SlideShare une entreprise Scribd logo
1  sur  31
บทที่ 10
การประเมินหลักสูตร
มโนทัศน์(Concept)
ในการทางานหรือการประกอบกิจการใดก็ตามจะมีขั้นตอนในการดาเนินงานขั้นตอนหนึ่งซึ่งจะขาดเสี
ยมิได้คือการประเมิน ผล (Evaluation) เพื่อให้ทราบว่าการทาง าน ห รือประกอบกิจกรรมนั้ น ๆ
ได้ผลตามความมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่เพียงใดมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้างเพื่อที่จะดาเนินการแก้ไขปรั
บปรุงพัฒนาต่อไปในทางการศึกษาก็เช่นกันการที่จะทราบว่าการจัดการศึกษาบรรลุจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้เพียง
ใ ด นั้ น ส่ ว น ห นึ่ ง ที่ จ ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ไ ด้ คื อ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร
การประเมินผลหลักสูตรเป็นเครื่องมือชี้ให้เห็นว่าการกาหนดหลักสูตรไปใช้จะได้ผลมากน้อยเพียงใดเพราะฉะนั้
นการประเมินหลักสูตรจึงเป็นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรและผลที่ได้จาก
การประเมินหลักสูตรจะเป็นข้อมูลในการตัดสินเพื่อแก้ไขปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงหลักสูตร
ผลการเรียนรู้(Learning Outcome)
1. มีความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการพัฒนาหลักสูตร เรื่อง การประเมินหลักสูตร
2. สามารถให้คาแนะนาในการประสานตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประเมินหลักสูตร
สาระเนื้อหา(Content)
การประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรเป็นขั้นตอนในการศึกษาคุณค่าของว่าดีหรือไม่อย่างไรบกพร่องในส่วนไหนเพื่อ
นาผลการประเมินไปปรับปรุงหลักสูตรในโอกาสต่อไปการประเมินหลักสูตรนั้นมีขอบเขตและระยะการประเมิ
นแตกต่างกันออกไปแล้วแต่จุดประสงค์ของการประเมินเช่นการประเมินเอกสารหลักสูตรในระ ยะก่อนนาหลัก
สูตรไปใช้การประเมินการใช้หลักสูตรในขณะที่ดาเนินการใช้หลักสูตรหรือประเมินสัมฤทธิผลของหลักสูตรแล
ะประเมินระบบหลักสูตรหลังจากการใช้หลักสูตรแล้วการประเมินผลหลักสูตรนั้นต้องกาหนดลงไปให้แน่ชัดว่า
ต้องการประเมินอะไรข้อมูลที่นามาประเมินต้องเชื่อถือได้การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องทาอย่างรอบคอบ
การประเมินหลักสูตรต้องทาเป็นกระบวนการตามลาดับขั้นตอนตั้งแต่กาหนดวัตถุประสงค์ของการป
ระเมินวางแผนและออกแบบการประเมินรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลรายงานและสรุปผลการประเมินเพื่อที่จะ
นาผลที่ได้จากการประเมินไปปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรในโอกาสต่อไปจากขั้นตอนการประเมินนักศึกษาได้พัฒ
นารูปแบบการประเมินไว้หลายรูปแบบเป็ นต้นว่ารูปแบบการประเมินหลักสูตรที่สร้างเสร็จใหม่ๆ
ซึ่งเป็นการประเมินผลก่อนการนาหลักสูตรไปใช้เช่นรูปแบบการประเมินหลักสูตรด้วยเทคนิคการวิเคราะห์แบบ
ปุยแซง ค์ห รือรู ป แบบ การประ เมิน ห ลักสู ตรใ น ระ หว่าง ห รื อหลังการใ ช้ห ลักสู ตรเช่น
รู ป แ บ บ ก าร ป ร ะ เมิน ห ลัก สู ต ร ข อ ง ไ ท เ ล อ ร์ , ส เต ค , ส ตั ฟ เฟิ ล บี มห รื อ ด อ ริ ส โ ก ว์
แต่ละรูปแบบแม้จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปเราก็สามารถนาแนวคิดในการประเมินหลักสูตรมาประยุกต์เป็
นรูปแบบการประเมินหลักสูตรที่เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการจะประเมินนั้นๆ ได้
1. ความหมายของการประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรเป็นกระบวนการรวบรวมข้อมูลสารสนเทศตลอดจนกิจกรรมต่างๆเกี่ยวกับหลัก
สูตรเพื่อนามาตัดสินค่าหรือคุณภาพของหลักสูตรนั้นนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของการประเมินห
ลักสูตรไว้ต่างๆ กันดังนี้คือ
กู๊ ด (Good, 1945 : 209)
ได้ให้ความหมายไว้ว่าการประเมินหลักสูตรคือการประเมินผลของกิจกรรมการเรียนภายในขอบข่ายของการสอ
นที่เน้นเฉพาะจุดประสงค์ของการตัดสินใจในความถูกต้องของจุดมุ่งหมายความสัมพันธ์และความต่อเนื่องของเ
นื้อหาและผลสัมฤทธิ์ของวัตถุประสงค์เฉพาะซึ่งนาไปสู่การตัดสินใจในการวางแผนการจัดโครงการต่อเนื่องแล
ะการหมุนเวียนของกิจกรรมโครงการต่างๆ ที่จะจัดให้มีขึ้น
ลี ค ร อ น บ า ช (Lee J. Cronbach, 1970: 231)
ให้ความหมายว่าการประเมินหลักสูตรคือการรวบรวมข้อมูลและการใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจในเรื่องโปรแกรมหรื
อหลักสูตรการศึกษา
ส ตั ฟ เ ฟิ ล บี ม แ ล ะ ค ณ ะ (Stufflebeam Daniel L. et., 1971: 128)
ให้ความหมายของการประเมินหลักสูตรว่าการประเมินหลักสูตรคือกระบวนการหาข้อมูลเก็บข้อมูลเพื่อนาไปใช้
ให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจหาทางเลือกที่ดีกว่าเดิม
วิ ชั ย ว ง ษ์ ใ ห ญ่ (2521 : 192)
ให้ความหมายของประเมินหลักสูตรไว้ว่าการประเมินหลักสูตรเป็นการพิจารณาเกี่ยวกับคุณค่าของหลักสูตรโดย
ใ ช้ ผ ล จ า ก ก า ร วั ด ใ น แ ง่ มุ ม ต่ า ง ๆ
ของสิ่งที่ประเมินเพื่อนามาพิจารณาร่วมกันและสรุปว่าจะให้คุณค่าของหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมานั้นว่าอย่างไรมีคุ
ณภาพดีหรือไม่เพียงใดหรือได้ผลตรงตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดหรือไม่มีส่วนใดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข
สุ จ ริ ต เ พี ย ร ช อ บ (2548 : 64)
กล่าวถึงการประเมินหลักสูตรไว้ว่าเป็นกระบวนการที่สาคัญเพราะเป็นการหาคาตอบว่าหลักสูตรสัมฤทธิ์ผลตาม
ที่ได้ตั้งจุดมุ่งหมายไว้หรือไม่มากน้อยเพียงใดอะไรเป็นสาเหตุผู้ประเมินหลักสูตรจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ดีทั้งทา
งด้านหลักสูตรและด้านการประเมินผลซึ่งจะต้องเน้นการประเมินทั้งโปรแกรมการศึกษามิใช่แต่เพียงผลการเรีย
นปีสุดท้ายเท่านั้นแต่ควรประเมินผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนด้วย
จากความหมายของการประเมินหลักสูตรที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่าการประเมินหลักสูตรคือกระบว
น ก า ร ใ น ก า ร พิ จ า ร ณ า ตั ด สิ น คุ ณ ค่ า ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ว่า ห ลั ก สู ต ร นั้ น ๆ
มีประสิทธิภาพแค่ไหนเมื่อนาไปใช้แล้วบรรลุจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่มีอะไรที่ต้องแก้ไขเพื่อนาผลที่ได้ม
าใช้ให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจหาทางเลือกที่ดีกว่าต่อไป
2. จุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตร
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและมีขอบเขตที่กว้างขวางการประเมินหลักสู
ตรจะต้องครอบคลุมขั้นตอนของการพัฒนาหลักสูตรเพราะฉะนั้นการประเมินหลักสูตรจึงมีขอบเขตของการปร
ะเมินที่กว้างขวางด้วยการประเมินหลักสูตรแต่ละจุดแต่ละขั้นตอนมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันไปในรายละเอียดแ
ต่โดยทั่วไปแล้วจุดมุ่งหมายใหญ่ของการประเมินหลักสูตรจะมีความใกล้เคียงกันจะขอยกตัวอย่างจุดมุ่งหมายขอ
งการประเมินหลักสูตรที่นักศึกษาได้กล่าวไว้ดังนี้
ทาบา(Taba, 1962:310) ได้กล่าวไว้ว่าการประเมินหลักสูตรกระทาขึ้นเพื่อศึกษากระบวนการต่างๆ
ที่กาหนดไว้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาการประเมินดังกล่
า ว จ ะ ค ร อ บ ค ลุ ม เ นื้ อ ห า ทั้ ง ห ม ด ข อ ง ห ลั ก สู ต ร แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ต่ า ง ๆ
ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้แก่จุดประสงค์ขอบเขตของเนื้อหาสาระคุณภาพของผู้ใช้บริหารและผู้ใช้หลักสูตรสมรรถภาพข
องผู้เรียนความสัมพันธ์ของวิชาต่างๆ การใช้สื่อและวัสดุการสอน ฯลฯ
วิชั ย ว ง ษ์ ใ ห ญ่ (2537 : 218-219) ก ล่า ว ว่า ก า ร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร โ ด ย ทั่ ว ๆ
ไปจะมีจุดมุ่งหมายดังนี้เพื่อหาคุณค่าของหลักสูตรโดยตรวจสอบดูว่าหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมานั้นสามารถบรรลุต
ามวัตถุประสงค์หรือไม่เพื่อวัดผลดูว่าการวางเค้าโครงและรูปแบบระบบของหลักสูตรรวมทั้งวัสดุประกอบหลัก
สูตรและการบริหารและบริการหลักสูตรเป็นไปในทางที่ถูกต้องแล้วหรือไม่การประเมินหลักสูตรจากผู้เรียนเอง
หรือการประเมินผลผลิตเพื่อตรวจสอบดูว่าลักษณะที่พึงประสงค์เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรหรือไม่เพี
ยงใด
ใจทิพ ย์ เชื้อรัตน พงษ์ (2539 :192 – 193) กล่าวว่าโดยทั่วไปการประเมิน หลักสู ตรใดๆ
ก็ตามจะมีจุดมุ่งหมายสาคัญที่คล้ายคลึงกันดังนี้คือเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองค์ประกอบต่า
ง ๆ
ของหลักสูตรเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตรการนิเทศกากับดูแลการจัดกระบวนการเรียนก
ารสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารว่าควรใช้หลักสูตรต่อไปอีกหรือควรยกเลิก
การใช้หลักสูตรเพียงบางส่วนหรือยกเลิกทั้งหมดเพื่อต้องการทราบคุณภาพของผู้เรียนซึ่งเป็นผลผลิตของหลักสู
ตรว่ามีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามความมุ่งหวังของหลักสูตรหลักจากผ่านกระบวนการทางการศึกษามาแ
ล้วหรือไม่อย่างไรจากจุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตรข้างต้นพอสรุปได้ว่าการประเมินผลหลักสูตรมีจุดมุ่ง
หมายดังนี้เพื่อหาคุณค่าของหลักสูตรนั้นโดยดูว่าหลักสูตรที่จัดทาขึ้นนั้นสามารถสนองวัตถุประสงค์ที่ต้องการห
รือไม่หลักสูตรนั้นต้องการหรือไม่สนองความต้องการของผู้เรียนและสังคมอย่างไรเพื่ออธิบายและพิจารณาว่าลั
ก ษ ณ ะ ข อ ง ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ต่ า ง ๆ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ใ น แ ง่ ต่ า ง ๆ
เช่นหลักการจุดมุ่งหมายเนื้อหาสาระการเรียนรู้กิจกรรมการเรียนการสอนสื่อการเรียนการสอนและการวัดผลว่า
สอดคล้องต้องกันหรือไม่หรือสนองความต้องการหรือไม่เพื่อตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณภาพดีหรือไม่เหมาะสมหรื
อไม่เหมาะสมกับการนาไปใช้มีข้อบกพร่องที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้างการประเมินผลในลักษณะนี้มักจะ
ดาเนินไปในช่วงที่การพัฒนาหลักสูตรยังคงดาเนินการอยู่เพื่อที่จะพิจารณาว่าองค์ประกอบต่างๆ
ของหลักสูตรเช่นจุดหมายโครงสร้างเนื้อหาการวัดผลฯลฯมีความสอดคล้องและเหมาะสมหรือไม่สามารถนามา
ปฏิบัติในช่วงการนาหลักสูตรไปทดลองใช้หรือในขณะที่การใช้หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนกาลัง
ดาเนินอยู่ได้มากน้อยเพียงใดได้ผลเพียงใดและมีปัญหาอุปสรรคอะไรจะได้เป็นประโยชน์แก่นักพัฒนาหลักสูตร
แ ล ะ ผู้ ที่ มี ส่ ว น เ กี่ ย ว ข้ อ ง ใ น ก า ร ป รั บ ป รุ ง เป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ต่า ง ๆ
ของหลักสูตรให้มีคุณภาพดีขึ้นได้ทันท่วงทีเพื่อตัดสินว่าการบริหารงานด้านวิชาการและบริหารงานด้านหลักสูต
รเป็นไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่เพื่อหาทางแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตรการนาหลักสูตรไปใช้ให้มีประสิทธิ
ภาพเพื่อติดตามผลผลิตจากหลักสูตรคือผู้เรียนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลังจากการผ่านกระบวนการทางกา
รศึกษามาแล้วตามหลักสูตรว่าเป็นไปตามมุ่งหวังหรือไม่เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองค์ประ
ก อ บ ต่ า ง ๆ
ในหลักสูตรเพื่อช่วยในการตัดสินว่าควรใช้หลักสูตรต่อไปหรือควรปรับปรุงพัฒนาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือยกเลิกใ
ช้หลักสูตรนั้นหมดการประเมินผลในลักษณะนี้จะดาเนินการหลังจากที่ใช้หลักสูตรไปแล้วระยะหนึ่งแล้วจึงประ
เมินเพื่อสรุปผลตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณภาพดีหรือไม่บรรลุตามเป้าหมายที่หลักสูตรกาหนดไว้มากน้อยเพียงใดส
นองความต้องการของสังคมเพียงใดและเหมาะสมกับการนาไปใช้ต่อไปหรือไม่จากจุดมุ่งหมายของการประเมิน
ผ ล ห ลั ก สู ต ร ต่ า ง ๆ ข้ อ มู ล ต่ า ง ๆ
ที่ได้จากการประเมินจะเป็นตัวชี้ให้เห็นถึงคุณภาพการศึกษาของสังคมซึ่งจะมีผลกระทบต่อคุณภาพของประชาก
รในการพัฒนาสังคมในอนาคตต่อไปดังนั้นการประเมินผลหลักสูตรซึ่งมีความสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งไม่น้อยไ
ป ก ว่ า ก ร ะ บ ว น ก า ร ใ น ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ใ น ส่ ว น อื่ น ๆ
ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ควรจะต้องหาวิธีการที่ดีที่สุดในการที่ประเมินผลหลักสูตรเพื่อที่จะให้ได้ข้อมูลที่ถูก
ต้องชัดเจนและจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนตามขั้นตอนของวิธีการต่างๆ ที่นามาใช้
3. ระยะของการประเมินหลักสูตร
ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ค ว ร มี ก า ร ด า เ นิ น เ ป็ น ร ะ ย ะ ๆ
ทั้งนี้เนื่องจากข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดของหลักสูตรอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยและในระยะต่างกันเช่นอ
า จ มี ส า เ ห ตุ ม า จ า ก ต อ น จั ด ท า ห รื อ
ยกร่างหลักสูตรซึ่งทาให้ตัวหลักสูตรไม่มีคุณภาพที่ดีหรือไม่สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของผู้เรียนแ
ละสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหรืออาจมีสาเหตุมาจากตอนนาหลักสูตรไปใช้เป็นต้นการประเมินหลักสูตรที่ดีจึงต้อ
งตรวจสอบเป็นระยะเพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3ระยะคือ
ระยะที่ 1 การประเมินหลักสูตรก่อนนาหลักสูตรไปใช้ (Project Analysis)
ในช่วงระหว่างที่มีการสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรอาจมีการดาเนินการตรวจสอบทุกขั้นตอนของการจัด
ทานับแต่การกาหนดจุดมุ่งหมายไปจนถึงการกาหนดการวัดและประเมินผลการเรียนซึ่งสามารถทาได้ 2
ลักษณะคือ
1.
ประเมินหลักสูตรเมื่อสร้างหลักสูตรฉบับร่างเสร็จแล้วก่อนจะนาหลักสูตรไปใช้จริงควรมีการประเมินตรวจสอ
บ คุ ณ ภ า พ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ฉ บั บ ร่ า ง แ ล ะ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ต่ า ง ๆ
ของหลักสูตรการประเมินหลักสูตรในระยะนี้ต้องอาศัยความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านพัฒนาหลักสูตรทาง
ด้านวิชาชีพครูทางด้านการวัดผลหรือจะให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์หรือพิจารณาก็ได้
2.
ประเมินผลในขั้นตอนทดลองใช้เพื่อปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ขาดตกบกพร่องหรือเป็นปัญหาให้มีความสมบูรณ์เพื่อ
ประสิทธิภาพในการนาไปใช้ต่อไปเช่นหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2521 มีการทดลองใช้ตั้งแต่พ.ศ. 2519 และ
2520 เพื่อหาข้อบกพร่องอุปสรรคจะได้แก้ไขให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป
ระยะที่ 2 การประเมินหลักสูตรระหว่างการดาเนินการใช้หลักสูตร (Formative Evaluation)
ในขณะที่มีการดาเนินการใช้หลักสูตรที่จัดทาขึ้นควรมีการประเมินเพื่อตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถ
นาไปใช้ได้ดีเพียงใดหรือบกพร่องในจุดไหนจะได้แก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมเช่นประเมินกระบวนการใช้หลัก
สูตรในด้านการบริหารการจัดการหลักสูตรการนิเทศกากับดูแลและการจัดกระบวนการเรียนการสอน
ระยะที่ 3 การประเมินหลักสูตรหลังการใช้หลักสูตร (SummativeEvaluation)
หลังจากที่มีการใช้หลักสูตรมาแล้วระยะหนึ่งคือครบกระบวนการเรียบร้อยแล้วควรจะประเมินหลักสู
ต ร ทั้ ง ร ะ บ บ ซึ่ ง ไ ด้ แ ก่ ก า ร ป ร ะ เ มิ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ด้ า น ต่ า ง ๆ
ของหลักสูตรทั้งหมดคือเอกสารหลักสูตรวัสดุหลักสูตรบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรการบริหารหลักสู
ต ร ก า ร นิ เ ท ศ ก า กั บ ติ ด ต า ม ก า ร จั ด ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ฯ ล ฯ
เพื่อสรุปผลตัดสินว่าหลักสูตรที่จัดทาขึ้นนั้นควรจะดาเนินการใช้ต่อไปหรือควรปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นหรือควร
จะยกเลิกเช่น หลักสู ตรประถมศึกษาพุทธศักราช 2521 มีช่วงระ ยะการใช้งาน 6 ปี เมื่อครบ 6
ปี แล้วจะมีการประเมิน ผลห ลักสูตรรวบยอดทั้งหมดโดยนาข้อมูลตั้งแต่ระยะที่ 1จนถึงระยะที่ 2
มารวบรวมวิเคราะห์และประเมินคุณค่าทั้งนี้อาจจะต้องอาศัยข้อมูลที่สาคัญอีกบางข้อมูลเช่นผลสัมฤทธิ์ทางการ
ศึกษาของผู้เรียนซึ่งได้แก่การนาไปใช้ในการดารงชีวิตการประกอบอาชีพเข้ามาประกอบการวิเคราะห์และประเ
มินค่าด้วย
4. ขอบเขตในการประเมินหลักสูตร
การประเมินผลหลักสูตรเป็นงานที่มีความซับซ้อนมีความกว้างขวางและมีความละเอียดอ่อนมากการป
ระเมินผลหลักสูตรต้องคานึงถึงปัจจัยหลายอย่างที่จะต้องนาเข้ามาเกี่ยวข้องในลักษณะที่มีความสัมพันธ์ต่อกันกา
รประเมินผลหลักสูตรมิได้หมายความว่าจะประเมินเฉพาะตัวหลักสูตรที่เป็นเอกสารจัดทาเป็นรูปเล่มเท่านั้นแต่ต้
องประเมินสถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรทั้งหมดเช่นนักเรียนครูกระบวนการระบบต่างๆ
โ ค ร ง ก า ร ต่ า ง ๆ ฯ ล ฯ ข้ อ มู ล ต่ า ง ๆ
ที่ได้จากการประเมินผลสภาพการณ์ดังกล่าวจะเป็นตัวชี้ได้ว่าหลักสูตรที่ใช้อยู่เป็นอย่างไร
จากแน วคิดดังกล่าวนั กการศึกษาได้พ ยายามจัดรวบรวมสภาพ การณ์ขั้น ตอน ต่าง ๆ
จัดเป็นหมวดหมู่หรือกาหนดขอบข่ายให้ชัดเจนขึ้นเพื่อสะดวกในการที่จะดาเนินการประเมินผลนักการศึกษาได้
