบบตัวอย่างของการเข้ารหัสแบบ 4B5B

8. ความแตกต่างระหว่าง 10BASE-T และ 100BASE-T อยู่ตรงที่มาตรฐานของ
PHY และ พื้นที่การออกแบบเครือข่าย
100BASE-Tx ยังครอบคลุมคุณลักษณะมาตรฐานของ MII (ซึงเป็น Version
่
100Mbps ) (MII เป็น Interface ในระบบ Digital ที่เชื่อมต่อกับ MAC และ PHY เข้า
ด้วยกันและยินยอมให้ใช้ Transceiver ภายนอก
4B/5B - หมายถึงทุกๆ 4 บิต ใน 5 บิต จะถูกนำามาใช้เป็น ข้อมูล ส่วนบิตที่ 5
สำาหรับ งานควบคุมในระดับ Physical Layer Control
100BASE-FX : Fast Ethernet สำาหรับการเดินสาย Fiber Optic
100BASE-FX ถูกออกแบบให้ใช้กับงานที่ต้องใช้สาย Fiber Optic หรือระบบ
FDDI Technology สำาหรับงานรับส่งข้อมูลผ่าน Back Bone ความเร็วสูง หรือเพิ่ม
ระยะทางการเชื่อมต่อให้ยาวกว่าเดิม
-4-
100BASE-FX (คล้ายกันกับ 100BASE-TX) ตรงที่มีการยืมเอามาตรฐานทาง
ด้าน Physical Layer จาก ANSI X3T9.5 FDDI Physical Layer Media Dependent
(FIBER PMD) โดยมีการประยุกต์ใช้งานสาย Fiber Optic แบบ Multimode ขนาด
2-STRAND (62.5/125 nm)
ขนาดของความยาวสูงสุดของสาย fiber ที่ใช้เชื่อมต่อสามารถแปรผันได้
100BASE-FX อนุญาตให้สามารถใช้ MIC/FDDI รวมทั้ง ST Connector แบบ
เดียวกันที่ถูกนำามาใช้กับ 10BASE-F กับ FDDI แต่โดยทั่วไปจะให้ใช้ ST-Connector
เป็นหลัก
ความยาวสาย : ขนาดความยาวสายสามารถแปรผันกันได้ หากมีการเชื่อมต่อใน
ลักษณะดังนี้ : (ดังรูปที่ 1)
รูปที่ ١ แสดงความยาวของสายตามลักษณะการเชื่อมต่อ
*ความยาวนี้สามารถไปได้ถึง ٢٠٠٠ m หากใช้ Full-duplex
รูปที่ ٢ แสดงการเชื่อมต่อแบบ 100BASE-FX
-100BASE-FX ใช้วิธีการเข้ารหัสแบบเดียวกับ 100BASE-TX คือ 4B/5B
-100BASE-FX สามารถใช้ทั้ง Multi-mode Fiber หรือ Single Mode Fiber
100BASE-T4 : ระบบเครือข่าย Fast Ethernet ที่ใช้สาย UTP CAT-3
แบบ 4 PAIR

