Contenu connexe
Similaire à สัมมาทิฏฐิในวงการศึกษา (20)
Plus de Teacher Sophonnawit (20)
สัมมาทิฏฐิในวงการศึกษา
- 2. สัมมาทิฐิในวงการศึกษา
พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
พิมพ์ครั้งที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ จ�ำนวนพิมพ์ ๔๔,๐๐๐ เล่ม
พิมพ์ครั้งที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ จ�ำนวนพิมพ์ ๕๔,๐๐๐ เล่ม
พิมพ์ครั้งที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ จ�ำนวนพิมพ์ ๔๓,๐๐๐ เล่ม
พิมพ์ที่ บริษัท โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์ จ�ำกัด
๑๑๓/๑๓ ซอยวัดสุวรรณคีรี ถนนบรมราชชนนี
ำ
booksummaForPress.indd 2 27/10/2555 12:17:30
- 4. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๔
คํานํา
ผูไดชื่อวาเปน “ครู” ยอมมีคุณสมบัติสําคัญยิ่งประการ
หนึ่งคือ “มีความเขาใจถูกตองเกี่ยวกับเรื่องโลกและชีวิต”
เพราะหากปราศจากความเขาใจถูกในเรื่องนี้แลว ครูจะไมรู
ไมเขาใจความจริงของชีวิตเลยวา ชีวิตนี้เปนทุกขและทุกชีวิต
ลวนตกอยูภายใตกฎแหงกรรม คือ ทําชั่วทุกขเพิ่มขึ้น ทําดี
ทุกขลดลง ครูจะกลายเปนบุคคลที่มีวินิจฉัยศีลธรรมผิดพลาด
ไมมีหลักตัดสินที่ถูกตองวาสิ่งใด “ถูก-ผิด ดี-ชั่ว บุญ-บาป
ควร-ไมควร” วินิจฉัยศีลธรรมประจําใจของครูนี้เอง เปนตัว
ควบคุมการกระทําทางใจ ทางความคิด ทางวาจาและทางกาย
ไมใหละเมิดกฎแหงกรรม
ดวยเหตุที่สัมมาทิฐิ ๑๐ มีความสําคัญมากอยางยิ่งนี้
เอง ครูจึงตองหมั่นฝกฝนอบรมตนเองและศิษยดวย
การปฏิบัติตามลําดับของสัมมาทิฐิ โดยเริ่มจากสัมมาทิฐิ
booksummaForPress.indd 4 27/10/2555 12:17:33
- 5. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕
ขอที่ ๑ ทานมีผลจริง จนถึงขอสุดทายคือ พระพุทธเจามีจริง
การปฏิบัติสัมมาทิฐิ ๑๐ ขอนี้ ตองปฏิบัติใหสมํ่าเสมอจนกลาย
เปนคุณธรรมประจําใจ สัมมาทิฐิหรือความเขาใจถูกเรื่องโลก
และชีวิตนี้เอง จึงเปนประดุจแสงเงินแสงทองสองนําทางชีวิต
ครู ศิษย และชาวโลกใหประเสริฐ
(พระภาวนาวิริยคุณ)
รองเจาอาวาสวัดพระธรรมกาย
booksummaForPress.indd 5 27/10/2555 12:17:40
- 9. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๙
๑. ทานมีผลจริง
ทาน คือ การให การแบงปน การเสียสละ การเอื้อเฟอ
สิ่งที่เปนประโยชนแกกันดวยความเต็มใจ เชน ใหทรัพยสิ่งของ
เปนตน
การใหความรูที่เปนประโยชน การใหธรรมะ และ
การใหอภัยไมถือโทษโกรธขึ้งกัน ก็จัดวาเปนทานชนิดหนึ่ง
ยอมมีผลดีจริงแกผูใหและผูรับ คือ
๑) ผูใหยอมเปนที่รักที่พอใจของมหาชน
๒) ผูใหและผูรับยอมเกิดความรักใครปรารถนาดีตอกัน
๓) เปนการปองกันสังคมไมใหเกิดการหวงแหน
แลงนํ้าใจ
ทานจึงจัดเปนความดีขั้นตนที่ทุกคนตองฝกใหมี
booksummaForPress.indd 9 27/10/2555 12:17:44
- 10. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๑๐
๒. การสงเคราะหมีผลจริง
การสงเคราะห คือการชวยเหลือกันในยามยาก ทุกข
ของชาวโลกยอมบรรเทาลงไดหากผูคนในสังคมไมทอดทิ้งหรือ
ซํ้าเติมกันเองในคราวตกทุกขไดยาก แตพยายามชวยเหลือเกื้อกูล
กัน ซึ่งมีผลดีตอผูใหและผูรับ คือ
๑) ผูใหการสงเคราะหยอมปลื้มใจที่ไดทําความดี
๒) ผูรับการสงเคราะหยอมบรรเทาหรือหมดทุกข
เห็นทันตา
๓) ผูรับการสงเคราะหยอมสํานึกในบุญคุณ อันจะนํา
ไปสูการตอบแทนพระคุณกันอยางไมรูจบ
การฝกสงเคราะหใหกันและกันจนเปนนิสัย คือหัวใจ
การพัฒนาสังคม
booksummaForPress.indd 10 27/10/2555 12:17:44
- 12. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๑๒
๔. ผลวิบากกรรมดี-กรรมชั่วมีจริง
ทุกอยางที่คิด ทุกสิ่งที่ทํา ทุกคําที่พูดดวยเจตนา
ลวนเปนกรรม กรรมนั้นยอมมีผลยอนมาถึงตนเอง ใคร ๆ จะ
หลีกเลี่ยงก็มิได เพราะมีกฎตายตัววา “ทําดี ไดดี ทําชั่ว ไดชั่ว”
ไมวาผูทํากรรมนั้นจะรูจักกฎแหงกรรมหรือไม นั่นคือ
กรรมดี ออกผล เปนความสุข-เจริญ
กรรมชั่ว ออกผล เปนความทุกข-เสื่อม
ดังนั้น เพื่อความสุข-เจริญ
๑) สิ่งเรงดวนที่ตองรูใหชัด คือ ดี-ชั่วตัดสินอยางไร
๒) สิ่งที่ตองเรงปฏิบัติ คือ ละเวนกรรมชั่ว เลือก
