Contenu connexe
Similaire à ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอีสาน2
Similaire à ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอีสาน2 (20)
Plus de teacherhistory (6)
ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอีสาน2
- 3. การใช้หลักฐานโบราณคดีในการศึกษา
ประวัติศาสตร์ทองถิ่น
้
โบราณวตถุ การขุดคน
โบราณวัตถ / การขดค้น
โบราณสถาน / การขดแต่ง
การขุดแตง
ศลาจารก
ศิลาจารึก
บันทึึกการเดิินทาง
ั
ลักษณะรูปแบบศิลปะโบราณวัตถุสถาน
โ
- 6. อดีตอีสาน
จากหลักฐานโบราณคดีแบ่งได้เป็ น 4 สมัยทางวัฒนธรรม
ฐานโบราณคดี
วัฒนธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณ 1,000 – 14,,000 ปี ที่ผ่านมา
14
วัฒนธรรมสมัยทวารวดี
วฒนธรรมสมยทวารวด ประมาณพุทธศตวรรษท่ 12 - 16
ประมาณพทธศตวรรษที
วัฒนธรรมแบบเขมรในประเทศไทย ประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 - 18
ั ใ ป ไ
วัฒนธรรมสมัยล้านช้าง - อยุธยา ตัง้ แต่พุทธศตวรรษ 19 เป็ นต้นมา
- 7. คนอีสานสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ในสังคมแบบนายพราน
นับตังแต่เมื่อประมาณ 15,000 ปี ที่ผ่านมา เป็ นช่วงเวลาที่ คนอีสาน
้ เมื 15,
ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์มีวิถีชีวิตแบบสังคมเร่ร่อน ยังชีพด้วยการ
แบบสั
หาอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
- 8. คนอีสานสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ในสังคมแบบเกษตรกรรม
จนถึงช่วงประมาณ 5,600 ปี ที่ผ่านมา คนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ใน
นประวั
ภาคอีสานจึงเริ่มอย่ าศัยเป็ นหลักแหล่ง มวถชวตแบบสงคม
ภาคอสานจงเรมอยู
ภาคอสานจงเรมอยูอาศยเปนหลกแหลง มวถชวตแบบสังคม
อี มีวิถีชีวิตแบบสงคม
เกษตรกรรม รูจกทําการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ หล่อโลหะ
้ ั
- 9. คนอีสานสมัยก่อนประวัติศาสตร์
คนสมัยก่อนประวัติศาสตร์มีการประกอบพิธีกรรม บวงสรวง
บูชาในอํานาจเหนื อธรรมชาติ มุ่งหวังในความอุดมสมบูรณ์ มีการ
กําหนดพื้นที่ศกดิ์สิทธิ์ เชอเรองจตวญญาณและโลกหลงความตาย
กาหนดพนทศกดสทธ เชื่อเรื่องจิตวิญญาณและโลกหลังความตาย
ั
มีการอุทิศสิ่งของเครื่องใช้ให้แก่คนตายในหลุมฝังศพ
- 12. โครงกระดู
โครงกระดูกคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ทีี่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีี คืือหลักฐานสํําคัญทีีนํามา
บจากการขุ ้ โ ั ฐานสํ ั
ใช้อธิบายเกี่ยวกับความเชื่ อ วถชวตของผูคนในอดต
ใชอธบายเกยวกบความเชอ วิถีชีวิตของผ้ นในอดีต
ใชอธิอธบายเกยวกบความเชอ