เสนอขอบข่ายของการประเมินผลไว้ดังนี้
โบแชมป์ (Beauchamp. 1975:177) ได้กาหนดขอบข่ายการประเมินหลักสูตรไว้ว่าควรประเมิน 4
ด้านคือ
1 .ประเมินผลการใช้หลักสูตร (Evaluation of Teacher use of the Curriculum)
2. ประเมินผลรูปแบบของหลักสูตร (Evaluation of theDesign)
3. ประเมินผลการเรียนของนักเรียน (Evaluation of Pupil Outcomes)
4. ประเมินผลระดับหลักสูตร (Evaluation of Curriculum System)
เ ซ เ ล อ ร์ แ ล ะ อ เ ล็ ก ซ า น เ ด อ ร์ (Saylor and Alexander, 1981: 265)
ได้กล่าวถึงขอบเขตของการประเมินหลักสูตรไว้ดังนี้
1 .
การประเมินจุดมุ่งหมายของโรงเรียนจุดมุ่งหมายของหลักสูตรจุดมุ่งหมายเฉพาะวิชาและจุดมุ่งหมายในการสอน
เพื่ อ จ ะ ดู ว่า จุด มุ่ง ห ม า ยเห ล่านั้ น เห มาะ ส มกับ ตัว ผู้เรี ย น ส ภ าพ แ ว ด ล้ อ มห รื อ ไ ม่
มีความเที่ยงตรงและครอบคลุมเพียงใด
2 .
การประเมินผลโครงการการศึกษาของโรงเรียนทั้งหมดเช่นการเตรียมพร้อมของโรงเรียนการดาเนินงานของกลุ่
มโรงเรียน งบประ มาณ การเงิน การแน ะ แน วห้องสมุดดูว่าการดาเนิ น งาน โครงการต่าง ๆ
ได้ดาเนินการไปอย่างไรและมีประสิทธิภาพเพียงใด
3. การประเมิน ผลการเลือกเนื้อหาและการจัดประสบการณ์เรียน และกิจกรรมต่างๆ
ว่าเหมาะสมเพียงใด
4 .
การประเมินผลการสอบเพื่อดูว่าการสอนของครูดาเนินไปโดยยึดตัวหลักสูตรหรือไม่การสอนได้เปลี่ยนแปลงพ
ฤติกรรมของผู้เรียนไปตามที่ต้องการหรือไม่เพราะผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนคือผลสัมฤทธิ์ในกา
รสอนของครู
5 .
การประเมินผลโครงการประเมินผลเพื่อป้องกันการผิดพลาดซึ่งจะทาให้การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรผิด
พลาดไปด้วย
สุ มิ ต ร คุ ณ า นุ ก ร (2520: 198 – 202)
ได้แสดงความคิดเห็นว่าการประเมินผลเพื่อตัดสินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรนั้นควรมีขอบเขตอยู่ 4ประการคือ
1. การวิเคราะห์ตัวหลักสูตร
2. การวิเคราะห์กระบวนการนาหลักสูตรไปใช้
3. การวิเคราะห์สัมฤทธิ์ผลการเรียนของเด็ก
4. การวิเคราะห์โครงการประเมินผล
ใ จ ทิ พ ย์ เ ชื้ อ รั ต น พ ง ษ์ (2539 : 195 – 197)
กล่าวว่าในการประเมินหลักสูตรนั้นสิ่งที่ต้องประเมินสามารถแบ่งได้ดังนี้
1. การประเมินเอกสารหลักสูตรเป็นการตรวจสอบคุณภาพขององค์ประกอบต่างๆ ของหลักสูตร
2 .
การประเมินการใช้หลักสูตรเป็นการตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถนาไปใช้กับสถานการณ์จริงเพียงใด
3. การประเมินสัมฤทธิ์ผลของหลักสูตรเป็นการตรวจสอบสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียน
4. การประเมินระบบหลักสูตร
สันต์ ธรรมบารุง (2527:141-142) ได้กาหนดขอบเขตการประเมินผลหลักสูตรไว้ดังนี้
1. ประเมินหลักสูตรความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์
2. ประเมินโครงการทั้งหมดของโรงเรียน
3. ประเมินโครงการเฉพาะส่วน
4. ประเมินการเรียนการสอน
5. ประเมินโครงการ การประเมินผล
6. ประเมินโครงการความสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนถึงการสอนด้วย
7. ประเมินโครงการของผู้เรียนจบออกไปว่าหางานทาได้หรือไม่
จา ก ข อ บ เ ข ต ก าร ป ร ะ เมิน ผ ล ห ลัก สู ต ร ที่ ย ก ม าเป็ น ตั วอ ย่า ง จ ะ เห็ น ได้ ว่า
การประเมินหลักสูตรนั้นสามารถทาการประเมินได้ในขอบเขตที่แตกต่างกันอาจจะเป็นการประเมินในขอบเขต
ที่แคบ เช่น การประเมิน จุดมุ่งหมายของหลักสู ตร หรือการประเมิน ใน ขอบเขตที่กว้าง เช่น
ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ทั้ ง ร ะ บ บ
ซึ่งขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของการประเมินหรือสิ่งที่เราต้องการตรวจสอบและระยะของการประเมินดังกล่าวมาแล้
ว
5. หลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตร
เนื่องจากการประเมินหลักสูตรเป็ นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนมาก ผู้ทาหน้าที่ประเมินผล
จาเป็นต้องยึดหลักการที่สาคัญในการประเมินผลเพื่อที่จะทาให้การประเมินผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ได้ผลจากการประเมินหลักสูตรที่มีคุณค่าเพียงพอที่จะนาไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาหลักสูตรได้จริง
เ ป็ น ข้ อ มู ล ห รื อ ห ลั ก ฐ า น ที่ เ ชื่ อ ถื อ ไ ด้ สู ง
มีความเที่ยงตรงเราจะพบว่าในการประเมินหลักสูตรผลจากการประเมินผลหลายต่อหลายเรื่องมิได้ถูกนาไปใช้ก็
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทั้งๆ ที่การประเมินผลหลักสูตรแต่ละครั้งเป็ นงานใหญ่ต้องลงทุน ลงแรงสูง
เพ ร า ะ ฉ ะ นั้ น ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลัก สู ต ร เ พื่ อ ใ ห้ ไ ด้ ผ ล ก า ร ป ร ะ เมิ น ที่ มีคุ ณ ค่า
เราจึงมีหลักเกณฑ์ที่จะช่วยในการประเมินดังนี้
1. มี จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ที่ แ น่ น อ น
การประเมินผลหลักสูตรจะต้องกาหนดลงไปให้แน่นอนชัดเจนว่าประเมินอะไร
2. มีการวัดที่เชื่อถือได้ โดยมีเครื่องมือและเกณฑ์การวัดซึ่งเป็นที่ยอมรับ
3. ข้ อ มู ล เ ป็ น จ ริ ง จ า เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง ส า ห รั บ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ดั ง นั้ น
ข้อมูลจะต้องได้มาอย่างถูกต้องเชื่อถือได้และมากพอที่จะใช้เป็นตัวประเมินค่าหลักสูตรได้
4. มีขอบเขตที่แน่นอนชัดเจนว่าเราต้องการประเมินในเรื่องใดแค่ไหน
5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ
6. ก า ร ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ม า เ พื่ อ ก า ห น ด ก ฎ เ ก ณ ฑ์
และกาหนดเครื่องมือในการประเมินผลจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
7.การวิเคราะห์ผลการปะเมินต้องทาอย่างระมัดระวังรอบคอบ และให้มีความเที่ยงตรงใน
การพิจารณา
8. การประเมินผลหลักสูตรควรใช้วิธีการหลายๆ วิธี
9. มีเอกภาพในการตัดสินผลการประเมิน
10. ผ ล ต่ า ง ๆ
ที่ได้จากการประเมินควรนาไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในโอกาสต่อไป
เพื่อให้ได้หลักสูตรที่ดี และมีคุณค่าสูงสุดตามที่ต้องการ
6. ขั้นตอนในการประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรเป็ นกระบวนการในการพิจารณาคุณค่าหรือนิยม (Worth or Value)
ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ขั้ น ต อ น ห รื อ วิ ธี ก า ร ป ร ะ เ มิ น จึ ง มี ค ว า ม ส า คั ญ ม า ก
ซึ่งนักศึกษาหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนในการประเมินหลักสูตรดังนี้
ทาบา (Taba, 1962:324) ให้แนวทางในการประเมินผลหลักสูตรเป็นกระบวนการมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1.
วิเคราะห์และตีความตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรให้มองเห็นกระจ่างชัดในเชิงพฤติกรรมคือปฏิบัติได้จริง
(Formulation and Clarification for Objective)
2.คัดเลือกและสร้างเครื่องมือที่เหมาะสมสาหรับค้นหาหลักสูตร (Selection andConstructionof the
Appropriate Instruments for Getting Evidences)
3. ใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นประเมินผลหลักสูตรตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (Application of Evaluative Criteria)
4.
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังจากนักเรียนและลักษณะของการสอนเพื่อนามาประกอบในการแปรผลของการป
ร ะ เมิ น (Information on the Background of Students and the Nature of Instruction in the Light Which to
Interpretthe Evidences)
ใ จ ทิ พ ย์ เ ชื้ อ รั ต น พ ง ษ์ (2539: 198-202) ก ล่ า ว ว่ า
ในการประเมินหลักสูตรนั้นผู้ประเมินผลควรดาเนินตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบดังนี้ คือ
1. ขั้ น ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร
ผู้ประเมินหลักสูตรต้องกาหน ดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมิน ให้ชัดเจน ก่อน ว่า
จะประเมินส่วนใดหรืออย่างใดและในแต่ละเรื่องจะศึกษาบางส่วนในเรื่องนั้นๆ ก็ได้
2. ขั้นวางแผนออกแบบการประเมิน คือ
2.1 การกาหนดกลุ่มตัวอย่าง
2.2 การกาหนดแหล่งข้อมูล
2.3 การพัฒนาเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
2.4 การกาหนดเกณฑ์ในการประเมิน
2.5 การกาหนดเวลา
3. ขั้นรวบรวมข้อมูล
4. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
5. ขั้นรายงานผลการประเมิน
จ า ก ขั้ น ต อ น ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ที่ ก ล่ า ว ม า ทั้ ง ห ม ด
สามารถสรุปขั้นตอนการประเมินหลักสูตรได้ดังนี้
1. ขั้ น ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ห รื อ จุ ด มุ่ ง ห ม า ย ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น
การกาหนดจุดมุ่งหมายในการประเมินเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการในการดาเนินการประเมินหลักสูตร
ผู้ประเมินต้องกาหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมินให้ชัดเจนว่าจะประเมินอะไร
ใ น ส่ ว น ใ ด ด้ ว ย วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ อ ย่ า ง ไ ร เ ช่ น
ต้องการประเมินเอกสารหลักสูตรเพื่อดูว่าเอกสารหลักสูตรถูกต้องสมบูรณ์สามารถนาไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภ
าพแค่ไหน หรือจะประเมินการนาหลักสูตรไปใช้ในเรื่องอะไรแค่ไหน หรือการนาหลักสูตรไปใช้ทั้งหมด
หรือจะประเมินหลักสูตรทั้งระบบการกาหนดวัตถุประสงค์ในการประเมินที่ชัดเจนทาให้เราสามารถกาหนดวิธีก
าร เครื่องมือ และขั้นตอนในการประเมินได้อย่างถูกต้อง และทาให้การประเมินหลักสูตรดาเนินไป
2. ขั้ น ก า ห น ด ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ วิ ธี ก า ร ที่ จ ะ ใ ช้ ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล
การกาหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนาไปสู่เป้าหมายของการประเมินเกณฑ์การประเ
มิ น จ ะ เ ป็ น เ ค รื่ อ ง บ่ ง ชี้ คุ ณ ภ า พ ใ น ส่ ว น ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ที่ ถู ก ป ร ะ เ มิ น
การกาหนดวิธีการที่จะใช้การประเมินผลทาให้เราสามารถดาเนินงานไปตามขั้นตอนได้อย่างราบรื่น
3. ขั้ น ก า ร ส ร้ า ง เ ค รื่ อ ง มื อ แ ล ะ วิ ธี ก า ร เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสาคัญที่จะมีผลทาให้ก
า ร ป ร ะ เ มิ น นั้ น น่ า เ ชื่ อ ถื อ ม า ก น้ อ ย แ ค่ ไ ห น
ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจึงเป็นขั้นตอนที่สาคัญ
ซึ่งผู้ประเมินจะต้องเลือกใช้และสร้างอย่างมีคุณภาพมีความเชื่อถือได้ และมีความเที่ยงตรงสูง
4. ขั้ น เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล
ในขั้นการรวบรวมข้อมูลนั้นผู้ประเมินต้องเก็บรวบรวมข้อมูลตามขอบเขตและระยะเวลาที่กาหนดไว้
ใ น บ า ง ค รั้ ง ถ้ า จ า เ ป็ น ต้ อ ง อ า ศั ย ผู้ อื่ น ใ น ก า ร ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล
ค ว ร พิ จ า ร ณ า ผู้ ที่ จ ะ ม า ท า ห น้ า ที่ เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ที่ มี ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม
เพราะผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีส่วนช่วยให้ข้อมูลที่รวบรวมได้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ
5. ขั้น วิเคราะ ห์ ข้อมูล ใน ขั้ น นี้ ผู้ประ เมิน จะ ต้อง กาห น ด วิธี การจัดระ บบ ข้อมูล
พิจารณาเลือกใช้สถิติใน การวิเคราะห์ที่เหมาะสม แล้วจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้ น
โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ได้กาหนดไว้
6. ขั้ น ส รุ ป ผ ล ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล แ ล ะ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น
ใ น ขั้ น นี้ ผู้ ป ร ะ เ มิ น จ ะ ส รุ ป แ ล ะ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล ใ น ขั้ น ต้ น
ผู้ป ร ะ เมิน จ ะ ต้อ ง พิ จ าร ณ ารู ป แ บ บ ข อ ง ก าร ร ายง าน ผ ล ว่าค ว ร จะ เป็ น รู ป แ บ บ ใ ด
และการรายงาน ผลจะมุ่งเสน อข้อมูลที่บ่ง ชี้ ให้เห็ น ว่า หลักสู ตรมีคุณ ภ าพ หรื อไม่เพี ยงใ ด
มีส่วนใดบ้างที่ควรแก้ไข ปรับปรุงหรือยกเลิก
7. ขั้นนาผลที่ได้จากการประเมินไปพัฒนาหลักสูตรในโอกาสต่อไป
7. ประโยชน์ของการประเมินหลักสูตร
การประเมินผลหลักสูตรเป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งที่จะทาให้เราทราบถึงคุณภาพและประสิทธิภ
า พ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร
การประเมินผลมีประโยชน์ในการจัดการศึกษาการจัดทาหรือพัฒนาหลักสูตรต้องอาศัยผลการประเมินผลเป็นสา
คัญ ประโยชน์ของการประเมินผลหลักสูตรมีดังนี้
1. ท าใ ห้ ท ราบ ห ลัก สู ต รที่ สร้าง ห รื อพั ฒ น าขึ้ น นั้ น มีจุดดีห รื อจุดเสี ยตรง ไห น
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนปรับปรุงได้ถูกจุด ส่งผลให้หลักสูตรมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน
3.ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุนช่วยเหลือ
หรือบริการทางด้านใดบ้าง
4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสาคัญของการศึกษา
5. ส่ ง เส ริ ม ใ ห้ ผู้ ป ก ค ร อ ง มีค ว าม สั ม พั น ธ์ ใ ก ล้ ชิ ด กับ โร ง เ รี ย น ม า ก ยิ่ ง ขึ้ น
ทั้งนี้เพื่อให้การเรียนการสอนนักเรียนได้ผลดี ด้วยความร่วมมือกันทั้งทางโรงเรียนและทางบ้าน
6. ใ ห้ ผู้ ป ก ค ร อ ง ท ร า บ ค ว า ม เ ป็ น ไ ป อ ย่ า ง ส ม่ า เ ส ม อ
เพื่อหาทางส่งเสริมและปรับปรุงแก้ไขร่วมกันระหว่างผู้ปกครองนักเรียนกับทางโรงเรียน
7. ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล เ ป็ น ร ะ บ บ ร ะ เ บี ย บ เ พ ร า ะ มี เ ค รื่ อ ง มื อ
และหลักเกณฑ์ทาให้เป็นเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
8. ช่วยชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของหลักสูตร
9. ช่ ว ย ใ ห้ ส า ม า ร ถ ว า ง แ ผ น ก า ร เ รี ย น ใ น อ น า ค ต ไ ด้
ข้ อ มู ล ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร ท า ใ ห้ ท ร า บ เ ป้ า ห ม า ย แ น ว ท า ง
และขอบเขตในการดาเนินการจัดการศึกษาของโรงเรียน
8. ปัญหาในการประเมินหลักสูตร
ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ตอน ต้นว่า การประเมิน หลักสู ตรเป็ น งาน ที่มีขอบเขตกว้างขวาง
มีขั้น ตอ น ใ น ก ารป ฏิ บัติง าน ห ลายขั้น ต อน แล ะ ต้อง เกี่ยวกับ บุ คค ลห ล ายฝ่ าย ดัง นั้ น
ในการประเมินหลักสูตรจึงมักพบกับปัญหาในแต่ละขั้นตอนหรือแต่ละกระบวนการที่แตกต่างกันไปปัญหาที่มัก
พบทั่วไปในการประเมินหลักสูตรมีดังนี้
1.ปัญหาด้านการวางแผนการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรมักไม่มีการวางแผนล่วงหน้า
ทาให้ขาดความละเอียดรอบคอบในการประเมินผล และไม่ครอบคลุมสิ่งที่ต้องการประเมิน
2.ปัญหาด้านเวลา การกาหนดเวลาไม่เหมาะสมการประเมินหลักสูตรไม่เสร็จตามเวลาที่กาหนด
ทาให้ได้ข้อมูลเนิ่นช้าไม่ทันต่อการนามาปรับปรุงหลักสูตร
3. ปั ญ ห า ด้ า น ค ว าม เชี่ ย ว ช า ญ ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร
คณ ะ กรรมการป ระ เมิน ห ลัก สู ตรไม่มีความรู้ค วามเข้าใ จเรื่ อง ห ลัก สู ต รที่ จะ ป ระ เมิน
หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผลทาให้ผลการประเมินที่ได้ไม่น่าเชื่อถือขาดความระเอียดรอบคอบ
ซึ่งมีผลทาให้การแก้ไขปรับปรุงปัญหาของหลักสูตรไม่ตรงประเด็น
4.ปัญหาด้านความเที่ยงตรงของข้อมูล ข้อมูลที่ไม่ใช้ในการประเมินไม่เที่ยงตรงเนื่องจาก
ผู้ประเมินมีความกลัวเกี่ยวกับผลการประเมิน จึงทาให้ไม่ได้เสนอข้อมูลตามสภาพความเป็ นจริงหรือ
ผู้ถูกประเมินกลัวว่าผลการประเมินออกมาไม่ดี จึงให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง
5.ปัญหาด้านวิธีการประเมิน การประเมินหลักสูตรส่วนมากมาจากประเมินในเชิงปริมาณ
ท า ใ ห้ ไ ด้ ข้ อ ค้ น พ บ ที่ ผิ ว เ ผิ น ไ ม่ ลึ ก ซึ้ ง
จึง คว รมีก ารป ระ เมิน ผล ที่ ใ ช้วิธี ก ารป ร ะ เมิน เชิ ง ป ริ มาณ แล ะ เชิ ง คุณ ภ าพ ค วบ คู่กัน
เพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์และมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
6.ปัญหาด้านการประเมินหลักสูตรทั้งระบบการประเมินหลักสูตรทั้งระบบมีการดาเนินงานน้อยมาก
ส่วนมากมักจะประเมินผลเฉพาะด้าน เช่น ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในด้านวิชาการ (Academic
Achievement) เป็นหลัก ทาให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
7. ปั ญ ห า ด้ า น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร อ ย่ า ง ต่ อ เ นื่ อ ง
คณะกรรมการประเมินหลักสูตรหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมักไม่ประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
8. ปั ญ ห าด้าน เก ณ ฑ์ ก ารป ร ะ เมิน เก ณ ฑ์ ก าร ป ระ เมิน ห ลัก สู ต รไ ม่ชั ด เจ น
ทาให้ผลการประเมินไม่เป็นที่ยอมรับ และไม่ได้นาผลไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรอย่างจริงจัง
9. รูปแบบของการประเมินหลักสูตร
ใ น เ รื่ อ ง รู ป แ บ บ ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร
มีนักวิชาการซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านหลักสูตรและการประเมินผลเสนอแนะหลายรูปแบบด้วยกันซึ่งสามารถนามา
ศึกษาเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการ ในปัจจุบันรูปแบบของการประเมินหลักสูตรสามรถแบ่งได้เป็น
2 ประเภทใหญ่ๆคือ
1.รูปแบบของการประเมินหลักสูตรที่สร้างเสร็จใหม่ๆ เป็นการประเมินผลก่อนนาหลักสูตร ไปใช้
กลุ่มนี้จะเสนอรูปแบบที่เด่นๆ คือ รูปแบบการประเมินหลักสูตรด้วยเทคนิคการวิเคราะห์แบบ ปุยแชงค์
(Puissance Analysis Technique)
2.รูปแบบของการประเมินหลักสูตรในระหว่างหรือหลังการใช้หลักสูตรสามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ
ได้เป็น 4 กลุ่ม คือ
2.1รู ปแบบการประเมิน หลักสูตรที่ยึดจุดมุ่งหมายเป็ น หลัก (GoalAttainment Model)
เป็นรูปแบบการประเมินที่จะประเมินว่าหลักสูตรมีคุณค่ามากน้อยเพียงใดโดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายเป็นหลัก
กล่าวคือพิจารณาว่าผลที่ได้รับเป็นไปตามจุดมุ่งหมายหรือไม่เช่น รูปแบบการประเมินหลักสูตรของไทเลอร์
(Ralph W. Tyler) และรูปแบบการประเมินหลักสูตรของแฮมมอนด์ (Rabert L. Hammond)
2.2 รู ป แบ บ การป ระ เมิน ห ลักสู ต รที่ ไม่ยึด เป้ าห มาย (GoalFree Evaluation Model)
เป็นรูปแบบการประเมินที่ไม่นาความคิดของผู้ประเมินเป็นตัวกาหนดความคิดในโครงการประเมินผู้ประเมินจะ
ประเมินเหตุการณ์ที่เกิดตามสภาพความเป็นจริง มีความเป็นอิสระในการประเมินและ ไม่ต้องมีความลาเอียง
เช่น รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสคริฟเวน (Michael Scriven)
2.3 รู ป แ บ บ ก าร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร ที่ ยึ ด เก ณ ฑ์ เป็ น ห ลัก (Criterion Model)
เป็นรูปแบบการประเมินที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการตัดสินคุณค่าของหลักสูตรโดยใช้เกณฑ์เป็นหลักเช่น
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค (Robert E. Stake)
2.4 รูปแบ บการประเมิน ห ลักสู ตรที่ช่วยใ น การตัดสิ น ใ จ (Decision-Mzking Model)
เป็ นรูปแบบการประเมินที่เน้นการทางานอย่างมีระบบเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล
และการเสนอผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น
รูปแบบการประเมินของโพรวัส(Malcolm Provus) รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีม(DanielL.
Stufflebeam) และรูปแบบการประเมินหลักสูตรของดอริสโกว์ (Doris T. Gow) เป็นต้น
การประ เมิน ห ลักสู ตรมีขอ บเขตต่าง ๆ ที่จะ ต้อง ท าการป ระ เมิน กว้าง ขวาง มาก
ดังนั้นวิธีการประเมินหลักสูตรจึงต้องได้รับการวิเคราะห์และออกแบบให้สามารถที่จะประเมินได้ครบถ้วนในข
อ บ ข่ า ย ส า ร ะ ทั้ ง ห ม ด รู ป แ บ บ ต่า ง ๆ ที่ จ ะ ใ ช้ ป ร ะ เมิ น ผ ล มี ห ล า ย รู ป แ บ บ
ผู้มีหน้าที่ในการประเมินผลจาเป็นต้องเรียนรู้ทาความเข้าใจให้กระจ่างชัด และจะต้องนารูปแบบต่างๆ
ไป ใ ช้ อ ย่าง ถู ก ต้อ ง ต รง ต ามจุ ด ห มาย แ ล ะ ลัก ษ ณ ะ ข อ ง ข อ บ ข่ายส าระ แ ต่ล ะ อ ย่า ง
ทั้งนี้เป็นไปได้ว่าการประเมินผลขอบข่ายสาระทั้งหมดของหลักสูตรจาเป็นต้องใช้วิธีการหลายวิธีหรือหลายๆ
รูปแบบจึงจะได้ข้อมูลที่มีความเชื่อมั่นในการที่จะนาไปพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณค่าเหมาะสมกับความต้องการขอ
งสังคม รูปแบบการประเมินมีดังนี้
9.1 รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค (TheStake’s Congruence ContingencyModel)
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตคเป็นรูปแบบการประเมินหลักสูตรที่ยึดเกณฑ์เป็นหลักสูตร
สเตคได้ให้ความหมายของการประเมินหลักสูตรว่า เป็นการบรรยายและการตัดสินคุณค่าของหลักสูตร
ซึ่งเน้นเรื่องการบรรยายสิ่งที่จะถูกประเมิน โดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิในการตัดสินคุณค่า
ส เ ต ค มี จุ ด มุ่ง ห ม า ย ที่ จ ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร โ ด ย ก า ร ป ร ะ เ มิ น ดั ง นั้ น
สเตคจึงเสนอว่าควรมีการพิจารณาข้อมูลเพื่อประเมินผลหลักสูตร 3 ด้าน คือ
1. ด้าน สิ่ งที่ มาก่อน ห รื อสภ าพ ก่อน เริ่ มโค รง การ (Antecedent) ห มายถึง สิ่ ง ต่าง ๆ
ที่เอื้อให้เกิดผลจากหลักสูตรและเป็ นสิ่งที่มีอยู่ก่อนการใช้หลักสูตรอยู่แล้วประกอบด้วย 7 หัวข้อ คือ
บุคลิกและนิสัยของนักเรียน บุคลิกและนิสัยครู
2.ด้านเนื้อหาในหลักสูตร วัสดุอุปกรณ์ การเรียนการสอน อาคารสถานที่ การจัดโรงเรียน
ลักษณะของชุมชนขณะที่มีการเรียนการสอนระหว่างนักเรียนกับนักเรียน นักเรียนกับครู ครูกับผู้ปกครอง ฯลฯ
เป็นขั้นของการใช้หลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย 5 หัวข้อ คือ การสื่อสาร การจัดแบ่งเวลา การลาดับเหตุการณ์
การให้กาลังใจ และบรรยากาศของสิ่งแวดล้อม
3.ด้านผลผลิต หรือผลที่ได้รับจากโครงการ (Outcomes) หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตร
ประกอบด้วย 5หัวข้อ คือ ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ทัศนคติของนักเรียน ทักษะของนักเรียน ผลที่เกิดขึ้นกับครู
และผลที่เกิดขึ้นกับสถาบันซึ่งรูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตคแสดงให้เห็นเป็นตาราง 3 ดังนี้
ตาราง 3วิเคราะห์หลักสูตรของสเตค
เกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร
ข้อมูลสาหรับการวิเคราะห์หลักสูตร
ข้อมูลเชิงบรรยาย ข้อมูลเชิงตัดสิน
ผลที่คาดหวัง ผลที่เกิดขึ้น มาตรฐานที่ใช้ การตัดสินใจ
1. สภาพก่อนเริ่มโครงการ
-บุคลิกและนิสัยของนักเรียน
-บุคลิกและนิสัยของครู
-เนื้อหาในหลักสูตร
-อุปกรณ์การเรียนการสอน
-บริเวณโรงเรียน
-ชุมชน
2. กระบวนการในการเรียน
-การสื่อสาร
-เวลาที่จัดให้
-ลาดับของเหตุการณ์
-การให้กาลังใจ
-สภาพสังคมหรือบรรยากาศ
3. ผลที่ได้รับจากโครงการ
-ความสาเร็จของนักเรียน
-ทัศนคติของนักเรียน
เกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร
ข้อมูลสาหรับการวิเคราะห์หลักสูตร
ข้อมูลเชิงบรรยาย ข้อมูลเชิงตัดสิน
ผลที่คาดหวัง ผลที่เกิดขึ้น มาตรฐานที่ใช้ การตัดสินใจ
-ทักษะของนักเรียน
-ผลที่ครูได้รับ
-ผลที่สถาบันได้รับ
จากแบบตัวอย่างของสเตคนี้จะเห็นว่าขั้นตอนในการประเมินผลหลักสูตรจะเป็นดังนี้ คือ
1. การตั้งเกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร
สเตคได้เส น อหั วข้อของ เกณ ฑ์ ที่จะ ใ ช้ใน การวิเคราะห์ หลักสู ตรได้ 3 หั วข้อ คือ
เรื่ อ ง เ กี่ ย ว กั บ สิ่ ง ที่ มี ม า ก่อ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ใ น ก า ร ส อ น แ ล ะ ผ ล ที่ เ กิ ด ขึ้ น
เขาให้ความคิดเห็นว่าการประเมินจากผลที่ได้รับนั้นยังไม่พอที่จะประเมินว่าหลักสูตรนั้นดีหรือไม่เพียงใดเพราะ
ผ ล ที่ ไ ด้ นั้ น ขึ้ น อ ยู่ กั บ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ อี ก ห ล า ย อ ย่ า ง เ ป็ น ต้ น ว่ า
หากผู้เรียนไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ก็มิได้หมายความว่าหลักสูตรนั้นเป็ นหลักสูตรที่ไม่ดี
การที่ผู้เรียน ไม่สามารถเรียน ได้ตามที่ต้องการ อาจมาจากองค์ประกอบทางด้าน เวลา เช่น
ให้เวลาแก่ผู้เรียนน้อยไปเวลาที่จัดให้ไม่เหมาะสม
ดั ง นั้ น
การที่จะช่วยดูแต่ผลที่ได้รับและนามาประเมินค่าหลักสูตรนั้นเป็นการไม่เพียงพอและอาจจะไม่สามารถช่วยชี้ช่อ
ง ท า ง ก า ร ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร นั้ น แ ต่ อ ย่ า ง ใ ด ด้ ว ย เ ห ตุ นี้
สเตคจึงได้เสนอว่าควรมีการพิจารณาข้อมูลเพื่อประเมินผลหลักสูตรถึง 3ด้านดังที่กล่าวมาแล้ว
2. การหาข้อมูลมาประกอบ
หลังจากที่ได้ตั้งเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อนามาเป็นแนวทางในการประเมินผลหลักสูตรแล้วผู้ประเมินผลหลักสู
ตรจะต้องทาการเก็บรวบรวม ข้อมูลเพื่อนามาพิจารณาตามแบบตัวอย่างของสเตคแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนที่เป็นการบรรยายหรือเรียกว่า “ข้อมูลเชิงบรรยาย”(DescriptiveData) ประกอบด้วยข้อมูล 2
ชนิด คือ
1.1ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่คาดหวังของหลักสูตรเกี่ยวกับสิ่งที่มาก่อนกระบวนการเรียน การสอน
และผลผลิตของหลักสูตร
1.2
ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติจริงซึ่งสังเกตได้หรือทดสอบได้เกี่ยวกับสิ่งที่มีก่อนกระบวนการเรียนก
ารสอน ผลผลิตของหลักสูตร
ผู้ประเมิน จะต้องอธิบายความสัมพัน ธ์ (Contingency) ระห ว่างสิ่ งที่มาก่อน (Antecedents)
ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น (Transactions) แ ล ะ ผ ล ผ ลิ ต (Outcomes)
ข อ ง ห ลั ก สู ต ร แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ค ว า ม ส อ ด ค ล้ อ ง (Congruence)
ระหว่างสิ่งที่คาดหวังและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่อย่างไรจากการพิจารณาข้อมูลในลักษณะแนวตั้งและแนวนอน
นี้ สรุปเป็นแผนภูมิเกี่ยวกับการวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์และความสอดคล้องของหลักสูตรดังภาพประกอบ 30
ต่อไปนี้
ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่คาดหวัง ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
ความสอดคล้อง
ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์
ความสอดคล้อง
ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์
ความสอดคล้อง
ภ า พ ป ร ะ ก อ บ 31
แสดงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงบรรยายเพื่อหาความสัมพันธ์และความสอดคล้องของหลักสูตร
2.ส่วนที่เป็นการพิจารณาตัดสินคุณค่าของหลักสูตรหรือที่เรียกว่า “ข้อมูลเชิงตัดสิน” (Judgemental
Data) ประกอบด้วยข้อมูล 2 ชนิด คือ
2.1ข้อมูลที่เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Standards) ซึ่งเป็นแนวความคิดที่ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เช่นครู ผู้บริหาร
นักเรียน ผู้ปกครอง ฯลฯ เชื่อว่าควรจะใช้
สิ่งที่มีมาก่อน สิ่งที่มีก่อน
ก่อนก่อน
กระบวนการเ
รียนการสอน
กระบวนการเ
รียนการสอน
ผลผลิต ผลผลิต
2.2 ข้ อ มู ล ที่ เ ป็ น ก า ร ตั ด สิ น ข อ ง บุ ค ค ล ต่ า ง ๆ
ซึ่ ง เป็ น ค ว า มรู้ สึ ก นึ ก คิ ด ตั ด สิ น คุณ ภ า พ แ ล ะ ค ว า มเ ห มา ะ ส มข อ ง บุ ค ค ล ต่าง ๆ
ผู้ประเมินจะต้องตัดสินคูณค่าของหลักสูตรโดยใช้ข้อมูลที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานและข้อมูลที่เป็นการตัดสินของบุ
คคลต่างๆ มาประกอบการพิจารณาตัดสินว่าหลักสูตรมีส่วนใดดีหรือส่วนใดไม่ดี
3. วิธีการใช้ตารางในการประเมินผลของหลักสูตร
เริ่มต้นด้วยการพิจารณาข้อมูลทั้ง 4 หมวด ตามเกณฑ์ที่ตั้งขึ้น เช่น จากตารางแบบตัวอย่างของ สเตค
จ ะ เ ริ่ ม ที่ ข้ อ ก . ด้ า น สิ่ ง ที่ มี ม า ก่อ น ข้ อ ก .1 บุ ค ลิ ก แ ล ะ นิ สั ย ข อ ง นั ก เ รี ย น
เร า ก็ จ ะ พิ จ า ร ณ า ว่า ผ ล ที่ ค า ด ห วัง ห รื อ วัต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ใ น ด้ า น นี้ คื อ อ ะ ไ ร
และน ามาเปรียบเทียบกับผลที่เกิดขึ้น ว่าตรงห รือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ห รือไม่เพียงใ ด
และผลที่เกิดขึ้ นนั้ นใช้มาตรฐานอะ ไรวัดและถืออะไรเป็ นห ลักใน การตัดสิ นยกตัวอย่าง เช่น
ในเรื่องของบุคลิกและนิสัยของนักเรียน
ผลที่คาดหวัง : ต้องการนักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นากล้าซักถามโต้ตอบและโต้แย้ง
ผ ล ที่ เกิ ด ขึ้ น : ไ ด้ นั ก เ รี ย น ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ ค ว า ม เ ป็ น ผู้ น า ป ร ะ ม า ณ 20%
และได้นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นาตาม 80%
มา ต ร ฐ า น ที่ ใ ช้ : ค ว ร แ ล ะ นั ก บ ริ ห าร ก า ร ศึ ก ษ าเห็ น ว่า นั ก เรี ย น 1 0 0 %
ควรมีทั้งลักษณะความเป็นผู้นาและผู้ตามอยู่ในตัว
ที่มาของหลักสูตรการตัดสิน :สังคมประชาธิปไตย
จ าก ก าร เป รี ย บ เที ย บ เ ก ณ ฑ์ ข้อ มู ล ใ น ห มว ด ต่า ง ๆ ใ น ลั ก ษ ณ ะ ข้ า ง ต้ น
ผู้ประเมินจะสามารถเห็นว่าหลักสูตรนั้นมีความสอดคล้องกันหรือไม่ในด้านทฤษฎีและการปฏิบัติ
น อ ก จ า ก นั้ น ก า ร พิ จ า ร ณ า ข้ อ มู ล ต า ม แ น ว ตั้ ง
ผู้ป ระ เมิน นั้ น จ ะ พ บ ว่าห ลัก สู ตร นั้ น มีค วาม สั มพั น ธ์ ใ น ตัวกัน ห รื อไม่ ตัวอ ย่าง เช่น
ในเรื่องบุคลิกและนิสัยของนักเรียน
ภาพประกอบ 32 แสดงความสัมพันธ์ในการประเมินหลักสูตร
ใ น ลั ก ษ ณ ะ เ ช่น นี้ ก าร เ ป รี ย บ เที ย บ ข้อ มู ล ต า ม แ น ว ตั้ ง ข อ ง ห ลั ก ลู ก ศ ร
ผู้ประเมิน หลักสู ตรจะสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าการจัดการทั้ง 3ด้าน คือ ด้าน สิ่งที่มีมาก่อน
กระบวนการในการสอน และผลที่เกิดขึ้นนั้นมีความสัมพันธ์กันถูกต้องหรือไม่
การวิเคราะห์ถึงความสอดคล้องกับความสัมพันธ์กันของหลักสูตรนี้จะเป็นแนวทางชี้ให้เห็นถึงข้อบก
พร่องต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการปรับปรุงหลักสูตรเป็นอันมาก
9.2 รูปแบบของการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam)
แ ด เ นี ย ล แ อ ล ส ตั ฟ เ ฟิ ล บี ม ( Daniel L. Stufflebeam)
ได้อธิบายความหมายของการประเมินผลทางการศึกษาเอาไว้ว่าเป็นกระบวนการการบรรยายการหาข้อมูล
แ ล ะ ก า ร ใ ห้ ข้ อ มู ล เ พื่ อ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ห า ท า ง เ ลื อ ก
ฉะนั้นรูปแบบการประเมินผลหลักสูตรตามแนวคิดขอลสตัฟเฟิลบีมจึงเป็นรูปแบบเหมาะสมแก่การช่วยตัดสินใ
จเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด
ตามปกติสถานการณ์ในการตัดสินใจ (DecisionSettingt) โดยทั่วไปจะประกอบด้วยมิติที่สาคัญ 2
ประการ คือ
1. มิติด้าน ข้อมูลที่มีอยู่ (Information Grasp) คือถ้าเราจะ ตัดสิ น ใจทาอะ ไรสักอย่าง
เราจาเป็นต้องคานึงว่าเรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่มากน้อยเพียงใด
ผลที่คาดหวัง
นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นา
ผลที่เกิดขึ้น
ได้นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นา 20%
และมีลักษณะความเป็นผู้ตาม 80%
ผลที่คาดหวัง
การสอนที่มีลักษณะเป็น The way
Communication
ผลที่เกิดขึ้น
ครูส่วนใหญ่สอนโดยใช้ One way
Communication
และในเรื่องของกระบวนการในการสอนหรือสื่อสารข้อมูลสื่อสารปรากฏว่า
2. มิติ ด้ าน ป ริ ม าณ ค วา ม เป ลี่ ยน แ ป ล ง ที่ ต้อ ง ก า รใ ห้ เกิ ด ขึ้ น (Degree of Cange)
คื อ ค ว า ม ห ม า ย ว่ า ถ้ า เ ร า จ ะ ตั ด สิ น ใ จ ท า อ ะ ไ ร สั ก อ ย่ า ง ห นึ่ ง
เราต้องคานึงว่าเมื่อทาไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากน้อยสักแค่ไหน
จากรูปแบบการประเมินผลหลักสูตรตามแนวคิดของสตัฟเฟิลบีมแสดงให้เห็นว่า
1. ส ถ าน ก า ร ณ์ ตัด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก าร ใ ห้ มีก าร เป ลี่ ย น แ ป ล ง เ พี ย ง เล็ ก น้ อ ย
แต่ทว่าข้อมูลที่จะช่วยให้การตัดสินใจนั้นมีอยู่มากสถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Homeostatic
2.
สถานการณ์ตัดสินใจที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยและข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจก็มีอยู่น้อย
สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Incremental
3. ส ถ า น ก า ร ณ์ ตั ด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ มี ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ย่า ง ม า ก
แต่ว่าข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจมีอยู่น้อย สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Neomobilistic
4. ส ถ า น ก า ร ณ์ ตั ด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ มี ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ย่า ง ม า ก
และข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจก็มีอยู่มาก สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Metamorphism
จ า ก ที่ ก ล่ า ว ม า จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ า
การตัดสินใจนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตามก็จาเป็นต้องอาศัยข้อมูลเชิงประมาณ (Evaluation Data)
ม า ช่ ว ย เ ป็ น พื้ น ฐ า น เ พ ร า ะ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ใ ด ๆ
ของผู้บริหารที่ไม่ใช่ข้อมูลเชิงประมาณมาเป็นพื้นฐานในการหาทางเลือกย่อมเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการดาเนิ
นงานตามทางเลือกนั้นอย่างมาก
ส่ ว น ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ท า ง ก า ร ตั ด สิ น ใ จ นั้ น
ไม่ว่าจะเป็ น เรื่องจะ จัดเนื้ อหาวิชาใน หลักสู ตรอย่างไรจะ จัดการเรียน การสอน ด้วยวิธีไห น
จ ะ ใ ช้ สื่ อ ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น อ ะ ไ ร จ ะ จั ด กิ จ ก ร ร ม เ ส ริ ม ห ลั ก สู ต ร อ ะ ไ ร
ถ้าพิ จารณ าใ น แง่ขอ ง วิธี การกับ ผลที่ เกิดขึ้ น และ สิ่ งที่ คาดห วัง กับสิ่ ง ที่ จะ เกิดขึ้ น จริ ง
เราอาจจาแนกการตัดสินใจออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
(1)
การตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผน
Planning
(4)
การตัดสินใจเกี่ยวกับคุณสมบัติที่พึง
ประสงค์ (Recyccling)
สิ่งที่คาดหวัง สิ่งที่เป็นจริง
ผลที่เกิดขึ้น
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10
บทที่ 10