ทําแตกรรมดี กลั่นใจใหผองใส จนกวาชีวิตจะหาไม
booksummaForPress.indd 12 27/10/2555 12:17:45
- 13. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๑๓
ข. ความจริงประจําโลก ๖
๑. โลกนี้มีจริง (อตฺถิ อยํ โลโก)
๒. โลกหนามีจริง (อตฺถิ ปโร โลโก)
๓. มารดามีจริง (อตฺถิ มาตา)
๔. บิดามีจริง (อตฺถิ ปตา)
๕. โอปปาติกะมีจริง
(อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา)
๖. พระพุทธเจามีจริง
(อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา
สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา)
booksummaForPress.indd 13 27/10/2555 12:17:45
- 14. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๑๔
๕. โลกนี้มีจริง คือ ตัวเรามีที่มาจริง
หากเจริญภาวนาถึงระดับหนึ่ง ยอมประจักษแกใจวา
๑) ตัวเราเองเคยเกิดมาแลวนับภพนับชาติไมถวน
๒) การมาเกิดในภพชาตินี้ ไมวาเกิดในสถานภาพใด
จะเกิดในครอบครัวรํ่ารวย-ยากจน ตระกูลสูง-ตํ่า สุขภาพ
ดี-ขี้โรค รูปสวย-ทราม สติปญญาดี-ทราม ฯลฯ
ลวนเปนผลจากกรรมเกาชาติที่แลว ๆ สงมา หาใช
เกิดขึ้นเองหรือผูใดบันดาล เพราะทุกคนลวนมีกรรม
เปนของตน เปนทายาทแหงกรรม มีกรรมเปนกําเนิด มีกรรม
เปนเผาพันธุ
๓) เมื่อแรกเกิดทุกคนยังไมเปนคนดีหรือชั่วตาม
พอแม ยังเปนกลาง ๆ อยู ตอเมื่อไดทํากรรมดี ก็เปนคนดี
ไดทํากรรมชั่ว ก็เปนคนชั่ว ตามกรรมที่ตนเองทําขึ้นใหมชาตินี้
คนฉลาดจึงเลือกทําแตกรรมดี เวนกรรมชั่วโดยเด็ดขาด
booksummaForPress.indd 14 27/10/2555 12:17:45
- 16. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๑๖
๖. โลกหนามีจริง คือ ตายแลวไมสูญ
ตราบใดที่ยังไมหมดกิเลส ตายแลวตางคนตางยัง
ตองไปเกิดใหมในภพหนาอีกตามกรรมดี-ชั่วที่ตนทําไว นั่นคือ
กรรมเกาชาติที่แลว ๆ สงผลใหมาเกิดในภพชาตินี้
กรรมใหมในชาตินี้และชาติที่แลว ๆ สงผลใหไปเกิด
ในภพชาติหนา
กรรมใหมชาติหนาและชาตินี้ รวมทั้งชาติที่แลว ๆ
สงผลใหไปเกิดในภพชาติตอๆ ไป
๖.๑ เพื่อความเจริญรุงเรืองทั้งภพนี้-ภพหนา หลัง
การเจริญภาวนาเชา-คํ่า พึงกลาวคําปฏิญาณเตือนตนให
ประพฤติปฏิบัติตามหลักการดําเนินชีวิตของชาวพุทธ คือ
๑) การละกรรมชั่วทั้งกาย-วาจา-ใจทุกชนิด
๒) การหาโอกาสทําความดีทั้งหลายใหถึงพรอม
๓) การกลั่นใจใหผองใสไมลดละ
booksummaForPress.indd 16 27/10/2555 12:17:47
- 17. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๑๗
นั่นคือ เลี้ยงชีพดวยการงานปราศจากบาป
โดยเด็ดขาด ยิ่งทํางาน ใจยิ่งตองผองใส ไดประโยชนทั้ง
สวนตนและสวนรวมตลอดไป
๖.๒ ขวนขวายบําเพ็ญกุศลใหมตลอดชีวิต ไมวาชีวิต
จะรุงเรืองหรือตกตํ่า ก็ทําบุญมิไดขาด โดยถือหลักวา
เชาใด ยังไมไดใหทาน เชานั้นจะยังไมกินอาหาร
วันใด ยังไมไดสมาทานศีล วันนั้นจะไมออกจากบาน
คืนใด ยังไมไดเจริญภาวนา คืนนั้นจะยังไมเขานอน
ทุกวันพระก็ตั้งใจรับอุโบสถศีล ฟงธรรม
ทุกวันสําคัญทางศาสนาตั้งใจประกอบบุญใหญไมเวน
เพราะตระหนักวา บุญเปนพลังงานบริสุทธิ์ ชําระใจให
สะอาดได กําจัดกิเลสใหเบาบางลงได เปนทางใหใจคลายทุกข
นําความสุขนานามาใหได และเปนเหตุใหอายุยืน
booksummaForPress.indd 17 27/10/2555 12:17:48
- 18. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๑๘
๖.๓ เสร็จการบุญแตละครั้ง ก็ตั้งแผนการสรางบุญใหญ
ดวยการอธิษฐานใชบุญเกาตอบุญใหมตอๆ กันไป เชน
ดวยอํานาจแหงทานกุศลนี้ จงมีผลใหไมตองอดอยาก
ยากจน ไดโอกาสพามหาชนสรางมหาทานยิ่ง ๆ ขึ้นไปใน
พระพุทธเจาและเหลาพระอรหันตเบื้องหนา ทุกภพชาติจนกวา
จะเขานิพพาน
ดวยอํานาจแหงบุญอันเกิดจากการรักษาศีลดีแลวนี้
จงสงผลใหไดเพศบริสุทธิ์ ไดลักษณะมหาบุรุษครบครันพอใจ
การบวชประพฤติพรหมจรรยตลอดกาลตราบวันบรรลุนิพพาน
เทอญ
ดวยอํานาจแหงการฟงธรรมอันประเสริฐนี้ จงสง
ผลใหเปนผูพอใจในการพบเห็น - ฟงธรรม - พิจารณาธรรม
ตั้งใจปฏิบัติธรรมตามพระอริยเจายิ่ง ๆ ขึ้นไป ทุกภพทุกชาติ
อยารูเบื่อหนายจนกวาจะไดบรรลุนิพพาน ฯลฯ
booksummaForPress.indd 18 27/10/2555 12:17:48
- 19. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๑๙
๗. มารดามีพระคุณจริง
