Contenu connexe
Similaire à สมุนไพรไทยน่ารู้ (20)
สมุนไพรไทยน่ารู้
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2558
ชื่อโครงงาน สมุนไพรไทยน่ารู้
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว ธัญญลักษณ์ จันทร์ใหม่ เลขที่ 6 ชั้น ม.6 ห้อง 3
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว ธัญญลักษณ์ จันทร์ใหม่ เลขที่ 6
ชื่อโครงงาน : สมุนไพรไทยน่ารู้
ชื่อโครงงาน : Thailand Herbs
ประเภทโครงงาน : โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน : นางสาว ธัญญลักษณ์ จันทร์ใหม่
ระยะเวลาดาเนินงาน : 1 สัปดาห์
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
พืชสมุนไพร เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมานับพันปี แต่เมื่อการแพทย์แผนปัจจุบันเริ่มเข้ามามีบทบาทในบ้านเรา
สรรพคุณและคุณค่าของสมุนไพรอันเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าภูมิปัญญาโบราณก็เริ่มถูกบดบังไปเรื่อยๆและถูกทอดทิ้ง
ไปในที่สุด ความจริงคนส่วนใหญ่ก็พอรู้ๆกันว่าสมุนไพรไทยเป็นสิ่งที่มีคุณค่าใช้ประโยชน์ได้จริงและใช้ได้อย่าง
กว้างขวาง แต่เป็นเพราะว่าเราใช้วิธีรักษาโรคแผนใหม่มานานมากจนวิชาแพทย์แผนโบราณที่มีสมุนไพรเป็นยา
หลักถูกลืมจนต่อไม่ติด
พืชสมุนไพร เป็นพืชจากธรรมชาติที่มนุษย์รู้จักนามาใช้ประโยชน์เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมาตั้งแต่
โบราณแล้ว เช่น ในเอเชียก็มีหลักฐานแสดงว่ามนุษย์รู้จักใช้พืชสมุนไพรมากว่า 6,000 ปี แต่หลังจากที่ความรู้ด้าน
วิทยาศาสตร์มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ทาให้ความนิยมใช้ยาสมุนไพรลดลงมาเป็นอันมาก เป็นเหตุให้
ความรู้วิทยาการด้านสมุนไพรขาดการพัฒนา ไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร ในปัจจุบันได้ยอมรับแล้วว่าผลที่ได้จาก
การสกัดสมุนไพรนั้น ให้คุณประโยชน์ดีกว่ายาที่ได้จากการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อต้องการศึกษาความเป็นมาของสมุนไพรไทย
2. เพื่อต้องการศึกษาประโยชน์ของสมุนไพรไทย
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1. ศึกษาค้นคว้าสมุนไพรไทย
2. ศึกษาความเป็นมาของสมุนไพร
3. ศึกษาประโยชน์ของสมุนไพรไทย
- 3. 3
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
- ความสาคัญของพืชสมุนไพร
1. ความสาคัญในด้านสาธารณสุข
พืชสมุนไพร เป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ที่มนุษย์รู้จักนามาใช้เป็นประโยชน์ เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
ตั้งแต่โบราณกาลแล้ว เช่นในเอเชียก็มีหลักฐานแสดงว่ามนุษย์รู้จักใช้พืชสมุนไพรมากว่า 6,000 ปี แต่หลังจากที่
ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากขึ้น มีการสังเคราะห์ และผลิตยาจากสารเคมี ในรูปที่ใช้
ประโยชน์ได้ง่าย สะดวกสบายในการใช้มากกว่าสมุนไพร ทาให้ความนิยมใช้ยาสมุนไพรลดลงมาเป็นอันมาก เป็น
เหตุให้ความรู้วิทยาการด้านสมุนไพรขาดการพัฒนา ไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร ในปัจจุบันทั่วโลกได้ยอมรับแล้วว่า
ผลที่ได้จากการสกัดสมุนไพร ให้คุณประโยชน์ดีกว่ายา ที่ได้จากการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ประกอบกับใน
ประเทศไทยเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ มีพืชต่าง ๆ ที่ใช้เป็นสมุนไพรได้อย่างมากมายนับหมื่น
ชนิด ยังขาดก็แต่เพียงการค้นคว้าวิจัยในทางที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น ความตื่นตัวที่จะพัฒนาความรู้ด้านพืช
สมุนไพร จึงเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีการเริ่มต้นนโยบายสาธารณสุขขั้นมูลฐานอย่างเป็นทางการของประเทศไทยในปี
พ.ศ. 2522 โดยเพิ่มโครงการสาธารณสุขขั้นมูลฐานเข้าในแผนพัฒนาการสาธารณสุข ตามแผนพัฒนา การเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2520-2524) ต่อเนื่องจนถึงแผนพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7