- 17. การหล่อโลหะ สําริด
กําไลข้อมือ ข้อเท้า ที่หล่อจากสําริด
กําไลข้อมือหล่อจากสําริดใส่ซอน
้
หลายวงตลอดช่วงแขน
- 20. ความสําคัญของแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
วัฒนธรรมบ้านเชีียง ทีี่พบในภาคอีีสาน
ั ้ ใ
เป็ นวัฒนธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่เป็ นสังคม
เกษตรกรรม ที่มีอายเก่าที่สดแห่งหนึ่ งในภมิภาคเอเชย
ทมอายุเกาทสุดแหงหนงในภูมภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉี ยงใต้ ที่มีอายุุไม่นอยกว่า 5,600 ปี ที่ผ่านมา
้ ,
เป็ นชุมชนสมัยก่่อนประวัติศาสตร์ท่ีมีความก้าวหน้า
ป็ ั ป ั ์ ้ ้
ด้านโลหะกรรม และการปลกข้าวที่มีอายเก่าแก่ไม่นอยกว่า
ดานโลหะกรรม และการปลูกขาวทมอายุเกาแกไมนอยกวา ้
แหล่งอารยธรรมแห่งอื่นๆของโลก หรืออาจจะเก่ามากกว่า
- 32. คนอีสานสมัยทวารวดี
เมื่อถึงประมาณพทธศตวรรษที่ 12 – 16 ผ้คนในภาคอสาน
เมอถงประมาณพุทธศตวรรษท ผู นในภาคอีสาน
ได้พฒนาวิถีชีวิตไปสู่การเป็ นสังคมเมือง ในวัฒนธรรมแบบ
ั
ทวารวดีี
เมืองโบราณสมัยทวารวดี มลกษณะผงเมองเปนคูน้าคนดน
เมองโบราณสมยทวารวด ั
เมองโบราณสมยทวารวด มีลกษณะผังเมืองเป็ นคนําคันดิน
งโบราณสมั
ล้อมรอบเนิ นดินที่อยู่อาศัย
มีีการรับวัฒนธรรมและคติิความเชื่ื อทีี่เนืื่ องในศาสนาทีี่มี
ั ั ใ
แบบแผน มาจากอินเดีย โดยเฉพาะมีการนับถือพุทธ ุ
ศาสนาเป็ นศาสนาหลักของชุมชน
- 33. วัฒนธรรมแบบทวารวดี
ในบริเวณลุุ่มแม่มล-นํ้าชี
ู
การเริ่มต้นประดิษฐานพุทธศาสนาในภาคอีสาน
บ้านเมืองในสังคมสมัยทวารวดีในลุุ่มแม่มล-นํ้าชี
ู
เมืองฟาแดดสงยาง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ ์ เมืองเสมา
้
อ.สูงเนน จ.นครราชสมา บานชทวน อ เขื่องใน จ.อุบลราชธาน
อ สงเนิ น จ นครราชสีมา บ้านชีทวน อ.เของใน จ อบลราชธานี
บ้านตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร ฯลฯ
- 45. ร่องรอยสถูปเจดียท่ีพบบริเวณเมืองโบราณ
์
เมองฟาแดดสงยางมลกษณะของการเปนพระมหาธาตุเจดย
เมืองฟาแดดสงยางมีลกษณะของการเป็ นพระมหาธาตเจดีย ์ และ
้ ั
เป็ นพื้นที่ศกดิ์สิทธิ์ตามคติพุทธศาสนาแบบเถรวาท
ั
- 47. กุลาวกชาดก
เตมยชาดก
เตมียชาดก
์ ภริฑตชาดก
ภูรฑตชาดก
ั
ใบเสมาที่มีภาพสลักเล่าเรื่องในชาดก เพื่อสื่อความหมายถึงการสังสม
ใบเสมาทมภาพสลกเลาเรองในชาดก เพอสอความหมายถงการสงสม ่
และบําเพ็ญบุญบารมีที่นําไปสู่การเป็ นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- 48. วฒนธรรมเขมร
วฒนธรรม ขมร
วัฒนธรรมเขมร
แพร่่อิทธิิพลมาถึึงชุมชนโบราณในบริิเวณภาคอีีสาน
โ ใ
ตลอดทงลุมแมนาโขง แมนามูล และแมนาชีตงแต่
ตลอดทังล่ แม่นํ้าโขง แม่นํ้ามล และแมนาชตงแต
้ และแม่นํ้าชตงแต
ั้
ประมาณพทธศตวรรษที14 โดยเฉพาะวั
ประมาณพทธศตวรรษที่14 – 18 โดยเฉพาะวัฒนธรรม
ประมาณพุทธศตวรรษท
ธศตวรรษท โดยเฉพาะวฒนธรรม
วฒนธรรม
ที่เนื่ องในศาสนาฮินดูและพุทธศาสนานิ กายมหายาน
งในศาสนาฮิ ู ละพุุ
- 49. อีสานสมัยวัฒนรรมแบบเขมร
เมื่อถึงประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 – 18 อิทธิพลวัฒนธรรม
ุ
เขมรจากเมืองพระนคร แพร่เข้ามาสู่บริเวณภาคอีสาน
ตลอดทังลุ่มแม่นํ้าโ แม่น้ํามูล และแม่น้ําชี
้ โขง
มีการสร้างเทวาลัยเพื่อการอทิศถวายเทพเจ้าตามคติใน
มการสรางเทวาลยเพอการอุทศถวายเทพเจาตามคตใน
ศาสนาฮินดูู และการสร้างวัดในพุทธศาสนานิ กายมหายาน
ุ
ให้เป็ นพื้นที่ศกดิ์สิทธ์ที่มีความหมายว่าเป็ นศูนย์กลาง
ั
จักรวาล และเป็ นศูนย์กลางชุมชน และเป็ นพื้นที่แห่งการ
สรางบุญกรยา ที่นําไปส่ ารหลุดพน คอนพพาน หรอ
สร้างบญกิริยา ทนาไปสูการหลดพ้น คอนิ พพาน หรือโมกษะ
คือนพพาน หรอโมกษะ
- 53. ศิลาจารึกภาษาสันสกฤต
อายุราวพุทธสตวรรษที่
12-13 14-15 พบท อ.โขงเจยม จ.อุบลราชธาน บานดงเมองเตย
12 13 , 14 15 พบที่ อ โขงเจียม จ อบลราชธานี บ้านดงเมืองเตย อ.คา
อ คํา
เขื่ อนแก้ว จ.ยโสธร และที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น มีพระนาม พระเจ้า
จิตรเสน / มเหนทรวรมัน อิทรวรมัน ยโศวรมัน หรรษวรมัน ทรงสร้างบุญ
กิริยาด้วยการสร้างเทวาลัยในศาสนาฮินดู และพระอารามในพุทธศาสนา
- 54. ประมาณพุทธศตวรรษที่ 14
สมยพระเจาอนทรวรมน
ส ั จ้ ิ ั
วัฒนธรรมเขมรเข้าครอบครอง
ถึงบริเวณลุ่มแม่นํ้ามูล แม่นํ้าชี
ปราสาทบ้านเมืองเตย อ.คําเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ึ ื ศั ป ื ิ
ถงเมองศงขปุระคอบรเวณ
อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร จนถึง
ราวพุทธศตวรรษที่ 17 ในสมัย
พระเจ้าสุริยวรมันทีี่ 1 เทืือกเขา
้ ั
พนมรุงคือที่ตงต้นราชวงศ์
ุ้ ั้
มหิธรปุระ โดยเรียกชื่อพื้นที่นน ั้
ว่่า กษิิ ตีนทรคราม
ปราสาทพนมรุง จ.บุรรมย์
้ ีั
- 55. ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-
17 สมัยพระเจ้าหิิรณยวรมัน
ั ้ ั ั
และพระเทวหรณยลกษม
และพระเทวีหิรณยลักษมี
ั
วัฒนธรรมเขมรเข้า
ครอบครองถึงบริเวณลุ่ม
แมนามูล แมนาช คือที่ตงต้น
แม่นํ้ามล แม่นํ้าชี คอทตงตนั้
ราชวงศ์ มหิธรประ ที่เมือง
ราชวงศ มหธรปุระ ทเมอง
กษิ ตีนทรคาม เชื้อพระวงศ์ท่ี
สืบต่อมาคือ กษิ ตินทราทิตย์
สุริยวรมันที่ี 2 ชัยวรมันทีี่7
ั ั ั
- 56. แนวคิดสําคัญในการสร้างปราสาท
ในวัฒนธรรมเขมร
1. สร้างปราสาทบนฐานเตี้ยๆ/บนพื้นที่ราบ
สรางปราสาทบนฐานเตยๆ/บนพนทราบ
เพื่ออทิศถวายบรรพบุรษ บรรพสตร
เพออุทศถวายบรรพบรษ บรรพสตรีุ