Contenu connexe

Tendances

บทที่9 การประเมินผลการเรียนรู้
บทที่9 การประเมินผลการเรียนรู้บทที่9 การประเมินผลการเรียนรู้
บทที่9 การประเมินผลการเรียนรู้Chainarong Maharak
 
มโนทัศน์เบื้องต้นสู่การวัดผล
มโนทัศน์เบื้องต้นสู่การวัดผลมโนทัศน์เบื้องต้นสู่การวัดผล
มโนทัศน์เบื้องต้นสู่การวัดผลNU
 
การวัด.docx
การวัด.docxการวัด.docx
การวัด.docxssuserdad9e8
 
สรุปการวัดประเมินผล
สรุปการวัดประเมินผลสรุปการวัดประเมินผล
สรุปการวัดประเมินผลTupPee Zhouyongfang
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7Pateemoh254
 
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรBigbic Thanyarat
 

Tendances (8)

บทที่9 การประเมินผลการเรียนรู้
บทที่9 การประเมินผลการเรียนรู้บทที่9 การประเมินผลการเรียนรู้
บทที่9 การประเมินผลการเรียนรู้
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
มโนทัศน์เบื้องต้นสู่การวัดผล
มโนทัศน์เบื้องต้นสู่การวัดผลมโนทัศน์เบื้องต้นสู่การวัดผล
มโนทัศน์เบื้องต้นสู่การวัดผล
 
การวัด.docx
การวัด.docxการวัด.docx
การวัด.docx
 
สรุปการวัดประเมินผล
สรุปการวัดประเมินผลสรุปการวัดประเมินผล
สรุปการวัดประเมินผล
 
คำศัพท์ ต้องรู้
คำศัพท์ ต้องรู้คำศัพท์ ต้องรู้
คำศัพท์ ต้องรู้
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
 

