10. จุดตัดจาเพาะที่เกิดขึ้น จะได้สาย DNA หลังจากถูกตัดแล้วใน 2 รูปแบบ
เช่นในกรณีของการตัดด้วยเอนไซม์ EcoRI จุดตัดจาเพาะจะอยู่ระหว่าง
เบส G และ A ซึ่งหลังจากการตัดจะทาให้ได้ปลายสายเดี่ยวทั้ง 2 ปลาย
ที่รอยตัดของสาย DNA ซึ่งมีนิวคลีโอไทด์สายเดี่ยวยื่นออกมา เรียกปลาย
สาย DNA ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ว่า“ปลายเหนียว (sticky end)”
แต่ในกรณีของ HeaIII จุดตัดจาเพาะอยู่ระหว่าง GและC (ดังตาราง)เมื่อ
ตัดแล้วจะไม่เกิดปลายสาย DNA เป็นสายนิวคลีโอไทด์สายเดี่ยว เนื่องจาก
จุดตัดของสาย DNA ทั้งสองเส้นอยู่ตรงกันพอดี ปลายรอย
ตัด DNA เช่นนี้เรียกว่า “ปลายทู่ ( bluntend )”
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
11. ข้อสังเกต
แม้ว่าตาแหน่งการตัดจาเพาะของเอนไซม์ตัดจาเพาะแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน
แต่จะพบว่าลักษณะร่วมกัน คือ การเรียงลาดับเบส ในบริเวณดังกล่าวใน
ทิศทางจาก 5 ไปสู่ 3 จะเหมือนกันทั้งสองสายของสาย DNA
เอนไซม์ตัดจาเพาะชนิดเดียวกันจะตัดสาย DNA ที่จุดตัดจาเพาะในตาแหน่ง
เดียวกัน ไม่ว่า DNA นั้นจะมาจากแหล่งใด ทั้งจาก จุลินทรีย์ พืช สัตว์
และมนุษย์
เอนไซม์ตัดจาเพาะมีให้เลือกใช้มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสินค้านาเข้า
และมีราคาแพง
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
12. การเชื่อมต่อสาย DNA ด้วยเอนไซม์ DNAไลเกส
จากการตัดสาย DNA ของสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกัน จะนามาเชื่อมต่อกันได้ด้วย
เอนไซม์ DNA ไลเกส ซึ่งสามารถเร่งปฏิกิริยาการสร้างพันธะโคเวเลนซ์
ระหว่างสองโมเลกุลของ DNA ให้เชื่อมต่อกันได้จากการตัดและการ
เชื่อมต่อสาย DNA นี้ทาให้เกิดสาย DNA สายผสมเกิดขึ้น
ในการเชื่อมต่อแม้จะใช้ DNAไลเกส เหมือนกันทั้งปลายเหนียวและปลายทู่
แต่ถ้าเป็นปลายทู่จะไม่มีการสร้างพันธะระหว่างเบสคู่สมของ DNA เดิม
และ DNA ที่นามาเชื่อมต่อ
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
14. สรุป ลาดับขั้นการสร้าง DNA รีคอมบิแนนท์
1. ตัดสาย DNA ด้วยเอนไซม์ตัดจาเพาะ
2. ตัดสาย DNA ในโมเลกุลอื่นด้วยเอนไซม์ตัดจาเพาะชนิดเดียวกัน
3. เชื่อมต่อสาย DNA จาก DNA ต่างโมเลกุลกันด้วยเอนไซม์ DNA
ไลเกส เกิด DNA รีคอมบิแนนท์
การสร้าง DNA รีคอมบิแนนท์ เป็นเทคนิคที่เรียกว่าพันธุวิศวกรรม
Genetic Engineering
16. DNA สายผสมที่ได้จากการตัดและต่อนี้ยังไม่สามารถทางานได้ต้อง
มีวิธีการที่จะดารง DNA สายผสมให้คงอยู่และเพิ่มจานวนเพื่อใช้ใน
การศึกษาว่า สาย DNA เหล่านั้นควบคุมการสร้างโปรตีนชนิดใด
และศึกษาว่า DNA ยีนอะไรบ้าง สิ่งที่จาเป็น คือ จะต้อง
เพิ่ม DNA ในบริเวณดังกล่าวให้มากพอที่จะศึกษาได้
การเพิ่ม DNA ที่เหมือนกันนั้นเรียกว่า “การโคลนดีเอ็นเอ
(DNA cloning)” หาก DNA บริเวณดังกล่าวเป็นยีนก็อาจ
เรียกว่า “การโคลนยีน (gene cloning)”
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
17. การโคลนยีนโดยอาศัยพลาสมิดของแบคทีเรีย
การโคลนยีนวิธีหนึ่งที่เป็นที่นิยมกัน คือ อาศัยวิธีการเพิ่มจานวน
ชุดของ DNA ในพลาสมิด (plasmid) ของแบคทีเรีย ซึ่งถือว่า
เป็น DNA พาหะ (vector) สาหรับการโคลน DNA อย่าง
หนึ่งในแบคทีเรีย 1 เซลล์ อาจมีพลาสมิด 1 - 300 ชุด เมื่อนา
เซลล์แบคทีเรียไปเลี้ยงเพื่อเพิ่มจานวน ชุดของพลาสมิดก็จะเพิ่มขึ้น
ด้วย ซึ่งส่วนของDNA ที่ต้องการที่แทรกไว้ไนพลาสมิด ก็จะ
เพิ่มขึ้นตามโดยปริยาย หากส่วนของ DNA ที่แทรกไว้เป็นยีนก็
อาจนาไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร