SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  195
Télécharger pour lire hors ligne
บทที่ 11
      ื
  การสบพ ันธุและการเจริญเติบโต
             ์
(Reproduction & Development)




                                 1
Reproduction & Development

                             2
Reproduction & Development
       การสืบพันธุ์ (reproduction) หมายถึง ความสามารถในการ
ผลิตหน่ วยสิ่งมีชีวิตที่เหมือนตนเอง (like begets like)
       การเจริญ (development) หมายถึง การเติบโต (growth)
และการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่ าดิฟเฟอเรนทิเอชั่น (differentiation)
       เรื่องของการสืบพันธุ์และการเจริญเกี่ยวข้ องสัมพันธ์ กับ
วงจรชีวิต (life cycle) ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด

Reproduction แบ่ งออกเป็ น    1. Cellular reproduction
                              2. Organismic reprodution

                                                               3
Reproduction แบ่ งออกเป็ น

• 1. Cellular reproduction   2. Organismic reprodution




                                                   4
Cellular reproduction
                  (การสื บพันธุ์ระดับเซลล์ )

1. เซลล์ ผลิตหน่ วยที่เหมือนตัวเองได้ อย่ างไร
2. กระบวนการทีเ่ กิดขึน
                      ้
3. ความสั มพันธ์ ระหว่ างโครงสร้ างและหน้ าที่
4. division of eukaryotic cell


                                                 5
การแบ่ งเซลล์ เป็ นกระบวนการสืบพันธุ์ เจริญเติบโต และซ่ อมแซม
    คุณสมบัติของสิงมีชีวิตคือการสืบพันธุ์ การสืบพันธุ์มีทงแบบอาศัยเพศ (sexual
                       ่                                  ั้
reproduction) และแบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction) การสืบพันธุ์แบบ
อาศัยเพศเกี่ยวข้ องกับการรวมตัวกันของเซลล์สืบพันธุ์ (gamete) ที่มาจากพ่อและแม่
ทาให้ ได้ เซลล์ที่เรี ยกว่าโซโกต (zygote) ซึงจะเจริญต่อไปเป็ นลูกรุ่นใหม่ที่มี
                                            ่
องค์ประกอบพันธุกรรมแตกต่างไปจากพ่อและแม่ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเป็ น
การเพิ่มจานวนของสิงมีชีวิตเพียงอย่างเดียว โดยตัวที่เกิดใหม่มีองค์ประกอบทาง
                         ่
พันธุกรรมเหมือนกับตัวเริ่มต้ นทุกประการ
            การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเกี่ยวข้ องกับการแบ่งเซลล์แบบปกติ ที่เรี ยกว่า
ไมโทซิส (mitosis) (mitosis มาจากคาว่า mitos = สายใย หรื อ เส้ นโครโมโซม) ซึงเป็ น
                                                                                ่
กระบวนการเพิ่มจานวนเซลล์ โดยที่เซลล์ใหม่ยงคงมีโครโมโซมเหมือนเดิม และ
                                                 ั
จานวนเท่ากับเซลล์เริ่มต้ น
            การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เป็ นกระบวนการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศใน
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น อมีบา สาหรับในสิงมีชีวิตหลายเซลล์พบการแบ่งเซลล์แบบนี ้
                                              ่
ในการเจริญเติบโต การสร้ าง และการซ่อมแซมเนื ้อเยื่อ                               6
The functions of cell division




(a)                  (b)

                           (a) Amoeba : reproduction
                           (b) Multicellular organisms: growth and
                           development
                           (c) Mature multicellular organisms:
                           renewal and repair of tissues
(c)
                                                              7
การแบ่ งเซลล์ ในสิ่งมีชีวิตพวกโปรคาริโอต




   พวกโปรคาริโอตมีสภาพเป็ นเซลล์เดี่ยว ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส มี DNA เพียง 1
โมเลกุลรวมอยูกบและโปรตีนมีลกษณะเป็ นวง เรี ยกว่า genophore มีวิธีการสืบพันธุ์
               ่ ั           ั
แบบไม่อาศัยเพศ เป็ นแบบ binary fission ซึงมีกระบวนการดังนี ้ เวลาที่จะมีการแบ่ง
                                         ่
เซลล์ genophore จะเคลื่อนตัวเข้ ามาติดกับเยื่อหุ้มเซลล์ เพื่อใช้ เยื่อหุ้มเซลล์เป็ นที่ยด
                                                                                        ึ
แล้ วเริ่มคลายตัวของ DNA และจาลอง DNA ได้ เป็ น genophore 2 วง ซึงจะเคลื่อนย้ าย
                                                                           ่
ออกจากกันตามผิวของเยื่อหุ้มเซลล์ ต่อจากนันเซลล์จะแบ่งตัวที่กงกลางได้ เป็ น 2 เซลล์
                                           ้                       ึ่
แต่ละเซลล์ประกอบด้ วย genophore 1 วง
                                                                                     8
เซลล์ ของยูคาริโอต (eukaryotic cell)
       ภายใน eukaryotic cell มีนิวเคลียสที่ห้ มด้ วยเยื่อหุ้ม
                                              ุ
นิวเคลียส นิวเคลียสเป็ นศูนย์ ควบคุมกิจกรรมต่ างๆ ภายใน
นิวเคลียสมี nuceolus และเส้ นใยขนาดเล็กที่ย้อมติดสี
จาเพาะมากมายขดม้ วนซ้ อนกันเหมือนร่ างแห เรียกว่ า โคร
มาติน (chromatin) เส้ นใยโครมาตินประกอบด้ วย DNA ที่พัน
รอบโมเลกุลโปรตีน histone อย่ างมีแบบแผน และขดม้ วนตัว
หลายชัน ในช่ วง metaphase จะขดม้ วนตัวแน่ นที่สุดเป็ นแท่ ง
       ้
โครโมโซม

                                                           9
โครโมโซม
(a)   ของ
      ยูคาริโอต


(b)

(c)


(d)
                  10
แผนภาพแสดงโครงสร้ างของโครมาตินที่ประกอบด้ วย DNA
และ histone ที่ขดม้ วนตัวกันแน่ นจนเห็นเป็ นรูปร่ างของ
โครโมโซมชัดเจนในระยะ metaphase
a) DNA รวมกับ histone 4 ประเภท เป็ นโครงสร้ างที่เรียกว่ า
nucleosome แต่ ละหน่ วยจะต่ อเข้ าด้ วยกันด้ วย histone อีกประเภท
หนึ่งที่เรียกว่ า H1
b) nucleosome รวมตัวกันเป็ นสายยาว เรียกว่ า chromatin fiber
c) โครมาตินจะม้ วนตัวอยู่ภายในนิวเคลียสในสภาวะปกติ แต่ ในเซลล์
ที่มีการแบ่ งตัวสายโครมาตินจะม้ วนตัวเองทบกันเป็ นชันๆอย่ างมี
                                                       ้
ระบบจนมีความหนามากขึน     ้
d) โครโมโซมที่มีความแน่ นมากที่สุดในช่ วง metaphase
                                                            11
12
Cellular reproduction (การสืบพันธุ์ของเซลล์ )
         การแบ่งเซลล์ประกอบด้ วย การแบ่งนิวเคลียส (nuclear division หรื อ
karyokinesis) สลับกับการแบ่งไซโตพลาสซึม (cytoplasmic division หรื อ
cytokinesis) ในกระบวนการแบ่งนิวเคลียส มี 2 แบบ คือ ไมโทซิส (mitosis) และ
ไมโอซิส (meiosis)




                                                                        13
หมายเหตุ คาว่ า mitosis และ meiosis หมายถึงกระบวนการแบ่ ง
นิวเคลียสเท่ านัน แต่ คนมักเรียกผิดเป็ นการแบ่ งเซลล์ จงเป็ นที่
                ้                                      ึ
เข้ าใจว่ า หมายถึง การแบ่ งเซลล์ แบบไมโทซิส (mitotic cell division)
และการแบ่ งเซลล์ แบบไมโอซิส (meiotic cell division)




                                                                14
The cell cycle
      หมายถึงวงจรชีวตเซลล์ ทเี่ ริ่มจากเซลล์ เดิม 1 เซลล์
                     ิ
ผ่ านกระบวนการแบ่ งเซลล์ จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ได้ เซลล์ ใหม่
2 เซลล์
ประกอบด้ วย 2 ช่ วง คือ
 1. Interphase
 2. M phase
                                                        15
MITOSIS
• Interphase                     interphase         18 ชั่วโมง


•   Prophase
                                                                 20 ชั่วโมง
•   metaphase                     M phase          2 ชั่วโมง
•   Anaphase
•   telophase

* ในสิ่ งมีชีวตจะมี S และ G2 ใกล้เคียงกันต่างกันที่ G1
              ิ
                                                                       16
17
The stages of mitotic cell division in an animal cell




                                                        18
The stages of mitotic cell division in an animal cell




                                                        19
Cytokinesis ในเซลล์ สัตว์
    รูป scanning electron
microscope แสดงรอยคอดที่เยื่อ
หุ้มเซลล์บริเวณตรงกลางของเซลล์
ที่กาลังแบ่งตัว โดยภายในเซลล์ตรง
บริเวณที่เกิดรอยคอด
microfilament มารวมกันเกิดเป็ นวง
(contracting ring) เกิดแรงหดตัว
ของ actin กับ myosin ทาให้ เยื่อหุ้ม
เซลล์เกิดเป็ นรอยคอด รอยคอดจะ
รัดเข้ ามากขึ ้นจนไซโตพลาสซึมถูก
แบ่งแยกออกจากกันและกลายเป็ น
เซลล์ใหม่ 2 เซลล์
                                20
cytokinesis ในเซลล์ พืช
    รูป transmission electron
microscope ของระยะ telophase
ของเซลล์พืช จะเห็นว่า vesicles
จาก Golgi apparatus มารวมกัน
ตรงจุดกลางเซลล์ และขยายยาว
ออกเป็ นโครงสร้ างที่เรี ยกว่า cell
plate ซึงจะเจริญเป็ นผนังเซลล์ของ
        ่
แต่ละเซลล์ตอไป
             ่



                                21
Mitosis in plant cell (จากรากหอม)
A      B          C          D          E




                                            22
Meiosis
• Interphase        • Interphase II

•   Prophase I      •   Prophase II
•   Metaphase I     •   Metaphase II
•   Anaphase I      •   Anaphase II
•   telophase I     •   telophase II


                                   23
24
25
Comparison of Mitosis &Meiosis




                                 26
ลักษณะสาคัญของ Meiosis และ Mitosis
                 Mitosis                                Meiosis
1 จานวนโครโมโซมหลังการแบ่งยังเท่า โครโมโซมลดลงครึ่ งหนึ่งในไมโอซี ส
  เดิม                                 เนื่องจากการแยกกันของฮอโมโลกัส
                                       โครโมโซม ส่ วนไมโอซี สII จะเป็ นการแบ่ง
                                       แบบไมโทซี สธรรมดา
2 การแบ่งเซลล์มีเพียงขั้นตอนเดียวโดยมี การแบ่งเซลล์มี 2 ขั้นตอน มีแบ่งนิวเคลียส
  การจาลองตัวเองของโครโมโซมแล้ว และแบ่งไซโทพลาสซึ มอย่างละ 2 ครั้ง ได้
  แยกไปยังขั้วทั้งสองแล้วแบ่งไซ        เซลล์ใหม่ 4 เซลล์
  โทพลาสซึ มได้เป็ น 2 เซลล์
3 โครโมโซมไม่มีการเข้าคู่กนไม่มีการ โครโมโซมมีการเข้าคู่กน และมีการ
                           ั                                  ั
  แลกเปลี่ยนชิ้นส่ วนโครโมโซม          แลกเปลี่ยนชิ้นส่ วนโครโมโซม

                                                                        27
Mitosis                              Meiosis
4 องค์ประกอบทางพันธุกรรมและ           องค์ประกอบทางพันธุกรรมและ
  โครโมโซมของเซลล์ใหม่ท้ งสองเซลล์
                         ั            โครโมโซมของเซลล์ใหม่มีความแตกต่าง
  จะเหมือนกัน                         กันเพราะเกิด crossing over
5 จานวนโครโมโซมในเซลล์ท้ งสองที่
                           ั          จานวนโครโมโซมของเซลล์ใหม่จะมีเพียง
  ได้จะเท่ากับเซลล์เดิม               ครึ่ งหนึ่งของเซลล์เดิม
6 เซลล์ใหม่ที่ได้แบ่งเซลล์แบบไมโทซี ส เซลล์ใหม่ที่ได้ไม่สามารถแบ่งเซลล์แบบไม
  ได้อีก                              โอซี สได้อีก แต่แบ่งแบบไมโทซี สได้




                                                                      28
Mitosis                                   Meiosis
7 โดยปกติจะเกิดที่เซลล์ร่างกายของสัตว์ เกิดที่เซลล์ที่ทาหน้าที่เป็ นเซลล์สืบพันธุ์
  และเนื้อเยือเจริ ญของพืช
             ่                         เท่านั้น
8 กระบวนการจะเกิดตั้งแต่ไซโกตหรื อ         กระบวนการจะเกิดในพืชหรื อสัตว์ที่
  เอ็มบริ โอไปเรื่ อยๆ                     สื บพันธุ์ได้แล้วเท่านั้น




                                                                               29
Regulation of the cell cycle (การควบคุมวงชีวิตเซลล์ )
        เซลล์ แต่ ละชนิดจะมีแบบแผนของวงจรชีวิตเซลล์ แตกต่ างกัน
เช่ น
        -เซลล์ ท่ ผิวหนังแบ่ งตัวตลอดเวลา
                    ี
        -เซลลืท่ ตับจะไม่ แบ่ งตัว แบ่ งเฉพาะเมื่อมีบาดแผล
                  ี
        -เซลล์ ประสาทและเซลล์ กล้ ามเนือไม่ แบ่ งตัวเลย
                                           ้




                                                             30
การเปลี่ยนสภาพของเซลล์ และการชราภาพของเซลล์
1. การเพิมจานวนเซลล์ (cell multiplication)
         ่




                                              31
2. การเติบโต (growth)




                        32
3. การเปลียนแปลงของเซลล์ เพือไปทาหน้ าที่ต่างๆ (cell differentiation)
          ่                 ่




                                                              33
4. การเกิดรู ปร่ างทีแน่ นอน (morphogenesis)
                     ่




                                               34
Diploid = สภาวะที่ cell มี chromosome 2 ชุด (2n)
Haploid = สภาวะที่ cell มี chromosome 1 ชุด (n)
Gamete = เซลล์ สืบพันธุ์ท่ มีจานวน chromosome เป็ น haploid
                           ี
•Sperm, ova
•Human gametes ประกอบด้ วย 22 autosomes + 1 sex chromosome
                                                    (Xหรือ Y)
Fertilization = การรวมกันของ gametes เกิดเป็ น zygote
Zygote = cell diploid Mitosis         organism




                                                        35
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวต ( Organismic reproduction)
                          ิ
         ความสาคัญของการสืบพันธุ์คือ เป็ นสิ่งจาเป็ นต่ อการต่ อเนื่อง
ของสิ่งมีชีวต และเป็ นกลไกช่ วยให้ เกิดวิวัฒนาการ ในระดับ organism
            ิ
การสืบพันธุ์แบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ การสืบพันธุ์แบบไม่ อาศัยเพศ
และ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ




                                                                         36
1. การสืบพันธุ์แบบไม่ อาศัยเพศ (asexual reproduction)
                เป็ นการผลิตหน่วยสิ่งมีชีวิตใหม่จากหน่วยสิ่งมีชีวิตเดิม โดยอาศัยการ
   แบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส มีหลายแบบ
Binary Fission (การแบ่งออกเป็ น 2 ส่วน) เซลล์เดิมแยกออกเป็ น 2 ส่วนเท่าๆกัน
ได้ สิ่งมีชีวิตใหม่ 2 ตัว
ได้ แก่ สาหร่ายเซลล์เดียว อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา แบคทีเรี ย




                                Fission of a sea anemone
                                                                  Fission of bacteria
     Fission of amoeba                                                         37
Protococcus




 Euglena


                      Paramecium




Fission of bacteria                38
Budding (การแตกหน่อ) สิ่งมีชีวิตตัวใหม่เจริญมาจากกลุมเซลล์ที่
                                                   ่
เรี ยกว่าหน่อ (bud) ซึงยอกออกจากสิ่งมีชีวิตตัวเดิม เช่นการแตกหน่อของยีสต์
                      ่
,ไฮดรา ,กล้ วย, ใบต้ นตายใบเป็ น,ไผ่




              Hydra                                       ยีสต์


                                                                        39
Fragmentation เกิดขึ ้นโดยที่สวนของร่างกายหลุดออกเป็ นส่วนๆ แต่ละส่วน
                              ่
สามารถเจริญเป็ นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ได้
  -ต้ องเกิดพร้ อมกับ regeneration
  -พบใน ไฮดรา,ดอกไม้ ทะเล,พลานาเรี ย,ดาวทะเล
  -regeneration ทาให้ สิ่งมีชีวิตสามารถสร้ างส่วนที่ขาดหายไปทดแทนขึ ้นมาใหม่ได้
(arm ของดาวทะเล)




                                                                            40
การสร้ างกลุ่มเซลล์ พเศษ ในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบาง
                      ิ
ชนิด เช่นฟองน ้ามีการสร้ างเจมมูล (gemmules) เจริ ญอยู่
ภายในร่างกาย ภายในเจมมูลมีกลุมเป็ นจานวนมาก ซึงเมื่อ
                                  ่                ่
ตัวเดิมตายไป เจมมูลจะหลุดออกมาเป็ นอิสระ และเซลล์ที่อยู่
ภายในจะเจริ ญเป็ นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่




                                                       41
Sporulation (การสร้ างสปอร์ ) เซลล์มีการแบ่งหลายๆครังจน
                                                    ้
ได้ เป็ นเซลล์จานวนมาก แต่ละเซลล์เรี ยกสปอร์ ซึงแพร่ไปในที่
                                                 ่
ต่างๆได้ โดยง่าย เช่น เชื ้อรา ,เห็ด,เฟริ์ น มอส




                                                              42
Fern Life Cycle




                  43
Life cycle of basidiomycetes




                               44
Amanita phalloides




                                                      เห็ดไข่หงส์
                                       เห็ดเกล็ดดาว

Amanita muscaria


                         เห็ดขี้วว
                                 ั     เห็ดยวงขนุน
        http://www.dmsc.moph.go.th/webroot/plant/poision_main.htm
                                                                    45
Life cycle of Rhizopus stolonifer
            sporangium
 Asexual phase




                         Sexual phase




                                        zygospore




                                              46
ข้ อดีของ asexual reproduction
       1. เป็ นประโยชน์ สาหรั บสัตว์ พวกที่เกาะอยู่กับที่ ซึ่ง
ไม่ สามารถผสมพันธุ์กับตัวอื่น
       2. สามารถเพิ่มจานวนได้ รวดเร็ว
       3. ประโยชน์ ท่ สาคัญคือ ลักษณะที่เหมาะสมกับ
                      ี
สิ่งแวดล้ อมยังคงอยู่ต่อไปในรุ่ นต่ อๆไป




                                                           47
2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction)
         เป็ นการผลิตหน่ วยของสิ่งมีชีวตโดยการรวมตัวของ
                                        ิ
เซลล์ สืบพันธุ์หรือหน่ วยของพันธุกรรม ซึ่งอาจมาจาก
สิ่งมีชีวตแต่ ละตัวหรือสิ่งมีชีวตตัวเดียวกันก็ได้
         ิ                      ิ
         การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศแบ่ งออกได้ เป็ นดังนี ้




                                                           48
2.1 conjugation ตัวอย่ างเช่ น โปรโตซัวจะมีการ conjugation ระหว่ าง
โปรโตซัว 2 ตัว นิวเคลียสของโปรโตซัวทังสองจะมีการแบ่ งตัวแบบไมโอซิส
                                     ้
ต่ อจากนันมีการแลกเปลี่ยนนิวเคลียส หลังจากที่นิวเคลียสรวมตัวกันแล้ ว
         ้
โปรโตซัวทังสองตัว จะแยกจากกันและต่ างก็ไปแบ่ งตัวต่ อไป
           ้




                                                                  49
สาหร่ าย




พารามีเซียม


                         50
2.2 สาหรับในสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เกิดจากการรวมตัวกันของเซลล์
สืบพันธุ์ท่ มีขนาดและรูปร่ างต่ างกัน เซลล์ สืบพันธุ์เพศเมียหรือไข่
            ี
มีขนาดใหญ่ และไม่ เคลื่อนที่ เซลล์ สืบพันธุ์เพศผู้มีขนาดเล็ก
ได้ แก่ ไฮดรา,ไส้ เดือน,คน เป็ นต้ น
               ข้ อดีของ sexual reproduction
เป็ นการเพิ่มความแตกต่ างแปรผันทางพันธุกรรม (genetic
variation) ซึ่งมีประโยชน์ ในสิ่งแวดล้ อมที่เปลี่ยนแปลง



                                                                  51
ความแตกต่ างระหว่ าง reproductive cycle และ pattern ของสัตว์
ชนิดต่ างๆ
        สัตว์ มี reproductive cycle ขึนอยู่กับฤดูกาล
                                      ้
        -สัตว์ จะสืบพันธุ์เมื่อมีอาหารเหลือจากการดารงชีวิตที่
จาเป็ นอื่นๆ และเมื่อสิ่งแวดล้ อมเหมาะกับการเจริญของสมาชิก
ใหม่ และถูกควบคุมโดยฮอร์ โมนและสิ่งแวดล้ อม
        สิ่งมีชีวิตต่ างๆสามารถดารงชีวิตในแบบต่ างๆกัน บาง
ชนิดสามารถสืบพันธุ์ได้ ทงแบบไม่ อาศัยเพศ และแบบอาศัยเพศ
                            ั้
หรือสลับกัน โดยจะสืบพันธุ์แบบไม่ อาศัยเพศเมื่อสิ่งแวดล้ อม
เหมาะสม และแบบอาศัยเพศเมื่อสิ่งแวดล้ อมเปลี่ยนแปลง

                                                            52
การสืบพันธุ์ของสัตว์ บางชนิด อาจเกิดขึนโดยวิธีท่ เรียกว่ า
                                             ้        ี
parthenogenesis คือเซลล์ สืบพันธุ์เพศเมียเจริญเป็ นสิ่งมีชีวิตที่
สมบูรณ์ โดยไม่ ต้องมีการปฏิสนธิ พบในสิ่งมีชีวิตหลายชนิด เช่ น
ผึง มด ต่ อ แตน เพลีย rotifers และ crustaceans บางชนิด ตัวเต็ม
  ้                      ้
ไวที่เจริญมาจาก parthenogenesis จะเป็ น haploid และเซลล์ จะไม่
มีการแบ่ งแบบไมโอซิสในการสร้ างไข่
             สาหรับผึงนัน ไข่ ท่ มีการปฏิสนธิจะเจริญเป็ นนางพญา
                     ้ ้         ี
และผึงงานที่เป็ นตัวเมียทังหมด ส่ วนไข่ ท่ ไม่ มีการปฏิสนธิจะเจริญ
         ้                     ้               ี
เป็ นผึงตัวผู้
       ้
             ปลาบางชนิด สัตว์ สะเทินนาสะเทินบก และ
                                        ้
สัตว์ เลือยคลาน มีการสืบพันธุ์แบบ parthenogenesis เช่ นกัน โดย
           ้
การเพิ่มจานวนโครโมโซมหลังการเกิดไมโอซิส เป็ น diploid zygote
                                                               53
Hermaphroditism เกิดขึนในสิ่งมีชีวตหลายชนิดที่ไม่ สามารถหาคู่ผสมพันธุ์
                      ้           ิ
ได้ ตัวอย่ างเช่ น พวกที่อยู่กับที่ พวกอยู่ในรู หรื อพวกปรสิต
           - สิ่งมีชีวตมีทง 2 เพศในตัวเดียวกัน
                      ิ ั้
           -บางชนิดผสมภายในตัวเอง บางชนิดผสมข้ ามตัว แต่ เป็ นการเพิ่ม
ประสิทธิภาพเป็ น 2 เท่ าในการเพิ่มจานวนลูกหลาน
           สิ่งมีชีวตบางชนิดอาจสลับกันทัง 2 เพศ หรื อบางชนิดเป็ น
                    ิ                        ้
protogynous (female first) หรือ protandrous (male first) หรือบางชนิด
เกี่ยวข้ องกับอายุและขนาดตัว
           ตัวอย่ างเช่ น พวกที่เป็ น protogynous ได้ แก่ ปลา blue head wrasse
ตัวที่แก่ ท่ ีสุด และตัวใหญ่ ท่ ีสุดในฝูงปลาจะเป็ นตัวผู้ เพื่อทาหน้ าที่ปองกัน
                                                                          ้
อันตรายให้ ฝูงปลา
           พวกหอย oysters เป็ น protandrous ตัวใหญ่ จะกลายเป็ นตัวเมียซึ่ง
สร้ างไข่ ได้ เป็ นจานวนมาก
                                                                             54
ปลา blue head wrasse ตัวที่แก่ ท่ ีสุด และตัวใหญ่ ท่ ีสุดในฝูงปลาจะเป็ นตัวผู้
เพื่อทาหน้ าที่ปองกันอันตรายให้ ฝูงปลา
                ้

                                                                           55
Mechanisms of sexual reproduction
         Mechanisms of fertilization เป็ นกระบวนการของการรวมกันของสเปิ ร์ ม
และไข่ แบ่ งออกเป็ น external fertilization และ internal fetilization
External fertilization
         -เกิดขึนในสิ่งแวดล้ อมที่มีความชิน ซึ่งความชืนช่ วยการเจริญของ
                 ้                           ้           ้
เอมบริโอให้ เป็ นไปได้ โดยไม่ แห้ งหรื อร้ อนเกินไปซึ่งทาให้ ตายได้




                                                                       56
-สัตว์ ไม่ มีกระดูกสันหลังหลายชนิดปล่ อยสเปิ ร์ มและไข่ ลงใน
นา และเกิดการปฏิสนธิในนาโดยที่ตัวพ่ อและแม่ ไม่ ได้ พบกันเลย
    ้                           ้
        -สิ่ งแวดล้ อมและออร์ โมนช่ วยกระตุ้นให้ มีการสร้ างเซลล์
สืบพันธุ์ในเวลาใกล้ ๆกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิสนธิ
        -ในพวกสัตว์ มีกระดูกสันหลัง ได้ แก่ ปลาและสัตว์ สะเทินนา   ้
สะเทินบก จะแสดงพฤติกรรมการเกียวพาราสีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
                                      ้
การปฏิสนธิและการเลือกคู่
        -ในการปองกันเอมบริโอ เพื่อให้ เจริญต่ อไปได้ มีหลาย
                   ้
ขันตอน ดังนี ้ เอมบริโอต้ องอยู่ในสิ่งแวดล้ อมที่มีนาหรือความชืน
  ้                                                 ้           ้
เพื่อปองกันการแห้ งหรือความร้ อนจัด พวกไข่ ปลาและไข่ สัตว์ ครึ่ง
      ้
บกครึ่งนาจะคลุมด้ วย gelatinous coat เพื่อให้ เกิดการแลกเปลี่ยนนา
          ้                                                          ้
และก๊ าซได้ และนอกจากนีจะมีไซโกตเป็ นจานวนมาก แต่ จานวน
                              ้
รอดชีวิตไม่ มากนัก                                                57
Internal fertilization
         เป็ นการปฏิสนธิภายในร่ างกายของตัวเมีย
         - ต้ องมีระบบสืบพันธุ์ท่ ีเจริญดี และพฤติกรรมการเกียวพาราสี
                                                                ้
         -ตัวผู้ต้องมีอวัยวะช่ วยในการปล่ อยสเปิ ร์ ม มีถุงเก็บสเปิ ร์ ม
         -มีขันตอนปองกันการเจริญของเอมบริโอมากมาย
               ้      ้
                    -ไข่ มีเปลือกหุ้ม (amniotic egg)
                    -การเจริญของเอมบริโอเกิดภายในตัวเมีย
                    -มีการปองกันจากพ่ อแม่ (parental care)
                             ้
                    (parental care ส่ วนมากเกิดในพวกที่เป็ น internal fertilization
แต่ external fertilization บางชนิดก็มีเหมือนกัน เช่ น nesting fishes แสดงพฤติ
ปองกันไข่ จากผู้ล่า)
 ้
                    -โดยมากสร้ างไซโกตจานวนน้ อย และสามารถเจริญต่ อไปได้
มากโดยมีการปองกันและการเลียงดูต่างๆ
                 ้                   ้
                                                                                58
Internal fertilization
• Oviparous (สัตว์ที่ออกลูกเป็ นไข่) ได้แก่สตว์เลื้อยคลาน นก มีการ
                                             ั
  ปฏิสนธิภายในตัวแต่ตวอ่อนเจริ ญนอกตัวแม่จึงต้องมีการวางไข่
                        ั
• Viviparous (สัตว์ออกลูกเป็ นตัว) ตัวอ่อนเจริ ญภายในตัวแม่และ
  ได้รับอาหารจากแม่ ได้แก่สตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ านม
                             ั
                                               ่
• Ovoviviparous (สัตว์ออกลูกเป็ นไข่แต่ฟักอยูในตัว) มีการปฏิสนธิ
                                           ่
  ภายในตัวและออกลูกเป็ นไข่แต่ไข่ฟักอยูในตัวแม่




                                                                     59
การสื บพันธุ์แบบสลับของแมงกะพรุ น
• พลานูรา(planula) เป็ นตัวอ่อนที่ได้จากการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศ
• อีไฟรา (ephyra) เป็ นตัวอ่อนที่ได้จากการสื บพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ




                                                                 60
การสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ในพืช




  วงจรชีวิตของพืชเป็ นแบบสลับระหว่ าง sporophyte ซึ่งเป็ น diploid generation กับ
gametophyte ซึ่งเป็ น haploid generation Sporophyte จะสร้ างสปอร์ โดยกระบวนการ
ไมโอซิส สปอร์ จะเจริญเป็ นต้ นใหม่ โดยไม่ มีการผสมกับเซลล์ อ่ น ส่ วน Gametophyte
                                                              ื
จะสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ (gamete) โดยกระบวนการไมโทซิส แล้ ว gamete ทังสอง้
(sperm และ egg) มารวมกันได้ ไซโกต ซึ่งเจริญต่ อไปกลายเป็ น sporophyte ต้ นใหม่ 61
โครงสร้ างของดอก

                   เกสรตัวผู้เรี ยกว่ า
                   stamen ประกอบด้ วยอับ
                   เรณู (anther) และก้ านชู
                   อับเรณู (filament) เกสร
                   ตัวเมีย (carpel หรื อ
                   pistil) ประกอบด้ วยยอด
                   เกสรตัวเมีย (stigma) คอ
                   เกสรตัวเมีย (style) และ
                   รั งไข่ (ovary) ภายในรั ง
                   ไข่ มี ovule


                                      62
วงจรชีวตของพืชดอก
       ิ




                    63
วงชีวตของเฟริน์
     ิ
                  64
วงชีวตของมอส
     ิ




           65
สัตว์ มีระบบสืบพันธุ์แบบต่ างๆ
           สัตว์ พวกไม่ มีกระดูกสันหลัง มีความแตกต่ างกันในแต่ ละ
ชนิด จากแบบง่ ายๆจนถึงแบบซับซ้ อน
           สัตว์ ท่ มีกระดูกสันหลัง มีลักษณะคล้ ายกัน แต่ มีข้อ
                    ี
แตกต่ างที่สาคัญได้ แก่
           - ในสัตว์ เลียงลูกด้ วยนมส่ วนมาก มีทางเปิ ดของ digestive,
                         ้
excretory และ reproductive tracts แยกกัน แต่ ในพวกอื่นๆที่ไม่ ใช่
สัตว์ เลียงลูกด้ วนนม หลายชนิดมีทางเปิ ดร่ วม เรียกว่ า cloaca
         ้
           -สัตว์ มีกระดูกสันหลังที่ไม่ ใช่ สัตว์ เลียงลูกด้ วยนม ไม่ มี
                                                     ้
penis ที่เจริญดี และใช้ วิธีการอื่นในการส่ ง สเปิ ร์ ม


                                                                      66
Reproductive anatomy of a parasitic flatworm
                                               67
Insect reproductive anatomy

                              68
ระบบสื บพันธุ์ของคน
อวัยวะสื บพันธุ์เพศชาย(male genital organ) แบ่งเป็ น 2 ส่ วนใหญ่ๆ คือ
                                     1. อวัยวะสื บพันธุ์เพศชายภายนอก
                                      (external male genital organ)
                                      1.1 ลึงค์ (penis) เป็ นส่ วนใช้ในการร่ วมเพศ
                                      เป็ นทางผ่านของน้ าอสุ จิและน้ าปั สสาวะ
                                      พบว่ามีเนื้อเยือที่แข็งได้(erectile tissue)
                                                      ่
                                      ประกอบด้วย คอร์พสสปองจิโอซัม(corpus
                                                              ั
                                                                ่
                                      spongiosum) 1 อัน อยูรอบท่อปั สสาวะ
                                                          ่
                                      และอีก 2 อันอยูทางด้านบน บริ เวณปลาย
                                      สุ ดเรี ยกว่าหัวลึงค์(gland penis) และมี
                                      ผิวหนังหุ มอยูเ่ รี ยกว่า พรี พิว(prepuce)
                                                  ้

                                                                         69
1.2 ถุงอัณฑะ(scrotum หรือ
scrotal sec) เป็ นผิวหนังที่ยนออก
                             ื่
จากช่องท้องเนื่องจากอัณฑะอยูใน  ่
ช่องท้องเลื่อนลงมา โดยทาหน้าที่
ควบคุมอุณหภูมิโดยให้ต่ากว่า 3-5
องศาเซลเซี ยสของร่ างกาย ซึ่ ง
เหมาะสมต่อการสร้างอสุ จิ