2. สร้างปราสาทบนฐานสง/บนภเขา เพื่ออทิศ
ฐ ู ู ุ
ถวายเทพเจ้า หรือพระพุทธเจ้า
3. ขุดสระนํ้า “ บาราย ” ให้มีความหมายว่า
เป็็ นแหล่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากสวรรค์์
- 58. จักรวาลมณฑล / ปั ญจบรรพตแห่งเขาพระสุเมรุ
ป.พระวิหาร / ภวาลัยบรรพต (บนเทือกเขาพนมดงรัก)
เหนื อ
ป.วัดภู/
ป.พนมสันดัก/
พนมสนดก/
พนมสนดก ลงคบรรพต
ึ
พนมจิสอร์ ตก เมืองยโศธรปุระ / ออก
เมืองพระนคร (เมืองจําปาสัก/ลาว)
ลาว)
(ใ เมืองพระตะบอง,
ใกล้ งพระตะบอง, พนมบาแค็ง / ยโศ
ศรีโสภณ ) ธรคีรี
ใต้
ป.พนมกรอม/พนมบก (ใกล้กบตวลเลสาป)
พนมกรอม/ ั ตวลเลสาป)
- 60. ภููเขาในความหมายของ
เขาพระสุเมรุ
เขาพระสเมร
ที่เป็ นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาล
ตามคติในศาสนาฮินดู และพุทธศาสนา
- 62. แม่นํ้าในความหมายของ
สายนํ้าศักดิ์สิทธิ์
สายนาศกดสทธ
คือชัยสินธุธาราที่ไหลมาจากสวรรค์
ในลักษณะของการเป็ นแม่นํ้าแห่งจักรวาล
- 64. ปราสาทวัดภู / เศรษฐปุระ / ลึงคบรรพต
สถาปนาขนโดยพระเจาเศรษฐวรมน แห่งอาณาจักรเจนละ
สถาปนาขึ้นโดยพระเจ้าเศรษฐวรมัน แหงอาณาจกรเจนละ
ปั จจุบนอยู่ในแขวงเมืองจําปาสัก สปป.ลาว
ั
- 65. องค์ศิวลึ งค์ รูปสัญลักษณ์
แทนองค์พระศิวะ /
พระอศวร
พระอิศวร
ตามคติในศาสนาฮินดู หรือ
ศาสนาพราหมณ์ ที่ได้รบการ
ั
สถาปนาเปนประธานประจา
สถาปนาเป็ นประธานประจํา
เทวาลัยในลัทธิเทวราชาทุกแห่ง
- 66. โบราณสถานดงเมืองเตย ที่ อ.คําเขื่ อนแก้ว จ.ยโสธร
เทวาลยศาสนาฮนดู ศูนยกลางจกรวาล ประจําเมืองศังขประ
เทวาลัยศาสนาฮินด ศนย์กลางจักรวาล ประจาเมองศงขปุระ
แห่งอาณาจักรเจนละ อายุราวพุทธศตวรรษที่12 -13
- 68. ประติมากรรมรูปสิงห์ทวารบาล
ที่เทวาลัยบ้านเมืองเตย
สญลกษณของผู ุ ้ ครองระหวาง
สัญลักษณ์ของผ้คมครองระหว่าง
แดนมนุษย์ กับต้นทางเข้าสู่แดน
สวรรค์ คือป่ าหิมพานต์ และเขา
พระสเมรที่เป็ นศนย์กลางจักรวาล
พระสุเมรุทเปนศูนยกลางจกรวาล
- 70. หอพระพิฆเณศ หอพระอิศวร หอพระนารายณ์
ปราสาทบ้านเบญ และปราสาททองหลาง ท่ อ.เดชอดม
ปราสาทบานเบญ ที อ.เดชอุดม
มีความหมายว่าเป็ นเทวาลัยสถานศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู
ที่เป็ นศูนย์กลางจักรวาล และเป็ นหอสังเวยเทพเจ้าประจําเมือง
- 73. อโรคยศาล / อโรคยศาลา
โ โ
พื้นที่แห่งการประกอบบุญกิริยาที่ย่ิ งใหญ่
ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
พระมหากษัตริยที่ได้รบการยกย่องให้เป็ นมหาราช
์ ั
องค์สดท้ายแห่งราชอาณาจักรเขมรโบราณ
ุ
- 74. จากจารกปราสาทตาพรหม
จากจารึกปราสาทตาพรหม
พระเจ้าชัยวรมันที่7 ทรงนับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน โดย