มารดามีพระคุณตอบุตรอเนกอนันต เพราะเปนผูให
กําเนิดกายมนุษย เลี้ยงดูบุตรจนเติบใหญ อบรมสั่งสอนบุตร
ใหเขาใจความจริงของโลกและชีวิต และหามบุตรทําชั่ว เลือก
แตประพฤติชอบ อยูในกรอบศีลธรรม กอใหเกิดเปนนิสัยดี และ
คุณธรรมประจําใจอันจะนําไปสูความสุข-เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ผูเรียนเจาปญญาจึงตองฝกแสดงความกตัญูรูคุณ
ตอมารดาและฝกตอบแทนพระคุณทานดวยการทําสิ่งที่เปน
ประโยชนสุขตอทานจนตลอดชีวิต แตมารดายอมมีโทษมหันต
หากไมอบรมสั่งสอนบุตรใหเปนคนใฝดี
booksummaForPress.indd 19 27/10/2555 12:17:48
- 21. เมื่อบุตรรูความก็ยํ้าปฏิบัติตอไป ความดีสากลพื้นฐาน
๔ ประการก็จะพัฒนาเปนนิสัยดี ๆ พื้นฐาน ๓ คือ
๑. นิสัยรักการควบคุมตัวเอง
๒. นิสัยรักการพึ่งตนเอง
๓. นิสัยรักการจับถูก
๓)พัฒนานิสัยดีๆทั้งสามนั้นผานกิจกรรม๕หองชีวิต๑
โดยไมคิดทอแทและสุดทายก็กลายเปนความมีวินัยความอดทน
และความเคารพ แลวสงตอไปเพิ่มพูนความรูความดีอีก
ที่โรงเรียนเพื่อใหมีนิสัยบัณฑิต๕๒
พรอมเปนมิตรแทแกมหาชน
เมื่อเติบใหญ บุตรจึงสมควรกราบไหวบูชาบิดา-มารดา ผูเปน
เสมือนพระอรหันตในบานและชวยแบงเบาภาระของทานให
เต็มกําลัง หลังทําการบานที่ครูมอบหมายแลวเปนประจําทุกวัน
๑. ๕ หองชีวิตประกอบดวย หองนอน หองนํ้า หองแตงตัว หองอาหาร
และหองทํางาน
๒. นิสัยบัณฑิต ๕ ประกอบดวย นิสัยใฝควบคุมตนเอง, นิสัยใฝรักษา
สุขภาพ, นิสัยใฝเรียนรู, นิสัยใฝทําดีตามกฎแหงกรรม และนิสัย
ใฝเจริญภาวนา
booksummaForPress.indd 21 27/10/2555 12:17:49
- 22. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๒๒
๙. โอปปาติกะมีจริง
โอปปาติกะสัตว คือ สัตวที่ผุดเกิดขึ้นมา ก็โตเต็มที่ทันที
ทันใด โดยไมตองมีมารดาบิดา เกิดดวยอํานาจกรรมที่แรงมาก
ซึ่งตนเคยทําไวสมัยเปนมนุษย ครั้นถึงคราวตายรางกายก็
สลายวับโดยไมมีซากเหลือโอปปาติกะแบงออกเปน ๒ ประเภท
ประเภทที่ ๑ สมัยเปนมนุษยทํากรรมชั่วมาก ตายไป
แลวเกิดเปนสัตวนรก ซึ่งมีรูปรางนาเกลียดนากลัวมาก และ
อยูในนรกซึ่งมีสภาพทุกขทรมานมาก คือทุกขยิ่งกวาคุกในโลก
อยางเทียบไมได
ประเภทที่ ๒ ทํากรรมดีมากไปเกิดเปนเทวดานางฟา
ซึ่งมีรูปรางงดงามมากและอยูในสวรรค ซึ่งอยูในสภาพเปน
สุขมากแมสุขของพระเจาจักรพรรดิ์ก็เทียบไมได
สภาพสุข-ทุกขของสัตวนรกและชาวสวรรคแตกตางกัน
มากก็จริง แตทั้งคูเหมือนกันคือ อายุยืนมาก คืออายุเกินแสน
เกินลาน เกินโกฏิปก็มี
booksummaForPress.indd 22 27/10/2555 12:17:50
- 25. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๒๕
๑๐. พระพุทธเจามีจริง
เปนธรรมชาติวา หากสมณพราหมณหรือใครก็ตาม
ไมจํากัดดวยเชื้อชาติ หากตั้งใจประพฤติดีปฏิบัติชอบ
ไมละเมิดกฏแหงกรรม มุงกลั่นใจใหผองใสเปนนิจดวยชีวิต
ยอมสามารถรูแจงแทงตลอดในโลกนี้โลกหนาไดดวยปญญา
อันยิ่งเอง อาศัยความเมตตากรุณาอยางยิ่งของทาน ทาน
ยอมสามารถสอนชาวโลกใหรูแจงตามได
บุคคลมีความดีงามพรอมเชนนี้ มีอยูในโลก
บางยุคสมัยจริง ชาวโลกเรียกทานดวยความเคารพ
อยางยิ่งวาพระพุทธเจา หากใครมีโชคไดพบพระองคแลว
ตั้งใจฟงธรรม พิจารณาธรรม ปฏิบัติสมควรแกธรรม ยอม
หมดทุกขโดยเด็ดขาดตามทานไดอยางแนนอน
booksummaForPress.indd 25 27/10/2555 12:17:51
- 29. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๒๙
หลักการดําเนินชีวิตครูอยางถูกตอง
๑๐ ประการ
๑. ทานมีผลจริง
๑. มุงมั่นถายทอดความรูทั้งทางโลกและทางธรรมให
แกศิษยดวยความปรารถนาดีตอศิษยอยางบริสุทธิ์ใจที่จะให
ศิษยเปนคนดีที่โลกตองการประสบความสุขความเจริญรุงเรือง
ในชีวิต
๒. แบงปนความรูทั้งทางโลกและทางธรรม รวมทั้ง
ประสบการณในวิชาชีพครู ตลอดจนเทคโนโลยีสมัยใหม
ในวงการศึกษาใหแกเพื่อนครูดวยความจริงใจ
๓. รวมมือในการทํากิจกรรมตางๆ เพื่อประโยชนของ
โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาเปนสวนรวม โดยไมเห็นแก
ความเหนื่อยยากและโดยไมขาดตกบกพรอง
booksummaForPress.indd 29 27/10/2555 12:18:00
- 31. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๓๑
๒. การสงเคราะหมีผลจริง
๑. สงเคราะหนักเรียนที่มีปญหาตางเพื่อใหสามารถ