(พ.ศ. 2535-2539) โดยมี กลวิธีการพัฒนาสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยในงานสาธารณสุขมูลฐาน คือ
(1) สนับสนุนและพัฒนาวิชาการและเทคโนโลยีพื้นบ้านอันได้แก่ การแพทย์แผนไทย เภสัช กรรมแผน
ไทย การนวดไทย สมุนไพร และเทคโนโลยีพื้นบ้าน เพื่อใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหา สุขภาพของชุมชน
(2) สนับสนุนและส่งเสริมการดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง โดยใช้ สมุนไพร การแพทย์พื้นบ้าน การนวด
ไทย ในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน ให้เป็นไปอย่างถูกต้องเป็นระบบสามารถปรับประสานการดูแลสุขภาพ
แผนปัจจุบันได้อาจกล่าวได้ว่าสมุนไพรสาหรับสาธารณสุขมูลฐานคือสมุนไพรที่ใช้ในการส่งเสริมสุขภาพ และ
การรักษาโรค/อาการเจ็บป่วยเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้น
2. ความสาคัญในด้านเศรษฐกิจ
ในปัจจุบันพืชสมุนไพรจัดเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่ต่างประเทศกาลังหาทางลงทุนและคัดเลือก
สมุนไพรไทยไปสกัดหาตัวยาเพื่อรักษาโรคบางโรคและมีหลายประเทศที่นาสมุนไพรไทยไปปลูกและทาการ
ค้าขายแข่งกับประเทศไทย สมุนไพรหลายชนิดที่เราส่งออกเป็นรูปของวัตถุดิบคือ กระวาน ขมิ้นชัน เร่ว เปล้าน้อย
และมะขามเปียกเป็นต้น ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ตลาดต่างประเทศยังคงมีความต้องการอีกมาก และในปัจจุบันกรม
วิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความสนใจในการศึกษาเพิ่มขึ้นและมี
โครงการวิจัยบรรจุไว้ในแผนพัฒนาระบบการผลิต การตลาดและการสร้างงานในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534) เพื่อหาความเป็นไปได้ในการพัฒนาคุณภาพและแหล่งปลูกสมุนไพรเพื่อ
ส่งออก โดยกาหนดชนิดของสมุนไพรที่มีศักยภาพ 13 ชนิด คือ มะขามแขก กานพลู เทียนเกล็ดหอย ดองดึง เร่ว
กระวาน ชะเอมเทศ ขมิ้น จันทร์เทศ ใบพลู พริกไทย ดีปลี และน้าผึ้ง
- 4. 4
- สรรพคุณของสมุนไพรไทย
ว่านหางจระเข้
- "วุ้นในใบสด" นามาบรรเทาอาการปวดศีรษะ
- พอกแผลน้าร้อนลวก ไฟไหม้แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดดเผา
แผลในกระเพาะอาหาร
- ช่วยถอนพิษได้เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล
- "ยางในใบ" ก็สามารถนามาทาเป็นยาระบาย
- "เหง้า" ก็นาไปต้มน้ารับประทาน แก้โรคหนองใน
*** ข้อแนะนาก่อนใช้ ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็
ใช้ได้
ขมิ้นชัน
- นิยมนา "เหง้า" ทั้งสดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง
จุกเสียดแน่นท้อง
- นาขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุ
- 5. 5
กระเจียวแดง
- ช่วยในการขับลมในกระเพาะอาหาร
- บรรเทาอาการแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ลดกรดในกระเพาะอาหาร ทาให้รู้สึกสบายท้อง
- ช่วยให้สุขภาพดี
-
กระดังงาไทย
- ดอกแก่จัด ใช้เป็นยาหอมบารุงหัวใจ บารุงโลหิต บารุงธาตุ แก้ลมวิงเวียน ชูกาลังทาให้ชุ่มชื่น ให้น้ามัน
หอมระเหย ใช้แต่งกลิ่นเครื่องสาอาง น้าอบ ทาน้าหอม ใช้ปรุงยาหอม บารุงหัวใจ
- ใบ, เนื้อไม้ นามาต้มรับประทาน เป็นยาขับปัสสาวะพิการ
บัวบก
- ใบมีสาร Asiaticoside ทายาทาแก้แผลโรคเรื้อน
- ทั้งต้นสด เป็นยาบารุงกาลัง บารุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า รักษาแผลไฟไหม้น้าร้อนลวก หรือมีการ
ชอกช้าจากการกระแทก
- 6. 6
- แก้พิษงูกัด
- ปวดศีรษะข้างเดียว
- ขับปัสสาวะ
- แก้เจ็บคอ
- เป็นยาห้ามเลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง
- ลดความดัน แก้ช้าใน
- เมล็ดใช้แก้บิด แก้ไข้ปวดศีรษะ
มะขามป้อม
- น้าจากผล แก้ท้องเสีย ขับปัสสาวะ
- ผล แก้ไอ ขับเสมหะ ทาให้ชุ่มคอ
-
ฝรั่ง
- มีสารแทนนินยังยับยั้งการลุกลามของเชื้อโรค ช่วยสมานท้องและลาไส้ ลดอาการอักเสบของกระเพาะ