เชื่ือว่่าพระองค์คือ ”พระโพธิิสตว์” ที่ีจุติมาเป็ นพระมหากษัตริิย ์
์ โ ั ์ ป็ ั
ที่เป็ น “ ธรรมราชา” เพื่อมาช่วยสรรพสัตว์ ได้ขามสังสารวัฏ
ทเปน ธรรมราชา เพอมาชวยสรรพสตว ไดขามสงสารวฏ ้
ให้พนทุกข์
้
ด้วยการสร้างบุญกิริยามหากุศลที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์คือโปรด
ให้สร้าง “ อโรคยศาลา ” ให้เป็ นพระอาราม และเปนสถานท่
ใหสราง ใหเปนพระอาราม และเป็ นสถานที
ในการรักษาโรค จํานวน 102 แห่ง ในทุกย่านชุมชน ทัวพระ ่
ราชอาณาจักร และบ้านเมืองในขอบขัณฑสีมา
- 80. +
บริเวณอาคารที่พกผูป่วย
ั ้ น
1.อาคารสุขตาลัย
4.กําแพงแก้ว 5.สระนํ้ า/บาราย
2.อาคารบรรณาลย
2 อาคารบรรณาลัย
3.โคปุระ
ภาพวาดแผนผังบริเวณอโรคยศาล
ที่สร้างตามคติพุทธศาสนา นิ กายมหายาน
- 81. พระไภษัชยคุรไวฑูรย
ุ
ประภาตถาคตพุทธเจ้า
ตามคติพทธศาสนานิ กาย
ุ
มหายาน คือพระพุทธเจ้าผู ้
เป็ นแพทย์ ทําหน้าที่รกษา
เปนแพทย ทาหนาทรกษา ั
โรคภัยไข้เจ็บให้แก่สรรพ
สัตว์ทงหลาย ทรงถือผอบ
ั้
โอสถหรืือสมุนไพรเพื่ือใ ใน
โ ไ ใช้้
การรกษาโรค
การรักษาโรค
- 82. พระโพธสตว
พระโพธิสตว์
ั
วัชรปาณี ทรงครุฑ
ุ
พบภายในอาคารบรรณาลัย
ของอโรคยศาล กู่แก้วอาจมี
ความหมายถงพุทธเทพแหง
ความหมายถึงพทธเทพแห่ง
แสงสว่างหรือผูให้กาเนิ ด
้ ํ
ชีวิต
- 85. โบราณสถานแบบเขมร
ในภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อของประเทศไทย
ที่สร้างขึ้ นตามคติอโรคยศาล
ปราสาทนางรํา อ.ประทาย จ.นครราชสีมา
ปราสาทตาเหมืือนโต๊จ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์์
ป โ ๊ ั
ปราสาทสระกาแพงนอย อ.เมือง จ.ศรสะเกษ
ปราสาทสระกําแพงน้อย อ.เมอง จ.ศรีสะเกษ
กู่พนนา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ั
ปรางค์กู่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด
ฯลฯ
- 87. วัฒนธรรมแบบล้านช้าง
วฒนธรรมแบบลานชาง
้ ่ ่
แพร่อิทธิพลครอบคลุมทังฝังซ้ายและฝังขวาลุ่มแม่น้ําโขง
ตังแต่ราวพุทธศตวรรษที่ี 19 เป็ นต้นมา
้ ป็ ้
โดยมี
โ ีพุทธศาสนานิิ กายเถรวาท แบบลังกา เป็ นศาสนา
แบบลัั ป็ นศาสนา
หลักของชมชน
หลกของชุมชน
- 88. อสานสมยวฒนรรมลานชางและอยุธยา
อีสานสมัยวัฒนรรมล้านช้างและอยธยา
นับตังแต่่พุทธศตวรรษที่ี 19 เป็ นต้นมา พุทธศาสนา
ั ั้ ป็ ้
นิ กายเถรวาทจากลังกา ที่มีลกษณะเป็ นศาสนาของมหาชน
นกายเถรวาทจากลงกา ทมลกษณะเปนศาสนาของมหาชน
ั
ก็ได้รบการยอมรับอย่างแพร่หลายในราชอาณาจักรล้านช้าง
ั
รวมทังในภาคอีสาน โดยมีการสร้างอานิ สงส์ดวยการสร้าง
้ ้ ยการสร้
พระมหาธาตุเจดย
พระมหาธาตเจดี
พระมหาธาตเจดีย ์
มหาธาตุ
ความหมายของพระมหาธาตุเจดีย ์ ตามคติพทธ ุ
ศาสนาเถรวาทแบบลังกา คือเจดียจุฬามณี ที่อยู่บนสวรรค์