เรียนไดจบหลักสูตร ดวยวิธีการที่เหมาะสม เชน นักเรียนที่
ขาดแคลนทุนเลาเรียน ก็อาจหางานพิเศษใหทํา หาทุนอุดหนุน
การศึกษาจากองคกรของรัฐและเอกชนให เปนตน
๒. สงเคราะหนักเรียนที่เรียนดี มีความประพฤติดีแต
ยากจน ดวยการสละเวลาสอนพิเศษให เพื่อสงเขาสอบแขงขัน
ชิงทุนการศึกษาเรียนตอในประเทศหรือตางประเทศหลังจาก
จบการศึกษาในโรงเรียนที่กําลังเรียนอยู
๓. เมื่อเพื่อนครูหรือบุคลากรในโรงเรียนตางประสบ
ปญหาจากอุบัติเหตุ หรือภัยธรรมชาติก็ตองชวยกันสงเคราะห
อยางสุดความสามารถ เปนตน
การประพฤติปฏิบัติเหลานี้ ถือไดวาเปนการสงเคราะห
เพื่อนมนุษยดวยกัน ยอมมีผลดีอยางแนนอน ผูประพฤติปฏิบัติ
ยอมชื่อวามีสัมมาทิฐิอยางแทจริง
booksummaForPress.indd 31 27/10/2555 12:18:00
- 32. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๓๒
๓. การยกยองมีผลจริง
๑. ครูควรมองหาคุณธรรมความดีและความสามารถ
ทั้งของผูบริหารซึ่งเปนหัวหนาของตน และเพื่อนครูผูรวมงาน
ทุกคน ขณะเดียวกันก็พึงมีทัศนคติที่ดีตอทุกคน เมื่อเห็นใคร
ทําดีทําถูกตองก็ควรกลาวยกยองสรรเสริญตามความเหมาะสม
บุคคลที่มีนิสัยเชนนี้ ยอมสามารถเขากันไดกับผูรวมงานทุกคน
ยอมสามารถประกอบอาชีพไดดวยความสบายใจ และมีโอกาส
เจริญรุงเรืองในหนาที่การงาน
๒. ครูตองไมนินทาวารายผูบริหารใหนักเรียนฟง
เพราะจะทําใหนักเรียนขาดความเคารพผูบริหาร และอาจไมมี
ความรูสึกภาคภูมิใจในสถานศึกษาของตน
๓. ครูตองไมนินทาวารายเพื่อนครูใหนักเรียนฟง เพราะ
ก. ถานักเรียนเชื่อผูนินทาก็จะรังเกียจหรือไมเคารพ
นับถือครูผูถูกนินทา
booksummaForPress.indd 32 27/10/2555 12:18:01
- 33. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๓๓
ข.นักเรียนที่ไดรับการปลูกฝงนิสัยรักการปฏิบัติตาม
มรรคมีองค ๘ แลว จะมองวา ผูนินทาผิดศีล ไมนาเคารพ
ค. ความลับในโลกไมมี ผูถูกนินทายอมรูวาใคร
นินทาตน ซึ่งจะเปนเหตุปจจัยใหเกิดปญหาตางตามมาอีกมาก
เชน ครูผูนินทาจะกลายเปนแกะดําในหมูเพื่อนครู เปนตน
๔. ครูตองไมแสดงความลําเอียงตอนักเรียน ดวย
การพูดจาไพเราะกับนักเรียนที่เกงและดี เมื่อทําผิดพลาด แต
ใชถอยคําตําหนิติเตียนรุนแรงหรือหยาบคายกับเด็กที่เรียนออน
ยากจน แทนที่จะใชคํานุมนวล ออนโยน
อยางไรก็ตาม ครูตองระลึกอยูเสมอวา การทํางานรวม
กับมวลชนหรือคนหมูมากจะประสบความสําเร็จอยางแทจริงไม
วาดานใดก็ตามจําเปนตองรูหลักจิตวิทยาเปนอยางดี
การที่ครูประพฤติตอผูคนตางๆ ไมวาเด็กหรือผูใหญ
ในเชิงยกยอง ยอมมีผลดีตอทุกฝาย
booksummaForPress.indd 33 27/10/2555 12:18:01
- 34. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๓๔
๔. กฎแหงกรรมมีผลจริง
๑. ครูตองศึกษาเรื่อง กฎแหงกรรม ใหเขาใจในระดับ
โยนิโสมนสิการเปนอยางนอย เพื่อใหสามารถอธิบายเกี่ยวกับ
พฤติกรรมตางๆ ของคนเราดวยกฎแหงเหตุและผล ถาเปน
เชนนี้ก็จะชวยใหครูมีศรัทธามั่นในกฎแหงกรรม ซึ่งนอกจาก
จะชวยใหครูตั้งมั่นอยูในสัมมาทิฐิแลว ยังจะสามารถอธิบาย
เรื่อง กฎแหงกรรมไดอยางมีประสิทธิผลเสมอ
๒. เมื่อครูมีศรัทธามั่นในกฎแหงกรรม ตั้งมั่นใน
สัมมาทิฐิเปนคุณสมบัติประจําตัวแลว ก็พึงพัฒนาตนใหมีนิสัย
รักการปฏิบัติตามมรรคมีองค ๘ และปฏิบัติสัมมาสมาธิเปน
ประจํา ถาปฏิบัติไดถูกวิธีตามที่ครูบาอาจารยอบรมสั่งสอน
ยอมประสบความกาวหนาถึงขั้นบรรลุฌานระดับใดระดับหนึ่ง
ซึ่งอาจจะสามารถพิสูจนกฎแหงกรรมไดดวยตนเอง ถาเปน
เชนนั้น การทําหนาที่ปลูกฝงนิสัยรักการปฏิบัติตามมรรค
มีองค ๘ ใหแกศิษยก็จะมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
booksummaForPress.indd 34 27/10/2555 12:18:01
- 35. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๓๕
๓. ครูพึงระลึกเสมอวา เรื่องกฎแหงกรรมคือหัวใจของ
สัมมาทิฐิ ถาครูสามารถปลูกฝงอบรมศิษยทั้งมวลใหมีศรัทธา
มั่นคงในเรื่องกฎแหงกรรมได ยอมมั่นใจไดวาศิษยเหลานั้น
จะเปนคนดีมีสัมมาทิฐิระดับตน หนาที่ตอไปของครูก็คือจะตอง
ตอกยํ้าใหศิษยมีสัมมาทิฐิมั่นคงยิ่งขึ้น
กลาวไดวาการปลูกฝงอบรมศิษยทั้งมวลใหเปนคนดี
