Contenu connexe
Similaire à 9789740329831 (20)
9789740329831
- 1. 1
ระบบหายใจ The Respiratory System
ระบบหายใจเป็นระบบที่มีความสำคัญในร่างกายในมนุษย์ ทำหน้าที่ใน
การแลกเปลี่ ย นก๊ า ซโดยนำอากาศจากภายนอกเข้ า สู่ ร่ า งกายและขั บ เอาก๊ า ซ
คาร์ บ อนไดออกไซด์ อ อกนอกร่ า งกาย ดั ง นั้ น เพื่ อ ช่ ว ยให้ ก ารเรี ย นเรื่ อ งระบบ
หายใจมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพจึ ง ควรทราบเกี่ ย วกั บ โครงสร้ า งและหน้ า ที่ ข องอวั ย วะ
ต่าง ๆ ในระบบหายใจ กลไกการหายใจ ความผิดปกติของการหายใจ และการ
แลกเปลี่ยนก๊าซ
วัตถุประสงค์ เมื่อศึกษาบทเรียนนี้แล้ว สามารถ
1. อธิบายความหมาย โครงสร้าง หน้าที่ ความสำคัญของอวัยวะในระบบ
หายใจได้ถูกต้อง
2. อธิบายกลไกการหายใจเข้าและการหายใจออกได้ถูกต้อง
3. บอกความสัมพันธ์ในการทำงานของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจได้
_12-06(001-022)P3.indd 1 6/1/12 10:11:56 PM
- 2. การดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ บทที่ 1
1. ความหมายของระบบหายใจ
ระบบหายใจทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซโดยรับก๊าซออกซิเจนจากอากาศภายนอกร่างกาย
ซึ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจำเป็นต้องใช้ และขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกนอกร่างกาย
โดยระบบทางเดินหายใจประกอบด้วย
1.1 ระบบทางเดินหายใจส่วนบน
ประกอบด้วย รูจมูก (nasal cavity) ปาก (mouth) คอหอย (pharynx) กล่องเสียง
(larynx)
1.2 ระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
ประกอบด้ ว ย หลอดลม (trachea) หลอดลมเล็ ก (bronchi) หลอดลมฝอย
(bronchiole) หลอดลมฝอยส่วนปลาย (terminal bronchiole) ท่อถุงลม (alveolar duct) ถุงลม
(alveolar sac) ถุงลมเล็ก (alveoli)
2. การกำจัดสิ่งแปลกปลอมเมื่อเข้ามาในระบบทางเดินหายใจ
2.1 ผนังทางผ่านเคลือบด้วยเมือก
สิ่งแปลกปลอมที่ปนมาในอากาศจะเกาะติดที่เมือกนี้ ซีเลีย (celia) จะโบกพัด
ให้เคลื่อนสู่ลำคอ โดยอนุภาค 10 ไมครอนจับกับขนจมูก คอหอย กล่องเสียง อนุภาค 2-10
ไมครอนจับกับเมือกที่เคลือบผนังหลอดลมและแขนงหลอดลม อนุภาค 0.3-2 ไมครอนจับไว้
ที่ผนังท่อถุงลม (alveoli duct) และถุงลมเล็ก (alveoli) ซึ่งเป็นส่วนที่แลกเปลี่ยนก๊าซ และ
อนุภาคน้อยกว่า 0.3 ไมครอนถูกขับออกมาจากลมหายใจ
Tips: มนุษย์มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจเพื่อกำจัด
สิ่งระคายเคืองซึ่งเกิดจากฮีสตามีนเป็นตัวกระตุ้น เรียกว่า การไอ เริ่มต้นจากการหายใจ
เข้าลึกและยาวทำให้อากาศเข้าเต็มปอด ต่อมาฝาปิดกล่องเสียง (epiglottis) ปิดและ
หายใจออกอย่างแรงจะดันให้ epiglottis เปิดเป็นพัก ๆ ส่วนการจามนั้นเป็นกลไก
การป้องกันตนเองของร่างกายเมื่อหายใจเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ร่างกาย
จึงพยายามขับสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นออกมานอกร่างกายโดยการหายใจเข้าลึกแล้ว
