Contenu connexe
Plus de Wan Ngamwongwan (20)
ระบบน้ำเหลือง
- 4. น้้าเหลือง ( Lymph )
ของเหลวที่อยู่ระหว่างเซลล์
หรืออยู่รอบๆ เซลล์ บางส่วน
จะถูกดูดซึมเข้าสู่หลอดเลือดฝอย
บางส่วนจะดูดซึมเข้าสู่หลอด
น้้าเหลือง เราเรียกของเหลวที่อยู่
ในหลอดน้้าเหลืองนี้ว่า
น้้าเหลือง ดังภาพ
อาร์เตอริโอล
เวนูล
หลอดเลือดฝอย
หลอดน้าเหลืองฝอย
้
ภาพแสดง การล้าเลียงสารออกจากหลอดเลือดฝอย และการล้าเลียงน้้าเหลืองเข้าสู่หลอดน้้าเหลืองฝอย
WWW.UNIQUEPLACES.COM
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
- 10. ตัวอย่างของต่อมน้้าเหลือง
ต่อมทอนซิล (Tonsil gland)
มีอยู่ 3 คู่ คู่ที่ส้าคัญอยู่รอบๆหลอดอาหาร ภายในต่อมทอนซิลมีลิมโฟไซต์
ท้าลายจุลินทรียที่ผ่านมาในอากาศไม่ให้เข้าสูหลอดอาหารและกล่องเสียง ถ้า
์
่
ต่อมทอนซิลติดเชื้อจะมีอาการบวมขึ้น เรียกว่า ต่อมทอนซิลอักเสบ
ต่อมไทมัส (Thymus gland)
เป็นต่อมที่มีขนาดใหญ่ตอนอายุน้อยเมื่ออายุมากจะเล็กลงและฝ่อลงในที่สุด
เป็นต่อมไร้ท่ออยู่ตรงทรวงอกรอบเส้นเลือดใหญ่ของหัวใจ ท้าหน้าที่สร้างเซลล์
เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ T มีหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรคและสารแปลกปลอมเข้าสู่
ร่างกาย รวมทังการต้านอวัยวะที่ปลูกถ่ายจากผู้อื่น
้
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
WWW.UNIQUEPLACES.COM
- 11. ม้าม (spleen)
เป็นอวัยวะน้้าเหลืองที่ใหญ่ที่สุด มีเส้นเลือดมาเลี้ยงมากมาย ไม่มีท่อน้้าเหลือง
เลย สามารถยืดหดตัวได้ นุ่มมีสีม่วง อยู่ใกล้ๆกับกระ เพาะอาหารใต้กระบัง
ลมข้างซ้าย รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว ภายในจะมีลิมโฟไซต์อยู่มากมาย หน้าที่
ของม้ามมีดังนี้
1) ท้าลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุแล้ว
2) สร้างเม็ดเลือดขาว พวกลิมโฟไซต์ และโมโนไซต์ซึ่งท้าหน้าที่ป้องกัน
สิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคที่เข้าไปในกระแสเลือด
3) สร้างแอนติบอดี
4) ในสภาพผิดปกติ สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้ เช่น มะเร็งเม็ดเลือด
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
WWW.UNIQUEPLACES.COM
- 12. - นักเรียนบอกได้หรือไม่ว่า ส่วนประกอบของน้้าเหลืองต่างจากเลือด
หรือไม่ อย่างไร
ต่างกัน คือ น้้าเหลืองจะไม่มีเซลล์เม็ดเลือดแดง และโปรตีนขนาดใหญ่
- การไหลเวียนของระบบน้้าเหลืองกับการไหลเวียนของระบบเลือดเหมือน
หรือแตกต่างกันอย่างไร
การไหลเวียนของระบบเลือดมีการไหลเข้าและออกจากหัวใจ ส่วนการ
ไหลเวียนของระบบน้้าเหลืองมีทิศทางการไหลเข้าสู่หัวใจอย่างเดียว ส้าหรับ
การไหลออกนั้นจะไหลปนไปกับระบบเลือด
WWW.UNIQUEPLACES.COM
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
- 14. - พลาสมา ของเหลวระหว่างเซลล์ และน้้าเหลืองมีความเหมือนหรือ
แตกต่างกันอย่างไร
พลาสมา ของเหลวระหว่างเซลล์ และน้้าเหลืองมีส่วนประกอบคล้ายคลึง
กัน โดยของเหลวระหว่างเซลล์เกิดจากสารในพลาสมาแพร่ออกมาจาก
หลอดเลือดฝอย และมีสารบางอย่างในของเหลวระหว่างเซลล์แพร่เข้าไป
ในหลอดน้้าเหลืองฝอย เรียกว่า น้้าเหลือง จึงคล้ายพลาสมาแต่มี
โปรตีนน้อยกว่า
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
WWW.UNIQUEPLACES.COM
- 17. ขั้นตอนการป้องกันและต่อต้านเชื้อโรค
ขั้นที่ 1 ผิวหนังห่อหุ้มร่างกาย
- จุลินทรียไม่สามารถเข้าสู่รางกายได้
์
่
- ร่างกายจะขับกรดแลกตริคออกมาพร้อมกับเหงื่อจะป้องกันการเจริญเติบโต
ของแบคทีเรียได้
- ร่างกายมีการสร้างน้้า น้้าลาย ซึ่งมีฤทธิ์ท้าลายแบคทีเรีย เป็นการช่วยให้
เชื้อโรคหลุดออกจากร่างกายทางหนึ่งด้วย
- การไอหรืออาเจียนก็มีผลให้เชื้อโรคหลุดออกจากร่างกาย
WWW.UNIQUEPLACES.COM
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
- 18. ขั้นที่ 2 เมื่อเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้
เซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่บริเวณนั้น ทั้งที่อยู่ในเนื้อเยื่อและท่อน้้าเหลืองก็จะเคลื่อนที่
แบบ อะมีบา เข้าท้าลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมโดยวิธีฟาโกไซโทซิส
นอกจากนี้ยังมีอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบหมุนเวียนเลือด ระบบน้้าเหลือง
และการสร้างภูมิคมกันของร่างกายได้แก่
ุ้
ต่อมไทมัส(thymus gland) เป็นต่อมไร้ท่อมีต้าแหน่งอยู่ตรงทรวงอก
ด้านหน้าหลอดเลือดใหญ่ของหัวใจ เนื้อเยื่อส่วนใหญ่ของต่อมไทมัสท้า
หน้าที่พัฒนาลิมโฟไซต์ชนิดเซลล์ที
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
WWW.UNIQUEPLACES.COM
- 19. เซลล์ทีจากต่อมไทมัสจะเข้าสู่กระแสเลือดและน้้าเหลืองไปสู่อวัยวะต่างๆ
เช่น ต่อมน้้าเหลือง ม้าม เพื่อท้าหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่
เข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการต่อต้านอวัยวะที่ปลูกถ่ายจากผู้อื่นด้วย
ม้าม (spleen) มีต้าแหน่งอยู่ใต้กะบังลมด้านซ้ายติดกับด้านหลังของ
กระเพาะอาหาร
ในระยะเอ็มบริโอ ม้ามเป็นแหล่งผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง แต่เมื่อหลังการ
คลอดแล้วม้ามจะเป็นที่อยู่ของลิมโฟไซต์ซึ่งท้าหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอม
และเชื้อโรคเข้าไปในกระแสเลือดและสร้างแอนติบอดีเข้าสู่กระแสเลือด
นอกจากนี้ม้ามยังท้าหน้าที่ท้าลายเซลล์เม็ดเลือดแดงและเพลตเลตที่หมดอายุ
แล้วด้วย
WWW.UNIQUEPLACES.COM
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
- 27. การท้างานของเซลล์ที
เซลล์ทีจะรับแอนติเจนแต่ละชนิด เช่น เซลล์ทีบางตัวจะรับแอนติเจนที่เป็น
ไวรัสตับอักเสบ เซลล์ทีบางตัวจะรับรู้แอนติเจนที่เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
เซลล์ทีตัวแรกที่ตรวจจับแอนติเจนเรียกว่า เซลล์ทผชวย (helper T-cell
ี ู้ ่
หรือ CD4+) จะไปท้าหน้าที่กระตุ้นเซลล์บีให้สร้างแอนติบอดีมาต่อต้าน
แอนติเจน หรือกระตุ้นการท้างานของเซลล์ทีอื่น เช่น เซลล์ทททาลายสิ่ง
ี ี่ ้
แปลกปลอม (cytotoxic T-cell หรือ CD8+) เซลล์ทีชนิดนี้จะท้าลาย
เซลล์แปลกปลอม หรือเซลล์ที่มีสิ่งแปลกปลอม เช่น เซลล์มะเร็ง เซลล์ติด
เชื้อไวรัส เซลล์จากอวัยวะ ที่ร่างกายได้รับการปลูกถ่าย
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
WWW.UNIQUEPLACES.COM
- 32. ภูมิคุ้มกันรับมา
เป็นวิธีให้แอนติบอดีแก่ร่างกายโดยตรง เพื่อให้มีภูมิคมกันขึ้นทันที ซึ่งใช้
ุ้
รักษาโรคบางชนิดที่แสดงอาการรุนแรงและเฉียบพลัน โดยเตรียมได้จากการ
ฉีดเชื้อโรคที่อ่อนก้าลังแล้วเข้าไปในสัตว์ เช่น ม้า กระต่าย เพื่อให้ร่างกายของ
สัตว์ดังกล่าว สร้างแอนติบอดีขึ้นมาต่อต้านเชื้อโรคนั้น แล้วน้าเลือดของม้า
หรือกระต่ายในส่วนที่เป็นซีรัม ในซีรัมจะมีแอนติบอดีอยู่ เมื่อน้าซีรัมมาฉีด
ให้แก่ผู้ป่วยก็เป็นการท้าให้ร่างกายได้รับภูมิคมกันโดยตรง สามารถต่อต้านโรค
ุ้
ได้ทันท่วงที เช่น ซีรัมส้าหรับคอตีบ ซีรัมส้าหรับแก้พิษงู ซีรัมแก้พิษสุนัขบ้า
ภูมิคมกันรับมายังรวมถึงภูมิคมกันที่แม่ให้ลูก โดยผ่านทารกและน้้านมที่
ุ้
ุ้
ทารกได้รับจากแม่หลังคลอดจะมีแอนติบอดีอยู่ด้วย
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
WWW.UNIQUEPLACES.COM
- 33. ข้อดีของภูมิคุ้มกันรับมา คือ แอนติบอดีที่ได้รับจะให้ภูมิคมกันทันที ท้า
ุ้
ให้ผู้ป่วยรอดตายได้
ข้อเสียคือ แอนติบอดีอยู่ได้ไม่นานและผู้ปวยอาจแพ้วัคซีนจากสัตว์ได้
่
ข้อควรระวังในการสร้างภูมิคุ้มกันก่อเอง หญิงมีครรภ์ไม่ควรรับวัคซีนที่
เตรียมจากจุลินทรียที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะจุลินทรียอาจเข้าไปเจริญในตัว
์
์
ทารกที่อยู่ในครรภ์ซึ่งระบบภูมิคมกันยังไม่พัฒนาจึงอาจเป็นอันตรายได้
ุ้
ครูฉวีวรรณ นาคบุตร
WWW.UNIQUEPLACES.COM