์
ชันดาวดึงส์ คือพื้นที่ศกดิ์สิทธิ์แห่งการแสวงบญ พื้นที่แห่ง
้ ั ญ
ุ
การข้ามสังสารวัฏ และการหลุดพ้น
- 89. คติการสร้างพระมหาธาตุุเจดีย ์
ให้เป็ นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์
ใหเปนศาสนสถานศกดสทธ
เปนศูนยกลางของบานของเมอง
เป็ นศนย์กลางของบ้านของเมือง
เป็ นความเชื่อตามคติในพทธศาสนา นิ กายเถรวาท
เปนความเชอตามคตในพุทธศาสนา นกายเถรวาท
ที่มีตนแบบมาจากลังกา และให้อิทธิพลแก่
้
พุทธศาสนิ กชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
ตังแต่่ราวพุทธศตวรรษที่ี 19 เป็ นต้นมา และเป็ น
ั้ ป็ ้ ป็
ความเชื่อที่ได้รบการยอมรับมาจนถึงปั จจบัน
ความเชอทไดรบการยอมรบมาจนถงปจจุบ
ั
- 90. การสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามคติในพุทธศาสนา
ุ
นิ กายเถรวาท แบบลังกา ที่สําคัญมี 4 ประการ
1. การสร้างสถปเจดียท่ีประดิษฐาน
ู ์ ฐ
พระบรมสารีริกธาตุ และรวมถึงสถูปเจดีย ์
ที่เกี่ยวกับพระพุทธองค์
2. การสร้างรอยพระพุทธบาท
้
3. การบชาต้นศรีมหาโพธิ์
การบูชาตนศรมหาโพธ
4. การสร้างพระพุุทธรูปเป็ นพุุทธบูชา
ู ู
- 91. การปรับเปลี่ ยนเทวาลัยในศาสนาฮินด
การปรบเปลยนเทวาลยในศาสนาฮนดู
ที่เคยสร้างไว้ในวัฒนธรรมเขมร
ทเคยสรางไวในวฒนธรรมเขมร
และสถปเจดียโบราณที่ถกทงราง
และสถูปเจดยโบราณทถูกทิ้งร้าง
์
ใหเปนสถูปเจดยในพุทธศาสนาในลกษณะของพระ
ให้เป็ นสถปเจดียในพทธศาสนาในลักษณะของพระ
์
มหาธาตุเจดียท่ีเป็ นพื้นที่ศกดิ์สิทธิ์ท่ีเป็ นศูนย์กลาง
์ ั
ชุมชน เช่น :- พระธาตุพนม พระธาตุเชิงชุม พระ
ธาตุพนขัน พระธาตุญาคู
ั
- 93. แผนที่แสดงตําแหน่ งที่ตงองค์เจดียพระธาตุพนม
ั้ ์
ในบริเวณที่แม่นํ้าสามสาย คือ แม่นํ้าโขง ลํานํ้ากํา และลํานํ้าเซบังไฟไหลมาบรรจบกันที่
่ ้ ไฟไหลมาบรรจบกั
อําเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
เภอธาตุ
จ.นครพนม
ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ประเทศไทย
พระธาตุพนม
่
ลํานํ้ ากํา
จ.มุกดาหาร
- 96. การสร้าง“ตํานาน”ผ่านโบราณวัตถุสถาน เพื่อ
ุ
อธิบายความเป็ นมาของบรรพชน
ผูคนในท้องถิ่นที่ “มีชีวิต”อยู่ในช่วงระยะเวลาที่ยอนไปไม่ไกล ได้สร้าง
้ ้
ตํานานเล่าเรื่องโบราณสถานที่ถกทิ้ งร้างอยู่ในแต่ละท้องถิ่นให้มี
ู
ความสัมพันธ์เข้ากับคนในท้องถิ่น เพื่อแสดงถึงการมีอย่ของผ้คนที่
ความสมพนธเขากบคนในทองถน เพอแสดงถงการมอยู องผู นท
เป็ นบรรพบุรษ ว่าเป็ นกลุ่มคนที่มีวฒนธรรม และมีประวัติศาสตร์การ
ุ ั
ตังถิ่นฐานมาแล้วในอดีตที่ยอนไปได้อย่างยาวนาน
้ ้
- 97. พระธาตุภเู พ็ก จ.สกลนคร
พระธาตุนารายณ์์เจงเวง
จ.สกลนคร
พระธาตุพนม จ.นครพนม
พระธาตุเชิงชุม จ.
