Contenu connexe
Plus de Kiat Chaloemkiat (13)
เมตตาค้ำจุ่นโลก
- 1. พระอร่าม ธมฺมวุโธ
น.ธ.ตรี
เมตตาธรรมค้าจุนโลก๑
เมตตานั้น คือข้อย่อยที่แ บ่ง แยกมาจาก “พรหมวิหาร ๔” คือ เมตตา กรุณ า มุทิต า และ
อุเบกขา ซึ่งมีอธิบายในเชิงปฏิบัติธรรม ดังนี้ เมตตา หมายถึงความรู้สึกที่ปรารถนาดี หวังดีต่อผู้อื่น
สัตว์อื่น เป็นความรู้สึกที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ความลาเอียง ความเกลียดชั ง หรือคิดทาร้าย คิด
ทาลาย แต่เป็นความรู้สึกที่มุ่งความสุขความเจริญแก่ทุกคนสม่าเสมอกัน กรุณา หมายถึง ความหวั่น
ใจ เมื่อเห็นผู้อื่นได้รับทุกข์ร้อน เป็นอาการที่จิตปรารถนาจะปลดเปลื้องความทุกข์ร้อนของเขา ของปวง
สัตว์ มีความหวั่นใจจนทนไม่ได้ที่จะวางเฉยในเมื่อประสบพบเห็นผู้อื่น สัตว์อื่นรับความลาบาก มุทิตา
หมายถึง ความพลอยมีใจ ยินดีกับผู้อื่นที่มีความสุข เจริญงอกงาม และสรรพสัตว์ผู้ดารงในปกติสุข
อุเ บกขา หมายถึง ความมีใจเป็ นกลาง คือความรู้สึ กเป็ นกลาง มีความยุติ ธรรม เป็นความรู้สึ กที่
ปราศจากความคิดสมน้าหน้า หรือคิดซ้าเติม หลักในการปฏิบัติคุณธรรมทั้ง ๔ ประการนี้ เมื่อบุคคล
เจริญไปโดยจาเพาะเจาะจงตัว โอธิโส ผรญา เรียกว่า พรหมวิหาร สวนที่แผ่ไปโดยไม่จาเพาะเจาะจง
ตัว อโนธิโส ผรญา เรียกว่า อัปปมัญญา แปลว่าภาวนามีสัตว์หาประมาณมิได้เป็นอารมณ์ คือ การแผ่
จิตไปสม่าเสมอ โดยทั่วไปในหมู่มนุษย์ และมวลสัตว์ทั้งหลาย อย่างไม่มีประมาณ ไม่จากัดขอบเขต ซึ่ง
ได้นาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิตจริงของชาวจีนในอดีตมาเล่าสู่กันฟังในการสร้างคุณธรรมความดี ไว้ให้
เป็นที่ประจักษ์ แก่ญาติโยมทั้งหลาย เป็นเรื่องราวสั้นๆ ที่แสดงถึง เหตุที่ได้กระทาและผลกรรมที่จะ
ได้รับ
ในสมัยก่อน มีสองสามีภรรยา แซ่จัง เป็นคนบ้านนอก ที่ใจบุญสุนทาน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาทั้งคู่
ไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผู้อื่นมาเป็นอาหาร เย็นวันหนึ่งมีเลียงผาซึ่งถูนายพรานกาลังตามล่าวิ่งเข้ามาหลบ
๑
๒๕๕๖
ปรับปรุงจากบทเทศน์วันพระในพรรษา ปี พ.ศ.๒๕๕๖ ณ วัดป่าโยธาประสิทธิ์ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันพุธ ที่ ๔ เดือนกันยายน พ.ศ.
- 2. อยู่ในบริเวณบ้านของตน ภรรยาของนายจังเห็นดังนั้น จึงแอบเอาผ้าไปคลุมมันไว้ เมื่อนายพรานที่ไล่
ติดตามมาหาไม่พบก็จึงกลับไป สองสามีภรรยาได้ปลอบโยนเลียงผาตัวนั้นที่กาลังตัวสั่นด้วยความกลัว
ให้หายจากการตื่นตระหนกใจ แล้วจึงพาไปปล่อยยังชายป่าใกล้ๆ ก่อนที่เลียงผาจะจากไป มันได้ก้ม
ศีรษะคานับสองสามีภรรยา หลายต่อหลายครั้ง ด้วยจิตใจที่สานึกในบุญคุณ หนึ่งปีต่อมา ในวันขึ้นปี
ใหม่ ขณะที่สองสามีภรรยา กาลังวุ่นๆกับงานอยู่ในบ้าน ก็ทีเลียงผาตัวหนึ่งวิ่งเข้าไปในบ้านของตน
อย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่คนทั้งคู่จะทาอะไรได้ เลียงผาตัวนั้นก็ใช้เขาของมัน หิ้วเอาตัวลูกน้อยของเขา ออก
จากบ้านไป ทั้งสองรีบติดตามไปทันที พอถึงทุ่งหญ้า เลียงผาก็วางเด็กน้อยลง แล้ววิ่งหายเข้าไปในป่า
สองสามีภรรยาจาได้ว่า เลียงผาตัวนั้นเป็นตัวที่ทั้งสองเคยช่วยชีวิตไว้อย่างแน่ นอน แต่ทาไมมันถึงไม่
รู้จักบุญคุณ กลับแอบมาลักลูกของตนไป ครั้นกลับมาถึงบ้าน สองสามีภรรยาก็ต้องตกตะลึง เพราะ
ภาพที่เห็นอยู่ก็คือ บ้านของเขาถูกต้นไม้ใหญ่ ล้มทับจนพังยับเยิน สุนัขและสัตว์อื่นๆถูกหลังคาทับตาย
หมดไม่มีเ หลื อ ทั้งสองสามีภ รรยาจึงนึกได้ว่า ที่เ ลีย งผาทาเช่นนั้นก็เ พราะอยากช่ว ยชีวิ ตทุกคนใน
ครอบครัวนั้นเอง
อย่างนี้จะเห็นได้ว่า จิตใจของเราหากมีเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น ถึงแม้จะเป็นสัตว์ เขาก็ยังรู้จักหา
วิธีตอบแทนบุญคุณ จึงอยากให้ญาติโยมทั้งหลาย จงอย่าประมาทในการทาความดี ดังคาที่ว่า บุคคล
ไม่ควรดูหมิ่นความดีว่ามีประมาณน้อยจักไม่ให้ผล เมื่อบุคคลสั่งสมบุญบ่อยๆเขาย่อมบริบูรณ์ด้วยบุญ
ได้ ดุจหม้อน้าเต็มด้วยหยดน้าฉันใดก็ฉันนั้น