                        70
2. อวัยวะสื บพันธุ์เพศชายภายใน(internal male genital organ)
    2.1 อัณฑะ(testis) มีอยู่ 2 เลื่อนจากช่องท้องลงมาถ้าไม่เลื่อนจะทาให้เป็ นหมัน แต่
    ถ้าเลื่อนลงมาเพียงข้างเดียวเรี ยกว่า ทองแดง (crytochism)                   71
2.1.1 หลอดสร้างอสุ จิ(seminiferous
  tubule) เป็ นท่อภายในอัณฑะมีเซลล์
  2 ชนิดคือ เซอร์ทอไลเซลล์
  (sertoli cell) มีขนาดโตมีรูปร่ างไม่
  แน่นอนเป็ นตัวให้อาหารแก่
      เซลล์อีกชนิดหนึ่งได้แก่ สปอร์
  มาโตโกเนีย(spormatogonia) ซึ่ งจะ
  แบ่งตัวสร้างอสุ จิ        ต่อไปการ
  สร้างอสุ จิถกควบคุมโดยฮอร์โมน
                ู
  FSH กับ textosterone ในอัณฑะ
2.1.2 เนื้อเยืออินเตอร์ สติเชียล
              ่
                         ่
  (interstitial cell) อยูระหว่างหลอด
  สร้างอสุ จิ ประกอบด้วยเส้นเลือด
  เส้นประสาทและพวกเซลล์ต่างๆ
  อินเตอร์สติเชียลเซลล์ออฟ             เลย
  ติก(interstitial cell of leydig) เป็ น
  เซลล์ที่เจริ ญมากกว่าเซลล์อื่นถูก
  ควบคุมโดย ฮอร์โมน LH
                               72
2.2 ท่อต่างๆ(duct) ประกอบด้วย
   2.2.1 เรตีเทสทิส(rete testis) เป็ นท่อรวมของหลอดสร้างอสุ จิ(seminiferous tuble)มี
                                ่
          ลักษณะเป็ นร่ างแหอยูหลังอัณฑะ
                                                                            73
2.2.2 เอพิดิไดมีส(epididymis) เป็ นท่อยาวขดไปมาทาหน้าที่ในการเก็บอสุ จิและสร้าง
                                 อาหารเลี้ยงอสุ จิ สามารถพักได้นาน 6 สัปดาห์
2.2.3 ท่อนาอสุ จิ(vas deferens) มีความยาวประมาณ 18 นิ้ว เป็ นทางผ่านของอสุ จิและ
                                 เปิ ดเข้าสู่ ท่อรวม เซมินลเวซิ เคิล(seminal vesicle) ใน
                                                          ั
                        การทาหมันชายจะตัดส่ วนนี้ เองเรี ยกว่า วาเซกโทมี(vasectomy)
2.2.4 ท่ออีเจคูลาทอรี (ejecculatory duct) เป็ นท่อที่เกิดจากการรวมกันของท่อนาอสุ จิกบ    ั
                        เซมินลเวซิ เคิล ผสมกันระหว่างอสุ จิและน้ าเลี้ยงอสุ จิและบีบตัว
                              ั
                        ปล่อยออกสู่ ภายนอก




                                                                                  74
2.3 ต่อมต่างๆ(accessory male genital glands)
   2.3.1 เซมินลเวซิ เคิล(seminal vesicle) เป็ นท่อ 2 ท่อ ขอไปมาทาหน้าที่
              ั
ในการสร้างอาหารสาหรับอสุ จิได้แก่ น้ าตาลฟรักโตส วิตามินซี โปรตีน
โกลบูลิน รวมกันเรี ยกว่า เซมินลฟูลอิด(seminal fluid) ถูกควบคุมโดย
                                ั
ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนจากอัณฑะ
   2.3.2 ต่อมลูกหมาก(prostate gland) สร้างสารสี ขาวมีกลิ่นเฉพาะตัวมี
กรดซิ ตริ กรวมอยูดวย เรี ยกว่า prostatic fluid ช่วยทาให้ท่อปั สสาวะซึ่ งเป็ น
                 ่ ้
กรดทาให้ลดความเป็ นกรดลง




                                                                                75
76
แสดงอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง




อวัยวะสื บพันธุ์เพศหญิงภายนอก(external female genetial organ)
1. คลิทอริ ส(clitoris) เป็ นส่ วนที่มีลกษณะการเจริ ญเช่นเดียวกับลึงค์ เป็ นเนื้อเยือที่
                                       ั                                           ่
       แข็งตัวได้ มีปลายประสาทมาสิ้ นสุ ดมากจึงรับความรู ้สึกได้เร็ ว                   77
1.2 แคมใหญ่(labia majora) เป็ นส่ วนที่เจริ ญมาเช่นเดียวกับถุง
      อัณฑะของเพศชาย เป็ นส่ วนของผิวหนังที่มีช้ นไขมันอยู่
                                                    ั
          1.3 แคมล็ก(labia minora) เป็ นส่ วนอยูดานในของแคมใหญ่ มีต่อม
                                                ่ ้
      ไขมันจานวนมากเพื่อช่วยในการหล่อลื่นและกันการเสี ยดสี ระหว่างการ
      ร่ วมเพศ

อวัยวะสื บพันธุ์เพศหญิงภายใน
(internal female genetial organ)
2.1 รังไข่(ovary) ทาหน้าที่ในการสร้าง
       ไข่ และฮอร์ โมนเพศ ในคนเราจะ
       มีประมาณ 4 แสนเซลล์แต่จะตก
       ไข่เพียง 400 เซลล์

                                                                                   78
2.2 มดลูก(uterus) ทาหน้าที่เป็ นที่ฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมและเป็ นแหล่งให้กาเนิ ด
      ประจาเดือน และประกอบด้วย ปากมดลูก(cervix) ตัวมดลูก(body) ส่ วนบนมดลูก
      (fundus) โดยผนังมดลูกแบ่งออกเป็ น 3 ชั้น โดยชั้นในมีชื่อว่า endometrium

                                                                              79
2.3 ช่องคลอด(vagina) ที่ปากช่องคลอดมีเยือบางๆย่นๆบิดอยู่ เรี ยกว่า เยือ
                                           ่                           ่
        พรหมจารี ย(์ hymen) มีความเป็ นกรดเล็กน้อยและโปรโตซัวที่พบใน
        ช่องคลอดได้แก่ Trichomonas vaginalis ซึ่งทาให้ผนังช่องคลอดอักเสบ
        เกิดการตกขาวได้
2.4 ท่อนาไข่(oviduct
      หรื อ fallopian tube)
      เป็ นท่อที่มี
      การปฏินธิกนโดยั
      เกิดที่ส่วนที่บริ เวณ
      แอมพูลาจะมีการ
                 ั
      ปฏิสนธิกนของอสุ จิ
      และไข่
                                                                   80
แสดงอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง




                                81
การสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ (gametogenesis)
          เมื่อมีการสืบพันธุ์เซลล์ ท่ จะทาหน้ าที่สืบพันธุ์จะมีการ
                                        ี
แบ่ งตัวแบบไมโอซิส เพื่อลดจานวนโครโมโซมลงเหลือเพียง
ครึ่งหนึ่ง และมีกระบวนการที่เรียกว่ า gametogenesis เพื่อช่ วยให้
ได้ เซลล์ สืบพันธุ์ท่ สมบูรณ์ พร้ อมจะทาหน้ าที่ เช่ นในพืชมีดอกจะมี
                      ี
กระบวนการไมโทซิสเกิดขึนมาอีก 2-3 ครัง เพื่อให้ ได้ เซลล์
                                 ้            ้
สืบพันธุ์ ในสัตว์ จะมีการเจริญเปลี่ยนแปลงรูปร่ างของเซลล์
เพื่อให้ ได้ เซลล์ สืบพันธุ์ท่ พร้ อมที่จะผสม
                               ี
          (gametogenesis หมายถึง กระบวนการตังแต่ เซลล์ มี
                                                      ้
ไมโอซิสและผ่ านขันตอนต่ างๆจนได้ เป็ นเซลล์ สืบพันธุ์)
                        ้

                                                                 82
Spermatogenesis
•เป็ นกระบวนการทีเ่ กิดต่ อเนื่องในผู้ชาย ผลทาให้ ได้ สเปิ ร์ ม 250-400
ล้านตัวในการฉีดแต่ ละครั้ง
• เกิดขึนใน seminiferous tubules ของ testes
        ้
• เริ่มจาก primodial germ cells เปลียนมาเป็ น spermatogonia ใน
                                    ่
embryonic testes (2n)
• spermatogonia อยู่ทผนังด้ านข้ างของ semniniferous tubules แบ่ งตัว
                     ่ี
เพือเพิมจานวนตลอดเวลาด้ วย mitosis
   ่ ่
• เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ spermatogonia จะแบ่ งตัวแบบ meiosis และ
เปลียนแปลงรูปร่ างจนได้ สเปิ ร์ ม 4 ตัว
      ่
                                                                    83
Spermatogenesis
      แสดงท่อ seminiferous
tubules ที่ผลิตสเปิ ร์มภายใน
อัณฑะ สเปิ ร์มจะเจริ ญเป็ น
ขันๆโดยเริ่ มจาก
  ้
spermatogonium (2n)
เจริ ญเป็ น primary
spermatocyte เซลล์นี ้ 1
เซลล์แบ่งแบบ meiosis I
กลายเป็ น secondary
spermatocyte 2 เซลล์ ใน
การแบ่งตัว meiosis II จะได้
spermatid 4 เซลล์
spermatid จะเปลี่ยนรูปร่าง
ไปเป็ นสเปิ ร์ม ในขณะที่ได้
สารอาหารจาก sertoli cell
                 84
85
86
โครงสร้ างของสเปิ ร์ ม




   ส่วนหัวของสเปิ ร์ มมี haploid nucleus และ acrosome ซึงมีเอนไซม์ช่วยใน
                                                        ่
การเจาะเข้ าไปในเซลล์ไข่ ส่วนหางมีไมโตคอนเดรี ยจานวนมาก (หรื อบางชนิด
อาจมีไมโตคอนเดรี ยขนาดใหญ่เพียงอันเดียว) ทาหน้ าสร้ าง ATP ช่วยในการ
เคลื่อนไหวของ flagella                                                  87
Hormonal control of the testes




                                 88
Hormonal control of the testes
           ต่ อมใต้ สมองส่ วนหน้ า (anterior pituitary) ผลิตฮอร์ โมน 2 ชนิด
ได้ แก่ 1. Luteinizing hormone (LH) ซึ่งจะไปกระตุ้น leydig cells ให้ ผลิต
androgen ซึ่งเป็ นฮอร์ โมนควบคุม primary sex characteristics ได้ แก่ การ
เจริญของอวัยวะสืบพันธุ์ และ secondary sex characteristics ได้ แก่ การ
มีเสียงแหบห้ าว การมีหนวดเป็ นต้ น
และ 2. Follicle stimulating hormone (FSH) ซึ่งมีผลต่ อกระบวนการ
spermatogenesis ใน seminiferous tubules การผลิต LH และ FSH ถูก
ควบคุมโดยฮอร์ โมน Gonadotropin-releasing hormone (GnRH) ซึ่งสร้ าง
จากต่ อม hypothalamus ถ้ ามี androgen มากก็จะมีกลไกย้ อนกลับ
(feedback mechanism) ไปควมคุมการผลิต LH, FSH และ GnRH อีกที
หนึ่ง นอกจากนี ้ GnRH ถูกควบคุมโดยกลไกย้ อนกลับของ LH และ FSH
ด้ วยซึ่งไม่ ได้ แสดง ณ ที่นี ้
                                                                         89
Oogenesis
      การสร้ างไข่ เกิดขึนในรังไข่ เริ่มต้ นจากกลุ่ม
                           ้
primordial germ cell ในเอมบริโอเริ่มแบ่ งแบบไม
โตซิสเพื่อเพิ่มจานวน ได้ เป็ น oogonium (2n) (ใน
รูปนี ้ 2n=4) แต่ ละ oogonium เจริญไปเป็ น
primary oocyte (2n) โดยแบ่ งแบบไมโอซิสและ
หยุดกระบวนการอยู่ท่ ระยะ prophase I เมื่อถึง
                             ี
วัยเจริญพันธุ์ primary oocyte จะแบ่ งตัวต่ อไป
จนสินสุดกระบวนการ meiosis I แต่ การแบ่ งไซ
       ้
โตพลาสซึมได้ เซลล์ ท่ มีขนาดไม่ เท่ ากัน คือได้
                         ี
secondary oocyteที่ มีขนาดใหญ่ และ first polar
body ที่มีขนาดเล็กกว่ ามาก ต่ อมาในกรณีท่ มี      ี
การผสมพันธุ์และสเปิ ร์ มเจาะเข้ าไปใน
secondary oocyte จะกระตุ้นให้ เกิด meiosis II
เมื่อ meiosis เสร็จสิน secondary polar body
                       ้
แยกออกจากไข่ (ovum) สเปิ ร์ มและไข่ ท่ เจริญ ี
เต็มที่แล้ วจะเกิดการปฏิสนธิขึน  ้             90
ไข่ เจริญอยู่ภายในถุง
follicle ซึ่งเป็ นช่ องว่ าง
ภายใต้ ผิวของรังไข่ (1-3)
หลังจากเซลล์ ไข่ หลุดจาก
ถุงนี ้ (4) เซลล์ ของถุงก็จะ
เจริญไปเป็ น corpus
luteum ซึ่งแปลว่ า ก้ อนสี
เหลือง (5) ถ้ าไข่ ไม่ ได้ รับ
การผสม corpus luteum ก็
จะฝ่ อภายใน 2-3 สัปดาห์
(6) ถ้ าไข่ ได้ รับการผสม
พันธุ์ corpus luteum ก็จะ
ยังคงอยู่และผลิตโปรเจส
เตอโรนซึ่งจะช่ วยในการ
เตรี ยมมดลูกรอรั บเอมบริ
โอ                         91
92
93
ข้ อแตกต่ าง spermatogenesis และ Oogenesis

    Spermatogenesis                   Oogenesis
1. ผลทีได้ 4 mature
       ่                     1. ผลที่ได้ single ovum
spermatozoa                     ส่ วน polar body สลายไป
2. เกิดตลอดเวลาในช่ วงอายุ   2. Potentail ova (primary
ของสิ่งมีชีวิต               oocyte) อยู่ใน ovary แล้ วตังแต่
                                                         ้
3. Spermatogenesis เกิด      เกิด
ต่ อไปเรื่อยๆ                3. Oognesis มีช่วงพัก




                                                          94
The reproductive cycle of the human female
         แสดงวงจรของประจาเดือนซึ่งสัมพันธ์ กับการตกไข่ ฮอร์ โมน
FSH ผลิตจากต่ อมใต้ สมองส่ วนหน้ า (anterior pituitary) ในปริมาณที่
สูงขึนจะไปกระตุ้นการเจริญของ follicle และการผลิตฮอร์ โมน estrogen
     ้
จาก follicle Estrogen มีหน้ าที่กระตุ้นการเจริญของเยื่อบุภายในของผนัง
มดลูกให้ หนาขึน estrogenที่ มีปริมาณสูงจะไปยับยังการผลิต FSH
                ้                                  ้
ขณะเดียวกัน LH ที่กาลังผลิตจากต่ อมใต้ สมองส่ วนหน้ าในปริมาณ
สูงขึนๆเช่ นกัน ก็จะร่ วมกระตุ้นให้ เกิดการตกไข่ หลังจากนัน follicle ก็
       ้                                                   ้
จะกลายเป็ น corpus luteum ซึ่งจะเริ่มผลิตฮอร์ โมน progesterone
ฮอร์ โมนนีจะกลับไปยับยังการผลิต LH ในระยะนีหากไม่ มีการผสมพันธุ์
           ้             ้                       ้
ระดับฮอร์ โมนต่ างๆก็จะลดลง ผลคือการสลายตัวของผนังเยื่อบุมดลูก มี
การหลุดตัวของเยื่อบุและตกเลือด หลังจากนันก็เริ่มวงจรใหม่ แต่ ใน
                                              ้
ระยะเวลาเดียวกัน หากมีการผสมพันธุ์ corpus luteum จะไม่ สลายตัว
และผลิตฮอร์ โมนต่ อ เยื่อบุมดลูกก็จะไม่ สลายตัว และมีการฝั งตัวของ
                                                                        95
เอมบริโอ
The reproductive cycle of the human female
    รอบประจาเดือน(menstrual cycle)
  1.ระยะก่ อนตกไข่ (follicle stage) FSH กระตุ้น
       ให้ ฟอลลิเคิลขยายตัวเป็ นแกรเฟี ยนฟอล
       ลิเคิลและมีการสร้ าอีสโทนเจนเพื่อ
       กระตุ้นให้ ผนังด้ านในมดลูกหนาขึน    ้
  2.ระยะตกไข่ (ovulation stage) LH เพิ่มขึนอย่ าง
                                          ้
       มากมีผลต่ อแกรเฟี ยนฟอลลิเคิลทาให้
       แตกออกไข่ จงหลุดออกมา และเคลื่อนที่
                      ึ
       เข้ าสู่ปีกมดลูก
  3.ระยะหลังตกไข่ (corpusluteum stage) ส่ วน
       ฟอลลิเคิลที่แตกออกจะเปลี่ยนเป็ น
       คอลพัสลูเทียม และส่ วนนีสร้ างฮอร์ โมน
                                    ้
       โพรเจสเทอโรนและฮีสโทรเจนกระตุ้นให้
       ผนังมดลูกหนามากขึนพร้ อมสาหรั บการ
                               ้
       ฝั งตัวของไข่
                                          96
The human life cycle       ในการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศทังพ่อและ
                                                            ้
                       แม่ ต่างต้ องมีกระบวนการสร้ างเซลล์สืบพันธุ์
                       เซลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์มีจานวนโครโมโซม
                       เพียงครึ่งหนึงของเซลล์ร่างกาย
                                         ่
                       ปรากฏการณ์ดงกล่าวเกิดในกระบวนการ
                                           ั
                       แบ่งเซลล์แบบพิเศษ ที่เรี ยกว่า meiosis
                       เซลล์ที่มีสมบัติสามารถแบ่งเซลล์แบบ
                       meiosis นี ้ได้ คือ gonad ในเพศหญิงจะพบ
                       เซลล์ชนิดนี ้ในรังไข่ (ovary) ซึงจะสร้ างเซลล์
                                                        ่
                       สืบพันธุ์เรี ยกว่า ไข่ (ovum) ส่วนในเพศชาย
                       จะพบเซลล์ชนิดนี ้ในอัณฑะ (testis) ซึงสร้ าง
                                                               ่
                       เซลล์สืบพันธุ์เรี ยกว่าสเปิ ร์ม (sperm) เมื่อ
                       เกิดการปฏิสนธิระหว่างสเปิ ร์ มและไข่ ทาให้
                       เกิดไซโกตซึงเจริญเป็ นสิ่งมีชีวิตหน่วยใหม่
                                       ่
                       ต่อไป ในคนจานวนโครโมโซมในเซลล์
                       สืบพันธุ์ซงเป็ น haploid cell = 23 (n=23)
                                  ึ่
                       และจานวนโครโมโซมในไซโกต และเซลล์
                       ร่างกายซึงเป็ น diploid cell = 46 (2n=46).
                                     ่                         97
98
99
การปฏิสนธิ(Fertilization)