มั่นคงอยูในสัมมาทิฐิ คือกรรมดีที่ครูไดทําทั้งเพื่อตนเอง สังคม
และประเทศชาติโดยรวม ยอมมีผลดีตอตัวครูเอง และทุกฝาย
ดังกลาวมาแลวอยางแนนอน
booksummaForPress.indd 35 27/10/2555 12:18:02
- 36. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๓๖
๕. โลกนี้มี (ที่มาจริง)
เหตุแหงความเจริญกาวหนาหรือความเสื่อมในอาชีพ
ครูของตนในปจจุบันนี้ ลวนเปนผลมาจากการดําเนินชีวิต
ของครูในชวงเวลาที่ผานมา วาเปนไปตามสัมมาทิฐิ ๔ ประการ
แรกหรือหลักการดําเนินชีวิตใหเปนสุข ๔ หรือไมเพียงใด
ประการหนึ่ง ประกอบกับวิบากแหงบาปกรรมในชาติปางกอน
ที่ตามมาตัดรอน อีกประการหนึ่ง
ดังนั้น เมื่อมั่นใจวาตนครองชีวิตถูกตองตามหลัก
การดําเนินชีวิตใหเปนสุข ๔ แลว แตไมไดรับผลตอบแทน
ดานตําแหนงหนาที่การงานตามที่คาดหวัง ก็จะตองไมทอใจ
จงพากเพียรทําใหดียิ่งขึ้นไปอีก คิดเสียวาอยางนอยก็เปน
บุญกุศลที่ไดทําแลวในชาตินี้
booksummaForPress.indd 36 27/10/2555 12:18:02
- 40. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๔๐
๘. บิดามีจริง
ครูตองมีความกตัญูกตเวทีตอบิดา ครู- อาจารยและ
ผูมีพระคุณนอกจากครูจะปฏิบัติตามเปนตนแบบดานคุณธรรม
ใหแกบุตรธิดา ลูกศิษยและคนรอบขางแลว ครูจําเปนจะตอง
แนะนําสั่งสอนอบรมใหศิษยตระหนักถึงคุณของบิดาไมยิ่งหยอน
ไปกวามารดาอีกดวยทั้งนี้เพราะในสภาพสังคมปจจุบันมีปญหา
ครอบครัวแตกแยกเกิดขึ้นทุกสังคม บุตรสวนใหญจะใกลชิด
สนิทสนมกับมารดา หางไกลกับบิดาหรือในบางครอบครัวที่
บิดาจมอยูกับอบายมุขก็มักจะทําทารุณโหดรายตอมารดาทําให
บุตรบางคนถึงกับเกลียดชังบิดาของตนก็มี
ดังนั้น จึงเปนหนาที่ของครูในการปลูกฝงชี้แนะใหเด็ก
มีความเขาใจและความคิดถูกตองเกี่ยวกับเรื่องพระคุณของ
บิดา ปองกันมิใหเด็กมีบาปกรรมติดตัวไป เพราะมีความคิดเห็น
เปนมิจฉาทิฐิเกี่ยวกับพระคุณของบิดา ครูที่สามารถเปลี่ยนทิฐิ
ของศิษยได ยอมถือวาเปนความสําเร็จในชีวิตครู
booksummaForPress.indd 40 27/10/2555 12:18:09
- 45. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๔๕
สัมมาทิฐิ ๑๐ ประการนี้ แบงออกไดเปน ๒ กลุม
ไดแก
กลุมที่ ๑
ขอ๑-๔คือหลักการดําเนินชีวิตใหเปนสุข๔ประการ
กลุมที่ ๒
ขอ ๕-๑๐ คือ ความจริงประจําโลก ๖ ประการ
องคธรรมในกลุมที่ ๑ คือ ขอ ๔ ซึ่งชาวพุทธเรียกวา
กฎแหงกรรม และคุนกับพุทธพจนวา “ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว”
เรื่องกฎแหงกรรมนี้ เปนองคธรรมที่เดนกวาองคธรรม
๓ ขอแรกเพราะเปนเรื่องของเหตุและผล ซึ่งอภิปรายใหเกิด
ความเขาใจไดงาย โดยเฉพาะอยางยิ่งเด็กโต เพราะมีเรื่องราว
มากมายพิสูจนใหเห็นไดในชีวิตประจําวัน เชน เด็กที่เกียจคราน
การเรียนยอมสอบตก นักเรียนวัยรุนที่เปนอันธพาลปลนจี้
booksummaForPress.indd 45 27/10/2555 12:18:19
- 46. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๔๖
ชาวบาน ยอมถูกตํารวจจับ เปนตน แตผูที่ยังไมเชื่อ กฎแหง
กรรมเต็มหัวใจ ก็คงจะเปนบรรดาผูใหญที่มีขอสงสัย เนื่องจาก
ยังขาดการศึกษาและปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาอยาง
จริงจังนั่นเอง ซึ่งจะไมขอกลาวในที่นี้
การปลูกฝงอบรมเด็ก ๆ ใหมีสัมมาทิฐิเปนคุณธรรม
ประจําใจ ควรประกอบดวยองค ๓ คือ
๑. ปลูกฝงความรูความเขาใจองคธรรมในองคมรรค
ตางๆ ใหแกเด็ก ๆ ในเชิงทฤษฎีดวยการอภิปรายโดยใชวิธี
ปุจฉา-วิสัชนา เพื่อกระตุนเด็ก ๆ ใหใชปญญาคิดพิจารณา
รายละเอียดในองคธรรมแตละขอ จนกระทั่งเด็ก ๆ มองเห็น
ขอดีหรือประโยชนอยางแทจริงของเรื่องที่อภิปราย และยอมรับ
ไปปฏิบัติในชีวิตจริง
booksummaForPress.indd 46 27/10/2555 12:18:19
- 47. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๔๗
๒. ผูใหญควรมีกุศโลบายจัดกิจกรรมเพื่อใหเด็ก ๆ ได
นํารายละเอียดในองคมรรคตาง ๆ ซึ่งไดอภิปรายกันมาแลว
มาปฏิบัติในชีวิตประจําวันใหเกิดเปนนิสัย
๓. ชักชวนใหเด็กฝกสมาธิภาวนาพรอมกับผูใหญ
ทุก ๆ วัน ทั้งที่บานและที่โรงเรียนจนเกิดเปนนิสัย การทําสมาธิ
ภาวนายอมเปนการปฏิบัติมรรคองคที่ ๗ และ ๘ ไปพรอม ๆ
กัน เด็ก ๆ ที่มีประสบการณภายในแมเพียงจิตสงบอยางตอ
เนื่องสักระยะหนึ่ง ทั้งสติและปญญาของเขาก็จะพัฒนาขึ้นมา
ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะชวยใหพวกเขาเขาใจหัวขอธรรมในองค
มรรคตาง ๆ ที่อภิปรายกันมาแลวดียิ่งขึ้น มีความเขาใจถูกตอง
ถองแทขึ้นวาสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว สิ่งใดควร สิ่งใดไมควร สิ่งใดผิด
สิ่งใดถูก ขณะเดียวกันก็มีสติควบคุมตนเองทั้งทางกายและ
วาจา มิใหกระทําสิ่งที่ชั่ว สิ่งที่ไมควร สิ่งที่ผิด พรอมกันนั้น
booksummaForPress.indd 47 27/10/2555 12:18:19
- 49. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๔๙
เมื่อถามคําถามในลักษณะนี้หลาย ๆ คําถามแลว ผูใหญ
พึงสรุปวา ถาเราทําดีกับผูอื่น เขาก็รักและชอบเรา แตถาเรา
ทําไมดีกับเขาเขาก็เกลียดเราไมชอบเราไมอยากคบหาสมาคม
กับเรา
พรอมกันนั้นก็ตั้งคําถามใหมวา“ใครเห็นดวยใหยกมือขึ้น”
ถามีเด็กไมยกมือ (ซึ่งไมนาจะมี) ผูใหญตองขอใหเขาอภิปราย
จากคําถามชุดแรก ผูใหญก็สามารถโยงเขามาสู ๓
เรื่อง คือ
๑. ทานมีผลจริง
๒. การสงเคราะหมีผลจริง
๓. กฎแหงกรรมมีจริง
ครั้นแลวตั้งคําถามใหม เชน
ง. “หนูรูสึกอยางไร ถามีผูชมวาหนูเขียนหนังสือสวยมาก”
booksummaForPress.indd 49 27/10/2555 12:18:20
- 50. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕๐
จ. “หนูรูสึกอยางไร ถาหนูฟนหนาหัก แลวถูกเพื่อน ๆ
ลอวาฟนหลอ”
ฉ. “หนูรูสึกอยางไร ถาคุณแมซื้อของเลนที่ถูกใจหนูมาให”
ช. “หนูรูสึกอยางไร ถาคุณพอพาหนูไปฝกวายนํ้าตาม
ที่หนูปรารถนา”
คําถามเหลานี้ จะกระตุนใหเด็ก ๆ รวมกันอภิปราย
ครั้นแลวผูใหญก็พึงสรุปในเชิงใหการอบรมสั่งสอนวา
เราควรจะหาจุดดีจุดเดนของผูอื่น แลวนํามายกยองสรรเสริญ
เพื่อใหเขามีกําลังใจทําความดีตอไป ไมควรสนใจปมดอย
ของผูอื่น แลวนํามาลอเลียนใหเขารูสึกอับอายขายหนา นั่นคือ
ใหพยายามจับถูกผูอื่น อยาพยายามจับผิดใคร ๆ ขณะเดียวกัน
ก็สอนใหเด็กรูจักเอาใจเขามาใสใจเรา
จากคําถามชุดนี้ ผูใหญก็สามารถโยงเขามาสูสัมมาทิฐิ
ไดทั้งชุดแรกและชุดที่ ๒ คือ
booksummaForPress.indd 50 27/10/2555 12:18:20
- 51. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕๑
๑. การบูชามีผลจริง
๒. มารดามีพระคุณจริง
๓. บิดามีพระคุณจริง
เมื่อเปลี่ยนประเด็นไปสูองคธรรมใหม ผูใหญก็นํา
การอภิปรายดวยการใชคําถามตาง ๆ เชน
ซ. “หนูรูสึกอยางไร เมื่อเห็นคนตาบอดแตกําเนิดหรือ
คนที่มีอวัยวะพิกลพิการ”
ฌ. “หนูรูสึกอยางไร เมื่อเห็นคนมีรูปรางหนาตาสวย
หรือหลอ เห็นคนที่มีฐานะรํ่ารวย เห็นคนขอทาน”
เมื่อเด็ก ๆ อภิปรายแสดงความคิดเห็นโดยทั่วกันแลว
ผูใหญอาจใหคําอธิบายวา
“ตั้งแตตอนตน เราไดอภิปรายกันแลววา การทําดียอม
ไดดีคนทําชั่วยอมไดชั่วนั่นคือหลักหรือกฎแหงเหตุผล เรื่องราว
ทุกอยางที่เกิดขึ้นลวนเปนผลที่มาจากเหตุทั้งสิ้น ซึ่งทางธรรม
เรียกวา กฎแหงกรรม”
booksummaForPress.indd 51 27/10/2555 12:18:21
- 52. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕๒
ครั้นแลวถามยํ้าวา
“ใครเชื่อกฎแหงกรรมบาง ยกมือขึ้น” (ถาเด็กคนใด
ไมยกมือ ตองขอใหอภิปราย)
ครั้นแลวถามตอไปวา
ญ. การที่คนเราเกิดมาพิกลพิการหรือรูปสวยรวยทรัพย
นั้น ลวนเปนผลทั้งสิ้นใชไหม ถาหนูคิดวาใช อะไรเปนเหตุ
ที่ทําใหเปนเชนนั้น
คําถามนี้ยอมกระตุนใหเด็ก ๆ คิดหาทางอภิปรายกัน
อยางกวางขวาง ซึ่งผูใหญอาจจะชวยเสริมขอมูลในลักษณะ
ตั้งคําถามใหคิดบาง ซึ่งในที่สุดก็จะไดขอสรุปลงที่เรื่อง
กฎแหงกรรม ครั้นแลวผูใหญก็เพิ่มคําอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในองคธรรมโลกนี้มี (ที่มา) จริง
ครั้นแลวก็สามารถโยงไปสูเรื่อง โลกหนามี (ที่ไป) จริง
ไดโดยงาย
booksummaForPress.indd 52 27/10/2555 12:18:21
- 53. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕๓
เมื่อเด็ก ๆ เขาใจและยอมรับเรื่องโลกหนามีจริงแลว
ยอมเขาใจเรื่อง นรก-สวรรค ไดโดยงาย และถามีสื่อใหดู
ประกอบคําอธิบายก็จะเขาใจไดงายขึ้นอีก และสามารถโยงไป
ถึงเรื่อง โอปปาติกะ ไดทันที
เมื่อเด็ก ๆ เขาใจองคธรรมทั้ง ๙ โดยปราศจากขอ
กังขาแลว ยอมโยงไปสูองคธรรมขอ ๑๐ คือพระพุทธเจามีจริง
ไดโดยไมยาก เพราะเด็ก ๆ ชาวพุทธทั้งหลายตางก็เคยเห็น
พระพุทธรูป เห็นรูปพระพุทธเจา อีกทั้งเคยไดสวดมนตบูชา
พระรัตนตรัยกันมาแลวทั้งสิ้น
ทั้งหมดนี้ คือ วิธีการสอนใหเด็ก ๆ เขาใจในภาคทฤษฎี
ตอจากนี้ไปก็เปนเรื่องที่ผูใหญจะตองจัดใหเด็ก ๆ ไดทํากิจกรรม
ตาง ๆ ตามองคธรรมที่ไดอภิปรายมาแลว ในเรื่องที่สามารถ
นํามาปฏิบัติไดจริง เชน การตักบาตร การทําสังคมสงเคราะห
ไปทําบุญถวายภัตตาหารพระที่วัด การสวดมนตและการเจริญ
สมาธิภาวนาเปนกิจวัตรทั้งที่บานและที่โรงเรียน
booksummaForPress.indd 53 27/10/2555 12:18:21
- 56. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕๖
หลักการปลูกฝงสัมมาทิฐิ
หลักการปลูกฝงสัมมาทิฐิที่จะกอใหเกิดสัมฤทธิผลนั้น
อาจกลาวสรุปเปนขอ ๆ ไดดังนี้
๑. ตองไมมีการบังคับแตเปนการฝกใหคิดอยางเปน
กระบวนการ จากการเกิดความเขาใจระดับตื้นไปสูความเขาใจ
ที่ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นตามลําดับ จนกระทั่งใจใสสวางเสมือนหนึ่ง
แสงเงินแสงทองผุดขึ้นมาฆากิเลสที่แอบแฝงอยูในใจ
๒. ฝกใหคิดอยางมีเหตุผลโดยใชวิธีอภิปรายตามที่ได
กลาวไวในตอนตนแลว
การคิดอยางมีเหตุผลนั้นมีอยู ๒ ดาน คือ ดานวัตถุ
และจิตใจ สําหรับการปลูกฝงสัมมาทิฐินี้ตองเนนดานจิตใจ และ
ดําเนินตามหลักเกณฑกฎแหงกรรม คือ ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว
เมื่อฝกใหเด็กคิดโดยการอภิปรายกันอยางกวางขวางและ
booksummaForPress.indd 56 27/10/2555 12:18:23
- 57. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕๗
ทั่วถึงแลว ผูใหญตองเปนผูสรุปประเด็นสําคัญใหเด็กเขาใจ
และจดบันทึกไว เพื่อนําไปสูการปฏิบัติตอไป
๓. ขอมูลที่นํามาใหเด็กคิดหาเหตุผลนั้นตองเรียงลําดับ
จากเรื่องงายไปหายาก จากเหตุผลตื้น ๆ ไปสูเหตุผลที่ลึกซึ้ง
เชน การแบงปนอาหารการกิน การแบงปนสิ่งของเครื่องใช
ใหกันระหวางญาติพี่นองหรือเพื่อนฝูง ซึ่งมิไดอัตคัดขัดสน
เชนนี้จัดวาเปนการสรางความรักใครกลมเกลียวระหวางสมาชิก
ของหมูคณะใหแนนแฟนยิ่งขึ้น เปนตัวอยางของเหตุตื้น ๆ
ซึ่งนําไปสูผลคือความสามัคคีระหวางสมาชิกของหมูคณะ
อันเปนจุดมุงหมายขององคธรรมแรกของสัมมาทิฐิ คือ
ทานมีผลจริง
สําหรับการสละแรงกาย สละเงินทอง สละเวลาอันมีคา
เพื่อชวยเหลือคนตกทุกขไดยาก ซึ่งเปนเรื่องที่ทําไดยากกวา
การแบงปน เพราะนอกจากตนจะตองมีความพรอมแลว
ยังจะตองมีนํ้าใจเสียสละอยางสูงอีกดวย นี้ก็เปนตัวอยาง
booksummaForPress.indd 57 27/10/2555 12:18:23
- 58. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕๘
ของเหตุและผลที่ลึกซึ้งขึ้นอีกระดับหนึ่ง อันเปนจุดมุงหมาย
ขององคธรรมที่ ๒ ของสัมมาทิฐิ คือ การสงเคราะหมีผลจริง
อนึ่งการบริจาคทรัพยสินเพื่อทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา
ก็จัดเปนเรื่องการสงเคราะหดวย ซึ่งอานิสงคที่ผูบริจาค
จะไดรับก็คือ ความปลื้มปติใจ ที่จัดเปนเรื่องบุญกุศล ซึ่ง
อาจเปนเรื่องที่เขาใจไดงายสําหรับผูที่คุนอยูกับการสราง
บุญกุศล
มีผูคนไมนอยที่นอกจากจะชอบทําสังคมสงเคราะหและ
ศาสนาสงเคราะหแลวยังชอบชวนผูอื่นมารวมกิจกรรมสงเคราะห
เพื่อสรางบุญกุศลเชนเดียวกับตนอีกดวย ตองถือวาบุคคล
ประเภทนี้มีนํ้าใจสูงสงอยางยิ่ง เพราะมีบทบาทในการพัฒนา
สังคมใหเกิดสันติสุขอยางยั่งยืน สมควรไดรับการยกยองจาก
สังคม เปนจุดมุงหมายขององคธรรมที่ ๓ ของสัมมาทิฐิคือ
การบูชายกยองมีผลจริง
booksummaForPress.indd 58 27/10/2555 12:18:24
- 59. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๕๙
เมื่อเด็กมีความเขาใจเรื่อง ทานมีผลจริง การสงเคราะห
มีผลจริง และการบูชายกยองมีผลจริง ครูก็ควรสรุปโดยโยง
เขามาสูองคธรรมที่ ๔ ของสัมมาทิฐิ คือ ทําดีไดดี ทําชั่วได
ชั่วหรือกฎแหงกรรม พรอมทั้งนอมนําใหเด็กตั้งมโนปนิธาน
ที่จะยึดเปนหลักปฏิบัติในชีวิตตลอดไป ดวยเชื่อมั่นวานอกจาก
เปนการทําดีแลวยังเปนการสรางบุญกุศลที่จะนําความสุข
ความเจริญมาสูชีวิตตนอีกดวย
สวนขอมูลที่จะนํามาใหเด็กคิดหาเหตุผลสําหรับเรื่อง
โลกนี้และโลกหนานั้น ผูใหญอาจจะชี้นําใหเด็กคิดตามก็ไดวา