Similaire à บทที่ 10

บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10kanwan0429
 
สรุปบทที่ 8
สรุปบทที่ 8สรุปบทที่ 8
สรุปบทที่ 8Tsheej Thoj
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10Dook dik
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10parkpoom11z
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9benty2443
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9nattawad147
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9wanneemayss
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701gam030
 
ใบความรู้ 6.2การประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ 6.2การประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์ใบความรู้ 6.2การประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ 6.2การประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์sa_jaimun
 
บทที่ 8 การวัดผลและประเมินการเรียนรู้
บทที่ 8 การวัดผลและประเมินการเรียนรู้บทที่ 8 การวัดผลและประเมินการเรียนรู้
บทที่ 8 การวัดผลและประเมินการเรียนรู้onnichabee
 

Similaire à บทที่ 10 (20)

บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
สรุปบทที่ 8
สรุปบทที่ 8สรุปบทที่ 8
สรุปบทที่ 8
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่10
บทที่10บทที่10
บทที่10
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
9 170819173701
9 1708191737019 170819173701
9 170819173701
 
ใบความรู้ 6.2การประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ 6.2การประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์ใบความรู้ 6.2การประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์
ใบความรู้ 6.2การประเมินผลโครงงานคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 8 การวัดผลและประเมินการเรียนรู้
บทที่ 8 การวัดผลและประเมินการเรียนรู้บทที่ 8 การวัดผลและประเมินการเรียนรู้
บทที่ 8 การวัดผลและประเมินการเรียนรู้
 

Plus de wanneemayss

บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9wanneemayss
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8wanneemayss
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7wanneemayss
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6wanneemayss
 
บทที่5
บทที่5บทที่5
บทที่5wanneemayss
 
บทที่4
บทที่4บทที่4
บทที่4wanneemayss
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1wanneemayss
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2wanneemayss
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรมwanneemayss
 
บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11wanneemayss
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8wanneemayss
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7wanneemayss
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6wanneemayss
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5wanneemayss
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4wanneemayss
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3wanneemayss
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2wanneemayss
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1wanneemayss
 

Plus de wanneemayss (19)

บท11
บท11บท11
บท11
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่5
บทที่5บทที่5
บทที่5
 
บทที่4
บทที่4บทที่4
บทที่4
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรม
 
บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11
 
บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 

บทที่ 10

  • 1. บทที่ 10 การประเมินหลักสูตร มโนทัศน์(Concept) ในการทางานหรือการประกอบกิจการใดก็ตามจะมีขั้นตอนในการดาเนินงานขั้นตอนหนึ่งซึ่งจะขาดเสี ยมิได้คือการประเมิน ผล (Evaluation) เพื่อให้ทราบว่าการทาง าน ห รือประกอบกิจกรรมนั้ น ๆ ได้ผลตามความมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่เพียงใดมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้างเพื่อที่จะดาเนินการแก้ไขปรั บปรุงพัฒนาต่อไปในทางการศึกษาก็เช่นกันการที่จะทราบว่าการจัดการศึกษาบรรลุจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้เพียง ใ ด นั้ น ส่ ว น ห นึ่ ง ที่ จ ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ไ ด้ คื อ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร การประเมินผลหลักสูตรเป็นเครื่องมือชี้ให้เห็นว่าการกาหนดหลักสูตรไปใช้จะได้ผลมากน้อยเพียงใดเพราะฉะนั้ นการประเมินหลักสูตรจึงเป็นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรและผลที่ได้จาก การประเมินหลักสูตรจะเป็นข้อมูลในการตัดสินเพื่อแก้ไขปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงหลักสูตร ผลการเรียนรู้(Learning Outcome) 1. มีความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการพัฒนาหลักสูตร เรื่อง การประเมินหลักสูตร 2. สามารถให้คาแนะนาในการประสานตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประเมินหลักสูตร สาระเนื้อหา(Content) การประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรเป็นขั้นตอนในการศึกษาคุณค่าของว่าดีหรือไม่อย่างไรบกพร่องในส่วนไหนเพื่อ นาผลการประเมินไปปรับปรุงหลักสูตรในโอกาสต่อไปการประเมินหลักสูตรนั้นมีขอบเขตและระยะการประเมิ นแตกต่างกันออกไปแล้วแต่จุดประสงค์ของการประเมินเช่นการประเมินเอกสารหลักสูตรในระ ยะก่อนนาหลัก สูตรไปใช้การประเมินการใช้หลักสูตรในขณะที่ดาเนินการใช้หลักสูตรหรือประเมินสัมฤทธิผลของหลักสูตรแล ะประเมินระบบหลักสูตรหลังจากการใช้หลักสูตรแล้วการประเมินผลหลักสูตรนั้นต้องกาหนดลงไปให้แน่ชัดว่า ต้องการประเมินอะไรข้อมูลที่นามาประเมินต้องเชื่อถือได้การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องทาอย่างรอบคอบ
  • 2. การประเมินหลักสูตรต้องทาเป็นกระบวนการตามลาดับขั้นตอนตั้งแต่กาหนดวัตถุประสงค์ของการป ระเมินวางแผนและออกแบบการประเมินรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลรายงานและสรุปผลการประเมินเพื่อที่จะ นาผลที่ได้จากการประเมินไปปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรในโอกาสต่อไปจากขั้นตอนการประเมินนักศึกษาได้พัฒ นารูปแบบการประเมินไว้หลายรูปแบบเป็ นต้นว่ารูปแบบการประเมินหลักสูตรที่สร้างเสร็จใหม่ๆ ซึ่งเป็นการประเมินผลก่อนการนาหลักสูตรไปใช้เช่นรูปแบบการประเมินหลักสูตรด้วยเทคนิคการวิเคราะห์แบบ ปุยแซง ค์ห รือรู ป แบบ การประ เมิน ห ลักสู ตรใ น ระ หว่าง ห รื อหลังการใ ช้ห ลักสู ตรเช่น รู ป แ บ บ ก าร ป ร ะ เมิน ห ลัก สู ต ร ข อ ง ไ ท เ ล อ ร์ , ส เต ค , ส ตั ฟ เฟิ ล บี มห รื อ ด อ ริ ส โ ก ว์ แต่ละรูปแบบแม้จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปเราก็สามารถนาแนวคิดในการประเมินหลักสูตรมาประยุกต์เป็ นรูปแบบการประเมินหลักสูตรที่เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการจะประเมินนั้นๆ ได้ 1. ความหมายของการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรเป็นกระบวนการรวบรวมข้อมูลสารสนเทศตลอดจนกิจกรรมต่างๆเกี่ยวกับหลัก สูตรเพื่อนามาตัดสินค่าหรือคุณภาพของหลักสูตรนั้นนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของการประเมินห ลักสูตรไว้ต่างๆ กันดังนี้คือ กู๊ ด (Good, 1945 : 209) ได้ให้ความหมายไว้ว่าการประเมินหลักสูตรคือการประเมินผลของกิจกรรมการเรียนภายในขอบข่ายของการสอ นที่เน้นเฉพาะจุดประสงค์ของการตัดสินใจในความถูกต้องของจุดมุ่งหมายความสัมพันธ์และความต่อเนื่องของเ นื้อหาและผลสัมฤทธิ์ของวัตถุประสงค์เฉพาะซึ่งนาไปสู่การตัดสินใจในการวางแผนการจัดโครงการต่อเนื่องแล ะการหมุนเวียนของกิจกรรมโครงการต่างๆ ที่จะจัดให้มีขึ้น ลี ค ร อ น บ า ช (Lee J. Cronbach, 1970: 231) ให้ความหมายว่าการประเมินหลักสูตรคือการรวบรวมข้อมูลและการใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจในเรื่องโปรแกรมหรื อหลักสูตรการศึกษา ส ตั ฟ เ ฟิ ล บี ม แ ล ะ ค ณ ะ (Stufflebeam Daniel L. et., 1971: 128) ให้ความหมายของการประเมินหลักสูตรว่าการประเมินหลักสูตรคือกระบวนการหาข้อมูลเก็บข้อมูลเพื่อนาไปใช้ ให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจหาทางเลือกที่ดีกว่าเดิม วิ ชั ย ว ง ษ์ ใ ห ญ่ (2521 : 192) ให้ความหมายของประเมินหลักสูตรไว้ว่าการประเมินหลักสูตรเป็นการพิจารณาเกี่ยวกับคุณค่าของหลักสูตรโดย ใ ช้ ผ ล จ า ก ก า ร วั ด ใ น แ ง่ มุ ม ต่ า ง ๆ
  • 3. ของสิ่งที่ประเมินเพื่อนามาพิจารณาร่วมกันและสรุปว่าจะให้คุณค่าของหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมานั้นว่าอย่างไรมีคุ ณภาพดีหรือไม่เพียงใดหรือได้ผลตรงตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดหรือไม่มีส่วนใดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข สุ จ ริ ต เ พี ย ร ช อ บ (2548 : 64) กล่าวถึงการประเมินหลักสูตรไว้ว่าเป็นกระบวนการที่สาคัญเพราะเป็นการหาคาตอบว่าหลักสูตรสัมฤทธิ์ผลตาม ที่ได้ตั้งจุดมุ่งหมายไว้หรือไม่มากน้อยเพียงใดอะไรเป็นสาเหตุผู้ประเมินหลักสูตรจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ดีทั้งทา งด้านหลักสูตรและด้านการประเมินผลซึ่งจะต้องเน้นการประเมินทั้งโปรแกรมการศึกษามิใช่แต่เพียงผลการเรีย นปีสุดท้ายเท่านั้นแต่ควรประเมินผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนด้วย จากความหมายของการประเมินหลักสูตรที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่าการประเมินหลักสูตรคือกระบว น ก า ร ใ น ก า ร พิ จ า ร ณ า ตั ด สิ น คุ ณ ค่ า ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ว่า ห ลั ก สู ต ร นั้ น ๆ มีประสิทธิภาพแค่ไหนเมื่อนาไปใช้แล้วบรรลุจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่มีอะไรที่ต้องแก้ไขเพื่อนาผลที่ได้ม าใช้ให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจหาทางเลือกที่ดีกว่าต่อไป 2. จุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตร กระบวนการพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและมีขอบเขตที่กว้างขวางการประเมินหลักสู ตรจะต้องครอบคลุมขั้นตอนของการพัฒนาหลักสูตรเพราะฉะนั้นการประเมินหลักสูตรจึงมีขอบเขตของการปร ะเมินที่กว้างขวางด้วยการประเมินหลักสูตรแต่ละจุดแต่ละขั้นตอนมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันไปในรายละเอียดแ ต่โดยทั่วไปแล้วจุดมุ่งหมายใหญ่ของการประเมินหลักสูตรจะมีความใกล้เคียงกันจะขอยกตัวอย่างจุดมุ่งหมายขอ งการประเมินหลักสูตรที่นักศึกษาได้กล่าวไว้ดังนี้ ทาบา(Taba, 1962:310) ได้กล่าวไว้ว่าการประเมินหลักสูตรกระทาขึ้นเพื่อศึกษากระบวนการต่างๆ ที่กาหนดไว้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาการประเมินดังกล่ า ว จ ะ ค ร อ บ ค ลุ ม เ นื้ อ ห า ทั้ ง ห ม ด ข อ ง ห ลั ก สู ต ร แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ต่ า ง ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้แก่จุดประสงค์ขอบเขตของเนื้อหาสาระคุณภาพของผู้ใช้บริหารและผู้ใช้หลักสูตรสมรรถภาพข องผู้เรียนความสัมพันธ์ของวิชาต่างๆ การใช้สื่อและวัสดุการสอน ฯลฯ วิชั ย ว ง ษ์ ใ ห ญ่ (2537 : 218-219) ก ล่า ว ว่า ก า ร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร โ ด ย ทั่ ว ๆ ไปจะมีจุดมุ่งหมายดังนี้เพื่อหาคุณค่าของหลักสูตรโดยตรวจสอบดูว่าหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมานั้นสามารถบรรลุต ามวัตถุประสงค์หรือไม่เพื่อวัดผลดูว่าการวางเค้าโครงและรูปแบบระบบของหลักสูตรรวมทั้งวัสดุประกอบหลัก สูตรและการบริหารและบริการหลักสูตรเป็นไปในทางที่ถูกต้องแล้วหรือไม่การประเมินหลักสูตรจากผู้เรียนเอง หรือการประเมินผลผลิตเพื่อตรวจสอบดูว่าลักษณะที่พึงประสงค์เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรหรือไม่เพี ยงใด
  • 4. ใจทิพ ย์ เชื้อรัตน พงษ์ (2539 :192 – 193) กล่าวว่าโดยทั่วไปการประเมิน หลักสู ตรใดๆ ก็ตามจะมีจุดมุ่งหมายสาคัญที่คล้ายคลึงกันดังนี้คือเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองค์ประกอบต่า ง ๆ ของหลักสูตรเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตรการนิเทศกากับดูแลการจัดกระบวนการเรียนก ารสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารว่าควรใช้หลักสูตรต่อไปอีกหรือควรยกเลิก การใช้หลักสูตรเพียงบางส่วนหรือยกเลิกทั้งหมดเพื่อต้องการทราบคุณภาพของผู้เรียนซึ่งเป็นผลผลิตของหลักสู ตรว่ามีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามความมุ่งหวังของหลักสูตรหลักจากผ่านกระบวนการทางการศึกษามาแ ล้วหรือไม่อย่างไรจากจุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตรข้างต้นพอสรุปได้ว่าการประเมินผลหลักสูตรมีจุดมุ่ง หมายดังนี้เพื่อหาคุณค่าของหลักสูตรนั้นโดยดูว่าหลักสูตรที่จัดทาขึ้นนั้นสามารถสนองวัตถุประสงค์ที่ต้องการห รือไม่หลักสูตรนั้นต้องการหรือไม่สนองความต้องการของผู้เรียนและสังคมอย่างไรเพื่ออธิบายและพิจารณาว่าลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ต่ า ง ๆ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ใ น แ ง่ ต่ า ง ๆ เช่นหลักการจุดมุ่งหมายเนื้อหาสาระการเรียนรู้กิจกรรมการเรียนการสอนสื่อการเรียนการสอนและการวัดผลว่า สอดคล้องต้องกันหรือไม่หรือสนองความต้องการหรือไม่เพื่อตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณภาพดีหรือไม่เหมาะสมหรื อไม่เหมาะสมกับการนาไปใช้มีข้อบกพร่องที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้างการประเมินผลในลักษณะนี้มักจะ ดาเนินไปในช่วงที่การพัฒนาหลักสูตรยังคงดาเนินการอยู่เพื่อที่จะพิจารณาว่าองค์ประกอบต่างๆ ของหลักสูตรเช่นจุดหมายโครงสร้างเนื้อหาการวัดผลฯลฯมีความสอดคล้องและเหมาะสมหรือไม่สามารถนามา ปฏิบัติในช่วงการนาหลักสูตรไปทดลองใช้หรือในขณะที่การใช้หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนกาลัง ดาเนินอยู่ได้มากน้อยเพียงใดได้ผลเพียงใดและมีปัญหาอุปสรรคอะไรจะได้เป็นประโยชน์แก่นักพัฒนาหลักสูตร แ ล ะ ผู้ ที่ มี ส่ ว น เ กี่ ย ว ข้ อ ง ใ น ก า ร ป รั บ ป รุ ง เป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ต่า ง ๆ ของหลักสูตรให้มีคุณภาพดีขึ้นได้ทันท่วงทีเพื่อตัดสินว่าการบริหารงานด้านวิชาการและบริหารงานด้านหลักสูต รเป็นไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่เพื่อหาทางแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตรการนาหลักสูตรไปใช้ให้มีประสิทธิ ภาพเพื่อติดตามผลผลิตจากหลักสูตรคือผู้เรียนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลังจากการผ่านกระบวนการทางกา รศึกษามาแล้วตามหลักสูตรว่าเป็นไปตามมุ่งหวังหรือไม่เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองค์ประ ก อ บ ต่ า ง ๆ ในหลักสูตรเพื่อช่วยในการตัดสินว่าควรใช้หลักสูตรต่อไปหรือควรปรับปรุงพัฒนาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือยกเลิกใ ช้หลักสูตรนั้นหมดการประเมินผลในลักษณะนี้จะดาเนินการหลังจากที่ใช้หลักสูตรไปแล้วระยะหนึ่งแล้วจึงประ เมินเพื่อสรุปผลตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณภาพดีหรือไม่บรรลุตามเป้าหมายที่หลักสูตรกาหนดไว้มากน้อยเพียงใดส นองความต้องการของสังคมเพียงใดและเหมาะสมกับการนาไปใช้ต่อไปหรือไม่จากจุดมุ่งหมายของการประเมิน ผ ล ห ลั ก สู ต ร ต่ า ง ๆ ข้ อ มู ล ต่ า ง ๆ
  • 5. ที่ได้จากการประเมินจะเป็นตัวชี้ให้เห็นถึงคุณภาพการศึกษาของสังคมซึ่งจะมีผลกระทบต่อคุณภาพของประชาก รในการพัฒนาสังคมในอนาคตต่อไปดังนั้นการประเมินผลหลักสูตรซึ่งมีความสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งไม่น้อยไ ป ก ว่ า ก ร ะ บ ว น ก า ร ใ น ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ใ น ส่ ว น อื่ น ๆ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ควรจะต้องหาวิธีการที่ดีที่สุดในการที่ประเมินผลหลักสูตรเพื่อที่จะให้ได้ข้อมูลที่ถูก ต้องชัดเจนและจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนตามขั้นตอนของวิธีการต่างๆ ที่นามาใช้ 3. ระยะของการประเมินหลักสูตร ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ค ว ร มี ก า ร ด า เ นิ น เ ป็ น ร ะ ย ะ ๆ ทั้งนี้เนื่องจากข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดของหลักสูตรอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยและในระยะต่างกันเช่นอ า จ มี ส า เ ห ตุ ม า จ า ก ต อ น จั ด ท า ห รื อ ยกร่างหลักสูตรซึ่งทาให้ตัวหลักสูตรไม่มีคุณภาพที่ดีหรือไม่สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของผู้เรียนแ ละสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหรืออาจมีสาเหตุมาจากตอนนาหลักสูตรไปใช้เป็นต้นการประเมินหลักสูตรที่ดีจึงต้อ งตรวจสอบเป็นระยะเพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3ระยะคือ ระยะที่ 1 การประเมินหลักสูตรก่อนนาหลักสูตรไปใช้ (Project Analysis) ในช่วงระหว่างที่มีการสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรอาจมีการดาเนินการตรวจสอบทุกขั้นตอนของการจัด ทานับแต่การกาหนดจุดมุ่งหมายไปจนถึงการกาหนดการวัดและประเมินผลการเรียนซึ่งสามารถทาได้ 2 ลักษณะคือ 1. ประเมินหลักสูตรเมื่อสร้างหลักสูตรฉบับร่างเสร็จแล้วก่อนจะนาหลักสูตรไปใช้จริงควรมีการประเมินตรวจสอ บ คุ ณ ภ า พ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ฉ บั บ ร่ า ง แ ล ะ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ต่ า ง ๆ ของหลักสูตรการประเมินหลักสูตรในระยะนี้ต้องอาศัยความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านพัฒนาหลักสูตรทาง ด้านวิชาชีพครูทางด้านการวัดผลหรือจะให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์หรือพิจารณาก็ได้ 2. ประเมินผลในขั้นตอนทดลองใช้เพื่อปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ขาดตกบกพร่องหรือเป็นปัญหาให้มีความสมบูรณ์เพื่อ ประสิทธิภาพในการนาไปใช้ต่อไปเช่นหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2521 มีการทดลองใช้ตั้งแต่พ.ศ. 2519 และ 2520 เพื่อหาข้อบกพร่องอุปสรรคจะได้แก้ไขให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป ระยะที่ 2 การประเมินหลักสูตรระหว่างการดาเนินการใช้หลักสูตร (Formative Evaluation) ในขณะที่มีการดาเนินการใช้หลักสูตรที่จัดทาขึ้นควรมีการประเมินเพื่อตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถ นาไปใช้ได้ดีเพียงใดหรือบกพร่องในจุดไหนจะได้แก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมเช่นประเมินกระบวนการใช้หลัก สูตรในด้านการบริหารการจัดการหลักสูตรการนิเทศกากับดูแลและการจัดกระบวนการเรียนการสอน
  • 6. ระยะที่ 3 การประเมินหลักสูตรหลังการใช้หลักสูตร (SummativeEvaluation) หลังจากที่มีการใช้หลักสูตรมาแล้วระยะหนึ่งคือครบกระบวนการเรียบร้อยแล้วควรจะประเมินหลักสู ต ร ทั้ ง ร ะ บ บ ซึ่ ง ไ ด้ แ ก่ ก า ร ป ร ะ เ มิ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ด้ า น ต่ า ง ๆ ของหลักสูตรทั้งหมดคือเอกสารหลักสูตรวัสดุหลักสูตรบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรการบริหารหลักสู ต ร ก า ร นิ เ ท ศ ก า กั บ ติ ด ต า ม ก า ร จั ด ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ฯ ล ฯ เพื่อสรุปผลตัดสินว่าหลักสูตรที่จัดทาขึ้นนั้นควรจะดาเนินการใช้ต่อไปหรือควรปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นหรือควร จะยกเลิกเช่น หลักสู ตรประถมศึกษาพุทธศักราช 2521 มีช่วงระ ยะการใช้งาน 6 ปี เมื่อครบ 6 ปี แล้วจะมีการประเมิน ผลห ลักสูตรรวบยอดทั้งหมดโดยนาข้อมูลตั้งแต่ระยะที่ 1จนถึงระยะที่ 2 มารวบรวมวิเคราะห์และประเมินคุณค่าทั้งนี้อาจจะต้องอาศัยข้อมูลที่สาคัญอีกบางข้อมูลเช่นผลสัมฤทธิ์ทางการ ศึกษาของผู้เรียนซึ่งได้แก่การนาไปใช้ในการดารงชีวิตการประกอบอาชีพเข้ามาประกอบการวิเคราะห์และประเ มินค่าด้วย 4. ขอบเขตในการประเมินหลักสูตร การประเมินผลหลักสูตรเป็นงานที่มีความซับซ้อนมีความกว้างขวางและมีความละเอียดอ่อนมากการป ระเมินผลหลักสูตรต้องคานึงถึงปัจจัยหลายอย่างที่จะต้องนาเข้ามาเกี่ยวข้องในลักษณะที่มีความสัมพันธ์ต่อกันกา รประเมินผลหลักสูตรมิได้หมายความว่าจะประเมินเฉพาะตัวหลักสูตรที่เป็นเอกสารจัดทาเป็นรูปเล่มเท่านั้นแต่ต้ องประเมินสถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรทั้งหมดเช่นนักเรียนครูกระบวนการระบบต่างๆ โ ค ร ง ก า ร ต่ า ง ๆ ฯ ล ฯ ข้ อ มู ล ต่ า ง ๆ ที่ได้จากการประเมินผลสภาพการณ์ดังกล่าวจะเป็นตัวชี้ได้ว่าหลักสูตรที่ใช้อยู่เป็นอย่างไร จากแน วคิดดังกล่าวนั กการศึกษาได้พ ยายามจัดรวบรวมสภาพ การณ์ขั้น ตอน ต่าง ๆ จัดเป็นหมวดหมู่หรือกาหนดขอบข่ายให้ชัดเจนขึ้นเพื่อสะดวกในการที่จะดาเนินการประเมินผลนักการศึกษาได้ เสนอขอบข่ายของการประเมินผลไว้ดังนี้ โบแชมป์ (Beauchamp. 1975:177) ได้กาหนดขอบข่ายการประเมินหลักสูตรไว้ว่าควรประเมิน 4 ด้านคือ 1 .ประเมินผลการใช้หลักสูตร (Evaluation of Teacher use of the Curriculum) 2. ประเมินผลรูปแบบของหลักสูตร (Evaluation of theDesign) 3. ประเมินผลการเรียนของนักเรียน (Evaluation of Pupil Outcomes) 4. ประเมินผลระดับหลักสูตร (Evaluation of Curriculum System)