ลาไส้ และช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยอาการเกร็งตัวของลาไส้ ทาให้อาการปวดท้องบรรเทา
ลงได้แก้ปวดเบ่ง
- ใบ : แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน (ที่ไม่ใช่บิด หรืออหิวาตกโรค) เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ระงับกลิ่น
ปาก แก้ฝี เป็นยาล้างแผล ดูดหนองและถอนพิษบาดแผล แก้เหงือกบวม แก้พิษเรื้อรัง แก้ปวดเนื่องจากเล็บ
ขบ แก้แพ้ยุง
- ผลอ่อน : แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน ระงับกลิ่นปาก แก้บิดมูกเลือด มีไวตามินซีมาก เป็นกันหรือแก้โรค
เลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด) บารุงเหงือกและฟัน บารุงผิวพรรณ
- ผลสุก : มีสารเพ็กตินอยู่มาก ใช้รับประทานเป็นยาระบายได้
- ราก : แก้น้าเหลืองเสีย เป็นฝี แผลพุพอง แก้เลือดกาเดาไหล
- 7. 7
- สิ่งน่ารู้เกี่ยวกับการใช้ยาสมุนไพร
1.ควรเริ่มใช้สมุนไพรที่เป็นอาหารก่อน และควรรู้พิษยาก่อนใช้ รู้ข้อห้ามใช้ เพราะยาบางชนิดมีข้อห้ามใช้กับคน
บางคน บางโรค เมื่อรู้สิ่งเหล่านี้ จะทาให้การใช้ยาปลอดภัยขึ้น
2.ถ้ายาใดไม่เคยกินมาก่อน ควรเริ่มกินในขนาดน้อยๆก่อน เช่น กินเพียงครึ่งหนึ่งของขนาดที่กาหนดไว้ถ้าร่างกาย
ไม่มีอะไรผิดปกติจึงค่อยกินต่อไป
3.อย่าใช้ยาเข้มข้นเกินไป เช่น ยาใช้ต้มกินต่างน้า ไม่ควรใช้ต้มเคี่ยวกินยาเข้มข้นเกินไป จนทาให้เกิดพิษได้
4.คนที่อ่อนเพลียมาก เด็กอ่อน คนชรา ห้ามใช้ยามาก เพราะคนเหล่านี้มีกาลังต้านทานยาน้อย ทาให้เกิดพิษได้ง่าย
5.โดยทั่วๆ ไป เมื่อกินยาสมุนไพรแล้ว 1 วัน อาการไม่ดีขึ้นต้องเปลี่ยนยา แต่ถ้าเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคกระเพาะ
หืด ฯลฯ เมื่อใช้ยาสมุนไพร 1 อาทิตย์แล้ว อาการไม่ดีขึ้นต้องเปลี่ยนยา
- ประโยชน์ของการใช้ยาสมุนไพร
1.ราคาถูกกว่ายาแผนใหม่ (ยาแผนปัจจุบัน) มาก
2.มีพิษและผลข้างเคียงน้อยกว่ายาแผนใหม่
3.สมุนไพรบางชนิดเป็นทั้งอาหารและยาด้วย
4.ไม่ต้องซื้อหา สามารถปลูกได้เองในบ้าน
5.เหมาะกับคนส่วนใหญ่ เพราะสามารถนามาใช้ได้เอง เมื่อรู้จักวิธีใช้
6.ช่วยลดดุลย์การค้า ในการสั่งยาจากต่างประเทศ
7.ทาให้คนเห็นคุณค่า และกลับมาดาเนินชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
8.ทาให้เกิดความภูมิใจ ในวัฒนธรรม และคุณค่าของความเป็นไทย
9.เพื่อเป็นการอนุรักษ์มรดกไทยในการสนับสนุนให้ประชาชนช่วยตนเองในการใช้ยาสมุนไพรตามแบบแผน
โบราณ
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. เอกสารเกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆ
2. คอมพิวเตอร์
งบประมาณ -
- 8. 8
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดั
บ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
1
6
1
7
1 คิดหัวข้อโครงงาน ธัญญลักษณ์
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล ธัญญลักษณ์
3 จัดทาโครงร่างงาน ธัญญลักษณ์
4 ปฏิบัติการสร้าง
โครงงาน
ธัญญลักษณ์
5 ปรับปรุงทดสอบ ธัญญลักษณ์
6 การทาเอกสารรายงาน ธัญญลักษณ์
7 ประเมินผลงาน ธัญญลักษณ์
8 นาเสนอโครงงาน ธัญญลักษณ์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1. ทาให้ทราบถึงประสิทธิภาพของสมุนไพรชนิดนั้นๆ
2. ทาให้ทราบความเป็นมาของสมุนไพรไทย
3. ทาให้ทราบประโยชน์ของสมุนไพรไทยในแต่ละชนิด
สถานที่ดาเนินการ
- โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
- การงานอาชีพและเทคโนโลยี
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
1. http://www.assoharudem.com/?p=62
2. https://dokkaew.wordpress.com/2013/08/03/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1
%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-
%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3/
3. https://sites.google.com/site/krtnobnorb/hlak-kar-laea-thvsdi-thi-keiywkhxng
4. http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_200.htm
5. http://cr.lnwfile.com/k523zc.jpg