Ce diaporama a bien été signalé.
Le téléchargement de votre SlideShare est en cours. ×

คำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโต

Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Publicité
Chargement dans…3
×

Consultez-les par la suite

1 sur 10 Publicité

คำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโต

  1. 1. พระพุทธศาสนาเน้นลงเบื้องต้น​​กล่าวเรื่องไฟราคะดับยาก และก็ไหม้จิตใจแบบอบอวลนิ่มนวล​​เหมือนไฟเผาถ่านที่อบไว้ จะบรรเทาและดับได้ก็เนื่องด้วยการพิจารณา​ร่างกาย ที่เปื่อยเน่า​​และสกปรก​โสมมให้เห็นชัด ทั้งกลิ่นและสี และลักษณะที่อยู่ให้เห็นเป็นของโสโครกจริงๆ จนเป็นนิมิตติดตาเนืองนิจแยบยล จนถอนอาลัยว่าสวยงามได้ในขันธสันดานดวงใจได้เด็ดขาด หลวง​ปู่​หล้า​​เ​ขม​ปัตโต
  2. 2. แม้หนังโดยรอบที่ยืมมาจากธาตุดิน​​น้า​​ไฟ​​ลม ก็จะได้ส่งคืนให้ดิน​​น้า​​ไฟ​​ลมอยู่ เพราะจะได้แตกสลายลงสู่ธาตุเดิมอยู่ ดินแตกไปเป็นดิน​​น้าแตกไปเป็นน้า​​ไฟแตกไปเป็นไฟ​​ ลมแตกไปเป็นลม​​ลงสู่มหาภูตธาตเดิมคงที่ ด้านกิเลสคือความหลงไม่รู้เท่าปัญหาของตน​​ ที่มาหลงดินหลงน้าหลงไฟหลงลม ก็จะได้มาสร้างดินสร้างน้าสร้างไฟสร้างลม เป็นเปรตเป็นผีเฝ้าดินเฝ้าน้าเฝ้าไฟเฝ้าลม ขันอยู่เหมือนนกเขาว่าของกู​​ของกู​​ของกูอยู่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับกรรมและผลของกรรมอีก หลวง​ปู่​หล้า​​เ​ขม​ปัตโต
  3. 3. ใครเกิดมาในโลกนี้ ไม่เป็นทุกข์ใจไม่มีเลย (เว้นพระอรหันต์เสีย) พระโสดาบัน เว้นทุกข์ใจไปเป็นเอกเทศแล้ว​ และส่วนที่เว้นนั้น​ไม่กลับมาทุกข์อีก ส่วนพระอรหันต์ เว้นโดยเด็ดขาดสิ้นเชิงแล้ว หลวงปู่หล้า​เขมปัตโต
  4. 4. อารมณ์วู่วามนั้น​หากบุคคลใดรู้ตัวก็ต้องถือว่า​เป็นคนมีปัญญาแล้ว และหากถ้ามันเห็นว่าไม่มีประโยชน์มันก็จะวางไปเอง แต่ถ้าหากเห็นว่า​มีประโยชน์มันก็วางไม่ได้ อย่างไรก็ตาม​มันจะถึงกับฆ่าหรือตีเขาหรือไม่ ข้อนี้ก็เป็นส่วนที่จะต้องรู้อีก ถ้ามันหมายจะฆ่าจะตีเขาก็ส่อแสดงให้เห็นว่ามันยังมีกิเลสมากอยู่ เรื่องนี้เราต้องพิจารณา หลวงปู่หล้า​เขมปัตโต
  5. 5. ใคร​ๆ​ในโลกนี้ก็เหมือนกัน ถ้าหากเห็นว่าโลภ​โกรธ​หลง​มันเป็นของอร่อยอยู่​ มันก็ลดละไม่ได้​มันต้องไปสังเวยเป็นอาหารของกิเลสต่อไป เรื่องความวู่วามโผงผางนี้​พระบรมศาสดากล่าวว่า เป็นตามนิสัยก็มี​เพราะบางคนอุปมาเหมือนน้าใสกลางขุ่นขอบ คือ​มารยาทไม่งามพูดจาโผงผาง​แต่จิตใจเป็นธรรมอยู่ บางคนเหมือนน้าใสทั้งขอบทั้งกลาง หมายความว่า​จิตใจก็เป็นธรรม​มารยาทก็เป็นธรรม ส่วนบางคนที่เหมือนน้าขุ่นทั้งกลางทั้งขอบ ก็หมายความว่า​จิตใจก็ไม่เป็นธรรม​คาพูดก็ไม่เป็นธรรม หลวงปู่หล้า​เขมปัตโต