หายใจออกทันที
_12-06(001-022)P3.indd 2 6/1/12 10:11:56 PM
- 3. บทที่ 1 ระบบหายใจ
1
รูปที่ 1 กายวิภาคศาสตร์ของระบบทางเดินหายใจ (ที่มา : http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/
main/advcourse/presentstu/course/bk521/006 suthisa/_3.html)
3. อวัยวะที่เป็นส่วนประกอบของระบบหายใจ
3.1 โพรงจมูก (nasal cavity)
โพรงจมูกถูกแบ่งด้วยผนังกั้นจมูก (nasal septum) รูเปิดของโพรงจมูกทางด้าน
หน้าเรียกว่า รูจมูก รูเปิดทางด้านหลังของโพรงจมูกติดกับคอหอย (pharynx) จมูกเป็นทางที่
อากาศภายนอกเข้าสู่ร่างกาย ทำหน้าที่ปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ เมือกบุโพรงจมูกทำให้เกิด
ความชื้นและเป็นตัวกรองอนุภาคที่ลอยอยู่ในอากาศก่อนที่จะผ่านเข้าไปยังปอด รูจมูกทำหน้าที่
เป็นทางผ่านของอากาศที่หายใจเข้าไปยังช่องจมูกและกรองฝุ่นละอองด้วย (ดังแสดงในรูปที่ 1)
รูปที่ 2 แสดงโครงสร้างของคอหอย เพดานอ่อน และฝาปิดกล่องเสียง
(ที่มา : http://www.oncologychannel.com/onc/Images/pharynx.gif)
_12-06(001-022)P3.indd 3 6/1/12 10:11:57 PM
- 4. การดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ บทที่ 1
3.2 คอหอย (pharynx)
เป็ น ทางผ่ า นของอาหารและอากาศเชื่ อ มระหว่ า งฐานกะโหลกศี ร ษะถึ ง
กระดูกสันหลังคอที่ 6 ติดกับรูเปิดด้านหลังของโพรงจมูกเรียกว่า เนโซฟาริงซ์ (nasopharynx)
ติดต่อกับช่องปากเรียก ออโรฟาริงซ์ (oropharynx) ส่วนล่างสุดติดต่อกับกล่องเสียงเรียกว่า
ลาริงโกฟาริงซ์ (laryngopharynx) มีโครงสร้างคล้ายในโพรงจมูกเต็มไปด้วยเซลล์เยื่อบุชนิด
คอร์ลัมนาร์ที่มีซีเลีย (celia) ทำหน้าที่สร้างเมือกหล่อลื่น (mucus-secreting) เชื่อมต่อระหว่าง
ระบบทางเดินหายใจกับระบบทางเดินอาหารจึงมีแผ่นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเรียกว่า ฝาปิดกล่องเสียง
(epiglottis) ปิดช่องท่อลมเมื่อมีการกลืนอาหาร เพื่อป้องกันการสำลักและมีส่วนช่วยในการออก
เสียงด้วย (ดังแสดงในรูปที่ 2)
รูปที่ 3 กล่องเสียงทางด้านหน้า
3.3 กล่องเสียง (larynx)
เป็ น อวั ย วะที่ อ ยู่ ร ะหว่ า งคอหอยกั บ หลอดลม ตั้ ง แต่ ก ระดู ก สั น หลั ง ส่ ว นคอที่ 3
ถึงกระดูกสันหลังส่วนคอที่ 6 ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของอากาศและป้องกันสิ่งแปลกปลอม
ไม่ให้เข้าสู่ทางเดินอากาศ และที่สำคัญทำให้เกิดเสียง (phonation) ทั้งเสียงแหลมสูงหรือ
ทุ้มต่ำตามการเคลื่อนไหวของกระดูกอ่อน กล่องเสียงของผู้หญิงและเด็กมักจะสั้นจึงไม่ยื่น
ออกมาเหมือนในเพศชายซึ่งมีกระดูกอ่อนไทรอยด์ที่อยู่ในกล่องเสียงเป็นส่วนยื่นออกมาชัดเจน
เรียกว่า ลูกกระเดือก (thyroid prominence; adam’s apple) (ดังแสดงในรูปที่ 3) โครงสร้าง
ของกล่องเสียงประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ
_12-06(001-022)P3.indd 4 6/1/12 10:11:58 PM
- 5. บทที่ 1 ระบบหายใจ
3.3.1 กระดูกอ่อน
3.3.2 กล้ามเนื้อ