  • 7. เ ซ เ ล อ ร์ แ ล ะ อ เ ล็ ก ซ า น เ ด อ ร์ (Saylor and Alexander, 1981: 265) ได้กล่าวถึงขอบเขตของการประเมินหลักสูตรไว้ดังนี้ 1 . การประเมินจุดมุ่งหมายของโรงเรียนจุดมุ่งหมายของหลักสูตรจุดมุ่งหมายเฉพาะวิชาและจุดมุ่งหมายในการสอน เพื่ อ จ ะ ดู ว่า จุด มุ่ง ห ม า ยเห ล่านั้ น เห มาะ ส มกับ ตัว ผู้เรี ย น ส ภ าพ แ ว ด ล้ อ มห รื อ ไ ม่ มีความเที่ยงตรงและครอบคลุมเพียงใด 2 . การประเมินผลโครงการการศึกษาของโรงเรียนทั้งหมดเช่นการเตรียมพร้อมของโรงเรียนการดาเนินงานของกลุ่ มโรงเรียน งบประ มาณ การเงิน การแน ะ แน วห้องสมุดดูว่าการดาเนิ น งาน โครงการต่าง ๆ ได้ดาเนินการไปอย่างไรและมีประสิทธิภาพเพียงใด 3. การประเมิน ผลการเลือกเนื้อหาและการจัดประสบการณ์เรียน และกิจกรรมต่างๆ ว่าเหมาะสมเพียงใด 4 . การประเมินผลการสอบเพื่อดูว่าการสอนของครูดาเนินไปโดยยึดตัวหลักสูตรหรือไม่การสอนได้เปลี่ยนแปลงพ ฤติกรรมของผู้เรียนไปตามที่ต้องการหรือไม่เพราะผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนคือผลสัมฤทธิ์ในกา รสอนของครู 5 . การประเมินผลโครงการประเมินผลเพื่อป้องกันการผิดพลาดซึ่งจะทาให้การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรผิด พลาดไปด้วย สุ มิ ต ร คุ ณ า นุ ก ร (2520: 198 – 202) ได้แสดงความคิดเห็นว่าการประเมินผลเพื่อตัดสินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรนั้นควรมีขอบเขตอยู่ 4ประการคือ 1. การวิเคราะห์ตัวหลักสูตร 2. การวิเคราะห์กระบวนการนาหลักสูตรไปใช้ 3. การวิเคราะห์สัมฤทธิ์ผลการเรียนของเด็ก 4. การวิเคราะห์โครงการประเมินผล ใ จ ทิ พ ย์ เ ชื้ อ รั ต น พ ง ษ์ (2539 : 195 – 197) กล่าวว่าในการประเมินหลักสูตรนั้นสิ่งที่ต้องประเมินสามารถแบ่งได้ดังนี้ 1. การประเมินเอกสารหลักสูตรเป็นการตรวจสอบคุณภาพขององค์ประกอบต่างๆ ของหลักสูตร
  • 8. 2 . การประเมินการใช้หลักสูตรเป็นการตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถนาไปใช้กับสถานการณ์จริงเพียงใด 3. การประเมินสัมฤทธิ์ผลของหลักสูตรเป็นการตรวจสอบสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียน 4. การประเมินระบบหลักสูตร สันต์ ธรรมบารุง (2527:141-142) ได้กาหนดขอบเขตการประเมินผลหลักสูตรไว้ดังนี้ 1. ประเมินหลักสูตรความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ 2. ประเมินโครงการทั้งหมดของโรงเรียน 3. ประเมินโครงการเฉพาะส่วน 4. ประเมินการเรียนการสอน 5. ประเมินโครงการ การประเมินผล 6. ประเมินโครงการความสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนถึงการสอนด้วย 7. ประเมินโครงการของผู้เรียนจบออกไปว่าหางานทาได้หรือไม่ จา ก ข อ บ เ ข ต ก าร ป ร ะ เมิน ผ ล ห ลัก สู ต ร ที่ ย ก ม าเป็ น ตั วอ ย่า ง จ ะ เห็ น ได้ ว่า การประเมินหลักสูตรนั้นสามารถทาการประเมินได้ในขอบเขตที่แตกต่างกันอาจจะเป็นการประเมินในขอบเขต ที่แคบ เช่น การประเมิน จุดมุ่งหมายของหลักสู ตร หรือการประเมิน ใน ขอบเขตที่กว้าง เช่น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ทั้ ง ร ะ บ บ ซึ่งขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของการประเมินหรือสิ่งที่เราต้องการตรวจสอบและระยะของการประเมินดังกล่าวมาแล้ ว 5. หลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตร เนื่องจากการประเมินหลักสูตรเป็ นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนมาก ผู้ทาหน้าที่ประเมินผล จาเป็นต้องยึดหลักการที่สาคัญในการประเมินผลเพื่อที่จะทาให้การประเมินผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลจากการประเมินหลักสูตรที่มีคุณค่าเพียงพอที่จะนาไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาหลักสูตรได้จริง เ ป็ น ข้ อ มู ล ห รื อ ห ลั ก ฐ า น ที่ เ ชื่ อ ถื อ ไ ด้ สู ง มีความเที่ยงตรงเราจะพบว่าในการประเมินหลักสูตรผลจากการประเมินผลหลายต่อหลายเรื่องมิได้ถูกนาไปใช้ก็ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทั้งๆ ที่การประเมินผลหลักสูตรแต่ละครั้งเป็ นงานใหญ่ต้องลงทุน ลงแรงสูง เพ ร า ะ ฉ ะ นั้ น ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลัก สู ต ร เ พื่ อ ใ ห้ ไ ด้ ผ ล ก า ร ป ร ะ เมิ น ที่ มีคุ ณ ค่า เราจึงมีหลักเกณฑ์ที่จะช่วยในการประเมินดังนี้
  • 9. 1. มี จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ที่ แ น่ น อ น การประเมินผลหลักสูตรจะต้องกาหนดลงไปให้แน่นอนชัดเจนว่าประเมินอะไร 2. มีการวัดที่เชื่อถือได้ โดยมีเครื่องมือและเกณฑ์การวัดซึ่งเป็นที่ยอมรับ 3. ข้ อ มู ล เ ป็ น จ ริ ง จ า เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง ส า ห รั บ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ดั ง นั้ น ข้อมูลจะต้องได้มาอย่างถูกต้องเชื่อถือได้และมากพอที่จะใช้เป็นตัวประเมินค่าหลักสูตรได้ 4. มีขอบเขตที่แน่นอนชัดเจนว่าเราต้องการประเมินในเรื่องใดแค่ไหน 5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ 6. ก า ร ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ม า เ พื่ อ ก า ห น ด ก ฎ เ ก ณ ฑ์ และกาหนดเครื่องมือในการประเมินผลจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ 7.การวิเคราะห์ผลการปะเมินต้องทาอย่างระมัดระวังรอบคอบ และให้มีความเที่ยงตรงใน การพิจารณา 8. การประเมินผลหลักสูตรควรใช้วิธีการหลายๆ วิธี 9. มีเอกภาพในการตัดสินผลการประเมิน 10. ผ ล ต่ า ง ๆ ที่ได้จากการประเมินควรนาไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในโอกาสต่อไป เพื่อให้ได้หลักสูตรที่ดี และมีคุณค่าสูงสุดตามที่ต้องการ 6. ขั้นตอนในการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรเป็ นกระบวนการในการพิจารณาคุณค่าหรือนิยม (Worth or Value) ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ขั้ น ต อ น ห รื อ วิ ธี ก า ร ป ร ะ เ มิ น จึ ง มี ค ว า ม ส า คั ญ ม า ก ซึ่งนักศึกษาหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนในการประเมินหลักสูตรดังนี้ ทาบา (Taba, 1962:324) ให้แนวทางในการประเมินผลหลักสูตรเป็นกระบวนการมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ 1. วิเคราะห์และตีความตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรให้มองเห็นกระจ่างชัดในเชิงพฤติกรรมคือปฏิบัติได้จริง (Formulation and Clarification for Objective) 2.คัดเลือกและสร้างเครื่องมือที่เหมาะสมสาหรับค้นหาหลักสูตร (Selection andConstructionof the Appropriate Instruments for Getting Evidences) 3. ใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นประเมินผลหลักสูตรตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (Application of Evaluative Criteria)
  • 10. 4. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังจากนักเรียนและลักษณะของการสอนเพื่อนามาประกอบในการแปรผลของการป ร ะ เมิ น (Information on the Background of Students and the Nature of Instruction in the Light Which to Interpretthe Evidences) ใ จ ทิ พ ย์ เ ชื้ อ รั ต น พ ง ษ์ (2539: 198-202) ก ล่ า ว ว่ า ในการประเมินหลักสูตรนั้นผู้ประเมินผลควรดาเนินตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบดังนี้ คือ 1. ขั้ น ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ผู้ประเมินหลักสูตรต้องกาหน ดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมิน ให้ชัดเจน ก่อน ว่า จะประเมินส่วนใดหรืออย่างใดและในแต่ละเรื่องจะศึกษาบางส่วนในเรื่องนั้นๆ ก็ได้ 2. ขั้นวางแผนออกแบบการประเมิน คือ 2.1 การกาหนดกลุ่มตัวอย่าง 2.2 การกาหนดแหล่งข้อมูล 2.3 การพัฒนาเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล 2.4 การกาหนดเกณฑ์ในการประเมิน 2.5 การกาหนดเวลา 3. ขั้นรวบรวมข้อมูล 4. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล 5. ขั้นรายงานผลการประเมิน จ า ก ขั้ น ต อ น ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ที่ ก ล่ า ว ม า ทั้ ง ห ม ด สามารถสรุปขั้นตอนการประเมินหลักสูตรได้ดังนี้ 1. ขั้ น ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ห รื อ จุ ด มุ่ ง ห ม า ย ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น การกาหนดจุดมุ่งหมายในการประเมินเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการในการดาเนินการประเมินหลักสูตร ผู้ประเมินต้องกาหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมินให้ชัดเจนว่าจะประเมินอะไร ใ น ส่ ว น ใ ด ด้ ว ย วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ อ ย่ า ง ไ ร เ ช่ น ต้องการประเมินเอกสารหลักสูตรเพื่อดูว่าเอกสารหลักสูตรถูกต้องสมบูรณ์สามารถนาไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภ าพแค่ไหน หรือจะประเมินการนาหลักสูตรไปใช้ในเรื่องอะไรแค่ไหน หรือการนาหลักสูตรไปใช้ทั้งหมด หรือจะประเมินหลักสูตรทั้งระบบการกาหนดวัตถุประสงค์ในการประเมินที่ชัดเจนทาให้เราสามารถกาหนดวิธีก าร เครื่องมือ และขั้นตอนในการประเมินได้อย่างถูกต้อง และทาให้การประเมินหลักสูตรดาเนินไป
  • 11. 2. ขั้ น ก า ห น ด ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ วิ ธี ก า ร ที่ จ ะ ใ ช้ ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล การกาหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนาไปสู่เป้าหมายของการประเมินเกณฑ์การประเ มิ น จ ะ เ ป็ น เ ค รื่ อ ง บ่ ง ชี้ คุ ณ ภ า พ ใ น ส่ ว น ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ที่ ถู ก ป ร ะ เ มิ น การกาหนดวิธีการที่จะใช้การประเมินผลทาให้เราสามารถดาเนินงานไปตามขั้นตอนได้อย่างราบรื่น 3. ขั้ น ก า ร ส ร้ า ง เ ค รื่ อ ง มื อ แ ล ะ วิ ธี ก า ร เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสาคัญที่จะมีผลทาให้ก า ร ป ร ะ เ มิ น นั้ น น่ า เ ชื่ อ ถื อ ม า ก น้ อ ย แ ค่ ไ ห น ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจึงเป็นขั้นตอนที่สาคัญ ซึ่งผู้ประเมินจะต้องเลือกใช้และสร้างอย่างมีคุณภาพมีความเชื่อถือได้ และมีความเที่ยงตรงสูง 4. ขั้ น เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ในขั้นการรวบรวมข้อมูลนั้นผู้ประเมินต้องเก็บรวบรวมข้อมูลตามขอบเขตและระยะเวลาที่กาหนดไว้ ใ น บ า ง ค รั้ ง ถ้ า จ า เ ป็ น ต้ อ ง อ า ศั ย ผู้ อื่ น ใ น ก า ร ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ค ว ร พิ จ า ร ณ า ผู้ ที่ จ ะ ม า ท า ห น้ า ที่ เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ที่ มี ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม เพราะผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีส่วนช่วยให้ข้อมูลที่รวบรวมได้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ 5. ขั้น วิเคราะ ห์ ข้อมูล ใน ขั้ น นี้ ผู้ประ เมิน จะ ต้อง กาห น ด วิธี การจัดระ บบ ข้อมูล พิจารณาเลือกใช้สถิติใน การวิเคราะห์ที่เหมาะสม แล้วจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้ น โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ได้กาหนดไว้ 6. ขั้ น ส รุ ป ผ ล ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล แ ล ะ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น ใ น ขั้ น นี้ ผู้ ป ร ะ เ มิ น จ ะ ส รุ ป แ ล ะ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล ใ น ขั้ น ต้ น ผู้ป ร ะ เมิน จ ะ ต้อ ง พิ จ าร ณ ารู ป แ บ บ ข อ ง ก าร ร ายง าน ผ ล ว่าค ว ร จะ เป็ น รู ป แ บ บ ใ ด และการรายงาน ผลจะมุ่งเสน อข้อมูลที่บ่ง ชี้ ให้เห็ น ว่า หลักสู ตรมีคุณ ภ าพ หรื อไม่เพี ยงใ ด มีส่วนใดบ้างที่ควรแก้ไข ปรับปรุงหรือยกเลิก 7. ขั้นนาผลที่ได้จากการประเมินไปพัฒนาหลักสูตรในโอกาสต่อไป 7. ประโยชน์ของการประเมินหลักสูตร การประเมินผลหลักสูตรเป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งที่จะทาให้เราทราบถึงคุณภาพและประสิทธิภ า พ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร การประเมินผลมีประโยชน์ในการจัดการศึกษาการจัดทาหรือพัฒนาหลักสูตรต้องอาศัยผลการประเมินผลเป็นสา คัญ ประโยชน์ของการประเมินผลหลักสูตรมีดังนี้
  • 12. 1. ท าใ ห้ ท ราบ ห ลัก สู ต รที่ สร้าง ห รื อพั ฒ น าขึ้ น นั้ น มีจุดดีห รื อจุดเสี ยตรง ไห น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนปรับปรุงได้ถูกจุด ส่งผลให้หลักสูตรมีคุณภาพดียิ่งขึ้น 2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน 3.ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุนช่วยเหลือ หรือบริการทางด้านใดบ้าง 4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสาคัญของการศึกษา 5. ส่ ง เส ริ ม ใ ห้ ผู้ ป ก ค ร อ ง มีค ว าม สั ม พั น ธ์ ใ ก ล้ ชิ ด กับ โร ง เ รี ย น ม า ก ยิ่ ง ขึ้ น ทั้งนี้เพื่อให้การเรียนการสอนนักเรียนได้ผลดี ด้วยความร่วมมือกันทั้งทางโรงเรียนและทางบ้าน 6. ใ ห้ ผู้ ป ก ค ร อ ง ท ร า บ ค ว า ม เ ป็ น ไ ป อ ย่ า ง ส ม่ า เ ส ม อ เพื่อหาทางส่งเสริมและปรับปรุงแก้ไขร่วมกันระหว่างผู้ปกครองนักเรียนกับทางโรงเรียน 7. ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล เ ป็ น ร ะ บ บ ร ะ เ บี ย บ เ พ ร า ะ มี เ ค รื่ อ ง มื อ และหลักเกณฑ์ทาให้เป็นเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น 8. ช่วยชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของหลักสูตร 9. ช่ ว ย ใ ห้ ส า ม า ร ถ ว า ง แ ผ น ก า ร เ รี ย น ใ น อ น า ค ต ไ ด้ ข้ อ มู ล ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร ท า ใ ห้ ท ร า บ เ ป้ า ห ม า ย แ น ว ท า ง และขอบเขตในการดาเนินการจัดการศึกษาของโรงเรียน 8. ปัญหาในการประเมินหลักสูตร ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ตอน ต้นว่า การประเมิน หลักสู ตรเป็ น งาน ที่มีขอบเขตกว้างขวาง มีขั้น ตอ น ใ น ก ารป ฏิ บัติง าน ห ลายขั้น ต อน แล ะ ต้อง เกี่ยวกับ บุ คค ลห ล ายฝ่ าย ดัง นั้ น ในการประเมินหลักสูตรจึงมักพบกับปัญหาในแต่ละขั้นตอนหรือแต่ละกระบวนการที่แตกต่างกันไปปัญหาที่มัก พบทั่วไปในการประเมินหลักสูตรมีดังนี้ 1.ปัญหาด้านการวางแผนการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรมักไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ทาให้ขาดความละเอียดรอบคอบในการประเมินผล และไม่ครอบคลุมสิ่งที่ต้องการประเมิน 2.ปัญหาด้านเวลา การกาหนดเวลาไม่เหมาะสมการประเมินหลักสูตรไม่เสร็จตามเวลาที่กาหนด ทาให้ได้ข้อมูลเนิ่นช้าไม่ทันต่อการนามาปรับปรุงหลักสูตร 3. ปั ญ ห า ด้ า น ค ว าม เชี่ ย ว ช า ญ ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร คณ ะ กรรมการป ระ เมิน ห ลัก สู ตรไม่มีความรู้ค วามเข้าใ จเรื่ อง ห ลัก สู ต รที่ จะ ป ระ เมิน
  • 13. หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผลทาให้ผลการประเมินที่ได้ไม่น่าเชื่อถือขาดความระเอียดรอบคอบ ซึ่งมีผลทาให้การแก้ไขปรับปรุงปัญหาของหลักสูตรไม่ตรงประเด็น 4.ปัญหาด้านความเที่ยงตรงของข้อมูล ข้อมูลที่ไม่ใช้ในการประเมินไม่เที่ยงตรงเนื่องจาก ผู้ประเมินมีความกลัวเกี่ยวกับผลการประเมิน จึงทาให้ไม่ได้เสนอข้อมูลตามสภาพความเป็ นจริงหรือ ผู้ถูกประเมินกลัวว่าผลการประเมินออกมาไม่ดี จึงให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง 5.ปัญหาด้านวิธีการประเมิน การประเมินหลักสูตรส่วนมากมาจากประเมินในเชิงปริมาณ ท า ใ ห้ ไ ด้ ข้ อ ค้ น พ บ ที่ ผิ ว เ ผิ น ไ ม่ ลึ ก ซึ้ ง จึง คว รมีก ารป ระ เมิน ผล ที่ ใ ช้วิธี ก ารป ร ะ เมิน เชิ ง ป ริ มาณ แล ะ เชิ ง คุณ ภ าพ ค วบ คู่กัน เพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์และมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น 6.ปัญหาด้านการประเมินหลักสูตรทั้งระบบการประเมินหลักสูตรทั้งระบบมีการดาเนินงานน้อยมาก ส่วนมากมักจะประเมินผลเฉพาะด้าน เช่น ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในด้านวิชาการ (Academic Achievement) เป็นหลัก ทาให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด 7. ปั ญ ห า ด้ า น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร อ ย่ า ง ต่ อ เ นื่ อ ง คณะกรรมการประเมินหลักสูตรหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมักไม่ประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง 8. ปั ญ ห าด้าน เก ณ ฑ์ ก ารป ร ะ เมิน เก ณ ฑ์ ก าร ป ระ เมิน ห ลัก สู ต รไ ม่ชั ด เจ น ทาให้ผลการประเมินไม่เป็นที่ยอมรับ และไม่ได้นาผลไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรอย่างจริงจัง 9. รูปแบบของการประเมินหลักสูตร ใ น เ รื่ อ ง รู ป แ บ บ ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร มีนักวิชาการซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านหลักสูตรและการประเมินผลเสนอแนะหลายรูปแบบด้วยกันซึ่งสามารถนามา ศึกษาเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการ ในปัจจุบันรูปแบบของการประเมินหลักสูตรสามรถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ 1.รูปแบบของการประเมินหลักสูตรที่สร้างเสร็จใหม่ๆ เป็นการประเมินผลก่อนนาหลักสูตร ไปใช้ กลุ่มนี้จะเสนอรูปแบบที่เด่นๆ คือ รูปแบบการประเมินหลักสูตรด้วยเทคนิคการวิเคราะห์แบบ ปุยแชงค์ (Puissance Analysis Technique) 2.รูปแบบของการประเมินหลักสูตรในระหว่างหรือหลังการใช้หลักสูตรสามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ ได้เป็น 4 กลุ่ม คือ 2.1รู ปแบบการประเมิน หลักสูตรที่ยึดจุดมุ่งหมายเป็ น หลัก (GoalAttainment Model) เป็นรูปแบบการประเมินที่จะประเมินว่าหลักสูตรมีคุณค่ามากน้อยเพียงใดโดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายเป็นหลัก