  6. 6. ยกอุทาหรณ์​คนเราจะสะอาดหรือไม่สะอาดขาดตัวก็ตาม แต่ก็ต้องได้อาบน้าอยู่นั่นเอง​ถ้าไม่อาบน้าก็ยิ่งไปใหญ่​ เข้าสังคมใดๆก็ไม่ได้​ฉันใดก็ฉันนั้น​ ถ้าเราไม่ประพฤติศีลประพฤติธรรมแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะมาล้างหัวจิตหัวใจให้สะอาดได้ หลวงปู่หล้า​เขมปัตโต
  7. 7. ประโยชน์อะไรกับทรัพย์สินที่ตระหนี่ไว้ไม่ใช้ ประโยชน์อะไรกับมนตราที่ไม่ได้ท่องบ่น ประโยชน์อะไรกับจิตใจที่ไม่ได้อบรม ประโยชน์อะไรกับธรรมที่ไม่ได้ปฏิบัติ หลวงปู่หล้า​เขมปัตโต
  8. 8. ผู้พิจารณาไตรลักษณ์อยู่อย่างไม่มีกลางวันกลางคืนก็ดี​ หรือผู้พิจารณาเกิดดับอยู่​ไม่มีกลางวันกลางคืนก็ดี​ ท่านทั้งหลายเหล่านั้น​ คือผู้ที่ได้ถือกุญแจเปิดประตูพระนิพพานไว้ในกามือแล้ว​ นับว่าเป็นผู้รู้จักทางตรงสู่พระนิพพาน หลวงปู่หล้า​เขมปัตโต
  9. 9. ส่วนท่านที่ชอบไปทางโค้งย่อมยืนยันในนิมิต​ ติดอยู่ในนิมิตชนิดแกะไม่ค่อยออก​เพราะถือว่ามีรสชาติอร่อยมาก​ แต่ที่แท้นั้นก็คือยาเสพติดที่ทาให้ล่าช้าบนทางเดินสู่มรรคผล แบบชนิดที่ไม่รู้ตัวได้ง่ายๆ​เพราะจิตชั้นนี้ธรรมชั้นนี้​ ถือว่าเป็นมานะทิฏฐิที่แรงจัดอยู่​จึงไม่ได้เป็นของง่าย​ มิหนาซ้าผู้ที่ชอบทางโค้งนั้นยังคิดกล่าวตู่ผู้ไปตักเตือนในใจว่า​ ภาวนาไม่ละเอียดเท่าตัวเลยมีแต่พูดเฉยๆ​ เคยได้เห็นมาหลายท่านแล้ว​ลงท้ายก็ลาสิกขาไปหาอามิสตามเดิม หลวงปู่หล้า​เขมปัตโต
  10. 10. การพิจารณาจะพิจารณาอะไร​ก็ไม่ต้องสงสัย​ส่งส่ายไปตั้งเป้าหมายที่อื่น​ นอกจากปัจจุบันจิต​ปัจจุบันธรรม​อดีตก็ผ่านไปแล้ว​จบสิ้นไป แล้วอนาคตก็ยังมาไม่ถึง​ถ้าจะเป็นตัวเลขในบัญชี​ ก็คือสิ่งที่ยังไม่ปรากฏจริงในบัญชีจะไปคิดคานึงก็ไม่เป็นตัวเลขในบัญชีจริง​ ควรจะรู้ชัดกับสิ่งที่มี​สิ่งที่ปรากฏให้ถ่องแท้​อบรมปัจจุบันจิตให้ดี​ อย่าหลงเป้า​ปฏิบัติให้ต่อเนื่อง​พิจารณาให้ต่อเนื่อง แล้วผลก็คงปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง​ จะว่าธรรมปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ได้​ ปฏิบัติได้ละเอียด​ธรรมก็ย่อมจะปรากฏละเอียด​ แล้วแต่ระดับของการปฏิบัตินั้นๆ หลวงปู่หล้า​เขมปัตโต

×