3.3.3 เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
1
หน้าที่สำคัญของกล่องเสียง คือ เป็นทางเชื่อมต่อทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง
ป้องกันการสำลัก การไอ และออกเสียง
รูปที่ 4 หลอดลมและหลอดลมใหญ่
3.4 หลอดลม (trachea)
หลอดลมเป็ น อวั ย วะที่ ต่ อ จากกล่ อ งเสี ย งตรงกั บ กระดู ก สั น หลั ง คอที่ 6 (sixth
cervical vertebra, C6 ปลายสุดอยู่ที่ T4 –T6) อยู่หน้าหลอดอาหาร (esophagus) มีรูปร่าง
เป็นท่อกลวงอยู่ในบริเวณคอและทรวงอก ประกอบด้วยกระดูกอ่อนรูปวงแหวน ตัว U shape
หรือ C shape จำนวน 16-20 ชิ้น แทรกตลอดความยาวของหลอดลม โดยหันส่วนโค้งของ
รูปตัว U ออกทางด้านหน้า ด้านหลังจึงถูกดันด้วยหลอดอาหาร ที่ปลายสุดของหลอดลมบริเวณ
ทรวงอกมีการแตกแขนงย่อยออกเป็นหลอดลมใหญ่เรียกว่า bronchus เข้าสู่ปอดซ้ายและ
ขวา หลอดลมสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามการหายใจเข้าและออก ขนาดของหลอดลม
มีความแตกต่างกัน ทำหน้าที่นำส่งอากาศจากภายนอกร่างกายเข้าสู่ปอดเพื่อแลกเปลี่ยน
ก๊าซออกซิเจนเข้าสู่เลือด และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย เริ่มตั้งแต่ส่วนที่
ต่อจากกล่องเสียง (larynx) ลงไปสิ้นสุดที่ถุงลม (ดังแสดงในรูปที่ 4)
_12-06(001-022)P3.indd 5 6/1/12 10:11:58 PM
- 6. การดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ บทที่ 1
ขนาดหลอดลมของเด็กจะเล็กกว่าหลอดลมของผู้ใหญ่ ส่วนขนาดหลอดลมในเพศหญิง
จะเล็กกว่าเพศชาย
เด็ก ผู้ใหญ่ เพศหญิง เพศชาย
รูปที่ 5 ปอดและเยื่อหุ้มปอด
รูปที่ 6 กลีบปอดซ้ายและขวา
(ที่มา : http://vet.kku.ac.th/physio/rs/structure/lung.htm)
_12-06(001-022)P3.indd 6 6/1/12 10:12:00 PM
- 7. บทที่ 1 ระบบหายใจ
3.5 หลอดลมใหญ่ (bronchus)
ปลายสุดของหลอดลมแตกแขนงเป็นหลอดลมใหญ่ซ้าย (left main bronchus)
และหลอดลมใหญ่ขวา (right main bronchus) การแตกแขนงของหลอดลมใหญ่มีลักษณะ 1
คล้ายการแตกแขนงย่อยของต้นไม้ (bronchial tree) กล่าวคือมีการแตกแขนงย่อยออกเป็น
ลำดับเข้าไปเป็นหลอดลมย่อย (bronchioles) และปลายสุดคือถุงลมปอด (alveoli) แทรก
เข้าไปในเนื้อปอดโดยหลอดลมใหญ่ข้างขวาแตกแขนงเข้าไปในกลีบปอด 3 กลีบ ส่วนหลอดลม
ใหญ่ข้างซ้ายแตกแขนงเข้าไปในกลีบบนและกลีบล่างของปอดข้างซ้าย จากนั้นจึงแบ่งออก
เป็ น กลีบปอด (lobar bronchus) ซึ่ ง ด้ า นซ้ า ยมี 2 กลี บ และด้ า นขวามี 3 กลี บ (ดั ง แสดง
ในรูปที่ 6)
รูปที่ 7 ช่องเยื่อหุ้มปอด (ที่มา : http://thaifittips.com/health/?p=250)
3.6 ปอด (lungs)
ปอดเป็นอวัยวะที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างอากาศภายนอกกับการไหล
เวียนเลือด มีลักษณะเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ำมีน้ำหนักเบาและยืดหยุ่นได้ดี ปอดยึดติดกับ
หัวใจ และหลอดลมรอบ ๆ ปอดจะมีเยื่อหุ้มปอดชั้นใน (visceral pleura) และเยื่อหุ้มปอด