                            100
การปฏิสนธิและการฝั งตัวของเอมบริโอที่ผนังมดลูก




                                                 101
(1) ไข่ระยะ secondary oocyte ซึงพร้ อมที่จะผสมพันธุ์หลุดออกจากรังไข่ (ovulation) เข้ า
                                   ่
ไปอยูในท่อนาไข่ (oviduct) การปฏิสนธิเกิดขึ ้นภายในท่อนาไข่ได้ เป็ นไซโกต (zygote)
(3) cleavage เริ่มเกิดขึ ้นขณะที่เอมบริโอเคลื่อนตัวมาสูมดลูก
                                                        ่
(4) ขณะที่มาถึงมดลูกเอมบริโอจะมีการเคลื่อนที่ของกลุมเซลล์แยกเป็ น 2 กลุม ได้ แก่ 1.
                                                          ่                  ่
trophoblast เป็ นกลุมเซลล์ที่เรี ยงตัวกันชันเดียวอยูรอบนอก ซึงต่อไปจะเจริญรวมกับ
                     ่                     ้       ่         ่
เนื ้อเยื่อของผนังมดลูกกลายเป็ นรก (placenta) 2. กลุมเซลล์ที่อยูภายใน เรี ยกว่า inner
                                                      ่         ่
cell mass เป็ นส่วนที่จะเจริญต่อไปเป็ นเอมบริโอ เรี ยกเอมบริโอระยะนี ้ว่า blastocyst
(5) blastocyst จะฝั งตัวในผนังมดลูก ซึงเอมบริโอเจริญมาได้ ประมาณ 7 วันหลังการ
                                         ่
ปฏิสนธิ




                                                                               102
Fertilization in Mammals
1. Capacitation (enhanced sperm function)
เป็ นจาก secretion ของท่ อระบบสืบพันธุ์ของตัวเมีย
- เปลี่ยนโมเลกุลบางชนิดที่หวของ sperm ทาให้ sperm
                              ั
เคลื่อนที่เร็วขึน
                ้
2. sperm จะต้ องผ่ าน Zona pellucida (extracellular matrix of
the egg) เพื่อเกิดกระบวนการต่ อไปได้




                                                         103
กระบวนการปฏิสนธิของสัตว์ เลียงลูกด้ วยนม
                            ้




                                           104
กระบวนการปฏิสนธิของสัตว์ เลียงลูกด้ วยนม
                                     ้
           (1) สเปิ ร์ มผ่ านเข้ าไปในชันของ follicle cells และรวมกับ
                                        ้
receptor melecules ที่อยู่ท่ ชัน zona pellucida (ในที่นีไม่ ได้ แสดง
                                  ี ้                       ้
receptor molecule) (2) acrosomal reaction เกิดขึนโดยสเปิ ร์ มปล่ อย
                                                        ้
เอนไซม์ ย่อยชัน zona pellucida (3) ทาให้ สเปิ ร์ มสามารถเข้ าไปถึง
                   ้
plasma membrane ของไข่ ได้ และ membrane proteins ของสเปิ ร์
มรวมกับ receptor ที่ plasma membrane ของไข่ (4) plasma
membrane ของสเปิ ร์ มและไข่ เชื่อมติดกัน ดังนันนิวเคลียสของสเปิ ร์ ม
                                                      ้
เข้ าไปในไซโตพลาสซึมของไข่ (5) เกิด cortical reaction โดยเอนไซม์
ที่ปล่ อยออกมาจาก cortical granules ทาให้ ชัน zona pellucida มี
                                                    ้
ลักษณะแข็ง ทาหน้ าที่ปองกันไม่ ให้ สเปิ ร์ มตัวอื่นเข้ าไปในไข่ อีก (การ
                              ้
ที่สเปิ ร์ มเข้ าไปในไข่ หลายตัว เรียกว่ า polyspermy)
                                                                  105
Sperm Enter Egg
 1stand 2nd polar
 bodies
male pronucleus
      (n)                   female pronucleus
                                   (n)
    a.                                    c.

                                                   Beginning of
                                                   first division
                            female pronucleus
                           replicating its DNA
    b.                                     d.
                              male pronucleus
                             replicating its DNA

                Fusion of nuclei
                from egg and sperm                        106
การปฏิสนธิของเม่ นทะเล : acrosomal and cortical reactions




                                                        107
การปฏิสนธิของเม่ นทะเล : acrosomal and cortical reactions
           เป็ นกระบวนการที่สเปิ ร์ มเพียงตัวเดียวเข้ าไปในไข่ (1) สเปิ ร์ มเข้ าไป
แตะกับ jelly coat ของไข่ (2) acrosomal reaction เริ่มเกิดขึนเมื่อสเปิ ร์ ม ปล่ อย
                                                              ้
hydrolytic enzyme จากส่ วนของ acrosome เอนไซม์ จะย่ อย jelly coat
ขณะเดียวกัน actin filament ในหัวของสเปิ ร์ มจะยื่นยาวออกเป็ น acrosomal
process (3) ส่ วน acrosomal process แทรกเข้ าไปใน jelly coat และรวมกับ
protein receptors ที่อยู่บน vitelline layer ของไข่ เอนไซม์ ย่อย vitelline layer ให้
เป็ นรู ทาให้ acrosomal process แตะกับ plasma membrane ของไข่ (4) plasma
membrane ของสเปิ ร์ มและไข่ เชื่อมติดกัน (5) นิวเคลียสของสเปิ ร์ มเข้ าไปในไซ
โตพลาสซึมและรวมกับนิวเคลียสของไข่ การรวมกันของนิวเคลียสทังสองนีทา         ้       ้
ให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงประจุไฟฟาที่บริเวณ plasma membrane ของไข่ เกิด
                                    ้
cortical reaction ตามมา ปองกันไม่ ให้ สเปิ ร์ มตัวอื่นเข้ าไปในไข่ อีก (6) การเกิด
                               ้
cortical reaction Cortical granules ในไข่ รวมกับ plasma membrane ปล่ อย
เอนไซม์ และสารอื่นๆ ทาให้ ชัน vitelline membrane และ plasma membrane
                                 ้
แยกจากกันและมีลักษณะแข็ง เรี ยกว่ า fertilization membrane ปองกันไม่ ให้
                                                                    ้
                                                                              108
สเปิ ร์ มตัวอื่นเข้ ามาได้ อีก
Activation of the egg
        การที่ Ca2+ เพิ่มขึนในไซโตพลาสซึมไม่ เพียงแต่ กระตุ้น
                           ้
cortical reaction แล้ ว ยังทาให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงของ
metabolism ต่ างๆภายในไข่ ปกติไข่ ท่ ยังไม่ ได้ ปฏิสนธิจะมี
                                        ี
อัตรา metabolism ต่า แต่ ภายใน 2-3 นาทีหลังการปฏิสนธิ
อัตราของ cellular metabolism และ protein synthesis จะสูงขึน  ้
ในไข่ ของเม่ นทะเลรวมทังสัตว์ อีกหลายชนิด การเพิ่มของ Ca2+
                             ้
มีผลทาให้ H+ ลดลง ดังนันไซโตพลาสซึมจะเปลี่ยนเป็ นด่ าง
                               ้
เล็กน้ อย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของ pH นี ้ มีผลทางอ้ อมทาให้ เกิด
การเปลี่ยนแปลงของ metabolism ต่ อไป
                                                        109
ในการ activate ไข่ นัน อาจทดลองทาให้ เกิดขึนได้ ในไข่ ท่ ี
                                ้                     ้
ไม่ ได้ ปฏิสนธิ โดยการฉีด Ca2+ เข้ าไป หรือการทา temperature
shock การกระตุ้นแบบนีจะทาให้ metabolism ต่ างๆในไข่ เกิดการ
                           ้
เปลี่ยนแปลงได้ และทาให้ ไข่ เจริญต่ อไปแบบ parthenogenesis ได้
ถึงแม้ ว่ามีการทดลองต่ อไปอีกโดยการนานิวเคลียสของไข่ ท่ ี
กระตุ้นแบบนีออก ไข่ ยังคงสร้ างโปรตีนชนิดต่ างๆได้ แสดงให้ เห็น
                ้
ว่ า mRNA ซึ่งเป็ นต้ นแบบในการสังเคราะห์ โปรตีนเหล่ านีได้ ถูก
                                                         ้
สร้ างขึนแล้ วในไซโตพลาสซึม
         ้
           ขันตอนต่ อมาจาก activation คือนิวเคลียสของสเปิ ร์ มจะ
             ้
รวมกับนิวเคลียสของไข่ เกิดเป็ นไซโกต เกิด DNA replication และ
มีการแบ่ งเซลล์ ครังแรกเกิดขึน
                     ้            ้

                                                                 110
A wave of Ca 2+ release during the cortical reaction




       รูปแสดงเทคนิคการใช้ สี fluorescent dye ซึ่งเป็ นสีเมื่อรวมกับ Ca 2+ จะเกิดเรืองแสงได้ เพื่อ
ตรวจ cortical reaction จากบริเวณที่สเปิ ร์ มแตะกับไข่ (0 sec)ระหว่ างการปฏิสนธิของไข่ ปลา
ศึกษาภายใต้ กล้ องจุลทรรศน์ จะเห็นได้ ว่าวงของ Ca2+ ได้ ขยายกว้ างขึนในเวลาต่ อมา แสดงว่ า
                                                                        ้
ในระหว่ างนัน Ca2+ ถูกปล่ อยออกมาจาก endoplamic reticulum เข้ าไปในไซโตพลาสซึม Ca2+ ที่
              ้
มีอยู่ในไซโตพลาสซึมมาก ทาให้ cortical granules รวมกับ plasma membrane สร้ างเป็ น
fertilization membrane นอกจากนียังช่ วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง metabolism ภายในไข่ ท่ ี
                                   ้
ปฏิสนธิด้วย                                                                            111
ช่ วงเวลาการเกิดกระบวนการปฏิสนธิของเม่ นทะเล (logarithmic scale)




                                                         112
รู ปลักษณะของไข่
           รู ปร่ างและขนาดของไข่ สัตว์ ประเภทต่ างๆแตกต่ างกันไป รอบๆไข่ อาจมีเยือ  ่
ป้ องกันอยู่ เช่ น vitelline membrane หรือไข่ บางชนิดมีว้ ุนหุ้ม เช่ น ไข่ ของสั ตว์
สะเทินนาสะเทินบกหรือมีไข่ ขาวและเปลือกหุ้ม เช่ นไข่ พวกสั ตว์ ปีก ภายในไซโตพลา
         ้
สซึมของไข่ มกจะมีอาหารหรือไข่ แดงสะสมอยู่ ไข่ แบ่ งออกได้ เป็ นชนิดต่ างๆ ดังนี้
                 ั
         1. แบ่ งตามปริมาณของไข่ แดง(amount of egg) มี 4 แบบ คือ
   1.1 Alecithal egg ได้ แก่ ไข่ ทไม่ มอาหารสะสมอยู่เลย เช่ น ไข่ ของพวกสั ตว์ เลียง
                                  ี่ ี                                            ้
ลูกด้ วยนานม
         ้
   1.2 Microlecithal egg ได้ แก่ ไข่ ทมไข่ แดงอยู่บ้างเล็กน้ อย เช่ น ไข่ พวกดาวทะเล
                                      ี่ ี
หรือ หอยเม่ น
     1.3 Mesolecithal egg ได้ แก่ ไข่ ทมอาหารอยู่ในไซโตพลาสซึมบ้ างพอสมควร
                                       ี่ ี
เช่ น ไข่ กบ คางคก
  1.4 Polylecithal egg ได้ แก่ไข่ ทมีไข่ แดงเป็ นจานวนมาก ได้ แก่สัตว์ เลือยคลาน
                                   ี่                                     ้
และสั ตว์ ปีก
                                                                                 113
2. แบ่ งโดยการกระจายของอาหารในไซโตพลาสซึม
(distribution of yolk)
    2.1 Isolecithal egg ในไซโตพลาสซึมมีไข่ แดงกระจายอยู่ทวไป
                                                         ั่
อย่ างสม่าเสมอ เช่ น ไข่ ปลาดาวและหอยเม่ น
    2.2 Telolecithal egg การกระจายของไข่ แดงอยู่ค่อนไปทางส่ วนใด
ส่ วนหนึ่งของไซโตพลาสซึม แยกออกเป็ นพวกต่ างๆ ดังนี้
          2.2.1 Moderately telolecithal egg ไข่ แดงอยู่ค่อนไปทาง
ด้ านล่าง เช่ น ไข่ กบ ไข่ คางคก
      2.2.2 Heavily telolecithal egg ไข่ แดงอยู่รวมกันเป็ นก้อน
แยกจากไซโตพลาสซึม เช่ น ไข่ สัตว์ เลือยคลาน และสั ตว์ ปีก
                                     ้
     2.2.3 Centrolecithal egg ไข่ แดงรวมกันเป็ นก้อนอยู่ตรง
กลาง    มีไซโตพลาสซึมอยู่ล้อมรอบ เช่ นไข่ แมลง
                                                              114
115
116
เซลล์ไข่ ของสั ตว์ ประเภทต่ างๆพร้ อมที่จะเกิด fertilization ในระยะ
ต่ างๆกัน เช่ น
1. ตั้งแต่ ยงไม่ เกิด meiosis เช่ น หนอน
            ั
2. ระยะ meiosis I เช่ น Ascaris (หนอนพยาธิไส้ เดือนตัวกลม)
3. ระยะ meiosis II เช่ น สั ตว์ เลียงลูกด้ วยนม คน
                                   ้
4. เมื่อเกิด meiosis สมบูรณ์ เช่ น สั ตว์ พวก echinoderms




                                                                      117
Development of multicellular organisms
• Fertilization
• Embryonic development
• Larval development (metamorphosis)
• Maturation of individual (gametogenesis)
• Aging
• Death


                                             118
Embryonic development เกี่ยงข้ องกับ
1. Cell division
            ไข่ ท่ ีผสมแล้ วเป็ นเซลล์ เดี่ยว นิวเคลียสเป็ น diploid แบ่ งแบบ mitosis
และต่ อมาไซโตพลาสซึมแบ่ งทาให้ ได้ เซลล์ เป็ นจานวนมาก
2. Differentiation
            ในระหว่ างการเจริญจะเกิดมีเซลล์ หลายชนิดขึนในเอมบริโอ เซลล์
                                                                ้
เหล่ านีเ้ ป็ นผลของการเปลี่ยนแปลงหลายอย่ างจากเซลล์ เดิม บางเซลล์
กลายเป็ นเซลล์ กล้ ามเนือ เซลล์ ผิวหนัง เป็ นต้ น เซลล์ เหล่ านีจะมีการเรี ยงตัว
                              ้                                      ้
และจับกลุ่มกันตามส่ วนต่ างๆของร่ างกายในลักษณะที่สามารถทาหน้ าที่
พิเศษได้ อย่ างมีประสิทธิภาพ
3. Morphogenesis
            เป็ นกระบวนการแบ่ งเซลล์ เคลือนที่ และเปลียนแปลงรู ปร่ างเพือทาให้
                                             ่           ่                 ่
สิ่งมีชีวตแต่ ละชนิดมีรูปร่ างลักษณะเป็ นแบบเฉพาะตัว
         ิ
                                                                                119
120
121
Embryonic development
        เป็ นการศึกษาช่ วงระยะการเจริญของเอมบริโอ ซึ่งจะเริ่มต้ น
หลังจากไข่ เกิดการปฏิสนธิแล้ ว เอมบริโอระยะแรกคือไซโกต ระยะ
เอมบริโอจะสินสุดเมื่อเกิดอวัยวะต่ างๆครบ
              ้
        ในสัตว์ ชนิดต่ างๆจะมีช่วงเวลาของการเกิดเอมบริโอ
แตกต่ างกัน เช่ นในคน ประมาณ 8-10 สัปดาห์ ไก่ ประมาณ 4 วัน
และกบประมาณ 2 วัน เป็ นต้ น
        จากไซโกตซึ่งเป็ นเซลล์ เดี่ยวไปสู่สภาพที่ซับซ้ อนขึน โดย
                                                           ้
เกิดขึนเป็ นลาดับขันตอนต่ างๆดังนี ้
      ้             ้
                1. Cleavage
                2. Blastula
                3. Gastrulation
                4. Organogenesis                                122
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system

Contenu connexe

Tendances

การผลิตและใช้สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
การผลิตและใช้สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์การผลิตและใช้สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
การผลิตและใช้สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
Kobwit Piriyawat
 
การงอกของเมล็ด
การงอกของเมล็ดการงอกของเมล็ด
การงอกของเมล็ด
Nokko Bio
 
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่มพันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่ม
Wichai Likitponrak
 
9.เนื้อเยื่อพืช
9.เนื้อเยื่อพืช9.เนื้อเยื่อพืช
9.เนื้อเยื่อพืช
Wichai Likitponrak
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตบทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
Pinutchaya Nakchumroon
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
Supaluk Juntap
 