9. -100BASE-T4 เป็นมาตรฐานใหม่ของ PHY ขณะที่ 100BASE-TX และ FX
ทำางานบนพื้นฐานของเทคโนโลยี FDDI 100BASE-T4 ใช้ UTP Category 3
-100BASE-T4 ใช้สาย UTP 4 Pair ที่ใช้กับ Voice หรือ รับส่งข้อมูลแบบ
CAT3, 4 หรือ 5 เนื่อง จากสัญญาณความถี่ที่ใช้มีเพียง 25 MHZ ดังนั้น สาย Voice
Grade CAT 3 ก็เพียงพอ
-100BASE-T4 ใช้สาย PAIR ครบทั้ง 4 คู่ (8 เส้น) โดยมี 3 PAIR ใช้ในการส่ง
ข้อมูลขณะที่คู่ที่ 4 ใช้
เพื่อเป็นช่องรับเพื่อตรวจสอบ Collision
-100BASE-T4 ไม่เหมือนกับ 10BASE-T และ 100BASE-TX ตรงที่ไม่มีการ
กำาหนดแน่ชัดว่าสาย PAIR คู่ไหนใช้รับหรือส่งข้อมูล ด้วยเหตุนี้จึงรับส่งข้อมูลแบบ
full-duplex ไม่ได้
-100BASE-T4 ใช้ RJ-45 Connector 8 ขา
-5-
-ความยาวสูงสุดของ Segment สำาหรับ 100BASE-T4 คือ 100m และได้
มาตรฐานการเดินสาย EIA-568
-100BASE-T4 ใช้วิธีการเข้ารหัสแบบ 8B/6T ซึงทำางานได้ดีกว่า Manchester
่
Encoding
ข้อดีที่เหนือกว่า 10BASE-T
ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
١.ใช้สาย PAIR มากกว่า (3 ต่อ 1) 3.0 เท่า
ประสิทธิภาพในการเข้ารหัส (8B/6T) 1.33 เท่า
٢.เพิ่ม Baud Rate (25 vs 10 Mbaud) 2.5 เท่า
3.Throughput ที่เพิ่มขึ้น (3.0x1.33x2.5) 10 เท่า
จากตารางภาพบนเป็นการใช้หลักการ 8B6T Block Coding แต่ละ Block ของ
ข้อมูลที่เข้ามา 8 บิตจะ ถูกแปลงเป็นสัญญาลักษณ์ 6 กลุ่มที่เรียกว่า Ternary Group
และ Output Code Group อันเป็นผลมาจาก รหัสแบบ 8B6T ไหลออกไปที่ ช่อง
ทางข้อมูลแบบขนาน 3 ช่องทางบนสาย Pair UTP ทั้ง 3 Pair ดังนั้น อัตราความเร็ว
ข้อมูลที่วิ่งบนสายแต่ละ Pair จะเท่ากับ 100Mbit/3 = 33.33Mbps

10. เนื่องจาก 6 บิต แทนที่โดย ตำาแหน่ง 8 บิต ดังนั้น อัตราของสัญญาณ หรือ
Band Rate จะเท่ากับ
33Mbps x 6/8 = 25MHZ
-6-
100BASE- T2 FAST ETHERNET FOR 2 PAIR CATEGORY 3 UTP
-เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของระบบ DSP และ IC. จึงมีความเป็น
ไปได้ที่จะส่งถ่ายข้อมูลที่ ความเร็ว 100Mbit/s โดยใช้สาย CAT 3 เพียง 2 คูเท่านั้น
่
-100BASE - T2 ยังมิใช่มาตรฐาน IEEE แต่กำาลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และ
คาดว่าจะได้รับมาตรฐาน 802.3Y ทีปลายปี 1996
่
-100BASE - T2 : ประยุกต์ใช้สาย UTP = PAIR แบบ CAT.3,4,5
-คล้ายกับ 10BASE-2 และ 100BASE-TX ตรงที่สาย 1 PAIR ใช้รบ และอีก 1
ั
PAIR ใช้ส่งข้อมูลด้วยเหตุนี้ การทำา Full-duplex จึงมีความเป็นไปได้.
-ใช้ Connector RJ-42 ชนิด 8 Pin แบบเดียวกับ 10BASE-T และ 100BASE-
TX
-ความยาวสายสูงสุดของ SEGMENT คือ (100BASE-T2) = 100 m และเป็น
ไปตามมาตรฐาน EIA 568
-100BASE-T2 คล้ายกับ 100BASE-TX ตรงที่ใช้ Multilevel Signal Encoding
(MLT-3) แค่เพื่อให้สอดคล้องกับสาย Cable ที่มคุณภาพต่างๆ 100BASE-T2 จึงใช้
ี
แบบแผนการเข้าระหัส 5-level เรียกว่า PAM5X5 (PAM = Pulse Amplitude
Modulation)
-100BASE-T2 สามารถใช้สาย 25 PAIR Bundles
-Connector ที่ใช้ : สายที่ใช้เพื่อการส่งข้อมูล อยู่ที่ Pin 1/2 และ สายที่ใช้รับข้อมูล
ทีขา 3/6 เช่นเดียวกับ
่
10BASE-T
อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อบนเครือข่าย Fast Ethernet
อุปกรณ์ Repeater
อุปกรณ์ Repeater ใน Fast Ethernet มีไว้เพื่อเพิ่มขยายความยาว และ
Topology ของเครือข่าย โดยการเชื่อม Segment ต่างๆ เข้าด้วยกันเป็น Segment
ขนาดใหญ่ ความแตกต่างของ Repeater ที่สำาคัญระหว่าง Ethernet ธรรมดากับ
Fast Ethernet ตรงทีขนาดของเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด ซึงจากเดิม 2500 เมตรบน
่ ่
Ethernet ธรรมดา เป็น 205 เมตร บน Fast Ethernet ความแตกต่างอีกประการหนึ่ง