ชั้นนอก (parietal pleura) ระหว่างเยื่อหุ้มปอดทั้งสองนี้มีช่องว่าง (pleural space) ซึ่งภายใน
บรรจุของเหลว (pleural fluid) มีอยู่ประมาณ 3-5 ซีซี ของเหลวนี้ทำหน้าที่ลดแรงเสียดสีระหว่าง
เยื่อหุ้มทั้งสองชั้นในขณะที่ปอดขยายหรือหดตัว (ดังแสดงในรูปที่ 7)
_12-06(001-022)P3.indd 7 6/1/12 10:12:01 PM
- 8. การดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ บทที่ 1
3.6.1 หลอดเลือดแดงที่มายังปอด (artery of lungs) ประกอบด้วยหลอดเลือด
แดงพัลโมนารี (pulmonary artery) ทำหน้าที่นำเลือดจากหัวใจห้องล่างขวาซึ่งมีออกซิเจนต่ำ
มาฟอกที่ปอด และหลอดเลือดแดงที่แตกแขนงมาจากเอออร์ตา (aorta) ทำหน้าที่ในการนำ
เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (ดังแสดงในรูปที่ 8)
3.6.2 หลอดเลือดดำภายในปอด (vein of lungs) มี 2 ส่วน คือ หลอดเลือดดำ
พัลโมนารีทำหน้าที่นำเลือดที่ผ่านการฟอกแล้วกลับเข้ามาสู่หัวใจห้องบนซ้าย และหลอดเลือด
ดำบรองเคียล ทำหน้าที่นำเลือดดำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมาฟอกที่ปอด
3.6.3 หน้าที่ของปอด คือ การนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเลือด และนำ
ก๊าซออกซิเจนเข้าสู่เลือด ปอดจึงมีรูปร่างใหญ่และมีลักษณะยืดหยุ่นคล้ายฟองน้ำ
3.7 เยื่อหุ้มปอด (pleura)
เยื่อหุ้มปอดมี 2 ชั้นระหว่าง 2 ชั้นนี้มีของเหลวเพื่อลดแรงเสียดสี ระหว่างเยื่อหุ้ม
มีโพรงว่าง เรียกว่า ช่องระหว่างเยื่อหุ้มปอด (ดังแสดงในรูปที่ 7)
รูปที่ 8 หลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงภายในปอด
3.8 ถุงลมเล็ก ๆ ในปอด (alveolus)
ที่ผนังของถุงลมเล็ก ๆ ในปอดจะมีเส้นเลือดฝอยล้อมรอบอยู่มากมาย จึงเป็นแหล่ง
ในการแลกเปลี่ยนก๊าซ ภายในปอดของคนมีอัลวิโอลัส (ถุงลมเล็ก ๆ) ประมาณ 300 ล้านถุง
(ดังแสดงในรูปที่ 9)
_12-06(001-022)P3.indd 8 6/1/12 10:12:03 PM
- 9. บทที่ 1 ระบบหายใจ
1
รูปที่ 9 การแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างถุงลมและหลอดเลือดฝอย
(ที่มา : http://school.obec.go.th/padad/scien32101/BODY/testbody.html)
Tips: อวัยวะที่ต่ำกว่าหลอดลมลงมา เรียกว่า ระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ส่วน
อวัยวะที่เหนือหลอดลมขึ้นไป เรียกว่า ระบบทางเดินหายใจส่วนบน
4. ศูนย์ควบคุมการหายใจในสมอง มี 2 ส่วนคือ
4.1 ส่วน medulla มีเซลล์ dorsal respiratory group ทำหน้าที่กระตุ้นการหายใจเข้า
และ ventral respiratory group ทำหน้าที่กระตุ้นการหายใจออก
4.2 ส่วน ponds ทำหน้าที่รับคำสั่งจากเซลล์ dorsal respiratory group ในการหายใจ
เข้าซึ่งภายในสมองส่วนนี้จะมี pneumotaxic ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมปริมาตรของอากาศในการ
หายใจเข้า-ออกแต่ละครั้งเรียกว่า Tidal Volume
สมองทั้ ง สองส่ ว นนี้ ถู ก ควบคุ ม โดยเส้ น ประสาทสมองคู่ ที่ 10 หรื อ เส้ น ประสาทเวกั ส
(vagus nerve) เป็นเส้นประสาทรับความรู้สึกจากลำคอ กล่องเสียง ช่องอก ช่องท้อง ส่วน