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
feeonameray
 
เทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืช
เทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืชเทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืช
เทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืช
dnavaroj
 
อาณาจักรพืช
อาณาจักรพืชอาณาจักรพืช
อาณาจักรพืช
tarcharee1980
 
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริงค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
kroojaja
 

Tendances (20)

การแบ่งเซลล์
การแบ่งเซลล์การแบ่งเซลล์
การแบ่งเซลล์
 
การผลิตและใช้สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
การผลิตและใช้สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์การผลิตและใช้สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
การผลิตและใช้สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
 
การงอกของเมล็ด
การงอกของเมล็ดการงอกของเมล็ด
การงอกของเมล็ด
 
แบบทดสอบ บทที่ 1
แบบทดสอบ บทที่ 1แบบทดสอบ บทที่ 1
แบบทดสอบ บทที่ 1
 
พันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่มพันธุกรรมเพิ่ม
พันธุกรรมเพิ่ม
 
9.เนื้อเยื่อพืช
9.เนื้อเยื่อพืช9.เนื้อเยื่อพืช
9.เนื้อเยื่อพืช
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตบทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
 
ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ
 
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
อนุกรมวิธาน+อาณาจักรสัตว์
 
เทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืช
เทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืชเทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืช
เทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืช
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
 
อาณาจักรพืช
อาณาจักรพืชอาณาจักรพืช
อาณาจักรพืช
 
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
 
เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
 
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริงค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
 
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
 
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
 
สืบพันธุ์
สืบพันธุ์สืบพันธุ์
สืบพันธุ์
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
 

En vedette

ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone systemระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
supreechafkk
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement systemการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
supreechafkk
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behavioreพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
supreechafkk
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasisการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
supreechafkk
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous system
supreechafkk
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
supreechafkk
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
supreechafkk
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
supreechafkk
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ฟลุ๊ค ลำพูน
 
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cellการสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
supreechafkk
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
supreechafkk
 
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
supreechafkk
 
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไรเราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
supreechafkk
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
Aekapoj Poosathan
 

En vedette (15)

ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone systemระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement systemการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behavioreพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasisการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous system
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
ใบความรู้+การสืบพันธุ์ของสัตว์(การปฏิสันธิ)2+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f2...
ใบความรู้+การสืบพันธุ์ของสัตว์(การปฏิสันธิ)2+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f2...ใบความรู้+การสืบพันธุ์ของสัตว์(การปฏิสันธิ)2+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f2...
ใบความรู้+การสืบพันธุ์ของสัตว์(การปฏิสันธิ)2+ป.5+281+dltvscip5+55t2sci p05 f2...
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cellการสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
 
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
 
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไรเราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
 

Similaire à ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system

บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโตบทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
ฟลุ๊ค ลำพูน
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
Takky Pinkgirl
 
Pont มุนี
Pont มุนีPont มุนี
Pont มุนี
mu_nin
 
การแบ่งเซลล์
การแบ่งเซลล์การแบ่งเซลล์
การแบ่งเซลล์
Pew Juthiporn
 
การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์
Issara Mo
 
M.4 สอนเสริมติว
M.4 สอนเสริมติวM.4 สอนเสริมติว
M.4 สอนเสริมติว
Weeraphon Parawach
 
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
Thanyamon Chat.
 

Similaire à ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system (20)

บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโตบทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
 
ชีววิทยา . สืบพันธุ์&เจริญเติบโต
ชีววิทยา . สืบพันธุ์&เจริญเติบโตชีววิทยา . สืบพันธุ์&เจริญเติบโต
ชีววิทยา . สืบพันธุ์&เจริญเติบโต
 
Division[1]
Division[1]Division[1]
Division[1]
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
 
4
44
4
 
4
44
4
 
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
 
2ติวสสวทเซลล์
2ติวสสวทเซลล์2ติวสสวทเซลล์
2ติวสสวทเซลล์
 
B03
B03B03
B03
 
Pont มุนี
Pont มุนีPont มุนี
Pont มุนี
 
Gene2003
Gene2003Gene2003
Gene2003
 
ชีววิทยา เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส meiosis
ชีววิทยา เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส meiosisชีววิทยา เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส meiosis
ชีววิทยา เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส meiosis
 
อุปกรณ์
อุปกรณ์อุปกรณ์
อุปกรณ์
 
การแบ่งเซลล์
การแบ่งเซลล์การแบ่งเซลล์
การแบ่งเซลล์
 
การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์
 
M.4 สอนเสริมติว
M.4 สอนเสริมติวM.4 สอนเสริมติว
M.4 สอนเสริมติว
 
การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม.pptx
การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม.pptxการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม.pptx
การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม.pptx
 
ชีววิทยา เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส mitosis
ชีววิทยา เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส mitosisชีววิทยา เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส mitosis
ชีววิทยา เรื่อง การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส mitosis
 