พระพุทธบาทบวบกั สกลนคร
พระธาตุขามแก่น จ. พระธาตุบงพวน
ั จ.
จ.อุดรธานี
ขอนแก่น หนองคาย
- 98. “ เมืองจัมปาศรี ” เมืองในวัฒนธรรมเขมร-ลาว
ชื่อเมืองจัมปาศรีในตํานาน มีโครงเรื่องหลักอธิบายถึงกลุ่มราชวงศ์
ชนเผ่าลาวจากเมืองจําปาศักดิ์ ที่สืบเชื้อสายมาจากอาณาจักรเขมร
ชนเผาลาวจากเมองจาปาศกด ทสบเชอสายมาจากอาณาจกรเขมร
โบราณ พากันมาสร้างเมือง ชื่อ “นครจัมปาศรี” อยู่ท่ีบริเวณท้อง
ทุ่งริมทะเลสาบที่มีความอุดมสมบูรณ์
- 100. พระธาตุพนม
ทิพยปัทม (กอนบูรณะ)
(ก่อนบรณะ)
(ดวงปลี / บัวเหลี่ยม) ลายดอกไม้ทรงกลมประดับบน
สวนยอดเจดย ์ มความหมายถง
่ ี ี ึ
“ดอกมณฑารพ” ดอกไม้
ศักดิิ์สิทธิิ์จากสวรรค์ร่วงโปรยลง
ั ์ โป
มาเพื่อถวายเป็ นพุทธบูชา พระ
ดอกมณฑารพ อุรงคธาตุ
ั
ส่วนยอดเจดียเ์ ป็ นรูปดวงปลี
พุทธวิมาน หรือดอกบัวเหลี่ยม คือรูป
สัญลักษณ์ของ”ทิพยปั ทม”
หรือดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ที่ประทับ
ขององค์อนาคตพทธเจ้าที่จะลง
ุ
มาตรัสรูในกาลข้างหน้า
้
- 101. พระธาตุพนม
พระมหาธาตเจดียท่ีประดิษฐาน
พระมหาธาตุเจดยทประดษฐาน์
พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็ น
พระอุรงคธาตุ
ั
และเป็ นพื้นที่ศกดิ์สิทธิ์แห่งการแสวงบญ
และเปนพนทศกดสทธแหงการแสวงบุญ
ั
ของมหาชนมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
- 102. ฉัตราวลี
พระธาตุพนม
(บูรณะ พ.ศ.2483- 2484)
ได้้ ี
ไ มการสร้้ างยอดเจดีย์ครอบยอดเจดีย์
ี ี
ลายพุ ขาวบณฑ
ลายพ่มขาวบณฑ
ข้าวบิณฑ์
วบิ องค์ เดิม และเปลียนยอดเจดีย์ทรงดวง
่
ปลี ให้ เป็ นยอดฉัตรทีเ่ รียกว่ า “ฉัตรา
วลี”ตามคตินิยมแบบไทย ซึ่งเป็ น
สั ญลักษณ์ ของการเป็ น ธรรมิกราชา
สวนลายดอกมณฑารพ ไดเปลยนใหเปน
ส่ วนลายดอกมณฑารพ ได้ เปลียนให้ เป็ น่
ลายทรงพุ่มข้ าวบิณฑ์ ซึ่งเป็ นลวดลายที่
มีทมาจากเจดีย์ ทรงพุ่มข้้ าวบิิณฑ์ ทีี่
ี ี่ ี
ได้ รับการยกย่ องว่ าเป็ นเจดีย์ทความงาม
ี่
เป็ นยอดของศิลปะไทยสมัยสุ โขทัย
- 104. มีการจัดงานประเพณี พิธีกรรมในบริเวณแหล่งโ
ใ โบราณสถาน
อย่างหลากหลายเพื่อให้ชาวบ้านประกอบบญกิริยา ทงทาบุญบรจาค
อยางหลากหลายเพอใหชาวบานประกอบบุญกรยา ทังทําบญบริจาค
้
ทาน เสี่ยงโชคปล่อยนก ปล่อยปลาเพื่อสะเดาะเคราะห์ ฯลฯ