  • 14. กล่าวคือพิจารณาว่าผลที่ได้รับเป็นไปตามจุดมุ่งหมายหรือไม่เช่น รูปแบบการประเมินหลักสูตรของไทเลอร์ (Ralph W. Tyler) และรูปแบบการประเมินหลักสูตรของแฮมมอนด์ (Rabert L. Hammond) 2.2 รู ป แบ บ การป ระ เมิน ห ลักสู ต รที่ ไม่ยึด เป้ าห มาย (GoalFree Evaluation Model) เป็นรูปแบบการประเมินที่ไม่นาความคิดของผู้ประเมินเป็นตัวกาหนดความคิดในโครงการประเมินผู้ประเมินจะ ประเมินเหตุการณ์ที่เกิดตามสภาพความเป็นจริง มีความเป็นอิสระในการประเมินและ ไม่ต้องมีความลาเอียง เช่น รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสคริฟเวน (Michael Scriven) 2.3 รู ป แ บ บ ก าร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร ที่ ยึ ด เก ณ ฑ์ เป็ น ห ลัก (Criterion Model) เป็นรูปแบบการประเมินที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการตัดสินคุณค่าของหลักสูตรโดยใช้เกณฑ์เป็นหลักเช่น รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค (Robert E. Stake) 2.4 รูปแบ บการประเมิน ห ลักสู ตรที่ช่วยใ น การตัดสิ น ใ จ (Decision-Mzking Model) เป็ นรูปแบบการประเมินที่เน้นการทางานอย่างมีระบบเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการเสนอผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น รูปแบบการประเมินของโพรวัส(Malcolm Provus) รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีม(DanielL. Stufflebeam) และรูปแบบการประเมินหลักสูตรของดอริสโกว์ (Doris T. Gow) เป็นต้น การประ เมิน ห ลักสู ตรมีขอ บเขตต่าง ๆ ที่จะ ต้อง ท าการป ระ เมิน กว้าง ขวาง มาก ดังนั้นวิธีการประเมินหลักสูตรจึงต้องได้รับการวิเคราะห์และออกแบบให้สามารถที่จะประเมินได้ครบถ้วนในข อ บ ข่ า ย ส า ร ะ ทั้ ง ห ม ด รู ป แ บ บ ต่า ง ๆ ที่ จ ะ ใ ช้ ป ร ะ เมิ น ผ ล มี ห ล า ย รู ป แ บ บ ผู้มีหน้าที่ในการประเมินผลจาเป็นต้องเรียนรู้ทาความเข้าใจให้กระจ่างชัด และจะต้องนารูปแบบต่างๆ ไป ใ ช้ อ ย่าง ถู ก ต้อ ง ต รง ต ามจุ ด ห มาย แ ล ะ ลัก ษ ณ ะ ข อ ง ข อ บ ข่ายส าระ แ ต่ล ะ อ ย่า ง ทั้งนี้เป็นไปได้ว่าการประเมินผลขอบข่ายสาระทั้งหมดของหลักสูตรจาเป็นต้องใช้วิธีการหลายวิธีหรือหลายๆ รูปแบบจึงจะได้ข้อมูลที่มีความเชื่อมั่นในการที่จะนาไปพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณค่าเหมาะสมกับความต้องการขอ งสังคม รูปแบบการประเมินมีดังนี้ 9.1 รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค (TheStake’s Congruence ContingencyModel) รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตคเป็นรูปแบบการประเมินหลักสูตรที่ยึดเกณฑ์เป็นหลักสูตร สเตคได้ให้ความหมายของการประเมินหลักสูตรว่า เป็นการบรรยายและการตัดสินคุณค่าของหลักสูตร ซึ่งเน้นเรื่องการบรรยายสิ่งที่จะถูกประเมิน โดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิในการตัดสินคุณค่า
  • 15. ส เ ต ค มี จุ ด มุ่ง ห ม า ย ที่ จ ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร โ ด ย ก า ร ป ร ะ เ มิ น ดั ง นั้ น สเตคจึงเสนอว่าควรมีการพิจารณาข้อมูลเพื่อประเมินผลหลักสูตร 3 ด้าน คือ 1. ด้าน สิ่ งที่ มาก่อน ห รื อสภ าพ ก่อน เริ่ มโค รง การ (Antecedent) ห มายถึง สิ่ ง ต่าง ๆ ที่เอื้อให้เกิดผลจากหลักสูตรและเป็ นสิ่งที่มีอยู่ก่อนการใช้หลักสูตรอยู่แล้วประกอบด้วย 7 หัวข้อ คือ บุคลิกและนิสัยของนักเรียน บุคลิกและนิสัยครู 2.ด้านเนื้อหาในหลักสูตร วัสดุอุปกรณ์ การเรียนการสอน อาคารสถานที่ การจัดโรงเรียน ลักษณะของชุมชนขณะที่มีการเรียนการสอนระหว่างนักเรียนกับนักเรียน นักเรียนกับครู ครูกับผู้ปกครอง ฯลฯ เป็นขั้นของการใช้หลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย 5 หัวข้อ คือ การสื่อสาร การจัดแบ่งเวลา การลาดับเหตุการณ์ การให้กาลังใจ และบรรยากาศของสิ่งแวดล้อม 3.ด้านผลผลิต หรือผลที่ได้รับจากโครงการ (Outcomes) หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตร ประกอบด้วย 5หัวข้อ คือ ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ทัศนคติของนักเรียน ทักษะของนักเรียน ผลที่เกิดขึ้นกับครู และผลที่เกิดขึ้นกับสถาบันซึ่งรูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตคแสดงให้เห็นเป็นตาราง 3 ดังนี้ ตาราง 3วิเคราะห์หลักสูตรของสเตค เกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร ข้อมูลสาหรับการวิเคราะห์หลักสูตร ข้อมูลเชิงบรรยาย ข้อมูลเชิงตัดสิน ผลที่คาดหวัง ผลที่เกิดขึ้น มาตรฐานที่ใช้ การตัดสินใจ 1. สภาพก่อนเริ่มโครงการ -บุคลิกและนิสัยของนักเรียน -บุคลิกและนิสัยของครู -เนื้อหาในหลักสูตร -อุปกรณ์การเรียนการสอน -บริเวณโรงเรียน -ชุมชน 2. กระบวนการในการเรียน -การสื่อสาร -เวลาที่จัดให้ -ลาดับของเหตุการณ์ -การให้กาลังใจ -สภาพสังคมหรือบรรยากาศ 3. ผลที่ได้รับจากโครงการ -ความสาเร็จของนักเรียน -ทัศนคติของนักเรียน
  • 16. เกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร ข้อมูลสาหรับการวิเคราะห์หลักสูตร ข้อมูลเชิงบรรยาย ข้อมูลเชิงตัดสิน ผลที่คาดหวัง ผลที่เกิดขึ้น มาตรฐานที่ใช้ การตัดสินใจ -ทักษะของนักเรียน -ผลที่ครูได้รับ -ผลที่สถาบันได้รับ จากแบบตัวอย่างของสเตคนี้จะเห็นว่าขั้นตอนในการประเมินผลหลักสูตรจะเป็นดังนี้ คือ 1. การตั้งเกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร สเตคได้เส น อหั วข้อของ เกณ ฑ์ ที่จะ ใ ช้ใน การวิเคราะห์ หลักสู ตรได้ 3 หั วข้อ คือ เรื่ อ ง เ กี่ ย ว กั บ สิ่ ง ที่ มี ม า ก่อ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ใ น ก า ร ส อ น แ ล ะ ผ ล ที่ เ กิ ด ขึ้ น เขาให้ความคิดเห็นว่าการประเมินจากผลที่ได้รับนั้นยังไม่พอที่จะประเมินว่าหลักสูตรนั้นดีหรือไม่เพียงใดเพราะ ผ ล ที่ ไ ด้ นั้ น ขึ้ น อ ยู่ กั บ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ อี ก ห ล า ย อ ย่ า ง เ ป็ น ต้ น ว่ า หากผู้เรียนไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ก็มิได้หมายความว่าหลักสูตรนั้นเป็ นหลักสูตรที่ไม่ดี การที่ผู้เรียน ไม่สามารถเรียน ได้ตามที่ต้องการ อาจมาจากองค์ประกอบทางด้าน เวลา เช่น ให้เวลาแก่ผู้เรียนน้อยไปเวลาที่จัดให้ไม่เหมาะสม ดั ง นั้ น การที่จะช่วยดูแต่ผลที่ได้รับและนามาประเมินค่าหลักสูตรนั้นเป็นการไม่เพียงพอและอาจจะไม่สามารถช่วยชี้ช่อ ง ท า ง ก า ร ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร นั้ น แ ต่ อ ย่ า ง ใ ด ด้ ว ย เ ห ตุ นี้ สเตคจึงได้เสนอว่าควรมีการพิจารณาข้อมูลเพื่อประเมินผลหลักสูตรถึง 3ด้านดังที่กล่าวมาแล้ว 2. การหาข้อมูลมาประกอบ หลังจากที่ได้ตั้งเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อนามาเป็นแนวทางในการประเมินผลหลักสูตรแล้วผู้ประเมินผลหลักสู ตรจะต้องทาการเก็บรวบรวม ข้อมูลเพื่อนามาพิจารณาตามแบบตัวอย่างของสเตคแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ส่วนที่เป็นการบรรยายหรือเรียกว่า “ข้อมูลเชิงบรรยาย”(DescriptiveData) ประกอบด้วยข้อมูล 2 ชนิด คือ 1.1ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่คาดหวังของหลักสูตรเกี่ยวกับสิ่งที่มาก่อนกระบวนการเรียน การสอน และผลผลิตของหลักสูตร 1.2 ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติจริงซึ่งสังเกตได้หรือทดสอบได้เกี่ยวกับสิ่งที่มีก่อนกระบวนการเรียนก ารสอน ผลผลิตของหลักสูตร
  • 17. ผู้ประเมิน จะต้องอธิบายความสัมพัน ธ์ (Contingency) ระห ว่างสิ่ งที่มาก่อน (Antecedents) ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น (Transactions) แ ล ะ ผ ล ผ ลิ ต (Outcomes) ข อ ง ห ลั ก สู ต ร แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ค ว า ม ส อ ด ค ล้ อ ง (Congruence) ระหว่างสิ่งที่คาดหวังและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่อย่างไรจากการพิจารณาข้อมูลในลักษณะแนวตั้งและแนวนอน นี้ สรุปเป็นแผนภูมิเกี่ยวกับการวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์และความสอดคล้องของหลักสูตรดังภาพประกอบ 30 ต่อไปนี้ ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่คาดหวัง ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น ความสอดคล้อง ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ ความสอดคล้อง ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ ความสอดคล้อง ภ า พ ป ร ะ ก อ บ 31 แสดงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงบรรยายเพื่อหาความสัมพันธ์และความสอดคล้องของหลักสูตร 2.ส่วนที่เป็นการพิจารณาตัดสินคุณค่าของหลักสูตรหรือที่เรียกว่า “ข้อมูลเชิงตัดสิน” (Judgemental Data) ประกอบด้วยข้อมูล 2 ชนิด คือ 2.1ข้อมูลที่เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Standards) ซึ่งเป็นแนวความคิดที่ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เช่นครู ผู้บริหาร นักเรียน ผู้ปกครอง ฯลฯ เชื่อว่าควรจะใช้ สิ่งที่มีมาก่อน สิ่งที่มีก่อน ก่อนก่อน กระบวนการเ รียนการสอน กระบวนการเ รียนการสอน ผลผลิต ผลผลิต
  • 18. 2.2 ข้ อ มู ล ที่ เ ป็ น ก า ร ตั ด สิ น ข อ ง บุ ค ค ล ต่ า ง ๆ ซึ่ ง เป็ น ค ว า มรู้ สึ ก นึ ก คิ ด ตั ด สิ น คุณ ภ า พ แ ล ะ ค ว า มเ ห มา ะ ส มข อ ง บุ ค ค ล ต่าง ๆ ผู้ประเมินจะต้องตัดสินคูณค่าของหลักสูตรโดยใช้ข้อมูลที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานและข้อมูลที่เป็นการตัดสินของบุ คคลต่างๆ มาประกอบการพิจารณาตัดสินว่าหลักสูตรมีส่วนใดดีหรือส่วนใดไม่ดี 3. วิธีการใช้ตารางในการประเมินผลของหลักสูตร เริ่มต้นด้วยการพิจารณาข้อมูลทั้ง 4 หมวด ตามเกณฑ์ที่ตั้งขึ้น เช่น จากตารางแบบตัวอย่างของ สเตค จ ะ เ ริ่ ม ที่ ข้ อ ก . ด้ า น สิ่ ง ที่ มี ม า ก่อ น ข้ อ ก .1 บุ ค ลิ ก แ ล ะ นิ สั ย ข อ ง นั ก เ รี ย น เร า ก็ จ ะ พิ จ า ร ณ า ว่า ผ ล ที่ ค า ด ห วัง ห รื อ วัต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ใ น ด้ า น นี้ คื อ อ ะ ไ ร และน ามาเปรียบเทียบกับผลที่เกิดขึ้น ว่าตรงห รือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ห รือไม่เพียงใ ด และผลที่เกิดขึ้ นนั้ นใช้มาตรฐานอะ ไรวัดและถืออะไรเป็ นห ลักใน การตัดสิ นยกตัวอย่าง เช่น ในเรื่องของบุคลิกและนิสัยของนักเรียน ผลที่คาดหวัง : ต้องการนักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นากล้าซักถามโต้ตอบและโต้แย้ง ผ ล ที่ เกิ ด ขึ้ น : ไ ด้ นั ก เ รี ย น ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ ค ว า ม เ ป็ น ผู้ น า ป ร ะ ม า ณ 20% และได้นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นาตาม 80% มา ต ร ฐ า น ที่ ใ ช้ : ค ว ร แ ล ะ นั ก บ ริ ห าร ก า ร ศึ ก ษ าเห็ น ว่า นั ก เรี ย น 1 0 0 % ควรมีทั้งลักษณะความเป็นผู้นาและผู้ตามอยู่ในตัว ที่มาของหลักสูตรการตัดสิน :สังคมประชาธิปไตย จ าก ก าร เป รี ย บ เที ย บ เ ก ณ ฑ์ ข้อ มู ล ใ น ห มว ด ต่า ง ๆ ใ น ลั ก ษ ณ ะ ข้ า ง ต้ น ผู้ประเมินจะสามารถเห็นว่าหลักสูตรนั้นมีความสอดคล้องกันหรือไม่ในด้านทฤษฎีและการปฏิบัติ น อ ก จ า ก นั้ น ก า ร พิ จ า ร ณ า ข้ อ มู ล ต า ม แ น ว ตั้ ง ผู้ป ระ เมิน นั้ น จ ะ พ บ ว่าห ลัก สู ตร นั้ น มีค วาม สั มพั น ธ์ ใ น ตัวกัน ห รื อไม่ ตัวอ ย่าง เช่น ในเรื่องบุคลิกและนิสัยของนักเรียน
  • 19. ภาพประกอบ 32 แสดงความสัมพันธ์ในการประเมินหลักสูตร ใ น ลั ก ษ ณ ะ เ ช่น นี้ ก าร เ ป รี ย บ เที ย บ ข้อ มู ล ต า ม แ น ว ตั้ ง ข อ ง ห ลั ก ลู ก ศ ร ผู้ประเมิน หลักสู ตรจะสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าการจัดการทั้ง 3ด้าน คือ ด้าน สิ่งที่มีมาก่อน กระบวนการในการสอน และผลที่เกิดขึ้นนั้นมีความสัมพันธ์กันถูกต้องหรือไม่ การวิเคราะห์ถึงความสอดคล้องกับความสัมพันธ์กันของหลักสูตรนี้จะเป็นแนวทางชี้ให้เห็นถึงข้อบก พร่องต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการปรับปรุงหลักสูตรเป็นอันมาก 9.2 รูปแบบของการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) แ ด เ นี ย ล แ อ ล ส ตั ฟ เ ฟิ ล บี ม ( Daniel L. Stufflebeam) ได้อธิบายความหมายของการประเมินผลทางการศึกษาเอาไว้ว่าเป็นกระบวนการการบรรยายการหาข้อมูล แ ล ะ ก า ร ใ ห้ ข้ อ มู ล เ พื่ อ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ห า ท า ง เ ลื อ ก ฉะนั้นรูปแบบการประเมินผลหลักสูตรตามแนวคิดขอลสตัฟเฟิลบีมจึงเป็นรูปแบบเหมาะสมแก่การช่วยตัดสินใ จเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด ตามปกติสถานการณ์ในการตัดสินใจ (DecisionSettingt) โดยทั่วไปจะประกอบด้วยมิติที่สาคัญ 2 ประการ คือ 1. มิติด้าน ข้อมูลที่มีอยู่ (Information Grasp) คือถ้าเราจะ ตัดสิ น ใจทาอะ ไรสักอย่าง เราจาเป็นต้องคานึงว่าเรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่มากน้อยเพียงใด ผลที่คาดหวัง นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นา ผลที่เกิดขึ้น ได้นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นา 20% และมีลักษณะความเป็นผู้ตาม 80% ผลที่คาดหวัง การสอนที่มีลักษณะเป็น The way Communication ผลที่เกิดขึ้น ครูส่วนใหญ่สอนโดยใช้ One way Communication และในเรื่องของกระบวนการในการสอนหรือสื่อสารข้อมูลสื่อสารปรากฏว่า
  • 20. 2. มิติ ด้ าน ป ริ ม าณ ค วา ม เป ลี่ ยน แ ป ล ง ที่ ต้อ ง ก า รใ ห้ เกิ ด ขึ้ น (Degree of Cange) คื อ ค ว า ม ห ม า ย ว่ า ถ้ า เ ร า จ ะ ตั ด สิ น ใ จ ท า อ ะ ไ ร สั ก อ ย่ า ง ห นึ่ ง เราต้องคานึงว่าเมื่อทาไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากน้อยสักแค่ไหน จากรูปแบบการประเมินผลหลักสูตรตามแนวคิดของสตัฟเฟิลบีมแสดงให้เห็นว่า 1. ส ถ าน ก า ร ณ์ ตัด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก าร ใ ห้ มีก าร เป ลี่ ย น แ ป ล ง เ พี ย ง เล็ ก น้ อ ย แต่ทว่าข้อมูลที่จะช่วยให้การตัดสินใจนั้นมีอยู่มากสถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Homeostatic 2. สถานการณ์ตัดสินใจที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยและข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจก็มีอยู่น้อย สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Incremental 3. ส ถ า น ก า ร ณ์ ตั ด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ มี ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ย่า ง ม า ก แต่ว่าข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจมีอยู่น้อย สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Neomobilistic 4. ส ถ า น ก า ร ณ์ ตั ด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ มี ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ย่า ง ม า ก และข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจก็มีอยู่มาก สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Metamorphism จ า ก ที่ ก ล่ า ว ม า จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ า การตัดสินใจนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตามก็จาเป็นต้องอาศัยข้อมูลเชิงประมาณ (Evaluation Data) ม า ช่ ว ย เ ป็ น พื้ น ฐ า น เ พ ร า ะ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ใ ด ๆ ของผู้บริหารที่ไม่ใช่ข้อมูลเชิงประมาณมาเป็นพื้นฐานในการหาทางเลือกย่อมเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการดาเนิ นงานตามทางเลือกนั้นอย่างมาก ส่ ว น ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ท า ง ก า ร ตั ด สิ น ใ จ นั้ น ไม่ว่าจะเป็ น เรื่องจะ จัดเนื้ อหาวิชาใน หลักสู ตรอย่างไรจะ จัดการเรียน การสอน ด้วยวิธีไห น จ ะ ใ ช้ สื่ อ ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น อ ะ ไ ร จ ะ จั ด กิ จ ก ร ร ม เ ส ริ ม ห ลั ก สู ต ร อ ะ ไ ร ถ้าพิ จารณ าใ น แง่ขอ ง วิธี การกับ ผลที่ เกิดขึ้ น และ สิ่ งที่ คาดห วัง กับสิ่ ง ที่ จะ เกิดขึ้ น จริ ง เราอาจจาแนกการตัดสินใจออกได้เป็น 4 ประเภท คือ (1) การตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผน Planning (4) การตัดสินใจเกี่ยวกับคุณสมบัติที่พึง ประสงค์ (Recyccling) สิ่งที่คาดหวัง สิ่งที่เป็นจริง ผลที่เกิดขึ้น