เส้นประสาทสั่งการจะออกจากเมดัลลาออบลองกาตาไปยังกล้ามเนื้อลำคอ กล่องเสียง อวัยวะ
ภายใน ช่องปาก และช่องท้อง
_12-06(001-022)P3.indd 9 6/1/12 10:12:03 PM
- 10. 10 การดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ บทที่ 1
5. กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ
กล้ามเนื้อกะบังลมมีการหดตัวยุบลงในช่วงหายใจเข้าทำให้กระดูกซี่โครงขยายตัวเพิ่ม
ปริมาตรในช่องอก ส่วนในช่วงหายใจออกกะบังลมยกตัวสูงขึ้น กล้ามเนื้อหน้าท้องช่วยใน
การหายใจออกอย่างแรง
5.1 กล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจเข้า
5.1.1 กล้ า มเนื้ อ กะบั ง ลม (diaphragm) ลั ก ษณะเป็ น รู ป โดมโดยกล้ า มเนื้ อ
กะบังลมด้านซ้ายจะอยู่เหนือต่อกระเพาะอาหารและด้านขวาจะอยู่เหนือต่อตับ เป็นกล้ามเนื้อ
สำคัญในการหายใจเข้า โดยอากาศประมาณ 2 ใน 3 ของอากาศที่หายใจเข้าในแต่ละครั้ง
เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อกะบังลม
5.1.2 กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงด้านนอก (intercostal muscle) เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่
ระหว่างซี่โครง 11 ช่องทั้งด้านซ้ายและขวา เมื่อกล้ามเนื้อนี้หดตัวทำให้กระดูกซี่โครงด้านหน้า
เคลื่อนที่ขึ้นบนและอกขยายไปด้านหน้า ทำให้เพิ่มพื้นที่ในทรวงอก การหดตัวของกล้ามเนื้อนี้
จะได้ปริมาตรของอากาศที่หายใจประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาตรอากาศที่เข้าในแต่ละครั้ง
5.1.3 กล้ามเนื้อพิเศษที่ช่วยในการหายใจเข้า เช่น กล้ามเนื้อด้านหลังคอ (ster-
nocleidomastoid) จะทำงานเมื่อมีการหายใจเพิ่มขึ้น เช่น ขณะออกกำลัง ไอ จาม หรือมี
โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอุดกั้น
5.2 กล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจออก
ปกติการหายใจออกจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องใช้กล้ามเนื้อใด ๆ เป็นกระบวนการ
คลายตั ว กลั บ ของกล้ า มเนื้ อ กะบั ง ลมและกล้ า มเนื้ อ ระหว่ า งซี่ โ ครงส่ ว นนอก ทำให้ ก ระดู ก
ซี่ โ ครงเคลื่ อ นเข้ า ที่ จ ะมี ก ารหดตั ว ของกล้ า มเนื้ อ หายใจออกเมื่ อ มี ก ารหายใจเพิ่ ม ขึ้ น เช่ น
ขณะออกกำลัง มีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอุดกั้น
5.2.1 กล้ามเนื้อหน้าท้อง เป็นกล้ามเนื้อหายใจออกที่สำคัญที่สุด การหดตัวของ
กล้ามเนื้อนี้ทำให้กระดูกซี่โครงชิดเข้าหากัน ลำตัวโค้งเข้าและทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่ม
ขึ้นช่วยดันกล้ามเนื้อกะบังลมขึ้นบน กล้ามเนื้อนี้จะทำงานในเด็กเล็ก และเมื่อหายใจเพิ่มขึ้น
เช่น ขณะไอ เบ่งอุจจาระ อาเจียน หรือมีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจอุดกั้น
5.2.2 กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงด้านใน การหดตัวของกล้ามเนื้อนี้ทำให้กระดูก
ซี่โครงเคลื่อนต่ำและเข้าด้านใน
_12-06(001-022)P3.indd 10 6/1/12 10:12:04 PM