11. ได้แก่การที่ Fast Ethernet มีการแบ่งชนิดของ Repeater ออกเป็น Class ได้แก่
Class I และ Class II
ความแตกต่างระหว่าง Class I และ Class II Repeater
Class I Repeater
Class I Repeater สามารถนำามาใช้เพื่อเชื่อม ต่อกับสถานีทำางาน ต่างๆบนเส้น
สัญญาณหลากชนิด เป็น Repeater ที่มี Delay ค่อนข้างมาก เนื่องจากจะต้องทำา
หน้าที่ ถอดรหัสสัญญาณที่เข้ามายัง พอรต์อินพุท จากนั้น ก็จะเข้ารหัสซำ้าอีกครั้ง
จากนั้นก็จะส่งออกไปที่พอรต์เอาท์พุท การทำาเช่นนี้ จะทำาให้ Repeater Class I มี
ค่า Delay ค่อนข้างมาก ซึ่งโดยทั่วไปจะมีค่า Delay อยู่ที่ 168 Bit Time และการที่มี
Delay มากขนาดนี้ ก็จะทำาให้ Class I Repeater ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Class I
Hub Repeater อื่นๆได้อีก ดังนั้น การเชื่อมต่อเครือข่ายจะเป็นรูปแบบ Hub
Standalone พ่วงต่อกับ Hub Repeater อื่นๆได้อีก
-٧-
อย่างไรก็ดี การที่ Class I Repeater ทำาหน้าที่แปลงสัญญาณที่แตกต่างกัน
เช่นนี้ จึงทำาให้ Class I Repeater Hub สามารถเชื่อมต่อ สถานีทำางานอื่นๆที่ใช้ LAN
Card ที่แตกต่างกัน เช่น 100BASE-TX กับ 100BASE-T4 เป็นต้น
Repeater Hub ที่เป็นแบบ Stackable มักจะเป็นแบบ Class I ทั้งสิ้น
Class I Repeater อาจมีทุกพอรต์เป็นแบบ 100BASE-T4 หรือทุกๆพอรต์เป็น
100BASE-TX ก็เป็นได้ หรือ Repeater บางตัวอาจมี พอรต์ทั้ง 2 ประเภทอยู่ใน Hub
เดียวกันก็ได้ บางครั้งเขาเรียก Hub Repeater แบบนี้ว่า Translational Repeater
รูปที่ ٣ โครงสร้างภายในของ Class I Repeater
Class II Repeater
Class II Repeater ไม่มีการถอดสัญญาณที่วิ่งเข้ามาที่ Hub แต่กลับขยาย
สัญญาณที่วิ่งเข้ามาที่ Hub แทน จากนั้นก็ทำาการส่งออกไปที่พอรต์เอาท์พุท โดย
ไม่มีการถอดรหัสหรือแปลงสัญญาณใดๆ ทังสิ้น ลักษณะเช่นนี้ จะทำาให้ Class II
้
Hub Repeater มีค่าหน่วงเวลาหรือ Delay น้อยลง และเมื่อมีค่า Delay น้อยลงก็จะ
ทำาให้ สามารถพ่วงต่อ Class II Hub ด้วยกันถึง 2 ตัว แต่มีข้อเสียคือ สถานีทำางาน
ทุกเครื่องที่นำามาเชื่อมต่อกับ Repeater Hub นี้จะต้องเป็นระบบเดียวกัน เช่น
100Base-TX กับ 100BASE-TX ด้วยกัน หรือ 100BASE-T4 กับ 100BASE-T4 อย่าง
ใดอย่างหนึ่ง

12. ค่าหน่วงเวลา (Delay) ของ Class II Hub Repeater อยู่ที่ 92 Bit Time ซึงเป็นค่า
่
Delay ที่เกิดขึ้นจากสัญญาณที่เข้ามาทางพอรต์อินพุท แล้วออกไปทางเอาท์พุท
รูปที่ ٤ แสดงโครงสร้างการทำางานภายใน Class II Repeater Hub
-٨-
ในการเชื่อมต่อนั้นเราสามารถทำาได้หลายวิธีและแต่ละวิธีมีกติกาการเชื่อมต่อที่
แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
١.กฎกติกาการเชื่อมต่อของ 100BASE-T (TX /T4 และ T2)
٢.กฎกติกาการเชื่อมต่อ 100BASE-FX
٣.กฎกติกาการเชื่อมต่อสำาหรับ 100BASE-T4
٤.การเชื่อมต่อแบบผสม
โดยในที่นี้จะขอยกตัวอย่างการเชื่อมต่อแบบเดียว คือ การเชื่อมต่อแบบผสม
ดังนี้
1.

13. 2.
3.
-9-
4.
ข้อดีและข้อเสียของ Fast Ethernet
ข้อดี
3. เป็นระบบเครือข่ายที่มความเร็วสูงกว่าระบบ Ethernet แบบ 10 Mbps ทั่วไปถึง
ี
10 เท่า
4. มีวิธีการเข้ารหัสสัญญาณ และมีย่านความถี่ในการทำางานสูง
5. ครอบคลุมคุณลักษณะมาตรฐานของ MII

14. 6. ถูกออกแบบให้ใช้กับงานที่ต้องใช้สาย Fiber Optic หรือระบบ FDDI
Technology สำาหรับงานรับส่งข้อมูลผ่าน Back Bone ความเร็วสูง หรือเพิ่ม
ระยะทางการเชื่อมต่อให้ยาวกว่าเดิม
7. ใช้สาย UTP 4 Pair ที่ใช้กับ Voice หรือ รับส่งข้อมูลแบบ CAT3, 4 หรือ 5
เนื่อง จากสัญญาณความถี่ที่ใช้มีเพียง 25 MHZ ดังนั้น สาย Voice Grade CAT
3 ก็เพียงพอ
ข้อเสีย
3. Fast Ethernet ไม่สามารถ ใช้ Coaxial เพื่อสื่อสารข้อมูล ซึ่งแตกต่างกับ 10
Mbps Ethernet ที่สามารถใช้ได้กับสาย Cable ได้หลายแบบ
4. Fast Ethernet 1 Segment สามารถมี Repeater Hub ได้เพียง 1 หรือ 2
เท่านั้นขณะที่ 10 Mbps สามารถ เชื่อมต่อ Repeater Hub ได้หลายๆ ตัว
5. มีการแบ่งชนิดของ Repeater ออกเป็น Class ได้แก่ Class I และ Class II
6. มีค่า Delay ค่อนข้างมาก ซึ่งโดยทั่วไปจะมีค่า Delay อยู่ที่ 168 Bit Time และ
การที่มี Delay มากขนาดนี้ ก็จะทำาให้ Class I Repeater ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ
Class I Hub Repeater อื่นๆได้อีก
7. สถานีทำางานทุกเครื่องที่นำามาเชื่อมต่อกับ Repeater Hub นี้จะต้องเป็นระบบ
เดียวกัน เช่น 100Base-TX กับ 100BASE-TX ด้วยกัน หรือ 100BASE-T4 กับ
100BASE-T4 อย่างใดอย่างหนึ่ง
-١٠-
ประโยชน์ของการนำาไปประยุกต์ใช้งานเชิงสร้างสรรค์
1. ใช้ต่อกลับกล้อง Web Camera เพื่อตรวจดูสภาพภายในสถานที่ที่ต้องการ
ภายในสำานักงานหรือองค์กร
2. ตู้เย็นที่ใช้ระบบ Fast Ethernet เพื่อตรวจดูของในตู้เย็นว่าเหลือเท่าไรและ
สามารถสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการได้
3. หม้อหุงข้าวที่เชื่อมต่อกันแบบ Net Work สั่งการโดยใช้ Computer
4. ตรวจดูของในบ้านว่าเหลือเท่าใดและสั่งให้ซื้อของจากร้านที่เราต้องการโดย
อัตโนมัติ