ขณะที่คนเราโกรธหนาตาจะไมสวยเลย ดังนั้นคนที่มีนิสัย
หงุดหงิด โกรธงาย โกรธบอย ๆ โกรธทั้งวัน หนาตาก็จะไม
สวยทั้งวัน ถาโกรธทั้งปก็จะไมสวยทั้งป ดังนั้นคนที่มักโกรธ
จนเปนนิสัยหนาตาของเขาก็จะไมสวยตลอดชีวิต พรอมกันนั้น
นิสัยมักโกรธก็จะติดตัวเขาขามชาติไปอีกดวย
booksummaForPress.indd 59 27/10/2555 12:18:24
- 60. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๖๐
ในทํานองกลับกันคนที่มีอารมณดีไมโกรธงาย เมื่อถูก
ผูอื่นลวงเกินก็ไมโกรธยอมใหอภัย คนประเภทนี้ยอมมีหนาตา
แชมชื่น เบิกบาน ยิ้มแยมแจมใส สดชื่นสวยงาม แมหนาตา
จะไมไดสวยมากนัก แตก็สวยกวา นามอง นาเขาใกลกวาคน
มักโกรธทั้งวัน คนที่อารมณดีเปนนิสัย นิสัยนี้ก็จะติดตัวเขา
ขามชาติไปอีกดวย
จากขอมูลที่ยกมานี้ ผูใหญพึงสรุปใหเด็กเห็นวานิสัยทั้ง
ดีและไมดี จะติดตัวคนเราตลอดไปทุกภพทุกชาติ ดังนั้น ถาเรา
มีนิสัยไมดีจําเปนตองแกไขและกําจัดใหหมดสิ้นไป ทั้งนี้เพราะ
นิสัยคือตนเหตุแหงการกระทําตาง ๆ หรือกรรมของเรา ถาเรา
มีนิสัยไมดี เราก็มักจะทํากรรมชั่วหรือเรียกวาบาป และบาปนี้ก็
จะติดตัวเราไปตลอดเชนเดียวกับนิสัย ตราบใดที่เราทําบาป
หรือทําชั่ว เราก็จะไดชั่วหรือไดทุกข หาความสุขไมได แตถา
เรามีนิสัยดี เราก็จะชอบทํากรรมดี หรือเรียกวาบุญ และบุญนี้
booksummaForPress.indd 60 27/10/2555 12:18:24
- 61. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๖๑
ก็จะติดตัวเราไปตลอดเชนเดียวกับนิสัย ตราบใดที่เราทําบุญ
หรือทําดี เราก็จะไดดีหรือมีความสุขเสมอ
จากบทสรุปตรงนี้ ครูก็จะสามารถโยงมาสูเรื่องกฎ
แหงกรรม เรื่องโลกนี้มี(ที่มา) จริง และโลกหนา(มีที่ไป) จริง
ใหเด็กเขาใจไดโดยงาย
เกี่ยวกับขอมูลที่จะนํามาใหเด็กคิดหาเหตุผลเกี่ยวกับ
พระคุณของมารดาบิดานั้น ครูควรระมัดระวังการตั้งคําถาม
ที่จะนําไปสูการอภิปรายเพื่อใหไดคําตอบในเชิงบวก ทั้งนี้
เพราะเด็กแตละคนมาจากสภาพครอบครัวตลอดจนคุณสมบัติ
ฐานะทางเศรษฐกิจและฐานะทางสังคมของพอแมที่แตกตาง
กัน ซึ่งอาจจะทําใหเด็กมีทัศนคติตอพอแมของตนแตกตางกัน
อยางไรก็ตามครูจะตองควบคุมการอภิปรายของเด็กใหอยูใน
ขอบเขตที่วา พอแมทุกคนมีพระคุณตอบุตรและพระคุณที่สําคัญ
มีอยู ๓ ประการ คือ
booksummaForPress.indd 61 27/10/2555 12:18:24
- 62. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๖๒
๑. เปนผูใหชีวิตลูก
๒. เปนตนแบบกายมนุษยใหลูก
๓. เลี้ยงดูบุตรดวยความรักและปรารถนาดีตอ
ลูกโดยไมหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ
นอกจากความกตัญูรูคุณ หากมีเด็กคนใดแสดง
ความคิดเห็นในเชิงลบตอพอแม ครูจะตองพยายามพลิก
ความคิดเห็นของเขาใหเปนเชิงบวกโดยเร็ว เชน ถาเด็กบางคน
กลาววาไมรักแมเพราะแมชอบทุบตีเขา ครูก็ตองรีบถามใหเขา
คิดหาสาเหตุที่ถูกแมทุบตีทันที เพื่อใหเขาคิดหาความผิด
ความบกพรอง หรือความเลวรายของตน แลวปรับปรุงแกไข
ตนเองใหดีขึ้นเพื่อจะไดไมถูกแมทําโทษอีก พรอมกันนั้น ก็ตอง
ตอกยํ้าเรื่องพระคุณของพอแมทั้ง ๓ ประการ ดังกลาวแลว
พรอมทั้งสอนใหเด็กแสดงความกตัญูรูคุณ ดวยการกราบไหว
พอแมกอนเขานอนทุกคืน กอนไปโรงเรียนและเมื่อกลับถึงบาน
ทุกวัน ยอมจะชวยใหเขามีทัศนคติที่ดีตอแม
booksummaForPress.indd 62 27/10/2555 12:18:25
- 63. ÊÑÁÁÒ·Ô°Ôã¹Ç§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
๖๓
สําหรับองคธรรมขอ ๙ และ ๑๐ ของสัมมาทิฐิซึ่ง
ไดอธิบายไวในตอนตนแลว คงเปนเรื่องเขาใจงายจึงไมจําเปน
ตองกลาวซํ้าอีก
๔. ปจจัยสงเสริมสัมฤทธิผลของการอบรม การปลูกฝง
สัมมาทิฐิจะเกิดผลสัมฤทธิ์อยางแทจริงนั้น ตองประกอบดวย
องค ๓ คือ
๑) เด็ก ๆ ที่รับการอบรมมีอารมณดี ปจจัยที่
จะทําใหคนเรามีอารมณดีอาจมีหลายประการ เชน รางกาย
แข็งแรงไมปวยไขไมหิวโหยไมถูกบังคับขูเข็ญและการมีโอกาส
ทําสมาธิกอนรับการอบรมก็จะชวยใหอารมณดี
๒) สิ่งแวดลอมดี ซึ่งประกอบดวยองค ๓ คือ
๒.๑ สถานที่อบรมสะอาด
๒.๒สถานที่อบรมและผูเขารับการอบรมมีความ
เปนระเบียบเรียบรอยปราศจากเสียงอึกทึกครึกโครม
booksummaForPress.indd 63 27/10/2555 12:18:25