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
 
Cell.ppt25 copy
Cell.ppt25   copyCell.ppt25   copy
Cell.ppt25 copy
 

ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system

  • 1. บทที่ 11 ื การสบพ ันธุและการเจริญเติบโต ์ (Reproduction & Development) 1
  • 3. Reproduction & Development การสืบพันธุ์ (reproduction) หมายถึง ความสามารถในการ ผลิตหน่ วยสิ่งมีชีวิตที่เหมือนตนเอง (like begets like) การเจริญ (development) หมายถึง การเติบโต (growth) และการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่ าดิฟเฟอเรนทิเอชั่น (differentiation) เรื่องของการสืบพันธุ์และการเจริญเกี่ยวข้ องสัมพันธ์ กับ วงจรชีวิต (life cycle) ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด Reproduction แบ่ งออกเป็ น 1. Cellular reproduction 2. Organismic reprodution 3
  • 4. Reproduction แบ่ งออกเป็ น • 1. Cellular reproduction 2. Organismic reprodution 4
  • 5. Cellular reproduction (การสื บพันธุ์ระดับเซลล์ ) 1. เซลล์ ผลิตหน่ วยที่เหมือนตัวเองได้ อย่ างไร 2. กระบวนการทีเ่ กิดขึน ้ 3. ความสั มพันธ์ ระหว่ างโครงสร้ างและหน้ าที่ 4. division of eukaryotic cell 5
  • 6. การแบ่ งเซลล์ เป็ นกระบวนการสืบพันธุ์ เจริญเติบโต และซ่ อมแซม คุณสมบัติของสิงมีชีวิตคือการสืบพันธุ์ การสืบพันธุ์มีทงแบบอาศัยเพศ (sexual ่ ั้ reproduction) และแบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction) การสืบพันธุ์แบบ อาศัยเพศเกี่ยวข้ องกับการรวมตัวกันของเซลล์สืบพันธุ์ (gamete) ที่มาจากพ่อและแม่ ทาให้ ได้ เซลล์ที่เรี ยกว่าโซโกต (zygote) ซึงจะเจริญต่อไปเป็ นลูกรุ่นใหม่ที่มี ่ องค์ประกอบพันธุกรรมแตกต่างไปจากพ่อและแม่ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเป็ น การเพิ่มจานวนของสิงมีชีวิตเพียงอย่างเดียว โดยตัวที่เกิดใหม่มีองค์ประกอบทาง ่ พันธุกรรมเหมือนกับตัวเริ่มต้ นทุกประการ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศเกี่ยวข้ องกับการแบ่งเซลล์แบบปกติ ที่เรี ยกว่า ไมโทซิส (mitosis) (mitosis มาจากคาว่า mitos = สายใย หรื อ เส้ นโครโมโซม) ซึงเป็ น ่ กระบวนการเพิ่มจานวนเซลล์ โดยที่เซลล์ใหม่ยงคงมีโครโมโซมเหมือนเดิม และ ั จานวนเท่ากับเซลล์เริ่มต้ น การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เป็ นกระบวนการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศใน สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น อมีบา สาหรับในสิงมีชีวิตหลายเซลล์พบการแบ่งเซลล์แบบนี ้ ่ ในการเจริญเติบโต การสร้ าง และการซ่อมแซมเนื ้อเยื่อ 6
  • 7. The functions of cell division (a) (b) (a) Amoeba : reproduction (b) Multicellular organisms: growth and development (c) Mature multicellular organisms: renewal and repair of tissues (c) 7
  • 8. การแบ่ งเซลล์ ในสิ่งมีชีวิตพวกโปรคาริโอต พวกโปรคาริโอตมีสภาพเป็ นเซลล์เดี่ยว ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส มี DNA เพียง 1 โมเลกุลรวมอยูกบและโปรตีนมีลกษณะเป็ นวง เรี ยกว่า genophore มีวิธีการสืบพันธุ์ ่ ั ั แบบไม่อาศัยเพศ เป็ นแบบ binary fission ซึงมีกระบวนการดังนี ้ เวลาที่จะมีการแบ่ง ่ เซลล์ genophore จะเคลื่อนตัวเข้ ามาติดกับเยื่อหุ้มเซลล์ เพื่อใช้ เยื่อหุ้มเซลล์เป็ นที่ยด ึ แล้ วเริ่มคลายตัวของ DNA และจาลอง DNA ได้ เป็ น genophore 2 วง ซึงจะเคลื่อนย้ าย ่ ออกจากกันตามผิวของเยื่อหุ้มเซลล์ ต่อจากนันเซลล์จะแบ่งตัวที่กงกลางได้ เป็ น 2 เซลล์ ้ ึ่ แต่ละเซลล์ประกอบด้ วย genophore 1 วง 8
  • 9. เซลล์ ของยูคาริโอต (eukaryotic cell) ภายใน eukaryotic cell มีนิวเคลียสที่ห้ มด้ วยเยื่อหุ้ม ุ นิวเคลียส นิวเคลียสเป็ นศูนย์ ควบคุมกิจกรรมต่ างๆ ภายใน นิวเคลียสมี nuceolus และเส้ นใยขนาดเล็กที่ย้อมติดสี จาเพาะมากมายขดม้ วนซ้ อนกันเหมือนร่ างแห เรียกว่ า โคร มาติน (chromatin) เส้ นใยโครมาตินประกอบด้ วย DNA ที่พัน รอบโมเลกุลโปรตีน histone อย่ างมีแบบแผน และขดม้ วนตัว หลายชัน ในช่ วง metaphase จะขดม้ วนตัวแน่ นที่สุดเป็ นแท่ ง ้ โครโมโซม 9
  • 10. โครโมโซม (a) ของ ยูคาริโอต (b) (c) (d) 10
  • 11. แผนภาพแสดงโครงสร้ างของโครมาตินที่ประกอบด้ วย DNA และ histone ที่ขดม้ วนตัวกันแน่ นจนเห็นเป็ นรูปร่ างของ โครโมโซมชัดเจนในระยะ metaphase a) DNA รวมกับ histone 4 ประเภท เป็ นโครงสร้ างที่เรียกว่ า nucleosome แต่ ละหน่ วยจะต่ อเข้ าด้ วยกันด้ วย histone อีกประเภท หนึ่งที่เรียกว่ า H1 b) nucleosome รวมตัวกันเป็ นสายยาว เรียกว่ า chromatin fiber c) โครมาตินจะม้ วนตัวอยู่ภายในนิวเคลียสในสภาวะปกติ แต่ ในเซลล์ ที่มีการแบ่ งตัวสายโครมาตินจะม้ วนตัวเองทบกันเป็ นชันๆอย่ างมี ้ ระบบจนมีความหนามากขึน ้ d) โครโมโซมที่มีความแน่ นมากที่สุดในช่ วง metaphase 11
  • 12. 12
  • 13. Cellular reproduction (การสืบพันธุ์ของเซลล์ ) การแบ่งเซลล์ประกอบด้ วย การแบ่งนิวเคลียส (nuclear division หรื อ karyokinesis) สลับกับการแบ่งไซโตพลาสซึม (cytoplasmic division หรื อ cytokinesis) ในกระบวนการแบ่งนิวเคลียส มี 2 แบบ คือ ไมโทซิส (mitosis) และ ไมโอซิส (meiosis) 13
  • 14. หมายเหตุ คาว่ า mitosis และ meiosis หมายถึงกระบวนการแบ่ ง นิวเคลียสเท่ านัน แต่ คนมักเรียกผิดเป็ นการแบ่ งเซลล์ จงเป็ นที่ ้ ึ เข้ าใจว่ า หมายถึง การแบ่ งเซลล์ แบบไมโทซิส (mitotic cell division) และการแบ่ งเซลล์ แบบไมโอซิส (meiotic cell division) 14
  • 15. The cell cycle หมายถึงวงจรชีวตเซลล์ ทเี่ ริ่มจากเซลล์ เดิม 1 เซลล์ ิ ผ่ านกระบวนการแบ่ งเซลล์ จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ได้ เซลล์ ใหม่ 2 เซลล์ ประกอบด้ วย 2 ช่ วง คือ 1. Interphase 2. M phase 15
  • 16. MITOSIS • Interphase interphase 18 ชั่วโมง • Prophase 20 ชั่วโมง • metaphase M phase 2 ชั่วโมง • Anaphase • telophase * ในสิ่ งมีชีวตจะมี S และ G2 ใกล้เคียงกันต่างกันที่ G1 ิ 16
  • 17. 17
  • 18. The stages of mitotic cell division in an animal cell 18
  • 19. The stages of mitotic cell division in an animal cell 19
  • 20. Cytokinesis ในเซลล์ สัตว์ รูป scanning electron microscope แสดงรอยคอดที่เยื่อ หุ้มเซลล์บริเวณตรงกลางของเซลล์ ที่กาลังแบ่งตัว โดยภายในเซลล์ตรง บริเวณที่เกิดรอยคอด microfilament มารวมกันเกิดเป็ นวง (contracting ring) เกิดแรงหดตัว ของ actin กับ myosin ทาให้ เยื่อหุ้ม เซลล์เกิดเป็ นรอยคอด รอยคอดจะ รัดเข้ ามากขึ ้นจนไซโตพลาสซึมถูก แบ่งแยกออกจากกันและกลายเป็ น เซลล์ใหม่ 2 เซลล์ 20
  • 21. cytokinesis ในเซลล์ พืช รูป transmission electron microscope ของระยะ telophase ของเซลล์พืช จะเห็นว่า vesicles จาก Golgi apparatus มารวมกัน ตรงจุดกลางเซลล์ และขยายยาว ออกเป็ นโครงสร้ างที่เรี ยกว่า cell plate ซึงจะเจริญเป็ นผนังเซลล์ของ ่ แต่ละเซลล์ตอไป ่ 21
  • 22. Mitosis in plant cell (จากรากหอม) A B C D E 22
  • 23. Meiosis • Interphase • Interphase II • Prophase I • Prophase II • Metaphase I • Metaphase II • Anaphase I • Anaphase II • telophase I • telophase II 23
  • 24. 24
  • 25. 25
  • 26. Comparison of Mitosis &Meiosis 26
  • 27. ลักษณะสาคัญของ Meiosis และ Mitosis Mitosis Meiosis 1 จานวนโครโมโซมหลังการแบ่งยังเท่า โครโมโซมลดลงครึ่ งหนึ่งในไมโอซี ส เดิม เนื่องจากการแยกกันของฮอโมโลกัส โครโมโซม ส่ วนไมโอซี สII จะเป็ นการแบ่ง แบบไมโทซี สธรรมดา 2 การแบ่งเซลล์มีเพียงขั้นตอนเดียวโดยมี การแบ่งเซลล์มี 2 ขั้นตอน มีแบ่งนิวเคลียส การจาลองตัวเองของโครโมโซมแล้ว และแบ่งไซโทพลาสซึ มอย่างละ 2 ครั้ง ได้ แยกไปยังขั้วทั้งสองแล้วแบ่งไซ เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ โทพลาสซึ มได้เป็ น 2 เซลล์ 3 โครโมโซมไม่มีการเข้าคู่กนไม่มีการ โครโมโซมมีการเข้าคู่กน และมีการ ั ั แลกเปลี่ยนชิ้นส่ วนโครโมโซม แลกเปลี่ยนชิ้นส่ วนโครโมโซม 27
  • 28. Mitosis Meiosis 4 องค์ประกอบทางพันธุกรรมและ องค์ประกอบทางพันธุกรรมและ โครโมโซมของเซลล์ใหม่ท้ งสองเซลล์ ั โครโมโซมของเซลล์ใหม่มีความแตกต่าง จะเหมือนกัน กันเพราะเกิด crossing over 5 จานวนโครโมโซมในเซลล์ท้ งสองที่ ั จานวนโครโมโซมของเซลล์ใหม่จะมีเพียง ได้จะเท่ากับเซลล์เดิม ครึ่ งหนึ่งของเซลล์เดิม 6 เซลล์ใหม่ที่ได้แบ่งเซลล์แบบไมโทซี ส เซลล์ใหม่ที่ได้ไม่สามารถแบ่งเซลล์แบบไม ได้อีก โอซี สได้อีก แต่แบ่งแบบไมโทซี สได้ 28
  • 29. Mitosis Meiosis 7 โดยปกติจะเกิดที่เซลล์ร่างกายของสัตว์ เกิดที่เซลล์ที่ทาหน้าที่เป็ นเซลล์สืบพันธุ์ และเนื้อเยือเจริ ญของพืช ่ เท่านั้น 8 กระบวนการจะเกิดตั้งแต่ไซโกตหรื อ กระบวนการจะเกิดในพืชหรื อสัตว์ที่ เอ็มบริ โอไปเรื่ อยๆ สื บพันธุ์ได้แล้วเท่านั้น 29
  • 30. Regulation of the cell cycle (การควบคุมวงชีวิตเซลล์ ) เซลล์ แต่ ละชนิดจะมีแบบแผนของวงจรชีวิตเซลล์ แตกต่ างกัน เช่ น -เซลล์ ท่ ผิวหนังแบ่ งตัวตลอดเวลา ี -เซลลืท่ ตับจะไม่ แบ่ งตัว แบ่ งเฉพาะเมื่อมีบาดแผล ี -เซลล์ ประสาทและเซลล์ กล้ ามเนือไม่ แบ่ งตัวเลย ้ 30
  • 34. 4. การเกิดรู ปร่ างทีแน่ นอน (morphogenesis) ่ 34
  • 35. Diploid = สภาวะที่ cell มี chromosome 2 ชุด (2n) Haploid = สภาวะที่ cell มี chromosome 1 ชุด (n) Gamete = เซลล์ สืบพันธุ์ท่ มีจานวน chromosome เป็ น haploid ี •Sperm, ova •Human gametes ประกอบด้ วย 22 autosomes + 1 sex chromosome (Xหรือ Y) Fertilization = การรวมกันของ gametes เกิดเป็ น zygote Zygote = cell diploid Mitosis organism 35
  • 36. การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวต ( Organismic reproduction) ิ ความสาคัญของการสืบพันธุ์คือ เป็ นสิ่งจาเป็ นต่ อการต่ อเนื่อง ของสิ่งมีชีวต และเป็ นกลไกช่ วยให้ เกิดวิวัฒนาการ ในระดับ organism ิ การสืบพันธุ์แบ่ งออกเป็ น 2 แบบ คือ การสืบพันธุ์แบบไม่ อาศัยเพศ และ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ 36
  • 37. 1. การสืบพันธุ์แบบไม่ อาศัยเพศ (asexual reproduction) เป็ นการผลิตหน่วยสิ่งมีชีวิตใหม่จากหน่วยสิ่งมีชีวิตเดิม โดยอาศัยการ แบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส มีหลายแบบ Binary Fission (การแบ่งออกเป็ น 2 ส่วน) เซลล์เดิมแยกออกเป็ น 2 ส่วนเท่าๆกัน ได้ สิ่งมีชีวิตใหม่ 2 ตัว ได้ แก่ สาหร่ายเซลล์เดียว อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา แบคทีเรี ย Fission of a sea anemone Fission of bacteria Fission of amoeba 37
  • 38. Protococcus Euglena Paramecium Fission of bacteria 38
  • 39. Budding (การแตกหน่อ) สิ่งมีชีวิตตัวใหม่เจริญมาจากกลุมเซลล์ที่ ่ เรี ยกว่าหน่อ (bud) ซึงยอกออกจากสิ่งมีชีวิตตัวเดิม เช่นการแตกหน่อของยีสต์ ่ ,ไฮดรา ,กล้ วย, ใบต้ นตายใบเป็ น,ไผ่ Hydra ยีสต์ 39
  • 40. Fragmentation เกิดขึ ้นโดยที่สวนของร่างกายหลุดออกเป็ นส่วนๆ แต่ละส่วน ่ สามารถเจริญเป็ นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ได้ -ต้ องเกิดพร้ อมกับ regeneration -พบใน ไฮดรา,ดอกไม้ ทะเล,พลานาเรี ย,ดาวทะเล -regeneration ทาให้ สิ่งมีชีวิตสามารถสร้ างส่วนที่ขาดหายไปทดแทนขึ ้นมาใหม่ได้ (arm ของดาวทะเล) 40
  • 41. การสร้ างกลุ่มเซลล์ พเศษ ในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบาง ิ ชนิด เช่นฟองน ้ามีการสร้ างเจมมูล (gemmules) เจริ ญอยู่ ภายในร่างกาย ภายในเจมมูลมีกลุมเป็ นจานวนมาก ซึงเมื่อ ่ ่ ตัวเดิมตายไป เจมมูลจะหลุดออกมาเป็ นอิสระ และเซลล์ที่อยู่ ภายในจะเจริ ญเป็ นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ 41
  • 42. Sporulation (การสร้ างสปอร์ ) เซลล์มีการแบ่งหลายๆครังจน ้ ได้ เป็ นเซลล์จานวนมาก แต่ละเซลล์เรี ยกสปอร์ ซึงแพร่ไปในที่ ่ ต่างๆได้ โดยง่าย เช่น เชื ้อรา ,เห็ด,เฟริ์ น มอส 42
  • 44. Life cycle of basidiomycetes 44
  • 45. Amanita phalloides เห็ดไข่หงส์ เห็ดเกล็ดดาว Amanita muscaria เห็ดขี้วว ั เห็ดยวงขนุน http://www.dmsc.moph.go.th/webroot/plant/poision_main.htm 45
  • 46. Life cycle of Rhizopus stolonifer sporangium Asexual phase Sexual phase zygospore 46
  • 47. ข้ อดีของ asexual reproduction 1. เป็ นประโยชน์ สาหรั บสัตว์ พวกที่เกาะอยู่กับที่ ซึ่ง ไม่ สามารถผสมพันธุ์กับตัวอื่น 2. สามารถเพิ่มจานวนได้ รวดเร็ว 3. ประโยชน์ ท่ สาคัญคือ ลักษณะที่เหมาะสมกับ ี สิ่งแวดล้ อมยังคงอยู่ต่อไปในรุ่ นต่ อๆไป 47
  • 48. 2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (sexual reproduction) เป็ นการผลิตหน่ วยของสิ่งมีชีวตโดยการรวมตัวของ ิ เซลล์ สืบพันธุ์หรือหน่ วยของพันธุกรรม ซึ่งอาจมาจาก สิ่งมีชีวตแต่ ละตัวหรือสิ่งมีชีวตตัวเดียวกันก็ได้ ิ ิ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศแบ่ งออกได้ เป็ นดังนี ้ 48
  • 49. 2.1 conjugation ตัวอย่ างเช่ น โปรโตซัวจะมีการ conjugation ระหว่ าง โปรโตซัว 2 ตัว นิวเคลียสของโปรโตซัวทังสองจะมีการแบ่ งตัวแบบไมโอซิส ้ ต่ อจากนันมีการแลกเปลี่ยนนิวเคลียส หลังจากที่นิวเคลียสรวมตัวกันแล้ ว ้ โปรโตซัวทังสองตัว จะแยกจากกันและต่ างก็ไปแบ่ งตัวต่ อไป ้ 49
  • 51. 2.2 สาหรับในสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เกิดจากการรวมตัวกันของเซลล์ สืบพันธุ์ท่ มีขนาดและรูปร่ างต่ างกัน เซลล์ สืบพันธุ์เพศเมียหรือไข่ ี มีขนาดใหญ่ และไม่ เคลื่อนที่ เซลล์ สืบพันธุ์เพศผู้มีขนาดเล็ก ได้ แก่ ไฮดรา,ไส้ เดือน,คน เป็ นต้ น ข้ อดีของ sexual reproduction เป็ นการเพิ่มความแตกต่ างแปรผันทางพันธุกรรม (genetic variation) ซึ่งมีประโยชน์ ในสิ่งแวดล้ อมที่เปลี่ยนแปลง 51
  • 52. ความแตกต่ างระหว่ าง reproductive cycle และ pattern ของสัตว์ ชนิดต่ างๆ สัตว์ มี reproductive cycle ขึนอยู่กับฤดูกาล ้ -สัตว์ จะสืบพันธุ์เมื่อมีอาหารเหลือจากการดารงชีวิตที่ จาเป็ นอื่นๆ และเมื่อสิ่งแวดล้ อมเหมาะกับการเจริญของสมาชิก ใหม่ และถูกควบคุมโดยฮอร์ โมนและสิ่งแวดล้ อม สิ่งมีชีวิตต่ างๆสามารถดารงชีวิตในแบบต่ างๆกัน บาง ชนิดสามารถสืบพันธุ์ได้ ทงแบบไม่ อาศัยเพศ และแบบอาศัยเพศ ั้ หรือสลับกัน โดยจะสืบพันธุ์แบบไม่ อาศัยเพศเมื่อสิ่งแวดล้ อม เหมาะสม และแบบอาศัยเพศเมื่อสิ่งแวดล้ อมเปลี่ยนแปลง 52