15. คำาถาม
1. 10Base-T หมายถึงอะไร
ก.10 หมายถึง 10 Mbps ส่วน T หมายถึง Twisted Pair
ข.١0 หมายถึง 10 Mbps ส่วน T หมายถึง Twisted
ค.١0 หมายถึง 10 Diameter ส่วน T หมายถึง Twisted Pair
ง.١0 หมายถึง 10 Diameter ส่วน T หมายถึง Twisted
2. Fast Ethernet จัดอยู่ในมาตรฐานใด
ก.EIII ข.IEEE ค.MBPH ง. PAIR
3. 10Mbps และ Fast Ethernet เหมือนกันอย่างไร
ก.ใช้ Frame ข้อมูลที่เหมือนกัน
ข.ใช้วิธีการ Access เข้าถึงเครือข่ายแบบ CSMA/CD เช่นเดียวกัน
ค.มี Repeater Hub 1 หรือ 2 เท่ากัน
ง.ข้อ ก.และ ข.ถูก
4. ความถี่ทางไฟฟ้าของ 10BASE-T เท่ากับเท่าไร
ก.5 MHZ ข.10 MHZ ค.15 MHZ ง.20 MHZ
5. 4B/5B หมายถึงอะไร
ก.4 บิต ใน 5 บิต จะถูกนำามาใช้เป็นข้อมูล

16. ข.4 บิต ใน 5 บิต จะไม่ถูกนำามาใช้เป็นข้อมูล ส่วนบิตที่ 5 สำาหรับงานควบคุม
ในระดับ Physical Layer Control
ค.4 บิต ใน 5 บิต จะถูกนำามาใช้เป็นข้อมูล ส่วนบิตที่ 5 สำาหรับ งานควบคุมใน
ระดับ Physical Layer Control
ง.ถูกทุกข้อ
6. ความยาวสูงสุดของ Segment สำาหรับ 100BASE-T4 คือ
ก.1 m ข.10 m ค.100 m ง.1000 m
7. ความยาวสายสูงสุดของ SEGMENT คือ
ก.10BASE-T2 = 10 m ข.100BASE-T2 = 100 m
ค.1000BASE-T2 = 1000 m ง.10BASE-T2 = 100 m
8. ความแตกต่างระหว่าง Ethernet ธรรมดากับ Fast Ethernet คือ
ก.ขนาดของเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด จากเดิม 2500 เมตรบน Ethernet ธรรมดา
เป็น 205 เมตร บน Fast Ethernet และ Fast Ethernet มีการแบ่งชนิดของ Repeater
ออกเป็น Class ได้แก่ Class I และ Class II
ข.ขนาดของเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด จากเดิม 250 เมตรบน Ethernet ธรรมดา
เป็น 205 เมตร บน Fast Ethernet และ Fast Ethernet มีการแบ่งชนิดของ Repeater
ออกเป็น Class ได้แก่ Class I และ Class II
ค.ขนาดของเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด จากเดิม 25 เมตรบน Ethernet ธรรมดา เป็น
20 เมตร บน Fast Ethernet และ Fast Ethernet มีการแบ่งชนิดของ Repeater ออก
เป็น Class ได้แก่ Class I และ Class II
ง.ไม่มีข้อถูก
9. Class I Repeater แตกต่างจาก Class II Repeater อย่างไร
ก. Class I Repeater ไม่มีการถอดรหัสสัญญาณที่เข้ามายัง พอรต์อินพุท แต่
Class II Repeater มีการถอดสัญญาณที่วิ่งเข้ามาที่ Hub แต่กลับขยายสัญญาณที่วิ่ง
เข้ามาที่ Hub แทน
ข. Class I Repeater มีการถอดรหัสสัญญาณที่เข้ามายัง Hub แต่ Class II R
epeater ไม่มีการถอดสัญญาณที่วิ่งเข้ามาที่ Hub แต่กลับขยายสัญญาณที่วิ่งเข้ามาที่
Hub แทน
ค. Class I Repeater มีการถอดรหัสสัญญาณที่เข้ามายัง พอรต์อินพุท แต่
Class II Repeater ไม่มีการถอดสัญญาณที่วิ่งเข้ามาที่ Hub แต่กลับขยายสัญญาณที่วิ่ง
เข้ามาที่ Hub แทน
ง. ไม่แตกต่างกัน
10. การเชื่อมต่อมีกี่วิธี อะไรบ้าง
ก.٥ ได้แก่ กฎกติกาการเชื่อมต่อของ 100BASE-T (TX /T4 และ T2) , กฎ
กติกาการเชื่อมต่อ 100BASE-FX , กฎกติกาการเชื่อมต่อสำาหรับ 100BASE-T4 , การ
เชื่อมต่อแบบผสมและการเชื่อมต่อแบบอนุกรม
ข.٣ ได้แก่ กฎกติกาการเชื่อมต่อ 100BASE-FX , กฎกติกาการเชื่อมต่อสำาหรับ
100BASE-T4 และการเชื่อมต่อแบบผสม

17. ค.٤ ได้แก่ กฎกติกาการเชื่อมต่อ 100BASE-FX , กฎกติกาการเชื่อมต่อสำาหรับ
100BASE-T4 , การเชื่อมต่อแบบผสมและการเชื่อมต่อแบบอนุกรม
ง.٤ ได้แก่ กฎกติกาการเชื่อมต่อของ 100BASE-T (TX /T4 และ T2) , กฎกติกา
การเชื่อมต่อ 100BASE-FX , กฎกติกาการเชื่อมต่อสำาหรับ 100BASE-T4 และการเชื่อม
ต่อแบบผสม
เฉลย
1. ก. 10 หมายถึง 10 Mbps ส่วน T หมายถึง Twisted Pair
2. ข. IEEE
3. ง. ทั้งสองแบบใช้ Frame ข้อมูลที่เหมือนกัน และทั้งคู่ต่างก็ใช้วิธีการ Access เข้าถึง
เครือข่ายแบบ CSMA/CD เช่นเดียวกัน
4. ข. 20MHZ
5. ค. 4 บิต ใน 5 บิต จะถูกนำามาใช้เป็น ข้อมูล ส่วนบิตที่ 5 สำาหรับ งานควบคุมใน
ระดับ Physical Layer Control
6. ค. 100m
7. ข. 100BASE-T2 = 100 m

18. 8. ก. ขนาดของเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด จากเดิม 2500 เมตรบน Ethernet ธรรมดา เป็น
205 เมตร บน Fast Ethernet และ Fast Ethernet มีการแบ่งชนิดของ Repeater ออก
เป็น Class ได้แก่ Class I และ Class II
9. ค. Class I Repeater มีการถอดรหัสสัญญาณที่เข้ามายัง พอรต์อินพุท แต่ Class II
Repeater ไม่มีการถอดสัญญาณที่วิ่งเข้ามาที่ Hub แต่กลับขยายสัญญาณที่วิ่งเข้ามาที่
Hub แทน
10. ค. ٤ ได้แก่ กฎกติกาการเชื่อมต่อของ 100BASE-T (TX /T4 และ T2) , กฎกติกา
การเชื่อมต่อ 100BASE-FX , กฎกติกาการเชื่อมต่อสำาหรับ 100BASE-T4 และการเชื่อม
ต่อแบบผสม
บรรณานุกรม
http://micro.se-ed.com/content/mc188/MC188_90.asp