  • 53. การสืบพันธุ์ของสัตว์ บางชนิด อาจเกิดขึนโดยวิธีท่ เรียกว่ า ้ ี parthenogenesis คือเซลล์ สืบพันธุ์เพศเมียเจริญเป็ นสิ่งมีชีวิตที่ สมบูรณ์ โดยไม่ ต้องมีการปฏิสนธิ พบในสิ่งมีชีวิตหลายชนิด เช่ น ผึง มด ต่ อ แตน เพลีย rotifers และ crustaceans บางชนิด ตัวเต็ม ้ ้ ไวที่เจริญมาจาก parthenogenesis จะเป็ น haploid และเซลล์ จะไม่ มีการแบ่ งแบบไมโอซิสในการสร้ างไข่ สาหรับผึงนัน ไข่ ท่ มีการปฏิสนธิจะเจริญเป็ นนางพญา ้ ้ ี และผึงงานที่เป็ นตัวเมียทังหมด ส่ วนไข่ ท่ ไม่ มีการปฏิสนธิจะเจริญ ้ ้ ี เป็ นผึงตัวผู้ ้ ปลาบางชนิด สัตว์ สะเทินนาสะเทินบก และ ้ สัตว์ เลือยคลาน มีการสืบพันธุ์แบบ parthenogenesis เช่ นกัน โดย ้ การเพิ่มจานวนโครโมโซมหลังการเกิดไมโอซิส เป็ น diploid zygote 53
  • 54. Hermaphroditism เกิดขึนในสิ่งมีชีวตหลายชนิดที่ไม่ สามารถหาคู่ผสมพันธุ์ ้ ิ ได้ ตัวอย่ างเช่ น พวกที่อยู่กับที่ พวกอยู่ในรู หรื อพวกปรสิต - สิ่งมีชีวตมีทง 2 เพศในตัวเดียวกัน ิ ั้ -บางชนิดผสมภายในตัวเอง บางชนิดผสมข้ ามตัว แต่ เป็ นการเพิ่ม ประสิทธิภาพเป็ น 2 เท่ าในการเพิ่มจานวนลูกหลาน สิ่งมีชีวตบางชนิดอาจสลับกันทัง 2 เพศ หรื อบางชนิดเป็ น ิ ้ protogynous (female first) หรือ protandrous (male first) หรือบางชนิด เกี่ยวข้ องกับอายุและขนาดตัว ตัวอย่ างเช่ น พวกที่เป็ น protogynous ได้ แก่ ปลา blue head wrasse ตัวที่แก่ ท่ ีสุด และตัวใหญ่ ท่ ีสุดในฝูงปลาจะเป็ นตัวผู้ เพื่อทาหน้ าที่ปองกัน ้ อันตรายให้ ฝูงปลา พวกหอย oysters เป็ น protandrous ตัวใหญ่ จะกลายเป็ นตัวเมียซึ่ง สร้ างไข่ ได้ เป็ นจานวนมาก 54
  • 55. ปลา blue head wrasse ตัวที่แก่ ท่ ีสุด และตัวใหญ่ ท่ ีสุดในฝูงปลาจะเป็ นตัวผู้ เพื่อทาหน้ าที่ปองกันอันตรายให้ ฝูงปลา ้ 55
  • 56. Mechanisms of sexual reproduction Mechanisms of fertilization เป็ นกระบวนการของการรวมกันของสเปิ ร์ ม และไข่ แบ่ งออกเป็ น external fertilization และ internal fetilization External fertilization -เกิดขึนในสิ่งแวดล้ อมที่มีความชิน ซึ่งความชืนช่ วยการเจริญของ ้ ้ ้ เอมบริโอให้ เป็ นไปได้ โดยไม่ แห้ งหรื อร้ อนเกินไปซึ่งทาให้ ตายได้ 56
  • 57. -สัตว์ ไม่ มีกระดูกสันหลังหลายชนิดปล่ อยสเปิ ร์ มและไข่ ลงใน นา และเกิดการปฏิสนธิในนาโดยที่ตัวพ่ อและแม่ ไม่ ได้ พบกันเลย ้ ้ -สิ่ งแวดล้ อมและออร์ โมนช่ วยกระตุ้นให้ มีการสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ในเวลาใกล้ ๆกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิสนธิ -ในพวกสัตว์ มีกระดูกสันหลัง ได้ แก่ ปลาและสัตว์ สะเทินนา ้ สะเทินบก จะแสดงพฤติกรรมการเกียวพาราสีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ้ การปฏิสนธิและการเลือกคู่ -ในการปองกันเอมบริโอ เพื่อให้ เจริญต่ อไปได้ มีหลาย ้ ขันตอน ดังนี ้ เอมบริโอต้ องอยู่ในสิ่งแวดล้ อมที่มีนาหรือความชืน ้ ้ ้ เพื่อปองกันการแห้ งหรือความร้ อนจัด พวกไข่ ปลาและไข่ สัตว์ ครึ่ง ้ บกครึ่งนาจะคลุมด้ วย gelatinous coat เพื่อให้ เกิดการแลกเปลี่ยนนา ้ ้ และก๊ าซได้ และนอกจากนีจะมีไซโกตเป็ นจานวนมาก แต่ จานวน ้ รอดชีวิตไม่ มากนัก 57
  • 58. Internal fertilization เป็ นการปฏิสนธิภายในร่ างกายของตัวเมีย - ต้ องมีระบบสืบพันธุ์ท่ ีเจริญดี และพฤติกรรมการเกียวพาราสี ้ -ตัวผู้ต้องมีอวัยวะช่ วยในการปล่ อยสเปิ ร์ ม มีถุงเก็บสเปิ ร์ ม -มีขันตอนปองกันการเจริญของเอมบริโอมากมาย ้ ้ -ไข่ มีเปลือกหุ้ม (amniotic egg) -การเจริญของเอมบริโอเกิดภายในตัวเมีย -มีการปองกันจากพ่ อแม่ (parental care) ้ (parental care ส่ วนมากเกิดในพวกที่เป็ น internal fertilization แต่ external fertilization บางชนิดก็มีเหมือนกัน เช่ น nesting fishes แสดงพฤติ ปองกันไข่ จากผู้ล่า) ้ -โดยมากสร้ างไซโกตจานวนน้ อย และสามารถเจริญต่ อไปได้ มากโดยมีการปองกันและการเลียงดูต่างๆ ้ ้ 58
  • 59. Internal fertilization • Oviparous (สัตว์ที่ออกลูกเป็ นไข่) ได้แก่สตว์เลื้อยคลาน นก มีการ ั ปฏิสนธิภายในตัวแต่ตวอ่อนเจริ ญนอกตัวแม่จึงต้องมีการวางไข่ ั • Viviparous (สัตว์ออกลูกเป็ นตัว) ตัวอ่อนเจริ ญภายในตัวแม่และ ได้รับอาหารจากแม่ ได้แก่สตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ านม ั ่ • Ovoviviparous (สัตว์ออกลูกเป็ นไข่แต่ฟักอยูในตัว) มีการปฏิสนธิ ่ ภายในตัวและออกลูกเป็ นไข่แต่ไข่ฟักอยูในตัวแม่ 59
  • 60. การสื บพันธุ์แบบสลับของแมงกะพรุ น • พลานูรา(planula) เป็ นตัวอ่อนที่ได้จากการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศ • อีไฟรา (ephyra) เป็ นตัวอ่อนที่ได้จากการสื บพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ 60
  • 61. การสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ในพืช วงจรชีวิตของพืชเป็ นแบบสลับระหว่ าง sporophyte ซึ่งเป็ น diploid generation กับ gametophyte ซึ่งเป็ น haploid generation Sporophyte จะสร้ างสปอร์ โดยกระบวนการ ไมโอซิส สปอร์ จะเจริญเป็ นต้ นใหม่ โดยไม่ มีการผสมกับเซลล์ อ่ น ส่ วน Gametophyte ื จะสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ (gamete) โดยกระบวนการไมโทซิส แล้ ว gamete ทังสอง้ (sperm และ egg) มารวมกันได้ ไซโกต ซึ่งเจริญต่ อไปกลายเป็ น sporophyte ต้ นใหม่ 61
  • 62. โครงสร้ างของดอก เกสรตัวผู้เรี ยกว่ า stamen ประกอบด้ วยอับ เรณู (anther) และก้ านชู อับเรณู (filament) เกสร ตัวเมีย (carpel หรื อ pistil) ประกอบด้ วยยอด เกสรตัวเมีย (stigma) คอ เกสรตัวเมีย (style) และ รั งไข่ (ovary) ภายในรั ง ไข่ มี ovule 62
  • 66. สัตว์ มีระบบสืบพันธุ์แบบต่ างๆ สัตว์ พวกไม่ มีกระดูกสันหลัง มีความแตกต่ างกันในแต่ ละ ชนิด จากแบบง่ ายๆจนถึงแบบซับซ้ อน สัตว์ ท่ มีกระดูกสันหลัง มีลักษณะคล้ ายกัน แต่ มีข้อ ี แตกต่ างที่สาคัญได้ แก่ - ในสัตว์ เลียงลูกด้ วยนมส่ วนมาก มีทางเปิ ดของ digestive, ้ excretory และ reproductive tracts แยกกัน แต่ ในพวกอื่นๆที่ไม่ ใช่ สัตว์ เลียงลูกด้ วนนม หลายชนิดมีทางเปิ ดร่ วม เรียกว่ า cloaca ้ -สัตว์ มีกระดูกสันหลังที่ไม่ ใช่ สัตว์ เลียงลูกด้ วยนม ไม่ มี ้ penis ที่เจริญดี และใช้ วิธีการอื่นในการส่ ง สเปิ ร์ ม 66
  • 67. Reproductive anatomy of a parasitic flatworm 67
  • 69. ระบบสื บพันธุ์ของคน อวัยวะสื บพันธุ์เพศชาย(male genital organ) แบ่งเป็ น 2 ส่ วนใหญ่ๆ คือ 1. อวัยวะสื บพันธุ์เพศชายภายนอก (external male genital organ) 1.1 ลึงค์ (penis) เป็ นส่ วนใช้ในการร่ วมเพศ เป็ นทางผ่านของน้ าอสุ จิและน้ าปั สสาวะ พบว่ามีเนื้อเยือที่แข็งได้(erectile tissue) ่ ประกอบด้วย คอร์พสสปองจิโอซัม(corpus ั ่ spongiosum) 1 อัน อยูรอบท่อปั สสาวะ ่ และอีก 2 อันอยูทางด้านบน บริ เวณปลาย สุ ดเรี ยกว่าหัวลึงค์(gland penis) และมี ผิวหนังหุ มอยูเ่ รี ยกว่า พรี พิว(prepuce) ้ 69
  • 70. 1.2 ถุงอัณฑะ(scrotum หรือ scrotal sec) เป็ นผิวหนังที่ยนออก ื่ จากช่องท้องเนื่องจากอัณฑะอยูใน ่ ช่องท้องเลื่อนลงมา โดยทาหน้าที่ ควบคุมอุณหภูมิโดยให้ต่ากว่า 3-5 องศาเซลเซี ยสของร่ างกาย ซึ่ ง เหมาะสมต่อการสร้างอสุ จิ 70
  • 71. 2. อวัยวะสื บพันธุ์เพศชายภายใน(internal male genital organ) 2.1 อัณฑะ(testis) มีอยู่ 2 เลื่อนจากช่องท้องลงมาถ้าไม่เลื่อนจะทาให้เป็ นหมัน แต่ ถ้าเลื่อนลงมาเพียงข้างเดียวเรี ยกว่า ทองแดง (crytochism) 71
  • 72. 2.1.1 หลอดสร้างอสุ จิ(seminiferous tubule) เป็ นท่อภายในอัณฑะมีเซลล์ 2 ชนิดคือ เซอร์ทอไลเซลล์ (sertoli cell) มีขนาดโตมีรูปร่ างไม่ แน่นอนเป็ นตัวให้อาหารแก่ เซลล์อีกชนิดหนึ่งได้แก่ สปอร์ มาโตโกเนีย(spormatogonia) ซึ่ งจะ แบ่งตัวสร้างอสุ จิ ต่อไปการ สร้างอสุ จิถกควบคุมโดยฮอร์โมน ู FSH กับ textosterone ในอัณฑะ 2.1.2 เนื้อเยืออินเตอร์ สติเชียล ่ ่ (interstitial cell) อยูระหว่างหลอด สร้างอสุ จิ ประกอบด้วยเส้นเลือด เส้นประสาทและพวกเซลล์ต่างๆ อินเตอร์สติเชียลเซลล์ออฟ เลย ติก(interstitial cell of leydig) เป็ น เซลล์ที่เจริ ญมากกว่าเซลล์อื่นถูก ควบคุมโดย ฮอร์โมน LH 72
  • 73. 2.2 ท่อต่างๆ(duct) ประกอบด้วย 2.2.1 เรตีเทสทิส(rete testis) เป็ นท่อรวมของหลอดสร้างอสุ จิ(seminiferous tuble)มี ่ ลักษณะเป็ นร่ างแหอยูหลังอัณฑะ 73
  • 74. 2.2.2 เอพิดิไดมีส(epididymis) เป็ นท่อยาวขดไปมาทาหน้าที่ในการเก็บอสุ จิและสร้าง อาหารเลี้ยงอสุ จิ สามารถพักได้นาน 6 สัปดาห์ 2.2.3 ท่อนาอสุ จิ(vas deferens) มีความยาวประมาณ 18 นิ้ว เป็ นทางผ่านของอสุ จิและ เปิ ดเข้าสู่ ท่อรวม เซมินลเวซิ เคิล(seminal vesicle) ใน ั การทาหมันชายจะตัดส่ วนนี้ เองเรี ยกว่า วาเซกโทมี(vasectomy) 2.2.4 ท่ออีเจคูลาทอรี (ejecculatory duct) เป็ นท่อที่เกิดจากการรวมกันของท่อนาอสุ จิกบ ั เซมินลเวซิ เคิล ผสมกันระหว่างอสุ จิและน้ าเลี้ยงอสุ จิและบีบตัว ั ปล่อยออกสู่ ภายนอก 74
  • 75. 2.3 ต่อมต่างๆ(accessory male genital glands) 2.3.1 เซมินลเวซิ เคิล(seminal vesicle) เป็ นท่อ 2 ท่อ ขอไปมาทาหน้าที่ ั ในการสร้างอาหารสาหรับอสุ จิได้แก่ น้ าตาลฟรักโตส วิตามินซี โปรตีน โกลบูลิน รวมกันเรี ยกว่า เซมินลฟูลอิด(seminal fluid) ถูกควบคุมโดย ั ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนจากอัณฑะ 2.3.2 ต่อมลูกหมาก(prostate gland) สร้างสารสี ขาวมีกลิ่นเฉพาะตัวมี กรดซิ ตริ กรวมอยูดวย เรี ยกว่า prostatic fluid ช่วยทาให้ท่อปั สสาวะซึ่ งเป็ น ่ ้ กรดทาให้ลดความเป็ นกรดลง 75
  • 76. 76
  • 77. แสดงอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง อวัยวะสื บพันธุ์เพศหญิงภายนอก(external female genetial organ) 1. คลิทอริ ส(clitoris) เป็ นส่ วนที่มีลกษณะการเจริ ญเช่นเดียวกับลึงค์ เป็ นเนื้อเยือที่ ั ่ แข็งตัวได้ มีปลายประสาทมาสิ้ นสุ ดมากจึงรับความรู ้สึกได้เร็ ว 77
  • 78. 1.2 แคมใหญ่(labia majora) เป็ นส่ วนที่เจริ ญมาเช่นเดียวกับถุง อัณฑะของเพศชาย เป็ นส่ วนของผิวหนังที่มีช้ นไขมันอยู่ ั 1.3 แคมล็ก(labia minora) เป็ นส่ วนอยูดานในของแคมใหญ่ มีต่อม ่ ้ ไขมันจานวนมากเพื่อช่วยในการหล่อลื่นและกันการเสี ยดสี ระหว่างการ ร่ วมเพศ อวัยวะสื บพันธุ์เพศหญิงภายใน (internal female genetial organ) 2.1 รังไข่(ovary) ทาหน้าที่ในการสร้าง ไข่ และฮอร์ โมนเพศ ในคนเราจะ มีประมาณ 4 แสนเซลล์แต่จะตก ไข่เพียง 400 เซลล์ 78
  • 79. 2.2 มดลูก(uterus) ทาหน้าที่เป็ นที่ฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมและเป็ นแหล่งให้กาเนิ ด ประจาเดือน และประกอบด้วย ปากมดลูก(cervix) ตัวมดลูก(body) ส่ วนบนมดลูก (fundus) โดยผนังมดลูกแบ่งออกเป็ น 3 ชั้น โดยชั้นในมีชื่อว่า endometrium 79
  • 80. 2.3 ช่องคลอด(vagina) ที่ปากช่องคลอดมีเยือบางๆย่นๆบิดอยู่ เรี ยกว่า เยือ ่ ่ พรหมจารี ย(์ hymen) มีความเป็ นกรดเล็กน้อยและโปรโตซัวที่พบใน ช่องคลอดได้แก่ Trichomonas vaginalis ซึ่งทาให้ผนังช่องคลอดอักเสบ เกิดการตกขาวได้ 2.4 ท่อนาไข่(oviduct หรื อ fallopian tube) เป็ นท่อที่มี การปฏินธิกนโดยั เกิดที่ส่วนที่บริ เวณ แอมพูลาจะมีการ ั ปฏิสนธิกนของอสุ จิ และไข่ 80
  • 82. การสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ (gametogenesis) เมื่อมีการสืบพันธุ์เซลล์ ท่ จะทาหน้ าที่สืบพันธุ์จะมีการ ี แบ่ งตัวแบบไมโอซิส เพื่อลดจานวนโครโมโซมลงเหลือเพียง ครึ่งหนึ่ง และมีกระบวนการที่เรียกว่ า gametogenesis เพื่อช่ วยให้ ได้ เซลล์ สืบพันธุ์ท่ สมบูรณ์ พร้ อมจะทาหน้ าที่ เช่ นในพืชมีดอกจะมี ี กระบวนการไมโทซิสเกิดขึนมาอีก 2-3 ครัง เพื่อให้ ได้ เซลล์ ้ ้ สืบพันธุ์ ในสัตว์ จะมีการเจริญเปลี่ยนแปลงรูปร่ างของเซลล์ เพื่อให้ ได้ เซลล์ สืบพันธุ์ท่ พร้ อมที่จะผสม ี (gametogenesis หมายถึง กระบวนการตังแต่ เซลล์ มี ้ ไมโอซิสและผ่ านขันตอนต่ างๆจนได้ เป็ นเซลล์ สืบพันธุ์) ้ 82
  • 83. Spermatogenesis •เป็ นกระบวนการทีเ่ กิดต่ อเนื่องในผู้ชาย ผลทาให้ ได้ สเปิ ร์ ม 250-400 ล้านตัวในการฉีดแต่ ละครั้ง • เกิดขึนใน seminiferous tubules ของ testes ้ • เริ่มจาก primodial germ cells เปลียนมาเป็ น spermatogonia ใน ่ embryonic testes (2n) • spermatogonia อยู่ทผนังด้ านข้ างของ semniniferous tubules แบ่ งตัว ่ี เพือเพิมจานวนตลอดเวลาด้ วย mitosis ่ ่ • เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ spermatogonia จะแบ่ งตัวแบบ meiosis และ เปลียนแปลงรูปร่ างจนได้ สเปิ ร์ ม 4 ตัว ่ 83
  • 84. Spermatogenesis แสดงท่อ seminiferous tubules ที่ผลิตสเปิ ร์มภายใน อัณฑะ สเปิ ร์มจะเจริ ญเป็ น ขันๆโดยเริ่ มจาก ้ spermatogonium (2n) เจริ ญเป็ น primary spermatocyte เซลล์นี ้ 1 เซลล์แบ่งแบบ meiosis I กลายเป็ น secondary spermatocyte 2 เซลล์ ใน การแบ่งตัว meiosis II จะได้ spermatid 4 เซลล์ spermatid จะเปลี่ยนรูปร่าง ไปเป็ นสเปิ ร์ม ในขณะที่ได้ สารอาหารจาก sertoli cell 84
  • 85. 85
  • 86. 86
  • 87. โครงสร้ างของสเปิ ร์ ม ส่วนหัวของสเปิ ร์ มมี haploid nucleus และ acrosome ซึงมีเอนไซม์ช่วยใน ่ การเจาะเข้ าไปในเซลล์ไข่ ส่วนหางมีไมโตคอนเดรี ยจานวนมาก (หรื อบางชนิด อาจมีไมโตคอนเดรี ยขนาดใหญ่เพียงอันเดียว) ทาหน้ าสร้ าง ATP ช่วยในการ เคลื่อนไหวของ flagella 87
  • 88. Hormonal control of the testes 88
  • 89. Hormonal control of the testes ต่ อมใต้ สมองส่ วนหน้ า (anterior pituitary) ผลิตฮอร์ โมน 2 ชนิด ได้ แก่ 1. Luteinizing hormone (LH) ซึ่งจะไปกระตุ้น leydig cells ให้ ผลิต androgen ซึ่งเป็ นฮอร์ โมนควบคุม primary sex characteristics ได้ แก่ การ เจริญของอวัยวะสืบพันธุ์ และ secondary sex characteristics ได้ แก่ การ มีเสียงแหบห้ าว การมีหนวดเป็ นต้ น และ 2. Follicle stimulating hormone (FSH) ซึ่งมีผลต่ อกระบวนการ spermatogenesis ใน seminiferous tubules การผลิต LH และ FSH ถูก ควบคุมโดยฮอร์ โมน Gonadotropin-releasing hormone (GnRH) ซึ่งสร้ าง จากต่ อม hypothalamus ถ้ ามี androgen มากก็จะมีกลไกย้ อนกลับ (feedback mechanism) ไปควมคุมการผลิต LH, FSH และ GnRH อีกที หนึ่ง นอกจากนี ้ GnRH ถูกควบคุมโดยกลไกย้ อนกลับของ LH และ FSH ด้ วยซึ่งไม่ ได้ แสดง ณ ที่นี ้ 89
  • 90. Oogenesis การสร้ างไข่ เกิดขึนในรังไข่ เริ่มต้ นจากกลุ่ม ้ primordial germ cell ในเอมบริโอเริ่มแบ่ งแบบไม โตซิสเพื่อเพิ่มจานวน ได้ เป็ น oogonium (2n) (ใน รูปนี ้ 2n=4) แต่ ละ oogonium เจริญไปเป็ น primary oocyte (2n) โดยแบ่ งแบบไมโอซิสและ หยุดกระบวนการอยู่ท่ ระยะ prophase I เมื่อถึง ี วัยเจริญพันธุ์ primary oocyte จะแบ่ งตัวต่ อไป จนสินสุดกระบวนการ meiosis I แต่ การแบ่ งไซ ้ โตพลาสซึมได้ เซลล์ ท่ มีขนาดไม่ เท่ ากัน คือได้ ี secondary oocyteที่ มีขนาดใหญ่ และ first polar body ที่มีขนาดเล็กกว่ ามาก ต่ อมาในกรณีท่ มี ี การผสมพันธุ์และสเปิ ร์ มเจาะเข้ าไปใน secondary oocyte จะกระตุ้นให้ เกิด meiosis II เมื่อ meiosis เสร็จสิน secondary polar body ้ แยกออกจากไข่ (ovum) สเปิ ร์ มและไข่ ท่ เจริญ ี เต็มที่แล้ วจะเกิดการปฏิสนธิขึน ้ 90
  • 91. ไข่ เจริญอยู่ภายในถุง follicle ซึ่งเป็ นช่ องว่ าง ภายใต้ ผิวของรังไข่ (1-3) หลังจากเซลล์ ไข่ หลุดจาก ถุงนี ้ (4) เซลล์ ของถุงก็จะ เจริญไปเป็ น corpus luteum ซึ่งแปลว่ า ก้ อนสี เหลือง (5) ถ้ าไข่ ไม่ ได้ รับ การผสม corpus luteum ก็ จะฝ่ อภายใน 2-3 สัปดาห์ (6) ถ้ าไข่ ได้ รับการผสม พันธุ์ corpus luteum ก็จะ ยังคงอยู่และผลิตโปรเจส เตอโรนซึ่งจะช่ วยในการ เตรี ยมมดลูกรอรั บเอมบริ โอ 91
  • 92. 92
  • 93. 93
  • 94. ข้ อแตกต่ าง spermatogenesis และ Oogenesis Spermatogenesis Oogenesis 1. ผลทีได้ 4 mature ่ 1. ผลที่ได้ single ovum spermatozoa ส่ วน polar body สลายไป 2. เกิดตลอดเวลาในช่ วงอายุ 2. Potentail ova (primary ของสิ่งมีชีวิต oocyte) อยู่ใน ovary แล้ วตังแต่ ้ 3. Spermatogenesis เกิด เกิด ต่ อไปเรื่อยๆ 3. Oognesis มีช่วงพัก 94
  • 95. The reproductive cycle of the human female แสดงวงจรของประจาเดือนซึ่งสัมพันธ์ กับการตกไข่ ฮอร์ โมน FSH ผลิตจากต่ อมใต้ สมองส่ วนหน้ า (anterior pituitary) ในปริมาณที่ สูงขึนจะไปกระตุ้นการเจริญของ follicle และการผลิตฮอร์ โมน estrogen ้ จาก follicle Estrogen มีหน้ าที่กระตุ้นการเจริญของเยื่อบุภายในของผนัง มดลูกให้ หนาขึน estrogenที่ มีปริมาณสูงจะไปยับยังการผลิต FSH ้ ้ ขณะเดียวกัน LH ที่กาลังผลิตจากต่ อมใต้ สมองส่ วนหน้ าในปริมาณ สูงขึนๆเช่ นกัน ก็จะร่ วมกระตุ้นให้ เกิดการตกไข่ หลังจากนัน follicle ก็ ้ ้ จะกลายเป็ น corpus luteum ซึ่งจะเริ่มผลิตฮอร์ โมน progesterone ฮอร์ โมนนีจะกลับไปยับยังการผลิต LH ในระยะนีหากไม่ มีการผสมพันธุ์ ้ ้ ้ ระดับฮอร์ โมนต่ างๆก็จะลดลง ผลคือการสลายตัวของผนังเยื่อบุมดลูก มี การหลุดตัวของเยื่อบุและตกเลือด หลังจากนันก็เริ่มวงจรใหม่ แต่ ใน ้ ระยะเวลาเดียวกัน หากมีการผสมพันธุ์ corpus luteum จะไม่ สลายตัว และผลิตฮอร์ โมนต่ อ เยื่อบุมดลูกก็จะไม่ สลายตัว และมีการฝั งตัวของ 95 เอมบริโอ
  • 96. The reproductive cycle of the human female รอบประจาเดือน(menstrual cycle) 1.ระยะก่ อนตกไข่ (follicle stage) FSH กระตุ้น ให้ ฟอลลิเคิลขยายตัวเป็ นแกรเฟี ยนฟอล ลิเคิลและมีการสร้ าอีสโทนเจนเพื่อ กระตุ้นให้ ผนังด้ านในมดลูกหนาขึน ้ 2.ระยะตกไข่ (ovulation stage) LH เพิ่มขึนอย่ าง ้ มากมีผลต่ อแกรเฟี ยนฟอลลิเคิลทาให้ แตกออกไข่ จงหลุดออกมา และเคลื่อนที่ ึ เข้ าสู่ปีกมดลูก 3.ระยะหลังตกไข่ (corpusluteum stage) ส่ วน ฟอลลิเคิลที่แตกออกจะเปลี่ยนเป็ น คอลพัสลูเทียม และส่ วนนีสร้ างฮอร์ โมน ้ โพรเจสเทอโรนและฮีสโทรเจนกระตุ้นให้ ผนังมดลูกหนามากขึนพร้ อมสาหรั บการ ้ ฝั งตัวของไข่ 96
  • 97. The human life cycle ในการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศทังพ่อและ ้ แม่ ต่างต้ องมีกระบวนการสร้ างเซลล์สืบพันธุ์ เซลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์มีจานวนโครโมโซม เพียงครึ่งหนึงของเซลล์ร่างกาย ่ ปรากฏการณ์ดงกล่าวเกิดในกระบวนการ ั แบ่งเซลล์แบบพิเศษ ที่เรี ยกว่า meiosis เซลล์ที่มีสมบัติสามารถแบ่งเซลล์แบบ meiosis นี ้ได้ คือ gonad ในเพศหญิงจะพบ เซลล์ชนิดนี ้ในรังไข่ (ovary) ซึงจะสร้ างเซลล์ ่ สืบพันธุ์เรี ยกว่า ไข่ (ovum) ส่วนในเพศชาย จะพบเซลล์ชนิดนี ้ในอัณฑะ (testis) ซึงสร้ าง ่ เซลล์สืบพันธุ์เรี ยกว่าสเปิ ร์ม (sperm) เมื่อ เกิดการปฏิสนธิระหว่างสเปิ ร์ มและไข่ ทาให้ เกิดไซโกตซึงเจริญเป็ นสิ่งมีชีวิตหน่วยใหม่ ่ ต่อไป ในคนจานวนโครโมโซมในเซลล์ สืบพันธุ์ซงเป็ น haploid cell = 23 (n=23) ึ่ และจานวนโครโมโซมในไซโกต และเซลล์ ร่างกายซึงเป็ น diploid cell = 46 (2n=46). ่ 97
  • 98. 98
  • 99. 99
  • 102. (1) ไข่ระยะ secondary oocyte ซึงพร้ อมที่จะผสมพันธุ์หลุดออกจากรังไข่ (ovulation) เข้ า ่ ไปอยูในท่อนาไข่ (oviduct) การปฏิสนธิเกิดขึ ้นภายในท่อนาไข่ได้ เป็ นไซโกต (zygote) (3) cleavage เริ่มเกิดขึ ้นขณะที่เอมบริโอเคลื่อนตัวมาสูมดลูก ่ (4) ขณะที่มาถึงมดลูกเอมบริโอจะมีการเคลื่อนที่ของกลุมเซลล์แยกเป็ น 2 กลุม ได้ แก่ 1. ่ ่ trophoblast เป็ นกลุมเซลล์ที่เรี ยงตัวกันชันเดียวอยูรอบนอก ซึงต่อไปจะเจริญรวมกับ ่ ้ ่ ่ เนื ้อเยื่อของผนังมดลูกกลายเป็ นรก (placenta) 2. กลุมเซลล์ที่อยูภายใน เรี ยกว่า inner ่ ่ cell mass เป็ นส่วนที่จะเจริญต่อไปเป็ นเอมบริโอ เรี ยกเอมบริโอระยะนี ้ว่า blastocyst (5) blastocyst จะฝั งตัวในผนังมดลูก ซึงเอมบริโอเจริญมาได้ ประมาณ 7 วันหลังการ ่ ปฏิสนธิ 102
  • 103. Fertilization in Mammals 1. Capacitation (enhanced sperm function) เป็ นจาก secretion ของท่ อระบบสืบพันธุ์ของตัวเมีย - เปลี่ยนโมเลกุลบางชนิดที่หวของ sperm ทาให้ sperm ั เคลื่อนที่เร็วขึน ้ 2. sperm จะต้ องผ่ าน Zona pellucida (extracellular matrix of the egg) เพื่อเกิดกระบวนการต่ อไปได้ 103
  • 105. กระบวนการปฏิสนธิของสัตว์ เลียงลูกด้ วยนม ้ (1) สเปิ ร์ มผ่ านเข้ าไปในชันของ follicle cells และรวมกับ ้ receptor melecules ที่อยู่ท่ ชัน zona pellucida (ในที่นีไม่ ได้ แสดง ี ้ ้ receptor molecule) (2) acrosomal reaction เกิดขึนโดยสเปิ ร์ มปล่ อย ้ เอนไซม์ ย่อยชัน zona pellucida (3) ทาให้ สเปิ ร์ มสามารถเข้ าไปถึง ้ plasma membrane ของไข่ ได้ และ membrane proteins ของสเปิ ร์ มรวมกับ receptor ที่ plasma membrane ของไข่ (4) plasma membrane ของสเปิ ร์ มและไข่ เชื่อมติดกัน ดังนันนิวเคลียสของสเปิ ร์ ม ้ เข้ าไปในไซโตพลาสซึมของไข่ (5) เกิด cortical reaction โดยเอนไซม์ ที่ปล่ อยออกมาจาก cortical granules ทาให้ ชัน zona pellucida มี ้ ลักษณะแข็ง ทาหน้ าที่ปองกันไม่ ให้ สเปิ ร์ มตัวอื่นเข้ าไปในไข่ อีก (การ ้ ที่สเปิ ร์ มเข้ าไปในไข่ หลายตัว เรียกว่ า polyspermy) 105
  • 106. Sperm Enter Egg 1stand 2nd polar bodies male pronucleus (n) female pronucleus (n) a. c. Beginning of first division female pronucleus replicating its DNA b. d. male pronucleus replicating its DNA Fusion of nuclei from egg and sperm 106
  • 108. การปฏิสนธิของเม่ นทะเล : acrosomal and cortical reactions เป็ นกระบวนการที่สเปิ ร์ มเพียงตัวเดียวเข้ าไปในไข่ (1) สเปิ ร์ มเข้ าไป แตะกับ jelly coat ของไข่ (2) acrosomal reaction เริ่มเกิดขึนเมื่อสเปิ ร์ ม ปล่ อย ้ hydrolytic enzyme จากส่ วนของ acrosome เอนไซม์ จะย่ อย jelly coat ขณะเดียวกัน actin filament ในหัวของสเปิ ร์ มจะยื่นยาวออกเป็ น acrosomal process (3) ส่ วน acrosomal process แทรกเข้ าไปใน jelly coat และรวมกับ protein receptors ที่อยู่บน vitelline layer ของไข่ เอนไซม์ ย่อย vitelline layer ให้ เป็ นรู ทาให้ acrosomal process แตะกับ plasma membrane ของไข่ (4) plasma membrane ของสเปิ ร์ มและไข่ เชื่อมติดกัน (5) นิวเคลียสของสเปิ ร์ มเข้ าไปในไซ โตพลาสซึมและรวมกับนิวเคลียสของไข่ การรวมกันของนิวเคลียสทังสองนีทา ้ ้ ให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงประจุไฟฟาที่บริเวณ plasma membrane ของไข่ เกิด ้ cortical reaction ตามมา ปองกันไม่ ให้ สเปิ ร์ มตัวอื่นเข้ าไปในไข่ อีก (6) การเกิด ้ cortical reaction Cortical granules ในไข่ รวมกับ plasma membrane ปล่ อย เอนไซม์ และสารอื่นๆ ทาให้ ชัน vitelline membrane และ plasma membrane ้ แยกจากกันและมีลักษณะแข็ง เรี ยกว่ า fertilization membrane ปองกันไม่ ให้ ้ 108 สเปิ ร์ มตัวอื่นเข้ ามาได้ อีก
  • 109. Activation of the egg การที่ Ca2+ เพิ่มขึนในไซโตพลาสซึมไม่ เพียงแต่ กระตุ้น ้ cortical reaction แล้ ว ยังทาให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงของ metabolism ต่ างๆภายในไข่ ปกติไข่ ท่ ยังไม่ ได้ ปฏิสนธิจะมี ี อัตรา metabolism ต่า แต่ ภายใน 2-3 นาทีหลังการปฏิสนธิ อัตราของ cellular metabolism และ protein synthesis จะสูงขึน ้ ในไข่ ของเม่ นทะเลรวมทังสัตว์ อีกหลายชนิด การเพิ่มของ Ca2+ ้ มีผลทาให้ H+ ลดลง ดังนันไซโตพลาสซึมจะเปลี่ยนเป็ นด่ าง ้ เล็กน้ อย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของ pH นี ้ มีผลทางอ้ อมทาให้ เกิด การเปลี่ยนแปลงของ metabolism ต่ อไป 109
  • 110. ในการ activate ไข่ นัน อาจทดลองทาให้ เกิดขึนได้ ในไข่ ท่ ี ้ ้ ไม่ ได้ ปฏิสนธิ โดยการฉีด Ca2+ เข้ าไป หรือการทา temperature shock การกระตุ้นแบบนีจะทาให้ metabolism ต่ างๆในไข่ เกิดการ ้ เปลี่ยนแปลงได้ และทาให้ ไข่ เจริญต่ อไปแบบ parthenogenesis ได้ ถึงแม้ ว่ามีการทดลองต่ อไปอีกโดยการนานิวเคลียสของไข่ ท่ ี กระตุ้นแบบนีออก ไข่ ยังคงสร้ างโปรตีนชนิดต่ างๆได้ แสดงให้ เห็น ้ ว่ า mRNA ซึ่งเป็ นต้ นแบบในการสังเคราะห์ โปรตีนเหล่ านีได้ ถูก ้ สร้ างขึนแล้ วในไซโตพลาสซึม ้ ขันตอนต่ อมาจาก activation คือนิวเคลียสของสเปิ ร์ มจะ ้ รวมกับนิวเคลียสของไข่ เกิดเป็ นไซโกต เกิด DNA replication และ มีการแบ่ งเซลล์ ครังแรกเกิดขึน ้ ้ 110
  • 111. A wave of Ca 2+ release during the cortical reaction รูปแสดงเทคนิคการใช้ สี fluorescent dye ซึ่งเป็ นสีเมื่อรวมกับ Ca 2+ จะเกิดเรืองแสงได้ เพื่อ ตรวจ cortical reaction จากบริเวณที่สเปิ ร์ มแตะกับไข่ (0 sec)ระหว่ างการปฏิสนธิของไข่ ปลา ศึกษาภายใต้ กล้ องจุลทรรศน์ จะเห็นได้ ว่าวงของ Ca2+ ได้ ขยายกว้ างขึนในเวลาต่ อมา แสดงว่ า ้ ในระหว่ างนัน Ca2+ ถูกปล่ อยออกมาจาก endoplamic reticulum เข้ าไปในไซโตพลาสซึม Ca2+ ที่ ้ มีอยู่ในไซโตพลาสซึมมาก ทาให้ cortical granules รวมกับ plasma membrane สร้ างเป็ น fertilization membrane นอกจากนียังช่ วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง metabolism ภายในไข่ ท่ ี ้ ปฏิสนธิด้วย 111
  • 113. รู ปลักษณะของไข่ รู ปร่ างและขนาดของไข่ สัตว์ ประเภทต่ างๆแตกต่ างกันไป รอบๆไข่ อาจมีเยือ ่ ป้ องกันอยู่ เช่ น vitelline membrane หรือไข่ บางชนิดมีว้ ุนหุ้ม เช่ น ไข่ ของสั ตว์ สะเทินนาสะเทินบกหรือมีไข่ ขาวและเปลือกหุ้ม เช่ นไข่ พวกสั ตว์ ปีก ภายในไซโตพลา ้ สซึมของไข่ มกจะมีอาหารหรือไข่ แดงสะสมอยู่ ไข่ แบ่ งออกได้ เป็ นชนิดต่ างๆ ดังนี้ ั 1. แบ่ งตามปริมาณของไข่ แดง(amount of egg) มี 4 แบบ คือ 1.1 Alecithal egg ได้ แก่ ไข่ ทไม่ มอาหารสะสมอยู่เลย เช่ น ไข่ ของพวกสั ตว์ เลียง ี่ ี ้ ลูกด้ วยนานม ้ 1.2 Microlecithal egg ได้ แก่ ไข่ ทมไข่ แดงอยู่บ้างเล็กน้ อย เช่ น ไข่ พวกดาวทะเล ี่ ี หรือ หอยเม่ น 1.3 Mesolecithal egg ได้ แก่ ไข่ ทมอาหารอยู่ในไซโตพลาสซึมบ้ างพอสมควร ี่ ี เช่ น ไข่ กบ คางคก 1.4 Polylecithal egg ได้ แก่ไข่ ทมีไข่ แดงเป็ นจานวนมาก ได้ แก่สัตว์ เลือยคลาน ี่ ้ และสั ตว์ ปีก 113
  • 114. 2. แบ่ งโดยการกระจายของอาหารในไซโตพลาสซึม (distribution of yolk) 2.1 Isolecithal egg ในไซโตพลาสซึมมีไข่ แดงกระจายอยู่ทวไป ั่ อย่ างสม่าเสมอ เช่ น ไข่ ปลาดาวและหอยเม่ น 2.2 Telolecithal egg การกระจายของไข่ แดงอยู่ค่อนไปทางส่ วนใด ส่ วนหนึ่งของไซโตพลาสซึม แยกออกเป็ นพวกต่ างๆ ดังนี้ 2.2.1 Moderately telolecithal egg ไข่ แดงอยู่ค่อนไปทาง ด้ านล่าง เช่ น ไข่ กบ ไข่ คางคก 2.2.2 Heavily telolecithal egg ไข่ แดงอยู่รวมกันเป็ นก้อน แยกจากไซโตพลาสซึม เช่ น ไข่ สัตว์ เลือยคลาน และสั ตว์ ปีก ้ 2.2.3 Centrolecithal egg ไข่ แดงรวมกันเป็ นก้อนอยู่ตรง กลาง มีไซโตพลาสซึมอยู่ล้อมรอบ เช่ นไข่ แมลง 114
  • 115. 115
  • 116. 116
  • 117. เซลล์ไข่ ของสั ตว์ ประเภทต่ างๆพร้ อมที่จะเกิด fertilization ในระยะ ต่ างๆกัน เช่ น 1. ตั้งแต่ ยงไม่ เกิด meiosis เช่ น หนอน ั 2. ระยะ meiosis I เช่ น Ascaris (หนอนพยาธิไส้ เดือนตัวกลม) 3. ระยะ meiosis II เช่ น สั ตว์ เลียงลูกด้ วยนม คน ้ 4. เมื่อเกิด meiosis สมบูรณ์ เช่ น สั ตว์ พวก echinoderms 117
  • 118. Development of multicellular organisms • Fertilization • Embryonic development • Larval development (metamorphosis) • Maturation of individual (gametogenesis) • Aging • Death 118
  • 119. Embryonic development เกี่ยงข้ องกับ 1. Cell division ไข่ ท่ ีผสมแล้ วเป็ นเซลล์ เดี่ยว นิวเคลียสเป็ น diploid แบ่ งแบบ mitosis และต่ อมาไซโตพลาสซึมแบ่ งทาให้ ได้ เซลล์ เป็ นจานวนมาก 2. Differentiation ในระหว่ างการเจริญจะเกิดมีเซลล์ หลายชนิดขึนในเอมบริโอ เซลล์ ้ เหล่ านีเ้ ป็ นผลของการเปลี่ยนแปลงหลายอย่ างจากเซลล์ เดิม บางเซลล์ กลายเป็ นเซลล์ กล้ ามเนือ เซลล์ ผิวหนัง เป็ นต้ น เซลล์ เหล่ านีจะมีการเรี ยงตัว ้ ้ และจับกลุ่มกันตามส่ วนต่ างๆของร่ างกายในลักษณะที่สามารถทาหน้ าที่ พิเศษได้ อย่ างมีประสิทธิภาพ 3. Morphogenesis เป็ นกระบวนการแบ่ งเซลล์ เคลือนที่ และเปลียนแปลงรู ปร่ างเพือทาให้ ่ ่ ่ สิ่งมีชีวตแต่ ละชนิดมีรูปร่ างลักษณะเป็ นแบบเฉพาะตัว ิ 119
  • 120. 120
  • 121. 121
  • 122. Embryonic development เป็ นการศึกษาช่ วงระยะการเจริญของเอมบริโอ ซึ่งจะเริ่มต้ น หลังจากไข่ เกิดการปฏิสนธิแล้ ว เอมบริโอระยะแรกคือไซโกต ระยะ เอมบริโอจะสินสุดเมื่อเกิดอวัยวะต่ างๆครบ ้ ในสัตว์ ชนิดต่ างๆจะมีช่วงเวลาของการเกิดเอมบริโอ แตกต่ างกัน เช่ นในคน ประมาณ 8-10 สัปดาห์ ไก่ ประมาณ 4 วัน และกบประมาณ 2 วัน เป็ นต้ น จากไซโกตซึ่งเป็ นเซลล์ เดี่ยวไปสู่สภาพที่ซับซ้ อนขึน โดย ้ เกิดขึนเป็ นลาดับขันตอนต่ างๆดังนี ้ ้ ้ 1. Cleavage 2. Blastula 3. Gastrulation 4. Organogenesis 122